วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

พราวพร่างบุปผาตระการ เล่ม 1


พราวพร่างบุปผาตระการ เล่ม 1 (7 เล่มจบ)  / ผู้แต่ง : จือจือ 
ผู้แปล : Honey Toast
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

คำโปรยหลังปก
      สกุลฟู่นั้นมีชื่อเสียงการรักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่อง 
เป็นบุตรสาวของสกุลฟู่ต้องถือเอาเรื่องความบริสุทธิ์นั้นใหญ่หลวงเท่าชีวิต
ฟู่ถิงจวิน  คุณหนูเก้าผู้อยู่ในกรอบของจรรยาสตรีและคำสอนของสกุลฟู่อย่างเคร่งครัด
แต่กลับต้องมาด่างพร้อยเพราะคำโป้ปดของ จั่วจวิ้นเจี๋ย 
ญาติผู้เกี่ยวดองของนาง  กล่าวหาว่านางลักลอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับเขา

       นางซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์กลับไม่อาจแก้ข้อกล่าวหานั้นได้ ซ้ำเขายังบีบให้นางหมดสิ้งหนทาง
และถูกกักตัวอยู่ในอารามชี  รอบกายถูกจับตาดูทุกฝีก้าวโดยคนของสกุลฟู่
คนของสกุลได้รับคำสั่งให้กำจัดนาง  เพียงเพื่อรักษาหน้าและชื่อเสียงของสกุลฟู่ที่แสนดีงาม
       แต่เหมือนสวรรค์ยังเมตตา  ถึงได้ส่ง บุรุษลึกลับ  มาช่วยเหลือนางจากคนของสกุล  
แต่ ข้อแลกเปลี่ยนแสนประหลาดของเขา  ทำให้นางกระอักกระอ่วนใจ
ไม่ว่าอย่างไรฟู่ถิงจวินต้องหาทางหนีจากอารามชีแห่งนี้
นางจะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์เพื่อล้างมลทินให้ได้ 
และจะไม่ยอมรอรับความตายที่อารามชีเด็ดขาด!

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
ตอนที่แจ่มลงตัวอย่างให้อ่าน เราก็ไม่ได้อ่าน เพราะตั้งใจจะรออ่านแบบเป็นเล่ม  
เรื่องนี้เห็นเงียบๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่พอได้อ่านกลับผิดคาดมากกกก ....
สนุกกว่าที่คิด อ่านแล้ววางไม่ลง  อ่านคืนเดียวจบเลยจ้าาา    
เปิดเรื่องมาด้วยนางเอก ' ฟู่ถิงจวิน ' คุณหนูเก้าแห่งตะกูลฟู่ ที่ถูกใส่ร้ายว่าคบชู้สู่ชาย
จนทำให้ต้องระเห็จออกมาอยู่ที่วัดประจำตระกูลที่ห่างไกล  
เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ประกอบกับความเชื่อมั่นที่มีต่อวงศ์ตระกูล  
นางเอกจึงเชื่อว่าไม่นานเรื่องเหล่านี้ก็จะคลี่คลายลง และนางก็จะได้กลับบ้าน  ...
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลายๆ อย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คิด  
สถานการณ์แย่ลง จนนางต้องขอความช่วยเหลือจากบุรุษแปลกหน้า ที่เคยคิดจะฆ่าตัวเอง 
และเข้ามาขโมยของกินในวัด  บุรุษที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ท่าทางเหมือนคนเร่ร่อน  
ทว่าในยามนี้เขากลับเป็นคนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้


'ท่านเก้า'  ชายหนุ่มรูปร่างผอมโซ ผอมจนหนังแทบติดกระดูก แต่กลับมีวรยุทธ์สูงและฉลาดล้ำ  
เขาเข้ามาขโมยของกินในวัดและได้พบกับคุณหนูคนหนึ่งเข้า  
ตอนแรกเขาเกือบจะฆ่านาง แต่สุดท้ายเขากลับต้องพานางหลบหนีไปด้วยกัน   ........
พระเอกต้องพานางเอกไปส่งที่บ้านญาติ ตามคำขอร้องของแม่นางเอก  
ซึ่งในระหว่างที่เดินทาง ก็จะได้พบกับอุปสรรคและเรื่องราวต่างๆ มากมาย  
ที่ทำให้นางเอกซึ่งเป็นคุณหนูในห้องหอ ที่ไม่เคยออกไปเผชิญโลกภายนอกได้เติบโตขึ้นทีละน้อย 
นางเอกได้ออกไปเห็นความโหดร้ายของยุคสมัยที่กำลังจะเกิดสงครามและเกิดภัยแล้งรุนแรง  
ได้เห็นผู้คนจำนวนมากต้องพากันอดตาย เพราะไม่มีอะไรจะกิน  
ได้เห็นคนที่คอยดักปล้นชิงอาหาร หรือคนเร่ร่อนที่รุมตีคนจนตาย เพียงเพื่อหมั่นโถวไม่กี่ลูกเท่านั้น

เล่มนี้เหมือนกำลังเริ่มปูพื้น และทิ้งปริศนาไว้เพื่อนำไปสู่เรื่องราวต่างๆ  
ที่ดูจะยุ่งยากวุ่นวายมากยิ่งขึ้น  เบื้องหลังของพระเอกที่ยังคงเป็นปริศนา  
เรื่องเหตุการณ์ในบ้านของนางเอก ที่จู่ๆ ก็พลิกผันในชั่วข้ามคืน  
และสถานการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมืองในตอนนี้อีก (ต้องมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวด้วยแน่ๆ)   
ชอบเรื่องนี้ที่ไม่ได้ยกแต่ศัตรูคู่แค้นของพระ-นางมาเป็นอุปสรรคหรือตัวร้ายอย่างเดียว  
แต่ชอบที่หยิบเรื่องความอดอยากและภัยแร้งเข้ามาด้วย  .......
คนเราในยามที่ไม่มีแม้แต่รากไม้จะกิน  เพื่อให้มีอะไรตกถึงท้อง  เพื่อความอยู่รอด
แม้แต่คนดีๆ ก็ยังกลายเป็นปีศาจได้  ระหว่างทางพระ-นางจะเจออะไรแบบนี้อยู่ตลอด  
ทั้งหดหู่ ทั้งเศร้าใจ  แต่ทั้งสองคนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะลำพังแค่ตัวเองก็จะไม่รอดอยู่แล้ว  
นางเอกก็ไม่ได้เอาแต่ใจ ดึงดันจะทำตัวเป็นคนดีช่วยคนอย่างเดียวโดยไม่สนใจใคร  
เพราะเมื่อเดินทางมาเรื่อยๆ นางก็ได้เรียนรู้ว่าการจะช่วยคนอื่นได้นั้น... 
หมายถึงต้องไม่ทำให้ตัวเอง หรือคนรอบข้างต้องเดือดร้อนตามไปด้วย  
ต้องสามารถปกป้องคุ้มครองตัวเองให้ได้ก่อน ถึงจะสามารถยื่นมือไปช่วยเหลือคนอื่นได้   ... 
และเราก็จะได้เห็นพัฒนาการความรักของพระ-นางคู่นี้  
ที่ไม่ใช่แบบพอเห็นหน้ากันปุ๊บก็ตกหลุมรักกันปั๊บ 
แต่จะเป็นแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ละมุนละไม ค่อยๆ เติบโตไปด้วยกัน  
แบบที่คนอ่านไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่าไปรักกันตอนไหน?  เมื่อไร?  แล้วทำไมถึงรัก? .....

......................................................................................................................

     ....นางไม่รู้ว่าหลังจากนางตายแล้วท่านเก้าจะเป็นเช่นไร
เป็นเพราะนางคนเดียวทำให้เขาต้องเดือดร้อนไปด้วย
    บุญคุณของเขา  นางไม่อาจตอบแทนได้แล้วในชาตินี้ คงได้แต่รอชาติหน้า
ทว่าบางทีชาติหน้านางยังคงเป็นคนที่ถ่วงรั้งเขาไว้อีก   
    ไม่แน่ว่าเขาอยากหลบลี้หนีหน้าแทบไม่ทันก็เป็นได้ ..... 


วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ยอดหญิงหมอเทวดา เล่ม 1-3


ยอดหญิงหมอเทวดา เล่ม 1-3 (7เล่มจบ) / ผู้แต่ง : อวี่จิ่วฮวา / ผู้แปล : เม่นน้อย
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

คำโปรยหลังปก
     เมื่อแพทย์สาวผู้เก่งกาจต้องย้อนเวลากลับไปเป็นกระต่ายป่วยขี้โรคในยุคอดีต
แม้ว่าจะมีวิชาแพทย์อันล้ำเลิศติดตัวอยู่แต่ก็เหมือนจะสูญเปล่า
     เพราะไม่อาจรักษาโรคของตนเองได้
ซ้ำยังถูกสามีทอดทิ้งให้ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากเดียวดาย
แต่ถึงกระนั้นสวรรค์ก็ยังซ้ำเติมนาง  ให้มีลูกฝาแฝดติดท้องมาด้วยอีก
     ชีวิตที่เดิมทีลำบากอยู่แล้ว  ยิ่งขัดสนขึ้นกว่าเดิม
แต่ก็เอาเถอะ ... มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
วิชาแพทย์ของนางจะต้องสร้างประวัติการณ์
พลิกชีวิตใหม่ให้นางได้อย่างแน่นอน!

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
ตอนแรกกะว่าจะรอให้หนังสือออกมาครบ 7 เล่มก่อนแล้วค่อยเขียน  
แต่ด้วยพลังงานบางอย่าง จึงทำให้ทนไม่ไหวต้องขอมาระบายหน่อยนะจ๊า  へ(´∀`へ) ....
 ตอนแรกที่ได้ทดลองอ่านตัวอย่างเรื่องนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้สึกเหมือนกันคือเกลียดพระเอก 55 ....รองลงมาก็อนุ 5 แล้วก็แม่พระเอก ....แต่นั่นมันแค่ช่วงแรกๆ นะ  
เพราะพออ่านมาจนถึงเล่ม 3 ลำดับอาจจะมีการสับเปลี่ยนอีกครั้ง 55+

นางเอกเป็นคุณหมอยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของ “ เจินสือเหนียง ” 
ภรรยาเอกของท่านแม่ทัพ ที่เป็นคุณหนูเอาแต่ใจ นิสัยร้ายกาจ 
นางผูกคอตายในวันที่สามีแต่งอนุคนที่ 5 ...และนางเอกก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน
พร้อมกับถูกระเห็จให้ไปอยู่ที่บ้านบรรพบุรุษตั้งแต่คืนวันนั้น แบบไม่ทันได้ตั้งตัว

แต่นางเอกก็ไม่ได้แคร์ ไล่ก็ไล่ เพราะนางก็ไม่ได้อยากอยู่กับคนที่ตัวเองไม่รู้จักอยู่แล้ว .. 
แต่ว่าเรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ เพราะใครจะไปคิดว่าเจ้าของร่างเดิมดันมีครรภ์ติดมาด้วย  
....ชะเอิงเอย ( *゜▽゜ノノ ( *゜▽゜ノノ

นางเอกเป็นคนเรียบง่าย สมถะ อ่อนโยน อ่อนนอกแต่แข็งใน รู้สึกสบายใจยามที่อยู่ใกล้ชิด 
(นี่แหล่ะสเปคท่านแม่ทัพเลยนะจะบอกให้ 55+)  แต่เดิมก่อนที่จะทะลุมิติมานางเอกเคยเป็นหมอ  
ดังนั้นพอมาอยู่ในโลกนี้ นางจึงได้ใช้อาชีพเก่าทำมาหากินภายใต้ชื่อ 'หมอเจี่ยน' 
จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหมอเทวดา  แต่เนื่องด้วยสตรีไม่อาจเป็นหมอได้
แถมนางยังเป็นถึงภรรยาเอกของท่านแม่ทัพ  เรื่องนี้จึงถือเป็นความลับสุดยอด  

จะให้ใครรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะพระเอกยิ่งให้รู้ไม่โดยเด็ดขาด แต่ทว่าความลับมักจะไม่มีในโลก ..อิอิ              
นางเอกใช้ชีวิตอยู่ในบ้านบรรพบุรุษกับลูกชาย และสาวใช้อย่างยากจนข้นแค้น 
ทรัพย์สมบัติที่เคยนำติดตัวมาด้วยก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บของนางเอง  
เพราะไม่มีเงินรักษาแล้ว แถมยังต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงคนในบ้าน  บวกกับอดมื้อกินมื้อ  
ยาก็ไม่ค่อยได้กิน ร่างกายจึงแย่ลงเรื่อยๆ กระทั่งตัวนางเองก็ยังรู้ว่าร่างนี้คงอยู่ได้เต็มที่ไม่เกิน 2 ปี ดังนั้นเมื่อพระเอกกลับมา นางจึงพยายามอดทนอดกลั้น เพื่ออนาคตของลูกทั้งสองคน (-_- )

พระเอก “ เสิ่นจงชิ่ง “  เป็นท่านแม่ทัพที่สมกับฉายา เจ้าหน้าโง่หัวแข็ง  จริงๆ ( ̄▽ ̄;) .... 
เพราะพี่แกเป็นคนตรงมาก แถมยังเผด็จการอีก  5 ปีผ่านไปไม่เคยโผล่มา
แต่พอโผล่มาก็จะหย่าเมียเลย แถมพอหย่าแล้วก็ห้ามไม่ให้เขาไปแต่งงานใหม่ด้วยนะ (แต่ตัวเองแต่งอนุเข้าบ้านแล้ว 5 คนนาจา) เพราะฉะนั้นตอนแรกๆ ที่อ่าน ก็จะมีความรู้สึกขัดใจกับอีตาท่านแม่ทัพมาก  อ่านไปก็ด่าไป 

ยิ่งตอนไปจิ๊จ๊ะกับอนุ 5 นี่แบบ ....อยากจะกระโดดถีบขาคู่ 55 ( ) ( ) .... 
แต่ๆ พออ่านมาเรื่อยๆ เราก็จะค่อยๆ เข้าใจพี่แกมากขึ้น ทำให้รู้ว่า ....
เฮ้ย!!!จริงๆ แล้วพระเอกก็ไม่ได้โง่นะแต่แค่ไม่สนใจเฉยๆ คือพี่แกเป็นผู้ชายหัวโบราณขนานแท้  
ที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ส่วนผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง แบบภรรยาต้องเชื่อฟังสามี  
เพราะฉะนั้นเรื่องในบ้านพี่แกจะไม่ยุ่ง เพราะถือว่าเป็นเรื่องของผู้หญิง  
ทำแต่งานข้างนอกอย่างเดียว  แต่หากพี่แกใส่ใจ แค่แป๊บเดียวก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างออกมาได้หมดเลย .....

พออ่านมาถึงเล่ม 3 เราจะได้เห็นความทุ่มเท การปกป้อง ที่พระเอกมีต่อนางเอกมากยิ่งขึ้น  
พระเอกจะแวะเวียนมาหานางเอกอยู่บ่อยๆ และค่อยๆ หลงรักเมียไปทีละนิดโดยไม่รู้ตัว  
เพราะนี่แหละคือสิ่งที่ตัวพระเอกต้องการมาตลอด ความสงบ ความเรียบง่าย ความสบายใจ  
แต่ก็ต้องผิดหวังกลับไป เพราะนางเอกยังไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน   
บอกเลยว่าทั้งสงสารทั้งโกรธพระเอกด้วย  โกรธเรื่องความกตัญญูของพี่แก  
กตัญญูแบบไม่ลืมหูลืมตา  ทั้งๆ ที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่มีแต่คนเคารพยำเกรง หวาดกลัว  
แต่ทำไมกับแม่ตัวเองถึงจัดการไม่ได้ว้า ( ดีนะที่นางเอกไม่บ้าไปด้วย..คือยังดีที่นางเอกคิดได้ว่าตัวเองเหลือเวลาอีกแค่ 2 ปี  ในเมื่อพยายามแล้วแต่แม่สามียังไม่ชอบแล้วจะไปเสียเวลาทำไม เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ) คือตอนนี้มันจะมีหลายฝ่ายหลายคนที่คิดไม่ดี หรือต้องการฆ่านางเอก 
ทั้งฮองเฮา ไทเฮา บลาๆ แต่อ่านแล้วมันก็ยังโมโหไม่เท่ากับตอนที่แม่พระเอกอยากจะฆ่านางเอกนะ ....อนุ 5 ที่ว่าเกลียดแล้ว ก็ยังแพ้แม่พระเอกอะคิดดู 55+ ....
คือแม่พระเอกนี่มัน
Last Boss จริงๆ  แก่แล้วแก่เลยมากๆ  เจ้าคิดเจ้าแค้นจนไม่ฟังเหตุผลอะไร
แล้ววิธีการแต่ละอย่างก็ไม่ได้ฉลาดอะไรเล๊ย  หูเบามาก 
เชื่อคำพูดทุกคนยกเว้นพระเอก  สมควรแล้วที่โดนม็อบชาวบ้านเขวี้ยงของใส่ 55+  
คือกะจะเอานางเอกให้ตายให้ได้อย่างเดียว โดยไม่สนใจไม่ไว้หน้าลูกตัวเองเลย  
เอาคำว่ากตัญญู เอาความเป็นแม่มาบีบพระเอก  
พระเอกก็คนกลาง เมียก็รัก แม่ก็ต้องกตัญญู  จะทำอะไรรุนแรงก็ไม่ได้  
ได้แต่อดทนๆ ๆ ก้มหัวคุกเข่าขอร้องอย่างเดียว ... ( นี่ไม่ประสาทแตกตายก่อนก็สุดยอดแล้ว )

มาถึงตอนนี้ความลับหลายๆ อย่างที่นางเอกพยายามปิดไว้ ก็ค่อยๆ ทยอยถูกเปิดเผยออกมาทีละเรื่องแล้ว  ทีนี้ก็เหลืออย่างเดียวคือเรื่องลูก ... อยากรู้เรื่องนี้ที่สุดเลย  
อยากรู้ว่าพระเอกจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าตัวเองมีลูกแล้ว  แถมเป็นลูกชายฝาแฝดด้วยนะจ๊ะ ... 
ทั้งขำทั้งเห็นใจเพราะเรื่องนี้คนอื่นเค้ารู้กันหมดแล้ว ฮ่องเต้ก็รู้ เพื่อนสนิทพี่แกก็รู้  
เขารู้กันจนจะทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว มีแต่ท่านแม่ทัพใหญ่นี่แหละที่ยังไม่รู้ 55+ ρ(′▽`o)ノ゛...  
(เดี๋ยวจะรอดูหน้านะจ๊า อิอิ ...เดาว่าน่าจะรู้เล่ม 4 นี่แหละ )

ปล. อยากรู้จริงๆ ว่าตอนจบแม่พระเอกจะเป็นยังไง  แล้วก็อนุ 5 เมียรักของพี่แกด้วย
จะแสร้งทำตัวเป็นคนดีเรียบร้อย อ่อนโยน ตบตาพระเอกไปได้อีกนานแค่ไหน ...
ตัวละครอื่นๆ เราไม่ค่อยอยากรู้  แต่ 2 คนนี้ไม่รู้ไม่ได้ 55+
................................................................................................................................................

" ข้าภรรยาอยากมอบอิสระให้ท่านแม่ทัพจากใจจริง! " นางขบริมฝีปาก
" ข้าภรรยามีมารดาบุญธรรม ไม่นับว่าไม่มีบ้านให้กลับ 
ต่อให้ข้างนอกมีศัตรูคอยปองร้าย  พี่เซียวก็สามารถปกป้องข้าภรรยาให้ปลอดภัยได้ "
" เจ้าหุบปาก "  เสิ่นจงชิ่งตบโต๊ะดังปัง  เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ
" คนของข้าใยต้องให้เขามาปกป้องด้วย! "
...............................................................................................................

  ' เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ายามความรักที่นางทุ่มเทให้เขา   ความรักที่เขาเคยคิดว่า
เป็นพันธนาการผูกมัดร่างกายหายไปหมดแล้ว เขาจะรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้   
เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก  นอกจากเหนี่ยวรั้งนางไว้ด้วยกำลังแล้ว  
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายังทำอะไรได้อีกบ้าง ... '
...............................................................................................................

ฮูหยินผู้เฒ่าสะท้านเฮือก
ก่อนหน้านี้เสียงกลองดังสนั่นทำให้นางไม่ได้ยินว่ากลุ่มคนที่มุงดูอยู่รอบด้านพูดอะไรบ้าง
แต่คำว่า 'ยายแก่เสียสติ' ทำให้นางตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
นี่มันอะไรกัน  นางผดุงคุณธรรมโดยไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัว  
หย่าเจินสือเหนียงที่ประพฤติตัวเสื่อมเสียย่อมเท่ากับขจัดสิ่งไม่ดีให้บ้านเมือง  
ทุกคนควรจะยกย่องชื่นชมสรรเสริญความดีงามของนางมิใช่หรือ 
เหตุใดจึงด่านางว่า 'ยายแก่เสียสติ' ล่ะ