วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ชีวาไม่สูญเปล่า

 


ชีวาไม่สูญเปล่า

ผู้แต่ง : อวี๋เฉิง

ผู้แปล : เทียนซ่างเตี้ยวเซี่งอิง

สำนักพิมพ์ Muzes Books


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

น้องเงือกที่อยากตอบแทนบุญคุณ กับแม่ทัพหนุ่มที่ขาพิการ ...นายเอกเป็นเงือก สมัยที่ยังเปลี่ยนร่างไม่ได้น้องเคยได้พระเอกช่วยชีวิตเอาไว้ เลยตั้งใจว่าหากวันใดที่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แล้วก็จะขึ้นบกเพื่อไปตอบแทนบุญคุณพระเอก

พระเอกถูกคนลอบทำร้ายขณะรบจนทำให้ขา 2 ข้างพิการ ก่อนหน้านั้นแม่ก็เพิ่งเสีย พอแม่เสียพ่อก็ยกอนุขึ้นมาเป็นภรรยาเอก อนุก็อยากให้ลูกตัวเองได้สืบทอดตำแหน่งของสามีแทนบุตรชายคนโตหรือพระเอก(ซึ่งเป็นบุตรชายสายตรง) เลยวางแผนร้ายสารพัดเพื่อกำจัดพระเอกทิ้ง

นายเอกสวมรอยมาแต่งงานเป็นภรรยาพระเอกแทนบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นเจ้าสาวตัวจริง เจ้าสาวตัวจริงไม่ยอมแต่งเพราะได้ข่าวว่าพระเอกหน้าตาอัปลักษณ์ ซ้ำยังพิการ หัวหน้าหมู่บ้านรักลูกสาวมากก็เลยยอมหาคนมาแต่งแทนลูก ในวันแต่งงานนายเอกได้เข้าประตูข้าง(แบบอนุ) ไม่ใช่ประตูใหญ่(แบบภรรยาเอก) เพราะพระเอกไม่ได้อยากแต่งไม่ได้สนใจ แค่เข้าพิธีพอให้เสร็จๆ ไปงั้น หลังทำพิธีเสร็จก็แยกไปนอนในห้องหนังสือ ปล่อยให้นายเอกนอนในห้องหอคนเดียว

เช้าวันรุ่งขึ้นตอนไปยกน้ำชาคารวะผู้ใหญ่นายเอกก็ได้รับรู้ถึงความเป็นอริของแม่เลี้ยงกับน้องชายต่างมารดาของพระเอก ได้รู้ว่าแม่เลี้ยง(อนุที่ถูกยกขึ้นมา) กับน้องชายต่างมารดาต่างก็ไม่ชอบพระเอก คอยจ้องแต่จะวางแผนร้ายเพื่อกำจัดพระเอกให้พ้นทางอยู่ตลอด ที่เร่งให้พระเอกแต่งงานก็เพราะอยากให้ลูกตัวเองได้แต่งงานสักทีก็แค่นั้น (ตามธรรมเนียมต้องให้คนพี่แต่งก่อน) 

นายเอกเป็นเงือกสามารถพูดคุยกับปลาได้ ว่างๆ น้องก็ชอบแอบลงไปแช่น้ำในสระจนได้เป็นเพื่อนกับปลาหลีที่อยู่ในจวนสองตัว ปลาหลีในสระก็จะคอยเล่าเรื่องในจวนเรื่องที่พระเอกเกือบถูกคนผลักตกสระให้นายเอกฟัง ...คือตั้งแต่พระเอกเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น พี่แกก็เปลี่ยนกลายเป็นคนเย็นชาไม่ชอบพูดและไม่ยิ้มอีกเลย แถมยังไม่ไว้ใจใครกลายเป็นคนขี้ระแวง เพราะตั้งแต่ขาพิการก็โดนคนลอบทำร้ายมาเยอะ พ่อแท้ๆ ก็ไม่ค่อยสนใจ ย่าที่เหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็เลือกให้ค่ากับชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเป็นหลัก อย่างตอนที่พระเอกถูกน้องต่างแม่พุ่งมาจะแทงมีดใส่ แต่นางเอกอยู่ด้วยพอดีเลยเอาตัวเข้ามาบังจนได้รับบาดเจ็บแทน คนในบ้านโดยเฉพาะพ่อกับย่าอะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าใครเป็นคนทำแต่ก็ทำเป็นเฉยปิดเรื่องไว้ เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย ปล่อยคนผิด(ลูกอนุ) ให้ลอยหน้าลอยตาต่อ แล้วจะไม่ให้พระเอกกลายเป็นคนไม่ไว้ใจใครและเย็นชาได้ไง!

สาวใช้ข้างกายพระเอกก็ถูกแม่เลี้ยงซื้อตัว ลอบวางยากำหนัดในน้ำชาพระเอกเพื่อหวังจะได้เป็นอนุ แต่นายเอกมาเจอก่อนเลยได้ช่วยพระเอกปลดปล่อย ...จากนั้นพระเอกก็ไปค้นเจอผงขาวๆ ในเสื้อผ้านายเอก เมื่อผสมกับคำให้การของคนอื่น พระเอกเลยเข้าใจว่านายเอกเป็นคนลอบวางยา ก็เลยต่อว่านายเอกต่อหน้าบ่าวไพร่ ส่วนนายเอกก็ไม่กล้าบอกว่านั่นคือเกล็ดเงือกของตนเองที่เอามาบดทำเป็นยาเพื่อใช้รักษาขาพระเอก น้ำท่วมปากมากพูดความจริงไม่ได้ (เพราะราชวงศ์นี้เคยจับเงือกมาฆ่าเพื่อศึกษาเรื่องที่เงือกอายุยืนกับสกัดทำน้ำมันเงือก ถ้าให้ใครรู้ว่านายเอกเป็นเงือกคือน้องตายแน่ๆ)  

แต่พอความจริงเฉลยพระเอกก็มาขอโทษนายเอกนะ พระนายเริ่มชอบกัน (นายเอกชอบพระเอกก่อน พยายามหาทางรักษาขาพระเอกโดยการดึงเกล็ดเงือกตัวเองมาบดเป็นยาแล้วแอบผสมในน้ำชาของพระเอก) แต่เพราะเรื่องขา (ที่พระเอกกำลังสืบหาว่าใครคือคนลอบทำร้ายพี่แก) กับเรื่องในบ้านของพระเอกที่ชักจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนพระเอกกลัวว่านายเอกจะได้รับอันตรายเหมือนครั้งที่โดนน้องต่างมารดาแทงในตอนนั้นอีก เลยคิดจะส่งนายเอกออกไปอยู่ที่อื่นก่อน แต่พระเอกไม่บอกเหตุผล ทำให้นายเอกเข้าใจผิดคิดว่าพระเอกอยากกลับไปหาคนรักเก่าที่เพิ่งหย่าร้าง พระเอกก็กลัวนายเอกไม่ยอมไปเลยเปิดโปงเรื่องที่นายเอกสวมรอยแต่งงานมาแทนคนอื่นให้ที่บ้านรู้ นายเอกเสียใจมากเลยไปต่อรองเพื่อขอเพิ่มเวลาอีก 3 วัน จากนั้นก็เร่งทำเสื้อผ้ากับเย็บปักสิ่งของต่างๆ เตรียมไว้ให้พระเอก เพราะรู้ว่าตนเองกำลังจะไม่อยู่แล้ว ...คือแบบไม่อยู่จริงๆ เพราะน้องกะจะใช้หยวนตันของตัวเองรักษาขาให้พระเอก ก่อนจะรักษาน้องก็ไปจ้างให้คนเขียนหนังสือหย่าเตรียมไว้พร้อม พอรักษาเสร็จก็กลายเป็นฟองอากาศหายไปทันที ToT ...

ป.ล. ไม่ต้องห่วงจบดีจ้า น้องยังไม่ขิตจ้า เพียงแต่ไม่สามารถกลายร่างเป็นเงือกแล้วกลับลงทะเลได้อีก แถมร่างกายก็อ่อนแอลงเพราะเสียแหล่งกำเนิดพลังชีวิตไป ส่วนพระเอกพอจัดการเคลียร์ทุกอย่างเสร็จพี่ก็ออกจากตระกูลไปอยู่ข้างนอกคนเดียว ไปตั้งตระกูลใหม่ จากนั้นก็ออกเดินทางตามหานายเอก...




วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

หนึ่งปรารถนาหวนชะตารัก


หนึ่งปรารถนาหวนชะตารัก

ผู้แต่ง : อู๋อวี้

ผู้แปล : ตังตัง

สำนักพิมพ์ Princess


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอกเป็นคนทำศพ ต้องดูแลร้านต่อจากปู่ที่จากไป นางเอกเคยคิดสั้นจะฆ่าตัวตายแต่ได้พระเอกพูดเกลี้ยกล่อมก็เลยเปลี่ยนใจยอมมีชีวิตอยู่ต่อ นางเอกแอบชอบพระเอกมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็รู้ว่าตัวเองเอื้อมไม่ถึง พระเอกอยู่สูงเกินไป เลยขอแค่ได้แอบมองอยู่ไกลๆ และได้เห็นพระเอกมีความสุขก็พอใจแล้ว  

พระเอกเป็นลูกอนุที่ถูกหมางเมินไม่มีใครสนใจ แต่พี่แกมีเสียงสวรรค์ที่สามารถขับกล่อมหรือเกลี้ยกล่อมให้คนคล้อยตามได้ พระเอกจึงออกจากตระกูลมาเปิดร้านข้างนอก และได้ใช้เสียงของตัวเองช่วยชีวิตรัชทายาทเอาไว้ นับแต่นั้นชื่อเสียงของพระเอกจึงยิ่งดังเลื่องลือไปไกล ได้ทั้งตำแหน่งขุนนางและยังได้เป็นคนโปรดของรัชทายาทอีกด้วย คนในตระกูลเห็นพระเอกมีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาก็มาขอร้องให้กลับเข้าตระกูล และยกให้พระเอกเป็นผู้นำตระกูล

พระเอกมีคนรักที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่ช้า แต่พี่แกดันมาถูกฟ้าผ่าตายในวันที่ขึ้นเขาไปเก็บดอกไม้ตามคำร้องขอของคนรักซะก่อน พอตาย คนที่บ้านก็ส่งศพไปที่ร้านของนางเอก พอนางเอกเห็นร่างคนในโลงก็ร้องไห้เสียใจ ก่อนจะพบความจริงอันน่าเหลือเชื่อว่าจริงๆ แล้วพระเอกยังไม่ตาย หนำซ้ำร่างกายยังตั้งครรภ์อีกด้วย...ชาลาล่าาา

เป็นแนวเทพ เซียน ปีศาจ ฝ่าด่านเคราะห์ ช่วงแรกๆ ขำ หลังๆ เริ่มเครียด พระเอกก็ท้องจริงตามเรื่องย่อไม่จ้อจี้จ้า ...ตอนที่รู้ว่าท้องพระเอกก็สติแตกอยู่แป๊บนึงก่อนจะค่อยๆ ทำใจยอมรับความจริงได้ จากนั้นก็ขอหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านนางเอกชั่วคราวจนกว่าจะคลอด ระหว่างนั้นพี่แกก็มีความหวังอยู่ตลอดว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตและแต่งงานกับญาติผู้น้องหรือคนรักอีกครั้ง  ส่วนนางเอกแม้จะชอบพระเอกมากแค่ไหนแต่ก็ไม่คิดฉวยโอกาส และไม่คิดบอกให้อีกฝ่ายรู้ มีแต่ความปรารถนาดีอยากให้พระเอกได้กลับไปอยู่กับคนรักโดยเร็ว เวลาคนรักพระเอกมีเรื่องเดือดร้อนนางเอกก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกครั้ง แม้ว่าสุดท้ายตัวเองจะเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บตัวหรือถูกเขาผูกใจเจ็บก็ตาม ...

เพราะหลังจากที่พระเอกตาย อริคู่แค้นของพี่แกก็ส่งคนไปสู่ขอคนรักพระเอกมาเป็นภรรยาเพื่อเอาคืน (เพราะตอนพระเอกมีชีวิตอยู่สู้ไม่ได้ เลยมาเอาคืนตอนคนตายแล้ว) ตอนแรกคนรักพระเอกไม่อยากแต่งก็เลยถูกอีกฝ่ายตามตอแย พอนางยิ่งหนีหรือปฏิเสธอีกฝ่ายก็ยิ่งไล่ตามเหมือนแมวจับหนู นางก็เลยเรียกนางเอกมาช่วย เพราะเห็นว่าใบหน้านางเอกมีรอยแผลอัปลักษณ์ที่ทำให้คนหวาดกลัว ซึ่งนางเอกก็ตามไปช่วยทุกครั้งเพราะเห็นแก่พระเอก ...ทว่ามีทีหนึ่งพระเอกก็ตามไปช่วยด้วยเพราะห่วงคนรัก แต่พอคนรักได้เห็นสภาพพระเอกก็สติแตกรับไม่ได้ เอ่ยถ้อยคำทำร้ายจิตใจมากมาย และขอตัดความสัมพันธ์ทันที ต่อให้พระเอกสามารถกลับมาเป็นปกติได้ก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีก อย่ามาเจอกันอีกเพราะนางรับไม่ได้ ไม่ว่าพระเอกจะอธิบายยังไงนางก็ขอบายลูกเดียว 

ต่อมาคนที่ไล่ตามจีบนางก็หันมาชอบนางเอกแทน ส่วนพระเอกก็เริ่มมีใจให้นางเอกแล้วเช่นกัน พอไม่มีใครเอานางเลยสักคน นางก็เริ่มโกรธแค้นและโทษนางเอก พยายามหาทางแต่งกับอริคู่แค้นเก่าของพระเอกอีกครั้งให้ได้... วางแผนบีบน้ำตาให้รัชทายาทสงสารจนสุดท้ายก็ได้แต่งสมใจ แต่พอแต่งไปอีกฝ่ายกลับไม่แตะต้องไม่สนใจนาง วันๆ เอาแต่วิ่งไปหาคนอื่น แถมไม่นานหลังจากนั้นพระเอกก็กลับมาเป็นปกติและมีชื่อเสียงยิ่งกว่าเดิม ...ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด คนใหม่ไม่สนใจ ส่วนคนรักเก่าก็มีรักใหม่ไม่เอานางแล้ว 

นางเลยอยากกลับไปหาพระเอกอีกครั้ง พยายามวางแผนชั่วมากมายสารพัดเพื่อให้ตัวเองได้กลับไป และกำจัดนางเอกให้พ้นทาง แบบไม่น่าเชื่อว่าสตรีธรรมดาที่ไม่มีภูมิหลังใหญ่โตอะไรเลยจะทำได้ถึงขนาดนี้ พอถูกจับได้ก็บีบน้ำตาทำตัวน่าสงสารไม่ยอมรับ กู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ขนาดถูกไล่ไปเป็นนักพรตแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด บีบจนนางเอกเข้าสู่ทางมารเกือบไม่ได้กลับมา พวกพระเอกก็ไม่จัดการนางให้เด็ดขาดไปตั้งแต่ต้น ไม่รอบคอบไม่จับตาดูนางให้ดีๆ หรือเห็นว่าเป็นสตรีอ่อนแอเลยคิดไม่ถึงว่านางจะทำได้ถึงขั้นนี้ จนเรื่องราวมันบานปลายใหญ่โต ทำเขาเดือดร้อนเกือบตายกันทั้งเมืองเพราะคนคนเดียว... เหอๆ




วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567

หนึ่งเขนยเคียงปฐพี 2 เล่มจบ 


หนึ่งเขนยเคียงปฐพี 2 เล่มจบ 

ผู้แต่ง : จื่อเวยหลิวเหนียน

ผู้แปล : ตังตัง

สำนักพิมพ์ Princess


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

แนวจอมยุทธ์ ยุทธภพ ราชสำนัก พระเอก ซูเสวียน เป็นจอมยุทธ์ฝ่ายธรรมะ ศิษย์เอกของสำนักใหญ่สำนักหนึ่งที่เพิ่งลงจากเขาออกไปหาประสบการณ์ ระหว่างทางได้ประสบพบเจอกับภัยพิบัติที่ทำให้ผู้คนอดอยากไม่มีจะกิน รวมถึงเรื่องราวมากมายทั้งดีและไม่ดี ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนและสังหารโจรชั่วที่ก่อกรรมทำเข็ญ ทำให้ถูกพรรคพวกของกลุ่มโจรชั่วโกรธแค้นตามไล่ล่าสังหารจนต้องหลบหนี ส่วนนางเอกเป็นคุณหนูกุลสตรีในห้องหอ บุตรสาวคนเล็กของท่านอ๋องแห่งหลางหยาที่แสนสูงศักดิ์ 

ตอนนั้นนางเอกอายุ 13 ขณะเดินทางออกจากบ้านไปเยี่ยมพี่สาวที่แต่งงานไปยังเมืองอื่น นางก็ถูกคนโฉด1(ในยุทธภพ) หมายตาโดยไม่รู้ตัว แต่โชคดีที่พระเอกสังเกตเห็นก่อนจึงทำให้นางรอดพ้นจากการถูกโจรชั่วลักพาตัวไปได้หนึ่งครั้ง... ทว่าแต่ช้าแต่... ต่อมาก็เกิดภัยพิบัติ นางเอกออกมาข้างนอกพอดีแล้วเกิดพลัดหลงกับบ่าวไพร่ผู้ติดตามเลยถูกคนจับไปเป็นเสบียงอาหาร (ตอนนั้นบ้านเมืองอดอยาก ชาวบ้านต้องขุดรากไม้และแลกลูกกันกิน) พอหนีออกมาได้ นางก็ดันไปปะกะจอมโฉด1 เจ้าเดิม... หลังจากนั้นชีวิตของคุณหนูผู้สูงศักดิ์ก็ประหนึ่งร่วงตกสู่ขุมนรก นางเอกถูกจับกรอกยาทำให้เป็นใบ้ ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ ทำลายความมั่นใน จนทำให้นางไม่กล้าขอให้ใครช่วยเหลือ ... ทว่าในขณะที่กำลังสิ้นหวังถึงขีดสุด ใครบางคนก็หานางพบ และพานางออกมาจากขุมนรกนี้...

พระเอกเห็นนางเอกถูกโจรชั่วจับตัวไป แต่เพราะตอนนั้นกำลังสู้ติดพันกับคนอื่นอยู่เลยทำให้ตามไปช่วยไม่ทัน แต่พอสู้เสร็จพี่ก็รีบไล่ตามมาตลอดจนสุดท้ายก็ช่วยคนออกมาได้สำเร็จ ...จากนั้นก็เป็นมหากาพย์การหนีและพานางเอกส่งกลับบ้าน เล่มแรกนี่เป็นเหมือนช่วงอัพเลเวลของพระเอกเลย คือพระเอกอะเป็นคนมีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธ์ เป็นกล้าไม้ชั้นเลิศของสำนัก อาจารย์ในสำนักรู้ว่าพระเอกเก่งแต่ยังขาดประสบการณ์ รู้ดีว่าศิษย์คนนี้เกลียดความอยุติธรรม ทนเห็นคนถูกรังแกไม่ได้ เลยเตือนๆ พระเอกเรื่องพวกนี้เวลาลงจากเขา เพราะในยุทธภพยังมีพวกโจรชั่วที่จิตใจอำมหิตเหลือคณาที่ฝีมือเหนือกว่าและไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยอยู่อีกมาก ....แต่เชื่อมะ ทุกคนที่อาจารย์เตือนมา...พระเอกคือเข้าไปซัดด้วยหมดจ้าา55

คือไม่ใช่ว่าพี่แกหลงตัวเองหรือทะนงว่าตัวเองเก่งอะไรนะ เพียงแต่เป็นคนดี(มากก) ทนเห็นคนถูกรังแกไม่ได้จริงๆ ต่อให้ตอนนั้นฝีมือจะยังอ่อนกว่าสู้เขาไม่ได้ก็ตาม (เพิ่ง 16 ปี) แต่เห็นคนถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาอะ จะให้พี่ปล่อยผ่านได้ไง อย่างที่ตามไปช่วยนางเอกนั่นแหละ อีกฝ่ายเก่งกว่าแล้วไง คนกำลังจะตายต่อหน้าจะไม่ให้เมินเฉยไม่ทำอะไรได้เหรอ?? แบบนั้นมันไม่ใช่นิสัยพระเอกไง คนอื่นอาจทำได้แต่พระเอกคือทำไม่ได้จ้าาา  ไม่ได้ตามไปเพราะหลงใหลในรูปโฉมหรือหวังชื่อเสียงใดๆ แค่อยากช่วยคนบริสุทธิ์จริงๆ ขนาดนางเอกถามชื่อยังไม่บอกเลย กว่านางเอกจะรู้ชื่อเสียงเรียงนามรู้ว่าผู้มีพระคุณเป็นใครก็ผ่านไป 3 ปี

พระเอกเรื่องนี้คือหล่อทั้งภายนอกและภายในจริงๆ ดีงามทั้งกาย วาจา ใจ เป็นคนเก่ง ฉลาด จิตใจไม่ซับซ้อน เข้าถึงง่าย ไม่เย็นชา ส่วนนางเอกถึงจะเป็นคุณหนูในห้องหอเจ้าน้ำตาไปบ้าง แต่ก็อ่อนหวานและมีจิตใจที่แข็งแกร่ง จิตใจดีไม่มีความอิจฉาริษยา เข้าใจในตัวพระเอกและไม่เคยอยากให้พระเอกเปลี่ยนแปลงอะไร คนภายนอกหรือครอบครัวนางเอกอาจจะมองว่าพระเอกไม่คู่ควรกับนางเอก แต่นางเอกกลับรู้ดีว่าตัวนางเองต่างหากที่ไม่คู่ควรกับเขา เขาสูงส่ง เขาดีเกินไป ส่วนนางกลับช่วยอะไรเขาไม่ได้ นอกจากเป็นภาระและตัวถ่วง...

สองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วคือดีมาก หวานมาก ไม่มีทะเลาะตัดพ้อหรืองอนเงินใดๆ (ฉาก nc มีนิดหน่อยแต่ภาษาสวยมาก) แรกๆ นางเอกคือมีใจอยู่ฝ่ายเดียว แถมเป็นฝ่ายสารภาพรักก่อนด้วย เพราะด้วยภาระที่หนักหนา ไหนจะเรื่องความต่างระหว่างชนชั้น พระเอกจึงไม่ได้ตอบรับนางเอกอยู่นาน กระทั่งนางเอกเกือบจะอายุ 20 หลังจบเหตุการณ์ที่พระเอกตามมาช่วยนางเอกประลองฉิน นางเอกก็ตัดสินใจไปหาพระเอกอีกครั้งเพื่อบอกการตัดสินใจของตัวเอง ว่าในภายภาคหน้านางจะไปสมัครเป็นนักพรตเพื่อกล่อมเกลาจิตใจที่สำนักของพระเอกนะ นางไม่หวังจะได้แต่งงานกับพระเอกหรอก แค่ขอได้เจอพระเอกบ้างก็ยังดี ...หลังจากนั้นพระเอกก็จูบคนเลยจ้า บอกว่าจะไปเป็นนักพรตทำไม ตัวเขาไม่ได้เป็นนักพรตเสียหน่อย แล้วก็ตกลงกันว่ารอให้นางเอกออกจากการไว้ทุกข์เมื่อไรพระเอกก็จะพาคนไปสู่ขอตามธรรมเนียมนะ...

จากนั้นข่าวที่พระนางคบกันก็ไปถึงหูตัวร้าย อิท่านโหวที่แอบชอบนางเอกมาตั้งแต่เด็กคือโกรธแค้นพระเอกมากกก (โกรธเพื่อออ?) เลยวางแผนลอบทำร้ายพระเอกโดยที่พระเอกและใครๆ ไม่ระแคะระคายสงสัยเลยสักนิด สุดท้ายพระเอกก็สติฟั่นเฟือนเกิดอาการคลุ้มคลั่งไล่ฆ่าคนในตอนที่ไม่ได้สติ และกลายเป็นศัตรูกับคนเกือบทั่วทั้งยุทธภพ

จริงๆ คืออิฝ่ายตัวร้ายน่ะแค้นที่ถูกพระเอกทำลายแผนการมาหลาบรอบเลยอยากกำจัดพระเอกทิ้ง เพราะก่อนหน้านี้มันมีสำนักอธรรมสำนักหนึ่งชื่อว่าสำนักเจามู่ผงาดขึ้นมา ผงาดโดยการไล่ฆ่าทำลายสำนักอื่นที่เห็นต่างไม่ยอมสวามิภักดิ์ืตน  จนทำให้ยุทธภพตอนนั้นเหมือนตกอยู่ในนรก สำนักต่างๆ บ้างถูกทำลายบ้างถูกกลืนกิน ไม่มีใครกล้าต่อกรเพราะทุกคนที่กล้าสู้ล้วนถูกสังหารตายหมดอย่างโหดเหี้ยม ในงานชุมนุมกระบี่มีสำนักธรรมะหนึ่งถูกอิพรรคเจามู่หมายหัว พอถูกหมายหัวเพื่อนฝูงก็หายเรียบเพราะไม่อยากติดร่างแหไปด้วย คนในสำนักคือหน้าเศร้ารู้ว่าไม่รอดแน่... หารู้ไม่ว่าพระเอกกำลังตามปกป้องอยู่ อิพรรคเจามู่ก็พยายามกันพระเอกออกไปเพราะรู้ว่าพระเอกเก่งมาก (หลังช่วยนางเอกเสร็จพระเอกก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ จนเก่งกว่าอาจารย์และเก่งที่สุดในยุทธภพ ถ้าไม่หมาลอบกัดพระเอกก็ชนะขาดอะ) หลังจบงานชุมนุมกระบี่ยุทธภพก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อิพรรคเจามู่ก็เลยยิ่งแค้นและอยากกำจัดพระเอกสุดๆ 

เล่ม 1 ว่าสนุกแล้ว เล่ม 2 ยิ่งไม่แผ่ว โคตรสนุกมันมากกก ลุ้นแทบทุกตอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหน้าถัดไป คาดเดาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ นักเขียนเขียนเก่ง เขียนดีมาก คนแปลก็แปลดีมากเช่นกัน(ขอชื่นชมจริงๆ) เป็นแนวยุทธภพที่สนุกมาก การเมืองการต่อสู้เข้มข้น ลุ้นสุดๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องความรักนะ มีทั้งความรักแบบคนรัก รักแบบศิษย์พี่ศิษย์น้อง สายสัมพันธ์ของลูกศิษย์กับอาจารย์และเหล่าสหาย คู่พระนางดีงาม คู่ลูกศิษย์ก็ดีไม่แพ้กัน ตัวละครมีมิติ มีครบทุกรส พล็อตแน่นเจ้มจ้นมาก ชอบมากจริงๆ ...

ในเล่ม 2 เราจะได้รู้สักทีว่าใครคือบอสที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้ คราวนี้จะได้เจอทั้งศึกนอกศึกในเลยจ้า มีศพเดินได้ที่ฆ่าแล้วไม่ตาย มีกู่และพิษร้ายสารพัด และยังมีเรื่องการก่อกบฏบลาๆ เยอะแยะมากมาย สรุปสั้นๆ สนุกมากกกก อ่านเถอะ^0^



วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2567

บทเพลงปณิธาน ตำนานวิหคโผบิน 2 เล่มจบ 

 


บทเพลงปณิธาน ตำนานวิหคโผบิน 2 เล่มจบ 

ผู้แต่ง : เทียนอ้าย

ผู้แปล : อวี้

สำนักพิมพ์ แจ่มใส


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

แนวสงครามการสู้รบแย่งชิงแผ่นดิน อยู่ในช่วงยุคสมัย 5 ชนเผ่า แผ่นดินยังไม่รวมเป็นหนึ่ง บางตัวละครในเรื่องมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์

นางเอก มู่เฉิน เป็นชาวฮั่น บุตรสาวตระกูลมู่ มารดาเป็นอนุ ถูกบิดาทอดทิ้งไม่เหลียวแลปล่อยให้นางกับแม่และน้องสาวถูกภรรยาเอกและบุตรสาวของภรรยาเอกดูถูกรังแก ...ตอนแรกนึกว่าเรื่องภายในบ้านนางเอกจะมีมากกว่านี้ซะอีก แต่เอาเข้าจริงคือมันผ่านไปไวมาก55 เปิดเรื่องมาได้ไม่กี่หน้านางเอกก็ถูกเทวทูตแห่งเขาปี้ลั่วเลือกแล้วพาขึ้นเขาไปศึกษาศาสตร์แห่งกษัตริย์ตามตำนานที่กล่าวเอาไว้เรียบร้อยแว้วว ตามตำนานที่ว่าในทุกๆ 20-30 ปีไปจนถึง 200-300 ปีจะมีเทวทูตแห่งเขาปี้ลั่วลงมายังโลกมนุษย์เพื่อคัดคนที่มีความสามารถไปศึกษาศาสตร์แห่งกษัตริย์บนเขาปี้ลั่ว ...นางเอกถูกพาไปตอน 9 ขวบ ผ่านไป 7 ปีพอได้ลงจากเขานางก็รีบกลับบ้านไปตามหาแม่กับน้องก่อนเลย แต่กลับต้องพบว่าคนที่ตนเฝ้าถวิลหามาตลอดล้วนไม่อยู่แล้ว แม่ตาย ส่วนน้องสาวก็หนีออกจากบ้านไปเป็นอนุใครไม่รู้ที่แคว้นอื่น แถมตัวเองก็ยังถูกคนหมายหัวต้องการตัวเพราะเรื่องศาสตร์แห่งกษัตริย์นั่นด้วย 

พระเอก มู่หรงชง เป็นอดีตเชื้อพระวงศ์ของแคว้นเยียนที่ล่มสลาย มีใบหน้างดงามยิ่งกว่าอิสตรีจนทำให้ฮ่องเต้แคว้นฉินหลงใหล ...พระนางได้พบกันโดยบังเอิญในระหว่างที่นางเอกกำลังตามหาน้องสาว จากนั้นพระเอกก็ได้ช่วยนางเอกเอาไว้อีก นางเอกก็เลยตัดสินใจว่าจะติดตามพระเอกเพื่อช่วยฟื้นฟูแคว้น ...ฮ่องเต้แคว้นพระเอกยอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นฉิน เชื้อพระวงศ์ของแคว้นเยียนรวมถึงราษฎรเลยถูกเกณฑ์มายังแคว้นฉินเกือบหมด ส่วนตัวถ้าไม่นับเรื่องที่ฮ่องเต้แคว้นฉินทำแบบนั้นกับพระเอก เราว่าพี่แกก็เป็นฮ่องเต้ที่ใจกว้างอยู่นะ ไม่สังหารพวกเชื้อพระวงศ์แคว้นอื่นที่มาสวามิภักดิ์ไม่พอ ยังกล้าให้ตำแหน่งขุนนางที่สำคัญกับคนต่างแคว้นอีกต่างหาก ขุนนางคนสนิทข้างกายก็เตือนแล้วเตือนอีก บอกว่าอย่าเก็บคนพวกนี้ไว้ให้สังหารทิ้งเสียไม่งั้นวันหน้าจะมีปัญหาตามมา แต่พี่แกก็ไม่ฟังไม่เชื่อ สุดท้ายก็... นั่นแหละ

ในเรื่องก็จะเน้นไปที่สงครามการสู้รบ เพราะอยู่ในช่วงกลียุค ไปที่ไหนก็เจอแต่สงครามการก่อกบฏ มีทั้งการทรยศหักหลัง พี่น้องอาหลานฆ่ากันเอง ไม่มีที่ไหนสงบสุขเลย พระนางก็มีเรื่องให้เข้าใจผิดกันจนต้องแยกจากกันไปนานหลายปี หลังปรับความเข้าใจกันได้ก็ยังต้องเผชิญกับสงครามและเรื่องราวอีกมากมายในยุคสมัยที่แผ่นดินร้อนเป็นไฟ ต้องผ่านการทรยศหักหลังจากคนสนิทที่ไว้ใจ ฝ่าคมดาบทะเลเลือด สุดท้ายเพียงขอแค่ให้คนที่ตนเองรักได้อยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงวันที่บ้านเมืองสงบสุขเท่านั้นพอ แต่กว่าจะถึงวันนั้นบอกเลยลากเลือดมากกก 

อ่านจบแล้ว... ส่วนตัวรู้สึกว่าปมศาสตร์แห่งกษัตริย์ หรือเรื่องที่นางเอกถูกพาขึ้นเขาปี้ลั่วนี่จริงๆ ไม่ต้องมีก็ได้นะ55 เพราะเอาจริงๆ มันก็ไม่ได้มีใครให้ความสนใจขนาดนั้น แบบถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือฆ่ากัน หรือพยายามแย่งชิงตัวคนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนแรกก็แอบนึกว่าหลังนางเอกลงจากเขามานี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ต้องฉลาดมากๆ หรือมีวรยุทธ์สูงแน่ๆ เลย แบบต้องเก่งอย่างใดอย่างหนึ่งนี่แหละ แต่ก็... ไม่เห็นมีไรเลย วรยุทธ์ไม่มีส่วนบุ๋นก็ธรรมดา (ช้านผิดเองที่ไปคาดหวัง ช้านผิดเองงง) ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แถมมันก็มีหลายทีที่นางเอกก็สังเกตเห็นความผิดปกติอะไรบางอย่างเจอก่อนจะเกิดเรื่องด้วยนะ แต่นางก็ชอบปล่อยผ่านไม่ให้คนไปตรวจสอบอะ เพราะคิดว่าคงไม่มีไร แต่สุดท้ายมันก็มี(ทุกที) อย่างตอนที่เห็นแผ่นหลังนางกำนัลคนหนึ่งในวังแล้วรู้สึกคุ้นๆ แต่ก็ปล่อยผ่าน หรือตอนที่เห็นม้าดีในโรงเตี้ยมที่พักแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ตรวจอะไรต่อ ผิดวิสัยคนที่เจออะไรมาเยอะ แบบมันน่าจะมีความระมัดระวังมากกว่านี้ไหมอะ ส่วนตัวเราเลยรู้สึกว่าถึงเรื่องมันจะดูหนักแต่ก็ยังไม่ค่อยสุดเท่าไร...




วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567

จอมมารมิลืมรัก 3 เล่มจบ

 

จอมมารมิลืมรัก 3 เล่มจบ + เล่มพิเศษ

ผู้แต่ง : โม่ซีเคอ

ผู้แปล อาเหีย

สำนักพิมพ์ Minerva Book


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นายเอก ฉือมู่เหยา ตายแล้ววิญาณทะลุมิติมาอยู่ในนิยายแนวโลกบำเพ็ญเพียร มาอยู่ในร่างของศิษย์ชายเพียงหนึ่งเดียวของสำนักเหอฮวน สำนักฝ่ายมารที่บำเพ็ญเพียรด้วยการหาเตาหลอมพลังหรือผู้ฝึกตนที่มีพลังสูงกว่ามาบำเพ็ญคู่ด้วย นายเอกมาอยู่ในร่างของตัวประกอบที่จะถูกตัวร้ายของนิยายเรื่องนี้ฆ่าตายอย่างอนาถ นายเอกไม่อยากมีจุดจบแบบนั้น ทว่าสุดท้ายก็ยังหนีชะตากรรมบางอย่างที่อยู่ในหนังสือไม่พ้นอยู่ดี...

พระเอก ซีหวาย เป็นนายน้อยหรือบุตรชายเพียงคนเดียวของ ซีหลิน ประมุขสำนักมารที่ใหญ่ที่สุดในโลกบำเพ็ญเพียรนี้ นิสัยโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนเป็นผักปลา แต่มีร่างกายและคุณสมบัติในการฝึกตนยอดเยี่ยม ...พระเอกถูกตาเฒ่าสำนักโอสถจับมาขังไว้ในถ้ำและผนึกพลังทำให้หนีออกไปไม่ได้ ทางเดียวที่จะหนีออกไปได้คือต้องยอมเป็นเตาหลอมพลังให้กับนายเอก(ที่ถูกจับมาที่หลัง) ทำให้นายเอกเลื่อนขั้นถึงขั้นจี้จูได้ก่อนจึงจะทำลายอาคมที่ผนึกประตูออกไปได้ ตาเฒ่าโอสถคิดใช้นายเอกมาหยามเกียรติพระเอก ซึ่งในนิยายเดิมพระเอกจะต้องกลายเป็นเตาหลอมพลังให้ตัวละครนี้นานถึง 7 ปีอย่างไม่ยินยอม พอออกไปได้ก็คลั่ง ตามไปสังหารคน รวมถึงทำลายสำนักของนายเอกทิ้งราบคาบ เป็นตัวร้ายที่แท้ทรู 

นายเอกไม่อยากมีจุดจบแบบนั้น ไม่อยากมีอะไรกับพระเอกและไม่อยากได้พระเอกเป็นเตาหลอมด้วย ส่วนพระเอกก็ไม่ได้อยากทำกับบุรุษเหมือนกัน เลยตกลงกันว่าพอออกไปได้ก็ให้ทางใครทางมันไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก นายเอกเลยโอเคตรงใจพอดี เวลาทำนายเอกจะไม่แตะต้องส่วนอื่นบนร่างกายพระเอกเลย แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นพระเอกที่เริ่มหวั่นไหวอยากแตะต้องนายเอก อยากให้เขาจูบตัวเอง แต่ทำยังไงนายเอกก็ไม่คล้อยตามไม่หลงกล ไม่แม้แต่จะบอกชื่อจริงของตัวเองหรือให้พระเอกเห็นใบหน้าที่แท้จริง (ในถ้ำมืดพระเอกมองไม่เห็น) กระทั่งกลิ่นบนร่างกายกับน้ำเสียงก็ยังปลอม(สำนักนายเอกเก่งเรื่องพวกนี้) พระเอกเลยรู้แต่ว่านายเอกเป็นคนของสำนักนี้แต่นอกนั้นคือไม่รู้อะไรเลยจ้าา คนในสำนักนายเอกก็ไม่มีใครยอมบอก พระเอกเลยได้แต่สุ่มหาไปเองเรื่อยๆ จนผ่านไป 3 ปี ช่วงที่ตามหาคน หากเจอใครที่มีระดับขั้นพลังหรือท่าทางดูคล้ายๆ นายเอกกำลังตกอยู่ในอันตราย พระเอกก็จะรีบเข้าไปช่วยทันที จนทำให้พรรคฝ่ายธรรมะเข้าใจผิดคิดว่าพระเอกกำลังกลับตัวกลับใจ55 

เวลามีงานไหนที่ฝ่ายธรรมะจัดขึ้นพระเอกก็จะไปร่วมแจมด้วย เผื่อจะได้เจอคนที่ตัวเองกำลังตามหา ...แต่จริงๆ นายเอกไม่ได้ไปไหนไกล แค่ไปสมัครเป็นลูกศิษย์พรรคฝ่ายธรรมะที่ดูแลพวกสัตว์วิญญาณแถวๆ นั้นแหละ  เป็นพรรคที่ยากจนมากกก เลยไม่ค่อยมีใครอยากมาสมัครเข้าพรรค แต่นายเอกคือชอบ ตอบโจทย์ชีวิตเลย พอเข้ามานายเอกก็กลายเป็นคนจัดการดูแลงานการทุกอย่างในพรรค เพราะพรรคนี้ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากเลี้ยงดูสัตว์วิญญาณ พอมีนายเอกมาอยู่ด้วยทุกอย่างถึงได้เป็นระบบเริ่มมีระเบียบขึ้นมา (ก่อนทะลุมานายเอกเป็นเด็กเรียนตัวยง เก่งคำนวณ ทำอะไรเป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาไปอยู่สำนักไหนเลยมักได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแล+คุมบัญชีตลอด) 

ต่อมาพรรคใหญ่ของฝ่ายธรรมมะจัดงานหนึ่งขึ้น พระเอกคิดว่านายเอกน่าจะมาเข้าร่วมด้วยเลยตามมาร่วมแจม(อีกและ)55  ตอนแรกพระเอกจำนายเอกไม่ได้  เลยได้แต่ไล่ตรวจคุณสมบัติคนที่ใกล้เคียงแล้วตัดตัวเลือกออกไปเองเรื่อยๆ แต่พี่แกก็เริ่มเอ๊ะๆ แบบสงสัยนายเอกมั่งแล้วนะ พยายามจับสังเกตุท่าทางความเคยชินต่างๆ ของนายเอกแต่ก็ยังไม่เจอพิรุธจังๆ นายเอกก็พยายามหลบเลี่ยงพระเอก ให้ตายก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองคือคนนั้น ไม่หลุดพิรุธเลย แต่เวลาพระเอกกำลังตกอยู่ในอันตรายช่วงวิกฤตทีไรนายเอกก็จะแอบยื่นมือเข้าไปช่วยทุกที ...

สุดท้ายพระเอกก็ตัดตัวเลือกทั้งหมดทิ้งแล้วพุ่งเป้าไปที่นายเอกคนเดียว เริ่มมีอาการหึงหวงเวลาเห็นนายเอกคุยกับคนอื่น พอเห็นก็จะใช้อาคมบังคับให้นายเอกหันมามองแต่ตัวเอง คอยตามวอแวอยู่ข้างๆ เหมือนลูกหมายักษ์ (มากกก พระเอกสูง 190+ รูปร่างสูงใหญ่ ส่วนนั้นก็ใหญ่55) ใจนายเอกคือไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยอีกแล้วจริงๆ ทว่าในตอนที่พระเอกคลั่งนายเอกก็ยังแอบไปช่วยดูดพลังออกมานะ ขณะที่ทำก็ใช้อาคมปิดกั้นสัมผัสรับรู้ทุกอย่างของพระเอก ไม่ให้พระเอกรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ตอนที่นายเอกถูกเล่นงานในค่ายกล พระเอกก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของขั้นพลัง เพราะก่อนหน้านี้อิพี่เอาแต่หาคนไม่ยอมกักตัวเลื่อนขั้น พอถูกพ่อบังคับจับขังก็เอาแต่สร้างอาวุธเพื่อเตรียมไว้จับนายเอก55 หลังนายเอกออกมาได้เลยยอมกลับสำนักเพื่อไปกักตัวเลื่อนขั้น นายเอกก็ดีใจหลงนึกว่าพระเอกคงถอดใจจากตัวเองแล้ว  

ผ่านไปไม่นานนายเอกก็ต้องออกไปประมูลเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อเอากลับมาเลี้ยงสัตว์วิญญาณหายากชนิดหนึ่ง แล้วก็ได้มาเจอพระเอกกับพวกลูกน้องในงาน คนสำนักมารจะให้พระเอกขึ้นเป็นราชามาร แต่ถูกพระเอกปฏิเสธ คนฝ่ายมารก็เลยแซะว่าพระเอกคงกลับตัวกลับใจแล้วสินะ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ไปงานของฝ่ายธรรมะแล้วช่วยเหลือคนบ่อยนิ่? พระเอกรำคาญเลยบอกงั้นเป็นก็ได้ คนที่แซะก็อึ้งๆ จะเป็นง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ? พระเอกก็เออ เป็นแล้วไงจะเอาไรอีก55 พอคุยบลาๆ กันเสร็จ พระเอกเลยถามว่าหมดเรื่องแล้วใช่มะ ถ้างั้นจะได้จับคน55... พอนายเอกกับคนสำนักเหอฮวนที่มาด้วยกันได้ยินก็รีบเผ่นเลยจ้า เพราะรู้ว่าพระเอกมาจับตัวเองแน่ๆ แต่รอบนี้พระเอกเตรียมตัวมาดีพาผู้ฝึกตนขั้นหยวนอิงในพรรคมาด้วย เพราะสำนักนายเอกขึ้นชื่อเรื่องหนีเก่ง พระเอกกลัวไล่จับไม่ทันเลยให้คนในพรรคมาช่วยอีกแรง55 

หลังจับคนได้ก็พากลับสำนักตัวเอง พระเอกนึกว่านายเอกก็คงชอบตัวเองเหมือนกันเพียงแต่กลัวพ่อพระเอกจะไม่ยอมรับ (พ่อพระเอกเป็นผู้ฝึกตนขั้นหยวนอิงที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนั้น เพราะพ่อทำพันธะสัญญากับมังกรอสรพิษด้วย) พระเอกก็ไปเคลียร์กับพ่อ แต่พ่อรับไม่ได้ที่ลูกตัวเองจะกลายเป็นเตาหลอมให้คนอื่นแถมอีกฝ่ายยังเป็นบุรุษอีก! ตอนแรกนึกว่าที่ลูกตามหาคนไปทั่วคือจะตามไปฆ่า แต่ที่ไหนได้อิลูกดันไปตกหลุมรักเขาแล้วคิดจะแต่งคนกลับมาซะงั้น พ่อโมโหมากเลยเฆี่ยนตีพระเอกอย่างหนัก พอนายเอกเห็นอาการบาดเจ็บของพระเอกก็ช่วยรักษาให้ (นายเอกทำพันธะสัญญาณกับสัตว์วิญญาณเลยทำให้มีพลังในการรักษา) พ่อพระเอกเข้ามาเห็นสภาพนายเอกหลังรักษาลูกตัวเองเสร็จก็เริ่มยอมรับความสัมพันธ์นี้อย่างเงียบๆ พอพระเอกรู้ว่านายเอกช่วยตัวเองจนได้รับผลกระทบไปด้วยก็ยิ่งซึ้ง เชื่อว่านายเอกต้องชอบตัวเองเหมือนกันแน่ๆ วันหนึ่งก็เลยลองผูกด้ายคู่รักที่นิ้วก้อยตัวเองกับนายเอก แต่ผลปรากฏว่ามีแต่ฝั่งตัวเองที่ขึ้นสีแดง ส่วนนายเอกเป็นสีขาว พระเอกเลยเข้าใจว่านายเอกไม่ได้ชอบตัวเองเลย เป็นตัวเองชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียว แอบเสียใจแต่ก็ยังไม่เลิกชอบนะ...

แต่ความจริงนายเอกน่ะชอบพระเอกแล้วเพียงแต่รู้สึกตัวช้า ตอนนายเอกติดอยู่ในหมอกพิษออกไปไม่ได้ พวกปรมาจารย์ขั้นหยวนอิงของฝ่ายธรรมะที่เคลมตัวเองว่าดีนักดีหนากลับไม่ยอมเข้ามาช่วย ทั้งๆ ที่คนที่ติดอยู่ก็มีแต่ลูกศิษย์ฝ่ายธรรมะของตัวเองทั้งนั้น ไม่ช่วยไม่พอดันกางอาคมล้อมไม่ให้คนข้างในออกมาอีกต่างหาก ...เหอๆ สุดท้ายก็มีแต่พระเอกที่ไม่กลัวตายกล้าบุกฝ่าเข้ามาคนเดียว

พระเอกเห็นนายเอกไม่กลับมาสักทีเลยมาตามหาคน  อยากรู้ว่านายเอกตั้งใจไม่กลับไปเองหรือมีสาเหตุอื่น พอพระเอกโผล่มารอบนี้นายเอกถึงได้แน่ใจว่าตนชอบพระเอกเข้าแล้วจริงๆ แต่พระเอกดันไม่เชื่อเพราะด้ายที่นิ้วนายเอกยังเป็นสีขาวอยู่ ก็เลยนึกว่านายเอกกำลังโกหก ตอนถูกพายุพัดเข้าไปในค่ายกลพระเอกจะสังหารคนทั้งหมดเพื่อให้นายเอกเป็นคนที่ได้ออกไป แต่นายเอกไม่ยอมและทำให้พระเอกพลาดโอกาสสังหารคน พระเอกเลยโมโหต่อว่านายเอก แล้วบอกว่านายเอกเสแสร้งนั่นนู่นนี่บลาๆ หาว่านายเอกไม่ได้รักตัวเองแต่ทำเป็นเสแสร้งว่ารักเพราะอยากหลอกใช้ตน นายเอกได้ฟังก็เสียใจมากกก น้ำตาไหลพราก พยายามอธิบายยังไงพระเอกก็ไม่เชื่อ(เชื่อแต่ด้ายที่ผูกนิ้ว) นายเอกเลยเงียบ ไม่พูดและ แต่พอถึงยามคับขันนายเอกก็เลือกที่จะสละชีวิตตัวเองเพื่อให้พระเอกรอด นั่นแหละพระเอกถึงได้เก็ตว่าตัวเองเข้าใจคนเขาผิดขนาดไหน แล้วอิพี่ก็เริ่มไล่ทำลายกำแพงค่ายกลอย่างบ้าคลั่งเพื่อตามหานายเอก...

อ่านจบแล้วคือสนุกเกินคาดมาก ไม่ได้ตลกอย่างเดียว ตอนที่จริงจังเคร่งเครียดหรือซึ้งๆ กินใจก็มี นายเอกเป็นคนใจเย็นนิ่งๆ จิตใจดี ส่วนพระเอกคือตรงข้ามทุกอย่างจ้า55 ใจร้อน เผด็จการ ปากเปราะ คลั่งรักนายเอกมากกก แทบอยากจะตัวติดกับนายเอกตลอดเวลา ต่อให้กลายเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดหรือเป็นราชามารแล้ว แต่ปณิธานอิพี่ก็ไม่เคยเปลี่ยน... นั่นคือการได้เข้าถ้ำกักตัวกับนายเอกสัก 20 ปี 55+ ไม่คิดบุกไปทำลายฝ่ายธรรมะ ไม่คิดรวมสามโลกให้เป็นหนึ่ง พี่ก็แค่อยากอยู่กับเมียเท่านั้น55 วันๆ ก็คอยตามรบเร้าให้นายเอกใช้ตัวเองเป็นเตาหลอม อยากทำหน้าที่เตาหลอม แต่นายเอกคือไม่อยากเพราะพระเอกทำทีโคตรนาน อึดมากกก55 พระเอกก็ไม่ยอม ตามหึงตามบ่นอยู่นั่นแหละ นายเอกด่านกที่เลี้ยงไว้อิพี่ก็น้อยใจ บอกว่าทำไมมีเวลาด่านกแต่ไม่มีเวลาให้ตัวเอง55 ตลกดี หึงได้แม้แต่แม่หมูที่นายเอกไปทำคลอดให้ ตบมุกกันเป็นธรรมชาติดี ในเรื่องจะมีคู่อื่นด้วย ชอบคู่ของศิษย์พี่นายเอกกับเจ้าสำนักเหอฮวนที่อยู่ในเล่มพิเศษที่สุด ชอบพระรองในเรื่องด้วย ตอนแรกก็แอบระแวงกลัวว่าพี่แกจะเปลี่ยนไปเหมือนกันนะ แต่ดีที่สุดท้ายก็ไม่เปลี่ยน...












วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2567

ลางสังหารไขคดีพิศวง 7 เล่มจบ

 



ลางสังหารไขคดีพิศวง  7 เล่มจบ  

ผู้แต่ง : เหว่ยอวี๋

ผู้แปล : วนิดา ลิขิตมงคลสุข

สำนักพิมพ์ Siam Inter Book


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงนางเอกเรื่องปริศนาด่านปีศาจอวี้เหมิน (ผลงานของนักเขียนท่านนี้เหมือนกัน จริงๆ เรื่องลางสังหารออกมาก่อน แต่เราเพิ่งได้ฤกษ์อ่าน55) นางเอกเก่ง+เท่มาก อึดถึก สู้ชีวิตฝุดๆ ต่อสู้เก่ง พึ่งตัวเองได้ไม่ต้องง้อผู้ชายเลย ในเรื่องปริศนาด่านปีศาจอวี้เหมินนางเอกโตมาแบบปากกัดตีนถีบสู้ด้วยลำแข้งตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ส่วนนางเอกลางสังหารไขคดีพิศวงโตมาแบบเด็กสาวธรรมดา มีพ่อแม่รักใคร่ตามใจ เลยมีนิสัยเอาแต่ใจออกแนวคุณหนูหน่อยๆ มีความร่าเริงสดใสเหมือนเด็กสาวทั่วๆ ไป ทว่าในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัย จู่ๆ ชีวิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เหมือนร่วงตกเหว จากเด็กสาวธรรมดาที่เคยมีครอบครัวอบอุ่น มีแฟนหนุ่มแสนดี มีชีวิตที่ราบรื่นมาโดยตลอด แต่เพียงชั่วข้ามคืนเธอกลับต้องสูญเสียทุกอย่างนี้ไปแม้แต่ตัวตนของตัวเอง ต้องทิ้งชื่อแซ่ หลบซ่อนตัว หนีตาย ระหกระเหินไปทั่วพร้อมกับระฆังใบหนึ่งและคำสั่งเสียของแม่ 

นางเอกมีความสามารถในการติดต่อกับวิญญาณคนตาย แบบที่ตายไม่ดีจบไม่สวยและเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นรุนแรงผ่านระฆังที่แม่ทิ้งไว้ให้ เมื่อระฆังสั่น นางเอกก็ต้องออกเดินทางไปยังสถานที่ที่วิญญาณนั้นตายเพื่อสลายความอาฆาตแค้น? หรือทำให้วิญญาณดวงนั้นสมปรารถนา?  ...ครั้งแรกคือที่กาไน่ นางเอกต้องไปตามหาเด็กสาวที่หายสาบสูญไประหว่างเดินทางมาท่องเที่ยวคนเดียว  ซึ่งที่นั่นทำให้เธอได้พบกับเจ้าของโรงแรมที่เป็นกันเองและชายหนุ่มขี้โมโห ที่จะกลายมาเป็นครอบครัว เป็นคนรัก และคนสำคัญที่สุดที่เธอยินดีจะปกป้องเขาด้วยชีวิต

พระเอก เยวี่ยเฟิง ชายหนุ่มรูปหล่อเพื่อนเยอะ เป็นที่รักของเพื่อนฝูง ประสบการณ์เยอะพึ่งพาได้ ลูกผู้ชายตัวจริง ปากร้ายแต่ใจดี มีแฟนสาวที่คบกันมา 7 ปีอยู่ในช่วงระหองระแหงกำลังจะเลิก ต้องหลบมาพักใจที่กาไน่แล้วก็บังเอิญได้พบกับหญิงสาวแปลกๆ ท่าทางลึกลับเหมือนมีความลับที่ไม่อาจบอกใคร ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว และแถมยังชอบทำให้เขาโมโหอยู่บ่อยๆ หญิงสาวที่เขาเอ่ยปากขับไล่ เพราะกลัวว่าเธอจะทำให้คนรอบข้างของเขาต้องเดือดร้อน ...ในช่วงแรกนางเอกจะฉายเดี่ยวมาก ต่อสู้กับคนร้ายเองตามลำพังโดยที่ไม่มีใครช่วย ไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาว ไม่มีเพื่อน ไม่มีพระเอกหรือใครมาช่วยทั้งนั้น อีกทั้งเธอเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องให้ใครมาช่วยด้วย ...โดดเดี่ยวฝุดๆ

ตอนเจอกันครั้งแรกที่กาไน่พระเอกยังไม่รู้สาเหตุ แต่รู้ว่าสิ่งที่นางเอกทำนั้นอันตราย พระเอกยังมีคนที่ต้องใส่ใจต้องห่วง จึงเอ่ยปากไล่ให้นางเอกออกไปแบบไม่แคร์ รอบสองเจอกันที่เมืองโบราณ คราวนี้รู้สาเหตุแล้ว แต่พระเอกก็ยังขอให้เธอไปแบบสุภาพเพราะสิ่งที่นางเอกกำลังเผชิญมันอันตรายเกินไปจริงๆ พระเอกยังไม่กล้าเสี่ยง เพราะเขายังมีคนรอบข้างที่ต้องเป็นห่วง แม้จะชอบนางเอกขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขายอมสละชีวิตเพื่อเธอได้... ซึ่งนางเอกก็เข้าใจ (ส่วนคนอ่านก็ปวดใจแทน) 

ทว่า... แต่ช้าแต่สุดท้ายโชคชะตาก็ทำให้เขากับเธอต้องโคจรมาพบกันอีกจนได้ เพราะพระเอกดันไปรับรู้ความลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวนางเอก จึงทำให้เขาต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธออีกครั้ง แผ่นดินกว้างใหญ่ โชคชะตาอันแสนโหดร้าย ผู้คนมากมายผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านเลยไป แต่พระเอกกลับเป็นคนเดียวที่ยังผ่านเข้ามาและวนเวียนอยู่ในเส้นทางของนางเอกเสมอ แม้ช่วงแรกๆ จะยังไม่ได้ช่วยแบบเต็มตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าพระเอกมักจะปรากฏตัวได้ถูกจังหวะ ออกมาในตอนที่นางเอกกำลังเผชิญวิกฤตอยู่ในช่วงความเป็นความตายพอดี แม้ว่าสุดท้ายจะต้องแยกย้ายกันในตอนจบเรื่อง เพราะคนหนึ่งยังลังเลไม่อยากหาเรื่องลำบากใส่ตัว ส่วนอีกคนก็ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนตามไปด้วย แต่สุดท้ายถ้าคนจะใช่ยังไงมันก็ใช่ ไม่ว่าจะเดินอ้อมอีกสักกี่หมื่นโล ห่างกันเพียงใด หรือหาเหตุผลข้ออ้างมากมายเท่าไร แต่คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน ยังไงก็หนีกันไม่พ้นหรอก...

เป็นแนวไขความจริง หลอนๆ เกี่ยวข้องกับภูตผีวิญญาณ เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ นางเอก จี้ถังถัง เก่ง+เท่มาก บุตรสาวตระกูลเซิ่งผู้ครอบครองระฆังสายหนึ่ง นางเอกถูกตระกูลหนึ่งซึ่งเป็นคู่ปรับหรือคู่แค้นเก่าแก่ของตระกูลฝั่งแม่ตามไล่ล่า ทำให้ต้องระหกระเหิน หลบซ่อนตัว และจำต้องฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นเพื่อความอยู่รอด... ขณะที่สลายความอาฆาตแค้นนางเอกก็ต้องคอยหลบคนที่มาตามไล่ล่าไปด้วย แถมวิญญาณแต่ละดวงที่ต้องไปช่วยก็ล้วนแต่ตายอนาถแบบโหดๆ ดังนั้นวิธีสลายความแค้นก็เช่นกัน ไม่ใช่สวดส่งวิญญาณเน้อ แต่เป็นแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ทำแบบไหนก็โดนแบบนั้นแหละ (ใครอ่อนไหวโปรดเตรียมใจนิดนึง) ซึ่งทุกเคสมักจะเป็นคดีที่ปิดไม่ได้หรือไม่มีการแจ้งความ ตัวคนร้ายก็โหดเอาเรื่อง กว่าจะจบแต่ละเคสนางเอกคือสาหัสมาก หวิดได้ไปโลกหน้าหลายรอบและ  

คืออ่านแล้วสงสารนางเอก อยากให้มีคนแบ่งเบาความทุกข์และร่วมเดินทางไปกับเธอจัง ไม่อยากให้เธอต้องสู้อยู่คนเดียว ... ตอนแรกก็นึกว่าตระกูลฝั่งแม่อาจจะพอพึ่งได้บ้าง แต่อ่านไปอ่านมาก็ต้องกุมขมับ อยากจะร้อง...ดังๆ แต่โชคดีที่สวรรค์ยังมีตาส่งพระเอกมาให้ ถึงตอนแรกพี่แกจะยังลังเล (ตรงนี้เข้าใจนะ เป็นใครก็ต้องถอย เพิ่งรู้จักกันไม่นานด้วย) แต่พอตกลงคบกันทีนี้อันตรายแค่ไหนพระเอกก็ไม่ยอมปล่อยมือแล้วจ้า จะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ก็พร้อมไปด้วย... เราชอบตอนที่ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันใหม่หลังจากที่คิดว่าต่างคนต่างก็ไม่อยู่แล้วมากๆ เลย ลุ้นมากเลยว่าเมื่อไรเรื่องพวกนี้จะจบลงสักที เพราะมันไม่ใช่แค่ตัวนางเอกหรือพระเอกนะที่ต้องทุกข์ทรมานเกือบตาย แต่มันยังมีคนอื่นหรือคนนอกที่ต้องมาประสบเคราะห์จนตายเพราะเรื่องราวของตระกูลพวกนี้ด้วย ...โคตรน่าสงสาร ToT




วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา 4 เล่มจบ

 

ตกรางวัลอย่างงามให้การแสดงของพระชายา 4 เล่มจบ

ผู้แต่ง : ฟาต๋าเตอะเล่ยเซี่ยน

ผู้แปล : พริกหอม

สำนักพิมพ์ แจ่มใส


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

เป็นเรื่องราวของคู่รักที่เข้าใจผิดกัน ฝ่ายหนึ่งตายจาก ส่วนอีกฝ่ายแม้จะยังอยู่แต่ก็ประหนึ่งตายทั้งเป็น แต่โชคชะตา(หรือเปล่า?) จึงทำให้คนที่จากไปหวนกลับมาเพื่อให้พวกเขาได้แก้ไขความเข้าใจผิด และมีโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

นางเอก ซูหลิง บุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋วกง ได้สมรสพระราชทานให้แต่งกับ เซียวอวี้ องค์ชายสามซึ่งไม่เป็นที่โปรดปราน เพราะต้องการอำนาจและกำลังทหารจากตระกูลนางเอกเพื่อให้ตนได้ครองบัลลังก์ พระเอกจึงเลือกแต่งกับนางเอก การแต่งงานที่เกิดจากผลประโยชน์มิใช่ความรัก แรกเริ่มหนุ่มสาวทั้งสองคนจึงมักมีเรื่องเข้าใจผิดและทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่บ่อยครั้ง ต่างคนต่างชอบเอาชนะ พระเอกก็ไม่ค่อยอยู่บ้านและชอบยั่วโมโหนางเอกโดยการทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าตนไปเที่ยวหอคณิกา ทั้งๆ ที่ความจริงกำลังวางแผนทำงานกับลูกน้องอยู่ 

หลังพระเอกขึ้นครองบัลลังก์ได้ไม่นานก็เกิดสงคราม พ่อนางเอกนำทัพออกไปรบและหายตัวไป ทัพทหารกว่าหกหมื่นนายพ่ายแพ้และตายในสงครามไม่มีเหลือ ตระกูลซูถูกกล่าวหาว่ากบฏสมคบคิดข้าศึกทรยศบ้านเมือง พี่ชายนางเอกถูกจับเข้าคุกต้องโทษประหารด้วยการเฉือนเนื้อ นางเอกแบกท้องโตไปคุกเข่าขอร้องพระเอกเพื่อพี่ชาย(จะได้ตายแบบไม่ทรมาน) แต่พระเอกไม่ยอมพบ จากนั้นพระเอกก็ไปรบ และหลังจากนั้นนางเอกก็ตายหลังจากที่คลอดลูกออกมาได้ไม่นาน

พอตายวิญญาณก็เข้ามาอยู่ในร่างของ ฉินหลิง บุตรสาวขุนนางขั้นห้าที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับตัวเอง  ครอบครัวใหม่นี้พ่อหลงอนุ แม่เจ้าของร่างเสียใจมากจึงตรอมใจตาย ก่อนตายแค้นสามี เลยให้ลูกชายคนโตมาสาบานว่าจะรับช่วงกิจการการค้าต่อและไม่เข้าสอบเป็นขุนนางชั่วชีวิต เพราะรู้ว่าสามีหวังอยากให้ลูกชายสอบเข้ารับราชการ (สะใจแม่แต่โคตรทำร้ายอนาคตลูก เพราะพี่ชายคนนี้หัวดี ฉลาด) พอนางเอกฟื้นขึ้นมาก็ได้รู้ว่าร่างนี้กำลังจะถูกส่งไปคัดเลือกสาวงามเพื่อเข้าวัง แต่เจ้าของร่างนี้ไม่อยากไปเนื่องจากมีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งคนรักก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่อนุพ่อวางแผนหามาให้ เพื่อจะได้ทำลายชื่อเสียงและอนาคตของลูกเมียเอก จากนั้นจะได้ส่งลูกตัวเองเข้าวังไปแทน  แต่เจอนางเอกเปิดโปงก่อนแผนเลยแตก ส่วนอนุก็ถูกขับไล่ไปอยู่ที่อื่น

นางเอกอยากเข้าวังไปเจอลูกแต่ไม่อยากให้พระเอกจับได้ เลยให้คนมาสอนการแสดงกิริยาท่าทางต่างๆ ใหม่ รวมถึงการเขียนหนังสือ การร้องเพลง คือเลียนแบบคนที่มาสอนอะ จะได้ไม่หลุดกิริยาท่าทางความเคยชินเดิมๆ ของตัวเองออกมา วันที่ไปคัดเลือกขันทีในวังที่เคยเห็นหน้านางเอกหรือฮองเฮามาก่อนก็ตัวสั่น คุกเข่าให้เลยจ้า เพราะหน้าตาเหมือนกันมาก คือตอนแรกนางเอกไม่อยู่ในรายชื่อที่จะถูกเลือกนะ แต่พอพระเอกเห็นหน้านางก็ตะลึง แม้จะรู้ว่าแค่คนหน้าเหมือนแต่ก็ยังเลือกเข้ามา 

...ลูกนางเอกไม่ยอมพูด คนเลยนึกว่าน้องเป็นใบ้ บวกกับมีมารดาที่มาจากตระกูลต้องโทษ ขุนนางในราชสำนักก็เลยไม่สนับสนุนให้น้องขึ้นเป็นรัชทายาท พากันเร่งให้พระเอกรับหญิงงามเพื่อปั๊มทายาทใหม่ แต่พระเอกก็ไม่เคยไปนอนกับสนมคนไหนเลย พอนางเอกเข้าวังมาถึงได้ไปนอนด้วย แต่ก็แค่นอนเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร แต่พอมานอนกับนางเอก พระเอกดันฝันถึงอดีตช่วงก่อนที่นางเอกยังไม่ตาย แบบตั้งแต่ที่นางเอกตายจากไป 3 ปีพระเอกก็ไม่เคยฝันถึงเมียเลยสักครั้ง (อยากฝันถึงมาก อยากให้เมียมาเข้าฝันแต่ก็ไม่เคยฝันเห็นเลย) หลังจากวันนั้นพระเอกเลยมาค้างที่ตำหนักนางเอกบ่อยขึ้น เพราะอยากฝันถึงเมีย ...ซึ่งในฝันพระเอกจะได้เห็นมุมมองและการกระทำของนางเอกในอดีตเกือบทุกอย่าง เสมือนตัวเองเป็นบุคคลที่สามที่คอยตามเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ 

ส่วนลูกนางเอกจากที่ไม่ยอมพูดจนคนนึกว่าน้องเป็นใบ้ แต่พอเห็นหน้านางเอก น้องก็เรียกเสด็จแม่เลยจ้า... หลังจากนั้นคนที่ดูแลน้องอยู่ก็เลยให้คนไปเรียกนางเอกมาหาน้องบ่อยๆ เพราะรู้ว่าน้องชอบนางเอกและอยากอยู่ใกล้ มองนางเอกเป็นแม่ตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว...คือมีแต่คนอยากดูแลลูกพระเอกอะ เพราะหากใครได้น้องมาเลี้ยงดูที่ตำหนักตัวเองนั่นก็หมายความว่าคนคนนั้นมีโอกาสที่จะได้เป็นฮองเฮาสูง ตอนแรกยังไม่มีใครระแวงนางเอก แค่คิดว่าหน้าเหมือนอดีตฮองเฮาเฉยๆ แต่ชาติตระกูลธรรมดาไม่สูงพระเอกคงไม่สน ทว่าไปๆ มาๆ พระเอกกลับไปค้างแต่ตำหนักนางเอกคนเดียว55 แถมยังเลื่อนขั้นให้นางรัวๆ จนในที่สุดนางเอกก็ได้เป็นคนดูแลองค์ชายใหญ่ องค์ชายใหญ่ก็เรียกนางเอกว่าแม่ แล้วก็เริ่มพูดมากขึ้น ...ส่วนตัวเราว่าเรื่องในวังหลังไม่ค่อยมีอะไรนะ สตรีในวังหลังพระเอกน้อย แค่อิจฉาริษยากันนิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นทำอะไรรุนแรง

หลักๆ ก็คงเป็นเรื่องการปรับความเข้าใจแและแก้ไขความเข้าใจผิดของพระนาง กับเรื่องสงครามเมื่อสามปีก่อนที่ทำให้บ้านนางเอกถูกข้อหานั้น ...จริงๆ นางเอกก็พยายามระมัดระวังตัวไม่ให้เผยพิรุธออกไปแล้วนะ แต่ด้วยความที่พระเอกนั้นรักและคิดถึงเมียมากกกก สุดท้ายพี่แกก็ค้นพบพิรุธบางอย่างจนได้55 (ไม่มีใครดูออกเลยสักคนนอกจากพระเอกคนเดียวเท่านั้น...ดูความรักเมียเถอะ) จากนั้นก็ไปเจอตัวคนที่สอนนางเอกก่อนเข้าวัง ...แล้วก็ลงล็อกเลย นี่คือเมียเราจริงๆ ด้วย พอรู้ความจริงพระเอกก็ต้องหาทางพิชิตใจและคลายปมในใจของเมีย จะทำยังไงให้เมียมองเราเป็นสามีเป็นคนรัก ไม่ใช่มองเป็นฮ่องเต้และจัดความสัมพันธ์กับตัวเองในรูปแบบฮ่องเต้กับขุนนาง ...

ประเด็นเรื่องสงครามนี่อ่านแล้วแอบอึ้งอยู่นะ ไม่นึกว่าจะมาไม้นี้ ดีนะที่จับได้ ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะปลอมเป็นใครอีก... ส่วนพี่ชายนางเอกก็แน่นอนว่ายังไม่ตายจ้าาา ระหว่างที่หนีออกจากคุกพี่ก็ไปสืบหาความจริงและแฝงตัวเข้ามาเป็นขุนนางในราชสำนักใหม่ โดยใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าและปลอมเสียงพูดเลยไม่มีใครจับได้ ...เรื่องนี้มี 2 คู่นะ คือคู่ของพระนางและคู่ของพี่ชายนางเอกกับองค์หญิงใหญ่ ใครชอบสายรุกก็ต้องคู่พี่ชายนางเอกเลยจ้า55 ไม่ต้องรอให้คนเขามาจีบ ถ้าเราชอบก็จีบเองเลยสิจะไปรออะไร องค์หญิงรุกหนักมากกก... ส่วนพี่ชายนางเอกก็ชอบเขาแหละดูออก ไม่งั้นองค์หญิงใหญ่มาดักเจอคนร้อยรอบจะได้เจอคนทุกรอบได้ไง55

ป.ล. ตอนพิเศษมาแนวๆ เดียวกับเรื่องหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งฉางอันเลย พระเอกได้ย้อนกลับไปก่อน ส่วนนางเอกค่อยย้อนตามมาที่หลัง ตอนย้อนกลับมาพระเอกเพิ่งรบเสร็จพอดี พอรู้สึกตัวก็รีบควบม้ากลับเมืองหลวงไปจีบภรรยาแล้วขอพระราชทานสมรสเลยจ้า รอบนี้พอได้เป็นฮ่องเต้พระเอกก็ไม่รับสตรีในวังหลังเพิ่มอีก แต่ขอมีนางเอกแค่คนเดียว ส่วนบ้านนางเอกก็รอดพ้นจากภัยพิบัติ ไม่ถูกคนวางแผนทำให้โดนข้อหาร้ายแรงนั้นอีก พวกสตรีที่เคยเข้าวังมาเป็นสนมในชาติก่อนก็ได้มีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ต้องเข้าวังมาแล้วอยู่อย่างทุกข์ตรมรอวันแห้งเหี่ยวไปวันๆ ...จบแฮปปี้ฝุดๆ