วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

คู่กิเลนค้ำบัลลังก์ 4 เล่มจบ

 

คู่กิเลนค้ำบัลลังก์ 4 เล่มจบ
ผู้แต่ง : เมิ่งซีสือ
ผู้แปล : ปราณหยก 
สำนักพิมพ์ 
 
เอ็นเธอร์บุ๊คส์

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
เมื่อ เฮ่อไท่ หรือองค์ชายใหญ่ ถูกกล่าวหาว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ
และทำให้รัชทายาทในตอนนั้นเสียชีวิต ทุกคนในบ้านจึงถูกปลดเป็นสามัญชน ถูกริบทรัพย์และถูกเนรเทศให้ออกจากเมืองหลวง
ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอำเภอเล็กๆ กันอย่างยากลำบาก
ทั้งยากจนข้นแค้น 
ทั้งถูกคนดูถูก ถูกรังแก แม้แต่บุตรธิดาก็ยังไม่ได้เรียนหนังสือ
แต่ด้วยความสามัคคีปรองดองของเหล่าพี่น้องสกุลเฮ่อ ทั้งครอบครัวจึงสามารถยืนหยัดต่อสู้และอดทนต่อความยากลำบากเหล่านั้นมาได้ตลอด 11 ปี
ในเวลานั้นพวกเขาช่างแตกต่างจากบ้านเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ที่ลูกหลานหรือคนในบ้านมักจะแก่งแย่งชิงดีและทะเลาะเบาะแว้งกันโดยสิ้นเชิง

เรื่องนี้เป็นแนวมิตรภาพพี่น้อง ไม่มีนางเอก มีแต่พระเอกหรือตัวละครเอก
ซึ่งก็คือพี่สามกับน้องห้า(เฮ่อหรงกับเฮ่อจั้น) หรือก็คือสองคู่กินเลนตามชื่อเรื่อง

พี่สามหรือเฮ่อหรงนั้นเป็นลูกที่พ่อไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไร
เพราะพี่แกเคยพาน้อง(ลูกเมียเอก)ไปขี่ม้าแล้วปรากฏว่าตกม้า ทำให้ตัวเองบาดเจ็บที่ขาไม่อาจเดินได้เหมือนคนปกติอีกต่อไป(ขาเป๋)  ส่วนคนน้องก็ตกใจจนป่วยหนักตาย
อีกทั้งมารดาของเขาซึ่งเป็นสาวใช้ก็ยังไปมีเรื่องพัวพันกับการก่อกบฏในครั้งนั้น จนต้องจบชีวิตลง (ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง แต่มันก็ทำให้คนทั้งบ้านต้องถูกลูกหลงไปด้วย)
แต่เพราะในบรรดาลูกที่เหลือทั้ง
7 คน เฮ่อหรงคือคนที่ฉลาดและสุขุมมากที่สุด 
ดังนั้นเวลามีอะไร พ่อและทุกคนในบ้านจึงชอบเรียกเขามาปรึกษา
+ขอความคิดเห็น
ต่อให้ในใจพ่อจะรู้สึกไม่ค่อยชอบลูกคนนี้ยังไง แต่ก็ยังคงเชื่อใจและฟังความคิดเห็นของเขาเสมอ รวมถึงพี่น้องคนอื่นๆ ก็ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเฮ่อหรงจึงกลายเป็นมันสมองของบ้านไปโดยปริยาย

เฮ่อหรงออกความคิดให้พ่อหมั่นเขียนจดหมายไปไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกับปู่หรือฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ลืมครอบครัวตน และอาจจะได้กลับเมืองหลวงในเร็ววัน
แผนนี้ทำให้ฮ่องเต้นึกถึงครอบครัวลูกคนโตขึ้นมาได้
ประกอบกับเรื่องที่อำเภอของพวกเขาถูกกองทัพกบฏยกทัพมาตี และพวกเขาก็ไม่ได้หนีแต่กลับยืนหยัดต่อสู้อยู่ที่นั่นจนกระทั่งรักษาเมืองไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ผ่านไปไม่นาน ทั้งครอบครัวจึงถูกเรียกกลับเมืองหลวงจริงๆ

พอมาอยู่เมืองหลวงด้วยความที่ห่างหายไปนาน อำนาจใดๆ ก็ยังไม่มี จึงทำให้บ้านเฮ่อถูกคนอื่นรังแก แต่แล้วพวกที่มารังแกก็ตระหนักได้ว่า ถึงตอนนี้บ้านเฮ่อจะไม่มีอำนาจหรือตำแหน่งอะไร แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นลูกเป็นหลานของคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรในวังหลวงตอนนี้นะจ๊ะ จะทำอะไรก็คิดดีๆ ล่ะ..อิอิ  

ต่อมาก็มีเรื่องที่ข่านของทูเจวี๋ยตะวันตกกำลังจะตาย ทำให้เกิดการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำคนใหม่ เฮ่อหรงเลยเสนอตัวขอเดินทางไปจัดการเรื่องนี้ ไปเป็นแรงสนับสนุนให้องค์หญิงเจินติ้ง องค์หญิงของราชวงศ์ก่อนที่แต่งงานออกไปยังที่นั่น เพื่อผลักดันให้ฝั่งขององค์หญิงได้เป็นผู้ปกครองทูเจวี๋ยตะวันตกและสานสัมพันธไมตรีต่อ
 
พอเรื่องนี้สำเร็จ เฮ่อหรงกับน้องห้าก็ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ คนหนึ่งเป็นกงอีกคนเป็นโหวและได้มีจวนเป็นของตัวเอง แต่หลังจากที่กลับมารอบนี้ ทั้งสองคนก็เริ่มสัมผัสได้ว่าบรรยากาศที่บ้านเฮ่อนั้นไม่ค่อยเหมือนเดิมอีกต่อไป...

แล้ววันหนึ่งก็มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อลูกที่ฮ่องเต้หมายตาจะให้เป็นรัชทายาททำให้เขาผิดหวังอย่างรุนแรง สุดท้ายตำแหน่งนี้จึงมาตกใส่เฮ่อไท่ ม้านอกสายตา 
คนที่ใครต่างก็นึกไม่ถึง ...แต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะยอมให้องค์ชายใหญ่ที่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหมาดๆ มาชุบมือเปิบได้ตำแหน่งนี้ไปง่ายๆ ดังนั้นการก่อกบฏจึงต้องตามมา...

...ตอนที่ได้อ่านเรื่องนี้ สิ่งที่เราชอบมากที่สุดตอนนั้นก็คือ ความรักความสามัคคีของพี่น้องสกุลเฮ่อ ชอบความสัมพันธ์ของพี่สามกับน้องห้า (ที่ทำให้เราคิดในแง่ดีไม่ได้เลยจริงๆ 55)
จริงๆ ก็คิดแล้วแหละว่าถ้าได้กลับเมืองหลวงเมื่อไร อะไรๆ ก็คงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ยิ่งพออ่านเล่ม
2 จบ ก็ยิ่งเห็นได้ชัด...
หลังจบเรื่องกบฏ บางคนอยู่บางคนจาก บางคนไม่อยากอยู่ในวังวนนี้ก็เลือกที่จะหนีไป
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องบางคู่ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะพี่ใหญ่กับพี่รอง
เพราะตอนนี้พวกเขา
มีทั้งเงินทั้งอำนาจ ไม่ได้ยากจนหรือมีชีวิตยากลำบากที่ต้องพึ่งพากันอีกต่อไปแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งทุกคนย่อมต้องเติบโตและมีเส้นทางเดินเป็นของตัวเอง
ยิ่งพอคนพ่อได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ความสัมพันธ์ของพี่ใหญ่กับพี่รองก็ยิ่งเกิดรอยร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีคนคอยยุแยง จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาถึงจุดที่ไม่อาจซ่อมแซมได้อีกต่อไป เฮ่อหรงไม่อยากเลือกข้างหรือเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งนี้
จึงเลือกที่จะหลีกหนีไปอยู่ที่ดินศักดินาอันแสนไกล รวมถึงวางแผนกันน้องห้าออกมาให้อยู่ห่างจากเรื่องเหล่านั้นด้วย
แต่ในขณะที่เมืองหลวงกำลังเกิดศึกใน ศึกนอกก็เข้ามาประชิด
เพราะทันทีที่ทูเจวี๋ยตะวันออกบุกรวบยึดทูเจวี๋ยตะวันตกได้สำเร็จ ดินแดนจงหยวนก็เป็นเป้าหมายต่อไปที่ถูกโจมตี...

เฮ่อไท่หรือฮ่องเต้คนปัจจุบันที่เดิมก็ไร้ความเด็ดขาด อ่อนแอ เชื่อคนง่าย มองคนไม่เป็น อุปนิสัยเหล่านี้จึงทำให้เขาเลือกที่จะทิ้งเมืองหลวงและนำคนหนีลงใต้ บวกกับมีคนในเป็นไส้ศึก คอยสร้างเรื่องและแอบก่อความวุ่นวาย ทุกอย่างเลยยิ่งฉิบหาย(หยาบคายอะขอโทษ) สุดท้ายหายนะก็บังเกิด คนตายเป็นเบือ เมืองถูกตีแตกเป็นว่าเล่น แม่ทัพเก่งๆ ต้องพลีชีพในสนามรบ..เสียดายที่จนวันตายคุณพ่อก็ยังไม่รู้ความจริงเลยสักเรื่อง ไม่รู้เลยว่าตัวเองไว้ใจคนผิดหรือทำผิดพลาดที่ตรงไหน....

แนวการเมืองชิงบัลลังก์ สงครามการสู้รบ เนื้อเรื่องเข้มข้น สนุกมาก มีแอบหนักเป็นบางช่วง
แต่ดีที่ระหว่างทางจะมีความน่ารักของพี่สามกับน้องห้ามาช่วยเบรกเรื่องเครียดๆ เรียกรอยยิ้มเป็นระยะ ถึงจะมีช่วงที่หน่วงๆ เสียน้ำตาไปบ้างแต่เราก็ยังไหว 55
เวลาพี่น้องคู่นี้อยู่ด้วยกันนี่คิดดีไม่ได้เลยจริงๆ พี่สามไม่มีอะไรแต่น้องห้านี่มันช่าง...หึหึๆ (ไม่วายจริงๆ นะ แต่โคตรจิ้น
55) คนหนึ่งบุ๋นคนหนึ่งบู๊ คอยค้ำจุนช่วยเหลือกันและกัน
จะว่าไปจริงๆ ที่น้องห้ามีผลงาน+ความดีความชอบแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากพี่สามนี่แหละ
เพราะอยากอยู่กับพี่สาม ดังนั้นเวลาที่อีกฝ่ายไปไหนน้องห้าเลยชอบขอตามไปด้วย
พี่สามไม่ให้ไป น้องห้าก็หาทางไปเองจนได้
ไม่ได้อยากสร้างผลงานหรือสร้างความดีความชอบอะไรหรอก ก็แค่รักและเป็นห่วงพี่สามมากกก(ติดพี่) อยากไปคอยช่วยเหลือพี่เขาเฉยๆ
ที่เหลือมันเป็นผลพลอยได้55  แต่ไม่ว่าจะอยู่ในจุดที่สูงสุดหรือต่ำสุดของชีวิต น้องห้าก็ยังอยากเป็นแค่น้องชายของพี่สามตลอดไปเท่านั้นเอง...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น