ทำนองนาง / ผู้แต่ง ; อวี๋ฉิง
สำนักพิมพ์ แจ่มใส
คำโปรยหลังปก
ขับขานบทเพลงขอความรัก
เคียงคู่คล้องใจภักดิ์ ตราบสิ้นชีวา ....
เพราะความใฝ่รู้ที่นางมีมาตั้งแต่เด็ก
ทำให้เฉลียวฉลาดเกินใคร จนได้เป็นราชบัณฑิตหญิง
แต่ความเคารพและการยอมรับในความสามารถก็เรื่องหนึ่ง
ความไม่ชอบใจในความเย่อหยิ่งและความเย็นชาของนางก็อีกเรื่องหนึ่ง
ทว่าสำหรับเขาที่เฝ้ามองนางมาโดยตลอด
เขาชื่นชอบในความเย็นชา ไม่หวั่นเกรงใครของนางเช่นนี้
แต่โชคชะตากลับไม่เป็นใจ
ในฐานะองค์ชาย เขาไม่สามารถเข้าไปอยู่ในสายตานางได้
หากจะเข้าไปอยู่ในสายตา .. มีแต่จะต้องเป็นชายบำเรอของนางเท่านั้น
จากจุดสูงสุดเหนือผู้คน เขาจะทนลงมาอยู่จุดต้อยต่ำ
มากด้วยสายตาดูแคลนได้อย่างไร!
ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
‘ ทำนองนาง ‘ เป็นเรื่องของ ‘สีจื๋อ’
พี่สาวของ ‘สีต๋า’ จากเรื่องหลงเงานาง
เป็นเรื่องต้นที่กล่าวถึงแซ่สีของทั้ง 4 แคว้น คือซีเสียน ต้าเว่ย เป่ยถัง (ในเรื่องมายานาง)
และหนานหลิง (ในเรื่องจารจำนาง) เนื้อเรื่องอ่านแยกกันได้ไม่เกี่ยวกันเป็นคนละช่วงเวลา
แต่ถ้าอ่านไล่กันจะต้องเริ่มจากหลงเงานาง ตามด้วยจารจำนางและมายานาง
ส่วนเรื่องทำนองนางจะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับหลงเงานาง
เป็นเรื่องต้นที่กล่าวถึงแซ่สีของทั้ง 4 แคว้น คือซีเสียน ต้าเว่ย เป่ยถัง (ในเรื่องมายานาง)
และหนานหลิง (ในเรื่องจารจำนาง) เนื้อเรื่องอ่านแยกกันได้ไม่เกี่ยวกันเป็นคนละช่วงเวลา
แต่ถ้าอ่านไล่กันจะต้องเริ่มจากหลงเงานาง ตามด้วยจารจำนางและมายานาง
ส่วนเรื่องทำนองนางจะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับหลงเงานาง
เรื่องนี้เป็นเรื่องของสีจื๋อโดยเฉพาะ ราชบัณฑิตหญิงแห่งซีเสียนที่ได้รับการยอมรับยกย่องเชิดชู
จากจักรพรรดิและราชบัณฑิตเกือบทุกแว่นแคว้น ตอนเด็กมีคนทำนายไว้ว่านางจะเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกแคว้นและนำพาชื่อเสียงมาสู่ซีเสียน ผิดกับสีต๋าที่ถูกทำนายว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขและราบรื่น
ดังนั้นในสายตาของจักรพรรดิจึงเห็นสีจื๋อเป็นคนสำคัญ แคว้นซีเสียนไม่มีนางไม่ได้
แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดระแวงนางด้วย จนต้องคอยส่งคนไปจับตาดูอยู่ตลอด
จากจักรพรรดิและราชบัณฑิตเกือบทุกแว่นแคว้น ตอนเด็กมีคนทำนายไว้ว่านางจะเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกแคว้นและนำพาชื่อเสียงมาสู่ซีเสียน ผิดกับสีต๋าที่ถูกทำนายว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขและราบรื่น
ดังนั้นในสายตาของจักรพรรดิจึงเห็นสีจื๋อเป็นคนสำคัญ แคว้นซีเสียนไม่มีนางไม่ได้
แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดระแวงนางด้วย จนต้องคอยส่งคนไปจับตาดูอยู่ตลอด
ในเรื่องหลงเงานางเรายังไม่เห็นนิสัยของสีจื๋อมากนัก รู้แต่ว่านางเป็นคนฉลาด สุขุม เยือกเย็น
พอมาเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องของนางเอง นิสัยของนางถ้าจะใช้คำสั้นๆ ก็คือ ‘นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง‘
นิสัยของสีจื๋อถ้าจะใช้คำยุคปัจจุบันมาอธิบายก็คงเหมือนนักวิทยาศาสตร์น่ะ
นางมักจะหมกมุ่นสนใจใคร่รู้อยู่ตลอดเวลา ไม่สนใจคนรอบข้างหรืออะไรที่ไม่เกี่ยวกับการค้นคว้าทดลองอะไรที่เห็นว่าไม่สำคัญก็ไม่สนใจ สนใจแต่หาความรู้ใหม่ๆ วิเคราะห์แก้ปัญหาเท่านั้นจริงๆ
ใครๆ ถึงได้คิดว่านางเป็นคนไม่มีหัวใจ ไร้ความรู้สึก
นิสัยของสีจื๋อถ้าจะใช้คำยุคปัจจุบันมาอธิบายก็คงเหมือนนักวิทยาศาสตร์น่ะ
นางมักจะหมกมุ่นสนใจใคร่รู้อยู่ตลอดเวลา ไม่สนใจคนรอบข้างหรืออะไรที่ไม่เกี่ยวกับการค้นคว้าทดลองอะไรที่เห็นว่าไม่สำคัญก็ไม่สนใจ สนใจแต่หาความรู้ใหม่ๆ วิเคราะห์แก้ปัญหาเท่านั้นจริงๆ
ใครๆ ถึงได้คิดว่านางเป็นคนไม่มีหัวใจ ไร้ความรู้สึก
พระเอกเป็นองค์ชายรองของแคว้นซีเสียน เพราะแย่งชิงบัลลังก์ไม่สำเร็จเลยถูกจับ
และกลายมาเป็นคนในเรือนชั้นใน (ประมาณชายบำเรอ) ของสีจื๋อ ......
พระเอกแต่เดิมเป็นองค์ชายที่อ่อนโยน แต่เพราะแม่ตายเลยเปลี่ยนเป็นคนละคน
กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน โหดเหี้ยม เอาแต่ใจ ไม่พอใจใครก็สั่งฆ่า
ในเรื่องหลงเงานางพี่แกมักแสดงให้ใครๆ เห็นว่าตนคลั่งไคล้สีต๋ามาก อยากได้มาครอบครอง
จนถึงขนาดส่งทหารไปบุกชิงตัวนางมาจาก ‘หลี่หญงจื้อ’ ในขณะที่กำลังจะข้ามไปต้าเว่ย
แม้แต่นางเอกเองก็เข้าใจว่าพระเอกหลงรักน้องสาวตัวเองเช่นกัน คิดว่าพระเอกคงเกลียดตัวเองจนอยากให้ตายๆ ไปซะ และเห็นนางเป็นเพียงตัวแทนของน้องสาวเท่านั้น
และกลายมาเป็นคนในเรือนชั้นใน (ประมาณชายบำเรอ) ของสีจื๋อ ......
พระเอกแต่เดิมเป็นองค์ชายที่อ่อนโยน แต่เพราะแม่ตายเลยเปลี่ยนเป็นคนละคน
กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน โหดเหี้ยม เอาแต่ใจ ไม่พอใจใครก็สั่งฆ่า
ในเรื่องหลงเงานางพี่แกมักแสดงให้ใครๆ เห็นว่าตนคลั่งไคล้สีต๋ามาก อยากได้มาครอบครอง
จนถึงขนาดส่งทหารไปบุกชิงตัวนางมาจาก ‘หลี่หญงจื้อ’ ในขณะที่กำลังจะข้ามไปต้าเว่ย
แม้แต่นางเอกเองก็เข้าใจว่าพระเอกหลงรักน้องสาวตัวเองเช่นกัน คิดว่าพระเอกคงเกลียดตัวเองจนอยากให้ตายๆ ไปซะ และเห็นนางเป็นเพียงตัวแทนของน้องสาวเท่านั้น
เรื่องนี้เราอ่านแล้วเฉยๆ อ่านได้เรื่อยๆ ไม่ถึงขนาดวางไม่ลง
......
หลักๆ ก็เป็นเรื่องอาการปวดหัวเรื้อรังของนางเอกที่นับวันจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
กับนิสัยของนางอะที่เป็นคนฉลาดมาก โดยเฉพาะเรื่องที่ตัวเองสนใจอยากรู้ นอกนั้นสอบตกหมด
ไม่ต้องพูดถึงการเข้าสังคม เรื่องปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างอันนั้นยิ่งแย่
นางมักจะอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่สนใจใครทั้งนั้น คนสนิทที่อยู่กับตัวเองมาเกือบสิบปีชื่อ-แซ่อะไร ยังตอบไม่ได้เลย ในสมองมีแต่การขบคิด วิเคราะห์ปัญหา แก้โจทย์ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอย่างอื่น เรื่องส่วนตัวชีวิตประจำวันถ้าไม่มีคนคอยดูแล เรื่องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็คงอยู่แบบนั้นแหละ ข้าวปลาถ้าไม่มีใครหาให้ก็อาจไม่ได้กิน
หลักๆ ก็เป็นเรื่องอาการปวดหัวเรื้อรังของนางเอกที่นับวันจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
กับนิสัยของนางอะที่เป็นคนฉลาดมาก โดยเฉพาะเรื่องที่ตัวเองสนใจอยากรู้ นอกนั้นสอบตกหมด
ไม่ต้องพูดถึงการเข้าสังคม เรื่องปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างอันนั้นยิ่งแย่
นางมักจะอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่สนใจใครทั้งนั้น คนสนิทที่อยู่กับตัวเองมาเกือบสิบปีชื่อ-แซ่อะไร ยังตอบไม่ได้เลย ในสมองมีแต่การขบคิด วิเคราะห์ปัญหา แก้โจทย์ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอย่างอื่น เรื่องส่วนตัวชีวิตประจำวันถ้าไม่มีคนคอยดูแล เรื่องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็คงอยู่แบบนั้นแหละ ข้าวปลาถ้าไม่มีใครหาให้ก็อาจไม่ได้กิน
ถ้านางไม่ใช่ ‘ซีเสียนสีจื๋อ‘ จะใช้ชีวิตแบบไม่สนโลกแบบนี้ได้ไหมเนี่ย
ถ้าคนสนิทนางไม่ใช่ทาสที่มาจากชนชั้นสูงจะดูแลนางได้ดีขนาดนี้มั้ย?
นิสัยแบบนี้รู้สึกสงสารคนรอบข้างนะ คนรอบข้างนี่แหละที่เหนื่อยสุด เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
แถมยังต้องพยายามทำความเข้าใจตัวนางเองอยู่ตลอด จะโมโห+โกรธก็ไม่ได้ แสดงความไม่พอใจออกมาก็ไม่ได้ ถามมากก็ไม่ได้ ดังนั้นกว่าพระ-นางจะลงเอยกันได้ก็ปาไปสามสิบและ
ก็นิสัยของแต่ละคนมันช่าง... คนหนึ่งก็ศักดิ์ศรีค้ำคอเป็นองค์ชายเอาแต่ใจ ปากหนัก
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย รักก็บอกว่าเกลียด แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ปากไม่ตรงกับใจ
ส่วนอีกคนก็แบบนั้นแหละ กว่าจะลงเอยกันได้มันเลยใช้เวลาเยอะหน่อย
ถ้าคนสนิทนางไม่ใช่ทาสที่มาจากชนชั้นสูงจะดูแลนางได้ดีขนาดนี้มั้ย?
นิสัยแบบนี้รู้สึกสงสารคนรอบข้างนะ คนรอบข้างนี่แหละที่เหนื่อยสุด เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
แถมยังต้องพยายามทำความเข้าใจตัวนางเองอยู่ตลอด จะโมโห+โกรธก็ไม่ได้ แสดงความไม่พอใจออกมาก็ไม่ได้ ถามมากก็ไม่ได้ ดังนั้นกว่าพระ-นางจะลงเอยกันได้ก็ปาไปสามสิบและ
ก็นิสัยของแต่ละคนมันช่าง... คนหนึ่งก็ศักดิ์ศรีค้ำคอเป็นองค์ชายเอาแต่ใจ ปากหนัก
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย รักก็บอกว่าเกลียด แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ปากไม่ตรงกับใจ
ส่วนอีกคนก็แบบนั้นแหละ กว่าจะลงเอยกันได้มันเลยใช้เวลาเยอะหน่อย
อ่านจบบางเรื่องเราว่าก็ยังไม่เคลียร์เท่าไร คือหลายเรื่องน่าจะเขียนได้ต่อนะ
อุตส่าห์คิดมาตั้งนานพอนางเอกบอก “ ข้ายอมแพ้ ” ก็จบเลย ....อารายว๊า T^T
แล้วยังไม่รู้เลยว่าตกลงหมอซุนสือหยางนี่เป็นไผ? มาจากที่ใด? เหมือนจะปูเรื่องมาให้แกเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่เฉลยแฮะ แล้วเรื่องคณะแสดงที่อยู่ในเขานั้นอีกที่ไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกเขาแบ่งแยกดินแดนออกเป็นแคว้นต่างๆ แล้ว...ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวก็คงมีบอกตอนที่พวกนางเอกเดินทางไปเขานั้นด้วย เพราะดูแล้วที่นั่นคงมีคำตอบสำหรับอะไรหลายๆ อย่าง
แต่สุดท้ายยังไม่ได้ไป ดันไปตอนหลังซึ่งนักเขียนไม่ได้เขียนบรรยายไว้อะ............
พวกนางเอกคงรู้แต่คนอ่านไม่รู้อะ ล้าลาลา ~ ~ ~ T^T
อุตส่าห์คิดมาตั้งนานพอนางเอกบอก “ ข้ายอมแพ้ ” ก็จบเลย ....อารายว๊า T^T
แล้วยังไม่รู้เลยว่าตกลงหมอซุนสือหยางนี่เป็นไผ? มาจากที่ใด? เหมือนจะปูเรื่องมาให้แกเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่เฉลยแฮะ แล้วเรื่องคณะแสดงที่อยู่ในเขานั้นอีกที่ไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกเขาแบ่งแยกดินแดนออกเป็นแคว้นต่างๆ แล้ว...ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวก็คงมีบอกตอนที่พวกนางเอกเดินทางไปเขานั้นด้วย เพราะดูแล้วที่นั่นคงมีคำตอบสำหรับอะไรหลายๆ อย่าง
แต่สุดท้ายยังไม่ได้ไป ดันไปตอนหลังซึ่งนักเขียนไม่ได้เขียนบรรยายไว้อะ............
พวกนางเอกคงรู้แต่คนอ่านไม่รู้อะ ล้าลาลา ~ ~ ~ T^T
555 อ่านแล้วรู้สึกตรงใจกับคุณมากเลยค่ะ แต่ทำไมไม่รู้ มันสัมผัสเสน่ห์แปลกๆของพระนางคู่นี้ได้ เวลานึกหน้าพระเอกที่เป็นคนฉุนเฉียว มองนางเอกเวลาซึนๆ มันขำมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณนะคะที่รีวิวให้ค่ะ
เรื่องนี้มองความรู้สึกของพระเอกออกว่ารักนางเอกมากแค่ไหน แต่นางเอกนี่ช่าง 55+
ลบ555 อ่านแล้วรู้สึกตรงใจกับคุณมากเลยค่ะ แต่ทำไมไม่รู้ มันสัมผัสเสน่ห์แปลกๆของพระนางคู่นี้ได้ เวลานึกหน้าพระเอกที่เป็นคนฉุนเฉียว มองนางเอกเวลาซึนๆ มันขำมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณนะคะที่รีวิวให้ค่ะ