วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564

คุณคือป้อมปราการของฉัน

 

คุณคือป้อมปราการของฉัน (เล่มเดียวจบ) 
ผู้แต่ง : Mu Qing Yu (มู่ชิงอวี่)
ผู้แปล : อาจือ
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
หมีข่า แพทย์สาวฝึกหัดแห่งโรงพยาบาลทหารบก สาวน้อยผู้น่ารักเหมือนตุ๊กตา 
ทั้งยังใสซื่อไร้เดียงสาและความรู้สึกช้าในเรื่องรัก 
กับสิงเค่อเหล่ย นายทหารหนุ่มยศพันตรีวัยสามสิบ หนุ่มหล่อมาดแมน แฮนซั่ม 
นิสัยกะล่อน+ทะเล้น ชอบพูดจากวนประสาท ทั้งยังแอบเผด็จการนิดๆ 
เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่หมีข่าถูกจับไปเป็นตัวประกัน จึงทำให้แพทย์สาวแสนซื่อได้มาเจอกับทหารหนุ่มจอมทะเล้นผู้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ 
สิงเค่อเหล่ย...คือคนที่เข้าไปช่วยชีวิตเธอ 

และก็เป็นสิงเค่อเหล่ยอีก...คนที่บังอาจขโมยจูบแรกของเธอไปอย่างอุกอาจ 

แล้วชีวิตของหมีข่าก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะนับแต่นั้นไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนหรือทำอะไร นายทหารหนุ่มผู้นี้ก็มักจะโผล่มาก่อกวน เอ้ยย! มาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ เธอเสมอ 
บางครั้งเขาก็ทำให้เธอประทับใจ บางครั้งเขาก็ทำให้เธอเขินอายและโมโหแล้วก็โมโหๆ  
ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่า ..ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ทั้งปากเสีย ทั้งกวนประสาท และแถมยังชอบแกล้งเธอมากขนาดนี้กัน!

ตอนเปิดเรื่องมาอาจจะงงนิดหน่อยเพราะพระ-นางเขารู้จักกันแล้ว แบบมาถึงเขาก็ตามจีบกันแล้ว(แต่นางเอกยังไม่รู้ตัวนะ) แต่เดี๋ยวอ่านไปเรื่อยๆ จะมีบอกที่มาที่ไปว่ารู้จักกันได้ยังไง
พระเอกเรื่องนี้ชอบแกล้ง ชอบยั่วโมโหนางเอกมากกก แกล้งจนไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก พอไปบอกว่าชอบคนเขาถึงได้ไม่เชื่อไง 55 ...
เพราะชอบทำตัวเล่นๆ เหมือนไม่จริงจัง แต่บางทีก็มาแบบเผด็จการ ดุมาเชียว
ยิ่งตอนที่ยังไม่ได้สถานะแฟน แล้วรู้ว่านางเอกต้องไปดูตัวนี่น็อตหลุดเลยจ้า ขำไม่ออกแล้ว
55  แต่นางเอกก็ไม่กลัว ตวาดมาก็ใส่กลับจนพระเอกหงอ ต้องมาตามง้อที่หลัง 55...

“ แม่สาวน้อย นี่ผมยิ้มให้คุณมากเกินไปรึเปล่า คุณก็เลยลืมไปว่าผมเป็นคนขี้โมโห 
นัดดูตัวเป็นเรื่องต้องห้าม คุณกล้าดียังไงถึงได้ทำความผิดร้ายแรงขนาดนี้ “

พอพระเอกรู้ว่านางเอกมาฝึกทหารที่กองตัวเองก็ตามมาแกล้ง พอรู้ว่าสาวเจ้ามาทำงานที่โรงพยาบาลทหารบกก็คอยแวะเวียนมาหา แต่ด้วยความยียวนบวกกับความกะล่อนปากเสีย
จากที่ควรจะได้คะแนน
+ได้ใจสาวก็กลับติดลบแทน ทำยังไงสาวเจ้าก็ไม่เชื่อสักทีว่าชอบ
แถมในระหว่างที่ยังไม่ได้สถานะแฟน ก็ยังมีไอ้หนุ่มอื่นมาหมายตาจ้องตำแหน่งนี้ของตนอีก
สุดท้ายเลยต้องลำบากไปถึงผู้บังคับบัญชาและบรรดาคนสนิททั้งหลาย ที่ต้องยื่นมือมาช่วยเหลือ เพราะไม่งั้นอาจมีคนได้เป็นโสดไปตลอดชีวิตแน่นอนน

พอคบกันแล้วก็มีอุปสรรคนิดหน่อย คือเรื่องที่พ่อนางเอกไม่ชอบทหาร (โดยเฉพาะทหารแซ่สิง55) กับเรื่องอดีตรักเก่าของพระเอก (ที่ไม่น่าจะเรียกว่าคนรักกันได้หรอกมั้ง)
เอาเรื่องรักเก่าก่อน พอคบกันแล้วพระเอกก็บอกนางเอกเรื่องรักเก่า บอกเหตุผลที่ตนต้องคอยดูแลครอบครัวนี้ เพื่อที่นางเอกจะได้ไม่ต้องมารู้ที่หลัง หรือรู้จากปากคนอื่นแล้วเข้าใจผิด ...ทว่าถึงได้ฟังจากปากพระเอกเองจริงๆ นางเอกก็ยังเสียใจมากอยู่ดี...
เอาจริงๆ อ่านแล้วเราก็ไม่ได้รู้สึกสงสารครอบครัวแฟนเก่าพระเอกเลย
คือได้รับจนเคยตัว จนกลายเป็นความเห็นแก่ตัว พอพระเอกมีแฟนก็เลยกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้สิ่งเหล่านี้อีก เลยไปปั้นเรื่องยั่วยุนางเอกที่เป็นแฟนพระเอกแทน เพราะเห็นคนเขาหัวอ่อนน่าจะว่าง่าย เผื่อจะหลงเชื่อและเป็นฝ่ายถอย แต่ดีที่นางเอกถึงจะใสซื่อแต่ก็ไม่ได้บื้อ
และดีที่สุดท้ายพระเอกก็ตัดขาดจากครอบครัวนี้ไปได้สักที...หึหึ 

“..ไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงจะเป็นเพราะอะไร แต่ในเมื่อเธอทำร้ายหมีข่า
สิงเค่อเหล่ยคนนี้ย่อมยกโทษให้ไม่ได้
! นับแต่นี้ไป พี่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของเธออีก
ถ้าใครกล้ามาต่อว่าสิงเค่อเหล่ยคนนี้ว่าไม่มีมนุษยธรรม มันจะต้องโดนเล่นงานถึงตาย “

ส่วนเรื่องพ่อจริงๆ ก็ไม่เท่าไร เพราะยังไงคุณพ่อก็อยากให้ลูกสาวได้อยู่กับคนที่รักจริงๆ นั่นแหละ แถมยังมีคุณแม่คอยช่วยสนับสนุน รวมถึงมีพี่สาว+พี่เขยคอยช่วย
แล้วไหนจะเพื่อนๆ ในกองทัพ เพื่อนของนางเอกอีกล่ะ มีคนช่วยเยอะขนาดนี้ตำแหน่งลูกเขยตระกูลหมี่จะไปไหนได้..อิอิ

เป็นแนวหวานๆ โรแมนติก อ่านง่าย ไม่ค่อยมีดราม่าอะไร พระเอกลามก55 (แต่ลามกแค่กับนางเอกที่เป็นแฟนคนเดียวเท่านั้นนะ) เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องรักๆ แต่ยังมีเรื่องอาชีพหน้าที่การงานของพระ-นางสอดแทรกเข้ามาให้เห็นอยู่ตลอดทาง
ทำให้รู้ว่าจริงๆ จะเป็นแฟนทหารได้นี่ก็ไม่ใช่เรื่อง่ายเหมือนกันนะ
พระเอกถึงต้องพูดกับนางเอกให้เข้าใจ
! ให้ชัด! ถึงเรื่องหน้าที่การงานและสิ่งที่คนเป็นทหาร รวมถึงภรรยาทหารจะต้องเจอและต้องแบกรับก่อน เพื่อให้แน่ใจว่านางเอกจะโอเคและยินยอมพร้อมใจที่จะเดินกับเขาไปตลอดจนสุดทางของชีวิต..

ปล.ตัวละครเยอะมาก มีหลายคู่มาก มีตั้งแต่คู่ของพ่อ-แม่ คู่ของหัวหน้า คู่ของเพื่อน
คู่ของน้องสาวพระเอก แล้วก็คู่ของพระรอง โอ๊ยยแบบเอาไปเขียนเป็นเล่มแยก
เป็นเรื่องของใครของมันได้เลยอะ
แถมดูจะดราม่ามีปมมากกว่าเรื่องนี้ด้วย



วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

คู่กิเลนค้ำบัลลังก์ 4 เล่มจบ

 

คู่กิเลนค้ำบัลลังก์ 4 เล่มจบ
ผู้แต่ง : เมิ่งซีสือ
ผู้แปล : ปราณหยก 
สำนักพิมพ์ 
 
เอ็นเธอร์บุ๊คส์

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
เมื่อ เฮ่อไท่ หรือองค์ชายใหญ่ ถูกกล่าวหาว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ
และทำให้รัชทายาทในตอนนั้นเสียชีวิต ทุกคนในบ้านจึงถูกปลดเป็นสามัญชน ถูกริบทรัพย์และถูกเนรเทศให้ออกจากเมืองหลวง
ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอำเภอเล็กๆ กันอย่างยากลำบาก
ทั้งยากจนข้นแค้น 
ทั้งถูกคนดูถูก ถูกรังแก แม้แต่บุตรธิดาก็ยังไม่ได้เรียนหนังสือ
แต่ด้วยความสามัคคีปรองดองของเหล่าพี่น้องสกุลเฮ่อ ทั้งครอบครัวจึงสามารถยืนหยัดต่อสู้และอดทนต่อความยากลำบากเหล่านั้นมาได้ตลอด 11 ปี
ในเวลานั้นพวกเขาช่างแตกต่างจากบ้านเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ที่ลูกหลานหรือคนในบ้านมักจะแก่งแย่งชิงดีและทะเลาะเบาะแว้งกันโดยสิ้นเชิง

เรื่องนี้เป็นแนวมิตรภาพพี่น้อง ไม่มีนางเอก มีแต่พระเอกหรือตัวละครเอก
ซึ่งก็คือพี่สามกับน้องห้า(เฮ่อหรงกับเฮ่อจั้น) หรือก็คือสองคู่กินเลนตามชื่อเรื่อง

พี่สามหรือเฮ่อหรงนั้นเป็นลูกที่พ่อไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไร
เพราะพี่แกเคยพาน้อง(ลูกเมียเอก)ไปขี่ม้าแล้วปรากฏว่าตกม้า ทำให้ตัวเองบาดเจ็บที่ขาไม่อาจเดินได้เหมือนคนปกติอีกต่อไป(ขาเป๋)  ส่วนคนน้องก็ตกใจจนป่วยหนักตาย
อีกทั้งมารดาของเขาซึ่งเป็นสาวใช้ก็ยังไปมีเรื่องพัวพันกับการก่อกบฏในครั้งนั้น จนต้องจบชีวิตลง (ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง แต่มันก็ทำให้คนทั้งบ้านต้องถูกลูกหลงไปด้วย)
แต่เพราะในบรรดาลูกที่เหลือทั้ง
7 คน เฮ่อหรงคือคนที่ฉลาดและสุขุมมากที่สุด 
ดังนั้นเวลามีอะไร พ่อและทุกคนในบ้านจึงชอบเรียกเขามาปรึกษา
+ขอความคิดเห็น
ต่อให้ในใจพ่อจะรู้สึกไม่ค่อยชอบลูกคนนี้ยังไง แต่ก็ยังคงเชื่อใจและฟังความคิดเห็นของเขาเสมอ รวมถึงพี่น้องคนอื่นๆ ก็ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเฮ่อหรงจึงกลายเป็นมันสมองของบ้านไปโดยปริยาย

เฮ่อหรงออกความคิดให้พ่อหมั่นเขียนจดหมายไปไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกับปู่หรือฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ลืมครอบครัวตน และอาจจะได้กลับเมืองหลวงในเร็ววัน
แผนนี้ทำให้ฮ่องเต้นึกถึงครอบครัวลูกคนโตขึ้นมาได้
ประกอบกับเรื่องที่อำเภอของพวกเขาถูกกองทัพกบฏยกทัพมาตี และพวกเขาก็ไม่ได้หนีแต่กลับยืนหยัดต่อสู้อยู่ที่นั่นจนกระทั่งรักษาเมืองไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ผ่านไปไม่นาน ทั้งครอบครัวจึงถูกเรียกกลับเมืองหลวงจริงๆ

พอมาอยู่เมืองหลวงด้วยความที่ห่างหายไปนาน อำนาจใดๆ ก็ยังไม่มี จึงทำให้บ้านเฮ่อถูกคนอื่นรังแก แต่แล้วพวกที่มารังแกก็ตระหนักได้ว่า ถึงตอนนี้บ้านเฮ่อจะไม่มีอำนาจหรือตำแหน่งอะไร แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นลูกเป็นหลานของคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรในวังหลวงตอนนี้นะจ๊ะ จะทำอะไรก็คิดดีๆ ล่ะ..อิอิ  

ต่อมาก็มีเรื่องที่ข่านของทูเจวี๋ยตะวันตกกำลังจะตาย ทำให้เกิดการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ เฮ่อหรงเลยเสนอตัวขอเดินทางไปจัดการเรื่องนี้ ไปเป็นแรงสนับสนุนให้องค์หญิงเจินติ้ง องค์หญิงของราชวงศ์ก่อนที่แต่งงานออกไปยังที่นั่น เพื่อผลักดันให้ฝั่งขององค์หญิงได้เป็นผู้ปกครองทูเจวี๋ยตะวันตกและสานสัมพันธไมตรีต่อ
 
พอเรื่องนี้สำเร็จ เฮ่อหรงกับน้องห้าก็ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ คนหนึ่งเป็นกงอีกคนเป็นโหวและได้มีจวนเป็นของตัวเอง แต่หลังจากที่กลับมารอบนี้ ทั้งสองคนก็เริ่มสัมผัสได้ว่าบรรยากาศที่บ้านเฮ่อนั้นไม่ค่อยเหมือนเดิมอีกต่อไป...

แล้ววันหนึ่งก็มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อลูกที่ฮ่องเต้หมายตาจะให้เป็นรัชทายาททำให้เขาผิดหวังอย่างรุนแรง สุดท้ายตำแหน่งนี้จึงมาตกใส่เฮ่อไท่ ม้านอกสายตา 
คนที่ใครต่างก็นึกไม่ถึง ...แต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะยอมให้องค์ชายใหญ่ที่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหมาดๆ มาชุบมือเปิบได้ตำแหน่งนี้ไปง่ายๆ ดังนั้นการก่อกบฏจึงต้องตามมา...

...ตอนที่ได้อ่านเรื่องนี้ สิ่งที่เราชอบมากที่สุดตอนนั้นก็คือ ความรักความสามัคคีของพี่น้องสกุลเฮ่อ ชอบความสัมพันธ์ของพี่สามกับน้องห้า (ที่ทำให้เราคิดในแง่ดีไม่ได้เลยจริงๆ 55)
จริงๆ ก็คิดแล้วแหละว่าถ้าได้กลับเมืองหลวงเมื่อไร อะไรๆ ก็คงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ยิ่งพออ่านเล่ม
2 จบ ก็ยิ่งเห็นได้ชัด...
หลังจบเรื่องกบฏ บางคนอยู่บางคนจาก บางคนไม่อยากอยู่ในวังวนนี้ก็เลือกที่จะหนีไป
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องบางคู่ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะพี่ใหญ่กับพี่รอง
เพราะตอนนี้พวกเขา
มีทั้งเงินทั้งอำนาจ ไม่ได้ยากจนหรือมีชีวิตยากลำบากที่ต้องพึ่งพากันอีกต่อไปแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งทุกคนย่อมต้องเติบโตและมีเส้นทางเดินเป็นของตัวเอง
ยิ่งพอคนพ่อได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ความสัมพันธ์ของพี่ใหญ่กับพี่รองก็ยิ่งเกิดรอยร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีคนคอยยุแยง จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาถึงจุดที่ไม่อาจซ่อมแซมได้อีกต่อไป เฮ่อหรงไม่อยากเลือกข้างหรือเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งนี้
จึงเลือกที่จะหลีกหนีไปอยู่ที่ดินศักดินาอันแสนไกล รวมถึงวางแผนกันน้องห้าออกมาให้อยู่ห่างจากเรื่องเหล่านั้นด้วย
แต่ในขณะที่เมืองหลวงกำลังเกิดศึกใน ศึกนอกก็เข้ามาประชิด
เพราะทันทีที่ทูเจวี๋ยตะวันออกบุกรวบยึดทูเจวี๋ยตะวันตกได้สำเร็จ ดินแดนจงหยวนก็เป็นเป้าหมายต่อไปที่ถูกโจมตี...

เฮ่อไท่หรือฮ่องเต้คนปัจจุบันที่เดิมก็ไร้ความเด็ดขาด อ่อนแอ เชื่อคนง่าย มองคนไม่เป็น อุปนิสัยเหล่านี้จึงทำให้เขาเลือกที่จะทิ้งเมืองหลวงและนำคนหนีลงใต้ บวกกับมีคนในเป็นไส้ศึก คอยสร้างเรื่องและแอบก่อความวุ่นวาย ทุกอย่างเลยยิ่งฉิบหาย(หยาบคายอะขอโทษ) สุดท้ายหายนะก็บังเกิด คนตายเป็นเบือ เมืองถูกตีแตกเป็นว่าเล่น แม่ทัพเก่งๆ ต้องพลีชีพในสนามรบ..เสียดายที่จนวันตายคุณพ่อก็ยังไม่รู้ความจริงเลยสักเรื่อง ไม่รู้เลยว่าตัวเองไว้ใจคนผิดหรือทำผิดพลาดที่ตรงไหน....

แนวการเมืองชิงบัลลังก์ สงครามการสู้รบ เนื้อเรื่องเข้มข้น สนุกมาก มีแอบหนักเป็นบางช่วง
แต่ดีที่ระหว่างทางจะมีความน่ารักของพี่สามกับน้องห้ามาช่วยเบรกเรื่องเครียดๆ เรียกรอยยิ้มเป็นระยะ ถึงจะมีช่วงที่หน่วงๆ เสียน้ำตาไปบ้างแต่เราก็ยังไหว 55
เวลาพี่น้องคู่นี้อยู่ด้วยกันนี่คิดดีไม่ได้เลยจริงๆ พี่สามไม่มีอะไรแต่น้องห้านี่มันช่าง...หึหึๆ (ไม่วายจริงๆ นะ แต่โคตรจิ้น
55) คนหนึ่งบุ๋นคนหนึ่งบู๊ คอยค้ำจุนช่วยเหลือกันและกัน
จะว่าไปจริงๆ ที่น้องห้ามีผลงาน+ความดีความชอบแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากพี่สามนี่แหละ
เพราะอยากอยู่กับพี่สาม ดังนั้นเวลาที่อีกฝ่ายไปไหนน้องห้าเลยชอบขอตามไปด้วย
พี่สามไม่ให้ไป น้องห้าก็หาทางไปเองจนได้
ไม่ได้อยากสร้างผลงานหรือสร้างความดีความชอบอะไรหรอก ก็แค่รักและเป็นห่วงพี่สามมากกก(ติดพี่) อยากไปคอยช่วยเหลือพี่เขาเฉยๆ
ที่เหลือมันเป็นผลพลอยได้55  แต่ไม่ว่าจะอยู่ในจุดที่สูงสุดหรือต่ำสุดของชีวิต น้องห้าก็ยังอยากเป็นแค่น้องชายของพี่สามตลอดไปเท่านั้นเอง...



วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564

ฟ้าส่งข้ามาเป็นอาจารย์ 3 เล่มจบ

 

ฟ้าส่งข้ามาเป็นอาจารย์ 3 เล่มจบ / ผู้แต่ง : Wen Li Feng
ผู้แปล : BBLong
สำนักพิมพ์ Happy Banana

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
ชาติแรกพระเอกเป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์ในโรงเรียนมัธยม พอตายก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่ในยุคสมัยโบราณ ชาตินี้มีชีวิตขัดสน แถมยังต้องพยายามสอบจวี่เหรินให้ติดเพื่อทำตามความฝันของพ่อ (ที่สอบไม่ติด) แต่พอสอบผ่านชีวิตกำลังจะไปได้สวยบ้านเมืองก็เกิดภัยสงคราม ตัวพระเอกก็ดันถูกคนต่างถิ่นเปิดประตูบ้านบุกเข้ามาแทงตายอย่างอนาถซะงั้น .. 
พอเกิดใหม่รอบที่ 2 คราวนี้มาเกิดในบ้านพ่อค้าเกลือ เป็นคุณชายรองมีนามว่า หลินชิง 
มีพ่อแม่รักใคร่ตามใจเป็นลูกรัก เกิดมาบนกองเงินกองทองไม่ต้องลำบาก 
พระเอกเลยตั้งใจว่าชาตินี้จะไม่พยายามดิ้นรน หรือทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จอะไรอีกแล้ว เพราะชาติก่อนๆ พอประสบความสำเร็จปุ๊บ พอจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นปั๊บก็ไม่เคยได้เสพสุข แต่กลับต้องมาตายก่อนทุกที ชาตินี้เลยไม่เอาและ จะขอขี้เกียจ ขอนอนตื่นสาย ไม่ขอก้าวหน้าใดๆ จะอาศัยทรัพย์สมบัติของตระกูลเลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละจนตาย 55

แต่เมื่อน้องสาวของพระเอกถูกส่งไปเป็นนางกำนัลในวังหลวง พระเอกจึงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะรู้แล้วว่าต่อให้ร่ำรวยล้นฟ้าแค่ไหน แต่หากไม่มีอำนาจหนุนหลัง
ตระกูลของพระเอกก็ไม่ต่างจากชิ้นเนื้อติดมันที่รอให้คนอื่นมารุมทึ้ง
ปัญหาบางอย่างไม่อาจแก้ด้วยเงิน มีเงินแค่ไหนก็ไม่อาจช่วยให้น้องสาวไม่ต้องเข้าวังได้...
ดังนั้นพระเอกจึงตัดสินใจเข้าสอบเป็นขุนนาง เพื่อจะได้ช่วยน้องสาวและเป็นที่พึ่งให้กับตระกูลตัวเอง...

เล่มแรกจะกล่าวถึงเส้นทางการสอบเป็นขุนนางของพระเอก และเมื่อคนขี้เกียจอย่างพระเอกประกาศว่าจะเข้าสอบขุนนาง คนที่บ้านจึงไม่มีใครเชื่อเลยสักคนว่าจะทำได้ 55
แต่พระเอกก็ขี้เกียจอธิบาย เลยจะพิสูจน์ให้เห็นด้วยการสอบติดแทน 
แน่นอนว่าจากประสบการณ์ในชาติก่อนๆ ที่ผ่านมา ที่เคยเป็นครูและเคยสอบติดจวี่เหรินในชาติที่แล้ว ชาตินี้พี่แกจึงสอบติดได้อย่างราบรื่นโดยไม่สอบตกเลยสักสนาม  
ไต่เต้าไปเรื่อยๆ จนไปถึงสนามสุดท้ายในเมืองหลวง จนได้เข้าไปอยู่ในสำนักราชบัณฑิต
แต่เพราะมาจากตระกูลพ่อค้า เพื่อนที่ทำงานจึงดูถูกและไม่มีใครอยากคบหาด้วย
ซึ่งพระเอกก็ไม่แคร์ เพราะมันเข้าทางกับนิสัยตัวเองพอดีเป๊ะ 
55..อิอิ

เล่ม 2 จะเป็นเรื่องเส้นทางขุนนางของพระเอก หลังจากสถานที่ทำงานแรกเกิดเรื่อง
พระเอกก็อยากหาตำแหน่งงานที่ปลอดภัย สงบๆ ที่ไม่นำภัยมาสู่ตนเองและครอบครัว
แต่ก็ต้องเป็นงานสบายและไม่ยุ่งยากด้วยนะ เพราะพี่แกไม่ได้อยากก้าวหน้า ไม่อยากเด่น
และ
ไม่ได้อยากรวย(เพราะรวยอยู่แล้ว) สุดท้ายจึงมาเป็นไท่ฟู่หรืออาจารย์ขององค์ชายหก
องค์ชายที่ไม่ค่อยเป็นที่โปรดปราน งานที่ไม่มีใครอยากทำ
เพราะองค์ชายหกไม่มีวันได้ครองบัลลังก์ อยู่ด้วยก็เหนื่อยเปล่าไม่เจริญก้าวหน้า
เพราะก่อนหน้ายังมีองค์ชายอีกตั้ง
3 คน บัลลังก์นี้ไม่มีทางตกมาถึงมือองค์ชายหกแน่ๆ

แต่พอผ่านไปสิบปี หลังจากที่พระเอกกับองค์ชายหกย้ายไปอยู่ที่ดินศักดินาได้ไม่นาน
พวกองค์ชายก่อนหน้าก็ดันตายหมด องค์ชายหกเลยฟลุคได้เป็นรัชทายาท
เพราะอายุเหมาะสมที่สุด ประกอบกับฮ่องเต้ใกล้จะไม่ไหวแล้ว พระเอกจากที่คิดจะเกษียนตัวเองด้วยตำแหน่งขุนนางขั้น
5 และหวังจะได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ บ้าน (ที่ดินศักดินากับบ้านพระเอกอยู่ใกล้กัน) ก็เลยต้องย้ายกลับไปเมืองหลวงใหม่ และกลายเป็นขุนนางคนสนิทของฮ่องเต้องค์ใหม่แทน ..ส่วนแผนการใช้ชีวิตหลังเกษียณที่เตรียมมาอย่างดีก็ต้องถูกพับเก็บไปก่อน 55 
(คนอื่นมีแต่อยากก้าวหน้า มีแต่พระเอกนี่แหละที่อยากเกษียณกลับไปอยู่บ้านเร็วๆ 55)

เรื่องนี้ไม่มีนางเอกมีแต่ภรรยาพระเอก แต่บทก็เจือจางไม่เด่นเป็นเหมือนตัวประกอบมากกว่า เรื่องนี้จะมีแต่พระเอกหรือตัวละครเอกเป็นตัวดำเนินเรื่อง บอกเล่าเรื่องเส้นทางการสอบขุนนาง (แบบละเอียด) การไต่เต้าในหน้าที่การงาน (ที่ไม่ได้ดิ้นรนเท่าไรเพราะขี้เกียจ)
และความสามัคคีปรองดองของเหล่าพี่น้องในบ้านตระกูลหลิน 
พี่น้องบ้านนี้รักใคร่กลมเกลียว ไม่มีเรื่องอิจฉาริษยาหรือหักหลังลอบทำร้าย ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็เคารพสามัคคีกัน
มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เพื่อให้ตระกูลกลินได้อยู่รอดปลอดภัยอย่างยาวนานและมั่นคง
ทุกคนจึงเห็นด้วยกับความคิดของพระเอกที่ว่า..ต่อไปคนในตระกูลหลินต้องมีคนเป็นขุนนาง พระเอกจึงปฏิวัติการเรียนการสอนของเด็กในตระกูลใหม่ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง
เพราะพระเอกมีสกิลเก่าจากการเป็นครูในชาติก่อน จึงสามารถชี้แนะและสอนได้อย่างถูกจุดและตรงประเด็น  ใครมีปัญหาเรื่องการเรียนหรือ
ติดขัดตรงจุดไหน หากได้พระเอกชี้แนะให้ก็ล้วนสอบผ่านเหมือนถูกเจียระไนใหม่หมด เลยยิ่งทำให้ชั้นเรียนตระกูลหลินมีชื่อเสียงไปทั่ว 
แม้แต่ตระกูลใหญ่อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ยังอยากจะส่งลูกหลานเข้ามาเรียนด้วยบ้าง...

อ่านจบแล้วคือชอบมากกก เป็นเรื่องที่ไม่ต้องมีนางเอก ไม่มีดราม่า ไม่มีเรื่องหลังบ้านหรือรักหลายเศร้าแต่ก็ยังสนุก เรื่องการเมืองก็ไม่ค่อยหนักเพราะพระเอกมันขี้เกียจ 55
เน้นเรื่องการสอบเป็นขุนนาง เรื่องความผูกพัน+
ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว
รวมถึงเรื่องการผูกสัมพันธ์ การแต่งงาน วิธีการมอบของขวัญ ธรรมเนียมวิธีการปฏิบัติต่างๆ ของคนสมัยโบราณ ทำให้เราเห็นภาพได้ชัดขึ้น
เล่าตั้งแต่พระเอกยังไม่แต่งงานจนแต่งงานมีครอบครัว กระทั่งมีลูกหลานเหลนโหลนเลย
จากตอนแรกที่มีแค่หลักสิบก็ขยายไปเป็นร้อย แต่ทุกคนในตระกูลคือสามัคคีปรองดองกันมาก ชอบตรงจุดนี้ อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น..


วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2564

โลกใบเล็กของเม็ดฝุ่น 2 เล่มจบ


โลกใบเล็กของเม็ดฝุ่น 2 เล่มจบ  / ผู้แต่ง มู่ฝูเซิง
ผู้แปล ดารินทิพย์
สำนักพิมพ์ Siam Inter Book
 
ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอกเป็นบรรณารักษ์ชื่อ เจิงหลี่ ทำงานอยู่ที่ห้องสมุด 
เนื่องจากอายุ 25 แล้วแต่ยังไม่มีแฟน แม่ก็เลยให้ไปจัดฟัน เพราะคิดว่าฟันนางเอกไม่สวยจึงทำให้ไม่มีคู่สักที แต่บังเอิญว่าหมอที่ดูแลนางเอกต้องไปต่างประเทศ
ก็เลยส่งเคสนางเอกไปให้พระเอกหรืออ้ายจิ่งซู หมอหนุ่มรูปหล่อ อาจารย์อ้ายแห่งมหาวิทยาลัย
A ที่ทั้งหล่อทั้งเก่ง และเป็นที่หมายปองของสาวๆ ดูแลแทน ...
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็มักจะมีเหตุให้ได้พบกันอยู่บ่อยๆ พระเอกมักจะได้พบกับนางเอกในเวลาที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเข้าพอดี
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงค่อยๆ พัฒนา 
จากตอนแรกที่เป็นแค่หมอฟันกับคนไข้
ก็เลยเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นเพื่อน 
จนคนรอบข้างเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนกัน
ซึ่งนางเอกก็พยายามแก้ต่างแล้ว แต่พระเอกกลับไม่พูดอะไร
เพราะเริ่มชอบนางเอกเข้าให้แล้วจริงๆ...อิอิ

นางเอกมีปมในใจเรื่องรักครั้งแรกกับครอบครัว ซึ่งปัญหาพวกนี้มันส่งผลทำให้นางเอกกลายเป็นคนขี้กลัว ไม่มั่นใจในตัวเอง และไม่ค่อยกล้าเข้าสังคม
ภายนอกเหมือนยังโอเค แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยรอยแผลและความเจ็บปวดมากมาย
ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปแบบของความฝัน ในตอนที่นางเอกกำลังนอนหลับฝัน
แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว ความกังวลที่อยู่ในใจลึกๆ ของตัวเอง  
แม่ของนางเอกใช้การดุด่าและการบังคับ เป็นการแสดงออกถึงความรักความห่วงใย
อยากให้นางเอกตัดใจจากรักครั้งแรกและหาแฟนใหม่ให้ได้ ก็ไปเอาเรื่องของแฟนเก่าลูกมาพูดแทงใจดำ เพื่อหวังให้ลูกตระหนักถึงความจริงและเลิกหวัง แต่กลับยิ่งทำให้นางเอกบอบช้ำเหมือนถูกมีดกรีดซ้ำไปซ้ำมาที่แผลเดิม เวลามีอะไรแทนที่จะพูดจะบอกดีๆ ก็กลับเลือกใช้ถ้อยคำดุด่าเสียดสี จึงส่งผลให้นางเอกมีนิสัยแบบนั้น ...

เรื่องราวความรักของคนธรรมดาสองคน ความรักของหมอฟันหนุ่มที่พูดน้อย ดูเหมือนเย็นชา แต่พร้อมเป็นที่พึ่งพาอันอบอุ่นให้กับหญิงสาวที่เขารักเสมอ เมื่อได้รักก็ทุ่มเต็มที่ พยายามเต็มร้อย  กับบรรณารักษ์สาวขี้อาย ขี้กลัว และมีปมในใจเรื่องครอบครัวกับรักครั้งแรกที่ทำให้เธอกลัวจนไม่กล้ารักใครอีก
เนื้อเรื่องเรียบง่าย บอกเล่าเรื่องราวความรักของพระ-นางอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ไม่หวือหวา หวานกำลังดีแบบจับต้องได้ ปมในเรื่องเหมือนไม่หนักแต่ก็ไม่เบา
อ่านจบแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
โชคดีที่โลกใบนี้มีอ้ายจิ่งซู โชคดีที่เธอได้เจอเขา โชคดีที่พวกเขาได้เจอกัน...



วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564

ขอโทษทีไม่ได้คบใครที่หน้าตา 2 เล่มจบ

 

ขอโทษทีไม่ได้คบใครที่หน้าตา 2 เล่มจบ 
ผู้แต่ง : เย่ว์เซี่ยเตี๋ยอิ่ง (月下蝶影)
ผู้แปลเล่ม 1 : เป่าหลุน / ผู้แปลเล่ม 2 : Huang Liyuan
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
เหยียนซี หญิงสาวลุคบอบบางน่ารัก น่าทะนุถนอม แลดูน่าสงสารใครเห็นก็อยากปกป้อง
แต่แท้จริงเธอคือหญิงแกร่ง กล้าพูดกล้าทำ
ด่ามาก็สวนกลับ ไม่ต้องรอให้ใครมาปกป้อง..
ผิดกับภาพลักษณ์ภายนอกสุดๆ
ส่วนพระเอก หยวนอี้ คุณชายรองตระกูลหยวน
หนุ่มนักธุรกิจรูปหล่อ ลุคแบดบอยท่าทางเหมือนตัวร้าย ไม่เคยมีแฟนไม่เคยสนใจเรื่องรัก
แถมยังชอบพูดจาจิกกัดไม่ค่อยเข้าหูคน

คู่นี้เขามีเรื่องให้ต้องบังเอิญเจอกันบ่อย แต่ครั้งแรกพระเอกดันเข้าใจนางเอกผิด
นึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่มีสามีรุ่นพ่อ (นึกว่านางเอกกับพ่อเป็นสามีภรรยากัน)
ก็เลยถูกนางเอกสวนกลับไปเบาๆ หนึ่งทีจนลืมไม่ลง..หึหึ 
พี่แกจึงได้รู้ซึ้งว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ซื่อๆ หงิ๋มๆ เหมือนรูปร่างหน้าตา
ซึ่งไม่ใช่แค่พระเอกเท่านั้นนะที่คิดแบบนั้น แต่ทุกคนที่ได้เห็นนางเอกตอนแรกก็คิดแบบนี้เหมือนกันหมด ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของนางเอกหลอกตากันหมดเลย 
55

พระเอกและนางเอกต่างเป็นคนมีฐานะ แต่บ้านพระเอกรวยกว่ามากก
เพราะเป็นตระกูลเก่าเป็นอันดับหนึ่งของเมือง มีแต่คนอยากเกาะแข้งเกาะขา
ส่วนบ้านนางเอกเป็นเศรษฐีใหม่ นางเอกเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน มีพ่อที่แสนดี
ที่ทั้งรักและทะนุถนอมตัวเองสุดๆ ผลประโยชน์ใดๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขของลูกสาว 

นางเอกได้งานเป็นพิธีกรเล็กๆ ในรายการช่องโทรทัศน์ท้องถิ่น ที่เรตติ้งไม่ดีและไม่ค่อยมีคนดู จึงไม่ค่อยมีใครอยากมาทำ แต่นางเอกก็ชิวๆ ไม่ซีเรียส เพราะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน 
พอดีจบสาขานี้มาแล้วว่างอยู่ เพื่อนพ่อชวนเลยมาทำดู  แต่ปรากฏว่าทำได้ดี เริ่มมีคนพากันพูดถึงและสนใจรายการนี้มากขึ้น เรตติ้งก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นกระแสในเวยปั๋ว
นางเอกเลยกลายเป็นขวัญใจของคนสูงอายุ (เพราะรายการนี้ส่วนใหญ่มีแต่คนสูงอายุดู)

จนได้ฉายาว่า มือปราบผู้เฒ่าแต่ตอนแรกที่เข้ามาทำงาน คนที่ทำงานเห็นว่าเป็นลูกคุณหนูใช้เส้นเข้ามาจึงไม่ได้คาดหวังอะไร ต่อมาพอรายการเริ่มเปรี้ยง และเห็นว่านางเอกมีความสามารถจริงๆ เลยพากันมองนางเอกใหม่ และให้ความเคารพนับถือจากใจจริง

พระ-นางมักมีเหตุให้บังเอิญเจอกันบ่อย พระเอกจึงสนใจนางเอกขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว
เหมือนเจอมวยถูกคู่ ต่อมาทั้งคู่ก็ขยับจากคนรู้จักจนกลายมาเป็นเพื่อน
แต่พระเอกก็ทำตัวไม่ค่อยเหมือนเพื่อนเท่าไร พฤติกรรมหลายๆ อย่างมันฟ้อง
ขนาดคนสนิทรอบข้างยังมองออก แต่พี่แกก็ไม่ยอมรับ ปากแข็งมากกก

ส่วนนางเอกทีแรกก็ยังมองพระเอกเป็นแค่เพื่อน เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่สเปคอีกฝ่าย
และอีกฝ่ายก็ไม่ใช่สเปคของตัวเอง แถมพระเอกยังปากเสียมากใครจะชอบลง 
55
แต่เวลามีเรื่องหรือเกิดปัญหาพระเอกกลับโผล่มาอย่างไว ไม่เคยอิดออด
นางเอกจึงเริ่มรู้สึกดี
แต่ก็ไม่กล้ากินหญ้าข้างรังตัวเอง 55
เลยกลายเป็นว่า
ต่างคนก็ต่างไม่กล้าบอกความในใจ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเห็นตัวเองเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น..

ผลงานของนักเขียนท่านนี้ส่วนใหญ่มาแนวสบายๆ ไม่เครียด อุปสรรคไม่เยอะ ข้ามไม่ยาก พระเอกสายเปย์ รักเดียวใจเดียว นางเอกก็เป็น working women อยู่ได้ด้วยตัวเอง
รักแบบมีสติไม่ลุ่มหลง
เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่พระเอกเรื่องนี้จะแหวกออกมาหน่อยตรงเรื่องนิสัย55+ ไม่ได้มาแนวสุขุม อ่อนโยน พูดเพราะใจเย็นเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา
แต่อันนี้มาแบบปากร้าย ชอบจิกกัด ปากไม่ตรงกับใจ กว่าจะตกลงคบเป็นแฟนกันได้ก็เลยลากไปถึงกลางเล่ม
2 เล่มสุดท้ายพอดี 55 (ปากแข็งดีนัก นางเอกยังตรงกว่าอีก55)

มีปมเรื่องครอบครัวพระเอกที่เราว่าน่าสนใจดี เหมือนตบหน้าพระเอกนิยายที่ชอบหลงเมียหรือนางเอกเอามากๆ แบบไม่แคร์โลก ไม่สนแม้แต่ลูกตัวเอง สนแต่นางเอกหรือเมียเท่านั้น
ซึ่งพ่อพระเอกในเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นแหละ พ่อกับแม่รักกันมากๆ
เห็นคนอื่นกระทั่งลูกตัวเองเป็นส่วนเกิน แบบรวยไม่ต้องทำไรเองก็จ้างให้คนอื่นเลี้ยงลูก
ไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองกันสองคน ปรากฏว่าพระเอกเลยโดนพี่เลี้ยงทารุณตอนห้าขวบจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วพอเป็นโรคหวาดผวาอยากให้พ่อกับแม่นอนเป็นเพื่อน
พ่อแม่ก็ไม่ให้นอนด้วย ตอนเข้าโรงพยาบาลเพราะผ่าตัด ก็ไม่เคยโผล่มาดูมาเยี่ยมเลย..

แม่พระเอกก็เหมือนดอกไม้หายากที่อยู่ในเรือนกระจก ไม่เคยต้องแดดหรือฝน
ฐานะดีมากจะใช้ชีวิตแบบไหนก็ได้ ไม่เคยสนใจอะไร (เหมือนที่ตาพระเอกว่า)
พอโตก็ได้สามีที่รักและตามใจตัวเองมากๆ มีคนคอยปกป้องตลอด
เคยแต่เป็นฝ่ายได้ความรักแต่ไม่เคยเป็นฝ่ายให้ เลยไม่รู้จะให้ความรักกับคนอื่นยังไง

ชีวิตอยู่แต่บนหอคอยหาช้าง พอออกมาจากหอคอยก็ไปไม่เป็นแล้ว
ตอนเด็กๆ พระเอกอยากให้พ่อแม่สนใจ พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการทำตัวเกเร
ไม่ตั้งใจเรียน แต่งตัวประหลาดๆ แต่ก็ไม่ได้ผล พออายุ
18 เลยเลิกคาดหวัง ไม่สนใจแล้ว 
พอเห็นชีวิตรักของพ่อกับแม่เป็นแบบนี้ก็เลยทำให้ไม่อยากจะมีความรัก
พอชอบนางเอกก็เลยลังเลอยู่นาน เพราะกลัวจะมอบครอบครัวที่มีความสุขให้ไม่ได้

พอพระเอกคบกับนางเอก พ่อกับแม่ก็ดันมาคัดค้าน ขู่ว่าจะตัดออกจากกองมรดกถ้าไม่เลิก พระเอกก็ไม่สน ตัดก็ตัดสิ พอตาของพระเอกรู้ว่าลูกสาวกับลูกเขยทำแบบนั้นก็โกรธ
เลยยกโรงแรมที่มีชื่อเสียงมาร้อยปีของตัวเองให้พระเอก หักหน้าพ่อกับแม่เลย
(ตาเป็นแฟนคลับรายการนางเอก ชอบนางเอกมาก สนับสนุนให้คบกัน)
ชอบตอนตาว่าแม่พระเอกแบบ..เออจริง ตอนนั้นไม่สนไม่ดูแล มาตอนนี้จะเรียกร้องหรือไปบังคับให้เขาทำตามใจตัวเองได้ยังไง ตัวเองดีพอหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็เอาที่พอเหมาะพอควรเถอะ พอเจอตาว่าตรงๆ ฝ่ายแม่เหมือนจะคิดได้ เริ่มเสียใจแต่ก็ไม่ทันแล้ว
เพราะลูกไม่ได้สนใจหรือคาดหวังแล้ว มองตัวเองเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ...