วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ซ่อนรักวิวาห์ลวง


ซ่อนรักวิวาห์ลวง 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : เยี่ยซย่าเตี๋ยอิ่ง           
ผู้แปล : กู่ฉิน
สำนักพิมพ์ Happy Banana

คำโปรยหลังปก
          " เสี่ยนจวิ้นอ๋อง "  มีฐานะสูงศักดิ์ รูปงามไร้ผู้ใดเปรียบ  เป็นบุรุษในดวงใจของสตรีมากมาย    แต่กลับได้รับพระราชทานสมรสให้แต่งงานกับคุณหนูจวนโหวผู้มีรูปโฉมอัปลักษณ์

          " หวาซีหว่าน " บุตรีของอี้อันโหว มีรูปโฉมงามสะคราญ  นางไม่ชอบสนทนาปราศัยกับใคร
จึงไม่เคยก้าวเท้าออกจากประตูใหญ่  ทำให้มีข่าวลือว่านางเป็นหญิงอัปลักษณ์ แต่นางก็ไม่สนใจ
เพียงต้องการใช้ชีวิตอย่างคุณหนูที่นั่งกินนอนกินเท่านั้น  แต่ใครจะรู้ว่าสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้จะทำให้ชีวิตของนางต้องปั่นป่วน
         
          เมื่อเสี่ยนจวิ้นอ๋องที่มีรูปโฉมเหนือสามัญ  ต้องแต่งงานกับสตรีอัปลักษณ์ผู้คนจึงกล่าวกันว่าเขาเป็นดอกไม้สวยๆ ปักอยู่บนชี้วัว   ใครจะรู้ ... ตอนที่เสี่ยนจวิ้นอ๋องเลิกผ้าแดงคลุมหน้าเจ้าสาวในคืนเข้าหอออก  กลับพบว่าภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามามีรูปโฉมงดงามดั่งบุปผาดุจจันทรา  สะกดให้เขาต้องตกตะลึงในความงามนั้น

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์ )
คนเขียนเดียวกับเรื่องว่าด้วยอาชีพนางสนมและชายาผู้มีคุณธรรม  เลยไม่แปลกใจว่าทำไมกลิ่นอายเนื้อเรื่องมันถึงได้คล้ายๆ กัน มีต่างกันบ้างนิดหน่อยตรงที่นางเอกเรื่องนี้ครอบครัวรักใคร่กลมเกลียว คนในบ้านรักลูกสาวหรือนางเอกมาก ไม่เหมือนเรื่องก่อนๆ ที่ครอบครัวไม่สนใจหวังแต่อำนาจลาภยศ จ้องแต่จะขายลูกสาวกิน  และเรื่องนี้นางเอกก็ค่อนข้างจะเห็นใจในชะตากรรมของผู้หญิงยุคโบราณมาก เพราะฉะนั้นหากไม่หนักหนาสาหัสจริงๆ นางก็ยินดีที่จะเหลือทางรอดไว้ให้อีกฝ่ายได้กลับตัวเสมอ และที่ต่างอีกอย่างคือนางเอกเรื่องนี้ค่อนข้างจะขี้เกียจ ชอบแต่กินกับนอน คือนางก็เป็นคนฉลาดเจ้าเล่ห์นะ เพียงแต่ขี้เกียจและไม่ชอบเรื่องยุ่งยากเฉยๆ 


นางเอก หวาซีหว่าน หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติมาอยู่ในร่างบุตรสาวคนสุดท้องของตระกูลหวา ซึ่งเป็นตระกูลชนชั้นสูงอันเก่าแก่ ถูกเลี้ยงดูด้วยความรักความเอาใจใส่ของคนในครอบครัว เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของบิดามารดาและพี่ชาย  แต่เพราะเรื่องการเมืองจึงทำให้นางเอกต้องถูกจับแต่งงานกับพระเอก เสี่ยนจวิ้นอ๋อง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอ๋องรูปงาม สุภาพอ่อนโยน แม้ในใจของนางเอกและคนในบ้านจะไม่ยินยอมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะนี่คือราชโองการ ถ้าหากไม่ทำตามก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว

พระเอก เยี่ยนจิ้นชิว ถึงจะเป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นหลานชายของฮ่องเต้ แต่ก็เป็นอ๋องว่างงาน เชี่ยวชาญโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ถนัดบุ๋นไม่เก่งบู๊ ภาพลักษณ์ภายนอกสุภาพเรียบร้อย อ่อนโยนและจิตใจดีงาม หญิงสาวทั่วทั้งเมืองหลวงมีแต่คนอยากแต่งให้พี่แก  แต่เพราะฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นคนขี้ระแวง จึงมีคำสั่งให้พระเอกแต่งงานกับนางเอกที่ภายนอกล่ำลือกันว่าอัปลักษณ์สุดๆ  แต่หลังจากวันแต่งงานผ่านพ้นไป ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็ต้องตกตะลึงและพากันอิจฉาริษยาพระเอกที่ได้แต่งกับคนงามที่งดงามราวกับนางฟ้าบนสรวงสวรรค์ 55+ เพราะนางเอกไม่เคยออกจากบ้าน ดังนั้นคนที่ได้เห็นหน้าตานางจึงมีแต่คนในบ้าน คนข้างนอกเลยล่ำลือกันไปว่านางเอกอัปลักษณ์ถึงได้ไม่กล้าออกไปไหน พอความจริงปรากฏเลยมีแต่คนน้ำลายหกเสียดาย ที่ก่อนหน้าดันเชื่อข่าวลือไม่ยอมไปสู่ขอนางเอกกัน พระเอกเลยส้มหล่นได้นางเอกไปครองเฉยเลย 55+ ... ( แต่ถ้าไม่มีข่าวลือแบบนี้ออกมา นางเอกก็คงได้เข้าวังไปเป็นพระสนม เสร็จฮ่องเต้ไปนานแล้ว  ไม่ตกมาถึงมือพระเอกดอก เชื่อสิ  หุหุ)

เรื่องนี้เน้นเรื่องการเมือง การวางแผนช่วงชิงบัลลังก์กันเป็นหลัก เรื่องความรักก็มีบ้างแต่ไม่ค่อยหวาน  พระ-นางก็จะนิสัยคล้ายๆ กันคือฉลาด เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการด้วยกันทั้งคู่  แสดงละครเก่งเหมือนกันอีกต่างหาก พล็อตจะคล้ายๆ กับชายาผู้มีคุณธรรมอะที่แต่งเพราะเรื่องการเมือง ทั้งสองคนไม่ได้รักกันแต่ก็ต้องแสดงออกให้คนอื่นเห็นว่ารักกันมาก พระเอกก็ตามใจทะนุถนอมเมียสุดๆ แต่ในใจทั้งสองคนต่างก็รู้ว่ามันคือการเสแสร้ง พระเอกฉากหน้าก็ดูสุภาพอ่อนโยนแต่เบื้องหลังก็เหี้ยมโหดไม่ปราณีใคร เพราะวัยเด็กของพี่แกไม่ได้สดใส หรือมีคนในบ้านรักใคร่ตามใจเหมือนนางเอก  เพราะพี่แกถูกส่งไปให้ไทเฮาเลี้ยงดูอยู่ในวังตั้งแต่ยังเล็กเนื่องจากแม่ป่วย  พอแม่ตาย พ่อก็หลงอนุแล้วปล่อยให้ลูกอนุขึ้นมาขี่หัวพี่แก ส่วนพี่สาวก็เลือกผู้ชาย ไม่สนใจใยดีตระกูลตัวเองเลย ทำทุกทางเพื่อให้สามีก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่น้องชายตัวเองจะพังพินาศยังไงไม่สน  แถมสาเหตุที่แม่พระเอกตายก็ยังเป็นฝีมือของคนใกล้ชิดอีก  ...เฮ้อ  ( ̄∩ ̄#)  เลยไม่แปลกที่โตมาจะเป็นแบบนี้  ไม่งั้นอยู่ไม่รอด  ยิ่งโตก็ยิ่งต้องเหี้ยมไม่งั้นตายแน่นอน  เพราะมีแต่คนเล่นไม่ซื่อคิดจะปองร้ายตัวเองอยู่เต็มไปหมด ทั้งฮ่องเต้ ทั้งรัชทายาท ทั้งฮองเฮาไทเฮา ทั้งญาติพี่น้อง แล้วไหนจะขุนนางพรรคพวกของฝ่ายนั้นฝ่ายนี้อีก   

... ส่วนนางเอกก็รู้นิสัยพระเอกดี แต่ก็ต้องทำเป็นไม่รู้บ้างแกล้งโง่บ้าง เพราะถึงจะไม่ได้รักแต่พระเอกก็ตามใจและดีต่อนางกับครอบครัวมากก็เลยมองข้ามได้  เพราะนางเอกขอแค่ได้กินอิ่มนอนหลับ มีชีวิตที่สุขสบาย มีคนคอยปรนนิบัติรับใช้ก็พอ ส่วนพระเอกจะไม่รักไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เพราะนางก็ไม่ได้รักพี่แกอยู่แล้ว ต่อให้หล่อ รวย คารมดีแค่ไหนแต่นางเอกก็ไม่แคร์ เพราะชาติที่แล้วนางเคยทำงานในวงการบันเทิงไง เลยได้เห็นผู้ชายแบบนี้มาเยอะแล้ว  ....   ( ̄∀ ̄*)  

อ่านจบแล้วเฉยๆ เพราะพล็อตมันคล้ายๆ กับเรื่องก่อนหน้านี้อะ (บางท่านอาจชอบก็ได้แล้วแต่คนเน้อ) เดาทางได้แล้ว+ไม่มีอะไรพลิก  แล้วอะไรที่ดีๆ ก็ตกมาอยู่ที่นางเอกหมดอีกเช่นเคย ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงขนาดไหน หรือต่อให้ฝ่ายนางเอกถูกใส่ร้ายหรือถูกใครปองร้าย แต่สุดท้ายคนที่ได้รับผลประโยชน์และได้รับชัยชนะก็คือฝ่ายพระ-นางอยู่ดี ส่วนฝ่ายตรงข้ามทำอะไรก็ไม่รุ่งสักอย่าง วางแผนอะไรมาก็ล้มเหลวกลับไปหมด เหมือนถูกกำหนดมาแล้วว่ายังไงก็ต้องแพ้ไม่มีพลิกแน่นอน ฮาๆ

ปล. เรื่องนี้พระ-นางรักกันมั้ยเดาไม่ยากจ้าโดยเฉพาะฝ่ายพระเอก  และเดี๋ยวเล่ม 2 จะมีบอกไว้จ้า 

ปล. สำนวนแปลอ่านสำหรับเรามีสะดุดอยู่ อ่านแล้วมันแปลกๆ  มีคำสมัยใหม่ปนมาบ้าง  บางประโยคอ่านแล้วก็รู้สึกขัดๆ หน่อย ....



วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ลิขิตรักด้ายแดง เล่ม 3 (3เล่มจบ)


ลิขิตรักด้ายแดง เล่ม 3 (3เล่มจบ) / ผู้แต่ง : หมิงเยวี่ยทิงเฟิง 
ผู้แปล : เหมยสี่ฤดู
สำนักพิมพ์ Happy Banana

คำโปรยหลังปก
       ซูเสี่ยวเผยไม่สนใจเนื้อคู่ที่ผูกพันไว้ด้วยด้ายแดงสักนิด  
หลังจากได้พบผู้กล้าที่ชอบปะทะคารมกับเธอ แต่คอยปกป้องเธออยู่ตลอดเวลา  
เธอก็เริ่มตัดใจกลับไปยังยุคปัจจุบ้นที่ไม่มีเขาไม่ได้! ....
       เยวี่ยเหล่าเล่นตลกกับเธอ  ทำให้เธอทะลุมิติกลับไปในยุคโบราณเพื่อพาเฉิงเจียงอี้คู่รักที่โชคชะตากำหนดกลับมา  แต่ในยุคโบราณเธอกลับพบผู้กล้าหร่านเฟยเจ๋อที่ได้เพียงพบพานแต่มออาจครองรัก  เธอไปจากเขาไม่ได้  แต่ก็ไม่อาจรับรักเขา
      หร่านเฟยเจ๋อเข้าใจความสับสนของซูเสี่ยวเผย  แต่ไม่เข้าใจความเป็นมาของนาง  
เขาบอกกับซูเสี่ยวเผยว่า " ในเมือทุกคนล้วนต้องตาย  ทุกคนล้วนมีโอกาสเกิดเรื่องไม่คาดฝัน  เช่นนั้นก่อนที่พวกเราจะถูกกำหนดให้ต้องแยกจากกัน  หากเจ้ากับข้ามิได้มอบหัวใจให้แก่กัน  เสี่ยวเผย เจ้าจะไม่เสียใจภายหลังจริงๆ หรือ "
      ตอนแรกที่ช่วยสตรีประหลาดนางนี้  เขารู้สึกเพียงว่านางเป็นภาระ แต่ทว่าหลังจากทั้งสองผ่านพ้นความลำบากใหญ่น้อยมาด้วยกัน  คราวนี้เขากลับต้องการแบก 'ภาระ'  ชิ้นนี้ท่องไปทั่วยุทธภพ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์ )

เล่ม 3 มาไวกว่าเดิมจากตอนแรกที่กำหนดส่งเดือนกันยาก็เลื่อนมาเป็นกลางเดือนสิงหาแทน   
ในที่สุดก็ได้อ่านตอนจบของท่านผู้กล้ากับแม่นางสักที ..ต้องฉลองๆ 55+  
( การรอคอยที่นานแสนนานได้สิ้นสุดลงแล้ว เย้ๆ ๆ (≧∇≦)!!!) 

หลังจากอ่านจบคือชอบ ถึงจะมีเรื่องหาตัวคนร้าย เรื่องสืบสวนสอบสวนคดีอะไรเยอะแยะก็เถอะ  
ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ต้องมีบางช่วงที่เนือยๆ ไปบ้าง แต่โดยรวมพออ่านจบแล้วเราก็ยังชอบมากอยู่ดี   
ตัวละครในเรื่องมีจุดเด่น มีเอกลักษณ์  และส่วนตัวคือชอบสำนวนการแปลของเรื่องนี้
เพราะรู้สึกว่าสามารถบรรยายดึงเอาลักษณะนิสัย รวมถึงเอกลักษณ์ของตัวละครในเรื่องออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนดี 

เล่มนี้เรื่องสืบสวนหาตัวคนร้ายเยอะจริงๆ แต่ก็สนุกนะ  เพราะต่างฝ่ายต่างก็ฉลาดไม่แพ้กัน   
นางเอกเป็นนักจิตวิยาที่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์จิตใจอาชญากร   
ส่วนอีกฝั่งก็เป็นฆาตกรโรคจิตที่หลุดมาจากยุคปัจจุบัน 
(แต่หลุดมาได้ยังไงเดี๋ยวในเรื่องจะมีเฉลยไว้ตอนท้ายๆ จ้า) 
เกมส์มันเลยพลิกไปพลิกมาอยู่ตลอด  เพราะคนร้ายอยากจะเล่นสงครามจิตวิยาทรมานจิตใจคน
ไม่ใช่ถืออาวุธแล้วเผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้า  นางเอกเลยค่อนข้างเสียเปรียบเพราะอยู่ในที่แจ้ง
ส่วนอีกฝ่ายอยู่ในที่ลับ  แถมตอนแรกพวกนางเอกก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนร้ายเป็นใคร  
กว่าจะรู้นางเอกก็บอบช้ำไปเยอะ (หมายถึงจิตใจนะไม่ใช่ร่างกาย) .......
แต่โชคดีที่มีพระเอกคอยช่วยเหลือ  คอยเป็นกำลังใจ คอยสนับสนุนและส่งเสริมทุกๆ อย่าง
นางเอกเลยยังไม่สติแตกไปซะก่อน   

เราก็เลยยิ่งชอบเวลาที่พระ-นางได้อยู่ด้วยกัน  ได้ปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ กันสองคน  
พระเอกก็ไม่ใช่คนปากหวานนะออกจะปาก ...ด้วยซ้ำ55+  
แต่คำพูดของพระเอกกลับน่าฟังและช่วยปลอบโยนนางเอกได้ดีที่สุดในเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่   
ทั้งๆ ที่เป็นคนกวนโอ๊ย พูดจาไม่ค่อยเข้าหูคน  ไม่เคยอยู่ในกรอบแต่เราว่าแบบนี้แหละดีแล้ว  
เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าพูด  ไม่กล้าปลอบ  เพราะมัวแต่อยู่ในกรอบ 
กลัวแต่ว่าจะดูไม่งาม แต่ท่านผู้กล้าของเราไม่เคยแคร์อะไรใดๆ ทั้งสิ้นอยู่แล้ว  
ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนางเอกก็ยิ่งกล้าพูดกล้าทำ หน้าไม่อาย ไร้ยางอายจริงๆ 55+ (^ ・^)ノ⌒☆

มาถึงเล่มสุดท้ายได้เวลาคลี่คลายทุกอย่างซะที เฉิงเจียงอี้คือใครจะใช่คนที่เราคิดไว้รึเปล่า?  
แล้วนางเอกจะหาเฉิงเจียงอี้เจอมั้ย จะพากลับไปด้วยกันได้หรือเปล่า?  
แล้วคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังคดีต่างๆ เป็นใคร? จะเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อนางเอกด้วยมั้ย?  
นั่นแหละอะไรๆ ที่เราเคยสงสัยเล่มนี้ก็จะเฉลยออกมาทั้งหมด (จริงๆ เราก็ค่อนข้างเดาถูกอะนะ)   
แต่ไอตอนวางแผนจับตัวคนร้ายนี่มันก็พลิกไปพลิกมาดีจริง วางแผนซ้อนแผนกันหลายชั้นซะเหลือเกิน ทั้งฝั่งนางเอกทั้งฝั่งตัวร้ายกินกันไม่ลงทั้งคู่  มาเฉือนเอากันในวินาทีสุดท้ายนี่เอง …….

ถึงเรื่องนี้จะไม่มีดราม่า แต่ก็มีตอนที่ทำให้เราต้องน้ำตาซึมๆอยู่นะ ...เพราะเดี๋ยวท้ายๆ จะเริ่มสงสารพระเอกที่ต้องเฝ้ารอนางเอกไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม  
จะกลับมาอีกรึเปล่า ....ยิ่งครั้งสุดท้ายที่นางเอกต้องกลับไปแม้พระเอกจะรู้
และพยายามทำใจยอมรับมาโดยตลอด  แต่พอเอาเข้าจริงๆ พระเอกก็เสียใจและช็อกมากๆ  
ยิ่งพอได้ไปอ่านตอนที่บรรยายมุมมองจากฝั่งพระเอกว่ารู้สึกยังไงเมื่อนางเอกจากไป  ก็ยิ่งน่าสงสาร...เฮ้อ  (TヘTo)

เขามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก  ตลอดทางเขาพบแม่นางที่ชื่นชอบเขา พบคนที่มาเจรจาทาบทามเขา  
เขามักจะยิ้มตอบว่า  
      “ ขออภัยด้วยจริงๆ ข้ามีภรรยาแล้ว นางกลับไปเยี่ยมบ้าน  ข้ากำลังจะไปรับนาง "        
      “ นางอยู่ที่ใด “  หลายคนถามเขา
      “ อยู่ทางตะวันออก “ เขาตอบ  ยิ้มอย่างเบิกบาน   ตอบอย่างเปิดเผย  
ความเจ็บปวดของเขาถูกเก็บซ่อนไว้ในใจ คนอื่นมองไม่เห็น เพียงแต่อิจฉาว่าแม่นางผู้นั้นต้องเป็นคนดีแน่นอน ทั้งยังโชคดีด้วย...

ปล.  เรื่องนี้จบดี  จบแฮปปี้จ้าไม่ต้องห่วงเน้อ


ปล.  มีตอนพิเศษให้อ่านตั้ง 7 ตอนเลยนะจ้ะ ...ยิ่งตอนสุดท้ายข่อยชอบมาก 
(นักเขียนท่านนี้ยังคงเขียนตอนพิเศษได้สนุกเหมือนเดิม 55+)

.................................................................................................................................

       " ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด  ไม่ว่าหลังจากนี้เจ้ากับข้าจะต้องพบเจอเรื่องใด 
เสี่ยวเผย ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าทำไม่ได้ ข้าห้ามตัวเองไม่ได้ ชอบก็คือชอบ  
ถึงที่นี่จะมีแม่นางตั้งมากมายที่ไม่หายตัวไป  แต่ข้าไม่ถูกใจ  พอข้าได้พบเจ้า  
ข้าดีใจมากที่ได้พบเจ้า  เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า  ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าถูกใจเจ้า  
และไม่อาจถูกใจใครมากไปกว่านี้ได้อีก  นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า "

         ซูเสี่ยวเผยส่ายหน้า ทั้งเสียใจและโทษตัวเอง " ตอนแรกหากข้าไม่โกหกท่าน  
หากท่านรู้ความเป็นมาของข้า บางทีอาจไม่เป็นเช่นนี้ "

        " บางทีข้าอาจจะชอบเจ้าเร็วกว่าเดิม  บางทีข้าอาจไม่ไปจากเจ้าจนเจ้าถูกทำร้าย  
ข้าจะไม่ช่วยเจ้าส่งจดหมายตามหาคน  ข้าจะคอยระวังป้องกันเฉิงเจียงอี้  
แต่ข้าจะยังชอบเจ้าเช่นเดิม  ยังคงชอบเจ้า  บางทีเจ้าอาจไม่ได้กลับไปรับรู้เรื่องราวเหล่านั้น บางทีข้าอาจโน้มน้าวให้เจ้าแต่งงานกับข้าได้ "


วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560

พราวพร่างบุปผาตระการ เล่ม 4


พราวพร่างบุปผาตระการ เล่ม 4 (7 เล่มจบ)  / ผู้แต่ง : จือจือ  
ผู้แปล : Honey Toast
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

คำโปรยหลังปก

            คำสัญญาระหว่างพวกเขาสองคนว่าจะไม่มีคนอื่นแทรกกลางนั้น
ช่างหวานแผ่ซ่านลงลึกถึงจิตใจ  เมื่อทั้งสองมีใจรักมั่นคงก็ไม่ต้องหวั่นสิ่งใดมาสั่นคลอน
" จ้าวหลิง "  สร้างความดีความชอบติดตามมังกร  ได้รับความสำคัญจากโอรสสวรรค์ไม่น้อย
จนเป็นที่โปรดปราน  ทั้งยังทรงให้ไทฮองไทเฮาพระราชทานสมรสแก่เขาและนางอีกด้วย

         " ฟู่ถิงจวิน " นั้นแม้จะหวั่นไหวไม่น้อยกับการกระทำของจ้าวหลิง

แต่เมื่อเห็นเขากำลังเจริญก้าวหน้าก็ปลาบปลื้มใจ  ช่วงเวลาของทั้งสองนับว่าราบรื่นสุขใจ
ทว่าเรื่องที่ยังคับข้องหมองใจไม่สร่างซาก็คือเรื่องที่จั่วจวิ้นเจวี๋ยไส่ร้ายนาง
         นี่เป็นโอกาสอันดีที่นางจะสอบถามความจริงจากปากของมารดา
แต่ใครจะคิดว่าบิดาบังเกิดเกล้ากลับไม่ยอมรับนาง !  ซ้ำยังขับไล่ไสส่งนาง
แต่ถ้าฟู่ถิงจวินไม่รู้ความจริงนี้  แม้ตายดวงวิญญาณของนางก็ไม่สงบสุข !

อันว่าความจริงมักจะพาให้พบกับความหวาดกลัวที่คิดจะหลบหนีมาตลอด

          หากคิดจะสืบหาความจริงต่อไปก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
แล้วฟู่ถิงจวินจะทำเช่นไรต่อไปกับความจริงที่ได้รับรู้  จะหยุด หรือจะเดินหน้าอย่างไม่ลดละ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ  ( อาจมีสปอยล์ )

เล่มนี้มาไวออกตั้งแต่ตันเดือนเลย ถูกใจมากๆ ๆ อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องนี้จะเรียบๆ เรื่อยๆ
ไม่ได้ตื่นเต้นโลดโผน หวือหวาอะไรมาก แถมบทบรรยายเนื้อหารายละเอียดต่างๆ ก็เยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นบางท่านถ้าได้อ่านแล้วก็อาจจะเบื่อหรือไม่ชอบก็เป็นไปได้เน้อ    
( มันขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนอะเนาะ o(^ヮ^)o )

แต่สำหรับเราชอบมากๆ ๆ ๆ ๆ เหมือนได้เห็นภาพวัฒนธรรมสังคมของจีนในยุคโบราณ
ผ่านเรื่องราวของพระ-นาง ตั้งแต่ธรรมเนียมในการให้ของขวัญ 
การคบหาไปมาหาสู่กันของสตรีหลังบ้าน การจัดการเรื่องภายในบ้าน เรื่องบ่าวไพร่  
รวมถึงการซื้อบ้าน และธรรมเนียมการต้อนรับแขกของตระกูลใหญ่ 
และอีกหลายๆ เรื่อง .... ซึ่งเรื่องนี้ใส่รายละเอียดมาเกือบหมด  เราอ่านแล้วไม่เบื่อเลย  
....อย่างเช่นตอนที่นางเอกช่วยสอนงานเย็บปักให้กับอนุของเพื่อนพระเอกคนหนึ่ง  
ตอนที่อ่านเราก็มองว่าไม่เห็นมีอะไรนี่  แต่พอลองคิดดูดีๆ หากวันหนึ่งข้างหน้านางเอกได้ไปเจอกับภรรยาเอกของเพื่อนพระเอกคนนี้ขึ้นมา นางจะวางตัวลำบากนะ  
ยิ่งถ้าอีกฝ่ายได้รู้ว่านางเอกเคยช่วยสอนงานให้อนุของสามีตัวเอง (ถึงภรรยาเอกจะต้องใจกว้างแค่ไหน ต่อหน้าอาจจะพูดขอบคุณแล้วยิ้มให้  แต่ภายในจะก่นด่าสาปแช่งแค่ไหนใครจะไปรู้)  
เหมือนไม่มีอะไรแต่จริงๆ แล้วนี่เกี่ยวข้องกับสายสัมพันธ์ และอาจรวมไปถึงหน้าที่การงานของพระเอกในภายภาคหน้าเลยก็ได้นะ  ......ใครว่าหลังบ้านไม่สำคัญ  
การคบหาไปมาหาสู่กันของสตรีหลังบ้านนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเล็กๆ เลยนะจะบอกให้ หึหึ ( ̄  ̄)

หลังจากเล่มที่แล้วที่ต่างฝ่ายต่างก็ได้สารภาพความในใจกันออกมา  
พอมาถึงเล่มนี้จะรออะไร ก็ต้องแต่งสิจ๊ะ 55+  ที่ผ่านๆ มาภาพลักษณ์ของพระเอกเป็นเช่นไร
ขอให้ทุกท่านลืมมันเสียเพราะเล่มนี้พี่แกหวาน+หื่นมากๆ ๆ 55+  
ได้หยุดงาน 10 วันนี่จัดเต็มถึงเที่ยงแทบทุกวัน หนูฟู่นี่ช้ำไปแทบทั้งตัวแล้วนาจา  
และด้วยความมานะพยายามไม่นานพระเอกก็ได้สมใจ 55+ Σ(´∪`ノ)ノ  ....
( สมกับที่ท่านแม่ของหนูฟู่ได้เคยบอกเอาไว้ว่าดวงนางเอกนั้นจะลูกดก ..จัดไป 55+ )


และด้วยความที่พระเอกทำงานอยู่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้ก็เลยต้องถูกส่งไปทำงานไกลอีกแล้ว  
แต่กว่าจะไปได้ก็ต้องให้ใครต่อใครพากันมากล่อมอยู่นาน
เพราะตอนนั้นนางเอกกำลังท้องพี่แกเลยไม่อยากไป และฮ่องเต้ก็เหมือนจะรู้ก็เลยหยวนๆ ให้ 

ส่วนเรื่องที่นางเอกถูกคนใส่ร้าย ตอนนี้ก็เริ่มกระจ่างแล้วว่าเป็นฝีมือใครและทำไปเพื่ออะไร   
แต่ยังเอามารับผิดไม่ได้และอีกฝ่ายก็ยังไม่สำนึก  คงต้องรอดูในเล่มถัดไปว่าจะเป็นยังไงต่อ    
เพราะดูเหมือนมันจะพัวพันโยงใยกับหลายฝ่ายหลายคนเหลือเกิน ทั้งคนต้นคิด  
คนที่ให้ความร่วมมือ  คนที่ต้องการปกปิดความผิดของตัวเอง แล้วไหนจะคนที่อออกมาปกป้อง
เพื่อรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลอีก ซึ่งมีแต่ปลาตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น   ไม่รู้ว่านางเอกจะรับมือไหวไหม
พราะตอนนี้สามีก็เพิ่งไต่เต้าในตำแหน่งหน้าที่การงานด้วย  ( ̄▽ ̄;)  ... เฮ้อออ   )  

แต่มันส์มากเลยนะ ตอนที่นางเอกปะทะฝีปากแล้วตอกกลับอีกฝ่าย  
พวกนั้นคงเงิบ เพราะไม่คิดว่านางเอกที่เป็นสตรีในห้องหอ และถูกอบรมเลี้ยงดูมาตามขนบธรรมเนียมประเพณีของตระกูลใหญ่ที่เก่าแก่จะกล้าตอกกลับมาแบบนี้ 
และขอต้องบอกว่านางเอกนั้นโชคดีจริงๆ ที่มีแม่แบบนี้  โชคดีจริงๆ ที่ได้แม่เลี้ยงดูสั่งสอนมา  
ถึงแม่นางเอกจะเป็นกุลสตรีในห้องหอ เป็นช้างเท้าหลัง  และเปรียบสามีเป็นดั่งท้องฟ้า
แต่พอตัดสินใจเรื่องอะไรแล้วคุณแม่ก็ใจเด็ดมาก  ไม่ได้ก้มหน้าก้มตาเอาแต่เชื่อฟังหรือยอมโอนอ่อนให้สามีอย่างเดียว แต่พอถึงเวลาคุณแม่ตัดเป็นตัด  ไม่ขอพึ่งพิง ไม่ขอยุ่งเกี่ยวใดๆ อีกเลย  .......

..................................................................


      " ไร้ยางอายสิ้นดี! "  จ้าวหลิงกล่าวไม่ทันจบ  นายท่านห้าก็ตวาดเสียงดัง

      " เจ้าหุบปากซะ อย่าทำให้เรือนของข้าต้องแปดเปื้อน .... "
      จ้าวหลิงกล่าวสืบไปอย่างไม่สะทกสะท้าน   "ข้าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบุตรสาวท่าน  
อยู่เคียงข้างกันทั้งในยามรุ่งเรืองและยามตกต่ำ  ไม่ทอดทิ้งตีจาก ... "

      นายท่านห้าเงื้อมือตบหน้าเขาฉาดหนึ่ง

      จ้าวหลิงไม่หลบหลีก นิ่งรับฝ่ามือของนายท่านห้าที่ฟาดมาถนัดถนี่                                                           ฟู่ถิงจวินโผเข้าไปหาจ้าวหลิงในชั่วอึดใจ
      เขามีวรยุทธ์สูงส่ง  กระทั่งอิ่งชวนโหวยังแนะนำเขาเป็นองครักษ์ประจำพระองค์เพราะเหตุนี้    
ถ้าคิดจะหลบ  มีหรือท่านพ่อจะตบถูกเขาได้   เห็นชัดว่าเขาถือท่านพ่อเป็นผู้อาวุโส  
ถึงได้ยินยอมให้ท่านพ่อตบหน้า
      จ้าวหลิงของนาง .... เขาปิดบังนางไปที่หูกว่าง  นางยังหักใจต่อว่าเขาไม่ได้  
ขากลับต้องมาถูกท่านพ่อตบหน้าเพราะนาง
  

วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เจาเหยา ... ใครว่าโลกนี้ไม่มีผี


เจาเหยา ... ใครว่าโลกนี้ไม่มีผี 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : จิ่วลู่เฟยเซียง
สำนักพิมพ์ Hongsamut

คำโปรยหลังปก
ข้าเป็นมาร
จอมมารผู้ขึ้นชื่อว่าเหี้ยมโหดมานานนับศตวรรษ
จอมยุทธ์ฝ่ายธรรมะที่เคยคิดกำจัดข้า  ต่างพากันแปรสภาพเป็นศพซากใต้ผืนดิน
ไปแล้วไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพ
ทว่าข้ายังคงมีชีวิต  ซ้ำยังใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมสุขและสนุกสุดๆ อีกด้วย
แต่เมื่อข้าคิดว่าตัวเองกำลังจะก้าวขึ้นสู่จุดที่สูงที่สุดของชีวิตแล้วนั้น
ข้ากลับตาย !
ดูเจ้าเด็กต่ำตมผู้มีหน้าที่เฝ้าประตูสำนักของตัวเอง ... ฆ่าตาย

นี่คือเรื่องราวของผีขี้อาฆาตที่จะทำให้คุณฮาท้องคัดท้องแข็งไปกับนาง
ก็ใครใช้ให้ตอนที่มีชีวิตอยู่  ลู่เจาเหยาไม่รู้จักทำบุญทำทาน  กร่างไปทั่วกันเล่า
พอตาย ... แม้แต่จะหาคนมาเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ก็ยังไม่มี

ผีสาวคิดมาก ... อดีตนางมารผู้ยิ่งใหญ่จึงตายตาไม่หลับ
เอาแต่ลอยวนเวียนไปมาหน้าป้ายหลุมศพของตัวเอง  กิจวัตรประจำวันของนางก็คือ
สาปแช่ง .. สาปแช่ง เจ้าหนุ่มม่อชิงศิษย์ทรยศที่ทำให้นางตาย

เมื่อวันหนึ่งโอกาสแก้แค้นหลุดมาถึงมือ
มีหรือคนที่ชั่วร้ายที่สุดในใต้หล้าอย่างนางจะไม่ตะครุบไว้
จุ๊ๆ ๆ ... เจ้าอัปลักษณ์
คนอย่างเจ้า  ร้อยไม่ควรพันไม่ควร  กระตุกหนวดมังกรหลับอย่างข้า !

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
ลู่เจาเหยา  เจ้าสำนักว่านลู่ซึ่งเป็นสำนักมาร ยามมีชีวิตเรื่องดีๆ ไม่เคยทำถนัดทำแต่เรื่องไม่ดี  
พอตายไปก็อย่าหวังเลยว่าใครจะมาเผากระดาษเงินกระดาษทองให้  
ขนาดโลกของผีก็ยังไม่อยากจะยอมรับนาง 

นางเอก ลู่เจาเหยา นางมารขี้มโนอดีตเจ้าสำนักมารว่านลู่ กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนลอยไปลอยมา
อยู่ที่หน้าหลุมศพของตัวเองไม่ยอมไปผุดไปเกิดกับเขาสักที  ปีแล้วปีเล่าผ่านพ้นไปจนวันหนึ่งวิญญาณของนางก็ได้ไปเข้าสิงร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่วิ่งเข้ามาชนกับป้ายหลุมศพของตัวเอง  
เมื่อได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจอมมารขี้มโนก็ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องสังหาร ลี่เฉินหลาน 
เจ้าสำนักว่านลู่คนใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่ตัวเองให้จงได้ๆ ๆ   

ลี่เฉินหลาน เจ้าสำนักว่านลู่คนปัจจุบัน
เป็นลูกชายของอดีตประมุขพรรคมารที่นางเอกเคยช่วยชีวิตเอาไว้  
เขาติดตามนางเอกมาอยู่ในสำนักด้วย  แต่เพราะไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกวิชา  
ลี่เฉินหลานจึงเป็นได้เพียงคนเฝ้าประตูใหญ่ที่หน้าสำนัก ถึงจะเป็นตำแหน่งต่ำต้อยไร้ความสำคัญ
แต่เขาก็พอใจ เพราะขอแค่ได้อยู่ตรงหน้าประตู คอยเฝ้าดูนางเอกเดินผ่านไปผ่านมาก็พอใจแล้ว  
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อนางเอกตาย....  
ลี่เฉินหลานจึงต้องจับผลัดจับผลูกลายมาเป็นเจ้าสำนักซะเอง...
และด้วยความชอบขี้มโนของนางเอก จึงคิดว่าการตายของตนเองนั้นต้องเป็นฝีมือของลี่เฉินหลาน 
หรือเจ้าอัปลักษณ์ ม่อชิง นี้แน่นอน เมื่อความแค้นบังเกิดแถมได้กลับมาด้วยร่างใหม่ 
นางจึงวางแผนต่างๆ นานาว่าจะจัดการกับพระเอกยังไง  ด้วยวิธีการไหน 
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลากเจ้าคนทรยศตรงหน้านี้ลงหลุมไปด้วยกันให้ได้ ...หึหึ

นางเอกของเรื่องนี้ถึงจะเป็นจอมมารและเป็นถึงอดีตเจ้าสำนัก   
ซึ่งดูเหมือนจะโหดแต่เอาจริงๆ นางก็ไม่ได้ชั่วร้าย  
แต่นางชอบคิดว่าตัวเองเป็นคนชั่วร้าย โหดเหี้ยมอำมหิต แล้วทั้งใต้หล้านี้ขอแค่ทุกคนได้ยินชื่อ 
ลู่เจาเหยา ก็ต้องร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัว...
แต่เราว่านางนิสัยเหมือนเด็กมากกว่า ชอบทะเลาะต่อยตีกับชาวบ้านแต่ก็ไม่ได้ลงมือฆ่าใครส่งเดช  
แถมยังชอบขี้มโนสุดๆ อีกด้วย.....ส่วนพระเอกก็ตรงข้ามอยู่แล้ว เป็นคนพูดน้อย แทบไม่มีตัวตน  
เพราะมีรอยดำที่น่ากลัวบนใบหน้า จึงทำให้พี่แกชอบหลบซ่อนหน้าตาไว้ใต้เสื้อคลุม .... 
ถึงตอนที่เป็นเจ้าสำนักรอยดำจะหายไปแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อยู่ดี  
แต่ไม่นานชีวิตที่เงียบเหงาก็มีอันต้องหมดลงเมื่อพระเอกรับลูกศิษย์เข้ามาหนึ่งคน ..
เจ้าลูกศิษย์คนนี้มีนิสัยประหลาดกลางวันขี้กลัว แต่พอกลางคืนกลับใจกล้าไม่กลัวใคร
แถมยังทำให้พระเอกนึกถึงใครบางคน จนต้องเริ่มจับตาดูอีกด้วย 

พระเอกถึงจะพูดน้อยดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไร แต่นางเอกจะทำอะไรหรือกำลังคิดอะไรพี่แกรู้หมด....
ดีใจด้วยซ้ำที่นางเอกคิดวางแผนกำจัดตัวเองเพราะจะได้มีเรื่องให้ใกล้ชิดกัน   
คือให้ได้หมดทุกอย่างขอแค่นางเอ่ยปากพูดออกมาก็พอ...แต่กว่าจะทำให้นางรู้ใจตัวเองได้นั้น
พระเอกก็แทบกระอักเลือดตายเพราะพี่แกปากหนักอ่ะ ไม่ชอบพูดแต่แสดงออกด้วยการกระทำ  
แล้วนางเอกก็ดันชอบมโนไปคนละเรื่อง มันก็เลยต้องใช้เวลา 55+  
....แต่ระหว่างนั้นก็จะมีเรื่องอื่นแทรกเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมารฝ่ายธรรมมะหรือศัตรูเก่าของนางเอกที่กลับมา รวมทั้งอดีตความเป็นมาของนางเอกและความลับของพระเอกที่ไม่ใครรู้   
โดยรวมเราว่าเนื้อเรื่องก็สนุกดี เพราะส่วนตัวก็ชอบผลงานของนักเขียนท่านนี้ที่เป็นแนวภูตผีปีศาจ 
และเทพเซียนอยู่แล้ว ผูกปมได้สนุก ที่มาที่ไปสาเหตุของเรื่องราวต่างๆ ก็มีเหตุผล  
ในเรื่องก็ไม่ได้มีแต่คู่พระ-นาง แต่ยังมีคู่อื่นๆ อีก มีทั้งที่สมหวังและไม่สมหวัง  
เนื้อเรื่องสนุกแต่รู้สึกว่าสำนวนการแปลค่อนข้างจะวัยรุ่นไปหน่อย  ภาษากระชับฉับไว 
อ่านแล้วเลยเฉยๆ ไม่ค่อยอิน  (อันนี้แล้วแต่คนเน้อ ...อาจจะเป็นที่ข้อยคนเดียวน่ะ)

ปล.ส่วนตัวชอบตอนพิเศษตอนสุดท้ายมากที่สุด


" ทำไมข้าถึงต้องแต่งงานกับเจ้าด้วยล่ะ "

" เจ้าบอกว่าเจ้าจะอยู่กับข้าตลอดไปไม่ใช่หรือ? "
" แต่เจ้าสำนักบอกว่าเราต้องแต่งงานกับคนที่เราชอบที่สุดเท่านั้น  
ถึงข้าจะชอบเจ้าแต่คนที่ข้าชอบที่สุดคือเจ้าสำนักต่างหาก "
" แต่คนที่ข้าชอบที่สุดคือเจ้านี่นา "
" ถ้าอย่างนั้นก็แต่งเถอะ "
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอย่างที่สือชีพูดจริงหรือไม่ 
เขาเพียงแค่รู้สึกว่าหากเป็นอย่างนั้นจริง  บางทีฉินเชียนเสวียนอาจไม่ได้มาเกิดเพื่อบำเพ็ญเซียน  
แต่มาเกิดเพื่อสานต่อบุพเพสันนิวาสที่ยังค้างคาอยู่ในใจต่างหาก   
ฉินเชียนเสวียนกลายมาเป็นเขาเพื่อจะได้อาศัยฐานะนี้พูดกับสือชีว่า 'คนที่ข้าชอบที่สุดคือเจ้า'