วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

รักไม่ได้ลิขิต : Unsuitable Lover


รักไม่ได้ลิขิต : Unsuitable Lover 2 เล่มจบ + เล่มพิเศษ  / ผู้แต่ง : ไป๋อวิ๋น
สำนักพิมพ์ ฝู

คำโปรยหลังปก
อะไรนะ!?
คู่นัดดูตัวของผู้ชายหล่อเหลาเลิศเลอเปอร์เฟ็กต์ที่สุดในโลกหล้าอย่างเขา
ดันเป็นผู้ชายพันธุ์ไดโนเสาร์ที่ทั้งขาเป๋แล้วก็น่าเบื่อเนี่ยนะ?
บ้าเอ๊ย  หน้าทู่เหมือนหัวมันแบบนี้ก็ควรอยู่แต่ในบ้าน  
อย่าออกมาสร้างมลพิษทางสายตาให้ชาวโลกสิ!
ต่อให้ผู้ชายตายหมดโลก  เขาก็ไม่มีวันชอบหมอนี่แน่นอน!
เฮอะ .... ไปตายซะเถอะไป

แค่เห็นเผิงอี้หานแวบแรก  หลินซีไห่ก็ตัดสิน ' โทษประหาร ' ให้เรียบร้อยแล้ว
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าไดโนเสาร์หน้าทู่จะทำอาหารอร่อยสุดยอด
เจอผู้ชายทนมือทนเท้า  ละเอียดลออ  แถมยังอ่อนโยนทั้งที
ไม่จับมาเป็นคนรับใช้พ่อครัว  พ่วงสุนัขเฝ้าบ้านแบบฟรีๆ อย่าไรไหว?
โอเค  ตกลงตามนี่แหล่ะ!
เผิงอี้หาน  นายต้องใช้ผลบุญที่สะสมมาหลายชาติเลยนะ
ถึงได้อยู่ร่วมบ้านกับหนุ่มหล่ออย่างฉัน  แต่บอกไว้ก่อน
อย่าริิ่านทำตัวเป็นคางคกอยากกินเนื้อหงส์ฟ้าเชียวล่ะ!

ความรู้สึกหลังอ่านจบ  ( อาจมีสปอยล์ )
ขอบคุณสำนักพิมพ์ที่ reprint และทำให้เราได้มีโอกาสอ่านกับเขาสักที 
( เพิ่งมาตามงานของฝูเลยเก็บได้แค่ 3-4 เรื่องเอง สงสารตัวเองยิ่งนัก (;)  )

รักไม่ได้ลิขิต 2 เล่มจบ เรื่องนี้นายเอกนิสัยนางพญาจริงๆ 55+ ( *゜▽゜ノノ ........ 
โดยเฉพาะเล่มแรกอ่านไปก็สงสารพระเอก เพราะนายเอกเค้าโปรไฟล์ดีจริงๆ 
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน ฐานะการเงิน ก็สมควรที่นางจะสวย เริด เชิดหยิ่งอะนะ 
ไม่แปลกที่อยากได้คู่ครองที่มีโปรไฟล์+รสนิยมเดียวกับตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการรักแท้ 
รักที่มั่นคงไม่ใช่รักๆ เลิกๆ เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า (นายเอกเค้าหวงตัวนะยังเก็บครั้งแรกไว้ให้สำหรับคนที่ใช่จริงๆ เท่านั้น)  ส่วนพระเอกน่ะหรือ ก็ตรงข้ามกับนายเอกเลยยังกับมาจากคนละโลก  
พระเอก “ เผิงอี้หาน ”  เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หน้าตาธรรมดา แต่งตัวเชยๆ 
ไม่มีอะไรโดดเด่นแถมขาก็เป๋อีก  แต่มีนิสัยอบอุ่นอ่อนโยนและใจดี  
เป็นพ่อบ้านพ่อเรือนด้วย เพราะทำอาหารกับทำความสะอาดบ้านเก่ง    

ได้มาเจอกับนายเอก “ หลินซีไห่ “ เพราะเพื่อนนัดให้มาดูตัวกัน แต่ก็เป็นไปตามคาด
เพราะนายเอกแทบไม่แลพี่แกเลย  แถมยังพูดจาดูถูกทำร้ายจิตใจอีก  
นิสัยนายเอกนี่มันจริงจริ๊ง เป็นคนมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองมากเลยไม่ค่อยเห็นใครอยู่ในสายตา 
ด้วยนิสัยแบบนี้ช่วงแรกๆ นางเลยทำร้ายจิตใจพระเอกไปค่อนข้างเยอะ 
ตอนแรกๆ พระเอกก็ทนไหวนะ จะจิกกัดหรือใช้เหมือนทาสแค่ไหนพี่แกก็รับได้   
แต่หลังๆ มันมีเรื่องเข้ามาอีกไง เลยทำให้พี่แกแบบไม่ไหวแล้ว 
อยู่กับนายเอกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว    .... (*m)  

พอมาถึงเล่ม 2 พระเอกก็กลับมา....แต่ 5 ปีผ่านไปพี่แกไม่ได้กลับมาคนเดียวนะจ๊ะ
พี่แกกลับมาพร้อมกับแฟนใหม่จ้า ส่วนช่วงที่พระ-นายไม่ได้เจอกันนายเอกเค้าก็ปรับปรุงตัวนะ 
นางเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังมือกลายเป็นคนเงียบๆ เก็บตัว เฝ้ารอพระเอกอยู่เงียบๆ
เพราะยังหวังอยู่ลึกๆ ว่าสักวันพระเอกจะยอมเชื่อตัวเอง แล้วหันกลับมารักนางอีกครั้งหนึ่ง .... 
นางยอมทิ้งศักดิ์ศรี ทิ้งเกียรติที่ตัวเองเคยภาคภูมิใจเพื่อพระเอก  
รู้ทั้งรู้ว่าพระเอกมีแฟนใหม่ไปแล้ว แต่ก็ขอแค่ได้เป็นเพื่อนอยู่ใกล้ๆ 
ได้เห็นหน้าพี่แกสักนิดก็ยังดี แม้มันจะทำให้ต้องเจ็บปวดแต่นางก็ยอม .... 
ถ้าเล่มแรกสงสารพระเอก  เล่ม 2 ก็ต้องสงสารนายเอกนี่แหละจ้า.. 

เนื้อเรื่องหน่วงๆ พอประมาณ ต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยว่าเมื่อไรพระ-นายจะได้ลงเอยกันสักที
ในเมื่อต่างก็รักกันแล้วทำไมจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ล่ะ  ได้แต่มองกันอยู่ห่างๆ
ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่ 
5 ปีผ่านไปนายเอกเปลี่ยนนิสัยตัวเองใหม่ แล้วเฝ้ารอพระเอกอยู่เงียบๆ 
หากอะไรที่ทำให้พระเอกสบายใจได้เค้าก็จะทำถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากทำก็เถอะ  
ส่วนพระเอกก็เอาแฟนใหม่มาเป็นเกราะกำบัง เพื่อกันนายเอกให้อยู่ห่างและไม่ให้ตัวเองต้องถลำลึก  ..นายเอกเราเห็นมั่นๆ เริดๆ เชิดๆ แบบนี้แต่ประสบการณ์เรื่องxx  แทบเป็นศูนย์เลยน๊าจ๊า  
เพราะถ้าไม่ใช่คนที่รักจริงๆ นางก็ไม่เอาจ้า นางเป็นคนถ้ารักใครรักจริงแล้วก็รักไปจนชั่วชีวิต   
หลังจากที่พระเอกจากไป ถึงมีคนโปรไฟล์เริดๆ มาตามจีบ นางก็ไม่เอาจ้า 
ต้องเป็นพระเอกเท่านั้นนางถึงจะยอม ( ̄‥ ̄)=3 

…ปล. เหมือนจะดราม่าแต่ก็จบแฮปปี้เน้อ  
............................................................................................................................

" ไม่ต้องเสียใจไปหรอก  พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้อยู่นะ " เผิงอี้หานตบหลังฝ่ายตรงข้ามเบาๆ ใบหน้าสะท้อนความเจ็บปวด  ขณะที่ดวงตามีน้ำอุ่นเอ่อคลอด้วยความอาลัย
" ไม่เอา "  หลินซีไห่ปฏิเสธเสียงเครือ
เขาไม่อยากเป็นเพื่อน  เขาอยากเป็นคนรัก!
...............................................................................................................................

" ปล่อยนะ เผิงอี้หาน! ไอ้คนงี่เง่า กล้าดียังไงมาหลอกฉัน "
" ไม่ปล่อย  คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยมือจากนายอีกเป็นอันขาด "
" พวกเราจบกันแล้ว ปล่อยฉัน  ฉันบอกลานายไปแล้วไม่ใช่หรือไง! "
" แต่ฉันไม่อยากเอ่ยคำลากับนาย "
" อย่าบอกลาฉันอีกนะ  ซีไห่  ฉันรักนาย! "
น้ำอุ่นที่เอ่อขึ้นมากบตาทะลักพรูลงมาราวกับทำนบแตกในวินาทีนั้น  ริมฝีปากของหลินซีไห่สั่นระริก ใบหน้าบิดเบี้ยว ...


วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา เล่ม 1-2


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา เล่ม 1-2 / ผู้แต่ง : เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว 
ผู้แปล : ซินโป-หย่งชุน
สำนักพิมพ์ earnest

คำโปรยหลังปก
   ยินดีต้อนรับสู่เรือนมัจฉา
เหลาสุราปีศาจแห่งความพิศดารลุ่มลึก
   จิบเมรัยเคล้าเรื่องราวบุญคุณความแค้น
ระหว่างมนุษย์กับอมนุษย์
    สดับนิทานแห่งโลกคู่ขนาน
ที่ความมืดปรากฏในจิตใจคน
และความสว่างปรากฏในร่างภูตผี
    พบพานการผจญภัยสุดพิศดาร
และตำนานรักสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ความรู้สึกหลังอ่านจบ  ( อาจมีสปอยล์ )
มาๆ เร่เข้ามา...มาฟังเรื่องเล่าพิศดารกึ่งจริงกึ่งไม่จริง เรื่องราวบุญคุณความแค้น ความรัก
ของภูต ผี ปีศาจ เทพ เซียนและมนุษย์  หนึ่งจอกสุราต่อหนึ่งเรื่องเล่า  
ณ เรือนมัจฉาล่มเมือง ร้านสุราที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเปี้ยนเหลียง  
โดยเจ้าของเหลาสุรานามว่า “ อวี๋จี “ เป็นสาวงามที่มาที่ไปไม่ชัดเจน 
พร้อมเด็กช่วยงานในร้านปีศาจแมว “ หมิงเหยียน “  กับปีศาจจิ้งจอก “ ไป๋ซานผี “  
และแขกขาประจำของร้านท่านมือปราบ “ หลงหยา “

ได้อ่านเล่ม 1 เมื่อปีที่แล้ว เล่มแรกมี 10 ตอนแต่ละเรื่องจบในตอน  
โดยดำเนินเรื่องราวผ่านแขกที่มาเป็นลูกค้าในเหลาสุรา 
ซึ่งแต่ละตอนจะแอบทิ้งปมปริศนาเล็กๆ น้อยๆ ของตัวละครหลักเอาไว้...
ขอสารภาพว่าอ่านจบไปนานมากแล้ว เลยจำแม่นๆได้แค่บางตอน TvT  ...
แต่ก็ยังประทับใจกับเรื่องราวความรัก ความแค้น  ความดำมืดและเห็นแก่ตัวของจิตใจคน 
ที่นำพาให้ก่อเกิดเป็นบุญคุณความแค้นโศกนาฏกรรมต่างๆ มากมายอย่างไม่จบไม่สิ้น  
บางตัวละครการกระทำก็เหมาะสมกับบทสรุปแต่ก็มีตัวละครหลายคนที่ทำให้เราน้ำตาซึม 
รู้สึกเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งทำให้ต้องพลัดพรากจากลา ไม่อาจได้อยู่ร่วมกัน   
อย่างถัวเย่วปีศาจจระเข้ที่อาศัยอยู่ในบึงซิวหลัว ( ชอบตอนนี้มาก...จนมาถึงตอนนี้ก็ยังจำชื่อตอนกับชื่อตัวละครได้  คิดดูว่าชอบขนาดไหน 55+ )  ปีศาจจระเข้ที่เฝ้าเก็บตัวบำเพ็ญเพียรจนแก่กล้าและใช้ชีวิตสันโดษไม่แคร์ใคร ไม่คิดเป็นใหญ่ ไม่ทำตัวเด่น ใช้ชีวิตแบบไม่แยแสผู้ใดนอกจากตัวเองมาเป็นพันๆ ปี  อยู่ตัวคนเดียวมาตั้งนานแต่พอได้ประจักษ์กับความรัก ก็กลับต้องกลายเป็นการจากลากันชั่วนิจนิรันด์  
ถัวเย่วจึงได้แต่หลั่งน้ำตาอย่างขมขื่น น้ำตาที่เศร้าโศกสุดแสนจะพรรณนาให้แก่นางอันเป็นที่รัก  
แต่อย่างน้อยก็ยังมีบางคู่ที่โชคดี  ที่ถึงแม้ยามเป็นจะไม่ได้เคียงคู่แต่ยามตายกลับได้อยู่ร่วมกัน 
(แบบนี้เค้าเรียกว่าโชคดีมั้ย หรือไม่ใช่หว่า 55+)   
เช่นคู่ของปีศาจสาวที่ยอมทิ้งตบะพันปี เพียงเพื่อขอให้ได้อยู่เคียงคู่กับคนที่ตนรักเท่านั้นพอ ....

พอมาเล่ม 2 ถึงจะมีแค่ 4 ตอนแต่ตอนนึงก็ยาวมากเลยนะ  
เล่มนี้จะเริ่มเปิดเผยภูมิหลังที่มาที่ไปของตัวละครหลักมากขึ้น  
ตอนอ่านเล่มแรกเราก็สงสัยว่าอวี๋จีเป็นอะไร  เป็น ภูติ ผี ปีศาจ หรือว่าเทพเซียน? 
ทำไมจู่ๆ ถึงมาเปิดเหลาสุราอยู่ในแดนมนุษย์  ในเรื่องเหมือนนางกำลังหลบหนีอะไรบางอย่าง  
ซึ่งพอมาเล่มนี้ก็จะเริ่มเผยรายละเอียดของเรื่องต่างๆ ที่เราสงสัยไปทีละนิด  
ค่อยๆ เชื่อมโยงปริศนาที่ทิ้งไว้ในเล่มแรกไปเรื่อยๆ   
ไม่ว่าจะเป็นมือปราบหลงหยาที่เหตุใดถึงได้สนิทสนมกับเหลาสุราแห่งนี้นัก   
แม้แต่ปีศาจจิ้งจอกซานผี ที่นิสัยตลกโปกฮาเป็นตัวสร้างเสียงหัวเราะในร้าน
แต่กลับมีชาติกำเนิดที่ไม่เล็กเลยจริงๆ... 
เบื้องหลังของแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาเพราะเกี่ยวพันไปถึงมหันตภัยแห่งหกมรรคา 
 โดยเฉพาะตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังก็ยิ่งไม่ธรรมดา
เพราะถึงขนาดทำให้หกเทวะผู้พิทักษ์กระแสทั้งหกในอดีตล่มสลายได้เลยนะเออ ~~~    

** เรื่องนี้ถ้าใครได้อ่านเล่มแรกแล้วก็อย่าลืมซื้อเล่ม 2 มาอ่านต่อนะจ๊ะ    
เพราะเรื่องที่เคยสงสัยในเล่ม 1 ก็จะมีมาเฉลยในเล่มนี้แหล่ะจ้า  
ตอนแรกที่อ่านเราก็นึกว่าจะเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักความแค้นของภูต ผี ปีศาจ มนุษย์ เทพ 
เซียนเฉยๆ  พออ่านเล่ม 2 ถึงได้เข้าใจว่ามันไม่ใช่สินะ........  
มันมีอะไรที่ลึกลับซับซ้อนที่เกี่ยวข้องไปถึงดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า 
และลึกลงไปถึงนรกภูมิอเวจีมหานคร
อยากรู้ว่าเล่มต่อไปจะดำเนินเรื่องราวต่อไปยังไง  ตัวการใหญ่จะถูกโค่นล้มได้มั้ย  
ส่วนคนที่สูญหายจากไปจะได้กลับคืนมาอีกครั้งหรือปล่าว ( แอบหวังๆ >o< ) ... 
ว่าแล้วก็รออ่านเล่ม 3 ต่อ  โปรดอย่าถามว่ากี่เล่มจบเพราะข่อยก็บ่ฮู้เหมือนกันจ้ะ.... ล้าลาลา~~

...................................................................................................................................

" หยุนล่วน.... หยุนล่วน.....โต้วติ่งยังอยู่ที่แห่งนี้หรือไม่ ..."

" มัน ... ไม่อยู่ที่แห่งนี้แล้ว "
" ...ก็ดี ...ก็ดี .. ตัวสารเลวนี้ในที่สุดก็ไปเสียที... มันหากจะรังแกข้าอีก..
หยุนล่วนยังจะช่วยข้าหรือไม่ .."
" แน่นอน .. คราหน้ามัน ...มันหากกล้ารังแกเจ้าอีก ข้ายังจะช่วยเจ้าทุบตีมัน ... " 
เหลียงฉานบนใบหน้าเผยรอยยิ้มแสนหวาน  คล้ายกลับมาถึงวันเวลาแห่งวัยเยาว์ .....
.....................................................................................................................................

" นามดาบเถาอิ่น  หลอมรวมจากนามจิ้งจอกสวรรค์  กระดูกเพลิงนภาและโลหิตช่างหลอม  โลกนี้มีเพียงเล่มเดียว  ข้าหลอมอาวุธพันปี แต่ไรมาไม่เคยหลั่งโลหิตเพื่อผู้ใด  

โลหิตนี้ย่อมหลั่งเพื่อเจ้า  เจ้าก็ต้องเคียงคู่ข้าไปทุกชาติทุกภพ "
" เจ้า ... ไยต้องลำบากเพื่อข้าเช่นนี้  คู่ควรหรือ "
" คู่ควร "
......................................................................................................................................

" เหลาสุราของแม่นางอวี๋จีก็เปิดกิจการได้ไม่กี่ปีเท่านั้น  ผู้มาร่ำไรที่นี้เนืองๆ...คง 

...คงมิใช่หมายถึง.....ข้ากระมัง "
อวี๋จีปิดปากหัวเราะ  " หรือว่ายังมีบุคคลที่สอง "
หลงหยาทั้งประหลาดใจทั้งยินดีปรีดา " ทว่าพวกเรานับแต่รู้จักกันที่เรือนแรมกุ่ยหลางอี้เป็นต้นมา เคยกล่าววาจาเยี่ยงนั้นกับแม่นางอวี๋จีแต่เมื่อไร   หรือว่า .... "
" หรือว่าพันปีก่อน ...ชาติก่อนพวกเราเคยมีวาสนา  เคยพานพบกันมาก่อนจริงๆ "


วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

หงส์ขังรัก 5 เล่มจบ



หงส์ขังรัก เล่ม 3-5 ( 5 เล่มจบ ) / ผู้แต่ง : เทียนอีโหย่วเฟิง
สำนักพิมพ์ แจ่มใส 

คำโปรยหลังปก
แม้จะรู้ว่าข้างหน้าคือหุบเหวลึกพันจั้ง
เขายังคงต้องเดินเข้าไป
เพราะนางอันเป็นที่รักอยู่บนขอบเหวนั้น

ว่าไปแล้วทุกคนก็คือตัวหมาก
ไต้หล้าคือกระดานมาก  หรงจื่อเป็นคนเดินหมากกระดานนี้
แต่เพื่อฉู่อวี้แล้วเขายอมตกต่ำเป็นตัวหมากที่ปลิวไปตามสายลม
กระดูกและผิวหนังทุกอณูของเขาล้วนเจ็บปวดแสนสาหัส
หัวใจแหลกสลาย  แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

ทั้งที่เขาสามารถชนะการเดินหมากที่ใช้ผืนแผ่นดินต่างกระดานในครั้งนี้
แต่กลับยินดีจะพ่ายแพ้ ..หากมันช่วยรักษาชีวิตนางเอาไว้ได้
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องสูญสิ้นทั้งแผ่นดิน  สูญสิ้นทั้งลมหายใจก็ตาม!

ความรู้สึกหลังอ่านจบ  ( อาจมีสปอยล์ )
ในที่สุดก็มาถึง 3 เล่มสุดท้าย อ่านจบแล้วเย้ๆ ...อ่านไปง่วงไป ตาจะปิด ...
อย่างที่เคยบอกไว้ตอนเขียนความรู้สึกหลังอ่านจบในเล่ม 1-2 ว่าเรื่องนี้บทพูดน้อย
ส่วนใหญ่จะเป็นบทบรรยายความรู้สึกนึกคิดของตัวละครมากกว่า  
พูด 1 ประโยค บรรยายต่อสิบบรรทัด วนเวียนไปมาอยู่แบบนี้แหละจ้า  
คำพูดก็ออกแนวปรัชญา พูดแล้วต้องมาตีความต่ออีกทอด ลับลมคมในกันไปมากว่าจะคุยกันจบเรื่องนึงปาไป 10 หน้า ไม่ใช่อะไรแต่บทบรรยายองค์ประกอบต่างๆ มันเยอะจริงๆ
หรืออาจจะกลัวว่าเราจะไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิด ที่มาที่ไปในการกระทำของตัวละครหรือปล่าวเลยบรรยายมาซะเยอะเชียว TvT

เรื่องนี้พระเอกไม่หลุดโผเป็นคนที่คาดไว้ตั้งแต่เล่มแรกแล้ว ใครเอ่ย?? หรงจื่อ “ เองจ้า  
ยอดชายงามผู้ฉลาดเฉลียว เจ้าเล่ห์  หน้าตาหล่อเหลางดงามยิ่งกว่า จงเหนียนเหนียน ’ 
ที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเสียอีก ใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับอยู่เสมอ
ทำให้คนมองอยากเข้าใกล้แต่ก็หวาดกลัวด้วยเช่นกัน เบื้องหลังพี่แกลึกลับซับซ้อนมากจนเราสงสัยว่า หรงจื่อเป็นไผมาจากที่ใด?  ความสามารถมากขนาดนี้ ทำไมถึงยังรั้งอยู่ในวังองค์หญิงอีก?

เรื่องนี้ตัวละครชายมีแต่เจ๋งๆ แต่คนที่เก่งที่สุด ฉลาดที่สุดก็ยังเป็นพระเอกอยู่ดี  
พระเอกเรื่องนี้ฉลาดมากจริงๆ เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการสุดๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ฆ่าได้อย่างไม่ลังเล ไม่สนว่าคนนั้นจะดีหรือเลวแต่เพื่อให้เป็นไปตามแผนการก็ล้วนกำจัดได้หมด ขนาดร่างกายไม่ค่อยดีอยู่แต่ในวังองค์หญิงไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ยังสามารถควบคุมทุกอย่างได้ตามใจชอบ ไม่มีอะไรที่พระเอกคาดเดาไม่ได้ ทุกๆ อย่างอยู่ในสายตาและการควบคุมของพี่แกทั้งหมด แผ่นดินนี้เป็นเพียงแค่หมากกระดานหนึ่ง ... ซึ่งหรงจื่อก็คือผู้วางและควบคุมหมากทั้งกระดาน

มีตัวละครชายอีก 2-3 คนที่น่าสนใจแต่บทก็หายไปดื้อๆ ซะงั้น55+ 
คนแรกคือ
หวังอี้จือ ’ คุณชายตระกูลหวัง ที่เปรียบเสมือนสายลมและแสงแดดอันอบอุ่น  
เพื่อนที่คุยถูกคอและยอมรับฐานะองค์หญิงของนางเอกได้ตั้งแต่แรกแบบชิวๆ  
คนนี้เป็นคุณชายที่รักอิสระมาก ไม่สนใจในอำนาจลาภยศ หรือชื่อเสียงเงินทอง 
สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่มีความหมาย  เมื่อเทียบกับอิสรเสรีและการใช้ชีวิตแบบไม่มีสิ่งใดผูกมัด  
เป็นคนที่เก่ง+ฉลาดมาก เกือบเท่าๆ พระเอกเลย  
แต่ติดตรงที่รักอิสระและไม่สนใจอำนาจใดๆ เลยไม่ได้เข้าสู่วังวนของการแย่งชิงด้วย  
ใช้ชีวิตได้แบบ slow life จริงๆ คนนี้ 55+... เสียดายพอพี่แกออกเดินทางแล้วก็ไม่ค่อยมีบทมาก โผล่มาตอนเล่มสุดท้ายนิดหน่อย แล้วก็หายไปกับสายน้ำ TvT

คนที่สอง เซียวเปี๋ย คุณชายผู้หยิ่งทะนงในเสียงพิณของตน แต่มาตกม้าตายกับนางเอก  
จริงๆ คนนี้ก็คิดไว้แล้วว่าน่าจะเป็นตัวประกอบชายอีกคนหนึ่ง  
แต่ช่วงแรกๆ เห็นพี่แกโผล่มาในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ไม่คิดว่าจะเจอก็มาเจออะไรแบบเนี่ย ตอนที่โดนนางเอกพูดตัดเยื่อใย เพราะหวังดีไม่อยากให้เดือดร้อน
หลังจากนั้นก็นึกว่าจะมีบทบาทอะไรอีก เอาแบบโผล่มาแล้วร้องว้าวๆ ! 
แต่สุดท้ายฮีก็หายไปอีกคน TvT ....

คนสุดท้ายน้องชายขององค์หญิงซานอิน หลิวจื่อเยวี่ย ฮ่องเต้ทรราชย์  
นิสัยที่โหดเหี้ยมอำมหิต สังหารคนแบบตาไม่กระพริบ สิ่งเหล่านี้น่าจะเกิดจากการเลี้ยงดู
และประสบการณ์ในวัยเด็กที่ผิดๆ  แถมต้องขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุยังน้อย
ท่ามกลางเหล่าขุนนางและคนมากมายที่ต่างหมายปองบัลลังก์ 
และคิดจะลอบสังหารตัวเองอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้จิตใจแต่เดิมที่บิดเบี้ยวอยู่แล้วก็ยิ่งกู่ไม่กลับ แม้นางเอกจะพยายามอย่างไรแต่ก็ไม่อาจฝืนโชคชะตาได้  
แล้วดันเลือกวิธีผิดไปหน่อย เลยยิ่งทำให้นางเอกกลัวและถอยห่าง 
ในตอนสุดท้ายจังหวะที่น้องแกตัดสินใจเงื้อกระบี่จะสังหารนางเอก แต่น้องกลับวางกระบี่
แล้วก้มลงมาผูกสายเสื้อคลุมให้นางเอกตามสัญชาตญาณ เพราะกลัวพี่สาวจะหนาว   
เราชอบฉากนี้ เพราะตอนแรกเราเคยสงสัยว่าฮ่องเต้รักและห่วงใยพี่สาวตัวเองจริงๆ 
หรือแกล้งแสดงละคร  แต่เจอฉากนี้แล้วรู้เลยว่า ไม่ว่าพี่สาวจะทำให้เขาโกรธขนาดไหน  
แต่เขาก็ฆ่าพี่สาวไม่ได้จริงๆ  ตัวละครนี้สังหารได้ทุกคน แต่คนเดียวที่เขาไม่คิดจะทำร้ายก็คือพี่สาวตัวเอง  ถึงจะทำผิดกับทุกคนในใต้หล้า แต่ก็ไม่คิดจะทำผิดต่อพี่สาวตัวเอง..TvT

นิสัยของนางเอก ฉู่อวี้เป็นคน ใจกว้าง ไม่งี่เง่าเอาแต่ใจ  คิดแต่จะหาทางมีชีวิตรอด
แต่หลังๆ ก็เริ่มคิดได้ว่าไม่ได้มีแต่เราเพียงคนเดียวแล้วสินะ  ถ้าตัวเองไปแล้วคนในบ้านจะทำยังไง ฮ่องเต้น้องชายยิ่งติดตัวเองอยู่ด้วย หายไปเงียบๆ นี่มีหวังคนที่เหลืออยู่ในบ้านคงตายเรียบ ถึงจะเจอพระเอกหลอกมาหลายรอบก็ไม่ได้โมโหโวยวาย  
แต่นางจะคิดถึงเหตุผลที่เขาต้องหลอก คิดถึงนิสัยและสภาพแวดล้อมโดยรอบของคนๆ นั้น
และยอมรับได้อย่างสงบ ไม่แค้นเคือง  
ไม่ใช่เฉพาะกับพระเอกนะแต่จะเป็นแบบนี้กับทุกคน 

เราชอบนางตรงที่ถึงเวลาที่ต้องตัดใจนางก็ตัดใจ  นางบอกพระเอกไปตรงๆ ว่าชอบ  
พอพระเอกบอกว่าไม่ได้คิดอะไร นางก็โอเคไม่ยื้ดเยื้อ  ชอบก็ดี ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร 
จากไปแบบสวยๆ  เพราะ
ชีวิตนางไม่ได้มีแต่พระเอกแต่ยังมีคนในบ้าน คนที่ติดตามนางมาด้วยซึ่งเป็นเสมือนคนในครอบครัว  นางไม่ดึงดันที่จะอยู่ข้างๆพระเอกเพื่อรอให้เขาเปลี่ยนใจแต่เลือกกลับไปอยู่กับคนในบ้าน ไม่อาลัยอาวรณ์ก็ใช้ชีวิตแบบมีความสุขดี  หากิจกรรมทำไปเรื่อย  ไม่พร่ำเพ้อหาด้วย  เป็นพระเอกซะอีกที่สุดท้ายต้องคิดหาทางดึงนางเอกกลับมา   
ถึงขนาดต้องเดิมพันด้วยชีวิตเพราะรู้ว่านางเอกมีปมในใจ  เลยต้องวางแผนให้นางเอกสลัดปมนั้นทิ้ง แล้วสมัครใจยอมอยู่กับตัวเองตลอดไป  (ไอ้ตอนนี้เราก็มารู้ที่หลังเหมือนกันว่าเป็นแผนพี่แก แสดงละครเก่งจริงๆ 55+ )

เรื่องนี้หลักๆ เป็นเรื่องการหาหนทางเอาชีวิตรอดของนางเอก ว่าจะฝ่าฝืนโชคชะตาตามประวัติศาสตร์ได้ไหม ขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กับแผนการของพระเอก  
ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ ในการแย่งชิงบัลลังก์อำนาจของทั้ง 2 แคว้น  
จะได้เห็นสติปัญญาและการวางแผนของพระเอก ว่าฉลาดมากแค่ไหน  
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากก็ยังไม่มีหลุด  ควบคุมตัวเองได้ดีมาก
ถ้าไม่เลือกที่จะช่วยนางเอก เราว่าพี่แกอาจจะครองโลกไปแล้วก็ได้นะ 55+  
พระเอกเรื่องนี้เก่งจริงๆ  เก่งจนน่ากลัว  มีจิตวิทยาสูง 
ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของพี่แก เราก็แยกไม่ค่อยออกเหมือนกัน ว่าไหนจริงไหนหลอก  
อย่าว่าแต่นางเอกกับคนอื่นๆ จะโดนหลอกเลย  เราคนอ่านก็โดนหลอกจ้า
ถ้าไม่มีบทบรรยายบอกไว้ก็ไม่รู้ดอกจ้า 
( นี่สินะความสำคัญของบทบรรยาย 55+ )   
ความคิดของตัวละครบางคนโดยเฉพาะพระเอก มันช่างยากแท้หยั่งถึงดีน๊อ 55+

** อ่านจบก็ได้รู้ที่มาที่ไปของสิ่งวิเศษที่หลุดมาในโลกนี้เสียที ก็ไม่ผิดจากที่เดาๆ ไว้เท่าไร  
ถ้าตกอยู่ในมือคนที่ฉลาดๆ แล้วคิดไม่ดีก็คงแย่  โชคดีที่ตกทอดอยู่ในสำนักของเทียนหรูจิ้ง
ที่ทำแค่อ่านบันทึกประวัติศาสตร์กับเปิดโหมดป้องกัน แต่ในขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็เป็นกรงขังอย่างหนึ่งสำหรับผู้ครอบครองด้วย (โปรดดูได้จากชีวิตของเทียนหรูจิ้ง 55+ )  
ก็คงแล้วแต่มุมมองและวิธีการใช้ของแต่ละคนล่ะมั้ง ว่าจะเป็นผู้ครอบครองหรือให้มันครอบครองเรา เพราะพอตกมาอยู่ในมือของนางเอกก็เห็นนางใช้อย่างสนุกสนาน  
มีความสุขดีนะ 55+


............................................................................................................................

' ในที่สุดเขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้  ยอมก้มหัว  ยอมศิโรราบ  ยอมอ่อนข้อ  
ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง  แต่ด้วยเหตุผลที่นางไม่มีวันรู้
บนภูเขามีต้นไม้  บนต้นไม้มีกิ่งไม้  ข้าชอบเจ้าเพียงนี้ เจ้ากลับไม่รู้
นี่เป็นความเปล่าเปลี่ยวและสิ้นหวังอย่างลึกซึ้งบนโลกใบนี้  ข้าอยู่ตรงหน้าท่าน  ท่านกลับไม่รู้ว่าข้ารักท่าน

..........................................................................

" ข้าชอบเจ้า .... นี่ ข้าชอบเจ้า "
เขาได้ยินเสียงตนเองเอ่ยขึ้นช้าๆ  " ไม่มี  ไม่มีแม้แต่น้อย "
" เมื่อก่อนคำพูดเหล่านั้นล้วนโกหกข้า "
" ใช่  ล้วนเป็นคำพูดโกหก "

............................................................................

หรงจื่อคือยอดฝีมือในการเดินหมากและปลุกปั่นจิตใจคน  เขารู้ว่าฉู่อวี้เป็นคนเช่นไร 
การทุ่มเทความคิดวางแผนในครั้งนี้เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของนางแทบจะพังทลาย 
จนตายก็ไม่อาจลืมเขาได้
ในช่วงน่าสังเวชใจที่สุดเขาได้ลงดาบอย่างเฉียบขาด  สร้างบาดแผลลึกที่สุดไว้ในจิตวิญญาณของนาง
" .....ข้านอนอยู่ในโลงหินแล้วบอกกับท่านว่าถ้าข้าตายไปแล้วให้ปิดฝาโลงเผาร่างข้าไปเสีย  แต่ในใจของข้ากลับไม่ยินยอมพร้อมใจ  ข้ามาอยู่ในโลกใบนี้กลับไม่เคยได้รับอะไรเลย  แต่อย่างน้อยข้าต้องรั้งนางไว้ให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด  และไม่ว่านางจะเศร้าโศกเสียใจหรือไม่ "

..............................................................................

..... หญิงสาวที่ยึดครองร่างของข้า  ข้าควรเตือนเจ้าหรือไม่  เมื่อเจ้าลืมตาขึ้นมาจงอย่าได้มองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ตรงหน้าเจ้าเป็นอันขาด
อย่าไปมองสบตาเขา
อย่าไปส่งยิ้มให้เขา
อย่าไปพูดคุยอะไรกับเขา
คนผู้นั้นคือมารปีศาจที่กลืนกินหัวใจคน
อย่าไปหลงรักเขา  หาไม่เจ้าจะเป็นเช่นข้า  จะรักก็ไม่ได้ จะเกลียดก็ไม่ได้เหมือนตายทั้งเป็น ......


วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ศิษย์พี่แต่งกับข้าเถอะ!


ศิษย์พี่แต่งงานกับข้าเถอะ! 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : เยวี่ยเพ่ยหวน
สำนักพิมพ์ everY

คำโปรยหลังปก

ยุทธภพกว้างใหญ่  ลิขิตสวรรค์ยากฝ่าฝืน
ก่อเกิดเรื่องราวบุญคุณความแค้นเหลือคณานับ
ทว่าจะมีสักกี่คนที่ติดค้างคนคนหนึ่งทั้งบุญคุณและความแค้น?

บุญคุณ ... ที่เขาช่วยชีวิตให้รอดจากเงื้อมมือมัจจุราช

สอนสั่งวิทยายุทธ์ ทั้งยังชี้แนะจนบรรลุหนทางแห่งยอดฝีมือ
ความแค้น .. เท่าที่บุรุษผู้หนึ่งจะย่ำยีข่มเหงบุรุษผู้หนึ่งได้  หมั่นป้อยอความหวานจนเขาตายใจ
สุดท้ายก็เป็นผู้ทำลายภาพวิมานอันงดงามนั้นลงด้วยมือตนเอง
ความรัก ... ความรักที่ ... เอ้ย! ไอ้บัดซบคนใดมันใส่ข้อนี้มาวะ!

ข้าขอบอกตรงนี้เลยนะ  ความแค้นนั้นถือว่าข้าสะสางกับเจ้าหมดสิ้นแล้ว

หากยังคิดว่าตนเองติดค้างหนี้บุญคุณข้าล่ะก็  จงไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าให้ไกลเท่าที่จะไกลได้เถิด
นั่นคือการทดแทนบุญคุณที่ดีที่สุดเท่าที่เจ้าจะให้ข้าได้  เจ้าศิษย์น้องเนรคุณ!

ความรู้สึกหลังอ่านจบ  ( อาจมีสปอยล์ )

ใครที่ชอบนายเอกแมนๆ เข้มแข็ง ไม่อ่อนแอต้องขอแนะนำเรื่องนี้เลยจ้า  
อย่าดูจากภาพปกกับชื่อเรื่องเฉยๆ นะอาจจะถูกหลอกได้ 55+   
เรื่องนี้ 2 เล่มจบแต่หนังสือบางมาก จริงๆ ไม่ต้องทำเป็น 2 เล่มก็ได้นะ 55+  
( 2 เล่มรวมกันยังหนาไม่เท่าครึ่งเล่มของหงส์ฟ้อนมังกรเหินเล่มเดียวเลย  เง้ออ )
                                                                                                        
เปิดเรื่องมาด้วยความเศร้า เพราะครอบครัวของศิษย์น้องถูกคนสังหารตายหมดภายในคืนเดียว  
บ้านของศิษย์น้องคือพรรคเร้นภูผาที่มีพ่อเป็นเจ้าสำนัก  
ทุกคนในสำนักล้วนถูกฆ่าตายหมด  เหลือรอดเพียงบ่าวรับใช้สูงวัยหนึ่งคนกับลูกชายคนโต 
ลู่จือหลิน  บาดเจ็บสาหัสใกล้จะตายเต็มทีแต่โชคดีที่ได้  หวังเยวี่ย  
ลูกศิษย์ในนามของพ่อผ่านมาพอดีเลยช่วยไว้ได้ทัน  
หวังเยวี่ยมีวรยุทธ์สูงส่งและมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา 
เขาใช้พลังแทบจะทั้งหมดเพื่อรักษาชีวิตของลู่จือหลินเอาไว้ และทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บแทน     
รูปโฉมจากที่เคยหล่อหลางดงามก็กลายเป็นอัปลักษณ์  ส่วนร่างกายก็ซูบผอมลงเรื่อยๆ
จนทำให้คนตกใจกลัว  หวังเยวี่ยจึงตัดสินใจพักรักษาตัวอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายดี
และถือโอกาสนี้สอนวรยุทธ์ให้ลู่จือหลินไปด้วยเลย

ลู่จือหลินจำใจต้องยอมรับหวังเยวี่ยเป็นศิษย์พี่อย่างไม่เต็มใจนัก
เพราะรู้ว่าตัวเองนั้นอ่อนด้อยสู้ใครเค้าไม่ได้  
ศิษย์พี่เคี่ยวกรำสอนสั่งศิษย์น้องอย่างเย็นชาและหนักหน่วง  โดยคิดว่านี่คือชะตาฟ้าลิขิต  
ส่วนศิษย์น้องก็ก้มหน้ารับฟังสิ่งที่ศิษย์พี่สอนอย่างไม่มีบิดพริ้ว  
เพราะคิดว่านี่คือความรักความห่วงใยจากศิษย์พี่ที่แสนจะเย่อหยิ่งเย็นชา   
แต่คิดไปคิดมาอีท่าไหนก็ไม่รู้สุดท้ายถึงได้งาบศิษย์พี่ลงท้องซะอย่างนั้น 55+ ..... 
ศิษย์พี่ทั้งโกรธทั้งอับอาย  จนอยากจะฆ่าเจ้าศิษย์น้องเนรคุณนี่ให้ตายๆ ซะ 
แต่ติดตรงที่ตอนนี้ร่างกายยังบาดเจ็บสาหัสทำให้ไม่มีพลังพอ
เลยได้แต่กัดฟันยอมอดทนถูกกินต่อไป 55+ ( 3 วัน 3 คืนเลยนะจ๊ะ 55+ )

เรื่องนี้อ่านไปก็ขำไปเพราะศิษย์น้องมันขี้มโนจริงจริ๊งงงง  
ศิษย์พี่ทำอะไรน้องแกก็จะคิดเข้าข้างตัวเองหมดว่าทำไปเพราะรักเราแน่ๆ เลย 
 เขาพูดมาอย่างก็คิดไปอีกอย่าง ...สุดยอดของการมโนจริงๆ         
ตอนที่เนื้อเรื่องเหมือนจะมีความดราม่า+นองเลือดแต่พอน้องแกมโนเท่านั้นแหละอย่างฮา       
ศิษย์น้องนี่เป็นตัวละครที่มีความสุขจริงๆ นะ
เหมือนที่ศิษย์พี่เคยบอกไว้ว่ายิ่งโตก็ยิ่งใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเด็กๆ    
เป็นคนที่มีความคิดเรียบง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่พูดออกมาแล้วตรงประเด็น  
ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย (ถ้าศิษย์พี่ไม่บอกให้ไปล้างแค้นให้คนในบ้านนี่ก็อาจจะไม่ไปนะ )  .....
แต่นิสัยของศิษย์พี่นี่ตรงข้าม เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ขี้โมโห+เย็นชาเพราะวรยุทธ์สูงมาก
เลยทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ แค่สัมผัสได้ถึงพลังปราณก็ถอยห่างแล้ว  
มีแต่ศิษย์น้องนี่แหละ  ศิษย์พี่ขอหอมหน่อย  ศิษย์พี่ขอกอดหน่อย 55+    
คือใจน้องแกก็กลัวนะแต่หนังหน้ามันหนากว่าไงบวกกับใช้ความมึนเข้าสู้   …. 
ดีนะที่ตอนนั้นศิษย์พี่ป่วยอยู่เลยได้จับกินไม่งั้นตาย!!! 
เพราะวรยุทธ์ของศิษย์พี่นี่สูงที่สุดในยุทธภพเลยนะจะบอกให้  ไม่มีใครสู้ได้เลย

ศิษย์พี่เห็นนิสัยแข็งๆ โหดๆ แบบนี้แต่ในเรื่องก็นี่มีแต่คนมาแอบชอบนะ แถมยังเป็นผู้ชายด้วย  
เพียงแต่ไม่มีใครหน้าด้าน หน้ามึน ตามตื๊อเท่าศิษย์น้องเท่านั้นเอง 
เพราะทุกคนเห็นพี่แกสูงส่งเลยไม่กล้าแตะต้อง    
พอรู้ว่าโดนเด็กจับกินแล้วเท่านั้นแหละ  เสียดายกันใหญ่รู้งี้น่าจะรุกตั้งนานแล้ว 55+  .....

**  เนื้อเรื่องโดยรวมก็สนุกดี  ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับยุทธภพการฝึกวิทยายุทธ์ 
เคล็ดวิชาเพลงดาบ  บวกกับพลังในการมโนของศิษย์น้องที่ทำให้เรื่องมันไม่น่าเบื่อ 
อ่านไปยิ้มไป  อาจจะสงสัยว่าศิษย์พี่ดุขนาดนี้  วรยุทธ์ก็สูงกว่าศิษย์น้องแบบนี้จะถูกจับกดได้ไง   
ไม่ต้องห่วงจ้าเรื่องนี้น้องแกเอาอยู่ 55+  ทำเอาศิษย์พี่แทบลงจากเตียงไม่ไหว 
( ไม่ใช่แค่ 1-2 ชั่วยามนะ เพราะพระ-นายเค้ามีกำลังภายในสูงทั้งคู่เลยอยู่ได้เป็น1-2 วัน แบบไม่ต้องกินอะไรเลย 55+  โดยเฉพาะศิษย์น้องอึดมากกกก )  
ศิษย์พี่ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์สุดท้ายน้องแกก็ปีนขึ้นเตียงสำเร็จทุกที อิอิ ~~~ 

..............................................................................................................................

" ข้ามอบความรักลึกซึ้งให้เจ้า?  ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้น "
" ศิษย์พี่ถ้าท่านไม่ชอบข้าทำไมถึงดีกับข้าขนาดนั้น  
อีกทั้งยังขอหยกพกประจำตระกูลจากข้า "
" ที่แท้เป็นเพราะหยกพกนั่น? "
" ในเมื่อเจ้ากับแม่นางเฝิงมีใจให้กันก็พูดจาให้ชัดเจน  ไยต้องปิดบังข้า  เจ้าทำผิดแล้วกลับปล่อยเลยตามเลย  คงถูกสวรรค์กลั่นแกล้งเป็นแน่ถึงได้สามารถอดทนต่อคนป่วยที่หน้าตาอัปลักษณ์เยี่ยงข้า "
" ในชีวิตของข้าหวังเยวี่ย  ยังมีวันที่ได้รับความสงสารเห็นใจจากคนอื่น? "
" ศิษย์พี่ ... อย่าไป! "
..............................................................................................................................

" บอกไว้ก่อนนะว่าคราวนี้ห้ามทำนานเกินไป  อย่างมากห้ามเกินหนึ่งวัน "

" ถ้าอย่างนั้นควรจะนานแค่ไหน "
" คนปกติทั่วไปอย่างมากก็หนึ่งถึงสองชั่วยามกระมัง "
" ศิษย์พี่เราเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ ท่านจะเอาไปเปรียบเทียบกับคนปกติทั่วไปได้อย่างไร                 ฝึกวรยุทธ์มานานขนาดนี้ยังต้องยึดถือทุกเรื่องเหมือนคนปกติทั่วไป  
แล้วชีวิตจะมีรสชาติอะไร "
" เจ้าฝึกวรยุทธ์เพื่อทำเรื่องพวกนี้? "
................................................................................................................................

" เรามาดีดพิณกันก่อน  จากนั้นพลอดรักกันสักหน สุดท้ายค่อยฝึกวรยุทธ์ "
" มีครั้งไหนบ้างที่เจ้าทำเสร็จแล้วไม่ร้องขอครั้งที่สองที่สาม!?  
ไหนเลยจะมีแรงไปฝึกวรยุทธ์ต่อ "
" ถ้าอย่างนั้น ... คงต้องตัดการดีดพิณทิ้งแล้ว "
" ศิษย์พี่ ... ข้าไม่ได้แตะต้องท่านมาสามวัน คิดถึงแทบตายแล้ว  
ยังจะดีดพิณอะไรอยู่อีก มาให้จุมพิตดีกว่า "
" ไปตายเสีย! "