วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

ฤาขันทีมิอาจมีรัก


ฤาขันทีมิอาจมีรัก 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : Ju Ruo
สำนักพิมพ์ Meedee

คำโปรยหลังปก
ทุกคนทั้งเบื้องบนทั้งเบื้องล่างที่อยู่ในวังหลังล้วนทราบดี
สนมคนโปรดของฮ่องเต้เจาหยวนที่ไม่ยอมแต่งตั้งฮองเฮา
หาใช่สองพระสนมที่ให้กำเนิดองค์ชายองค์หญิงไม่
แต่เป็นขันทีหัวหน้าสำนักตกแต่งสถานที่ในวังหลวงคนหนึ่ง
นามว่า " เหลี่ยวเซียง "

เพราะความเป็นที่โปรดปรานนี้เอง ....
เขาจึงกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกขุนนางและเหล่าสนมนางใน
ยามบ้านเมืองประสบภัยแล้ง ประชาราษฎร์อดหยากหิวตาย
เขาจึงถูกประณามว่าเป็นคนบาปที่ยั่วยวนให้ฮ่องเต้ลุ่มหลงในบุรุษเพศ
ส่งผลให้สายตาคมกริบของเหล่าขุนนางและสนมวังหลังมุ่งร้ายมาที่เขา
ร่างกายที่ตรากตรำแทบมิได้หยุดพักผ่อนของเหลี่ยวเซียง
บวกกับรอยกังวลกลัดกลุ้มที่หางตา
ในสายตาของ " ฉินเต๋อเป่า " ขันทีคนสนิทแล้ว
นั่นราวกับเป็นลางว่า ... พายุฝนกำลังจะก่อตัว

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
นายเอก เหลี่ยวเซียง เป็นขันทีหัวหน้าตกแต่งสำนักสถานที่ ที่ทุกคนในวังหลังต่างทราบกันดีว่า 
เขานี่แหละคือผู้ที่ฝ่าบาทหรือ ฮ่องเต้เจาหยวนทรงโปรดปรานมากที่สุดยิ่งกว่าพระสนมคนไหนๆ  
ถึงเจ้าตัวจะเป็นบุรุษมีลูกไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็ยังโปรดปรานเขามากๆ อยู่ดี  
เหลี่ยวเซียงต้องทนรับคำดูถูกจากผู้คนในวังและขุนนางในราชสำนัก  แล้วไหนจะบรรดาพระสนม 
นางบำเรอที่ต่างพากันอิจฉาริษยาเขาอีก พูดได้ว่าหากพระเอกเลิกโปรดปรานนายเอกวันไหน  
วันนั้นก็คือวันตายของนายเอกนี่แหละ ....

แต่เดิมนายเอกเป็นขันทีน้อย ใสๆ ซื่อๆ น่าตาน่ารักน่าเอ็นดู ไม่มีความสำคัญอะไร  
แต่วันนึงดันซวยได้ไปรับใช้พระเอกเข้า  พระเอกเห็นก็เกิดถูกใจพอดีเลยจับกดซะ 
แน่นอนว่านายเอกทั้งขัดขืน ทั้งอ้อนวอน แต่พระเอกมีหรือจะสน ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ  
แล้วก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ ตลอด 10 ปี ...นายเอกไม่อยากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทนๆ ไป ต้องเจอคนอื่นเขาดูถูกถ่มน้ำลายใส่ หากพลาดพลั้งเมื่อไรก็มีแต่จะถูกเหยียบให้จมดิน ...เฮ้อ

เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับพระ-นาย ที่ในใจต่างก็รักโหยหากันมาตลอด 
แต่กลับแสดงออกไปคนละทางกับความรู้สึก พระเอกรักแต่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม
จึงแสดงออกด้วยความรุนแรง ใช้กำลังบังคับ ส่วนนายเอกก็รักแต่พอแสดงความรู้สึกออกไป สิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นการดูถูกเหยียดหยาม ก็เลยเลือกที่จะเงียบ ไม่พูด
และยังมีเรื่องการก่อกบฏ  
เรื่องของน้องชายนายเอกที่ไม่น่าโผล่ออกมาเลย
เพราะมีแต่จะทำให้ชีวิตของนายเอกที่แต่เดิมก็แย่อยู่แล้ว ยิ่งแย่ๆ ลงไปอีก  
แล้วก็ ฉินเต๋อเป่า ตัวละครที่เราอ่านคำโปรยแล้วนึกว่าจะมีอะไรสำคัญ 
เพราะเห็นเน้นชื่อสีเข้มตัวใหญ่เชียว..แต่ก็ไม่มีอะไร แถมยังเป็นอีกคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตนายเอกแย่ลงอีกหนึ่ง 55+ (อ่านทีแรกนึกว่าจะเป็นพระรองนะเนี่ย)

อ่านเรื่องนี้ไปแล้วก็ถามตัวเองว่า ...พระเอกทำไมโหดแท้ 55+ ........
เป็นนายเอกเรื่องนี้ต้องอึดถึกเบอร์ไหน ไม่แปลกใจที่คุณน้องจะเจ็บออดๆ แอดๆ 3 วันดี 4 วันไข้...
ก็คุณพี่พระเอกเล่นโหดซะขนาดนั้น   รักเขาแต่ก็กลัวตัวเองจะถลำลึก  
ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ก็เลยต้องโหดต้องขู่เขาใช่ไหม (ทำเป็นเข้ม)  
แต่พระ-นายเขาก็อยู่ด้วยกันได้นะ  ถึงพระเอกจะโหด ชอบทำนายเอกบาดเจ็บ เจ็บตัวบ่อยๆ 
แต่นายเอกก็ยังรักพี่แกอยู่ดี ยิ่งครั้งสุดท้ายที่เล่นนายเอกซะเกือบพิการ แบบน่าเอาคืนแรงๆ สักทีสองที แต่พอได้เจอหน้า ได้ปรับความเข้าใจกันแป๊บๆ ก็จบแบบ Happy ending ...
แบบให้อภัยกันง่ายๆ เลยนาจา  หรือเป็นเพราะเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายดี แบบเออช่างเถอะ  
มันก็เป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  ฉันปลงและ อะไรแบบนี้หรือเปล่า 55+


วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

ชายาผู้มีคุณธรรม


ชายาผู้มีคุณธรรม 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : เยี่ยซย่าเตี๋ยอิ่ง           
สำนักพิมพ์ อรุณ                                               

คำโปรยหลังปก
สตรีผู้หนึ่งต้องดีงามถึงเพียงใด
จึงจะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาผู้เพียบพร้อม
    การยึดหลักสามคล้อยตามสี่คุณธรรม  เชื่อฟังบิดาและสามีไปทุกสิ่ง
ต้องมีเมตตาแม้แต่กับภรรยาน้อย ถึงขั้นต้องอดกลั้นยามคนเหล่านั้นมอบความอยุติธรรมให้ ต่อให้เป็นชาติภพที่บุรุษเป็นใหญ่  นี่ก็ยังนับว่าเอาเปรียบไปสักหน่อย
คนแข็งกร้าวไร้ความอ่อนหวานเช่นเธอ
มีหรือจะก้มหน้ารับชะตากรรมแบบนั้น
หากดีงามแล้วยังมัดใจสามีไม่ได้แล้วอย่างไร
มีศีลธรรมแล้วเป็นเบี้ยล่างคนอื่นอยู่ร่ำไปก็เท่านั้น
เครือญาติมากเล่ห์  เหล่าสนมเมียรองมากมารยา  จะให้ยิ้มรับก็กระไรอยู่
แม้เธอไม่ใช่ชายาที่ร้ายกาจจนระรานใครไปทั่ว
แต่ก็ไม่มีทางอยู่เฉยให้ใครรังแกแน่  ศึกนอกศึกในมีไม่ขาดสาย
ขืนทำตัวอ่อนแอไม่รู้ความคงไม่รอด  เป็นหวางเฟย ... ควรใช้อำนาจกับ
ภาพลักษณ์งดงามให้เป็นประโยชน์  ต้องกุมหัวใจท่านอ๋อง  กำราบเมียรอง
เชิดหน้ารับมืออริทั้งหลาย  เช่นนี้ต่างหากถึงจะนับว่าเยี่ยมยอด
ให้เป็นภรรยาผู้เพียบพร้อมคุณธรรมอะไรนั่น  เกรงว่าเธอคงไม่อาจทำได้

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
ชายาผู้มีคุณธรรมคนเขียนเดียวกับเรื่องว่าด้วยอาชีพนางสนม  
เรื่องนี้นางเอกเป็นคนยุคปัจจุบันที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง แล้วย้อนเวลาเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูใหญ่สกุลชวีที่ชีวิตอาภัพ แม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก พ่อก็แต่งงานใหม่ไม่เคยเหลียวแลลูกเมียเก่าเลย แถมแม่ใหม่ก็ยังใจร้ายใจดำอีก  แต่ยังไม่จบแค่นั้นนะจ๊ะ เพราะพอออกเรือนไปสามีก็ดันไม่สนใจอีก คงไม่ต้องบอกว่าชีวิตจะรันทดขนาดไหน ....ชะเอิงเอย~~~

ชวีชิงจวี เป็นคุณหนูใหญ่ที่พ่อไม่สนใจไม่รัก พอมีแม่ใหม่ก็โดนเขากลั่นแกล้งทำร้ายรังแก  
ชีวิตในวัยเด็กจึงนับว่าเลวร้ายสุดๆ  พอได้ออกเรือนแต่งงานก็เหมือนจะดี เพราะสามีเป็นถึงองค์ชายรองหรือตวนอ๋อง แต่เนื่องจากนางนิสัยจืดชืดไม่น่ามอง สามีเลยหมางเมินไปตามระเบียบ ... 
ชีวิตเมียหลวงในจวนอ๋องที่อยู่ท่ามกลางเหล่าอนุและเมียบ่าว จึงยากลำบากเหมือนเดิม..เฮ้ออออ                                                                       
แต่แน่นอนว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อวิญญาณของนางเอกเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ... 
นางเอกเป็นสาวยุคปัจจุบัน ความคิดความอ่านจึงทันสมัย  เธอไม่ยึดติดในตัวบุรุษหรือสามี   
ไม่เชื่อในความรักของผู้ชาย   ไม่หลงคารมหรือคำพูดหวานๆ ของพระเอก เพราะเธอมองจากการกระทำเท่านั้น  รักก็รัก  ไม่รักก็ไม่เป็นไร  ...ดีมาก็ดีตอบ  ไม่ดีก็ไม่เป็นไร ไม่ได้เสียใจนะจ๊ะ 
....ใช้ชีวิตได้ Slow life สุดๆ 55+

พระเอก เฮ่อเหิงหรือตวนอ๋อง เป็นองค์ชายรองที่พ่อไม่ค่อยรักเท่าไร 
(แต่ก็ยังให้ความสำคัญมากกว่าพี่น้องอีก 2 คนนะ) เป็นลูกรักอันดับสอง 
เพราะลูกที่พ่อรักมากที่สุดคือน้องชายหรือองค์ชายสาม รุ่ยอ๋อง ...แต่พระเอกก็หาแคร์ไม่  
พ่อจะรักใคร โปรดใคร หรือคิดจะยกบัลลังก์ให้น้องชาย พี่แกก็ไม่สน (เพราะพี่มีแผนอยู่แล้ว55+) พระเอกเป็นคนสุขุมรอบคอบ ฉลาด เจ้าเล่ห์และอ่านยาก ภายใต้ภาพลักษณ์สุภาพอ่อนโยน  
ดูไร้พิษภัย แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยแผนการล้ำลึกยิ่งกว่าผู้ใด  ...

เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชาย ควบคู่ไปกับความรักของพระ-นาง 
( เพราะเรื่องนี้ฮ่องเต้ลำเอียงรักแต่ลูกชายคนที่สาม )  โดยมีพระเอกอยู่เบื้องหลังคอยชักใย  
เสร็จแล้วก็ปล่อยให้คนอื่นๆ เขาตบตีกัน ส่วนตัวเองก็ไปคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่ข้างหลัง   
ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือ เรื่องของตำหนักในหรือวังหลัง ที่มาสร้างเรื่องปวดหัวให้เป็นระยะๆ  
แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ไม่คณามือนางเอกหรอก .......    
ส่วนเรื่องความรัก จากที่อ่านเหมือนจะเป็นพระเอกนะที่เริ่มรักนางเอกก่อน    
คือตอนแรกพี่แกก็ไม่คิดว่าจะรักหรอก  ก็แค่สนใจเฉยๆ เพราะเห็นเมียดูเปลี่ยนไป แต่ก็คิดว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวสุดท้ายตัวเองก็คงเบื่อไปเองอยู่ดี  แต่ที่นี้ไม่ใช่ไง เพราะอยู่ไปนานๆ ก็ยิ่งชอบยิ่งติด  
อนุเมียบ่าวอะไรก็ไม่ไปหาแล้ว มาหานางเอกคนเดียว  ค่อยๆ หลงรักนางเอกโดยไม่รู้ตัว   
ยิ่งหลังๆ นี่หวานมาก เพราะประกาศเลยว่าจะมีนางเอกเพียงคนเดียว   
แล้วก็จะมีลูกกับนางแค่คนเดียวเท่านั้น ตำหนักตัวเองก็ไม่กลับไปนอนแล้วจ้า ไปนอนตำหนักนางเอกคนเดียวทุกวัน ... นางเอกก็โชคดีจริงๆ ไม่แปลกที่ผู้หญิงคนอื่นๆ จะอิจฉา  
แต่งงานก็ได้สามีที่ดี รักเดียวใจเดียว  แม่สามีก็ใจดี รักถนอมลูกสะใภ้ ...
เหมือนอะไรดีๆ ก็ไปอยู่ที่นางเอกหมดอะ  ชีวิตนี้โรยด้วยกลีบกุหลาบสุดๆ 55+

อ่านจบสนุกดี ( ที่อ่านจนจบได้ก็เพราะเนื้อเรื่องนี่แหล่ะไม่งั้นวางแล้ว ฮาๆ )   
ถึงจะไม่มีจุดพีคหรือดราม่าอะไร  ถึงแม้จะเนือยๆ ไปบ้าง แต่ก็อ่านได้เรื่อยๆ           
แต่การแปล ...แปลได้งงมาก (O.O;)(o,o;)  อ่านแล้วมึน คำราชาศัพท์ก็ใช้ไม่ค่อยถูก
เดี๋ยวใช้เดี๋ยวไม่ใช้
 หลายประโยคอ่านแล้วงงต้องอ่านซ้ำ 2-3 รอบ
ถึงจะเข้าใจ  รูปประโยคแปลก  
คำผิดก็เยอะ  
คำที่เชื่อมประโยคก็ไม่ค่อยมี พอเว้นวรรคทีนี่เหมือนคนละเรื่อง คนละเนื้อหาเลย ....แปลไม่โอเลย  (ฮองเฮาผู้ไร้คุณธรรมเรื่องนั้นเราก็ว่าแปลไม่ค่อยดี แต่อันนั้นยังอ่านได้แบบแค่สะดุดนิดหน่อย  แต่ชายาเยอะจริงๆ...ไม่ได้จับผิดนะ พยายามมองข้ามแล้วแต่มันเยอะจริงๆ ) 
ไหนจะคำเรียก สกุลเหลียง  สกุลเถียนอีก ...ตอนอ่านก็นึกว่ายกมาทั้งบ้าน เห็นเรียกมาทั้งสกุลเลย 
ซึ่งอันนี้คิดว่าน่าจะเป็นฮูหยินเหลียง / เหลียงฮูหยิน   ฮูหยินเถียน / เถียนฮูหยิน  หรือปล่าว ...
เจอยกมาทั้งบ้านแบบนี้ข่อยปวดหัวเด้อ 55+   \(‵▽′)/ \(‵▽′)/ \(‵▽′)/                                                                                                                                             


วันอังคารที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2560

เล่ห์รักทรราช


เล่ห์รักทรราช 3 เล่มจบ / ผู้แต่ง : อวี๋ฉิง / ผู้แปล : พริกหอม
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

คำโปรยหลังปก
      ขุนนางที่ดีควรจะดูแลใส่ใจ  เข้าใจทุกข์สุขของราษฎร
" หร่วนตงกู้ "  มีปณิธานหนึ่งนั้นก็คืออยากจะเห็น  'รัชสมัยแห่งความเจริญรุ่งเรือง'
อาณาประชาราษฎร์อยู่อย่างสงบสุขร่มเย็น
ภายในใจของหร่วนตงกู้อันดับหนึ่งคือทุกข์สุขของราษฎร
หากทำงานหนักหนึ่งวันทำให้ราษฎรอยู่ดีมีสุขก็ยินดีกระทำ
       'เขา'  ผู้ที่มีอำนาจล้นฟ้า  อยู่เหนือคนนับหมื่นอยู่ใต้คนเพียงคนเดียว
เป็นบุคคลที่หร่วนตงกู้เกลียดชังมากที่สุด
       'เขา'  เป็นขุนนางที่ชอบใช้อำนาจในการรังแกขุนนางที่ดี
นั่นเป็นเรื่องที่หร่วนตงกู้ยอมรับไม่ได้  จำต้องขัดขวาง 'เขา' ให้ถึงที่สุด
       ทว่าหร่วนตงกู้เองก็มีความลับหนึ่งที่ไม่สามารถให้ใครล่วงรู้ได้
ยิ่งโดยเฉพาะ 'เขา' ยิ่งล่วงรู้ไม่ได้!

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
พระเอก 'ตงฟางเฟย'  ชื่อเสียงฉาวโฉ่มีแต่คนหวาดกลัว  
เป็นขุนนางในราชสำนักที่อยู่เหนือคนนับหมื่นแต่อยู่ใต้คนผู้เดียว พระเอกเป็นคนที่ฉลาดมากๆ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ไม่แกล้งทำตัวเป็นคนดี แสดงออกให้เห็นเลยว่าตัวเองเป็นคนร้ายกาจ  
สิ่งที่พระเอกชอบคือ หลอกล่อวางแผนให้ขุนนางที่เข้ามาใหม่เผยธาตุแท้ออกมา กลายเป็นคนไม่ดีรับสินบน  และนางเอกก็เป็นหนึ่งในนั้น ...หึหึ

'หร่วนตงกู้'  นางเอกของเรื่องเป็นขุนนางที่เพิ่งเข้ามาทำงานในเมืองหลวง  
เป็นที่ถูกใจของพระเอกเพราะนางไม่รับสินบน  ยอมหักไม่ยอมงอ ตรงอย่างเดียวไม่มีอ้อม 
โง่ทึมทึบ จนพระเอกต้องหาทางกลั่นแกล้ง แรกเริ่มเปิดมานางเอกจะเกลียดพระเอกมากๆ
เพราะพระเอกมีชื่อเสียงฉาวโฉ่เป็นขุนนางที่ไม่ดี ชอบใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางที่ไม่ชอบ  
ใช้วิธีสกปรกทำร้ายคนบริสุทธิ์  ส่วนนางเอกก็แน่นอนว่าตรงกันข้ามกับพระเอก
และด้วยความที่เป็นคนดี+เที่ยงตรงจนเกินไป จึงทำให้พระเอกต้องใช้ยาแรง
เพื่อให้นางได้เรียนรู้ 
ได้เห็นโลกของขุนนาง และเล่ห์กลทางการเมืองอย่างแท้จริง  
แม้ด้วยนิสัยเหล่านี้จะทำให้นางหวุดหวิดจะได้ไปยมโลกหลายรอบ  
แต่เพราะโชคดีที่มีพี่ชายร่วมสาบาน 2 คน คอยช่วยเหลือ คอยอยู่เคียงข้าง  
แถมยังมีพระเอกช่วยหนุน จึงทำให้นางยังมีชีวิตรอดมาได้จนถึงปัจจุบัน 55+ 

นางเอกมีวรยุทธ์ที่พอใช้ได้ แต่กลับมีพละกำลังเยอะมหาศาล (ดึงต้นไม้ได้ทั้งต้นอะคิดดู) 
มีสติปัญญาในระดับปานกลาง ถึงไม่เก่งเท่ากับพี่ชาย แต่สิ่งที่โดดเด่นของนางก็คือความกล้า 
กล้าถาม กล้าทำ กล้าพูด โดยจะมีพี่ๆ คอยอยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลือ  คนหนึ่งช่วยคิดวางแผน 
อีกคนคอยช่วยคุ้มกัน  ซึ่งในเรื่องนี้สิ่งที่เราชอบที่สุดก็คือ ความรักความผูกพันระหว่างนางเอกกับพี่ชายร่วมสาบาน 2 คนนี่แหละ (ชอบเวลาที่นางอยู่กับพี่ชายมากกว่าตอนอยู่กับพระเอกอีก)  
สามพี่น้องไปไหนก็ไปด้วยกัน  ขึ้นเหนือ-ลงใต้ ไปสนามรบก็หอบกันไป 
คอยเป็นแขนขาให้กัน แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ก็ตายแทนกันได้        
( และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นางเอกได้แต่งกับพระเอก เพราะพี่ชายนางรู้ดีว่า ถ้าแต่งกับพระเอก 
นางก็ยังสามารถรักษาความสัมพันธ์แบบนี้กับพวกเขาได้ เพราะพระเอกจะเข้าใจและยินยอม 
แต่ถ้าแต่งให้กับคนอื่นก็คงไม่ได้ ) 

เรื่องนี้สำหรับเราก็อ่านได้เรื่อยๆ  ไม่มีดราม่าอะไร  เป็นแนวการเมืองปนความรัก ...
โดยนางเอกจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับชาติบ้านเมือง และราษฎรมาเป็นอันดับหนึ่ง  
ซึ่งช่วงแรกๆ นางจะค่อนข้างบุ่มบ่ามวู่วาม แบบซื่อตรงจนเกินไป กระทั่งทำให้ตัวเองและคนรอบข้างต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย  แต่หลังจากที่ได้เจอกับพระเอก นางก็จะค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัว  
ส่วนในเรื่องของความรัก นางเอกจะความรู้สึกช้า กว่าจะเข้าใจแล้วได้ลงเอยกัน 
พระเอกก็ปาเข้าไปเกือบสี่สิบแล้วล่ะมั้งน่ะ 55+
แต่เราว่ามันอาจจะดีก็ได้นะ ถ้านางไม่ต้องแต่งงาน 
แล้วใช้ชีวิตแบบนั้นกับพี่ชายตลอดไป ( มันน่าจะโอเคกับนางมากกว่านะ อย่าแต่งไปให้ลำบากคนอื่นเขาเลย 55+ ) 
เพราะด้วยนิสัยแบบนางเอก คนที่จะมาเป็นสามีนางได้เนี่ย สิ่งสำคัญคือต้องใจกว้างเอามากๆ  
ทั้งจิตใจและความคิด คือต้องเปิดกว้างและยอมรับนิสัยแบบนี้ได้ ไม่งั้นอยู่ด้วยกันไม่รอดแน่
(เริ่มมีความสงสารพระเอกและ 55+)... เพราะสำหรับนางชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน เรื่องอื่นๆ เอาไว้ทีหลัง. ...
ถ้าตงฟางเฟยไม่มีความอดทน  ไม่รุก ไม่เข้าหาก่อน
ชาตินี้ทั้งชาติหร่วนตงกู้ ก็คงไม่มีวันเข้าใจเรื่องความรักระหว่างชาย-หญิงแน่นอนจ้า

ปล. ชอบเล่มพิเศษมากที่สุด 55+ 



วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

ล่าหัวใจมังกร 3 เล่มจบ



ล่าหัวใจมังกร 3 เล่มจบ / ผู้แต่ง : จิ่วลู่เฟยเซียง
สำนักพิมพ์ Hongsamut

คำโปรยหลังปก
        ร่ำลือกันว่าในใต้หล้าไม่มีสิ่งใดแข็งแกร่งยิ่งกว่าเกล็ดมังกร
เสื้อเกราะที่ทำจากเกล็ดมังกรอยู่เหนือกาลเวลา  ผู้ที่สวมใส่จะกลายเป็นอมตชน
        เทียนเย่ามีนิสัยเรียบง่าย   เกลียดการแก่งแย่งชิงดี  ความผิดเดียวของเขาก็คือ
เขาเป็นมังกร ...
        ความรักลึกซึ้งที่เทียนเย่าเคยมอบให้สตรีผู้หนึ่ง  ถูกตอบแทนด้วยการทรยศหักหลัง
เขาถูกนางหักกระดูก เลาะทุกเส้นเอ็น แม้แต่เกล็ดบนร่างก็ถูกถอน
เขารวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายโยน เกล็ดป้องหัวใจ ซึ่งเป็นเหล็กชิ้นสำคัญที่สุดในร่างทิ้งไป
ทำให้เสื้อเกราะดกล็ดมังกรของสตรีโหดเหี้ยมนางนั้น สร้างไม่สำเร็จ
        จากนั้น ... ใต้หล้านี้ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นมังกรตัวเป็นๆอีก .....จนกระทั่งยี่สิบปีต่อมา
เมื่อหญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น  พร้อมกับพลังชีวิตอันเหลือเชื่อ
ข่าวลือเรื่องมังกรที่หายสาบสูญไปนาน
ก็กระพือขึ้นมาอีกครั้ง

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
เรื่องของปีศาจมังกรผู้สันโดษที่มีพลังสูงส่ง เทียนเย่า ปีศาจมังกรที่เฝ้าเก็บตัวฝึกฝนบำเพ็ญเพียร 
สั่งสมตบะมานานนับพันปี เพื่อที่จะได้สละร่างขึ้นสู่สรวงสวรรค์  
หลังจากที่เก็บตัวมาเนิ่นนาน เทียนเย่าก็ได้ตกหลุมรักหญิงสาวผู้หนึ่งที่เขาบังเอิญได้ช่วยเหลือเอาไว้  นางคือ ซูอิ่งเจินเหริน เจ้าสำนักกว่างหาน (สำนักผู้บำเพ็ญพรตเพื่อเป็นเซียน)  
เทียนเย่าไม่สนใจคำทัดทานของพี่น้อง ตัดสินใจสละหนทางที่จะขึ้นสู่สวรรค์ เพื่อครองคู่แต่งนางเป็นภรรยา  แต่คาดไม่ถึงว่าในวันที่ต้องไปรับตัวเจ้าสาว จะกลับกลายเป็นวันที่เขาต้องเสียใจไปชั่วชีวิต.... ซูอิ่งไม่เคยรักเขา นางมีคนที่รักอยู่แล้ว นางแค่ต้องการเกล็ดป้องหัวใจมังกรเพื่อให้คนรักของนางมีชีวิตเป็นอมตะ  นางจึงทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งหลอกให้เขารัก  และสุดท้ายนางก็สังหารเขาอย่างเหี้ยมโหด แยกชิ้นส่วนร่างกายออกเป็นชิ้นๆ  แม้แต่วิญญาณ ก็ยังถูกนางลงอาคมผนึกไว้ .....

นางเอก เยี่ยนหุย เป็นคนหัวดื้อ เปิดเผย ตรงไปตรงมา ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ เป็นศิษย์ของสำนักเฉินซิงที่ถูกขับไล่ออกจากสำนัก ในขณะที่กำลังระเหเร่ร่อนหาเงินจับปีศาจไปเรื่อยๆ นางเอกก็พลาดท่าถูกทำร้าย และได้มาเจอกับพระเอกที่อยู่ในร่างของมนุษย์ธรรมดาจนๆ ที่อ่อนแอขี้โรคพอดี
สำหรับพระเอก...การได้พบนางเอกนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของแสงสว่าง  
แต่สำหรับนางเอก....นี่คือจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงในชีวิต 55+

นางเอกเป็นเหมือนของขวัญที่สวรรค์เบื้องบนส่งมาให้พระเอก  เพราะมีนาง พระเอกจึงมีความหวังที่จะแก้แค้น รวมถึงตามหาชิ้นส่วนของร่างกายที่กระจัดกระจายให้กลับคืนมาอีกครั้ง 
ซึ่งใน
ตอนแรกๆ พระเอกจะยังไม่เก่ง ต้องคอยหลบอยู่ข้างหลังนางเอก เป็นฝ่ายที่ถูกปกป้องดูแล ...ส่วนนางเอกก็พยายามใจแข็งบอกลาอยู่หลายรอบ แต่ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องกลับมาช่วยอยู่ดี  
กลายเป็นตังเมตัวติดกันไปไหนไม่ได้แล้ว  แบบว่าเธอไปไหนฉันไปด้วย  เธอหนีฉันตาม ...
นางเอกก็ อึด ถึกมากกก เพราะกว่าพี่มังกรจะตามหาชิ้นส่วนครบแล้วได้ประกอบร่าง นางเอกก็สะบักสะบอม กระอักเลือดไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง 55+
 
ส่วนฝ่ายธรรมมะในเรื่องก็มุ่งเน้นทำตามคำสั่งสอนมากเกินไป โดยไม่กลับมาคิดทบทวนเลยว่ามันถูกต้องจริงๆ หรือเปล่า ขอแค่อีกฝ่ายเป็นปีศาจ หรือใครก็ตามที่ช่วยเหลือปีศาจ ก็เหมารวมว่าเขาไม่ดีไปซะหมด ลงมือสังหารได้ทันทีโดยไม่ต้องถามหาเหตุผล แต่ผลสุดท้ายจะยังไง ดี-ชั่วก็อยู่ที่ตัวกระทำล่ะนะ เพราะจะนักพรตก็ดี ปีศาจก็ช่าง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนดีและเลวร้ายไปหมดเสมอ
อย่าตัดสินคนแค่เพียงภายนอก หรือตามชาติกำเนิดสถานะเลย  ……

เราชอบงานของนักเขียนท่านนี้ตั้งแต่ปฐพีไร้พ่าย ,สามชาติผูกพันแม่น้ำลืมเลือน จนมาถึงเรื่องนี้  
ซึ่งในเรื่องไม่ได้มีแค่ความรักของพระเอก-นางเอก 
แต่ยังมีอีกหลายคู่ ไม่ว่าจะเป็นความรักของปีศาจกับนักพรต  บัณฑิตกับปีศาจจิ้งจอก 
หรือปีศาจกับมนุษย์ธรรมดา  มีทั้งที่สมหวังและไม่สมหวัง ...
อ่านแล้วก็เสียใจกับคู่ที่ไม่สมหวังนะ แต่ก็ยังเฉยๆ ไม่ได้เศร้าเหมือนตอนอ่านซานเซิง (อันนั้นน้ำตาซึมตอนที่ใกล้ๆ จะจบของแต่ละชาติมาก) 
เนื้อเรื่องสนุก แต่การแปลมันห้วนๆ ไปนิดอะ..คำลงท้ายว่า สินะกับ รึ!’เยอะ 
ฟังดูห้วนไปหน่อย ไม่ค่อยละมุนละไม รู้สึกเหมือนยังดึงนิสัยจุดเด่น+บุคลิกของตัวละครออกมาไม่ได้เท่าที่ควร  ความหลังของพระเอกที่ควรจะรันทด+น่าสงสาร กับหลายๆ ตอนที่ควรจะเศร้า
แต่พอบรรยายออกมาแล้วเรากลับรู้สึกเฉยมากเลยอ่า
T^T  (ทำม๊ายยยมันอารมณ์เดียวกันหมด)  ...
( อันนี้เป็นความคิดเห็นตัวเน้อ  คนอื่นอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้   แต่ยังไงข่อยก็ยังรออ่านอีกหลายเรื่องเน้อ...สู้ๆ ) 

..........................................................................................................

" ข้าบำเพ็ญพรตกับอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก  จดจำคำสอนของผู้ฝึกวิชาเซียนได้แม่นยำ 
กำจัดปีศาจ   ไม่ทำเรื่องผิดคุณธรรม  ข้าไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองทำผิดมาก่อน  แต่เมื่อได้ยินข่าวการตายของเจ้า   ข้าถึงได้ตระหนักว่า  ชีวิตนี้ข้าทำความผิดใหญ่หลวงอยู่สามเรื่อง
    หนึ่ง ... เสียใจว่าไม่ควรมุ่งหวังอยากฝึกวิชาเซียน    
    สอง ... เสียใจที่เข้าสู่สำนักเซียน  แต่กลับไม่แข็งใจสังหารเจ้าเมื่อได้พบกันเป็นครั้งแรก
    สาม ... เสียใจที่รู้อยู่แก่ใจว่าหัวใจหวั่นไหว  แต่วันนั้นกลับไม่ยอมสละชีวิต   ไม่ยอมละทิ้งคุณธรรมเพื่อปกป้องเจ้า  "
 ผูฟางที่ยืนอยู่หลังป้ายศพสะอึกสะอื้นโดยไร้เสียง
" เดิมข้าคิดว่าจะไม่ผิดต่อคุณธรรม  และไม่ผิดต่อใจจริงของตัวเองแต่บัดนี้ข้ากลับผิดต่อทั้งสองอย่าง ... "