วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ม่านมายาชายาผู้ถูกลืม



ม่านมายาชายาผู้ถูกลืม ( เล่มเดียวจบ ) / ผู้แต่ง : เชียนสวิน
ผู้แปล : Primavera
สำนักพิมพ์ เหลียนฮวา

คำโปรยหลังปก

หลี่เซวียน นั้นเฉลียวฉลาดรู้ประสามาตั้งแต่เยาว์วัย 
แต่นางกลับเคราะห์ร้ายถูกเลือกให้สวมรอยเพื่อตายแทน โจวซวี่ยง
ท่านชายรองแห่งจวนอ๋อง หลังศึกชิงบัลลังก์ยุติลง ท่านอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ 
ซวี่ยงมีฐานะเป็นองค์ชาย ส่วนนางที่รอดชีวิตมาได้ถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิง 
เพียงแต่เบื้องหลังเกียรติยศสูงศักดิ์นี้กลับแลกมาด้วยชีวิตบิดามารดาของนาง
เพื่อเป็นการชดเชยฝ่าบาทจึงทรงให้องค์ชายรองซวี่ยงรับนางเป็นภรรยา 
ทว่าเขากลับยืนกรานไม่ยอมแต่งนางเข้าจวน 

ยามนี้นางถึงได้รู้ว่าความผูกพันและมิตรภาพที่ลึกซึ้งขนาดยอมตายแทนเขาได้
.....มิอาจบงการความรักได้ 
นางเพิ่งจะมองเห็นความไร้หัวใจของเขาก็เมื่อถูกส่งตัวเข้าตำหนักเย็น 
ช่างปะไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็ทำได้เพียงใช้ชีวิตให้สุขกายสบายใจ 
แต่ไม่รู้ว่าเรื่องเกิดผิดพลาดตรงไหน ‘ชายาที่ถูกทิ้ง’ อย่างนาง
กลับถูกฝ่าบาทยกให้องค์ชายห้าและรับสั่งให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน 
ส่วนซวี่ยงที่ต่อให้ตายอย่างไรก็ไม่รับนางเป็นภรรยา
กลับแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนทุกวันหมายจะแย่งตัวนางกลับไป…

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
นางเอก หลี่เซวียน เป็นบ่าวที่ถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาในบ้านของพระเอก  
เป็นคนเฉลียวฉลาด มีไหวพริบ นิสัยช่างพูดและซุกซน  ซ้ำยังมีรูปโฉมงดงาม  
แม้จะมีสถานะเป็นบ่าว แต่ก็ได้รับการอบรมเลี้ยงดูไม่ต่างจากคุณหนูผู้ดีมีสกุลสักเท่าไร  
ประกอบกับเฉลียวฉลาดเกินวัย จึงทำให้นางเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน

แต่ใครเลยจะคิดว่าวันหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์พลิกผันบางอย่าง ที่ทำให้นางเอกต้องเกือบตาย
ทั้งยังสูญเสียบิดามารดาไปจนสิ้น  กระทั่งพระเอกก็ยังเมินเฉยตีตัวออกห่าง
แม้จะได้สถานะองค์หญิงเป็นการปลอบใจ แต่อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ....

พระเอกกลายเป็นองค์ชายรองผู้สูงศักดิ์  ส่วนนางเอกก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงไหวอี้ 
ตำแหน่งที่ใครๆ ต่างก็พูดว่าแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของบิดาตนเอง  
แม้ไม่อยากรับแต่ก็ไม่มีทางเลือก ไม่งั้นจะให้เด็กสาวที่อายุ 12 ปีอย่างนางใช้ชีวิตอยู่ยังไง  
นางเอกจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความทุกข์ระทม  
ส่วนพระเอกก็ยังคงเมินเฉยและเอาแต่หลบหน้าเหมือนเดิม 
แต่นางเอกก็ยังพยายามปลอบใจตัวเอง และพัฒนาปรับปรุงตัวเพื่อให้คู่ควรเคียงข้างเขา  
แต่ทุกอย่างก็พังทลาย เมื่อจู่ๆ นางต้องกลายเป็นแพะรับบาปและถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็น

เรื่องนี้พระ-นางเค้ารักกันและรู้ใจตัวเองกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว   
แต่มันมีสาเหตุที่ทำให้พระเอกแสดงออกไม่ได้  ...
อ่านไปครึ่งเล่มเราจะสงสารนางเอก เพราะต้องมาสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างไม่ทันตั้งตัว  
ถึงนางจะเป็นคนฉลาดแต่ก็เป็นแค่เด็กอายุสิบสอง อีกทั้งคนที่นางชื่นชอบ คนที่เอ็นดูมาตลอด
จู่ๆ ก็ยังมาตีตัวออกห่างไปเฉยๆ โดยที่ไม่ทราบสาเหตุอีกด้วย  
เมื่อหลายๆ เรื่องเข้ามาพร้อมกัน นางเอกจึงเกือบจะรับไม่ไหวและแทบจะเสียสติไปเลย ... 
แถมพอได้มาอยู่ในวังก็ใช่ว่าจะดี เพราะเจอแต่คนดูถูกเหยียดหยามฐานะเดิม  
เจอแต่คนปองร้ายคอยหาทางกลั่นแกล้งอยู่ตลอด แถมพระเอกก็ยังมาเย็นชาไม่สนใจอีก  
แต่นางเอกก็ยังพยายามอดทนต่อไปนะ  โดยหวังว่าสักวันมันคงจะดีขึ้น  
แต่พอต้องมาถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นอีกทีนี้แหละพอเลย
....ไม่ไหวแล้ว  ไม่ขอพึ่งหรือฝากความหวังไว้กับใครแล้ว จากนี้ไปจะขอพึ่งตัวเองเท่านั้นพอ

แต่พระเอกก็มีเหตุผลจำเป็นจริงๆ ที่ทำให้ต้องเย็นชาไม่สนใจ  
เพราะตอนนั้นพ่อพี่แกไว้ใจคนผิด จึงทำให้อีกฝ่ายมีอำนาจและบารมีมากกว่า  
ฝ่ายบ้านพระเอกที่เพิ่งเข้ามาเลยยังต่อกรสู้กับเขาไม่ได้  
เรื่องของนางเอกเลยทำได้แค่ปกป้องแบบลับๆ 
 ...กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างแล้วมีอำนาจได้ก็ผ่านไปตั้งเกือบ 6 ปี
จนนางเอกปล่อยวางปิดตัวเอง ไม่คิดอะไรกับพระเอกแล้ว  
พี่แกเลยต้องหาทางทำให้นางเอกเหมือนเดิมและกลับมาอยู่ข้างกายตัวเองใหม่อีกครั้ง ...


ปล. ตอนแรกไม่คิดว่าจะสนุกนะเนี่ย  แต่พออ่านแล้วใช้ได้เลยดีกว่าที่คิด 
การแปลก็ดีขึ้น ( สารภาพว่าเรื่องก่อนๆ หน้าของสำนักพิมพ์เราอ่านแล้วบางประโยคมึนๆ งงๆ มาก  
ต้องมาแปลไทยเป็นไทยเองอีกรอบ 55+  )  
ถึงจะมีบางคำที่อ่านแล้วยังขัดๆ อยู่ แต่สำหรับเราโดยรวมคือดีขึ้นเยอะ
เนื้อหาก็โอเคนะสมเหตุสมผล   ตอนแรกอ่านไปอาจจะโกรธๆ พระเอกว่าทำไมถึงทำแบบนี้ 
แต่พอรู้เหตุผลแล้วก็โอเคให้อภัยได้   ส่วนนางเอกก็เป็นคนฉลาดมีเหตุผลอยู่แล้ว
พอคิดทบทวนไปมาก็เข้าใจ รับรู้ถึงความลำบากที่พระเอกต้องเจอมาเหมือนกัน  
อะไรๆ มันก็เลยไม่ต้องยืดเยื้อนาน ..

-  ตอนจบจะรวบรัดหน่อย  เพราะเราจะรู้ทุกอย่างผ่านการเล่าของพระเอกแทน  
อาจเป็นเพราะเล่มบางด้วยมั้ง มันเลยต้องรวบรัดแบบนี้แหละ

 .....................................................................................

     หลังจากที่เขาปฏิบัต่ิต่อนางอย่างเย็นชามาเป็นเวลาสามปี  พยายามทำให้ทุกคนเห็นชัดๆ 
ว่าเขามิได้มีใจ มิได้มีความรู้สึกใดๆ ต่อนาง  หลังจากที่เขาปล่อยให้นางต้องทนทุกข์
กับการถูกใส่ร้ายป้ายสี  แบกรับชีวิตอันยากลำเค็ญในตำหนักเย็นเป็นเวลาสามปี
เขาถือดีอันใดคาดหวังให้นางละทิ้งอดีตแล้วกลับไปเป็นเหมือนอย่างแต่ก่อน?
    ความคิดเช่นนี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่าน่าละอายแก่ใจยิ่ง ...  




วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เทวาภูผา


เทวาภูผา ( เล่มเดียวจบ )  / ผู้แต่ง : She Xie Jun
ผู้แปล : หลันเซียง
สำนักพิมพ์ รักคุณ

คำโปรยหลังปก

        เมื่อครั้งยังเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสา ‘ต้าเหอ’ ได้ลบหลู่เทพเจ้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ 
เทพเจ้าแห่งภูเขาที่ไม่เคยปรากฏกายมาก่อนกลับปรากฏกายต่อหน้าเขาเพียงผู้เดียว 
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าอันงดงาม ท่าทางช่างเลือกช่างกิน หรือความอ่อนโยนใกล้ชิด
ที่อีกฝ่ายมีต่อเขา ต้าเหอล้วนชอบมันทั้งนั้น
       ทว่าเทพเจ้ากับมนุษย์มิอาจมิอาจอยู่เคียงข้างกัน ในที่สุดวันที่ต้องแยกจากก็มาถึง
เด็กน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องออกไปเผชิญกับความทุกข์
และความเศร้าโศกเสียใจมากมาย มีเพียงเทพเจ้าแห่งภูเขาที่ยังคงอยู่ในป่าไผ่สีเขียวมรกตผืนนั้น 
เฝ้ารอการกลับมาของเด็กน้อยในวันวานอย่างเดียวดาย
      ท้ายที่สุดแล้ว ความรักอันแสนบริสุทธิ์ระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์จะลงเอยเช่นไร…

ขอเพียงแค่เชื่อ...
เพียงเจ้าเชื่อว่าข้ามีจริง 
ข้า...เทวาแห่งภูผาจะอยู่ ณ ที่แห่งนั้นเสมอ
...ต้าเหอ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )

      ต้าเหอ เป็นเด็กกำพร้าที่ได้ปู่เลี้ยงดูมา แต่ทว่าไม่นานปู่ก็มาตายจากไปอีกคน  
ชีวิตที่ปราศจากบิดามารดาและคนในครอบครัว จึงทำให้พระเอกในวัยเด็กไม่เป็นที่ชื่นชอบ 
ไม่มีเพื่อนเล่นและถูกรังแก  เขาจึงกลายเป็นคนพูดน้อย เงียบขรึมไปโดยปริยาย 

      สมัยเด็กเวลาที่พระเอกตามปู่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์  พี่แกจะไปนั่งเล่นรอปู่อยู่ตรงศาลเจ้าแห่งหนึ่ง
และนั่นก็ทำให้พระเอกได้พบกับ เทพเจ้าแห่งภูเขาหรือนายเอก ที่สิงสถิตย์อยู่ ณ ศาลเจ้าแห่งนั้น 
นายเอกเองก็เป็นคนยุคโบราณจริงๆ อยู่มาตั้งแต่สมัยที่ยังมีการสอบจอหงวนเลย  
พอได้เห็นโลกในยุคนี้นางก็เลยงงๆ  เพราะอยู่เป็นเทพมากี่ร้อยปีไม่เคยได้พูดคุยกับคนเป็นๆ เลยสักครั้งเพิ่งมามีพระเอกนี่แหละคนแรกเลย  นับแต่นั้นที่นั่นจึงกลายเป็นสถานที่พิเศษของพระเอก 
ไม่ว่าสุข ทุกข์ ดีใจหรือเสียใจไม่ว่าจะเกิดอะไรพระเอกก็จะวิ่งมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้
เพื่อหานายเอกอยู่เสมอๆ    แต่ทว่าวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้นายเอกไม่ออกมาเจอพระเอกอีกเลยจนเกือบสิบปี ....

       พระเอกเรื่องนี้เป็นคนทึ่มๆ ซื่อๆ ไม่ค่อยฉลาดแถมจนด้วย เป็นเพียงคนธรรมดา
ที่ไม่ได้ทะลุมิติไปไหน  แต่อยู่ในยุคปัจจุบัน ยุคสมัยใหม่ที่ไม่ค่อยมีคนกราบไหว้บูชาหรือเชื่อเรื่องเทพเจ้ากันแล้ว  พี่แกอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ ( ไม่มีทีวีหรือแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้ )  
แต่ไม่นานความเจริญก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาและทำให้วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้านเปลี่ยนไป  
จากที่เคยทำไร่ทำนา ขึ้นเขาไปล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพ  ก็เริ่มถูกผลักให้ออกไปทำงานหาเงินในเมืองใหญ่ๆเพื่อเอาค่าตอบแทนสูงๆ ....  ซึ่งพระเอกเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  
แต่ไม่ว่าโลกหรือผู้คนจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปยังไง  พระเอกก็ยังคงมีหัวใจที่บริสุทธิ์ซื่อตรงดังเดิม  
ความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกไม่อาจสั่นคลอนจิตใจของพี่แกได้เลยสักนิด  
ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลสักเพียงใดขอแค่มีเวลาพระเอกก็จะกลับมาที่ศาลเจ้าตรงภูเขาทุกครั้ง  
แม้นจะไม่ได้เห็นใบหน้าที่โหยหา แต่ขอแค่ได้เห็นศาลเจ้าของคนผู้นั้นก็ยังดี  .......

        เรื่องนี้มันจะคุมโทนหม่นๆ เทาๆ ตั้งแต่ต้นจนเกือบจบเลย  อ่านไปก็จะรู้สึกอึนๆ ครึมๆ อยู่ตลอด เพราะชีวิตของพระเอกตั้งแต่เล็กจนโตนี่มันเหมือนตลกร้ายจริงๆ  พอมีความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน ประเดี๋ยวก็ต้องเจอกับการพลัดพรากจากลาอีกแล้ว  กระทั่งนายเอกที่เป็นเทพเจ้าแห่งภูเขา
ก็ยังไม่อาจช่วยอะไรได้  ไม่อาจฝ่าฝืนโชคชะตาเพราะเมื่อใดที่ยื่นมือเข้ามาเขาก็จะได้รับโทษทัณฑ์จากสวรรค์เช่นเดียวกัน ...ดังนั้นนายเอกจึงทำได้แต่เพียงมองดูทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความเจ็บปวดจนชินชาเท่านั้นเอง ....

       เรื่องนี้สำนักพิมพ์บอกว่าจบ Happy แต่เราก็นึกไม่ออกว่าจะจบออกมาแบบไหน  
พระ-นายจะลงเอยกันยังไง จะได้อยู่ด้วยกันไหมเพราะนี่มันคนละภพเลยนะ ...  
แต่สุดท้ายนักเขียนก็หาทางลงให้เรื่องมันจบ Happy แบบสมเหตุสมผลโดยไม่ขัดความรู้สึกของเราที่เป็นคนอ่านได้จริงๆ ... เย้ๆ  


วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เซียมซีทายรัก 2 เล่มจบ




เซียมซีทายรัก 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : อีเหมยถงเฉียน
ผู้แปล : อัญชลี เตยะธิติกุล
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

คำโปรยหลังปก
พราะเซียมซี ‘คู่ชะตาฟ้าลิขิต’ ที่นางเสี่ยงได้ในครั้งนั้น
นับจากนั้น ‘พ่อบ้านคนใหม่’ ก็ปรากฏกายขึ้นในชีวิตของนาง...

แค่หลบเลี่ยงไม่ให้ถูกนายท่านจับไปเป็นอี๋เหนียงคนที่สี่
ไม่ให้กลายเป็นนางบำเรอของคุณชายรอง
หรือกระทั่ง... ไม่ให้ไปกระทบกระทั่งกับบรรดานายหญิงหรือสาวใช้ด้วยกัน
แค่นี้อาเหม่าก็ต้องอยู่อย่างระมัดระวังทุกฝีก้าวแล้ว

จนนางเกือบจะลืมเลือนคำทำนายนั้นไป
แต่ทุกครั้งก็มีเหตุให้นางกับพ่อบ้านต้องติดหนี้บุญคุณกันไม่สิ้นสุด
แม้แรกเริ่มนางจะพยายามหลบเลี่ยงมิเชื่อในคำทำนาย
ทว่ายิ่งได้รู้จักเขานานวันเข้าแล้ว หัวใจของนางก็เริ่มสั่นคลอน
หรือโชคชะตาจะบอกกล่าวแก่นางว่า...
เมื่อเนื้อคู่ปรากฏกายแล้ว ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ยากจะหลบพ้น !



















ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
อาเหม่า นางเอกของเรื่องถูกขายมาเป็นสาวใช้ในบ้านสกุลหาน ตระกูลคหบดีที่มั่งคั่งและมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของเมือง ด้วยความที่หน้าตาดีจึงทำให้นางถูกหมายตาจากเหล่าคุณชายและเจ้าบ้านสกุลหาน จนหวิดจะได้กลายเป็นอนุอยู่หลายครั้ง

เซี่ยฟั่ง พ่อบ้านหนุ่มคนใหม่แห่งบ้านสกุลหาน ชายหนุ่มรูปงามสุภาพเรียบร้อยแต่นิสัยเย็นชา เนื่องจากครอบครัวตกต่ำจึงทำให้เขาต้องกลายมาเป็นพ่อบ้าน ประกอบกับมีไหวพริบเฉลียวฉลาดจึงทำให้กลายเป็นที่ชื่นชอบและได้รับความไว้วางใจจากนายท่านทั้งหลายของบ้านสกุลหาน

เหตุมันเกิดจากเซียมซีที่นางเอกเสี่ยงได้ จึงทำให้นางถูกเพื่อนๆ สาวใช้จับคู่ให้นางกับพ่อบ้านคนใหม่ ทว่าถึงจะเป็นแค่สาวใช้ แต่นางเอกก็เป็นคนฉลาดและดูสถานการณ์เป็น นางเดาได้แต่แรกแล้วว่าพระเอกต้องไม่ธรรมดา ถึงจะไม่รู้สาเหตุที่เขายอมมาเป็นพ่อบ้าน แต่เพื่อชีวิตที่สงบสุข นางจึงพยายามไม่ไปวุ่นวายหรือเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ส่วนพระเอกก็เช่นเดียวกัน เพราะมีเป้าหมายสำคัญ เขาจึงไม่สนใจสิ่งอื่นใดโดยเฉพาะเรื่องความรัก  แต่กลายเป็นว่ายิ่งคนทั้งคู่พยายามหลบลี้หนีหน้า พยายามถอยห่างกันมากเท่าไร สุดท้ายก็ยิ่งถูกดึงให้เข้ามาชิดใกล้และข้องเกี่ยวกันมากขึ้นเท่านั้น ... 

แต่เมื่อได้ใกล้ชิดได้มีเหตุให้ช่วยเหลือกันไปมา หัวใจสองดวงที่เคยโดดเดี่ยวก็เริ่มหวั่นไหว นางเอกรู้ใจตัวเองก่อน ส่วนพระเอกนั้นเพราะอดีตอันเลวร้าย เขาจึงไม่ยอมเปิดใจให้กับใครง่ายๆ  ดีที่นางเอกเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผล  นางจึงยินดีอดทนรอให้เขาเปิดใจอยู่เงียบๆ ไม่ดื้อดึงเอาแต่ใจ เมื่อไรก็เมื่อนั้น ทั้งยังยินดีที่จะช่วยเหลือพระเอกทุกอย่างถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นเรื่องที่ิผิดก็ตาม ….

ถึงจะเป็นความรักระหว่างพ่อบ้านกับสาวใช้แต่ก็งดงามละมุนละไม จนทำให้เราอยากเอาใจช่วยให้คนทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เพราะระหว่างทางนางเอกนี่หวิดจะกลายเป็นเมียของคนอื่นหลายรอบมาก และด้วยความที่พระเอกเป็นพ่อบ้าน ก็จะช่วยแบบออกหน้าออกตามากไม่ได้ เพราะเดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย จึงต้องช่วยแบบแอบๆ ต้องแอบวางแผนไม่ให้ใครรู้ ซึ่งหลายครั้งที่กว่าจะช่วยได้นางเอกก็เลือดตกยางออกสะบักสะบอมจนเนื้อลายไปหมดแล้ว 

เป็นอีกเรื่องที่ชอบ นานๆ ทีจะได้เห็นตัวเอกที่เป็นคนธรรมดา ฐานะธรรมดา ค่อนไปทางต่ำต้อยด้วยซ้ำ ไม่ได้มีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นคนใหญ่คนโตหรือเป็นองค์ชายองค์หญิงตกยากมาจากไหน เลยอยากรู้ว่าพระเอกจะทำสำเร็จไหม?  ในเมื่อเงินก็ไม่มี ขุมอำนาจอะไรก็ไม่มี แล้วจะสู้กับเขายังไง? จะชนะเขาได้หรือเปล่า (เป็นการต่อสู้ของคนธรรมดาที่ใช้แค่สมองกับอุบายล้วนๆ)

ตัวละครในเรื่องจะออกสีเทาๆ แม้กระทั่งตัวพระ-นางเองก็ไม่ได้ดีเต็มร้อย จริงๆ เราว่ามันก็เหมือนๆ กับเรื่องการแก่งแย่งชิงดีในราชสำนักในรั้วในวังนั่นแหละ แต่แค่เปลี่ยนสถานที่มาเป็นในบ้านคนธรรมดา พอสเกลมันเล็กลงความเข้มข้นก็อาจจะไม่เท่า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องกลอุบายวิธีการ การใส่ร้ายป้ายสี การยุแยงต่างๆ เราว่ามันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไรนะ..จบจ้า

.............................................................................................................




          " ในเมื่ออันตราย ข้าก็ยิ่งไม่ควรหลีกหนี แม้อาเหม่ามีฐานะต่ำต้อย
ไม่มีอะไรที่จะช่วยท่านได้แต่อย่างน้อยข้าก็อยากร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่าน  
ต่อให้อันตรายและทุกข์ยากแค่ไหนอาเหม่าก็ไม่กลัว
ตั้งแต่เด็กจนโตยังมีความลำบากใดที่ข้าไม่เคบประสบมาบ้าง
 ..แม้แต่ตัวข้าเองก็คิดไม่ออกแล้ว "  
          เซี่ยฟั่งนิ่งอึ้ง นางตกระกำลำบากมากมายเพียงใดกัน ถึงได้เล่าความลำบากที่เคยประสบมาได้อย่างเรียบเฉยเช่นนี้ เขาเห็นใจอาเหม่า พลันรู้สึกสงสารนางจับใจ