วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

Salad Days

 

Salad Days (เล่มเดียวจบ) / ผู้แต่ง : จิ้งสุ่ยเปียน
ผู้แปล : ไรเทีย
สำนักพิมพ์ Angpao Books

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นายเอก เจียงเซิน เป็นเด็กชนบทที่ฐานะทางบ้านยากจน ได้เข้าโรงเรียนตอนอายุ 9 ขวบ
และต้องช่วยที่บ้านทำงานตั้งแต่เด็ก
อย่างเช่นปลูกข้าว ดำนา เลี้ยงไก่ จับปลา หาไข่ในป่า
วิถีชีวิตคนชนบทขนานแท้
 ...ตอนที่เข้าไปส่งของในเมืองกับแม่ นายเอกบังเอิญไปเห็นคนเต้นบัลเล่ต์แล้วเกิดสนใจ แม่นายเอกเห็นลูกชอบก็เลยตัดสินใจกัดฟันส่งไปเรียน
ขณะที่เรียนนายเอกก็ได้รู้จักกับ ไป๋จิ่นอี เพื่อนใหม่ที่เป็นคุณชายน้อยทายาทมหาเศรษฐี
ซึ่งมีอายุพอๆ กับตัวเองและมาเรียนชกมวยอยู่ที่ห้องข้างๆ
เนื่องจากเป็นลูกคนรวย พระเอกจึงมักถูกเด็กในห้องเรียนมวยแซะเหน็บเรื่องฐานะ
แต่พระเอกก็ไม่แคร์ เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร จุดมุ่งหมายอยู่ที่ไหน
ใครจะพูดจะว่ายังไงก็ไม่สน 

เมื่อพระ-นายกลายมาเป็นเพื่อนกัน พระเอกก็ชอบเรียกนายเอกว่า หงส์น้อย และชอบซื้อของดีๆ มาให้นายเอกอยู่บ่อยๆ เช่นเนื้อสไลด์(มาแลกกับไข่ต้มของนายเอก) มือถือ เสื้อผ้าหรือรองเท้าบัลเล่ต์เป็นต้น ส่วนนายเอกเมื่อเขาให้มาเราก็ต้องให้กลับ ก็จะตอบแทนกลับไปด้วยผลผลิตจากในท้องถิ่น เป็นของที่บ้านตัวเองทำหรือที่หาได้ อย่างเช่นสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกเอง ปูขน+กุ้งเครฟิชที่จับได้เอง หรือชาที่ทำเองอะไรแบบนี้

เมื่อพี่กับเพื่อนสนิทแถวบ้านรู้ว่านายเอกกำลังเรียนบัลเล่ต์ และต้องกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงร่างกายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทุกคนก็พร้อมใจกันแบ่งอาหารเช้า-กลางวันของตัวเองมาให้นายเอกกิน พอเห็นว่ารองเท้าบัลเล่ต์ของนายเอกใส่ไม่ค่อยพอดีแล้ว ก็ไปแอบซื้อให้ใหม่แต่ไม่บอกตรงๆ อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจดี ที่นายเอกมีแต่คนดีๆ คอยช่วยเหลือและดูแลเสมอ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แม้แต่คุณปู่ร้านหนังสือก็ยังยินดีปิดร้านช้าเพื่อเปิดไฟรอให้นายเอกกลับมาหลังจากเลิกเรียน 

เพราะมีพรสวรรค์ในการเต้น บวกกับความขยันหมั่นเพียรและการฝึกซ้อมอย่างหนัก
อาจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการบัลเล่ต์จึงสนใจอยากให้นายเอกมาเรียนที่สถาบันของตน...
นายเอกจึงย้ายไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้และพักอาศัยอยู่กับพระเอก คนหนึ่งเต้นบัลเล่ต์ คนหนึ่งชกมวย ต่างคนก็ต่างฝึกซ้อมและทำหน้าที่ของตัวเองไป แต่หากใครมีนัดลงแข่งหรือมีการแสดง อีกฝ่ายก็จะต้องตามไปดูเพื่อคอยให้กำลังใจกันเสมอ

ต่อมาพระเอกก็มีแพลนจะไปเข้าค่ายมวยที่อเมริกา นายเอกจึงเต้นให้พระเอกดูเพื่อสารภาพความในใจ แล้วก็ตกลงคบกันอย่างเป็นทางการ...
หลังจากนั้นนายเอกก็ตามไปเที่ยวที่นั่นและได้อยู่ยาว เพราะต้องลงแข่งรายการระดับนานาชาติพอดี...พอคว้าแชมป์รายการนี้มาได้ ก็ได้เวลาเดินสายตระเวนไปแข่งขันรอบโลกแล้วทีนี้

แต่ถึงจะซ้อมหนักและยุ่งแค่ไหน พระ-นายก็ยังคงเข้าใจกัน คอยเป็นกำลังใจและช่วยสนับสนุนความฝันของกันและกันเสมอ ไม่มีการทะเลาะหรือดราม่าใดๆ มาให้วุ่นวายใจทั้งสิ้น
เรื่องฐานะความรวยความจนอะไรก็ไม่เป็นปัญหา นายเอกก็ไม่ได้รู้สึกว่าการที่ตัวเองจน
ส่วนพระเอกรวยนั้นจะเป็นอุปสรรคอะไร น้องไม่เคยดูถูกตัวเอง ทั้งมองโลกในแง่ดี
คนรอบข้างสังคมที่โตมาของน้องก็มีแต่คนดีๆ แถมยังไม่มีใครขัดขวางความรักของทั้งสองคนเลยด้วย 
...นายเอกเป็นคนโชคดีมากนะ ถึงบ้านจะจน แต่พ่อ-แม่ก็ยังพยายามหาเงินมาส่งให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ประกอบกับนิสัยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่คิดมาก ไปที่ไหนจึงมีแต่คนรักและเอ็นดู มีกัลยาณมิตรที่ดีคอยจุนเจือให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอด เหมือนเป็นลูกรักของพระเจ้าเลยก็ว่าได้ 55

ความรักหวานละมุน หวานกำลังดี ไม่ต้องพูดเยอะแต่ดูที่การกระทำ ง่ายๆ แต่กินใจ
ความรู้สึกค่อยๆ ก่อตัวและเปลี่ยนเป็นความรัก
พระเอกดูแลเอาใจใส่นายเอกอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ประหนึ่งภรรยาตัวน้อยของบ้านก็ไม่ปาน 55
อย่างตอนที่นายเอกมาบ้านพี่แกที่เซี่ยงไฮ้ พระเอกเห็นนายเอกต้องไปฝึกซ้อมที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็ไม่พอใจ เพราะสนามหญ้ามีหินเยอะ กลัวเท้านายเอกจะได้รับบาดเจ็บ(เพราะเท้าคือชีวิตของนักบัลเล่ต์) ก็สั่งให้คนจัดห้องซ้อมให้นายเอกใหม่พร้อมปูพรมอย่างดี

อย่างลูกเจี๊ยบที่นายเอกให้มา พี่ก็เลี้ยงอย่างดีจนกลายเป็นไก่อ้วนไฮโซ (มีผ้าพันคอแบรนด์เนมผูกคอด้วยนะ) เป็นเหมือนลูกชายคนที่สองของบ้านเพราะถูกแม่พระเอกสปอยล์ 55
และมีตอนที่นายเอกออกงานแสดงในโชว์ของรุ่นพี่ครั้งแรก หลังแสดงจบทุกคนได้ดอกไม้
แต่นายเอกไม่ได้ เพราะเป็นเด็กใหม่ยังไม่มีใครรู้จัก พอพระเอกรู้ก็รีบสั่งให้คนนำดอกไม้มาส่งให้ แล้วคือไม่ได้สั่งมาเป็นช่อนะ แต่มาเป็นซุ้มประตูใหญ่วางตรงทางเข้าเลยจ้า
อลังการมาก 
55

แนว Feel Good อบอุ่นหัวใจ ได้เห็นพัฒนาการการเติบโตของพระ-นายตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่เริ่มไล่ตามความฝันไปจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จ ถึงจะเจออุปสรรคหรือปัญหาระหว่างทางแต่สุดท้ายก็ผ่านมันไปได้เสมอ แอบซูอยู่เหมือนกัน
เพราะเอาจริงๆ ก็แทบไม่มีอุปสรรคหรือดราม่าอะไรหรอก พระเอกก็เป้าหมายชัดเจนมาตั้งแต่เด็ก ก็มุ่งมั่นฝึกซ้อมก้าวไปทีละก้าวจนได้ไปถึงจุดนั้น
ส่วนนายเอกรู้เพียงว่าตนชอบเต้นบัลเล่ต์แต่ยังไม่มีจุดหมายที่แน่ชัด แต่ความชอบบวกกับความพยายามฝึกฝนอย่างหนัก สุดท้ายมันก็นำพาให้น้องก้าวไปไกลจนถึงระดับโลกเลย
คือสุดท้ายมันก็มีทางไปของมันเองอะ...


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น