วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ออกจากจวนมาไขคดี เล่ม 3-4

 


ออกจากจวนมาไขคดี เล่ม 3-4  (10 เล่มจบ) 
ผู้แต่ง : เหยาจี้ซาน
ผู้แปล : สนสราญ
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ต่อจากเล่มที่แล้ว นางเอกกับแม่และพี่ชาย เดินทางออกจากเมืองหลวงติดตามไปกับบ้านของท่านลุง(พี่ชายแม่) ที่จะไปรับตำแหน่งใหม่ที่ต่างเมือง เพื่อไปเยี่ยมท่านยายและใช้โอกาสนี้หลบหลีกความพิโรธขององค์หญิงใหญ่ ระหว่างทางได้เจอกับกลุ่มผู้อพยพที่หนีภัยมา รวมถึงชาวบ้านที่ถูกเอารัดเอาเปรียบกดขี่มานานหลายปี ต้องใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก พยายามแค่ไหนชีวิตก็ไม่ดีขึ้น ฉากหน้าของท่านลุงนางเอกคือการพาทุกคนมาแวะพักผ่อน แต่ฉากหลังคือการสืบหาความจริงผู้ที่อยู่เบื้องหลังความลำบากของชาวบ้าน รวมไปจนถึงการโกงกินเงินทองที่ราชสำนักส่งมาบรรเทาภัยพิบัติให้แก่ประชาชน เกี่ยวพันโยงใยกับหลายหน่วยหลายฝ่าย ทั้งเบื้องล่างเบื้องบน จนทำให้นางเอกและเหล่าญาติฝ่ายสตรีที่เดินทางมาด้วยกันต้องตกเป็นเป้าถูกกลุ่มโจรตามไล่ล่าสังหาร ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ท่ามกลางผู้คุ้มกันแค่สามคน! ...แต่ๆๆๆ ด้วยความฉลาดมีไหวพริบและการวางแผนระลอกแล้วระลอกเล่าของนางเอก จึงทำให้ทุกคนปลอดภัยไม่มีใครต้องจบชีวิตลงระหว่างที่หนีตาย ...สุดยอดไหมล่ะพี่จ๋าาา โจรจากสามสิบแต่เจอนางเอกวางแผนหลอกล่อขุดหลุมพรางจนเหลือแค่หกคน! แถมต่อจากนั้นยังได้ช่วยพระเอกคิดหาวิธีเข้าไปในสถานที่ที่มีค่ายกลอำพรางตาอีกด้วยนะจ๊ะ ...เก่งอะไรเบอร์นั้น ไขคดีก็ว่าเก่งแล้ว วางแผนปราบโจรก็ยังได้ เรื่องค่ายกลก็ยังไหว แถมยังสร้างเครื่องสกัดน้ำมันหอมระเหยได้อีกด้วยนะจ๊ะ (นางเอกบอกว่าตอนเกิดในชาติปัจจุบันจน ไม่มีตังค์ซื้อน้ำหอมมาใช้ เลยไปอ่านวิธีทำเครื่องสกัดน้ำมันหอมระเหย สุดยอดดด ว่าแต่...มันไม่มีวิธีที่ง่ายกว่านั้นแล้วรึ) 

ส่วนตัวรู้สึกว่าเนื้อเรื่องเริ่มเจ้มจ้นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีคนอยู่เบื้องหลังคอยชักใยวางแผนทำลายนางเอกทั้งทางตรงทางอ้อมอยู่ตลอด(รวมถึงคนรอบตัวนางด้วย) อย่างเรื่องปราบกลุ่มโจรที่นางเอกเอาชนะและรอดมาได้ แต่ไม่นานก็กลับถูกคนปล่อยข่าวใส่ร้ายให้กลายเป็นเรื่องแย่ๆ ทำลายชื่อเสียงของนางเอกและสตรีทุกคนที่อยู่ที่นั่นไปซะได้ จนทำให้ญาติผู้น้องของนางเอกถูกยกเลิกการหมั้นหมาย ส่วนพวกคุณหนู สตรีสูงศักดิ์อื่นๆ ในเมืองที่นางเอกไปถึงก็พากันรังเกียจดูถูกไม่อยากคบหาสมาคมกับพวกนาง ตอนแรกนางเอกไม่รู้ แต่ไปได้ยินคนนินทาตัวเองเข้าพอดี นางเลยโผล่หน้าไปประจันกับฝ่ายนั้นตรงๆ อิฝ่ายที่นินทาถูกจับได้ก็ไม่สลด ยังเชิดหน้าพูดแซะเขาไม่หยุด คิดว่านางเอกจะหน้าบาง ต้องเป็นฝ่ายอับอายแล้วถอยไปเอง ต้องยอมรับคำประณามอย่างเงียบๆ อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไม่กล้าสู้หน้าใครไปตลอดชีวิต

แต่นางเอกคือไม่จ้าาา ฉันไม่ได้ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องอาย ทำไมฉันต้องหลบ ยกกฏหมายของแคว้นมาฟาดกลับนิ่มๆ  ไม่โมโหไม่โวยวายแค่เตรียมฟ้องกลับอย่างเดียว ใครทำอะไรผิดก็ว่ากันไปตามกฏหมาย เอาให้ศาลตัดสินไปเลย พอใครได้ยินแบบนี้ก็อึ้งสิ ปากหุบลงทันทีไม่กล้าไปต่อ เพราะสตรีในยุคโบราณส่วนใหญ่ถือชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าชีวิต รักหน้าตารักชื่อเสียงของตัวเองยิ่งชีพ หากถูกฟ้องร้องหรือมีเรื่องไปถึงโรงถึงศาลจะผิดจะถูกไม่รู้ แต่แค่ต้องเดินเข้าศาลมันก็ทำให้อับอายขายขี้หน้าจนไม่อาจออกไปพบเจอใครได้แล้ว จากที่จะทำให้นางเอกอาย เลยกลายเป็นตัวเองนั่นแหละต้องอายแทน...

ความจริงอ่านมาหลายๆ เรื่องก็พอจะรู้แล้วว่าชื่อเสียงของสตรีโดยเฉพาะสตรีในยุคโบราณนั้นสำคัญมากแค่ไหน ในเรื่องนี้ยิ่งเห็นชัด เพราะมีสตรีหลายคนในเรื่องที่ถูกทำลายชื่อเสียง หรือชื่อเสียงเสียหายจากสาเหตุต่างๆ และสุดท้ายก็ถูกบีบให้ต้องตาย หรืออยู่โดยไม่มีทางเลือกมากนักไม่ต่างจากตายทั้งเป็น เช่นถูกขับไปอยู่ที่อื่น หรือไม่ก็ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้าน ออกไปไหนไม่ได้จนกระทั่งวันตาย หรือไม่ก็ถูกกดดันบีบให้ต้องตายทางอ้อม ...นางเอกตระหนักถึงจุดนี้ เลยอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยผู้หญิงในยุคนี้ ก็เลยขอฮ่องเต้สร้างสถานศึกษาสำหรับสตรี และขอสร้างสถานที่พำนักให้แก่สตรี เด็ก และคนชราที่ไม่มีที่ไป ที่ชื่อเสียงเสียหาย ถูกคนในครอบครัวขับไล่และบลาๆ ให้คนเหล่านี้ได้มีที่พึ่งพิง เพราะรู้ดีว่าสตรีในยุคสมัยนี้ถูกกดขี่มากขนาดไหน ต่อให้ชื่อเสียงยังดีๆ แต่ชีวิตก็ไม่ได้มีทางเลือกมากสักเท่าไร นางเอกเลยอยากสร้างสถานศึกษามอบความรู้ต่างๆ เพื่อให้ผู้หญิงในยุคนี้ได้มีทางเลือกที่มากขึ้น สามารถมีชีวิตอยู่และพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องเอาแต่อาศัยบุรุษ..

ปิดท้ายเล่มสี่ด้วยการที่นางเอกกับแม่ต้องเดินทางกลับเมืองหลวง(ซะแว้ววว) แต่เล่มนี้คดีที่พบศพในสระเริ่มมีความคืบหน้าแล้วนะ ลุ้นอยู่ว่าคนร้ายจะใช่คนเดียวกับที่เราคิดรึเปล่า อีกอย่าง เดาว่าการแต่งงานขององค์หญิงใหญ่กับราชบุตรเขยนี่คงไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิดแน่ๆ ต้องมีใครทำอะไรตุกติกแน่นอน เผลอๆ เมียคนแรกของราชบุตรเขยที่ตายไปก็ไม่น่าจะป่วยตายหรอก(มั้ง) คือปมเยอะได้อีก ของเก่ายังไม่เฉลยของใหม่ก็มาอีกแล้วนะจ๊ะ แถมยังมีเรื่องพ่อนางเอกที่กลับมาแล้วอีกด้วย ... 

ป.ล.เราว่าเรื่องนี้บทของตัวละครหญิงค่อนข้างเด่นกว่าผู้ชายนะ  ถึงพระเอกมีบทเยอะขึ้นแต่ส่วนตัวเราว่ายังไงก็ยังจาง เด่นไม่พอ สู้นางเอกไม่ได้อยู่ดีอะ

ป.ล. เล่มนี้พระเอกเหมือนจะเริ่มเหมือนรู้สึกอะไรกับนางเอกแล้วน๊าาา

ป.ล. ส่วนตัวชอบนะ เนื้อเรื่องไม่หนักและก็ไม่เบาจนเกินไป มีอะไรใหม่ๆ โผล่มาให้สงสัยอยู่เรื่อยๆ ปริศนาเยอะเดาทางไม่ออก เรื่องไขคดีก็สนุก การเมืองในราชสำนักก็ซับซ้อน เรื่องในเรือนหลังก็มัน (สตรีในเรือนหลังด่ากันทีวาจาคมกริบยิ่งกว่าใบมีด ด่ากันแบบผู้ดีแต่เจ็บจี๊ดถึงทรวง 55) 




วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Our Secret รักในความลับ 2 เล่มจบ

 


Our Secret รักในความลับ 2 เล่มจบ
ผู้แต่ง : เอ่อร์ตงทู่จื่อ (耳东兔子)
ผู้แปล : อันน่า
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ถ้าใครเคยอ่าน 'ให้รักนี้มีแต่ความหวาน' แล้วชอบ ขอแนะนำให้อ่านเรื่องนี้ต่อเลยจ้า ^0^ เป็นแนวรักใสๆ ในวัยเรียนวัยมัธยม แอบชอบแอบรักเพื่อนข้างโต๊ะ ที่ทั้งอยากให้เขารู้และไม่อยากให้เขารู้ เนื้อเรื่องน่ารัก สนุก ไม่น่าเบื่อเลย บางช่วงแอบหน่วง บางช่วงก็ซึ้ง อยากเอาใจช่วยให้ทั้งคู่ได้สมหวัง แถมยังมีฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักฟินๆ ของพระนางเต็มไปหมด แล้วก็ไม่ได้มีแต่เรื่องรัก แต่ยังมีเรื่องการเรียน การสอบเข้ามหา'ลัย การต่อสู้และรับมือกับปัญหาต่างๆ ในช่วงชีวิตวัยรุ่น รวมถึงปมปัญหาในครอบครัวด้วย ที่ทำให้เราต้องซึ้งและอาจเศร้าจนเสียน้ำตาT^T

นางเอก ติงเซี่ยน สาวน้อยที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนชั้นม.ปลายในปักกิ่ง และกลายมาเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงรวมถึงเพื่อนร่วมโต๊ะของพระเอก โจวซือเยวี่ย เด็กหนุ่มรูปหล่อสูงใหญ่ ฉลาด หัวดี มากความสามารถ เทพแห่งวิชาคณิตศาสตร์ นิสัยร่าเริง กวนๆ (กับนางเอก) เป็นกันเองเข้ากับคนง่าย มีแต่คนอยากเข้าหาอยากเป็นเพื่อนด้วย พระ-นางเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกัน พระเอกชอบที่ได้นั่งกับนางเอก เพราะนางเอกเชื่อฟัง พูดง่าย ไม่ถามอะไรจุกจิก นั่งด้วยแล้วสบายใจไม่เครียด ส่วนนางเอกนั้นเพราะชอบบบบบพระเอกล้วนๆ ชอบจนไม่อยากย้ายที่ และก็ไม่อยากให้ใครมาเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของพระเอกนอกจากตัวเอง55

แต่ด้วยความที่นางเอกเติบโตมาแบบเข้มงวด ชีวิตถูกควบคุมโดยแม่มาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต ขนาดจะตัดผมหน้าม้ายังต้องคิดแล้วคิดอีกเพราะกลัวแม่จะว่า  นางเอกจึงเป็นคนขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ และไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะให้พระเอกรู้ว่าตัวเองชอบ เพราะกลัวจะไปสร้างภาระหรือทำให้พระเอกลำบากใจ กลัวพระเอกไม่ได้คิดอะไรกับเธอ กลัวว่าเดี๋ยวจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีก พยายามปกปิด คิดจะเลิกชอบ แต่สุดท้ายก็ไม่เคยทำได้ มีแต่จะยิ่งชอบมากยิ่งขึ้น ส่วนพระเอกก็ค่อยๆ มารู้ใจตัวเองทีหลัง แต่ก็พยายามยับยั้งชั่งใจ ไม่ทำอะไรข้ามเส้น เพราะรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเรียนและการสอบเข้ามหา'ลัย แม้จะเดาความในใจของนางเอกออกตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่เคยเปิดโปง...

แต่ถึงทั้งคู่จะยังไม่ได้คบกัน ยังคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่การกระทำหลายๆ อย่างก็ทำเราแอบยิ้มตามได้(แอบกรี๊ดเบาๆ)  เป็นเรื่องที่แบบไม่ต้องมีคำบอกรักหวานๆ แต่ก็รู้แล้วว่าต่างคนต่างชอบกัน ถึงพระเอกจะเป็นคนเฟรนด์ลี่ ไม่ถือตัวไม่หยิ่ง  แต่ก็ไม่ได้ใจดีและสนิทกับผู้หญิงคนไหนพร่ำเพรื่อเน้อ และแน่นอน...นางเอกก็คือผู้หญิงคนเดียวที่พระเอกตามใจ ยอมอ่อนข้อให้ เป็นคนเดียวที่พระเอกชอบแกล้งชอบแหย่ พูดง่ายๆ คือปฏิบัติแตกต่างจากคนอื่น 

เนื้อเรื่องเล่มแรกจะอยู่ที่โรงเรียนกับบ้าน เริ่มตั้งแต่ ม.4 จนจบ ม.6 ...ตอนอยู่โรงเรียนเก่าผลการเรียนนางเอกเป็นที่ 1 มีแต่ครูชม แต่พอมาอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีแต่คนเก่งๆ การเรียนเริ่มยากขึ้น ผลการเรียนจึงเริ่มตกโดยเฉพาะวิชาเลข พระเอกที่เป็นเพื่อนข้างโต๊ะ เพื่อนแถวบ้าน เลยต้องรับบทเป็นติวเตอร์ช่วยสอนวิชาเลขให้นางเอกไปด้วยทั้งๆ ที่ตัวเองก็ต้องฝึกทำโจทย์เพื่อไปแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิก...คือชอบอะไรแบบนี้อะ ตั้งแต่เรื่องให้รักนี้มีแต่ความหวานและ เนี่ยมันต้องแบบนี้สิ จะชอบกันยังไงก็ต้องไม่ทิ้งการเรียน เรื่องเรียนต้องมาก่อน ต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้าไม่ใช่พากันถอยหลัง ในเรื่องให้รักนี้มีแต่ความหวานอันนั้นนางเอกก็เป็นคนฉุดพระเอกขึ้นมา จากเด็กอันดับท้ายๆ หัวโจกของโรงเรียนก็ค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาจนติดอันดับ 1-10 ของโรงเรียนเลย

แต่พระเอกนางเอกคู่นี้จะออกแนวสี่วันดีสามวันทะเลาะกัน55 เดี๋ยวดีเดี๋ยวงอน บางทีก็มีเรื่องมาทำให้เข้าใจผิดแล้วก็งอนไม่พูดกันเป็นเดือน แต่สุดท้ายก็กลับมาดีกันใหม่ อย่างเรื่องที่มีเพื่อนผู้หญิงชอบมาหาพระเอกที่โต๊ะบ่อยๆ เพื่อขอให้สอนเลข นางเอกก็เชิงหึงๆ เลยคิดจะสลับที่นั่งให้เขานั่งสอนกันดีๆ แต่พระเอกดันพูดใส่ว่าถ้าย้ายไปก็ไม่ต้องกลับมาอีก...นางเอกก็เลยโกรธ ก็แค่กะสลับชั่วคราวให้สอนเฉยๆ ทำไมต้องพูดแบบนี้ งั้นไม่กลับก็ได้ จนสุดท้ายพระเอกก็ยอมลงให้ บอกให้นางเอกกลับมานั่งที่เดิมได้แล้ว...แล้วก็เรื่องที่มีคนฝากจดหมายรักมาให้พระเอก แต่เพื่อนสนิทนางเอกบอกให้ฉีกทิ้งไม่ต้องส่ง ก็เลยยื้อยุดกันจนจดหมายขาด นางเอกเลยต้องไปนั่งลอกใหม่แล้วแอบเอาไปใส่ใต้โต๊ะพระเอก พระเอกเห็นลายมือก็รู้เลยว่าใครเขียน เลยเก็บจดหมายไว้ไม่โยนทิ้งแต่ก็ไม่ได้อ่าน (ปกติพระเอกจะทิ้งเลยไม่เปิดอ่าน) พอมาอ่านถึงรู้ว่าเป็นของคนอื่น เลยโกรธนางเอกมาก เพื่อนสนิทก็โกรธพระเอกก็โกรธ ไม่มีใครพูดกับนางเอกเลย นางเอกเคว้งคว้างมากช่วงนั้น ตอนลาไปทำธุระเลยไม่ได้บอกใคร พอมาโรงเรียนพระเอกกับเพื่อนก็ตกใจว่านางเอกหายไปไหนทำไมไม่มา เริ่มรู้สึกผิด ...จากนั้นก็มีตอนที่พระเอกหึงนางเอกแต่ไม่รู้ตัว เลยเย็นชาทำมึนตึงใส่เขา นางเอกก็งงว่าพระเอกเป็นไร ไปๆ มาๆ ทั้งสองคนเลยทำสงครามเย็นใส่กันเป็นเดือน จนมาถึงงานวันเกิดเพื่อนนางเอก ตอนแรกพระเอกไม่ไป แต่พอเห็นรูปที่นางเอกใส่กระโปรงก็รีบโดดจากค่ายออกมาเลยจ้า 55...

จากนั้นความสัมพันธ์ก็เหมือนจะชัดเจนขึ้น ยิ่งตอนที่พระเอกทำสีหน้าจริงจังแล้วพูดขอร้องให้นางเอกมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับตัวเอง ถึงไม่ใช่การบอกรักตรงๆ แต่ก็เหมือนสารภาพกรายๆ อะ พอเล่ม 2 เป็นช่วงเข้ามหา'ลัย บ้านพระเอกเจอมรสุม ทำให้พระเอกหายไปไม่ได้ติดต่อนางเอกนานถึง 1 ปีเต็ม นิสัยก็เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชาเงียบขรึม พูดน้อย ถอยห่างจากผู้คน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ขนาดนางเอกตามมาหาถึงที่ก็ยังถูกปฏิเสธทันที...

แต่นางเอกก็ไม่ยอมแพ้ เพราะไม่ใช่แต่พระเอกที่เปลี่ยนไป นางเอกก็เปลี่ยนจ้า แต่เปลี่ยนเป็นกล้าหาญ ร่าเริงสดใส เข้มแข็งขึ้น! หากในเล่มแรกพระเอกคือแสงสว่างของนางเอก ในเล่มนี้นางเอกก็คือแสงสว่างของพระเอกแหละจ้า ชอบความรุกของนางเอกในเล่มสุดท้าย รุกแบบมีชั้นเชิง รู้จักรุกรู้จักถอย เป็นแฟนกันไม่ได้งั้นเป็นเพื่อนสนิทกันก่อนก็ได้55 ...เล่ม 2 ชีวิตพระเอกเจอมรสุม+อุปสรรคเยอะมาก เหมือนถูกบีบให้โตในชั่วข้ามคืน ต้องแบกรับหลายสิ่งแต่ไม่เคยปริปากบอกใคร พอได้เจอนางเอกอีกครั้งถึงได้เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาหน่อย ค่อยๆ กลับมายิ้มหัวเราะได้อีก เล่มแรกก็เป็นเด็กหนุ่มที่พึ่งพาได้ แต่พอมาเล่มสองพี่ก็ยิ่งอัพเลเวลกลายเป็นชายหนุ่มที่ฝากฝังชีวิตไว้ได้,,,

ป.ล. แอบอยากรู้เรื่องของคู่เพื่อนพระนางอะว่าจะเป็นยังไงต่อ ชอบเพื่อนสนิทนางเอกอะตรง+แรงดีเหมาะกับนางเอกที่นิสัยหงิ๋มๆ ขี้อาย ชอบตอนที่เพื่อนนางเอกพูดในงานเลี้ยงรุ่น สะอึกกันเลยทีเดียว55 



วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ออกจากจวนมาไขคดี เล่ม 1-2


ออกจากจวนมาไขคดี เล่ม 1-2  (10 เล่มจบ) 
ผู้แต่ง : เหยาจี้ซาน
ผู้แปล : สนสราญ
สำนักพิมพ์ แจ่มใส
รีวิว เล่ม 3-4 https://marynlinsbook.blogspot.com/2023/07/3-4.html
รีวิว เล่ม 5-7 https://marynlinsbook.blogspot.com/2023/08/5-7.html
รีวิว เล่ม 8-10 https://marynlinsbook.blogspot.com/2023/08/8-10-10.html

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอกเรื่องนี้ไม่ได้ทะลุมิติมา ไม่ได้ตายแล้วย้อนกลับมาเกิดใหม่ ไม่ได้มาสิงอยู่ในร่างใคร แต่นางมีความทรงจำของสองชาติก่อนติดตัวมาด้วย ชาติแรกเกิดในยุคปัจจุบัน เป็นเด็กกำพร้าต้องกัดปากตีนถีบและเรียนจบแค่ชั้นม.ปลาย ชาติที่สองได้เกิดในยุคโบราณ เป็นคุณหนูในห้องหอที่ต้องฟาดฟันกับเหล่าสตรีในเรือนหลัง ส่วนชาติปัจจุบันก็เกิดในยุคโบราณอีกเหมือนกัน เป็นคุณหนูสามของบ้านรองในจวนเฉิงกั๋วกง และเพราะความฝันประหลาดเกี่ยวกับคุณ นักสืบที่ฝันถึงมาตลอดห้าปีเต็ม จึงทำให้ชาตินี้นางเอกมีสกิลในการสืบคดีติดตัวมาด้วย

เปิดฉากมาด้วยพี่สาวนางเอกหรือลูกของลุง กำลังถูกลูกสาวขององค์หญิงใหญ่ใส่ร้ายป้ายสีว่าขโมยของ ท่ามกลางคุณหนูมากมายที่อยู่ในห้องแต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยปากช่วยหรือยืนอยู่ข้างพี่สาวนางเอกเลยสักคนแม้แต่ลูกพี่ลูกน้องที่มาจากจวนเดียวกันก็ตาม ขณะที่สถานการณ์กำลังย่ำแย่ นางเอก เฉินอิ๋ง คุณหนูสามแห่งจวนเฉิงกั๋วกงก็ก้าวออกมาพร้อมกับพยานหลักฐาน ยันจนอีกฝ่ายพ่ายแพ้ถูกเปิดโปงเสียหน้าต้องขอให้แม่ช่วยกู้สถานการณ์ให้ แล้วสุดท้ายนางเอกก็ถูกอีกฝ่ายผูกใจเจ็บอยากแก้แค้นเอาคืนไปตามระเบียบ หลังจากนั้นเรื่องก็ไปถึงหูไทเฮา นางเอกเลยถูกเรียกเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวแบบห้ามไม่ให้ใครติดตามไปด้วย กะเล่นงานเต็มที่ นางเอกรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร เลยเตรียมพร้อมรับมือมาอย่างดีและพยายามมีสติอยู่ตลอดเวลา เลยไม่ได้ตกหลุมพรางง่ายๆ และสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย หนำซ้ำยังได้ช่วยไทเฮากับฮองเฮาคลี่คลายปัญหาบางอย่าง ทั้งยังช่วยฮ่องเต้ให้รอดพ้นจากการถูกลอบสังหารอีกด้วยนะจ๊ะ...หุหุ

จากนั้นฮ่องเต้ก็เรียกนางเอกเข้าวังเพื่อพระราชทานรางวัลให้ นางเอกเลยขอให้ฮ่องเต้พระราชทานป้ายทองที่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการสืบสวนคดีทั่วราชอาณาจักรได้ ขัดใจปู่นางเอกยิ่งนัก เพราะปู่อยากให้นางเอกขอป้ายทองอภัยโทษให้กับวงศ์ตระกูล ...ต่อมาบ้านนางเอกก็ถูกเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนฝั่งพ่อแม่สามีองค์หญิงใหญ่ นางเอกก็ไม่พ้นถูกคนวางแผนจ้องจะเล่นงานอีก แต่นางเอกรู้ว่าต้องมาถิ่นใครจึงเตรียมตัวมาก่อน เลยแคล้วคลาดปลอดภัยไม่หลงกลอุบายตามที่อีกฝ่ายขุดหลุมดักเอาไว้ จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์คนตกน้ำจนนำไปสู่คดีใหม่ที่พบศพคนตายในสระ...

เป็นแนวสืบสวนสอบสวนไขคดี การเมือง และเรื่องหลังบ้าน การชิงดีชิงเด่นของสตรีในเรือนหลัง จริงๆ เอาแค่บ้านนางเอกบ้านเดียวก็ปวดหัวจะแย่แล้วนะ55 นางเอกเป็นลูกของบ้านรอง แต่พ่อหายสาบสูญไป 7 ปีแล้ว แม่ก็เจ็บออดๆ แอดๆ พี่ชายก็ยังพึ่งอะไรไม่ได้ เรียกได้ว่าไร้คนปกป้อง เวลาบ้านนางเอกมีปัญหาก็ไม่มีใครช่วยพูดหรือออกหน้าให้ เพราะในบ้านไม่มีบุรุษเป็นต้นไม่ใหญ่ให้พึ่งพา จนกระทั่งนางเอกออกหน้าช่วยพี่สาวลูกของบ้านใหญ่ ได้เข้าวัง และได้ช่วยชีวิตฮ่องเต้เอาไว้นี่แหละ บ้านรองของนางเอกถึงได้มีหน้ามีตาขึ้นมาบ้าง เริ่มมีคนสนใจ และก็เป็นการทำให้ใครบางคนไม่พอใจ เกิดอิจฉาริษยาที่บ้านนางเอกเริ่มได้ดี

อ่านแล้วก็เหนื่อยแทนนางเอก ทำคุณบูชาโทษชัดๆ แต่ก็เข้าใจเพราะชาตินี้นางเอกเขามีปณิธาน มีเป้าหมายในชีวิต ไม่อยากใช้ชีวิตแบบไร้ค่าเปล่าประโยชน์ไม่มีจุดมุ่งหมายเหมือนในชาติก่อนๆ ที่ผ่านมาอีก แต่น่าเสียดาย...เพราะช่วยแล้วคนเขาก็ไม่ได้สำนึกหรือซาบซึ้งใจแต่อย่างใด กลับอิจฉาริษยาและรอเหยียบซ้ำในยามที่เราพลาดอีก ดีใจที่ลูกสาวตัวเองรอดไม่ต้องถูกอีกฝั่งหมายหัวจ้องจะเล่นงาน เพราะความโกรธแค้นต่างๆ เทไปที่ฝั่งนางเอกซึ่งเป็นเด็กอายุ 13 ทั้งยังไร้บิดาปกป้องแทนหมดแล้ว โชคดีจริงๆ มีคนรับเคราะห์ทุกอย่างไปแทนแล้ว ประเดี๋ยวค่อยชดใช้นั่นนู่นนี่ให้แถมที่ดินอีก 10 หมู่ก็พอ.. แถมไอ้ที่ดิน 10 หมู่นี่ก็ยังทำให้นางเอกกับบ้านสามต้องบาดหมางกันอีกนาจา..

ยังไม่พอ ในเล่ม 2 พี่สาวคนโตของบ้านใหญ่ที่นางเอกเคยช่วยเอาไว้ก็ยังมาหมางใจโกรธเคืองนางเอกอีก เพราะคิดว่านางเอกคือคนเอาเรื่องที่คุยกันส่วนตัวไปบอกย่า แล้วทำให้ตัวเองถูกลงโทษ...ทั้งๆ ที่คนเขาเสี่ยงตายออกหน้าให้เธอ แล้วไหนจะนิสัยนางเอกซึ่งก็เห็นๆ กันอยู่ ถ้าวิเคราะห์ทบทวนดีๆ สักหน่อยก็น่าจะรู้นะว่านางเอกใช่คนทำจริงเหรอ(วะ)? จากนั้นก็มีคนในบ้านเอาของบางอย่างไปไว้ในห้องนางเอก กะใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงหวังให้นางเอกถูกขับไล่ออกจากจวน ...นี่แค่ในบ้านนางเอกนะเนี่ย เพิ่งจบเล่ม 1-2 ยังบันเทิงขนาดนี้ เหลืออีก 8 เล่มไม่รู้จะบันเทิงขนาดไหน -_-“...หลังจากเหตุการณ์นี้แม่นางเอกเลยต้องขออนุญาตพานางเอกกับพี่ชายออกจากจวนไปอยู่กับพี่ชายที่ได้ตำแหน่งใหม่ที่ต่างเมืองสักพัก เพื่อหลบหนีความวุ่นวายจากคนในบ้านตัวเอง และจากความอาฆาตแค้นขององค์หญิงใหญ่ที่จ้องจะเล่นงานลูกสาวตน

พอออกไปต่างเมืองก็ได้เห็นชีวิตชาวบ้านที่อยู่กันอย่างยากลำบาก ข้าวของแพงหูฉี่ ของที่ทางการส่งมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็คล้ายจะส่งมาไม่ถึง ดูมีซัมธิง เดี๋ยวต้องมีเรื่องให้นางเอกออกไปสืบหาความจริงกันอีกแล้ว ... อ่านจบไปสองเล่มพบว่ามีปมน่าสนใจเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพ่อนางเอกที่หายตัวไป เรื่องราชบุตรเขยสามีขององค์หญิงใหญ่(แอบจิตนิดๆ แต่ดูเหมือนจะมีเบื้องหลังบางอย่าง นี่ก็น่าสนใจ) เรื่องคดีที่นางเอกเข้าไปมีส่วนร่วม(ยังไม่เฉลยตัวคนร้ายเลย) เรื่องบ้านพระเอก และจบเล่มสองด้วยเรื่องตระกูลหานที่กำลังจะมาขอความช่วยเหลือกับคณะของนางเอก...ลุ้นๆ ว่าจะเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่ยังไง

ส่วนพระเอกก็ค่าตัวแพงเหลือหลาย55 เล่มแรกออกมากระจึ๋งนึง เล่มสองออกมามากกว่าเดิมแต่รู้สึกว่าก็ยังไม่ค่อยเด่นเท่าไร  พระเอกคือท่านโหวน้อยเผยซู่ กำลังตามหาความจริงเบื้องหลังการตายของบิดาและพี่ชาย พระ-นางได้เจอกันเพราะต้องร่วมกันสืบคดี นอกจากนี้พระเอกยังได้รับหน้าที่เป็นคนส่งบันทึกการสืบสวนคดีของนางเอกไปให้ฮ่องเต้ด้วย แต่โมเมนต์ของพระนางก็ยังน้อยอยู่ เพราะเจอกันได้ไม่กี่ครั้งนางเอกก็ต้องเดินทางออกจากเมืองหลวงไปที่อื่นแล้ว... เดี๋ยวรอดูเล่มต่อๆ ไปนะ อยากรู้ว่าจะรักกันได้ยังไง จะมีฉากหวานๆ ไหม เพราะดูเป็นคนเยือกเย็น พูดน้อย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์เหมือนกันทั้งคู่เลย ...