วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564

หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งฉางอัน 3 เล่มจบ




หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งฉางอัน 3 เล่มจบ 
ผู้แต่ง :  Fa Da De Lei Xian (ฟาต๋าเตอะเล่ยเซี่ยน)
ผู้แปล : เบบี้นาคราช
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

เสิ่นเจิน คุณหนูสามแห่งจวนอวิ๋นหยางโหว นางมีพี่สาว 2 คน น้องชาย 1 คน แต่ละคนล้วนหน้าตาดี โดยเฉพาะบุตรสาวคนที่สามหรือตัวนางเอกนั้นยิ่งหน้าตาดีที่สุด ถึงขนาดได้รับการขนามนามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองฉางอันเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่บุตรสาวบ้านนี้หน้าตาดีมากจนเกินไป มันจึงกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ถูกคนอิจฉาริษยาและสุดท้ายก็นำภัยมาสู่ตนเอง

เมื่อจู่ๆ วันหนึ่งท่านเสิ่นคนพ่อก็ถูกจับเข้าคุก จวนสกุลเสิ่นถูกยึดและริบทรัพย์ หนำซ้ำยังมีหนี้ก้อนโตโผล่ออกมา นางเอกซึ่งเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ออกเรือน จึงต้องกลายมาเป็นเสาหลักของบ้านไปโดยปริยาย เมื่อสกุลเสิ่นตกอับญาติมิตรก็หนีหาย ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือหรืออยากคบหานางที่เป็นบุตรสาวขุนนางต้องโทษอีกต่อไป ทว่าในขณะที่กำลังสิ้นหวังจนตรอก ลู่เยี่ยน ซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงก็โผล่เข้ามาให้ความช่วยเหลือและยอมจ่ายหนี้ก้อนโตให้ โดยแลกกับการที่นางต้องกลายเป็นภรรยาลับของเขา

พระเอกมีฐานะเป็นถึงหลานชายคนโปรดของฮ่องเต้ และเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวขององค์หญิงใหญ่ เป็นคนเก่ง ฉลาด เอาการเอางานและมีความสามารถจริง จึงได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ยิ่งกว่าบรรดาองค์ชายเสียอีก .....แต่เดิมพระเอกไม่เคยสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน กับนางเอกตอนแรกก็เฉยๆ แม้ว่าน้องจะสวยมากก็ตาม แต่เพราะความฝันประหลาด บวกกับอาการเจ็บหัวใจที่จะกำเริบทุกครั้งเมื่อนางเอกหลั่งน้ำตา ด้วยความอยากไขปริศนา พี่จึงรับนางมาไว้ใต้ปีกและคอยปกป้องคุ้มครองสกุลเสิ่นแบบลับๆ คิดว่าหากชมเรือนร่างงดงามนี้จนพอใจเมื่อไร สักวันพี่ก็จะปล่อยน้องไปพร้อมกับเงินก้อนโต...แต่พอได้อยู่ร่วมกันนานวันเข้า บวกกับความฝันที่ทำให้พี่เห็นเรื่องราวในอดีตที่ต้องพลัดพรากไม่สมหวัง พระเอกก็รู้แล้วว่า ชาตินี้ตนคงไม่อาจปล่อยนางเอกให้หลุดมือไปได้อีก...ชาตินี้เขาจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาเอกอย่างสมเกียรติให้ได้ จะต้องปกป้องคุ้มครองนางและจัดการกับภัยอันตรายทั้งหลายที่คิดจะมาแยกพวกเขาทั้งสองคนออกจากกันให้สิ้น

เป็นเรื่องม้ามืดที่มาแรงแซงทุกโค้งส่งท้ายปีจริงๆ ดีงามทั้งเนื้อเรื่องและการแปล เล่าผ่านมุมมองของตัวละครชายหรือพระเอก ซึ่งพระเอกจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าหรือก็คือเรื่องราวในชาติก่อนจากความฝัน แต่ไม่ได้มาแบบทีเดียวตู้มนะ มาแบบเป็นระยะๆ ทีแรกก็ฝันเห็นตอนตัวเองใกล้ตาย ขณะที่ใกล้ตายก็กำถุงหอมของนางเอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อยและคิดถึงคนจนกระทั่งหมดลมหายใจ พอตื่นมาพระเอกก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ คนอย่างตนเองน่ะหรือจะหมกมุ่นในรักและเป็นได้ถึงขนาดนั้น จะต้องถูกเครื่องหอมในร้านของนางเอกทำตุกติกแน่ๆ ..พี่จึงสั่งให้ลูกน้องไปค้นร้านนางเอก แม้สุดท้ายจะไม่พบอะไร แต่พระเอกก็ได้รู้แล้วว่าอาการเจ็บหัวใจของตนนี้มีสาเหตุมาจากสิ่งใด...อิอิ

พระเอกมาแนวดุโหด ดุก่อนแล้วค่อยมาโอ๋ทีหลัง พอเห็นนางเอกตาแดงๆ น้ำตาเริ่มปริ่มๆ
ก็ต้องยอมแล้ว ไม่งั้นตัวเองคงได้ปวดใจตายก่อนแน่ๆ (จะเจ็บหัวใจตายจริงๆ)
นางเอกก็น่ารัก ขี้อ้อน ปรับตัวเก่ง ไม่ได้เอาแต่ใจ รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานะใดก็ยอมรับแต่โดยดี แต่ตอนแรกอาจจะยังกลัวๆ อยู่ เพราะพระเอกโหดและชอบพูดแทงใจดำ แต่ไปๆ มาๆ เมื่อน้องได้เห็นสิ่งที่พระเอกคอยทำให้ ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องตัวเอง รวมไปถึงน้องชายและคนรับใช้ที่สนิท จนถึงพี่สาวและพ่อ น้องจึงเริ่มรู้สึกดีกับพระเอก ค่อยๆ หายกลัว ทั้งยังเจียมเนื้อเจียมตัวสำนึกในบุญคุณและฐานะ(ภรรยาลับ) ของตนอยู่เสมอ..กระซิกๆ

แต่ความจริงคือชาตินี้พระเอกเขาได้ความฝันช่วย เลยรู้ว่าเรื่องไหนที่เคยทำให้นางเอกเสียใจ มาชาตินี้พี่ก็ไม่(ค่อย)ทำแล้ว รู้จากความฝันว่านางเอกจะต้องมาขอร้องเรื่องอะไร พี่ก็ทำให้เลย ไม่บ่ายเบี่ยงปากหนักเหมือนชาติก่อน บางเรื่องไม่ต้องบอกก็ทำให้เอง...ในชาตินี้นางเอกเลยขี้เล่นร่าเริงกว่าชาติที่แล้ว มีอะไรก็กล้าบอกพระเอกมากขึ้น ส่วนพระเอกก็ตั้งใจไว้แล้วว่าคราวนี้จะต้องแต่งน้องเป็นภรรยาเอกให้ได้ จึงเริ่มปูทางขจัดขวากหนามไปเรื่อยๆ ต่างจากชาติก่อนที่จับพลัดจับผลูมาช่วยเพราะเพื่อนสนิทขอ ก็ช่วยแค่นางเอกกับน้องชาย แต่ไม่ได้ช่วยไปถึงพี่กับพ่อ และไม่ได้คิดจะแต่งน้องเป็นภรรยา แต่พอพี่คิดทุกอย่างก็สายไปหมดแล้ว ตกหลุมพรางแผนของตัวร้ายจนเจ็บหนักใกล้ตาย  แถมตัวร้ายยังกลายเป็นฝั่งที่มีอำนาจขึ้นมา นางเอกไม่อยากทำให้พระเอกเดือดร้อนเลยเลือกที่จะจากไป พระเอกก็เข้าใจผิดคิดว่าน้องมีใจให้พระรองถึงได้ยอมไปกับเขา....จนวันตายก็ยังไม่รู้ความจริงเลย เฮ้อออ

เราว่าบางทีถ้าพระเอกไม่ได้ฝันเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อน ก็อาจจะแย่เหมือนกันนะ เพราะฝั่งตัวร้ายก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเลย...โดยเฉพาะฮองเฮานี่แหละ ตัวแม่ลาสบอสที่แท้ทรู 55 ...กลัวว่าถ้าลูกสาวบ้านนี้ได้แต่งกับคนมีอำนาจแล้วจะกลายมาเป็นกำลังเสริมให้รัชทายาท บวกกับอิจฉาที่ตัวเลือกลูกเขยบ้านนี้มีแต่คนเจ๋งๆ ด้วยแหละ เพราะขนาดหลานสาวตระกูลตัวเองก็ยังไม่มีตัวเลือกลูกเขยที่ดีเท่านี้เลย..หึหึ

อ่านจบแล้วน่าจะเรียกว่าสามใบเถาตระกูลเสิ่นมากกว่านะ 55  เพราะชีวิตของทั้งสามสาวต่างมีสตอรี่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย  คนโตเยือกเย็นใจเด็ดสมกับเป็นพี่ใหญ่ คนรองก็เจ้าเล่ห์ซุกซนตรงไปตรงมา ส่วนคนที่สามหรือนางเอกก็นุ่มนวลอ่อนโยน ขี้อ้อน แลดูนุ่มนิ่ม ....
คู่พี่ใหญ่จัดว่าแซบ  ส่วนคู่พี่รองก็ซึ้งตรึงใจ...แต่คู่พี่ใหญ่นี่อาจจะมาแรงแซงคู่หลักหน่อย
เพราะใต้เท้าโจวแซบมาก อุบายในการจีบสาวเหนือชั้นยิ่ง แอบหลงรักสาวเจ้ามาตั้งนาน (น่าจะทัชใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอตอนเหตุการณ์นั้น) แต่พอสอบติดได้เป็นจ้วงหยวน สาวเจ้าก็ดันแต่งงานกับคนอื่นไปเสียแล้ว อกหักเรียบร้อย ตอนแรกก็ตัดใจ หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะดีกับนางตลอดไป แต่พอตระกูลเสิ่นตกต่ำ สามีของสาวเจ้ากลับรับทั้งเมียรองและอนุ สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับนางในดวงใจพี่ บวกกับได้เห็นรอยเขียวช้ำนั้น ความอดทนของคุณพี่จึงหมดลงทันที ได้เวลาสวมบทตัวร้าย ไม่อาจหวนคืนสู่ภาพลักษณ์วิญญูชนผู้เยือกเย็น (เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวเจ้า)ได้อีกแล้ว 
55..ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งท่านตุลาการใหญ่แห่งศาลต้าหลี่จะใช้หน้าที่ในทางที่มิชอบเพื่อสตรีที่ตนหลงรัก... พอทุกอย่างสำเร็จ พี่ใหญ่ก็คิดจะใช้ร่างกายตอบแทนบุญคุณ แต่พี่โจวไม่เอา จะขอให้นางแต่งงานมาเป็นภรรยาของตนเท่านั้น ...
แต่สุดท้ายก็ถูกพี่ใหญ่ xxx%%## ...555

มาถึงคู่พี่รองถึงจะออกมาตอนเล่ม 3 บทไม่มาก แต่ก็ทำเราซึ้ง คู่นี้น่าสงสารเพราะถูกอุบายของตัวร้ายทำให้แยกจากกัน ทั้งที่รักกันมากกก รักกันมาตั้งแต่เด็ก T^T เพราะพ่อของ 3 สาวอยู่ฝั่งเดียวกับรัชทายาท ฮองเฮาเลยกลัวว่าถ้า 3 สาวบ้านนี้ได้แต่งงานกับตระกูลที่มีอำนาจแล้วเดี๋ยวจะกลายมาเป็นกำลังให้กับรัชทายาท เดี๋ยวฝั่งลูกชายตัวเองจะสู้ไม่ได้ เลยตั้งใจวางแผนทำลายการแต่งงานของลูกสาวบ้านนี้ เริ่มตั้งแต่คนโต โดยสั่งให้คนไปจัดฉากผลักพี่คนโตตกน้ำแล้วให้บัณฑิตที่ชาติตระกูลต่ำต้อยลงไปช่วย ..ส่วนคนรองก็จัดฉากให้องค์ชายของชนเผ่านอกด่านมาเห็นแล้วถูกใจขอตัวไปเป็นภรรยาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ 
มีฉากตอนที่พี่รองกลับมาเมืองหลวงแล้วได้เจอกับพี่สุยคนรักเก่า พอพี่รองรู้ว่าพี่สุยยืนอยู่ข้างหลังก็ไม่กล้าหันกลับไป ปวดใจมากก พอได้หันไปสบตากันแวบหนึ่ง ก็ต้องรีบเบนออกจากกันแล้วแสร้งไปมองอย่างอื่นทันที ก็
Move on แล้วแหละ แต่คือไม่ลืมกันชั่วชีวิต ลืมไม่ลง ได้แต่เก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ขอให้อีกฝ่ายได้มีชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุขก็เพียงพอ ฉากสั้นๆ แต่ทำเราน้ำตาซึมเลย...โฮๆ ๆ

สรุปชาตินี้พระเอกก็ทำลายแผนร้ายของอีกฝั่งได้หมด ช่วยให้พ่อนางเอกได้ออกจากคุกและกลับมาสร้างผลงานจนตระกูลกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่เรื่องพ่อนี่ต้องยกความดีความชอบให้พี่โจวด้วยนะ..อิอิ...ต่อจากนั้นพระเอกก็ไปขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้  แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้เลยว่าพระเอกคือคนที่คอยแอบช่วยตระกูลนางเอกอยู่ เป็นคนจัดการส่งคนไปซ้อมหลานชายฮองเฮาที่คิดไม่ดีกับนางเอก ตอนที่สั่งโบยคุณหนูใหญ่ที่ใส่ร้ายนางเอก พระเอกก็ตั้งใจโบยจริงๆ แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อมโยงไปถึงพระเอก ก็มีแอบสงสัยบ้างแต่ก็ไม่เชื่อ เพราะตระกูลของพระ-นางไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน เลยคิดว่าไม่มีความสนิทสนมหรือความเกี่ยวข้องใดๆ ที่พระเอกจะต้องมายุ่ง

มารู้ตอนที่ในวังจัดงานและนางเอกต้องไปร่วมด้วย แล้วคนที่เคยแอบชอบพระเอกจำกลิ่นหอมที่อยู่บนตัวนางเอกได้ แบบเอ้ย! นี่มันกลิ่นเดียวกับที่เคยได้กลิ่นจากตัวพระเอกเลย (กลิ่นหอมนี้นางเอกปรุงเอง) จึงไปบอกฮองเฮา ฮองเฮาเลยวางแผนให้คนผลักนางเอกตกน้ำ(อีกแว้ววว)..แต่รอบนี้พระเอกตามมาทัน เลยจับนางเอกกระโดดลงน้ำพร้อมกับตัวเองซะเลย ... พอฮองเฮากับพวกผู้หญิงรู้ข่าวว่าใครเป็นคนลงไปช่วยนางเอกก็หน้าซีดกันหมด..เสียดายเพราะมีแต่คนอยากดองกับบ้านพระเอก 55

ตอนพิเศษอิ่มเอมมากกกก คู่พี่ใหญ่-พี่รองมาแรง โดยเฉพาะใต้เท้าโจวนี่มาแรงแซงทุกคนเลยจ้า ...ทั้งชาติที่สองที่สาม แต่ชาติที่สามนี่มาแบบจำเรื่องในชาติแรกได้ ชาตินี้พี่โจวเลยจัดการทำลายแผนการของตัวร้ายได้ตั้งแต่ต้น แถมยังช่วยให้พี่รองไม่ต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไปไกล ชาตินี้พี่สุยเลยได้แต่งานกับพี่รองสมดังใจ ปลื้มปริ่ม ...
สรุปชาตินี้คือสมหวังทุกคน ดีต่อใจมากกก



วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2564

มหาวิทยาลัยซอมบี้ 4 เล่มจบ

 

มหาวิทยาลัยซอมบี้ 4 เล่มจบ
ผู้แต่ง : 
Yan Liang Yu
ผู้แปล : 
Jpolly Wu
สำนักพิมพ์  Rose Publishing

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ซ่งเฝ่ย นักศึกษาคณะประวัติศาสตร์ สาขาการจัดการท่องเที่ยว ที่เพิ่งเลิกรากับแฟนหนุ่มสุดหล่อ ชีเหยียน แห่งคณะชีววิทยาศาสตร์ไปได้ไม่นาน ก็ต้องมาเจอเงาแค้นของแฟนเก่าตามหลอกหลอน โดยการใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นสมาชิกสภานักศึกษาตรวจตราห้องพักและยึดเครื่องใช้ไฟฟ้า(ที่ผิดกฏ) ของตนไปอย่างหน้าตาเฉยและบลาๆ...หารู้ไม่ว่าที่พระเอกทำไปทั้งหมดก็เพื่อเรียกร้องความสนใจและอยากจะกลับมาคืนดีกับนายเอกเท่านั้นเอง..
เมื่อตัดสินใจว่าจะขอกลับมาคืนดีอย่างจริงจัง พระเอกจึงนัดกินข้าวกับนายเอกหลังสอบเสร็จ  แต่ยังไม่ทันได้กินก็ดันมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นซะก่อน เมื่อมีนักศึกษาเกิดอาการคลุ้มคลั่งวิ่งไล่กัดคนไปทั่ว
เพียงไม่นานทั่วทั้งมหาลัยก็มีแต่เสียงกรีดร้องและความโกลาหล ทั้งยังเต็มไปด้วยคนบาดเจ็บและคนตายที่ลุกขึ้นมาวิ่งไล่กัดคนเหมือนซอมบี้

เป็นเรื่องการต่อสู้เอาชีวิตรอดในช่วงที่ไวรัสซอมบี้ระบาดของเด็กมหาลัยที่กำลังอยู่ในช่วงสอบพอดี จะได้เห็นพัฒนาการ+การเอาตัวรอดของกลุ่มพระ-นาย ได้เห็นความดำมืดและความบ้าคลั่งของจิตใจคนในยามที่จนตรอกและสิ้นหวัง....แต่ใครบ้างจะไม่คลุ้มคลั่งเพราะ...
1.สัญญาณเครือข่ายทุกอย่างถูกตัด ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารอะไรได้เลย
2.
ไม่มีอาหาร นี่แหละจุดสำคัญที่ทำให้คนบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม
เลือกว่าจะตายด้วยซอมบี้หรืออดอาหารตายเอง ...คนที่เคยปกติดีๆ จึงถูกบีบให้ป่าเถื่อนต้องทำเรื่องที่เลวร้ายเพื่อแย่งอาหารมาต่อชีวิต ส่วนคนที่ไม่มีทั้งอาหารหรือหมดหวังก็อาจเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่ไม่ยอมจำนนมารวมกลุ่มกันเพื่อเอาชีวิตรอด

อย่างกลุ่มของพระ-นาย(ห้องเกรียงไกลไม่ย่อท้อ) ตอนแรกกลุ่มมีนี้ 4 คนเริ่มสตาร์ตกันที่ห้องพักนายเอก แล้วเก็บตกได้ 1 คนจากหอพักข้างๆ พอไปที่มินิมาร์ทก็ได้สาวงามของมหาลัยมาเป็นพวกอีก 1 ...ตอนแรกนึกว่าคงจะสบายเพราะที่นี่อาหารเยอะ แต่ไม่นานฝันก็ต้องสลาย เพราะดันมีเพื่อนใหม่ซึ่งเป็นนักศึกษาวิชาพละเพิ่มมาอีกเป็นโขยง
แล้วกลุ่มนี้นิสัยไม่ดี กลุ่มพระ-นายไม่อยากมีปัญหา เลยขอถอนตัวเป็นฝ่ายไปเอง...
ก็หนีๆ ซอมบี้ไปจนถึงห้องสมุด แล้วก็ได้สมาชิกใหม่มาเพิ่มอีก
2 ดีที่หนึ่งในนั้นเป็นรูมเมทห้องของนายเอก ส่วนอีกคนพระเอกก็รู้จัก คนที่เหลือเลยพากันโล่งใจ ไม่ต้องกลัวจะซ้ำรอยเดิมเหมือนก่อนหน้าแว้วว

จากนั้นก็ย้ายกันไปที่โรงอาหาร ...แต่ไม่ใช่ไปแบบไม่มีแผนนะ
ต้องบอกก่อนว่าเวลาจะเคลื่อนย้ายไปไหนแต่ละที จะมีการเตรียมความพร้อมอย่างดี
ทั้งวางแผนเส้นทาง ฉีดน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นคน ใช้เสียงเพลงเป็นตัวล่อ มีทัพหน้าทัพหลัง
ใครเป็นฝ่ายบุกฝ่ายเสริม ..พอมาถึงโรงอาหารก็ได้เจอกับเพื่อนกลุ่มใหม่อีก
6 คน..
อันนี้ก็โชคดีหน่อยเพราะมีแต่คนดีๆ เลยเข้าขากันได้

ก็มีอะไรมาให้ลุ้นเป็นระยะๆ อย่างเช่นเวลาย้ายฐานก็ลุ้นดีว่าจะเอาตัวรอดกันยังไง
จะมีอะไรพลิกมั้ย แต่จริงๆ ก็มีพลิกตลอดแหละ เพราะซอมบี้ก็มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหมือนกัน อย่างแผนบางอย่างที่เคยใช้หลอกล่อซอมบี้ได้ แต่พอใช้หลายๆ ครั้งเข้าก็เริ่มจะไม่ได้แล้ว เพราะซอมบี้เองก็เริ่มมีการเลียนแบบมนุษย์เช่นกัน เช่นคอยรอดักซุ่มโจมตี หรือพอเจอมนุษย์ก็ส่งเสียงร้องเรียกพวกให้เข้ามา

ส่วนพาร์ทความรักของพระ-นายตอนแรกก็นึกว่าคงจะคืนดีกันได้ง่ายๆ แต่ที่ไหนได้ดันไม่
แค่ครั้งแรกพระเอกก็ถูกนายเอกปฏิเสธแล้ว คือพระเอกอะเป็นคนจริงจัง มีวินัย ทำอะไรมีแบบแผน ขณะที่นายเอกเป็นคนสบายๆ
ดูเหมือนขาดความมุ่งมั่น พระเอกก็เลยชอบอบรมอยากให้นายเอกจริงจังกับชีวิต แต่นอกจากจะสอนแล้ว คำพูดของพี่แกก็ยังแฝงนัยดูถูกด้วย สุดท้ายนายเอกก็ทนไม่ไหว จนต้องขอเลิก

หลังจากที่ถูกปฏิเสธก็ได้เพื่อนสนิทนายเอกชี้ทาง ช่วยบอกจุดที่พระเอกต้องปรับปรุงแก้ไขถ้ายังอยากกลับไปคบนายเอกต่อ บวกกับได้เห็นนายเอกในมุมอื่นที่ตนไม่เคยรู้มาก่อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย ถึงได้รู้ว่าความจริงนายเอกก็เก่งมีความสามารถนะ เช่นรู้เรื่องแผนที่สถานที่ตั้งของตึกและอาคารในมหาลัยเป็นอย่างดี (เพราะคณะนายเอกมีการจัดทัวร์พาชมมหาลัยทุกอาทิตย์) ทำให้รู้ว่าตรงไหนเป็นมุมอับเป็นสถานที่โล่ง ตรงไหนเป็นทางลัด
ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้รอดเหมือนกันนะ 
แถมยังมีทักษะในการพูดการชักจูง สามารถพลิกแพลงได้ตามสถานการณ์ พอเห็นแบบนี้พระเอกเลยเข้าใจในความผิดพลาดและสิ่งที่ตัวเองต้องแก้ไขแล้ว

ตอนแรกคิดว่าถ้าเป็นแนวซอมบี้ก็คงต้องเครียด แบบลุ้นตลอดทั้งเรื่องแน่ๆ
ซึ่งพออ่านแล้วก็ลุ้นอยู่ แต่ไม่ได้เครียดหรือกดดันอะไรขนาดนั้น ตัวละครยังสามารถตบมุกสนุกสนานเฮฮากันได้อยู่เรื่อยๆ ขนาดช่วงเวลาจริงจังก็ยังมีการเล่นมุกจังหวะโบ๊ะบ๊ะกันได้อยู่เลย จนบางทีเราก็แอบเสียวแทน กลัวจะโดนซอมบี้กัดกันซะก่อน 55..

หลักๆ ก็เป็นการเอาตัวรอดและหาอาหาร อาวุธที่ใช้ก็เป็นสิ่งของที่ประยุกต์หรือหาได้จากสิ่งรอบๆ ตัว เช่นตะเกียบเหล็ก มีดพับ กระทะอะไรแบบนี้ ตัวละครเป็นคนธรรมดาไม่ได้มีพลังวิเศษหรืออาวุธพิเศษอะไร อาศัยสติ การวางแผน และความร่วมมือร่วมใจของคนในกลุ่มล้วนๆ ...ตอนแรกที่เชื้อเริ่มระบาดใหม่ๆ ก็จะสติแตกกัน แต่พอตั้งสติได้และสังเกตเห็นว่าต้องแทงตรงไหนซอมบี้ถึงจะลุกไม่ขึ้นอีก ทุกคนก็เริ่มมีความกล้ามากขึ้น
ก้าวแรกคือกล้าที่จะออกจากห้อง และค่อยขยับขยายไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่กับที่ไม่ออกไปไหน และรอความช่วยเหลือมากกว่า แต่กลุ่มพระ-นายคือแอดแวนเจอร์มากก ทั้งไปหาวิทยุ ไปเอายา ไปหาของที่จุดรับพัสดุ ไปเอารถที่ลานจอดรถ ดีนะที่มีแต่คนดีๆ อยู่ในกลุ่ม ไม่มีการแตกคอ 
ไม่ทิ้งกัน ไม่งั้นได้ตายแน่ .... แต่นี่คือยังคุยเล่นหยอกกันได้เกือบทุกสถานการณ์ คุยกันจนบางทีเราก็แยกไม่ออกว่าใครกำลังพูด? บทสนทนาเยอะจนบางทีก็รู้สึกแอบเวิ่นอยู่หน่อยๆ

สุดท้ายก็ตัดสินใจออกนอกมหาลัยเพราะหลังๆ โรงอาหารคนเริ่มมากันเยอะ
ในตอนที่ออกมาระหว่างทางก็ยังเก็บตกคนได้เพิ่มมาอีก
 ...แต่มีคนหนึ่งไม่เคยออกไปสู้กับซอมบี้มาก่อน พอเจอสถานการณ์จริงเลยลน ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายพระ-นายเลยต้องแยกกันเพื่อไปช่วยคนนี้ แล้วพอนายเอกไม่อยู่ พระเอกก็เริ่มรนไม่สงบนิ่งเหมือนเคย 
เพื่อนในกลุ่มเลยวอร์ขอให้กลับมารวมกลุ่มกันโดยเร็วที่สุด อย่าแยกกันเลย เพราะพอนายเอกไม่อยู่พระเอกก็ร้อนรน ทุกคนเลยรู้สึกไม่ปลอดภัยไปด้วย 55..

ตอนออกไปข้างนอกก็มีอุปสรรคบ้าง(ไม่บ้างหรอก มากกกเลยเกือบตาย) แต่ก็รอดพลิกหนีกันมาได้ (ถ้าเป็นคนปกติคงตายไปแล้วว ไม่น่ารอดตั้งแต่ตอนเข้าไปหารถและ55)
ได้เจอคนขับรถบรรทุกใจดีที่แบ่งอาหารแห้งให้ และได้เจอกับมนุษย์ป้าที่หาที่หลบได้เก๋มาก
แถมตอนเข้าตึกยังได้เจอเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันอีกด้วย (ชิวจริงๆ)
เหมือนคนที่รอดก็เริ่มปรับตัวใช้ชีวิตกันได้ระดับหนึ่งอะนะ รู้ว่าต้องใช้ชีวิตกันยังไงถึงจะรอด เช่นตอนกลางวันก็อยู่ในบ้าน ค่อยออกมาตอนกลางคืน (ตอนกลางคืนซอมบี้จะเคลื่อนไหวช้า) ส่วนเรื่องอาหารก็จะมีเครื่องบินของทหารมาหย่อนทิ้งไว้ให้ตามจุดสำคัญ

แต่ตอนย้ายไปฐานที่มั่นสุดท้ายก็มีเรื่องมาให้ระทึกกันอีกรอบ55 ...ลุ้นจนเหงื่อตกว่าจะถอยหรือสู้ตาย ซวยจริงๆ 55...จบดี แต่ไม่รู้ว่าเชื้อดีมาจากไหนหรือเกิดจากอะไร หาต้นตอไม่ได้
แต่ในที่สุดก็สามารถกวาดล้างซอมบี้และจำกัดการแพร่เชื้อได้จนหมด
กลุ่มเกรียงไกรไม่ย่อท้อและทุกคนที่ยังรอดก็ได้กลับบ้าน หลังจากนั้นก็ได้กลับมาใช้ชีวิตกันปกติ มหาลัยกลับมาเปิดอีกครั้ง และมีการจัดงานพิธีรำลึกให้กับผู้ที่จากไป...จบจ้า



วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Count your lucky stars เปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นรัก

 


Count your lucky stars เปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นรัก  2 เล่มจบ
ผู้แต่ง : โม่ซี 
ผู้แปล : เฉี่ยวหลิงชิงซิ่ว 
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ลู่ซิงเฉิง บ.ก.สุดหล่อแห่งนิตยสารแฟชั่นชื่อดังชิก นิสัยโหด เก่ง ขี้โมโห ชอบเพาะศัตรูไปทั่ว แถมยังปากร้ายไม่ไว้หน้าใครและไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ...
ส่วนนางเอก ถงเสี่ยวโยว เป็นหญิงสาวที่มีความฝันว่าจะเป็นดีไซน์เนอร์ มีหน้าตาธรรมดา
นิสัยใสซื่อโก๊ะๆ เป็นคนมีพรสวรรค์แต่กลับขาดความมั่นใจ ทำงานมาหลายปีจึงยังไม่ได้เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังสักกะที แถมยังเป็นคนดวงซวยสุดๆ อีกต่างหาก...

นางเอกถูกบังคับให้ไปเป็นตัวแทนของนิตยสารลงแข่งในรายการเรียลลิตี้แฟชั่นโชว์ทางทีวี แล้วก็พ่ายแพ้กลับมาด้วยคะแนนศูนย์ 5 ตัวอย่างหมดรูป ต่อจากนั้นก็ถูกเรียกให้ไปทำงานเป็นผู้ช่วยพระเอก ต้องพบเจอกับความปากร้าย คำดูถูกต่างๆ นานาของพี่แก
แถมพอรู้ว่าเธอเป็นคนดวงซวย พระเอกก็ยังเอาจุดนี้ของนางเอกไปใช้จัดการกับศัตรูอีกด้วย ทำให้นางเอกเจ็บช้ำน้ำใจจนต้องไปกินเหล้าย้อมใจ แล้วก็เผลอจูบกับพระเอกด้วยความบังเอิญ..

พอจูบกันทั้งสองคนก็สลับโชคชะตา นางเอกกลายเป็นคนดวงดี ส่วนพระเอกก็กลายเป็นคนดวงซวยแทน ดวงซวยทันตาเห็น พอตื่นเช้าขึ้นมายอดขายนิตยสารก็ตกฮวบ เงินที่ฝากคนไปลงทุนก็สูญ เจอคนใส่ร้ายขุดข่าวเสียๆ หายๆ มารุมและถูกปลดออกจากงาน นอกจากเงินจะหมดก็ยังมาถูกรถชนจนต้องเข้าโรงพยาบาลซ้ำอีกต่างหาก ...
ส่วนฝั่งนางเอกก็รุ่งเอาๆ
จับสลากลุ้นโชคก็ได้รางวัลใหญ่ งานที่เคยออกแบบไว้ก็ถูกคนเอาไปลงจนเป็นที่รู้จักขึ้นมาและมีนิตยสารชื่อดังมาเชิญให้ไปทำงานด้วยกัน ตรงกันข้ามกับพระเอกไปเลย 55

แต่ด้วยความที่นางเอกเราเป็นคนจิตใจดีมาก พอรู้ว่าพระเอกบาดเจ็บและไม่มีใครดูแล บวกกับความรู้สึกผิด ก็เลยตามไปดูแลพร้อมกับทำอาหารไปให้กิน แล้วพระเอกก็ดันถูกใจรสมือของเธอ ก็เลยพยายามหาข้ออ้างให้นางเอกมาดูแลและส่งอาหารให้ทั้งเช้าและเย็น 
นางเอกก็แสนดีเต็มใจทำ แถมยังเอาข่าวเรื่องการแข่งขันทำชุดที่ดาราหญิงชื่อดังจะใส่ขึ้นโชว์ในงานรับรางวัลมาบอกอีกด้วย  ไม่กั๊กเลย หวังดีอยากให้พระเอกเข้าร่วม พระเอกก็เลยเข้าร่วมเพราะหวังจะใช้โอกาสนี้คว้าชัยชนะและกลับมาปังอีกครั้ง

นางเอกเป็นคนดีมากเลย พอรู้ว่าตัวเองสลับโชคกับพระเอกด้วยการจูบ ก็คิดแต่จะรีบกลับไปจูบกับพระเอกใหม่เพื่อสลับโชคคืน แต่พระเอกกลับไม่เชื่อว่าที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นเพราะความดวงดีของตน ถ้าต้องพึ่งโชคพึ่งดวง งั้นก็หมายความว่าที่ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะดวงดีไม่ได้มาจากความสามารถเหรอ บ้าไปแล้ว... แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะหลังจากจูบกันครั้งที่สองเสร็จ พระเอกก็โชคดีขึ้นมาทันที เงินที่เคยลงทุนไว้ก็กลับมาทำกำไร ชุดที่ออกแบบให้ดาราก็ได้รับการรับเลือก ได้กลับมาผงาดหวนคืนสู่วงการอีกครั้ง.. 

พระเอกเรื่องนี้เป็นคนเย็นชาปากร้าย ชอบพูดจาจิกกัด ไม่เห็นหัวใคร แต่ลึกๆ ข้างในกลับกลัวความโดดเดี่ยวและโหยหาความเป็นครอบครัว ถึงจะหลงตัวเอง ชอบดูถูกคนอื่น แต่พระเอกก็เก่งจริง มีความสามารถจริง มองเรื่องแฟชั่นขาดและมีพรสวรรค์ในการออกแบบเสื้อผ้า แต่เพราะปมในอดีต พระเอกจึงไม่คิดจะเป็นดีไซน์เนอร์อีก หากไม่ตกอับดวงซวยจนไม่มีทางเลือกจริงๆ ก็คงไม่ทำ
สปอยล์ .....พระเอกมีปมเรื่องครอบครัว เนื่องจากตอนแม่เสียชีวิตได้ไม่นาน(ไม่กี่วัน) พ่อก็แต่งงานใหม่ แถมยังบอกให้พระเอกกับพี่สาวเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่ แต่พี่สาวพระเอกไม่ยอม เลยพาพระเอกออกมาใช้ชีวิตตามลำพังก้นสองคนพี่น้อง มีพี่สาวอยู่ที่ไหนพระเอกก็อยู่ที่นั่น ไม่ว่าพี่จะไปเดทกับแฟนหรือทำอะไรก็จะพาพระเอกที่อายุ 8 ขวบไปด้วยเสมอ

แต่พอพระเอกอายุ 20 พี่สาวก็มาจากไปอีกคน หนำซ้ำยังถูกพี่เขยกับหลานชายตัดขาดไม่นับญาติกันอีก พระเอกก็เลยเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เสียใจแค่ไหนก็บอกใครไม่ได้
เมื่อต้องพบกับการสูญเสียคนที่รักไปถึงสองครั้งสองครา พระเอกจึงกลายเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ ที่เย็นชาปากร้ายชอบทำเป็นหยิ่ง ก็เพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงในใจเท่านั้น

ส่วนนางเอกนั้นถึงจะโชคร้าย แต่ก็ยังมีเพื่อนและครอบครัวที่อบอุ่นคอยอยู่เคียงข้าง
ดังนั้นในขณะที่นางเอกกำลังอิจฉาพระเอกที่เก่งและประสบความสำเร็จ ตัวพระเอกเองก็กำลังอิจฉานางเอกที่มีพ่อแม่คอยอยู่เคียงข้างเหมิอนกัน

พาร์ตความรักเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ตกหลุมรักกันทันที ความรู้สึกค่อยๆ ก่อตัวในตอนที่พระเอกตกอับ นางเอกได้เห็นพระเอกอีกมุม ส่วนพระเอกก็ได้เห็นความจริงใจที่นางเอกมีให้ในตอนที่ตนไม่เหลือใครและชีวิตย่ำแย่ แต่พี่ก็ยังปากหนักไม่กล้าพูด กลัวเสียฟอร์ม จึงได้แต่ใช้วิธีอื่นมาแสดงให้เห็นถึงความรักที่ตนมีต่อนางเอกแทน...
พระ-นางเหมือนขั้วคนละด้าน คนหนึ่งขาดความรัก ส่วนอีกคนก็ได้รับความรักจากครอบครัวเต็มเปี่ยม คนหนึ่งขาดความมั่นใจ ส่วนอีกคนก็ทั้งมั่นทั้งหลงตัวเองสุดๆ 
คนหนึ่งโชคร้ายแต่อีกคนกลับโชคดีเวอร์ พอมาจับคู่กัน มันเลยเหมือนได้เอาส่วนที่ตัวเองมีมาเติมในส่วนที่อีกคนขาด เมื่อโชคร้ายของนางเอกมาเจอกับโชคดีของพระเอก มันจึงลงตัวพอดี

นอกจากเรื่องรัก+เรื่องงานก็มีปมเรื่องครอบครัวพระเอกนี่แหละที่น่าสนใจและหนัก
พอคบกันแล้วนางเอกจึงอยากจะให้พระเอกได้รู้ความจริงเรื่องพ่อเพื่อปลดล็อค
จะได้หายข้องใจว่าทำไมพ่อถึงเลือกแต่งงานใหม่เร็วแบบนั้น แค่อยากให้ได้รู้เหตุผลของพ่อ แต่เรื่องจะให้อภัยหรือไม่ให้อภัยนั้นไม่ยุ่ง
ตอนที่เฉลยปมนี้เราเห็นด้วยนะที่พระเอกจะคิดว่า
พ่อตัวเองนั้นเป็นสามีที่ดีแต่เป็นพ่อที่แย่ เข้าใจว่าพยายามทำเพื่อภรรยาแต่ว่า...
ลองไปถามภรรยาเก่าก่อนดีไหมว่าต้องการบทสรุปแบบนี้หรือเปล่า...



วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

Salad Days

 

Salad Days (เล่มเดียวจบ) / ผู้แต่ง : จิ้งสุ่ยเปียน
ผู้แปล : ไรเทีย
สำนักพิมพ์ Angpao Books

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นายเอก เจียงเซิน เป็นเด็กชนบทที่ฐานะทางบ้านยากจน ได้เข้าโรงเรียนตอนอายุ 9 ขวบ
และต้องช่วยที่บ้านทำงานตั้งแต่เด็ก
อย่างเช่นปลูกข้าว ดำนา เลี้ยงไก่ จับปลา หาไข่ในป่า
วิถีชีวิตคนชนบทขนานแท้
 ...ตอนที่เข้าไปส่งของในเมืองกับแม่ นายเอกบังเอิญไปเห็นคนเต้นบัลเล่ต์แล้วเกิดสนใจ แม่นายเอกเห็นลูกชอบก็เลยตัดสินใจกัดฟันส่งไปเรียน
ขณะที่เรียนนายเอกก็ได้รู้จักกับ ไป๋จิ่นอี เพื่อนใหม่ที่เป็นคุณชายน้อยทายาทมหาเศรษฐี
ซึ่งมีอายุพอๆ กับตัวเองและมาเรียนชกมวยอยู่ที่ห้องข้างๆ
เนื่องจากเป็นลูกคนรวย พระเอกจึงมักถูกเด็กในห้องเรียนมวยแซะเหน็บเรื่องฐานะ
แต่พระเอกก็ไม่แคร์ เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร จุดมุ่งหมายอยู่ที่ไหน
ใครจะพูดจะว่ายังไงก็ไม่สน 

เมื่อพระ-นายกลายมาเป็นเพื่อนกัน พระเอกก็ชอบเรียกนายเอกว่า หงส์น้อย และชอบซื้อของดีๆ มาให้นายเอกอยู่บ่อยๆ เช่นเนื้อสไลด์(มาแลกกับไข่ต้มของนายเอก) มือถือ เสื้อผ้าหรือรองเท้าบัลเล่ต์เป็นต้น ส่วนนายเอกเมื่อเขาให้มาเราก็ต้องให้กลับ ก็จะตอบแทนกลับไปด้วยผลผลิตจากในท้องถิ่น เป็นของที่บ้านตัวเองทำหรือที่หาได้ อย่างเช่นสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกเอง ปูขน+กุ้งเครฟิชที่จับได้เอง หรือชาที่ทำเองอะไรแบบนี้

เมื่อพี่กับเพื่อนสนิทแถวบ้านรู้ว่านายเอกกำลังเรียนบัลเล่ต์ และต้องกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงร่างกายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทุกคนก็พร้อมใจกันแบ่งอาหารเช้า-กลางวันของตัวเองมาให้นายเอกกิน พอเห็นว่ารองเท้าบัลเล่ต์ของนายเอกใส่ไม่ค่อยพอดีแล้ว ก็ไปแอบซื้อให้ใหม่แต่ไม่บอกตรงๆ อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจดี ที่นายเอกมีแต่คนดีๆ คอยช่วยเหลือและดูแลเสมอ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แม้แต่คุณปู่ร้านหนังสือก็ยังยินดีปิดร้านช้าเพื่อเปิดไฟรอให้นายเอกกลับมาหลังจากเลิกเรียน 

เพราะมีพรสวรรค์ในการเต้น บวกกับความขยันหมั่นเพียรและการฝึกซ้อมอย่างหนัก
อาจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการบัลเล่ต์จึงสนใจอยากให้นายเอกมาเรียนที่สถาบันของตน...
นายเอกจึงย้ายไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้และพักอาศัยอยู่กับพระเอก คนหนึ่งเต้นบัลเล่ต์ คนหนึ่งชกมวย ต่างคนก็ต่างฝึกซ้อมและทำหน้าที่ของตัวเองไป แต่หากใครมีนัดลงแข่งหรือมีการแสดง อีกฝ่ายก็จะต้องตามไปดูเพื่อคอยให้กำลังใจกันเสมอ

ต่อมาพระเอกก็มีแพลนจะไปเข้าค่ายมวยที่อเมริกา นายเอกจึงเต้นให้พระเอกดูเพื่อสารภาพความในใจ แล้วก็ตกลงคบกันอย่างเป็นทางการ...
หลังจากนั้นนายเอกก็ตามไปเที่ยวที่นั่นและได้อยู่ยาว เพราะต้องลงแข่งรายการระดับนานาชาติพอดี...พอคว้าแชมป์รายการนี้มาได้ ก็ได้เวลาเดินสายตระเวนไปแข่งขันรอบโลกแล้วทีนี้

แต่ถึงจะซ้อมหนักและยุ่งแค่ไหน พระ-นายก็ยังคงเข้าใจกัน คอยเป็นกำลังใจและช่วยสนับสนุนความฝันของกันและกันเสมอ ไม่มีการทะเลาะหรือดราม่าใดๆ มาให้วุ่นวายใจทั้งสิ้น
เรื่องฐานะความรวยความจนอะไรก็ไม่เป็นปัญหา นายเอกก็ไม่ได้รู้สึกว่าการที่ตัวเองจน
ส่วนพระเอกรวยนั้นจะเป็นอุปสรรคอะไร น้องไม่เคยดูถูกตัวเอง ทั้งมองโลกในแง่ดี
คนรอบข้างสังคมที่โตมาของน้องก็มีแต่คนดีๆ แถมยังไม่มีใครขัดขวางความรักของทั้งสองคนเลยด้วย 
...นายเอกเป็นคนโชคดีมากนะ ถึงบ้านจะจน แต่พ่อ-แม่ก็ยังพยายามหาเงินมาส่งให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ประกอบกับนิสัยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่คิดมาก ไปที่ไหนจึงมีแต่คนรักและเอ็นดู มีกัลยาณมิตรที่ดีคอยจุนเจือให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอด เหมือนเป็นลูกรักของพระเจ้าเลยก็ว่าได้ 55

ความรักหวานละมุน หวานกำลังดี ไม่ต้องพูดเยอะแต่ดูที่การกระทำ ง่ายๆ แต่กินใจ
ความรู้สึกค่อยๆ ก่อตัวและเปลี่ยนเป็นความรัก
พระเอกดูแลเอาใจใส่นายเอกอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ประหนึ่งภรรยาตัวน้อยของบ้านก็ไม่ปาน 55
อย่างตอนที่นายเอกมาบ้านพี่แกที่เซี่ยงไฮ้ พระเอกเห็นนายเอกต้องไปฝึกซ้อมที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็ไม่พอใจ เพราะสนามหญ้ามีหินเยอะ กลัวเท้านายเอกจะได้รับบาดเจ็บ(เพราะเท้าคือชีวิตของนักบัลเล่ต์) ก็สั่งให้คนจัดห้องซ้อมให้นายเอกใหม่พร้อมปูพรมอย่างดี

อย่างลูกเจี๊ยบที่นายเอกให้มา พี่ก็เลี้ยงอย่างดีจนกลายเป็นไก่อ้วนไฮโซ (มีผ้าพันคอแบรนด์เนมผูกคอด้วยนะ) เป็นเหมือนลูกชายคนที่สองของบ้านเพราะถูกแม่พระเอกสปอยล์ 55
และมีตอนที่นายเอกออกงานแสดงในโชว์ของรุ่นพี่ครั้งแรก หลังแสดงจบทุกคนได้ดอกไม้
แต่นายเอกไม่ได้ เพราะเป็นเด็กใหม่ยังไม่มีใครรู้จัก พอพระเอกรู้ก็รีบสั่งให้คนนำดอกไม้มาส่งให้ แล้วคือไม่ได้สั่งมาเป็นช่อนะ แต่มาเป็นซุ้มประตูใหญ่วางตรงทางเข้าเลยจ้า
อลังการมาก 
55

แนว Feel Good อบอุ่นหัวใจ ได้เห็นพัฒนาการการเติบโตของพระ-นายตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่เริ่มไล่ตามความฝันไปจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จ ถึงจะเจออุปสรรคหรือปัญหาระหว่างทางแต่สุดท้ายก็ผ่านมันไปได้เสมอ แอบซูอยู่เหมือนกัน
เพราะเอาจริงๆ ก็แทบไม่มีอุปสรรคหรือดราม่าอะไรหรอก พระเอกก็เป้าหมายชัดเจนมาตั้งแต่เด็ก ก็มุ่งมั่นฝึกซ้อมก้าวไปทีละก้าวจนได้ไปถึงจุดนั้น
ส่วนนายเอกรู้เพียงว่าตนชอบเต้นบัลเล่ต์แต่ยังไม่มีจุดหมายที่แน่ชัด แต่ความชอบบวกกับความพยายามฝึกฝนอย่างหนัก สุดท้ายมันก็นำพาให้น้องก้าวไปไกลจนถึงระดับโลกเลย
คือสุดท้ายมันก็มีทางไปของมันเองอะ...


วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

My Little Happiness ขอเรียกเธอว่าความสุข 2 เล่มจบ


My Little Happiness ขอเรียกเธอว่าความสุข 2 เล่มจบ
ผู้แต่ง : ตงเปินซีกู้ 
ผู้แปล : ซินโป-หย่งชุน 
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

"ผู้ชายคนหนึ่ง นอกจากต้องต่อยตีกับใครสักครั้งชีวิตจึงจะสมบูรณ์แล้ว
ยังต้องหาผู้หญิงสักคน ดูแลเธอให้ดี รักเธอ ช่วยเธอแก้ปัญหาทุกอย่าง
อยู่เคียงข้างกับเธอชั่วชีวิตอย่างมีความสุข แบบนี้ถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ารบกวนไม่รบกวน ...."

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ฉงหรง ทนายความสาวสวยคนเก่งจากครอบครัวนักกฏหมาย สวยสง่าเยือกเย็น ฝีปากเฉียบคม แถมยังมีออร่าที่ทำให้คนหวาดเกรง เป็นสาวโสด working women ขนานแท้
เก่งเรื่องนอกบ้านแต่เรื่องในบ้านกลับไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเท่าไร..แบ๊วๆ

เวินเซ่าชิง คุณหมอหนุ่มรูปหล่อ(มากกกก) งามสง่าเฉลียวฉลาด เก่งทั้งงานบ้านงานเรือน
ทำอาหารก็เก่ง ปักผ้าก็ได้ ชาติตระกูลดีเพียบพร้อมสุดๆ ...โปรไฟล์ดีขนาดนี้คนจีบก็เยอะ
แต่คุณหมอสุดหล่อกลับปักใจรักรุ่นน้องของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวมานานหลายปี

พระ-นางเคยเจอกันมาก่อนในเกมและแอบชอบกันมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยสารภาพความในใจกัน นางเอกเป็นรุ่นน้องของเพื่อนสนิทพระเอก ถูกเพื่อนพระเอกบอกรักแต่เธอก็ปฏิเสธ
โดยให้เหตุผลว่า ชอบหมอไม่ได้ชอบทนายความ .. หลังจากคำพูดนี้ทั้งสามคนก็ต่างแยกย้ายกันไปเรียนต่อ ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย...จนกระทั่งนางเอกเรียนจบและเดินทางกลับมา
ถึงได้พบว่าที่แท้เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามก็คือใครบางคน ที่เธอทั้งอยากเจอและอยากหนีหน้ามากที่สุด...

เป็นเรื่องราวความรักวัยทำงาน ของทนายความสาวมือฉมัง ที่ติดจะเย็นชาแต่ฝีปากคมกริบ กับหมอหนุ่มรูปหล่อไอคิวสูงแถมยังอีคิวดี ภายนอกแลดูสุภาพอ่อนโยนเหมือนเทวดา แต่ข้างในนี่มันปีศาจร้ายชัดๆ 55 ต่างคนต่างรักแต่ไม่บอกให้ใครรู้
คนหนึ่งไม่กล้า บวกกับเรื่องราวในอดีตที่ทำให้เธอยิ่งเกิดปมในใจจนต้องหนีหายไป
ส่วนอีกคนไม่ใช่ไม่กล้าเพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น เมื่อโอกาสสุกงอมเขาก็รุกเต็มที่ใส่เกียร์เต็มร้อย ไม่ว่ายังไงก็ต้องพิชิตใจและคว้าเธอมาเป็นภรรยาให้จงได้

พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง นางเอกก็ตีเนียนแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพระเอก
ส่วนพระเอกก็ใจเย็นรอให้นางเอกทนไม่ไหวแล้วเผยไต๋ออกมาเอง 
55
ถึงพระเอกจะเป็นหมอ ดูท่าทางสุขุมอ่อนโยนใจเย็น แต่ความจริงข้างในกลับแสบไม่ใช่เล่น ขนาดนางเอกเป็นทนายความขึ้นชื่อเรื่องฝีปากไม่เป็นสองรองใครก็ยังพ่าย ถูกต้อนซะจนมุม ถูกพระเอกปั่นหัวครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นว่าเล่น
จากที่เคยเยือกเย็นก็ต้องเปลี่ยนเป็นภูเขาไฟ เห็นหน้าพระเอกเมื่อไรนี่พร้อมปะทุ 55...
แต่ด้วยความหน้ามึนบวกกับความกวนประสาท พ่วงด้วยฝีมือทำอาหารทั้งเช้าและเย็น
จึงทำให้คนที่เคยแข็งๆ อย่างนางเอกต้องอ่อนลง.. จนสุดท้ายก็ยอมจำนนทั้งตัวและหัวใจ

หลังจากนั้นพระเอกก็มัดมือชก แอบตามไปบ้านนางเอกเพื่อแสดงตัวและขออนุญาตคบต่อหน้าพ่อแม่เขาเลยจ้า..อิอิ (แสบไหมล่ะ) เห็นยิ้มๆ สุภาพแบบนี้แต่ร้ายไม่ใช่เล่นนะจ๊ะ
เจ้าเล่ห์+แผนการสูง  แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ใส่ใจสุดๆ และจริงจังกับความรักมากสุดๆ เช่นกัน อย่างตอนที่นางเอกเคยบอกว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้รับจดหมายรักเลย
พอพูดแล้วก็ลืมไม่ได้สนใจ แต่พระเอกกลับจำใส่ใจแล้วก็แอบเขียนจดหมายรักให้นางเอก...
ตอนที่กลับไปเยี่ยมบ้าน พระเอกก็เขียนชื่อนางเอกลงทำเนียบตระกูลทั้งๆ ที่เพิ่งเริ่มคบกันและยังไม่ได้แต่งงาน (แต่พี่จริงจังมาก แน่ใจแล้วว่านางเอกต้องเป็นภรรยาตัวเอง)
ปู่พระเอกเลยทักบอกว่าทำไมไม่เขียนชื่อลูกลงไปด้วยซะเลยล่ะ พระเอกก็เลยเขียนชื่อลูกต่อท้ายชื่อตัวเองกับนางเอกตามนั้น
55

แต่ก่อนหน้านี้นางเอกเคยมีปมในใจเรื่องพระเอกกับรุ่นพี่ (เพื่อนสนิทพระเอก)
เพราะคิดว่าการที่เธอพูดว่าชอบหมอ(พระเอก) ไม่ชอบทนาย(เพื่อนพระเอก)ในวันนั้น
เป็นสาเหตุที่ทำให้พระเอกกับเพื่อนต้องแตกคอกัน นางเอกจึงหนีไปเรียนต่างประเทศ
พอกลับมาแล้วเจอพระเอกก็พยายามหลบหน้าและแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก
ต่อมาเมื่อทั้งคู่ได้คบกัน พระเอกจึงต้องใช้ยาแรงเพื่อให้นางเอกสลายปมในใจนี้
ทำให้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของใคร ไม่มีใครถูกผิด ..แต่พอดีว่าใช้ยาแรงเกินไปหน่อยนางเอกเลยโกรธมาก จากโกรธก็กลายเป็นเมินจนเกือบจะได้เลิกกัน 
55....
พอพระเอกเห็นท่าทางคำพูดแบบนั้นของนางเอกก็รู้ว่าซวยและ ต้องรีบปฏิบัติการง้อทันที
(ง้อแบบไหนต้องไปลองอ่าน แต่บอกได้เลยว่าร้อนแรงมาก คุณหมอเวินช่างกล้าจริงๆ
55)

นื้อเรื่องน่ารักดีอ่านเพลิน อ่านแล้วยิ้มมีความสุขสมกับชื่อเรื่อง อ่านจบแล้วต้องอิจฉานางเอก ชาติที่แล้วไปกอบกู้โลกมาเหรอ ทำบุญด้วยอะไรเนี่ยถึงได้เจอผู้ชายดีๆ แบบนี้ 
ถึงพระเอกจะมาจากตระกูลเก่าแก่ ตระกูลแพทย์จีนที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
มีกฏระเบียบเคร่งครัด แต่นิสัยพี่แกกับทุกคนในบ้านกลับเปิดกว้างไม่ได้คร่ำครึเลย
นางเอกก็ไม่ต้องฝ่าด่านพ่อแม่สามีใจร้าย(ไม่มี)  เพราะบ้านนี้เชื่อในตัวคนที่พระเอกเลือก
หากพระเอกรัก
+เลือกแล้วก็แสดงว่าคนนั้นดีจริงๆ ...

แต่นอกจากเรื่องรักๆ แล้วก็ยังมีเรื่องงาน อ่านๆ ไปก็จะได้ความรู้เรื่องกฎหมายและการแพทย์มาโดยไม่รู้ตัว55  แถมพระ-นางก็ฉลาดทั้งคู่ เวลาทะเลาะกันจึงไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขาเท่าไร แต่จะเหมือนนักวิชาการมานั่งถกประเด็นตีฝีปากกันมากกว่า...ยอมเลย 55
ในเรื่องยังมีตัวละครอีกหลายคนที่น่าสนใจเป็นตัวสร้างสีสัน อย่างรั่งอี๋รั่ง(น้องหมาของพระเอก) กับจงเจินผู้มีใบหน้าอีโมจิ นิสัยซื่อๆ ไม่ค่อยทันคน จึงมักจะถูกนางเอกซึ่งเป็นญาติผู้พี่ กับพระเอกที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหรือว่าที่พี่เขยข่มขู่รังแกบ่อยๆ 
55
แต่ไม่ว่าจะถูกกลั่นแกล้งยังไงน้องก็รักพี่สาวเสมอ (เพราะพี่สาวกระเป๋าหนัก 55)
และยังมีบรรดาแก๊งหมอกับเพื่อนสนิทของพระเอกอีก นี่ก็น่าสนใจ เพราะ
บุคลิกนิสัยไม่ปกติธรรมดาเลยสักคน สมกับที่เป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ



วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ขอหว่านแหจับสามีสักคน 5 เล่มจบ

 


ขอหว่านแหจับสามีสักคน 5 เล่มจบ ผู้แต่ง : จิ่วเยวี่ยกั่วกัว (九月果果)
ผู้แปล : หิมะน้อย
สำนักพิมพ์ เรือนหอมหมื่นลี้

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอกเป็นหญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่วิญญาณทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ ม่ายซุ่ย หญิงสาวชะตาอาภัพ ที่พ่อตาย แม่ก็ถูกบีบให้แต่งงานใหม่ ส่วนตัวลูกหรือม่ายซุ่ยก็ต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวของลุง คอยเป็นวัวเป็นม้าทำงานให้เขา ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แถมยังถูกจับแต่งงานกับชายแปลกหน้าที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ เพียงเพื่อแลกกับสินสอดที่เป็นข้าวสาลี กระสอบเท่านั้น ..ทะลุมิติมาได้ไม่ทันไรนางเอกก็ถูกจับให้แต่งงานไปอยู่ที่อื่นซะแล้ว หนำซ้ำว่าที่สามีคนนี้ก็ยังมีชื่อเสียงไม่ดี เพราะใครๆ ต่างก็ลือกันว่าเขาเคยเป็นโจรมาก่อน แต่เพราะไม่มีทางเลือก นางเอกจึงต้องเดินหน้าแต่งงาน เนื่องจากเธอไม่มีบ้านและไม่มีครอบครัวให้กลับไปอีกแล้ว...ก็ได้แต่หวังว่าสามีมหาโจรคนนี้จะไม่โหดร้าย หรือสร้างความลำบากใจใดๆ ให้กับเธอนัก ขอแค่ได้มีข้าวกินมีที่ซุกหัวนอน ให้เธอได้มีที่ตั้งหลักในชีวิตสักหน่อยก็พอแล้ว

พระเอก เซียวจิ่งเถียน ชายหนุ่มรูปหล่อรูปร่างสูงใหญ่ ลูกชายคนที่สามของตระกูลเซียวซึ่งจากบ้านไปนานกว่าสิบปี ไม่รู้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แถมยังกลับมาด้วยอาการบาดเจ็บ คนรอบข้างเลยพากันคิดว่าพระเอกต้องไปเป็นโจรมาก่อนแน่ๆ ...พอกลับมาพระเอกก็ถูกที่บ้านบังคับให้แต่งงานทันที เพราะอายุเยอะแล้ว(24 ปี) กะว่าถ้าแต่งงานมีเมียมีลูก พระเอกก็จะได้อยู่ที่นี่ไม่จากไปไหนไกลๆ อีก ...แต่เพราะไม่ได้เต็มใจจะแต่งงาน พระเอกจึงเย็นชา+เมินเฉยกับนางเอกตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้ามา...ไม่เข้าหอ แยกกันนอน ทำตัวเย็นชา ไม่สนใจ ไม่ยุ่งเกี่ยว...แต่นางเอกก็โอเค เพราะนี่แหละคือสิ่งที่นางต้องการ ตรงใจพอดี เพราะตอนนี้นางแค่อยากจะมีบ้านอยู่ ยังไม่ได้อยากมีสามีนะจ๊ะ 55..

บ้านพระเอกเป็นครอบครัวชาวประมง ดังนั้นวิธีหาเงินของนางเอกจึงหนีไม่พ้นเรื่องปลาๆ ตั้งแต่ทำปลาตากแห้งขาย ไปรับซื้อกุ้งสดตัวเล็กๆ กับน้ำปรุงรสมาขาย จนมาจบที่กิจการขายปลากระป๋อง ... ซึ่งระหว่างทางก็จะมีเรื่องของคนในบ้าน ของญาติๆ และคนรอบข้าง ที่เข้ามาทำให้ชีวิตของพระ-นางมันปวดหัวและวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน  เริ่มตั้งแต่เรื่องสินสอดของนางเอกที่เป็นข้าวสาลี 1 กระสอบนั่นแหละ ที่ทำให้พวกพี่สะใภ้ไม่พอใจ อิจฉาจนขู่ว่าจะกลับบ้าน หากบ้านพ่อ-แม่สามีไม่หาข้าวสาลี 1 กระสอบมาเป็นสินสอดเพิ่มย้อนหลังให้พวกตนด้วย...(ตอนอ่านนี่อิหยังมาก แต่ก็เอาเถอะ! นิยายอะเนาะ55)

แล้วก็มาต่อด้วยเรื่องที่พวกพี่ชายกับพี่สะใภ้รบเร้าอยากแยกบ้าน  เพราะไม่อยากรับภาระ คิดว่าถ้าแยกไปอยู่เองน่าจะรวยขึ้น แต่พ่อพระเอกไม่อยากให้แยก อยากให้อยู่ด้วยกันคอยช่วยกันทำมาหากินมากกว่า แต่พระเอกก็กล่อมจนพ่อยอม แถมยังยินดีออกเงินค่าบ้านหลังใหม่ให้พวกพี่ชาย ยินดีรับภาระในบ้านเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ตนไม่อยู่บ้าน 10 ปีอีกด้วย..พระเอกจึงไปเช่าที่ดินร้างมาปลูกข้าวสาลี พอข้าวสาลีโตและเก็บเกี่ยวได้เยอะคนก็พากันตะลึง พวกพี่สะใภ้รวมถึงป้านางเอก(ที่เห็นแก่ตัว)ก็แห่กันมาด้วยความอิจฉา อยากมาขอแบ่งข้าวกลับไปกิน ส่วนเจ้าของที่ดินก็ไม่พอใจ เพราะแต่ก่อนที่ดินผืนนี้ปลูกอะไรไม่ขึ้น พอเห็นแบบนี้ก็อยากจะเปลี่ยนสัญญาเรียกเก็บค่าเช่าเพิ่ม จากผลผลิตสองส่วนเป็นแปดส่วนแทน...

แล้วก็มีเรื่องที่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อยากดึงพระเอกไปทำงานด้วย อยากใช้ชื่อเสียงของพระเอกมาข่มพวกโจรสลัดในน่านน้ำให้กลัว แต่พระเอกไม่ไปเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดี ไม่น่าคบหา ฝ่ายนั้นก็เลยดึงพวกพี่ชายของพระเอกไปทำแทน เพราะคิดว่าถ้าพวกพี่พระเอกมีปัญหาอะไรเดี๋ยวพระเอกก็ต้องมาช่วยแน่นอน ...หึหึ

ส่วนนางเอกก็ปรับตัวเข้ากับทุกคนในบ้านได้ดี ช่วยบ้านสามีทำงานทุกอย่างไม่มีบ่น ใครพูดเหน็บแนมว่าอะไรก็แสร้งทำหูทวนลม ถึงสามีจะเย็นชาพูดน้อยแค่ไหนนางก็อยู่ได้ ก็ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างทำงานของใครของมันไป แต่ถ้ามีปัญหาหรืออยากให้ช่วยอีกฝ่ายก็พร้อมเสมอ พอพระเอกเห็นอีกฝ่ายใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขไม่เคยเรียกร้องอะไรแบบนี้ก็เริ่มสนใจ ยิ่งได้ใกล้ชิดได้เห็นทัศนคติความคิดของนางเอกก็เริ่มชอบ จนค่อยๆ ตกหลุมรัก พอรักกันแล้วพระเอกก็หื่นมาก (แต่ไม่มีบรรยายเท่าไรนะ แต่รู้ว่าพี่แกหื่นมาก 55) เข้าทำนองเย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกแต่ถ้าอยู่กับเมียนี่หมาป่าชัดๆ  (*≧∇≦*)

เป็นแนวทำมาหากิน ทำไร่หาปลา slow life มีเรื่องการแย่งชิงอำนาจผสม แต่หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องปัญหาภายในบ้านกับคนรอบตัวของพระ-นางนี่แหละ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสู้รบในทะเลกับพวกโจรสลัด (ที่มีนัยแอบแฝง) เพราะพระเอกเคยเป็นอดีตแม่ทัพใหญ่ เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แต่พออีกฝ่ายได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มหวาดระแวงขุนนางกับพวกแม่ทัพเก่งๆ พระเอกเลยคืนยศ+คืนของพระราชทานทุกอย่าง และขอกลับบ้านเกิดตัวเปล่าเพื่อไปใช้ชีวิตสงบๆ กับครอบครัว แต่สุดท้ายก็ยังถูกระแวง ถูกส่งคนมาลอบฆ่าคิดกำจัดอยู่ดี ...แต่ในเรื่องจะมี 2 ฝั่งนะ ฝั่งที่หนึ่งกลัวว่าพระเอกจะรวบรวมคนมาก่อกบฏยึดบัลลังก์ ส่วนอีกฝั่งก็กลัวว่าพระเอกจะมาขัดขวางไม่ให้พวกตัวเองก่อกบฏ ..บันเทิงจริงๆ ⊙▽⊙

เพราะแบบนี้แหละประกอบกับความเป็นแม่ทัพเก่า พระเอกจึงไม่ค่อยได้อยู่ติดบ้านนานๆ เพราะมักถูกคนนู้นคนนี้เรียกให้ไปช่วยแก้ไขปัญหาเสมอ (ขนาดไม่ได้บอกใครนะเนี่ยว่าเคยเป็นแม่ทัพ แต่ออร่ามันฟ้อง ..อิอิ) ทั้งปัญหาในบ้านของพี่น้อง หรือจากคนที่มาแอบชอบตัวเอง ปัญหาจากพวกขี้อิจฉาที่เห็นเมียตัวเองหาเงินเก่ง จนไปถึงปัญหาของบ้านเมือง
ตั้งแต่ช่วยสืบคดี ช่วยปราบโจรสลัด ช่วยฝึกทหาร ช่วยวางแผนการรบ และปัญหาของลูกสาวผูมีพระคุณที่น่าปวดหัวสุดๆ...
(¯▽¯;) 
เพราะลูกสาวผู้มีพระคุณก็คือองค์หญิง ดันมาหลงรักพระเอกหัวปักหัวปำ ไม่ว่าพระเอกจะปฏิเสธและวางตัวเย็นชาถอยห่างอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่เคยถอดใจสักที ขนาดแต่งงานมีเมียแล้วก็ยังไม่ยอมหมดหวัง...แล้วพระเอกก็เป็นพวกไม่ชอบพูดไม่อธิบาย สไตล์ผู้ชายเย็นชาอะ ไม่เคยแก้ข่าว (ฉันมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่มีอะไรต้องพูด) มันก็เลยทำให้คนรอบข้างรวมถึงนางเอกเข้าใจผิด คิดว่าพี่แกมีซัมติงกับองค์หญิงจริงๆ อีก...เฮ้อออ  (´◔౪◔)

พระเอกเรื่องนี้เสน่ห์แรงมากก ไหนจะเพื่อนสมัยเด็กที่มาชอบ นี่ก็บ้าบอประสาทแตกมาก (ทั้งแม่ทั้งลูก) วุ่นวายสุดๆ แต่เพราะเป็นญาติกันจึงไม่อยากทำอะไรมาก (คุณแม่ขอร้องง) แล้วก็มีองค์หญิงอีกคน คนนี้ก็ประสาทแตกพอๆ กัน55 ถูกปฏิเสธแล้วก็ยังไม่เลิกหวัง แถมยังขี้จุ๊บอกว่าท้องกับพระเอกอีก มโนมากกกก ..ตอนที่พระเอกบาดเจ็บความจำเสื่อม ก็พยายามใส่ร้ายเมียเขาว่าเป็นคนไม่ดี พยายามยัดเยียดให้พระเอกรับเด็กในท้องตนเป็นลูก แต่ดีที่ถึงพระเอกจะความจำเสื่อมแต่ก็ไม่ได้โง่เด้อ ไม่ใช่ใครบอกอะไรก็เชื่อไปหมด เพราะพี่เชื่อแค่สัญชาติญาณตัวเองเท่านั้น ...

เป็นเรื่องที่พระ-นางงานเข้าบ่อยมากกก ชีวิตวุ่นวายแต่กับเรื่องคนอื่น อะไรๆ ก็โทษแต่สองคนนี้ เกิดเรื่องอะไรก็วิ่งมาหาแต่พระ-นาง แม่สามีตอนแรกก็เหมือนจะดีแต่หลังๆ ก็เริ่มน่าลำไย อ่อนแอ หูเบา ถูกชักจูงได้ง่าย  ใครพูดอะไรก็เชื่อเขาไปเกือบหมด พ่อสามีก็กลัวแต่จะล่วงเกินคนอื่น เวลานางเอกทำการค้าแล้วขายดี ก็กังวลแต่ว่าจะไปทำให้คนใหญ่คนโตในพื้นที่ไม่พอใจ ชอบบอกให้เลิกให้หยุด ซื้อที่ดินดีๆ มาได้ก็บอกให้เอาไปคืน เพราะไม่อยากผิดใจกับผู้มีอิทธิพลที่เขาอยากได้ที่ดินนี้ ให้อยู่แค่นี้แหละพอไม่ต้องทำอะไร ยังดีที่นางเอกอยากทำอะไรพระเอกก็สนับสนุนไม่เคยห้าม มีปัญหาอะไรเดี๋ยวพี่เคลียร์เอง สมกับเป็นลุงเซียว เท่จริงๆ

ส่วนพวกพี่สะใภ้นี่ก็น่าลำไยขั้นสุดดดด ขี้อิจฉา ทนเห็นบ้านนางเอกได้ดีกว่าไม่ได้มเขามีอะไรดีๆ ก็ต้องมาขอแบ่ง เวลาเดือดร้อนก็วิ่งมาขอให้เขาช่วย แต่ไม่เคยมีคำพูดดีๆ ให้ม มีแต่กระแนะกระแหนพูดจาเหน็บแนม พลาดเมื่อไรก็เหยียบซ้ำ อยากให้จัดหนักๆ ไปสักที แต่ก็ทำอะไรรุนแรงไม่ได้อีก ได้แค่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็สวนกลับ เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน...เลยต้องทนๆ ทำเบลอๆ ไป (╬◣д◢)(╬ 

สรุปก็อ่านได้เรื่อยๆ นะ เพลินๆ ดี แต่ก็อาจจะมีลำไยพวกปัญหาภายในบ้านกับพวกคนรอบข้างของพระ-นางหน่อยเท่านั้น (จริงๆ ก็ไม่หน่อยนะ 55)

- สำนวนการแปลก็มีคำยุคปัจจุบันหลุดมาบ้าง 



วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ลิขิตรักข้ามปรภพ


ลิขิตรักข้ามปรภพ (เล่มเดียวจบ)
ผู้แต่ง : หวนมี่
ผู้แปล : ลีลรักษ์
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอกเรื่องนี้ก็คือ ยายเมิ่ง ที่ทำหน้าที่ตักน้ำแกงลืมเลือนอยู่ตรงสะพานในแดนนรก ยายเมิ่งที่ไร้เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา จิตใจเยือกเย็น ไม่เคยก่อเกิดอารมณ์หรือความรู้สึกใดๆ แต่กลับถูกสวรรค์? ไม่สิจักรพรรดิสวรรค์เจ้ากี้เจ้าการจัดแจงผูกด้ายแดงกับ หลงอวี้ รัชทายาทหรือโอรสของราชามังกรแห่งทะเลบูรพาที่มีหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม ทั้งยังมีตบะพิสุทธิ์แก่กล้ามากความสามารถ แต่กลับมีนิสัยเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง 

แต่หลงอวี้กลับชอบพอหญิงสาวมนุษย์คนหนึ่งที่เคยช่วยชีวิตตนเอาไว้ในตอนที่ได้รับบาดเจ็บจากศึกปราบมารเมื่อกาลก่อน ทั้งยังได้ให้สัญญาว่าจะครองคู่อยู่กับนางในโลกมนุษย์ไปชั่วชีวิต แต่เพราะทะเลบูรพาเกิดเรื่องขึ้นเขาจึงต้องกลับไป จนทำให้ต้องผิดสัญญา ทว่าต่อมาหลงอวี้ก็ได้กลับมาตามหานางใหม่อีกครั้ง และตัดสินใจละเมิดกฎสวรรค์เพื่อจะได้เคียงคู่อยู่กับนางตามที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ ...

พอราชามังกรกับราชานรกรู้ว่าพระ-นางมีด้ายแดงผูกติดกันอยู่ ก็อยากจะช่วยให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน จึงออกอุบายขอให้นางเอกลงไปที่โลกมนุษย์ ประจวบกับที่ตอนนั้นนางเอกก็ได้เจ็ดอารมณ์หกปรารถนาของตนกลับคืนมาพอดี เลยดูเหมือนจะรู้สึกอะไรๆ กับพระเอกอยู่บ้าง จึงยอมตกปากรับคำ และพอได้ไปเห็นตอนที่พระเอกกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วยกันก็ยิ่งชัด แบบว่ามีอาการเจ็บแปลบๆ ในอก เห็นเขาอยู่ด้วยกันก็แอบเศร้า เลยรู้ว่าตัวเองคงชอบพระเอกเข้าแล้ว ...แต่ก็ทำได้เพียงแค่ปกปิดไว้ (>_<)

พอพระเอกเห็นนางเอกตามลงมาแล้วยังคอยช่วยสนับสนุนตนก็เริ่มรู้สึกดีด้วย ผ่านไปไม่นานความรู้สึกก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป แต่พอรู้ว่าคนที่ตัวเองชอบจริงๆ คือใคร พระเอกก็ไม่อาจตัดใจทำผิดสัญญาได้อีก แต่ยังไม่ทันได้แต่งกัน หมู่บ้านของผู้หญิงคนนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้วิญญาณในแม่น้ำของหมู่บ้านโกรธแค้น จึงทำให้หมู่บ้านนี้ต้องพบกับภัยพิบัติ นางเอกกลัวพระเอกเสียใจ เลยเลือกที่จะปิดบังและลบความทรงจำในตอนนั้นของพระเอกทิ้ง ทำให้คิดว่าได้แต่งงานและใช้ชีวิตอย่างราบรื่นกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ  และหลังจากนั้นพระเอกก็ถูกลงโทษให้ลงไปเกิดในโลกมนุษย์เพื่อตักเตือน และเผชิญกับวิบากกรรม

เวลานี้พระเอกรู้แล้วว่าตัวเองรักใคร จึงห้ามไม่ให้นางเอกมาหาและบอกให้รออยู่ที่แดนนรก
แต่สุดท้ายนางเอกก็ตามมาและคอยแอบช่วยเหลืออยู่ดี
พระเอกลงมาเกิดเป็นองค์ชายที่แม่ตาย ส่วนตนก็ไม่ได้รับความโปรดปรานจากพ่อ ต้องอาศัยอยู่ในตำหนักเย็น ...แต่เพราะมีนางเอกแวะเวียนมาหาอยู่เรื่อยๆ จึงไม่เหงา ทว่านางเอกกลับยังไม่รู้ว่าคนที่พระเอกรักคือใคร นึกว่าพี่แกยังรักหญิงสาวมนุษย์ผู้นั้นอยู่ จึงไปแก้ไขเรื่องราวที่มันควรจะเป็น แปรเปลี่ยนความเป็นความตาย ทำให้คนที่ต้องตายกลับมามีชีวิตใหม่ กระทำการฝืนลิขิตละเมิดกฏสวรรค์ 
และก็ทำให้ผลกรรมนั้นตกมาอยู่กับตัวเองทั้งหมด ซึ่งทุกอย่างก็เพื่อช่วยให้พระเอกกับคนๆ นั้นได้ครองคู่กัน...โดยที่พระเอกไม่รู้เรื่องเลย (และไม่ได้ต้องการแบบนั้นด้วย) ส่วนคนที่พระเอกเคยชอบก็เปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าพยายามทำทุกอย่างแล้วแต่พระเอกก็ยังไม่เปลี่ยนใจ ก็เลยโกรธแค้น วางแผนจะแยกพระ-นางออกจากกัน กลายเป็นตัวร้ายแทน..เหอๆ

เรื่องนี้จะทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของยายเมิ่ง เพราะภาพของยายเมิ่งที่เราเคยเจอในหนังสือปกติจะเป็นหญิงชราและมีหน้าที่ตักน้ำแกงลืมเลือนเท่านั้น แต่เรื่องนี้ยายเมิ่งหรือนางเอกจะมีภาพลักษณ์เป็นหญิงสาวแสนสวยผมขาว มีนิสัยเฉื่อยๆ เหมือนคนแก่ (ก็แก่แหละ ข้างนอกสาวแต่ข้างในชราแว้วว (‾◡◝ ) )  และยังมีความรักไม่ต่างกับหญิงสาวทั่วๆ ไป ทั้งยังเป็นความรักที่เสียสละ ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด ไม่เห็นแก่ตัว ขอเพียงแค่อีกฝ่ายมีความสุขและได้สมหวังเท่านั้นเป็นพอ

บางทีก็แอบคิดว่า ถ้าพระ-นางคู่นี้มีอะไรแล้วพูดออกมาตรงๆ ก็คงจะดี บางทีเรื่องราวมันอาจจะไม่บานปลายและลากยาวมาจนถึงขนาดนี้ก็ได้ แต่ก็เข้าใจแหละว่าคงยาก เพราะพื้นฐานนิสัยเขาเป็นกันแบบนั้น แบบหวังดี อยากให้อีกฝ่ายมีความสุข เลยคิดว่าต้องทำแบบนี้ๆๆ ถึงจะดี (แต่ไม่ได้ถามก่อนไง) ...บวกกับมีคนคอยวางแผนอยู่ข้างหลังด้วย นี่ก็หวังดี! อยากให้นางเอกได้คู่ครองที่ดีจริงๆ เลยอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วคนเขาจะยังรักกันอยู่อีกไหม ถ้าไม่มีด้ายแดงผูกติดกันแล้ว หากเป็นแบบนั้นจะยังสามารถจดจำกันและไม่ลืมเลือนกันได้อยู่อีกหรือเปล่า...อุปสรรคมันก็เลยเยอะ กว่าจะได้ลงเอยกันก็เลยยาวนานยากลำบากแบบนี้แหละ

แต่จบดีนะไม่ต้องห่วง พระเอกก็ยินดีแบกรับโทษแทนนางเอก โดยการไปเวียนว่ายตายเกิดเป็นเวลา 1000 ปี ซึ่งในทุกๆ ชาติจะต้องมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่อาจรู้ว่ากำลังตามหาใคร? ใครคือคนที่ตัวเองรัก? และเมื่อจำได้นั่นก็คือวันที่พระเอกต้องจบชีวิตลง ส่วนนางเอกก็ถูกขังอยู่ในความฝัน ต้องฝันเห็นพระเอกกับผู้หญิงคนนั้นรักกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและต้องหลับไหลไป 1000 ปีเช่นกัน...เมื่อผ่านทุกอย่างไปได้ และถ้าทั้งสองคนยังไม่ลืมกัน ยังรักกันอยู่เหมือนเดิม ก็ถือว่าผ่านบททดสอบ จึงจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป...

อ่านจบแล้วตอนแรกก็แอบสงสัยนะว่า..พระ-นางเคยมีซัมติงอะไรกันมาก่อนรึเปล่า เช่นเคยรักกันมาก่อนแต่ต้องพลัดพราก แล้วจำกันไม่ได้อะไรประมาณเนี่ย เพราะพระเอกน่าจะเป็นไทป์ที่แบบรักใครรักจริง ยากจะเปลี่ยนใจ แต่ไฉนพี่กลับเปลี่ยนใจมาชอบนางเอกเร็วขนาดนี้ อุตส่าห์ทำสัญลักษณ์ไว้ที่ตัวผู้หญิงคนนั้น แล้วตามหามาตั้งนาน 55 หรือนั่นเป็นแค่การตอบแทนบุญคุณ? ยังไม่ได้ชอบจริงๆ? ยังไม่รู้หัวใจตัวเองดีพอหรือเพราะมีด้ายแดงส่งเสริมพระ-นางเลยชอบกัน(เร็ว)? ... ความจริงถ้าเขียนให้พระ-นางมีอดีตกันมาก่อน เราอาจจะอินในความรักของทั้งคู่มากกว่านี้ก็ได้นะ นี่แบบอะไรอะ ชอบกันและ ทำไมชอบกันอะ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ เลิกชอบง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ? 55 ...แต่ในเรื่องก็ไม่ได้มีแค่คู่หลักนะ ยังมีคู่ของเจี้ยงเหนียง(ลูกสาวจักรพรรดิสวรรค์) ที่ไม่รู้ว่าจะมีเล่มแยกเป็นของตัวเองไหม แต่เรื่องนี้ยังไม่เฉลยปม อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายจะสมหวังหรือเปล่า

ป.ล.ขอสารภาพว่าอ่านแล้วมึนกับคำราชาศัพท์มากกกพี่จ๋า เยอะมากก 55 (๑╹∀╹๑)... ส่วนเนื้อเรื่องก็โออยู่นา หน่วง ซึ้ง หลายอารมณ์ดี ที่สำคัญเรื่องนี้ปกสวยมากกก

ป.ล. พวกคำว่า กระไร มิ อันใด ...มันเยอะไปหน่อยนะพี่จ๋าาา \(^^\)  



วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

จอมใจคู่นครา 2 เล่มจบ

 


จอมใจคู่นครา 2 เล่มจบ
ผู้แต่ง : เผิงไหลเค่อ
ผู้แปล : Rose Apple
สำนักพิมพ์ อรุณ

" นางแต่งไปแคว้นใด ข้าก็บุกแคว้นนั้น 
ชาวมู่เราซ่อนเหลี่ยมอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือมาหลายปี
ก็ถึงคราวที่ควรจะไปเยี่ยมเยือนจงหยวนเสียบ้าง
ข้ากลับอยากดูว่านางไม่แต่งกับข้า ท้ายที่สุดแล้วจะแต่งกับผู้ใด.."

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก อาเสวียน เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งตั้งแต่ตอนเป็นทารก แต่โชคดีที่ได้พ่อบุญธรรมซึ่งเป็นพ่อมดเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่และถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้ จึงทำให้นางมีวิชาแพทย์ติดตัว แต่เนื่องจากมีใบหน้าที่งดงามปานล่มบ้านล่มเมือง จึงทำให้นางเอกเกือบจะถูกส่งตัวไปเป็นสาวงามบรรณาการที่แคว้นฉู่ ดังนั้นพ่อบุญธรรมจึงต้องวางยาทำให้ใบหน้าของนางเสียโฉม เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติในครั้งนั้น

พระเอก เกิงอ๋าว เจ้าผู้ครองแคว้นมู่ เดิมเป็นแคว้นที่ไม่มีใครเคยเห็นอยู่ในสายตาและมักดูถูกว่าเป็นม้ารับใช้ (ม้าจริงๆ ไม่ใช่หมา ส่วนเหตุผลต้องไปลองอ่านจ้า)
แคว้นของนางเอกคือแคว้นจื่อ เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างแคว้นฉู่และมู่
ต่อมาทั้งสองแคว้นทำศึกกัน แคว้นจื่อที่อยู่ตรงกลางเห็นฉู่แข็งแกร่งกว่าจึงไปเข้าข้างฉู่
แต่สุดท้ายเกมพลิกฉู่แพ้ แคว้นมู่ชนะ แคว้นของนางเอกจึงถูกแคว้นมู่กลืนกินผนวกรวมกัน
เจ้าผู้ครองแคว้นจื่อถูกสังหาร ส่วนประชาชนที่เหลือก็ถูกจับกลายไปเป็นทาสเชลย
รวมถึงตัวนางเอกด้วย ก็หนีไม่พ้นเช่นเดียวกัน

พระ-นางเคยเจอกันมาก่อนในตอนที่พระเอกเข้าป่ามาล่าสัตว์ ส่วนนางเอกมาเก็บสมุนไพร พระเอกมีอาการป่วยหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ คนของพี่แกจึงไปตามหมอมารักษาซึ่งก็คือนางเอกนั่นเอง หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป ต่างคนก็ต่างไม่ได้รู้สึกดีหรือประทับใจในตัวอีกฝ่ายเลย ต่อมาแคว้นจื่อก็ถูกทำลาย นางเอกต้องกลายเป็นทาสเชลย ถูกกวาดต้อนไปใช้แรงงาน แต่เพราะมีความสามารถในการรักษาจึงได้ขยับยกฐานะขึ้นมาหน่อย กลายเป็นหมอทาสเชลยอยู่ในขบวน และได้ช่วยรักษาพระเอกในตอนที่ปวดหัวอีกครั้ง
คนสนิทพระเอก(รวมถึงพระเอก) ก็อยากให้นางเอกอยู่ข้างๆ คอยปรนนิบัติดูแลพี่แก
แต่นางเอกไม่สนใจ อยากกลับไปอยู่กับพี่ชายและแม่บุญธรรมมากกว่า พระเอกจึงไม่บังคับ (แต่ก็แอบเคือง) ทว่าต่อมาในขบวนดันมีชาวจื่อบางกลุ่มก่อกบฏสร้างความวุ่นวาย
ซึ่งพี่ชายของนางเอกก็ถูกจับเหมารวมว่าเป็นหนึ่งในนั้นด้วย นางเอกจึงไปขอร้องพระเอกให้ละเว้นพี่ชาย และก็ต้องจำยอมติดตามอยู่ข้างกายอีกฝ่ายเพื่อแลกกับการช่วยชีวิตพี่ชายตั้งแต่บัดนั้น...

พระเอกสนใจนางเอกอยากจับกดตั้งแต่ตอนที่หน้าตาเสียโฉมแล้ว และก็อยากแต่งนางมาเป็นฟูเหริน (ภรรยาเอกของผู้ครองแคว้น) ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริง
เพราะความจริงนางเอกเป็นบุตรสาวคนโตของกษัตริย์แคว้นโจว มีฐานะเป็นองค์หญิง
แต่เพราะพ่องมงายหลงเชื่อคำของพ่อมด จึงหมายจะกำจัดลูกสาวตามคำทำนายตั้งแต่เพิ่งเกิด แต่แม่นางเอกไหวตัวทันจึงให้คนสนิทพาหนี ส่วนแคว้นโจวก็ยิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ

มีแต่อำนาจกลวงๆ เหมือนเสือกระดาษ ไม่ได้น่าเกรงขามรุ่งเรืองเหมือนในอดีตเลย
พอมีคำทำนายใหม่ออกมาว่าถ้าได้ตัวนางเอกกลับมา แคว้นโจวก็จะเจริญดีขึ้นอีกครั้ง
พ่อนางเอกถึงได้ให้คนไปตามหาตัวลูกกลับคืนมา
พอนางเอกกลับคืนสู่ฐานะพร้อมกับรูปโฉมเดิมที่งามหลายๆ ก็ทำให้มีแต่คนหมายปองอยากสู่ขอไปเป็นฟูเหรินของแคว้นตน

พระเอกก็นึกว่าตัวเองคงสู่ขอได้ง่ายๆ นางเอกต้องตอบตกลงตามที่สัญญา
แต่สุดท้ายก็หน้าหงายถูกปฏิเสธกลับไปเหมือนคนอื่นๆ รอบแรกไม่ได้ เอาใหม่รอบสอง
คราวนี้พี่มาเอง แม้ใจจะดูถูกแคว้นโจวที่เหลือแต่เปลือกและพ่อนางเอกที่ไม่เอาไหนหนักหนา แต่เพื่อให้ได้หัวใจสาวงามมาพี่ก็ยินดีวางทุกอย่างลง
ทั้งสัญญาว่าจะยอมภักดีต่อราชสำนัก (จะยอมกลับมาเห็นหัวพ่อเจ้า) และจะยุบวังหลัง ชีวิตนี้มีแต่นางเพียงคนเดียว (วังหลังพระเอกมีสนมอยู่
1 คน) ...ทว่านางเอกก็ยังไม่ยินยอม
ใจแข็งมากกกก เพราะไม่ปลื้มไอ้นิสัยที่ชอบบีบบังคับคนของพี่แก (สมพระเอก
55)
แต่รอบสองนี้เหมือนพ่อตั้งใจจะยกให้พระเอกแล้ว นางเอกเลยวางแผนขอให้น้องชายช่วยทำให้ตนยังไม่ต้องออกเรือนไปอีก 3 ปี

ความจริงทุกอย่างก็เกือบจะสำเร็จหากไม่เกิดสงครามขึ้นซะก่อน อันเป็นเหตุให้น้องชายของนางเอกซึ่งเป็นรัชทายาทแคว้นโจวต้องนำทัพออกรบด้วยตัวเอง ทีแรกก็กำลังไปได้สวย
รบชนะตลอด แต่ต่อมาก็เริ่มแพ้ บวกกับกองทัพที่มาจากแคว้นอื่นเกิดมีปัญหาภายในแคว้น ทำให้ต้องถอนกำลังกลับไป ทัพที่จัดไว้เลยเริ่มรวน แพ้เอาๆ จนทำให้ทัพของน้องชายถูกล้อมและเกือบต้องตายในสนามรบ (ถ้าไม่ตายก็คงถูกอีกฝั่งจับไปเป็นเชลยหยามเกียรติ)...
ทว่าในขณะที่กำลังหมดหวัง กองทัพของพระเอกก็โผล่มาช่วยได้ทันเวลาพอดีและตีอีกฝั่งจนพ่ายแพ้กลับไป 
ทำให้แคว้นโจวติดหนี้บุญคุณ นางเอกก็ซาบซึ้งใจ เริ่มทบทวนหัวใจตัวเองใหม่ (ชอบพระเอกเหมือนกันแหละแต่ไม่ยอมรับ) และสุดท้ายก็ยอมแต่งด้วย...

นี่เป็นยุคสมัยที่แผ่นดินยังไม่รวมเป็นหนึ่งและเต็มไปด้วยแคว้นเล็กแคว้นน้อยมากมาย
เช่นแคว้นมู่ ฉู่ จื่อ ซี จิ้น เฉา เจิ้ง เป็นต้น (เยอะมากจำบ่ได้หมด) ซึ่งแต่ละแคว้นก็จะมีเจ้าผู้ครองแคว้นเป็นผู้ปกครอง และมีแคว้นโจวเป็นศูนย์กลางเป็นแคว้นของกษัตริย์
ไม่แน่ใจว่ายุคไหนแต่น่าจะเก่ามาก และอยู่หลังยุคเซี่ยกับซาง เป็นยุคที่ยังเชื่อในพ่อมดหมอผี และอาวุธที่ทหารใช้ส่วนใหญ่ก็คือขวานปากไก่ (ที่นิยมใช้ในราชวงศ์เซี่ยถึงยุคชุนชิว)

ไม่ใช่ดาบหรือกระบี่อย่างที่้เราคุ้นเคย 

ถึงแคว้นนางเอกจะเป็นจุดศูนย์กลางเป็นแคว้นของกษัตริย์ ทว่าก็อ่อนแอถดถอยลงเรื่อยๆ
ไม่ได้แข็งแกร่งน่าเกรงขามแล้ว จึงทำให้แคว้นต่างๆ ที่เคยส่งเครื่องบรรณาการมาให้ เริ่มไม่ส่ง
+ไม่แคร์ ในเรื่องจะมีแคว้นฉู่กับแคว้นมู่ของพระเอกที่แข็งแกร่งและเป็นแคว้นใหญ่
ซึ่งเดิมมีแต่แคว้นฉู่
แต่พอพระเอกขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น แคว้นมู่ถึงค่อยๆ ผงาดเข้มแข็งขึ้นมาจนกลายเป็นแคว้นเดียวที่กล้าต่อกรกับแคว้นฉู่และรบชนะได้
จนทำให้แคว้นอื่นๆ ไม่กล้าดูถูกดูแคลนอีกต่อไป
 หลังจากที่พระ-นางแต่งงานกันไม่นาน
แคว้นจิ้นก็ต้องการแผ่ขยายอำนาจมาแถวๆ แคว้นมู่ พระเอกจึงต้องไปออกรบ
แต่ระหว่างนั้นก็มีพวกขุนนางชนชั้นสูงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปฏิรูปการปกครองของพระเอก ที่จะสนับสนุนให้คนธรรมดาที่สร้างผลงานทางทหารเข้ามามีตำแหน่งในกองทัพ
แทนการสืบทอดทางสายเลือดของพวกชนชั้นสูงเก่าๆ (ที่คอยฉุดรั้งความเจริญ)

จึงฉวยโอกาสตอนที่พระเอกไม่อยู่ชักศึกเข้าบ้าน หวังให้เกิดศึกนอกศึกในเพื่อจะได้ยึดอำนาจมาเป็นของตน... 

เป็นเรื่องเกี่ยวกับศึกสงครามผสมความรักแบบหวานๆ ขมๆ คล้ายๆ ปรปักษ์จำนนแต่ยังไม่เจ้มจ้นขนาดนั้น ( 2 เล่มจบเองไม่หนามาก) นางเอกใจแข็งเหมือนกัน กว่าจะเปิดใจรักพระเอกได้ไม่ง่ายเลย แต่พระเอกนั้นรักแล้วรักเลย ต่อให้ถูกปฏิเสธอีกกี่รอบก็จะกลับไปสู่ขอใหม่ ถ้านางเอกกล้าแต่งไปแคว้นอื่นหรือแต่งให้ใคร พี่ก็จะยกทัพไปตีแคว้นนั้นแล้วชิงเธอมาซะ 55

ป.ล. nc ไม่มี ตัดเข้าโคม 55

ป.ล. จริงๆ ประเด็นเรื่องที่นางเอกเคยตายแล้วเป็นวิญญาณมาอยู่ในร่างนี้ตั้งแต่ตอนเป็นทารกเนี่ยไม่ต้องใส่เข้ามาก็ได้มั้ง ไม่เห็นมีความสำคัญอะไรเลย ใส่มาทำมายจ๊า 55






วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

สามีข้ากลายเป็นท่านอาเสียแล้ว 3 เล่มจบ

 


สามีข้ากลายเป็นท่านอาเสียแล้ว 3 เล่มจบ 
ผู้แต่ง : ฉางโกวลั่วเยวี่ย
ผู้แปล : อวี้
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ชาติก่อน เจียงชิงหว่าน เป็นบุตรสาวพ่อค้าที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของเมือง มีชีวิตอยู่บนกองเงินกองทอง แต่นางกลับไปหลงรัก ชุยจี้หลิง บัณฑิตหนุ่มยากจน ที่มีรูปโฉมหล่อเหลา ท่าทางสันโดษหยิ่งทะนง แต่กลับสอบจิ้นซื่อไม่ผ่านสักที
เพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา นางจึงทำเรื่องผิดประเพณีจนทำให้ถูกบิดาตัดขาด
ทำให้แม่สามีรังเกียจและดูถูก ประกอบกับที่เป็นบุตรสาวพ่อค้า แม่สามีจึงยิ่งไม่ชอบและมักจะหาเรื่องมาต่อว่ารังแกนางลับหลังอยู่เสมอๆ...
ชีวิตแต่งงานของนางเอกจึงหวานอมขมกลืน ไม่ได้สุขสบาย ทั้งยังไม่เป็นที่ต้อนรับของแม่และน้องสาวสามีอีกด้วย แต่นางก็ไม่เคยปริปากใดๆ เพียงแค่ก้มหน้าน้อมรับคำต่อว่าและแอบร้องไห้เงียบๆ อยู่คนเดียวเท่านั้น
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อให้สามีสบายใจ
ทว่า
3 ปีผ่านไปนางกลับได้รู้ว่าสามีและเพื่อนสนิทของตนมีใจให้กัน
ทั้งยังตั้งครรภ์ลูกของเขาเรียบร้อย แต่คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาจะกล้าถึงขนาดส่งนางไปเป็นสตรีบรรณาการให้แก่ฮ่องเต้ชราที่อยู่ในวัง...ทำให้นางได้รับความทุกข์ทรมาน
ทุกข์กายทุกข์ใจต่างๆ นานา จนตัดสินใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตายในวันที่เขายกทัพมาบุกวัง

นางเอกตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ในร่างของบุตรสาวสายตรงของหย่งชางป๋อที่อยู่ในวัย 14 ปี และมีชื่อแซ่เดียวกันกับตัวเองในชาติที่แล้ว...
เมื่อได้โอกาสใหม่ คราวนี้นางจึงตั้งใจว่าจะไม่เดินซ้ำรอยเดิมอีก จะมีชีวิตที่สงบสุขและปลอดภัย จะเชื่อฟังคำพูดของผู้ใหญ่ไม่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ จะไม่มีทางทำเรื่องอย่างหนีตามผู้ชายเหมือนในชาติที่แล้ว และจะอยู่ให้ห่างจากพระเอกหรือคนที่เคยทำไม่ดีกับนางในชาติก่อน ไม่ขอข้องแวะเกี่ยวข้องใดๆ กันอีก.... แต่เหมือนโชคชะตาจะเป็นใจหรือเล่นตลก(หว่า)
ถึงได้ทำให้ตระกูลของเขากับนาง มีความสนิทสนมกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ และทำให้ทั้งสองคนต้องกลายมาเป็นอา-หลาน(นอกไส้)กัน

เมื่อนางเอกกลับมาเกิดใหม่เวลาก็ผ่านเลยไปถึง 6 ปีแล้ว
แม้จะมาอยู่ในร่างของเด็กสาวซึ่งเป็นบุตรของภรรยาเอก แต่ตัวเข้าของร่างนี้กลับไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของพ่อและย่าเลย  นางเอกจึงต้องปรับปรุงตัวใหม่รีบทำแต้ม เพื่อให้ย่ากับพ่อที่มีอำนาจสูงสุดในจวน รักและเอ็นดูตนกับแม่โดยเร็ว เพราะในจวนยังมีอนุที่พ่อโปรดปรานมากอยู่อีกหนึ่งคน ที่ฉลาดเจ้าเล่ห์ ชอบแสร้งทำตัวอ่อนโยนน่าสงสาร แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยอุบายชั่วร้ายสารพัด พอเห็นว่านางเอกกับย่าไม่โง่ จะต้องกลายเป็นภัยคุกคามของตนในอนาคต ก็เริ่มวางแผนคิดร้ายหมายกำจัดทั้งสองคนทิ้ง...หึหึ

ส่วนพระเอกพอเมียหายก็ทิ้งพู่กันไปเข้ากองทัพ เพราะสายบุ๋นใช้เวลาเลื่อนขั้นนาน
แต่สายบู๊ขอแค่มีผลงานทางทหารโดดเด่น ตำแหน่งก็ขึ้นพรวดๆ
พอเข้าร่วมกองทัพก็ไม่เคยรบแพ้ 
เด็ดขาดเยือกเย็น รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง 
ทั้งยังสามารถโค่นล้มฮ่องเต้โฉด แล้วทำให้อ๋องที่ตนเคยรับใช้กลายมาเป็นฮ่องเต้ได้
จนสุดท้ายก็ได้บรรดาศักดิ์จิ้งหนิงโหวมาครอง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการมณฑลทหาร
อยู่เหนือคนนับหมื่นแต่อยู่ใต้คนผู้เดียว

รื่องนี้พระ-นางมีปฏิสัมพันธ์กันน้อยมาก คือพระเอกก็ออกมาเรื่อยๆ แหละเพียงแต่ก็จะอยู่ในส่วนของพี่แก ไม่ได้มาข้องแวะอะไรกับนางเอก แม้จะรู้สึกว่านางเอกแอบคล้ายๆ เมียตน
ชื่อแซ่เดียวกัน กิริยาท่าทางบางอย่างก็เหมือนกัน แถมยังชอบเรื่องต้นไม้ใบหญ้าเหมือนกันอีกด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะใช่คนเดียวกันอยู่ดี เพราะหน้าไม่เหมือน อายุก็ไม่ใช่ ให้คนไปสืบประวัติมาก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ...ต่อให้จะคล้ายกันยังไงแต่ถ้าไม่ใช่ พี่ก็ไม่สน
เวลาเจอกันก็วางตัวเย็นชาห่างเหินตามสไตล์ เพราะพี่จะอ่อนโยนกับเมียแค่คนเดียว
ส่วนนางเอกก็เช่นกัน ยังมีความรู้สึกโกรธแค้นอยู่ เวลาเจอพระเอกก็จะเย็นชา พยายามหลีกเลี่ยงไม่มอง

พระเอกนั้นตามหาเมียผิดที่มาตลอด มารู้ก็ตอนที่เจอคู่หมั้นเก่าเมีย พอรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันก็เริ่มกลัว เพราะไม่รู้ว่าเมียไปอยู่ไหน แถมตอนนั้นบ้านเมืองก็วุ่นวาย เมียเป็นแค่หญิงสาวอ่อนแอเดินทางไกลขนาดนั้นจะรอดรึ เริ่มใจคอไม่ดี กระอักเลือดไป 1 รอบ..
จนไปควานหาตัวคนที่เคยคุ้มกันรถม้าสตรีบรรณาการเจอ พี่ถึงเริ่มคลำทางถูกจนได้รู้ความจริงที่ตามหามาตลอด
9 ปี แล้วก็กระอักเลือด กระอักๆ..กระอักบ่อยซะจนเกรงว่าพระเอกจะตายก่อนที่จะได้รู้ความจริงแล้ว 55... 

พอรู้ว่าเมียตาย พี่ก็หมดอาลัยตายอยาก แต่ก็ต้องอยู่ต่อก่อนเพื่อไล่เช็คบิลคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แถมพี่ยังทรมานตัวเองไม่ยอมรักษาโรคเก่า ปล่อยให้พิษมันกำเริบจนทรุดลงๆ
ส่วนทางฮ่องเต้ก็ไม่รู้ว่าพระเอกไม่สนใจเรื่องบ้านเมืองแว้ว ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้สนใจมาตั้งแต่แรก ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่ออยากให้เมียเห็นแล้วกลับมาเฉยๆ แต่คนอื่นไม่รู้ จึงระแวงกลัวว่าพระเอกจะก่อกบฏยึดบัลลังก์อยู่ตลอด

พอแน่ใจว่านี่เมียเรา ทว่านางเอกกลับไม่ยอมรับว่าตัวเองคือเมียพี่ ยังไม่เชื่อเท่าไรด้วยว่าพระเอกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีตเลย จนพระเอกต้องพาไปพบตัวร้ายที่ทำถึงได้เชื่อ
แต่ก็ยังไม่ยอมกลับมาอยู่ด้วยอยู่ดี ขอ
ให้ต่างคนต่างอยู่แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่พระเอกไม่ยอมม จะชาตินี้ชาติหน้าหรือชาติไหนๆ เจ้าก็ต้องเป็นเมียข้าเท่านั้น
สุดท้ายก็ไปบีบให้ไทเฮายกเลิกการหมั้นหมายของนางเอกกับพระรอง
และให้พระราชทานสมรสให้ตนกับนางเอกแทน แลกกับการที่ตนจะไปรับตำแหน่งที่ชายแดนไม่กลับเมืองหลวงอีกเลยชั่วชีวิต...

สุดท้ายนางเอกก็ต้องยอม เพราะพระเอกมัดมือชกขอพระราชทานสมรสแล้วอะ 55
บวกกับลึกๆ ก็ยังตัดไม่ขาด ยังรักพระเอกอยู่เหมือนกัน ส่วนพระรองก็ยอมถอยให้เพราะนางเอกเล่าความจริงให้ฟังว่าตนเป็นใคร...จบแฮปปี้ มหากาพย์ความเข้าใจผิด และการตามหาเมียของพระเอก 55

จะเล่ายังไงไม่ให้สปอยล์...มันต้องสปอยล์อะ..เริ่ม!
ตอนแรกที่อ่านคำโปรยเรื่องนี้ก็คิดอยู่ว่าต้องมีซัมติงอะไรแน่ๆ แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย
คนที่ทำก็ร้ายจริงๆ เล่นใหญ่มาก คลั่งรักอยากได้พระเอกมากก เป็นคนกุเรื่องวางแผนทุกอย่างตั้งแต่เรื่องท้อง เรื่องวางยาจับนางเอกส่งเข้าวัง ไปจนถึงปลอมลายมือนางเอกแล้วเขียนหนังสือหย่าส่งให้พระเอกด้วย พระเอกก็เชื่อเพราะลายมือเหมือนของเมียเปี๊ยบ
บวกกับคำพูดในจดหมายก็เป็นคำที่พระ-นางรู้กันแค่ 
คน (ไม่รู้ว่านางเอกเอาไปเล่าให้เพื่อนสนิทฟังด้วย) แถมที่ผ่านมาลึกๆ พระเอกก็ไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองเลย
กลัวอยู่ตลอดว่านางเอกจะทิ้งและกลับไปหาคู่หมั้นเก่า พอเห็นในจดหมายนั้นเขียนว่าจะกลับไปหาคู่หมั้นเก่า ก็เลยปักใจเชื่อไม่ได้ไตร่ตรองทบทวนดีๆ

ส่วนนางเอกก็ไม่ได้เชื่อใจในตัวพระเอกมากพอเช่นกัน ด้วยความที่อายุยังน้อย ไม่ค่อยฉลาด หูเบา ชอบเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง มองคนไม่ออก(ในชาติก่อน) ก็เลยเชื่อหมดใจว่าพระเอกกับเพื่อนมีอะไรกันจริงๆ คิดว่าพระเอกเป็นคนทำทุกอย่างและก็โกรธแค้นเรื่อยมาจนถึงชาตินี้ ....กว่าจะรู้ความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทุกอย่างก็เล่ม 
3
ทั้งที่ความจริงก็มีแบบเอ๊ะๆ คิดว่าหรือตนจะเข้าใจผิด หรือพระเอกจะไม่ได้ทำ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าสร้างเรื่องและทำได้ถึงขนาดนี้   ...สรุปโดนหลอกกันหมด


- พอนางเอกหายไป พระเอกถึงได้รู้ความจริงจากปากสาวใช้ ว่าลับหลังตน แม่กับน้องสาวปฏิบัติกับนางเอกยังไง ก็เลยเย็นชาไม่สนใจทั้งคู่อีกเลย ( พระเอกเป็นคนเย็นชามากก ชีวิตจืดชืดน่าเบื่อ มีแต่การอ่านหนังสือสอบ เชื่อฟังแม่ทุกอย่าง พอมีนางเอกเข้ามาโลกของพี่แกถึงได้สดใสมีสีสัน นางเอกจึงเป็นเหมือนแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตพี่แก พระเอกแอบไปรับจ้างคัดลอกพระสูตร ขายภาพวาดตัวอักษรข้างทางเพื่อหาเงินมาซื้อของให้เมียเอง
เพราะเงินส่วนใหญ่อยู่ที่แม่ แต่เวลามีของดีๆ อะไรก็จะให้แม่ก่อน คือเป็นลูกกตัญญูมาก
เพียงแค่หวังว่าแม่จะดีกับคนที่ตนรักบ้าง ดังนั้นพอรู้ว่าลับหลังแม่
+น้องรังแกเมียตัวเองยังไง พระเอกจากเดิมที่เย็นชาอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งเย็นชามากกว่าเดิม กู่ไม่กลับแล้ว )

- ส่วนย่ากับพ่อในชาติใหม่ของนางเอก ก็สนแต่ชื่อเสียงและเกียรติยศของวงศ์ตระกูล
ที่โปรดปรานนางเอกก็เพราะเห็นว่าเชื่อฟังรู้ความ ต่อไปจะต้องทำประโยชน์และเกื้อหนุนตระกูลได้แน่ๆ เลยดีด้วย แต่พอรู้ว่าหลังจากนางเอกแต่งงานต้องตามพระเอกไปอยู่ที่ชายแดน ย่ากับพ่อก็เซ็ง รู้สึกว่าเลี้ยงมาเสียข้าวสุก ไม่มีความห่วงใยใดๆ ทั้งสิ้น
หมดประโยชน์แล้ว มีแต่แม่เท่านั้นที่รักและเป็นห่วงนางเอกจากใจจริง