วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

ลิขิตรักด้ายแดง เล่ม 1


ลิขิตรักด้ายแดง เล่ม 1 (3เล่มจบ) / ผู้แต่ง : หมิงเยวี่ยทิงเฟิง
สำนักพิมพ์ Happy Banana

คำโปรยหลังปก
     เมื่อสาวแก่ขายไม่ออกผู้มีความรอบรู้ด้านจิตวิทยาอาชญากรในยุคปัจจุบัน
มาพบกับจอมยุทธ์ผู้สง่างามที่ภายนอกเย็นชาแต่ภายในเร่าร้อน  
เรื่องราวความรักที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำซับซ้อนแต่ก็น่ารักและอบอุ่นจึงเปิดฉากขึ้น ....

     ซูเสี่ยวเผย ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอาชญากร ถูกแม่บังคับให้ไปดูตัว
สุดท้ายไม่เจอเนื้อคู่  กลับเจอชายหนุ่มคนหนึ่ง
เขาบอกเธอว่าเนื้อคู่ของเธอถูกรถชนบาดเจ็บสาหัส  เดิมทีควรตายไปแล้ว
แต่ด้ายแดงที่ผูกอยู่กับเธอแน่นเกินไป จึงยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย
แต่เนื่องจากแรงกระแทกของอุบัติเหตุ ทำให้วิญญาณกระเด็นไปยังมิติคู่ขนาน
      เธอต้องตามด้ายแดงไปยังอีกมิติแล้วพาเนื้อคู่ของเธอกลับมา 
มิฉะนั้นชาตินี้และชาติต่อๆไป  เธอจะต้องอยู่โดดเดี่ยวไปจนตาย 
      ซูเสี่ยวเผยนึกว่าเธอเจอผู้ป่วยที่มีอาการหลงผิดคนหนึ่ง ทว่าเมื่อหลับแล้วตื่นขึ้นมา
กลับพบว่าเธอทะลุมิติมาเกาะอยู่บนต้นไม้  แถมใต้ต้นไม้ยังมีจอมยุทธ์รูปงาม
มองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย
       พอคิดถึงคำพูดของชายคนนั้น เธอก็น้ำตาตกอยากสบถเหลือเกิน
แต่พอคำพูดมาถึงปากกลับกลายเป็น " ผู้กล้าช่วยด้วย!! "

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยลล์)
ชื่อคนเขียนคุ้นๆ ไหมจ๊ะ ..ใช่แล้วเรื่องนี้คนเขียนเดียวกับเรื่องพี่น้องสกุลหลงของแจ่มใสจ้า   
(ผู้เขียน สามคราวิวาห์รัก, หงส์ฟ้อนมังกรเหินและศิลาหลอมรัก)  
เรื่องนี้จะมีทั้งยุคปัจจุบันและยุคโบราณ  เพราะนางเอกของเรื่องเป็นคนยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติไปยังยุคโบราณจ้า ..เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งร้องว่าอีกแล้วเหรอๆ เพราะเรื่องนี้นางเอกเธอไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ
แล้ววิญญาณหลุดออกไปสิงร่างคุณหนูลูกผู้ดีแต่ตกอับ 
ที่กำลังจะตายแหล่มิตายแหล่เน้อ.. 
แต่เรื่องนี้มาแปลกกว่าใครหน่อยตรงที่นางเอกเธอทะลุไปทั้งตัว 
ทั้งชุดนอนลายหมีพูห์และผมบ๊อบสั้นเลยจ้า.... อิอิ

เปิดเรื่องด้วยการที่นางเอก ซูเสี่ยวเผย นั้นถูกคนที่บ้านบังคับให้ไปดูตัวเป็นรอบที่ร้อย      
แต่ไม่ว่าจะดูไปสักกี่รอบนางก็ไม่ถูกใจใครสักคน ในขณะที่ไล่คู่ดูตัวคนล่าสุดกลับไปได้
นางก็ได้
เจอกับ เยวี่ยเหล่า (หรือผู้เฒ่าจันทรา)  เยวี่ยเหล่ามาแจ้งว่าเนื้อคู่ของนางคือ เฉิงเจียงอี้  
ซึ่งเขาเพิ่งประสบอุบัติเหตุ ยังไม่ได้สติ และกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล  
แต่เนื่องด้วยวิญญาณทะลุไปมิติอื่น จึงทำให้เจ้าตัวไม่ฟื้นสักที     
และทางเดียวที่จะทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ก็คือ...นางเอกต้องทะลุมิติไปช่วยพาเขากลับมา ....

นางเอกเป็นสาวสมัยใหม่มีหรือจะเชื่อ แต่พอนอนหลับตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งแล้วจริงๆ โชคดีที่นางได้มาเจอกับท่านผู้กล้านามว่า หร่านเฟยเจ๋อ  
ชายหนุ่มที่ดูเหมือนทึ่มๆ ซื่อๆไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่แท้จริงกลับฉลาด เจ้าเล่ห์ 
หน้าไม่อายแถมยังหลงตัวเองเป็นที่สุด นางเอกได้รับการช่วยเหลือจากท่านผู้กล้า
และขอติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย เพราะในโลกนี้ ในสังคมนี้ เขาคือคนเดียวที่ฟังนางพูดรู้เรื่อง 55+  ส่วนในสายตาของคนอื่นๆ นางเอกคือสาวแก่ อัปลักษณ์ (เพราะผมสั้นไม่ยาว)  
แต่งตัวประหลาดแถมพูดจาก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง...คือถ้าไม่เจอท่านผู้กล้านี่นางเอกอาจตาย ...
เอาชีวิตไม่รอดได้เลยนะ 55+  ....

จากเรื่องที่ผ่านๆ มาของนักเขียนท่านนี้ จะต้องมีเรื่องการสืบสวนคดี  
หรือหาตัวคนร้ายเข้ามาเกี่ยวด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ไม่พลาดเหมือนกัน  
แต่จะเพิ่มเรื่องการหาคนเข้าไปด้วย (ซึ่งตอนนี้ยังหาไม่เจอ  ไม่รู้ว่าใคร? อยู่ไหน? แต่คนอ่านอย่างเราๆ ก็คงพอเดาได้เนอะว่าใคร อิอิ) นางเอกแต่เดิมนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา  
เก่งในเรื่องการวิเคราะห์จิตใจของอาชญากร พอมาอยู่ในยุคโบราณนางเลยได้ใช้ความสามารถนี้หากิน  เราชอบเรื่องนี้อะ ที่เหมือนชี้ให้เราเห็นถึงปัญหาในการย้อนเวลาผ่านตัวนางเอก
เพราะสิ่งที่นางเอกเจอมันคือเรื่องจริง การย้อนเวลาไปอยู่ในยุคสมัยโบราณมันไม่ใช่ว่าพอไปถึงก็จะปรับตัวแล้วใช้ชีวิตกันได้เลย ..นางเอกเรื่องนี้พอไปถึงสิ่งที่ต้องปรับคือคำพูด  
ซึ่งพระเอกจะคอยเตือนเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ  แล้วบอกให้นางพูดแบบนี้ เพราะไอ้ที่นางพูดคนอื่นเค้าฟังไม่เข้าใจหรอก ... และก็ดีตรงที่นางไม่ได้มีอีโก้สูงหรือดึงดันจะพูดแบบยุคสมัยใหม่นะ  
นางก็พยายามปรับเปลี่ยนตามที่พระเอกสอนนั่นแหละ  
แล้วไหนจะเรื่องห้องน้ำห้องท่าที่นางเอกไม่ชอบเอามากๆ แต่ก็ต้องเข้า (กลั้นหายใจ55+)  
เรื่องการแปรงฟัน เรื่องประจำเดือน ..โอ๊ยคือมันแบบเป็นเรื่องพื้นฐานที่ส่วนมากพอย้อนเวลาไปแล้วไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง ( เพราะมันอาจจะไม่สำคัญ )  แต่เรื่องนี้กล่าวอะ ....
คือนางเอกเป็นสาวยุคปัจจุบัน  เป็น working woman ที่ทำอะไรเองได้ พึ่งพาตัวเองได้หมด
แต่พอทะลุมิติมาเนี่ย คือนางยอมรับเลยว่าตัวเองไร้ประโยชน์มาก 55+    

แถมพระเอกก็จนไม่ได้ร่ำรวย เลยต้องช่วยกันทำมาหากินนะจ๊ะ ...

ตลกมากที่นางเอกตั้งเป้าไว้ว่าหากได้เงินจากการทำงานก้อนแรก  
สิ่งแรกที่นางจะทำคือซื้อแปรงสีฟันกับอุปกรณ์อาบน้ำ  ...
คือเรื่องนี้นางเอกต้องกังวลเรื่องปากท้อง ของกินของใช้ เรื่องค่าเดินทาง  
ต้องคอยคำนวณค่าใช้จ่าย  ต้องพยายามใช้ความสามารถที่มีอยู่หาเงิน (เพื่อให้อยู่กับพระเอกได้ ไม่งั้นเดี๋ยวพี่แกทิ้งเพราะไม่มีเงินเลี้ยง 55+ )  แต่นางจะออกหน้ามากก็ไม่ได้ เพราะสังคมจีนยุคโบราณผู้ชายเป็นใหญ่  เลยต้องให้พระเอกพูดแล้วออกหน้าแทน ( อีกอย่างเป็นเพราะนางพูดไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย คนอื่นฟังแล้วงง )

เรื่องนี้มีทั้งหมด 3 เล่มจบแต่ต้องรออีก 3 เดือนเพราะ 3 เดือนออก 1 เล่ม T^T   ....
พระ-นางในเรื่องฉลาด เคมีเข้ากัน  ความรักไม่ใช่แบบเห็นแล้วรักเลย  
แต่อยู่ด้วยกันไป ได้ช่วยเหลือกันมันเลยเกิดเป็นความรัก ( เหมาะกันดีเพราะสองคนนี้นิสัยประหลาดด้วยกันทั้งคู่ 55+ )  พระเอกเป็นยาจกทั้งตัวมีอยู่แค่ 15 เหรียญทองแดง  
ส่วนนางเอกก็เก่งในเรื่องที่ตัวเองเชี่ยวชาญแต่ก็ไม่ได้เก่งเวอร์ แบบเก่งไปหมดทุกอย่าง  
เพราะนอกจากเรื่องวิเคราะห์หาตัวคนร้ายอย่างอื่นก็ไม่ได้เรื่อง ต้องให้พระเอกสอนหมด 55+



วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

My Sunshine แสงตะวันกลางใจ


My Sunshine แสงตะวันกลางใจ / ผู้แต่ง : กู้ม่าน
สำนักพิมพ์ อรุณ

คำโปรยหลังปก
เจ็ดปี !  นานเหลือเกินที่ไม่ได้พบกัน
จ้าวโม่เซิงเพิ่งเดินทางกลับจีนหลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาหลายปี
ขณะจับจ่ายซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง
เธอก็ได้พบกับคนสองคนที่ทำให้เธอพ่ายแพ้จนต้องหนีเตลิดไปต่างประเทศ

เหออี่เชิน ... คนที่เธอรัก
เหออี่เหมย ... เพื่อนรัก

จากที่เคยคิดว่าจะต่างคนต่างอยู่  แม้ใจจะโหยหาและเจ็บปวด
แต่ท่าทีเย็นชา  วาจาเชือดเฉือนที่เขาทำกับเธอ   ทำให้เธอสงสัย
เพราะคนที่เอ่ยปากไล่ให้เธอไปไกลๆ คือเขาไม่ใช่หรือ

ความทรงจำที่สวยงามและเจ็บปวดถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
แสงตะวันที่อบอุ่นส่องสว่างในอดีตนั้นจะกลับมาเยียวยาหัวใจ
ที่บอบช้ำของคนทั้งสองได้หรือไม่ ....

ความรู้สึกหลังอ่านจบ  (อาจมีสปอยลล์)
หลังจากรอคอยมา 2 เดือนกว่าๆ เรื่องที่ 2 ของกู้ม่านก็ตามหลังมาติดๆ (ノ≧∪)ノ  
( เรื่องแรกที่ออกไปแล้วคือ Boss&Me มื้อนี้มีรัก ) เรื่องนี้เนื้อหาและตัวละครจะมีความดราม่ามากกว่าเรื่องซานซาน  แต่ก็ไม่ถึงกับร้องไห้น้ำตาตกในหรอกเน้อ  
เพียงแต่พออ่านแล้วจะรู้สึกหน่วงๆ ไปกับความรู้สึกและการกระทำของตัวละครพระ-นางอะ

พระเอก เหออี่เชิน นักศึกษาคณะวิชากฏหมายเป็นหนุ่มรูปหล่อ เฉลียวฉลาด เย็นชา 
แต่ยากจนต้องส่งตัวเองเรียน  ส่วนนางเอก จ้าวโม่เซิง เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน
แต่อยู่คนละคณะ นางเอกนิสัยซุกซน เฟอะฟะซุ่มซ่าม พูดมากช่างคุย 
ชอบหาเรื่องให้พระเอกดุได้อยู่ตลอด...ในสมัยเรียนพระเอกจะเป็นคนที่ป๊อปปูล่ามากๆ 
เป็นดาวเด่นของคณะมีแต่คนรู้จัก เพราะหน้าตาหล่อแถมหัวก็ดี  
มีแต่คนมาตามจีบแต่สุดท้ายกลับมีคนเดียวที่จีบสำเร็จก็คือนางเอกนั่นเอง 
หรือพูดง่ายๆ คือนางเอกเป็นคนเดียวที่พระเอกยอมเปิดโอกาสให้
ในขณะที่คนอื่นๆ พระเอกไม่ให้โอกาสเลย
 
ทุกๆ อย่างดูเหมือนจะดี ถ้าหากไม่เกิดเรื่องบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองคนผิดใจกัน  
และนางเอกก็เลือกที่จะจากไป แต่เมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งคู่ก็ต้องเผชิญกับคำถามมากมายที่ถูกเก็บเอาไว้มาตลอด 7 ปี  เพราะต่างคนต่างก็คิดว่าพวกเขาเป็นฝ่ายถูกทิ้ง   
นางเอกยังไม่เท่าไร เพราะด้วยนิสัยที่เป็นคนความรู้สึกช้าและมองโลกในแง่ดี จึงไม่ได้โกรธเคืองอะไร แค่กลัวกับไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงมากกว่าถ้าหากได้เจอหน้ากันอีก  
ส่วนพระเอกนี่ตรงกันข้ามเพราะถึงภายนอกจะเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยพูด  
แต่เป็นคนที่ถ้ารักใครรักจริง รักแล้วก็รักเลยและก็จะรักตลอดไป  
เพราะฉะนั้นพี่แกจึงมาเต็มจ้า โกรธแรงมากๆ  7 ปีผ่านไปนี่บอกได้เลยว่าทั้งรักทั้งแค้น  
ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายยังไงเขาก็จะรอนางเอกตลอดไป แต่ก็ยังโกรธมากๆ อยู่ดี  ...
พอเจอหน้าก็ทำตัวห่างเหิน พูดจาทำร้ายจิตใจ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำเอานางเอกเสียใจไปไม่ถูก T^T แต่พระเอกกลับเสียใจยิ่งกว่า เพราะที่ทำไปทั้งหมดนั้นก็ทำร้ายตัวของเขาเองด้วยเช่นกัน 

สุดท้ายพระเอกก็ฝืนตัวเองต่อไปไม่ไหว เพราะให้ตายเขาก็ไม่สามารถปล่อยมือจากนางเอกไปได้จริงๆ  แม้จะยังไม่เข้าใจว่า 7 ปีที่ผ่านมานั้นคืออะไรทำไม? และเพราะอะไร?  
แต่เขาก็ต้องการนางเอกมากอยู่ดี ส่วนนางเอกก็เหมือนกันเธอก็ต้องการแค่ เหออี่ เชิน ' 
คนนี้คนเดียวเท่านั้นเหมือนกัน

ปล. จบ Happy จ้า ไม่ต้องห่วงเน้อ  (*^ ・^)ノ
ปล. ของแถมในรูปมีเฉพาะรอบพิมพ์ครั้งที่ 1 นะจ๊ะ
........................................................................................................................
" เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ "
" หา " คล้ายกับโดนเธอเรียกให้ตื่น น้ำเสียงของโม่เซิงหดหู่เล็กน้อย
" ไม่มีอะไร  แค่คิดถึงเรื่องเมื่อก่อนกับเขา .. กับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่เคยเดินเล่นด้วยกันที่นี่
ฉันหาเขาตั้งนานกว่าจะเจอ  ฉันเลยพูดกับเขาว่า ถ้ายังหาคุณไม่เจออีก 
ฉันจะปีนไปบนเวทีจัดแสดงนั่นแล้ว "
" ทำไมล่ะ " 
" เขาก็ถามแบบนี้เหมือนกัน "  โม่เซิงยิ้มเศร้าๆ  
" ฉันพูดว่า ก็ในเมื่อฉันหาคุณไม่เจอ  ทำได้แค่ยืนอยู่ในที่ที่สะดุดตาเพื่อให้คุณหาเจอไง "
อี่เชินปรากฏตัวในโทรทัศน์เพราะหวังว่าเธอดูแล้วจะไปหาเขาใช่ไหม  ครั้งนี่เปลี่ยนเป็นเขาที่ยืนอยู่ในสถานที่สะดุดตา
หรือว่า  เธอจะคิดไปเองข้างเดียวอีกแล้ว
" เป็นคนที่เธอชอบ? " เถาอี้จิงถาม
โม่เซิงไม่ได้ตอบ  เวลาผ่านไปนาน เถาอี้จิงก็เหมือนได้ยินเธอพูดว่า " .... คนที่ชอบมาก "

...........................................................................................................................
" ตอนนี้คุณยังถอยได้นะ " เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอ  จึงเอ่ยขึ้นโดยไม่หันไปมอง
ถึงรู้ว่าเขามองไม่เห็น  แต่เธอยังคงส่ายหน้า  " เข้าไปกันเถอะ "
" โม่เซิง นี่คือสิ่งที่คุณเลือกเองนะ "  เขาเอ่ยเสียงเข้มลึกขึ้นเหนือหัวเธอ
" นับจากนี้ไป ถึงแม้ว่าพวกเราจะทรมานกันและกันไปทั้งชาติ ผมก็จะไม่ยอมปล่อยคุณไป "


วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

หงส์สังหาร


หงส์สังหาร  2  เล่มจบ  /  ผู้แต่ง : Yi Du Jun Hua
สำนักพิมพ์  Hongsamut 

คำโปรยหลังปก
แกร่งเหมือนมด อดเหมือนกา กล้าเหมือนหญิง
ฝันร้ายของ ‘อินจู๋หลี’ เกิดขึ้นในคืนอันมืดมิด
นางคือพยานหนึ่งเดียวที่แอบเห็นการลอบสังหารมารดาของตน
เรื่องทั้งหมดไม่ใช่อย่างที่หลายคนพยายามสรุปให้เป็น
แต่เด็กหญิงอย่างนางจะทำอะไรได้?
อินจู๋หลีหล่อเลี้ยงตัวเองด้วยความแค้น
สักวันหนึ่งเถิดนางจะเติบโตขึ้น จะแข็งแกร่ง อดทน และกล้าหาญ
เมื่อวันนั้นมาถึงนางจะฟันไม่เลี้ยงเลยสักคนเดียว!
ราชสีห์แสร้งสวมหนังแกะ
เสิ่นถิงเจียวเป็นท่านอ๋องเก้าที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เป็นรอยด่างหนึ่งเดียวของราชวงศ์
เขาห่างไกลจากราชบัลลังก์ ไร้อำนาจ ไม่ร่ำรวย เป็นม้านอกสายตาของทุกคน
ซ้ำยังโง่! ไม่น่าแปลกใจว่าใครๆมักมองข้ามเขาอยู่เรื่อย
แม้กระทั่งศึกชิงบัลลังก์ ยังไม่มีใครส่งนักฆ่าสักคนมาลอบสังหารเขา... ดูเอาเถอะ!
แต่แล้ววันหนึ่ง หญิงแกร่งกลับมาแต่งกับอ๋องห่วย
เสียงหัวเราะเยาะจึงดังท่วมเมือง
หากอินจู๋หลีต้องการชายงามไร้สมอง    เสิ่นถิงเจียวก็ต้องการมารดาคนที่สอง
เช่นนั้น... ก็ปล่อยให้พวกเขาจูบปากกันเถอะ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
นางเอก อินจู๋หลี เจ้าบ้านสกุลอิน ตระกูลคหบดีที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในแผ่นดิน 
กล่าวกันว่าทรัพย์สมบัติของตระกูลอินนั้นสามารถสร้างแคว้นได้แคว้นนึงเลยทีเดียว  
แต่เพราะความร่ำรวยที่มากจนเกินไป จึงนำพามาซึ่งโศกนาฏกรรมทั้งหลายทั้งปวง  
เริ่มจากสูญเสียมารดาไปตั้งแต่เด็ก ครอบครัวแตกแยก บ้านแตกสาแหรกขาด
มีญาติก็เหมือนไม่มี และเพราะความร่ำรวยนี้จึงทำให้วงศ์ตระกูลเกือบล่มสลาย
เพราะถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อแผ่นดิน 
ในใจของนางเอกตั้งแต่เล็กจนโตจึงสั่งสมไปด้วยความแค้น  แถมตัวนางก็เป็นพ่อค้าแล้วมีหรือที่จะไม่ทวงคืน จะช้าจะเร็ว แต่ในเมื่อเรียกว่าหนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องทวง (เอา)คืน!

พระเอก เสิ่นถิงเจียวเป็นราชสีห์ที่สวมหนังแกะ เพื่อความอยู่รอดจึงต้องแสร้งทำตัวเป็นองค์ชายที่ไม่เอาไหน ใช้ชีวิตเสเพล วันๆ เอาแต่กินนอน เที่ยวเล่น เข้าหอนางโลม
ใช้เงินมือเติบ 
ทั้งตัวมีดีอยู่อย่างเดียวคือรูปโฉมหล่อเหลางดงาม (ถูกใจนางเอกมากเหมือนแมวน้อยขี้อ้อน)  เพราะราชสำนักเลี้ยงพี่แกไม่ไหว เลยพระราชทานสมรสให้แต่งงานกับนางเอกที่เป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในแผ่นดิน ให้นางเอาไปเลี้ยงแทนซะเลย 55+

เรื่องนี้พระ-นางเหมือนสลับบทกันเลย 55+  แถมนางเอกยังเป็นสายเปย์อีก แม่บุญทุุ่มมาก 
ให้อารมณ์เหมือนพี่สาว-น้องชาย (เพราะนางเอกเราจะแก่กว่าพระเอก 4 ปี เน้อ อิอิ )  
แรกๆ พระเอกจะอ่อนด๋อยมาก แทบไม่ได้โชว์ความสามารถอะไรเลย 
┏(*´∀`)
   
แต่พอถึงคิวได้โชว์ ก็โดนนางเอกแย่งซีนไปหมดแล้วแหละ 55+ ...
เพราะเรื่องนี้ชูนางเอกจ้า
 
เพราะนางเก่งจริง+ฉลาดจริง ทั้งยังเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ  
มองการณ์ไกล ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดหาทางหนีทีไล่เอาไว้ได้หมด  
ถึงจะพลาดแผนหนึ่ง แต่ก็ยังมีแผนสองแผนสามคอยรองรับ เรียกได้ว่าไม่มีขาดทุน  
(ทั้งเรื่องนี่เหมือนจะขาดทุนให้คนเดียวคือพระเอกนะ 55+) ...

เนื้อเรื่องโดยรวมเกี่ยวกับการแย่งชิงบัลลังก์+การเมือง และความหวาดระแวงของใครต่อใครที่มีต่อตระกูลอิน (เป็นตระกูลที่มีมิตรเยอะพอๆ กับศัตรู เพราะกุมความลับของคนอื่นเอาไว้แยะ)  ในระหว่างที่วางแผนแย่งชิงบัลลังก์ นางเอกก็จะวางแผนแก้แค้นคนที่เคยติดหนี้นางเอาไว้ไปด้วยพร้อมๆ กันเลย  ไม่สิ! ต้องบอกว่าการแย่งชิงบัลลังก์นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ในการแก้แค้นของนางเอกต่างหากเล่า 55+ ....

ความรักของพระ-นางในช่วงแรกๆ จะเป็นไปแบบหวังผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน  
ทั้งสองคนต่างก็แสดงละครด้วยกันทั้งคู่ แต่เราว่าแต่ละอย่างที่ทั้งสองคนทำให้กันเนี่ย
บางทีมันยิ่งกว่าคำว่ารักอีกนะ  ในเรื่องบทหวานน้อย ยิ่งเรื่องพูดจาหวานๆ ให้ตัดไปได้เลย 
ขอให้ดูที่การกระทำอย่างเดียวจ้า
เพราะถึงนางเอกจะโหด
ถึงข้างในจะมีความดำมืดซุกซ่อนอยู่มากแค่ไหน แต่เพื่อให้พระเอกได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคงปลอดภัย นางก็ทุ่มเทและเสียสละไปมากมายจริงๆ
คือนางจะรู้ว่าเมื่อไรควรอยู่ เมื่อไรควรไป เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องปล่อยนางก็ปล่อยจริงๆ 
(ทำเอาสามีร้องไห้เพราะไม่อยากให้เมียจากไป  แต่จะทำไงได้เพราะตอนนี้ตัวเองยังแข็งแกร่งไม่พอ และที่เมียต้องไปก็เพื่อตัวเองทั้งนั้น T^T )  และเมื่ออยู่ในจุดที่สูงที่สุด
พระเอกก็ต้องยืนอยู่ท่ามกลางคมหอกคมดาบมากมาย ทั้งซ้าย-ขวา หน้า-หลัง
ไม่ว่าใครก็พากันบีบคั้นเขา และพร้อมจะแทงข้างหลังได้เสมอ 
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไร เขาก็ยังคงเชื่อใจเมีย เชื่อโดยสัญชาติญาณ แม้ว่านางจะได้ชื่อว่าเป็นแม่ค้าหน้าเลือดก็ตาม ...จากที่คิดว่าจะไม่รัก ก็เลยกลายเป็นรักโดยไม่รู้ตัว
แม้ปากจะบอกว่าไม่ แต่การกระทำกลับปิดไม่มิด  

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ละครได้จบลง แล้วแปรเปลี่ยนกลายเป็นความรู้สึกที่แท้จริง ....
............................................................................................................
" นับแต่ข้าตัดสินใจเดินทางกลับฉางอันพร้อมกับอ๋องเก้า  
เจ้าก็มิใช่ตัวเลือกอันดับสองของข้าอีกต่อไป  เข้าใจหรือไม่ "
" อ๋องเก้าของข้าคือผู้ที่อยู่เหนือความคาดหมาย ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ .... "

เสิ่นถิงเจียวอิงตัวอยู่ในอ้อมกอดของนาง  เวลาเจ็ดปีอาจจะไม่สามารถเติมเต็มในช่วงเวลา
ที่ขาดหายไปของเขา แต่เขายังมี 'เวลาเจ็ดปี' อีกมากมายที่จะอยู่เป็นเพื่อนนาง .....
" เจ้าไม่จำเป็นต้องลืมเขา แต่ข้าหวังว่าระหว่างเราสองคนจะไม่มีเขากั้นอยู่ตรงกลาง
ไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียวที่ดีต่อเจ้า  ...ข้าก็สามารถเช็ดน้ำตาให้เจ้าได้เช่นกัน " ...