วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

อาจารย์ข้าน่ารังแกที่สุด!




อาจารย์ข้าน่ารังแกที่สุด! / ผู้แต่ง : ชิวรั่วเยีย 秋若耶
ผู้แปล : กวงซิน
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
ฉืออิ๋ง รัชทายาทหรือว่าที่จักรพรรดินีคนต่อไป (เรื่องนี้สตรีเป็นผู้ปกครองแผ่นดินจ้า)  
นิสัยเอาแต่ใจ ซุกซน แสบเหลือหลาย ชอบกินชอบเล่นเป็นที่สุด แม้จะมีตำแหน่งเป็นถึงรัชทายาทแต่นิสัยอีกด้านกลับใสซื่อบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา เพราะถูกพ่อเลี้ยงดูมาแบบตามใจให้อยู่แต่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่รู้ถึงความโหดร้ายสกปรกโสมมของโลกภายนอก ....
เพราะถูกบันทึกว่าเป็นดาวหายนะ นางเอกจึงโกรธแค้น ไป๋สิงเจี่ยน หัวหน้าสำนักหลันไถผู้ดำรงตำแหน่งอาลักษณ์ หรืออาจารย์ของตนเองเป็นอย่างมาก จนต้องคอยวางแผนหาเรื่องกลั่นแกล้งอีกฝ่ายเสมอ แต่ทำม๊ายยยทำไมจนแล้วจนรอดคนผู้นั้นก็ยังอยู่ดี แต่กลับเป็นตัวนางซะอีกที่ต้องเพลี่ยงพลั้งกลับไปทุกครา

ไป๋สิงเจี่ยน หัวหน้าสำนักหลันไถ อาลักษณ์ผู้จดบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมา
จนสร้างหนี้แค้นไปทั่ว 55 เพราะครอบครัวถูกฆ่าจึงทำให้เขาต้องดั้นด้นพาร่างที่บาดเจ็บหนีมา
เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมที่เมืองหลวง อดีตคุณชายตระกูลหมอชื่อดังต้องกลายเป็นคนพิการ 
ต้องใช้ชีวิตอย่างอดทนอดกลั้นเพื่อรอวันสะสางหนี้แค้นของตระกูล 

เพราะนิสัยเย็นชา ตรงไปตรงมาทำอะไรไม่เคยไว้หน้าใครของพระเอก บวกกับตำแหน่งอาลักษณ์ที่ต้องจดบันทึกเรื่องราวในประวัติศาสตร์ จึงทำให้พระเอกรู้จุดอ่อนของขุนนางทุกคนรวมถึงจักพรรดินีด้วย ดังนั้นแม้เหล่าขุนนางทั้งหลายจะแค้นพระเอกแทบตาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะถูกกุมจุดอ่อนเอาไว้หมดแล้ว จะมีก็แต่นางเอกนี่แหละที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยังคอยตามหาเรื่องเล่นงานคนเขาไม่หยุดหย่อน ในขณะที่คนอื่นๆ พอเห็นพระเอกเมื่อไรก็ต้องรีบหลบรีบหนีไปให้ไกลๆ แต่นางเอกกลับวิ่งเข้าใส่และตามติดเหมือนข้าวเหนียวไปที่ไหนก็เจอ 55

นางเอกเรื่องนี้พลังทำลายล้างสูงมาก สมกับที่ถูกเรียกว่าดาวหายนะ ไปที่ไหนก็สร้างแต่ความปั่นป่วนวุ่นวายให้เขาไปหมด  แต่จะจับโยนออกไปก็ไม่ได้ จะทำอะไรรุนแรงก็คงไม่ดี เพราะนางดันมีฐานะเป็นถึงองค์หญิงของแคว้น น่าสงสารพระเอกจริงๆ ขาก็ไม่ค่อยดี แล้วยังต้องมาคอยปรนนิบัติรับมือกับนางหนูเอาแต่ใจนี่อีก55 ....ทว่าพอแกล้งมากๆ เข้า ไอ้ความเกลียดที่ว่าก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นความสงสาร ความห่วงใยและความรัก  จากที่คิดอยากแกล้งก็กลายเป็นอยากไปอยู่ใกล้ๆ แทน 
ทว่านางเอกที่ยังเด็กก็ไม่เข้าใจ ยังหลงนึกว่านั่นคือความเกลียด แต่คนอื่นๆ คือมองออกหมดแล้วน
พ่อกับแม่ก็ช่างแสนดีเปิดโอกาสให้ลูกไปหาคำตอบด้วยตัวเองว่าจะไปต่อหรือจะหยุด ถ้าไปต่อก็ต้องสละตำแหน่งเนื่องจากพระเอกพิการ คงไม่อาจดำรงตำแหน่งเป็นเฟิ่งจวินได้ หรือสามีของจักรพรรดินีได้   ส่วนพระเอกก็ตั้งใจว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่แต่งงาน เนื่องจากร่างกายพิการ ประกอบกับมีหนี้แค้นที่ยังต้องชำระจัดการอยู่ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่ายิ่งตัวเองพยายามหนี สาวเจ้ากลับยิ่งตาม ...ใจที่แข็งเหมือนหินผาจึงค่อยๆ ถูกกระเทาะจนบางลงเรื่อยๆ และผลสุดท้ายอารมณ์ที่เพียรพยายามสะกดกลั้นมาตลอดก็พังทลาย....

ชอบเรื่องนี้ เราว่าสำนักพิมพ์แปลดีอะ เพราะปกติไม่ค่อยชอบนางเอกนิสัยแบบนี้นะเนี่ย  แต่เรื่องนี้แปลนิสัยของนางเอกออกมาได้น่ารักมาก อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกว่าน่ารำคาญเลย โกรธไม่ลง อ่านแล้วตลกอะ มีแต่สายฮา ทั้งเรื่องคงมีแค่พระเอกคนเดียวที่จริงจัง55
ส่วนบทหวานก็มีแทรกเข้ามาเรื่อยๆ อยู่นะ เพียงแต่แสดงออกโดยการกระทำไม่ได้ใช้คำพูดเฉยๆ 
อย่างตอนที่นางเอกถูกยุงกัดแล้วไม่ยอมทายาเองเพราะเหม็น พระเอกก็พับขากางเกงแล้วทาให้ 
หรือตอนที่ไม่ใส่รองเท้าเพราะมันเปียก พระเอกก็มาจับเท้าวัดแล้วไปสั่งตัดให้ใหม่เลย หรือตอนที่รู้ว่านางเอกกินดุหิวได้ตลอดดวลา พระเอกก็ไปเก็บผักมาล้างเตรียมไว้ให้โดยไม่ต้องบอก (ไม่งั้นสาวเจ้าถอนมาจากดินแล้วกินสดๆ เลยจ้า55) เวลาร้อนก็พัดให้ ไม่มีการหอมจูบแต่เราว่ามันหวานอยู่นะ 
นางเอกก็ค่อยๆ โต ปรับตัวเรียนรู้ไป อย่างตอนที่ถูกพิษจนตาบอดเราว่านางเอกก็รับมือได้ดีมาก 
ไม่ได้สติแตกโวยวายหรือเศร้าซึม ก็ยังมีความสุขและสนุกกับชีวิตได้เหมือนเดิม 
ชอบตอนจบแม้ว่าจะรวบรัดไปหน่อย ปมหนี้แค้นของพระเอกก็ยังไม่ค่อยเคลียร์เท่าไร  
ขนาดหนังสือหนามากมีตั้ง 600 หน้า แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ 55+ ....
แต่ชอบฉากจบ ตอนที่พ่อตากับลูกเขยต้องเผชิญหน้ากัน ชอบตอนที่พ่อนางเอกเห็นหน้าหลานแล้วถามว่า “ บอกตาสิ พ่อสารเลวของเจ้าเป็นผู้ใด”  ท่านพ่อแค้นมากกกก ความแค้นที่ชิงตัวบุตรสาวไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้นะจ๊ะ 55+


วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

นวลหยกงาม เล่ม 1-5


นวลหยกงาม เล่ม 1-5 (15 เล่มจบ) / ผู้แต่ง : ซานเยวี่ยกั่ว
ผู้แปล : Honey Toast
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

อี๋อวี้ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ตายแล้ววิญญาณทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ หลูอี๋อวี้ 
เด็กหญิงอายุ 4 ขวบที่มีสติปัญญาไม่สมประกอบ ไม่อาจพูดจาสื่อสารหรือกลั้นปัสสาวะอุจจาระได้ 
บุตรสาวคนสุดท้องของหลูซื่อ หญิงหม้ายในชนบทที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังถึง 3 คน 
ในชาติก่อนนางเอกเป็นเด็กกำพร้า และเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า 
ทั้งหน้าตาและสติปัญญาจัดอยู่ในระดับธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น 
แต่พอทะลุมิติมาทุกสิ่งก็อัพเลเวลขึ้น  หน้าตาจิ้มลิ้มบอกเค้าสาวงามตั้งแต่วัยเยาว์ 
หัวสมองที่เคยเชื่องช้าธรรมดาก็เปลี่ยนกลายเป็นฉลาดเฉลียว
ไม่ว่าอ่านอะไรก็สามารถจำได้ภายในรอบเดียว 
แถมเลือดภายในร่างกายก็ยังมีสรรพคุณช่วยเร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้ได้อีกด้วย 
จากคนเงียบๆขาดความมั่นใจ ไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะตัวคนเดียวและเป็นเด็กกำพร้า 
แต่เพราะความรักความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่จากคนในครอบครัวในชาตินี้ 
จึงทำให้นางเอกค่อยๆสลัดปมในใจและกลายเป็นคนที่สดใสร่าเริง

ครอบครัวนางเอกเดิมเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ แต่เพราะไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์
แม่ของนางเอกจึงต้องกลายเป็นหมากบนกระดานอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ 
ได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจต่างๆมากมาย..สามีที่เคยรับปากว่าจะไม่มีหญิงอื่นก็หลงอนุทอดทิ้งไม่ใยดี 
ครอบครัวเดิมตัดสัมพันธ์ไมตรี หัวเดียวกระเทียมลีบไร้ที่พึ่งพิงปราศจากคนหนุนหลัง 
กระทั่งลูกชายคนโตก็ยังถูกใส่ร้ายจนเกือบตาย สุดท้ายท่านแม่ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจหอบลูกๆหนีออกมาใช้ชีวิตตกระกำลำบากอยู่ข้างนอกแทน  สองเล่มแรกจะเป็นช่วงใช้ชีวิตอยู่ในชนบท 
สี่คนแม่ลูกสกุลหลูต้องช่วยกันทำมาหากินเพื่อให้ได้อิ่มท้อง 
หลูจื้อพี่ชายคนโตต้องออกไปเลี้ยงวัวพลางอ่านหนังสือไปพลาง ไม่ได้เล่าเรียนในสำนักศึกษาเพราะยากจน หลูจวิ้นพี่ชายคนรองถนัดใช้แรงก็คอยหาบน้ำช่วยทำนา แต่ละวันต้องวิ่งไปกลับหลายกิโลเพื่อเรียนวรยุทธ์ ส่วนนางเอกกับแม่ก็อยู่บ้านช่วยกันปักผ้าเพื่อหารายได้อีกทาง 
แต่ด้วยความรู้จากยุคปัจจุบันของนางเอก เพียงไม่นานก็สามารถช่วยให้ที่บ้านมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการทำขนมออกขาย

รายได้เริ่มดีทุกอย่างกำลังไปได้สวย เดิมทีคิดว่าคงได้อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ไปเรื่อยๆจนพี่ชายสอบเสร็จกลับมา แต่เหมือนสวรรค์จะไม่เห็นด้วย จึงส่งมารผจญคนขี้อิจฉามาสร้างเรื่องก่อปัญหา 
หวังใช้โอกาสที่พี่ชายไม่อยู่บ้านจับแม่นางเอกแต่งงานใหม่ สองแม่ลูกจึงต้องพากันหนีออกมา  
และได้ไปเจอกับพระเอกที่เดินทางผ่านมาช่วยเข้าไว้พอดี ...

หลังจากที่หนีออกมาได้ก็ต้องเริ่มสร้างทุกอย่างใหม่หมดอีกครั้ง 
สองแม่ลูกต้องช่วยกันทำขนมออกขาย และค่อยๆเก็บเล็กผสมน้อยจนค่อยๆเริ่มมีฐานะขึ้น 
ระหว่างนั้นพี่ชายที่ได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาก็เริ่มฉายแววโดดเด่นเป็นที่รู้จัก 
แต่ด้วยความขี้อวดน้องสาวของพี่คนรอง จึงทำให้นางเอกต้องตกเป็นเป้าขององค์หญิงเกาหยาง
แบบงงๆ แบบอยู่เฉยๆก็โดนเกลียดโดนวางแผนเล่นงานเฉยเลย 
ทว่าแม้จะโชคร้ายถูกวางแผนเล่นงานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด 
แต่นั่นก็ทำให้นางเอกได้แสดงความสามารถ จนได้รับการเสนอชื่อให้เข้าเรียนในสำนักซูเสวีย 
หนึ่งในสำนักชื่อดังของเมืองหลวงด้วยเช่นกัน

แต่พอเข้าไปอยู่ในสำนักศึกษา นางเอกก็กลายเป็นเป้าถูกคนรังแกอีกแล้ว
แบบยิ่งเก่งก็ยิ่งถูกเกลียดขี้หน้า เพียงเพราะเป็นสามัญชนไม่ได้มาจากตระกูลขุนนางใหญ่  
โดยมีคุณหนูใหญ่ตระกูลจ่างซุน ที่ภายนอกดูอ่อนโยนเป็นคนดีแต่ข้างในร้ายลึกเหมือนงูพิษ
เป็นแกนนำพรรคคอยยุยงวางแผน...ตอนแรกนางเอกก็พยามยามอยู่เงียบๆยอมๆไป
เพราะไม่อยากมีปัญหากับใคร เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่กลายเป็นว่ายิ่งหลบกลับยิ่งเจอ 
สุดท้ายเลยต้องสู้ตอบโต้กลับไปบ้าง 
ส่วนพี่ชายก็พยายามปกป้องน้องแล้วนะ แต่เพราะไม่สามารถอยู่ด้วยกันตลอดเวลาได้ 
น้องจึงจำต้องหัดยืนหยัดด้วยตัวเอง โดยมีพี่ชายอยู่ข้างๆคอยหนุนหลังให้คำปรึกษา 
และมีพระเอกคอยแอบช่วย แอบตามไปเก็บจัดการให้ทีหลัง

นอกจากเรื่องวุ่นๆในสำนักศึกษา นางเอกก็ยังต้องเข้าไปพัวพันกับพระเอกเพราะเรื่องถอนพิษอีกด้วย ทำให้พระ-นางมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่กว่าจะรู้ตัวว่าชอบจริงๆก็ปาไปเล่ม 5 ได้
พระเอกเป็นองค์ชายสี่ ที่กำพร้าแม่แต่ได้รับความโปรดปรานจากพ่อ เป็นคนเย็นชาไม่ค่อยพูด
และเพราะถูกพิษจึงทำให้สีดวงตาเปลี่ยนกลายเป็นสีเขียว 
พระเอกไม่เคยรักใครมาก่อนจึงไม่รู้ว่าจริงๆตัวเองชอบนางเอกมานานแล้ว 
คือเห็นนางเอกพูดคุยยิ้มกับหนุ่มอื่นก็อึดอัดตรงอก 
นอกจากพี่ชายแล้ว หากหนุ่มไหนเข้าใกล้หรือให้ของนางเอก พี่แกก็แปลบๆในใจ 
แต่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร ไม่รู้ ไม่เคยรักใคร 55  
ส่วนพี่ชายนางเอกนี่รู้ทันจ้า มองออกนานแล้ว...ฮึฮึ 
ก็พยายามเตือนน้องให้อยู่ห่างๆ ไม่ให้เข้าไปสนิทสนมกับอีกฝ่ายมาก 
เพราะกลัวน้องถูกหลอกใช้เป็นหมากบนกระดาน (พวกองค์ชายมานไว้ใจม่ายล่ายยย)  
แต่ในเมื่อมีเรื่องให้อยู่ใกล้กันทุกวันขนาดนี้ สายเปย์ขนาดนี้ ดูแลดีแบบนี้แล้วใครจะอดใจไหว 
ทว่าสุดท้ายนางเอกก็ต้องถอยเพราะพระเอกทำอะไรคลุมเครือ 
ทำเหมือนชอบแต่ลับหลังกลับไปหมั้นหมายกับคนอื่นซะอย่างงั้น ..เหอๆ 
นางเอกเลยตัดใจเพราะไม่อยากใช้สามีร่วมกับใคร  ไม่อยากเสียใจเหมือนแม่ตัวเอง

เล่ม 3-5 นางเอกอีเว้นท์เยอะมากจ้า งานเข้าตลอด เดี๋ยวก็ถูกคนนู้นคนนี้จับตัวไป 
เนื้อหอมมากไม่ได้หยุดพักเลย มีเรื่องการแข่งขันประชันศาสตร์ของสำนักศึกษาที่ถูกเสนอชื่อให้เข้าร่วมแข่ง ซึ่งก็อย่าหวังว่าจะได้แข่งอย่างราบรื่นเลย เพราะมีพวกตัวร้ายๆคอยวางแผนคิดหาทางให้นางเอกพ่ายแพ้อับอายขายขี้หน้าอยู่ตลอด(สงสัยจะว่างมาก) 
มาอยู่สำนักศึกษานี่เหมือนเข้ามาเพื่อฝึกฝนรับมือเรื่องพวกนี้โดยเฉพาะ เรื่องเรียนเป็นเรื่องรอง 
ที่เหลือก็คอยรับมือกับพวกคุณหนูวุ่นวายกับคุณชายเย็นชานี่แหละ55 
นี่ขนาดเพิ่งอายุ 12-13 ยังอยู่แค่ในสำนักศึกษากันนะ ถ้าโตกว่านี้นี่ไม่อยากจะคิดเลย55 
แล้วไหนจะเรื่องพ่อกับตาที่รู้แล้วว่าพวกนางเอก 4 คนแม่ลูกยังมีชีวิตอยู่ 
ก็พยายามจะดึงคนเขากลับเข้าตระกูลตัวเองให้ได้ ฝั่งตาบอกเหตุผลแล้วพอให้อภัยได้ 
แต่ฝั่งพ่อนี่ขอเบ้ปากกรอกตายิ่งพอเจอลูก+เมียอนุแล้วยิ่งขอบาย ไม่รู้ว่าที่พ่ออธิบายมาเป็นความจริงหรือหลอก แต่ไม่ว่าจริงหรือเท็จสรุปแล้วก็ไม่มีใครอยากกลับไปอยู่บ้านพ่ออยู่ดี

ใครๆก็อิจฉาที่แม่นางเอกมีลูกดี ได้เรื่อง เก่งกันทั้ง 3 คน (ฝั่งพ่อเลยอยากได้ลูกคืนเพราะพี่นางเอกกับนางเอกเก่งและโดดเด่นมาก ส่วนลูกสาวที่เกิดจากอนุของตัวเองก็...) 
แต่บ้านนางเอก 4 คนสุดท้ายก็ไม่ได้กลับไปจ้า อิพ่อเงิบแต่ทำไรไม่ได้ 
ส่วนอนุพ่อปากว่าเสียใจแต่ข้างในนี่ตีปีกพั่บๆ ไม่อยากให้พวกลูกเมียเอกกลับมาใจจะขาด 
กว่าจะแย่งสามีคนอื่นมาได้นี่ไม่ง่ายเลย ไม่ยอมหรอกเน้อเสียทองเท่าหัวแต่จะไม่ยอมเสีย..ให้ใคร55 (ไม่รู้ว่าพ่อนางเอกรู้ไหมว่าอนุสุดที่รักของตัวเองลึกๆเป็นคนยังไง? เป็นสายให้ใคร?

ปมเยอะมากจ้าบอกเลย ทั้งเรื่องบ้านนางเอกเอง เรื่องการแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชาย 
เรื่องขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวต่างๆ แล้วไหนจะตัวละครที่ออกมาแล้วแต่ยังมีบทไม่มาก
แต่ดูแล้วคาดว่าต้องมีซัมติงแน่นอน  ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตั้ง
15 เล่มจบ ปมเยอะจริงๆ 
บรรยายละเอียดด้วย  เริ่มตั้งแต่เด็กจนโต อยู่ในชนบทจนเข้าเมืองหลวงและเข้าเรียน
จบเล่ม 5 นางเอกยังอายุแค่ 13 อยู่เลย  (พระเอกต้องใจเย็นนิสสสสนึงง) 
ศัตรูก็เยอะต้องฟาดฟันกันอีกเยอะอีกนาน เล่มแรกก็กับคนในหมู่บ้าน กับขุนนางเล็กๆในอำเภอ 
พอเข้าเมืองก็เริ่มพบเจอกับคนระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคุณหนูคุณชาย องค์ชายองค์หญิง 
ทั้งฝั่งพ่อที่เป็นขุนนางใหญ่ซึ่งมีฮ่องเต้หนุน รวมถึงพวกที่อยู่ในที่ลับแต่ยังไม่เปิดเผยตัวออกมา 
แล้วยิ่งตอนนี้นางเอกก็ดันมีความสามารถพิเศษในการแก้พิษยากๆได้เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง  
เดี๋ยวก็ต้องมีคนมาตามล่าเพิ่มอีกแน่ๆ เชื่อเราสิ..หึหึ

ตัวละครเยอะมากจ้า มีที่เด่นๆน่าสนใจหลายคนเลย แต่บอกได้ไม่หมดต้องไปอ่านเองน๊า 
แต่ที่เราชอบสุดก็คือพี่ชายคนโตของนางเอกจ้า ออกเยอะมาก มากกว่าพระเอกอีก55  
เป็นคนที่ฉลาดเฉลียวมากๆ เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการพอๆกับพระเอกเลย  รักแม่กับน้องมาก 
เป็นผู้ใหญ่เกินวัยตั้งแต่เด็กเพราะเจ็บมาเยอะ ปากไม่พูดแต่ใจพี่ชายนี่เจ็บปวดมาก 
เจ็บที่เห็นแม่ต้องทุกข์ใจเพราะพ่อและอนุ เจ็บที่พ่อไม่เชื่อใจถือดาบจะฟัน 
เจ็บที่น้องสาวคนเล็กต้องเกิดมาปัญญาอ่อนและไม่มีเงินรักษา 
เจ็บที่เห็นแม่กับน้องต้องคอยวิ่งหลบเจ้าหน้าที่เวลาเอาขนมไปขาย แต่พูดอะไรไม่ได้ 
เจ็บที่พ่อกับตาทอดทิ้งพวกเขา เจ็บที่ทุกคนเอาพวกเขา 4 คนแม่ลูกไปเป็นหมาก  
พอเข้าเรียนในสำนักศึกษาได้ พี่ชายจึงเริ่มสร้างเครือข่ายขยายอิทธิพลของตัวเองอย่างลับๆ  
แบบไม่ขอพึ่งพาหรือฝากความหวังไว้ที่ใครอื่นนอกจากตัวเอง 
เพื่อจะได้ปกป้องแม่และน้องๆไม่ให้ต้องกลายเป็นหมากของใครอีกต่อไป 
รวมถึงแก้แค้นทุกคนที่เคยทำร้ายครอบครัวพวกเขาในอดีตด้วย 
(เสียดายพี่คนรองที่หลังๆมานี้ไม่ค่อยมีบทเลย ไม่รู้ไปฝึกวรยุทธ์ถึงไหนไม่กลับมาสักที55)
.........................................................................................................

ปล. การแปลบางประโยคอ่านแล้วงงๆเหมือนวางสลับที่ บางจุดเหมือนตกคำเชื่อม
บางคำเยิ่นเย้อไปหน่อย อย่าง 'ยิ้มอย่างกว้างขวาง'  'ได้ยินอย่างละเอียดลออ' 

แล้วก็คร่าวๆประมาณนี้
 1.
'เฉินซวีเห็นผู้เป็นนายตื่นแล้ว ซึ่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆตลอดกุลีกุจอเข้าไปประคองนางลุกขึ้น..'
ควรจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า
 'เฉินซวีซึ่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆตลอดเห็นผู้เป็นนายตื่นแล้ว จึงกุลีกุจอเข้าไปประคองนางลุกขึ้น..'

2. จากเล่ม 3
'อีกทั้งเมื่อคืนรู้สึกใจคอไม่ดีวูบหนึ่ง เลยส่งหลูเย่ามาดูสถานการณ์ที่นี่ เช่นนั้นน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาก็คง....'
อันนี้ตกคำว่า "มิ" ไปหรือเปล่า

3. จากเล่ม 3
'ตอนรุ่งสางนางหลับไปโดยไม่รู้ตัว หลังชำระกายเสร็จก็ผล็อยหลับไปอีก ครั้งสุดท้ายพอร้องไห้เหมือนคนไร้สติต่อหน้าหลูจื้อ แล้วเป็นลมไปเลย....'
ควรจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า
'ครั้งสุดท้ายพอร้องไห้เหมือนคนไร้สติต่อหน้าหลูจื้อ ก็เป็นลมไปเลย....'



วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ลิ่วเหยา เล่ม 1


ลิ่วเหยา เล่ม 1 / ผู้แต่ง : Priest (พีต้า)
ผู้แปล : bou ptrn
สำนักพิมพ์  Rose Publishing

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)  


พอกล่าวถึงการลงเขา เพียงแค่นึกว่าจะต้องพกสัมภาระเท่าใด 
เหยียนเจิงหมิงก็ศีรษะใหญ่เป็นสองเท่า เส้นขี้เกียจทั่วร่างล้วนออกมาปรากฏตัว 
ฉุดรั้งฝีเท้าที่วิ่งไปข้างหน้าของเขาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
' ทัศนาจร '  สุดท้ายนายน้อยไตร่ตรองอย่างใจกว้าง
' ใครชอบไปก็ไป ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ไป .. คอขวดก็คอขวด ช่างหัวมันปะไร '

เฉิงเฉียน บุตรคนรองบ้านสกุลเฉิง นิสัยเงียบขรึมพูดน้อย ใจแคบ ชอบวางท่าเลียนแบบปัญญาชน 
แม้จะมีบิดามารดาและพี่น้อง แต่สถานะในบ้านกลับเหมือนบริกรหรือไม่ก็ข้ารับใช้ตัวน้อยมากกว่าบุตรชาย  ดังนั้นเมื่อรู้ว่าตนเองถูกบิดาขายให้กับผู้อื่นเขาจึงไม่ได้แปลกใจ
และตัดสินใจทันทีว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็จะไม่กลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก

เหยียนเจิงหมิง นายน้อยสกุลเหยียน ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์เอก บ่อเงินบ่อทองของสำนักฝูเหยา 
เพราะการถูกลักพาตัวในวัยเด็ก (ที่พี่แกทะเล่อทะล่าวิ่งหนีออกจากบ้านไปเอง55
จึงทำให้คุณชายน้อยจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นศิษย์สำนักฝูเหยา 
นับแต่นั้นสำนักฝูเหยาที่เคยยากจนข้นแค้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทองอีกต่อไป 55 
แม้จะเป็นถึงศิษย์เอกและศิษย์พี่ใหญ่ แต่เหยียนหมิงเจิงกลับเป็นคนรักสบาย เกลียดความลำบาก 
รักสวยรักงามไม่ชอบความสกปรก ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องมีบ่าวรับใช้รุมล้อมอยู่ข้างกายเป็นโขยง 
แต่เมื่อถึงคราวลำบาก ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ศิษย์พี่ที่ดูไม่เอาไหนคนนี้กลับไม่เคยลังเลที่จะยืนอยู่ข้างหน้าและเป็นที่พึ่งพาของทุกคน

หานยวน ศิษย์น้องสี่ อดีตยาจกน้อยที่เก็บตกได้ระหว่างเดินทางกลับสำนัก 
นิสัยเกียจคร้าน ช่างคุยขี้ประจบ รักสนุกชอบกินชอบเล่น แต่ถนัดเรื่องการสืบข่าวหาข้อมูล 
อยากรู้ข่าวใครเรื่องไหนต้องให้น้องแกไปสืบนะ

หลี่อวิ๋น ศิษย์พี่รอง ความรู้รอบตัวเยอะ ชอบศึกษาทดลองวิชานอกรีต 
ดูเหมือนเจ้าเล่ห์มากแผนการแต่หลังจากที่ทำศิษย์น้องสี่หายเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป 
และกลายเป็นคนที่พึ่งพาได้อีกหนึ่งคน

เวลาศิษย์ใหม่เข้าสำนักสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือไปคารวะปรมาจารย์ก่อนใช่ไหมมม?? 
แต่สำหรับสำนักฝูเหยาไม่ใช่นะจ๊า ต้องไปคารวะศิษย์พี่ใหญ่ก่อนเด้อ 55 
ศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นมากกว่าศิษย์พี่ใหญ่ เพราะนอกจากจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่แล้วก็ยังเป็นศิษย์เอกเปิดขุนเขา เป็นที่พึ่งและเป็นผู้สนับสนุนทางด้านการเงินของสำนักด้วยนะจ๊ะ 
แต่ด้วยความเยอะสิ่งของศิษย์พี่ จึงทำให้ศิษย์น้องทั้งหลายพากันชื่นชอบไม่ลง 55 
(เยอะขนาดถูกแอบเรียกลับหลังว่า“เจ้าแม่”อะ 55
เมื่อเป็นเช่นนี้ศิษย์ทั้งสี่หากไม่มีเรียนรวมตอนเช้าก็จะอยู่ใครอยู่มัน ไม่มีการไปมาหาสู่ข้องแวะกัน  
โดยเฉพาะนายเอกหรือน้องเฉียนที่ยิ่งไม่อยากจะสุงสิงกับใคร 
เพราะนอกจากเด็กรับใช้ ก็ไม่มีใครที่เขาไม่แอบด่าหรือจิกกัดอยู่ในใจเลยสักคนรวมถึงอาจารย์ 55 
ทุกๆ วันน้องเฉียนจึงเพียงตั้งใจหมั่นเพียรฝึกฝนวิชา
และแอบทำการบ้านให้ศิษย์พี่ใหญ่ เพื่อแลกกับการเข้าไปอ่านตำราในหอคัมภีร์เท่านั้น..อิอิ

เนื้อเรื่องออกแฟนตาซี เป็นแนวบำเพ็ญเพียรฝึกวิชา มีภูติ ผี ปีศาจ มาร 
อยู่ในยุคที่สำนักเซียนกำลังตกต่ำเพราะถูกราชสำนักกวาดล้าง 
ผู้บำเพ็ญสำเร็จเป็นเซียนจริงๆ แทบไม่มี และถูกมองว่าเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงมากกว่า  
บทบรรยายเยอะแต่อ่านสนุก เนื้อหาแน่น ตอนที่ตลกก็หลุดขำจริงๆ ตอนที่ซึ้งก็น้ำตาคลอเลย 
จะมีความความฮาแทรกเข้ามาเป็นพักๆ ถึงจะจริงจังก็ยังฮาได้ 
เพราะนิสัยของแต่ละคนล้วนแต่มีเอกลักษณ์กันจริงๆ โดยเฉพาะศิษย์พี่ใหญ่55 พ่อนกยูง เจ้าแม่ 
แถมเป็นคนมั่นใจ ไม่คิดมาก เพราะคิดอยู่เสมอว่าการเป็นลูกคนรวยของตนนั้นไม่ได้เป็นการทำร้ายหรือขัดขวางใคร เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ต้องรู้สึกผิด..โฮะๆ ๆ  ชอบๆ ๆ ๆ 
แถมพี่แกยังเป็นคนไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่คิดมากคิดเยอะเหมือนนิสัยด้วยนะ 
โดนเขาดูถูกเหยียดหยามทำให้ขายหน้าแต่ก็แค่โกรธ ไม่ได้คิดจะฆ่าจะแกงใคร 
ผ่านไปนานวันเข้าก็หายแล้ว 
ผิดกับน้องเฉียน(นายเอก)ขานั่นนี่ไม่ได้เลย เก็บสลักจดจำไว้ในใจทุกเม็ด 
วันหน้าข้าแข็งแกร่งเมื่อไรพวกแกตายยยยยยย

ช่วงครึ่งหลังเนื้อเรื่องเริ่มจริงจัง ค่อยๆ เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเข้าโหมดซับซ้อน 
ความลับเบื้องหลังในอดีตก็ต่างค่อยๆ ทยอยเปิดเผยออกมา
มีเหตุการณ์ที่ทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ดูเหมือนจะแตกแยกขาดความปรองดอง เริ่มผูกพันรู้ใจกันมากขึ้น และยังได้ศิษย์น้องหญิงเล็กที่เป็นครึ่งมารครึ่งคนเพิ่มมาอีกหนึ่ง 
ชอบตอนบรรยายวิธีเลี้ยงศิษย์น้องหญิงของแต่ละคนมาก แบบว่าตลกอะ 
บ่งบอกนิสัยของแต่ละคนได้เป็นอย่างดีเลย
อย่างศิษย์พี่ใหญ่นี่รวยไม่เลี้ยงเองอยู่แล้ว ยกให้บ่าวรับใช้ไปจัดการดูแลแทน                                    
ศิษย์พี่รองเห็นศิษย์น้องเดินลำบากก็หวังดี เลยเปลี่ยนศิษย์น้องให้กลายเป็นคางคกซะ!              
ศิษย์พี่สามไม่เคยสนใจอะไรนอกจากอ่านหนังสือกับทำการบ้าน ต้องกินข้าวเอง เล่นกับตัวเอง 
หากร้องไห้ก็ต้องหยุดเอง(ไม่มีใครปลอบ) ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น 
ส่วนศิษย์น้องสี่รักสนุกเหมือนเด็กน้อย ชอบพาไปคลุกดินคลุกฝุ่นจนสกปรกมอมแมม ชอบแย่งอาหารน้องกิน  สุดท้ายจบที่อาจารย์ทนไม่ไหวเอามาเลี้ยงเอง 55                                                                                                        
แต่จุดหักเหจุดพลิกผัน ที่ทำให้เหล่าแก๊งฝูเหยาพร้อมใจกันเติบโต
และเปลี่ยนแปลงกันอย่างรวดเร็วจริงๆ ก็คือ การเดินทางไปยังเกาะมังกรเขียว 
ศิษย์พี่ใหญ่ต้องกลายเป็นเจ้าสำนัก ต้องเผชิญกับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากผู้คน 
พอไม่มีอาจารย์ก็เหมือนแมลงวันไร้หัว ไร้ที่พึ่งพิง กลายเป็นเป้าถูกรุมรังแก 
ทุกคนจึงเสมือนถูกบีบให้ต้องรีบโต จากเด็กขี้เกียจทำอะไรตามใจ จึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขยัน 
อดทน สุขุมมากยิ่งขึ้น ค่อยๆ เก่งค่อยๆ เติบโต ประคับประคองพึ่งพากันและกันไป
เพื่อรักษาชีวิตและสำนักเอาไว้ จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาแข็งแกร่งและสามารถยืนหยัดกันเองได้โดยไม่มีใครหน้าไหนกล้าดูถูกหรือรังแกอีก

จบเล่ม 1 ด้วยปริศนาและปมมากมายที่ทิ้งเอาไว้ให้อยากรู้  
แม้จะเจอกับเรื่องร้ายๆ แต่ก็ยังมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ นั่นก็คือทำให้เหล่าแก๊งฝูเหยาทั้ง 5 เปลี่ยนจากศิษย์ร่วมสำนักธรรมดา กลายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน 
ศิษย์พี่ใหญ่ก็เริ่มเป็นศิษย์พี่ใหญ่จริงๆ เริ่มพึ่งพาได้แม้จะยังไม่เก่งมากแต่ก็พร้อมปกป้องดูแลทุกคน
ศิษย์พี่รองก็กลายเป็นผู้ช่วย เป็นที่ปรึกษา เป็นตัวไกล่เกลี่ยของสำนัก 
ศิษย์น้องสามจากที่ขยันอยู่แล้วก็ยิ่งขยันๆ ๆ ๆ ยิ่งกว่าเดิม ไม่ชอบพูดแต่แสดงออกด้วยการกระทำ
คอยแอบปกป้องทุกคนอยู่ข้างหลังแบบลับๆ ส่วนศิษย์น้องสี่นี่ตัวฮาน่าจะเป็นสายลับมากกว่าผู้บำเพ็ญเพียรนะ 55

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โปรดยิ้มตอบข้าด้วยไมตรี 2 เล่มจบ



โปรดยิ้มตอบข้าด้วยไมตรี 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : จิ่วเสี่ยวชี 酒小七
ผู้แปล : เจ้าเยวี่ย
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)


    สือชีมองดูอย่างหมดแรง แม้พวกเขาจะแต่งตัวได้ดูดีกันมากเพียงใด
แต่พอนึกถึงความจริงที่ว่าสาวงามทั้งสองคนพกพา "ด้ามจับ" อยู่
เขาก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างหลอกลวงเสียจริง ..........
     นี่มันคืออะไร คือการเล่าเรื่องบัณฑิตคนหนึ่งที่หน้าตายากจะบรรยาย
กับแม่นางสองคนซึ่งพกด้ามจับเอาไว้ ??
     สือชีไม่อยากดู เนื่องจากดูแล้วรู้สึกปวดตา
     ถึงอย่างนั้นก็ยังจำเป็นต้องดู เพราะมีเขาเป็นคนดูเพียงคนเดียว...

หลินฟางโจว หญิงสาวที่เติบโตมาในคราบบุรุษ 
เพราะกลัวจะถูกทางการลงโทษ จึงทำให้นางยิ่งไม่กล้าเปิดเผยความจริงว่าตนเองเป็นสตรี  
แต่หากไม่นับเรื่องรูปร่างหน้าตา นางเอกก็ใช้ชีวิตได้เหมือนบุรุษคนหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ (ไม่แปลกที่ไม่มีใครจับได้หรือสงสัย) เพราะนิสัยนางทั้งกะล่อน ทั้งปากหวาน แถมยังชอบหยอกเย้าสตรี
ไม่ทำงานทำการอยู่ไปวันๆ ใช้ชีวิตได้เหมือนกับบุรุษเสเพลคนหนึ่งจริงๆ มาก
ถ้าหากไม่บังเอิญเก็บพระเอกมาได้ ก็คงจะมีชีวิตแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ ล่ะมั้ง

เสี่ยวหยวนเป่าหรืออวิ๋นเวยหมิง องค์ชายสามที่กำพร้าแม่ตั้งแต่เล็ก ส่วนพ่อก็ไม่ค่อยรักเพราะไปหลงเชื่อคำทำนายของนักพรต จึงทำให้เขาถูกพี่น้องคนอื่นรังแกและวางแผนฆ่า 
แต่ก็รอดมาได้เพราะนางเอกช่วยไว้ ทีแรกก็ไม่อยากช่วยเพราะนึกว่าพระเอกเป็นกบฏหนีมา
แถมตัวนางเอกก็ยังยากจ๊นยากจนนนนน แค่ตัวคนเดียวก็จะเอาไม่รอดอยู่แล้ว 
ก็เลยกะจะเอาพระเอกไปปล่อยคืนที่เดิม..เหอๆ  
แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนทนไม่ไหว เลยต้องไปพากลับมาบ้านใหม่อยู่ดี 55+

พระ-นางเรื่องนี้ห่างกัน 7 ปีเลยจ้า ตอนเจอกันครั้งแรกนางเอก 17 พระเอก 10 ขวบเอง  
พอมีเด็กเพิ่มเข้ามาหนึ่งคน นางเอกถึงได้เริ่มรู้จักหางานทำ ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย 
แต่ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยที่ชอบเล่นการพนัน ชอบเอาเงินรางวัลที่ได้ไปเล่นจนหมดตัว
แล้วก็ลงท้ายด้วยการรู้สึกผิด แต่พระเอกก็ไม่ว่าสักคำเพราะเห็นนางเอกดูมีความสุข ... เหอๆ
พระเอกที่อายุ 10 กว่าขวบในตอนนั้นก็เลยเริ่มตั้งใจหาเงินเพื่อเอามาให้นางถลุง เอ้ยๆ ไปเสี่ยงโชค
(นี่ขนาดยังเด็กนะ) แต่ดีที่นางเอกยังมีหัวคิด และกลับตัวกลับใจไม่บ้าตามพระเอกไปด้วยก่อน55
พอคิดได้นางเอกจึงตั้งใจหางานทำเพื่อส่งพระเอกเรียนหนังสือ
ส่วนพระเอกแม้จะฉลาดเจ้าเล่ห์เกินวัยแค่ไหน แต่ก็ต้องเก็บงำเอาไว้เพื่อจะได้ไม่นำภัยมาสู่ตัว  
ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เรียบง่าย ตามประสาพี่ชายน้องชายแบบนี้มาเรื่อยๆ 
จนกระทั่งผ่านไป 6 ปีพระเอกก็ยังไม่รู้เลยว่านางเอกเป็นผู้หญิง 55+
(ถึงจะยังไม่รู้แต่น้องชายก็เริ่มไม่อยากเป็นน้องชายแล้วนะ 55)

แต่แล้ววันหนึ่งหายนะก็มาเยือนและทำให้นางเอกต้องเกือบตาย 
เนื่องจากนิสัยปากเปราะพูดไม่ค่อยคิดของตัวนางเองนั่นแหละ 
จนเป็นเหตุให้พระเอกตัดสินใจกลับคืนสู่ฐานะเดิม และกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่คิดปองร้ายตัวเองในอดีตอีกครั้ง แต่คราวนี้พระเอกไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่รอให้คนมาบีบอีกแล้วนะจ๊ะ 
กลับมาคราวนี้ทั้งแกร่งทั้งฉลาดขึ้น แถมยังเจ้าเล่ห์และโหดขึ้นมากๆ อีกด้วย 
ไม่ได้จัดการง่ายๆ เหมือนในอดีตอีกแล้ว 
ส่วนนางเอกก็มีความดีความชอบ และได้ตามมาใช้ชีวิตอยู่กับพระเอกที่เมืองหลวงด้วยเช่นกัน 
แต่นางก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ยังกะล่อนซุกซน ชอบออกไปตะลอนๆ เที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูงเหมือนเดิม
จนเกิดเรื่องแล้วก็ไม่พ้นพระเอกที่ต้องวิ่งตามไปช่วยอีกนั่นแล

ส่วนเรื่องที่เป็นสตรีจนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้บอก พอจะบอกก็ต้องมีเรื่องเข้ามาขัดทุกที
ปาไปครึ่งเล่ม 2 สรุปนอกจากสาวใช้นางเอกแล้ว นอกนั้นก็ยังไม่มีใครรู้เลย..ปิดเก่งจริงๆ   
พระเอกฉลาด+รู้เกือบทุกเรื่อง แต่มีแค่เรื่องนี้แหละที่ไม่รู้ไม่เคยสงสัย 
ตอนที่เห็นระดูนางเอกด้วยความที่ยังเด็กก็ไม่รู้ พอนางเอกบอกว่าเป็นริดสีดวงพี่แกก็เชื่อหมดใจ 
กว่าจะรู้นี่คือตัดสินใจตัดแขนเสื้อไปแล้วนะ 
พ่อส่งสตรีมาให้ก็ไม่สนและหึงผู้หญิงทุกคนที่มาเข้าใกล้นางเอก 
ขนาดจะหาสาวใช้ให้นางเอกก็ต้องเลือกที่ขี้เหร่ๆ ไว้ก่อน ดูระดับความหึงของพี่แกสิ

นอกจากเรื่องความรักก็มีเรื่องการชิงบัลลังก์ของพระเอกนี่แหละ แต่ก็สบายๆ พระเอกกลับมาคราวนี้เอาอยู่ทุกเรื่อง ส่วนเรื่องความลับของนางเอกพอรู้ความจริงแล้วพระเอกก็ดีใจมากๆ
ตั้งใจจะแต่งงานกับนางโดยไม่สนคำคัดค้านของใครทั้งนั้น 
แต่นางเอกกลับกลัวเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรเหมาะสมกับพระเอกเลยสักนิด 
หนังสือก็อ่านไม่ค่อยออก คุณสมบัติที่สตรีทั่วไปควรจะมีนางก็ไม่มี 
ก็เลยเก็บข้าวของหนีไป แต่สุดท้ายก็ไม่รอด หนีไม่พ้นมือพระเอกอยู่ดี..หึหึ