เจาเหยา ... ใครว่าโลกนี้ไม่มีผี 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : จิ่วลู่เฟยเซียง
สำนักพิมพ์ Hongsamut
คำโปรยหลังปก
ข้าเป็นมาร
จอมมารผู้ขึ้นชื่อว่าเหี้ยมโหดมานานนับศตวรรษ
จอมยุทธ์ฝ่ายธรรมะที่เคยคิดกำจัดข้า ต่างพากันแปรสภาพเป็นศพซากใต้ผืนดิน
ไปแล้วไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพ
ทว่าข้ายังคงมีชีวิต ซ้ำยังใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมสุขและสนุกสุดๆ อีกด้วย
แต่เมื่อข้าคิดว่าตัวเองกำลังจะก้าวขึ้นสู่จุดที่สูงที่สุดของชีวิตแล้วนั้น
ข้ากลับตาย !
ดูเจ้าเด็กต่ำตมผู้มีหน้าที่เฝ้าประตูสำนักของตัวเอง ... ฆ่าตาย
นี่คือเรื่องราวของผีขี้อาฆาตที่จะทำให้คุณฮาท้องคัดท้องแข็งไปกับนาง
ก็ใครใช้ให้ตอนที่มีชีวิตอยู่ ลู่เจาเหยาไม่รู้จักทำบุญทำทาน กร่างไปทั่วกันเล่า
พอตาย ... แม้แต่จะหาคนมาเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ก็ยังไม่มี
ผีสาวคิดมาก ... อดีตนางมารผู้ยิ่งใหญ่จึงตายตาไม่หลับ
เอาแต่ลอยวนเวียนไปมาหน้าป้ายหลุมศพของตัวเอง กิจวัตรประจำวันของนางก็คือ
สาปแช่ง .. สาปแช่ง เจ้าหนุ่มม่อชิงศิษย์ทรยศที่ทำให้นางตาย
เมื่อวันหนึ่งโอกาสแก้แค้นหลุดมาถึงมือ
มีหรือคนที่ชั่วร้ายที่สุดในใต้หล้าอย่างนางจะไม่ตะครุบไว้
จุ๊ๆ ๆ ... เจ้าอัปลักษณ์
คนอย่างเจ้า ร้อยไม่ควรพันไม่ควร กระตุกหนวดมังกรหลับอย่างข้า !
ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
ลู่เจาเหยา
เจ้าสำนักว่านลู่ซึ่งเป็นสำนักมาร ยามมีชีวิตเรื่องดีๆ ไม่เคยทำถนัดทำแต่เรื่องไม่ดี
พอตายไปก็อย่าหวังเลยว่าใครจะมาเผากระดาษเงินกระดาษทองให้
ขนาดโลกของผีก็ยังไม่อยากจะยอมรับนาง
พอตายไปก็อย่าหวังเลยว่าใครจะมาเผากระดาษเงินกระดาษทองให้
ขนาดโลกของผีก็ยังไม่อยากจะยอมรับนาง
นางเอก ลู่เจาเหยา นางมารขี้มโนอดีตเจ้าสำนักมารว่านลู่ กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนลอยไปลอยมา
อยู่ที่หน้าหลุมศพของตัวเองไม่ยอมไปผุดไปเกิดกับเขาสักที ปีแล้วปีเล่าผ่านพ้นไปจนวันหนึ่งวิญญาณของนางก็ได้ไปเข้าสิงร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่วิ่งเข้ามาชนกับป้ายหลุมศพของตัวเอง
เมื่อได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจอมมารขี้มโนก็ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องสังหาร ลี่เฉินหลาน
เจ้าสำนักว่านลู่คนใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่ตัวเองให้จงได้ๆ ๆ
อยู่ที่หน้าหลุมศพของตัวเองไม่ยอมไปผุดไปเกิดกับเขาสักที ปีแล้วปีเล่าผ่านพ้นไปจนวันหนึ่งวิญญาณของนางก็ได้ไปเข้าสิงร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่วิ่งเข้ามาชนกับป้ายหลุมศพของตัวเอง
เมื่อได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจอมมารขี้มโนก็ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องสังหาร ลี่เฉินหลาน
เจ้าสำนักว่านลู่คนใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่ตัวเองให้จงได้ๆ ๆ
ลี่เฉินหลาน เจ้าสำนักว่านลู่คนปัจจุบัน
เป็นลูกชายของอดีตประมุขพรรคมารที่นางเอกเคยช่วยชีวิตเอาไว้
เขาติดตามนางเอกมาอยู่ในสำนักด้วย แต่เพราะไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกวิชา
ลี่เฉินหลานจึงเป็นได้เพียงคนเฝ้าประตูใหญ่ที่หน้าสำนัก ถึงจะเป็นตำแหน่งต่ำต้อยไร้ความสำคัญ
แต่เขาก็พอใจ เพราะขอแค่ได้อยู่ตรงหน้าประตู คอยเฝ้าดูนางเอกเดินผ่านไปผ่านมาก็พอใจแล้ว
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อนางเอกตาย....
ลี่เฉินหลานจึงต้องจับผลัดจับผลูกลายมาเป็นเจ้าสำนักซะเอง...
และด้วยความชอบขี้มโนของนางเอก จึงคิดว่าการตายของตนเองนั้นต้องเป็นฝีมือของลี่เฉินหลาน
หรือเจ้าอัปลักษณ์ ม่อชิง นี้แน่นอน เมื่อความแค้นบังเกิดแถมได้กลับมาด้วยร่างใหม่
นางจึงวางแผนต่างๆ นานาว่าจะจัดการกับพระเอกยังไง ด้วยวิธีการไหน
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลากเจ้าคนทรยศตรงหน้านี้ลงหลุมไปด้วยกันให้ได้ ...หึหึ
เป็นลูกชายของอดีตประมุขพรรคมารที่นางเอกเคยช่วยชีวิตเอาไว้
เขาติดตามนางเอกมาอยู่ในสำนักด้วย แต่เพราะไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกวิชา
ลี่เฉินหลานจึงเป็นได้เพียงคนเฝ้าประตูใหญ่ที่หน้าสำนัก ถึงจะเป็นตำแหน่งต่ำต้อยไร้ความสำคัญ
แต่เขาก็พอใจ เพราะขอแค่ได้อยู่ตรงหน้าประตู คอยเฝ้าดูนางเอกเดินผ่านไปผ่านมาก็พอใจแล้ว
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อนางเอกตาย....
ลี่เฉินหลานจึงต้องจับผลัดจับผลูกลายมาเป็นเจ้าสำนักซะเอง...
และด้วยความชอบขี้มโนของนางเอก จึงคิดว่าการตายของตนเองนั้นต้องเป็นฝีมือของลี่เฉินหลาน
หรือเจ้าอัปลักษณ์ ม่อชิง นี้แน่นอน เมื่อความแค้นบังเกิดแถมได้กลับมาด้วยร่างใหม่
นางจึงวางแผนต่างๆ นานาว่าจะจัดการกับพระเอกยังไง ด้วยวิธีการไหน
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลากเจ้าคนทรยศตรงหน้านี้ลงหลุมไปด้วยกันให้ได้ ...หึหึ
นางเอกของเรื่องนี้ถึงจะเป็นจอมมารและเป็นถึงอดีตเจ้าสำนัก
ซึ่งดูเหมือนจะโหดแต่เอาจริงๆ นางก็ไม่ได้ชั่วร้าย
แต่นางชอบคิดว่าตัวเองเป็นคนชั่วร้าย โหดเหี้ยมอำมหิต แล้วทั้งใต้หล้านี้ขอแค่ทุกคนได้ยินชื่อ
ลู่เจาเหยา ก็ต้องร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัว...
แต่เราว่านางนิสัยเหมือนเด็กมากกว่า ชอบทะเลาะต่อยตีกับชาวบ้านแต่ก็ไม่ได้ลงมือฆ่าใครส่งเดช
แถมยังชอบขี้มโนสุดๆ อีกด้วย.....ส่วนพระเอกก็ตรงข้ามอยู่แล้ว เป็นคนพูดน้อย แทบไม่มีตัวตน
เพราะมีรอยดำที่น่ากลัวบนใบหน้า จึงทำให้พี่แกชอบหลบซ่อนหน้าตาไว้ใต้เสื้อคลุม ....
ถึงตอนที่เป็นเจ้าสำนักรอยดำจะหายไปแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อยู่ดี
แต่ไม่นานชีวิตที่เงียบเหงาก็มีอันต้องหมดลงเมื่อพระเอกรับลูกศิษย์เข้ามาหนึ่งคน ..
เจ้าลูกศิษย์คนนี้มีนิสัยประหลาดกลางวันขี้กลัว แต่พอกลางคืนกลับใจกล้าไม่กลัวใคร
แถมยังทำให้พระเอกนึกถึงใครบางคน จนต้องเริ่มจับตาดูอีกด้วย
ซึ่งดูเหมือนจะโหดแต่เอาจริงๆ นางก็ไม่ได้ชั่วร้าย
แต่นางชอบคิดว่าตัวเองเป็นคนชั่วร้าย โหดเหี้ยมอำมหิต แล้วทั้งใต้หล้านี้ขอแค่ทุกคนได้ยินชื่อ
ลู่เจาเหยา ก็ต้องร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัว...
แต่เราว่านางนิสัยเหมือนเด็กมากกว่า ชอบทะเลาะต่อยตีกับชาวบ้านแต่ก็ไม่ได้ลงมือฆ่าใครส่งเดช
แถมยังชอบขี้มโนสุดๆ อีกด้วย.....ส่วนพระเอกก็ตรงข้ามอยู่แล้ว เป็นคนพูดน้อย แทบไม่มีตัวตน
เพราะมีรอยดำที่น่ากลัวบนใบหน้า จึงทำให้พี่แกชอบหลบซ่อนหน้าตาไว้ใต้เสื้อคลุม ....
ถึงตอนที่เป็นเจ้าสำนักรอยดำจะหายไปแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อยู่ดี
แต่ไม่นานชีวิตที่เงียบเหงาก็มีอันต้องหมดลงเมื่อพระเอกรับลูกศิษย์เข้ามาหนึ่งคน ..
เจ้าลูกศิษย์คนนี้มีนิสัยประหลาดกลางวันขี้กลัว แต่พอกลางคืนกลับใจกล้าไม่กลัวใคร
แถมยังทำให้พระเอกนึกถึงใครบางคน จนต้องเริ่มจับตาดูอีกด้วย
ดีใจด้วยซ้ำที่นางเอกคิดวางแผนกำจัดตัวเองเพราะจะได้มีเรื่องให้ใกล้ชิดกัน
คือให้ได้หมดทุกอย่างขอแค่นางเอ่ยปากพูดออกมาก็พอ...แต่กว่าจะทำให้นางรู้ใจตัวเองได้นั้น
พระเอกก็แทบกระอักเลือดตายเพราะพี่แกปากหนักอ่ะ ไม่ชอบพูดแต่แสดงออกด้วยการกระทำ
แล้วนางเอกก็ดันชอบมโนไปคนละเรื่อง มันก็เลยต้องใช้เวลา 55+
....แต่ระหว่างนั้นก็จะมีเรื่องอื่นแทรกเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมารฝ่ายธรรมมะหรือศัตรูเก่าของนางเอกที่กลับมา รวมทั้งอดีตความเป็นมาของนางเอกและความลับของพระเอกที่ไม่ใครรู้
โดยรวมเราว่าเนื้อเรื่องก็สนุกดี เพราะส่วนตัวก็ชอบผลงานของนักเขียนท่านนี้ที่เป็นแนวภูตผีปีศาจ
และเทพเซียนอยู่แล้ว ผูกปมได้สนุก ที่มาที่ไปสาเหตุของเรื่องราวต่างๆ ก็มีเหตุผล
ในเรื่องก็ไม่ได้มีแต่คู่พระ-นาง แต่ยังมีคู่อื่นๆ อีก มีทั้งที่สมหวังและไม่สมหวัง
เนื้อเรื่องสนุกแต่รู้สึกว่าสำนวนการแปลค่อนข้างจะวัยรุ่นไปหน่อย ภาษากระชับฉับไว
อ่านแล้วเลยเฉยๆ ไม่ค่อยอิน (อันนี้แล้วแต่คนเน้อ ...อาจจะเป็นที่ข้อยคนเดียวน่ะ)
คือให้ได้หมดทุกอย่างขอแค่นางเอ่ยปากพูดออกมาก็พอ...แต่กว่าจะทำให้นางรู้ใจตัวเองได้นั้น
พระเอกก็แทบกระอักเลือดตายเพราะพี่แกปากหนักอ่ะ ไม่ชอบพูดแต่แสดงออกด้วยการกระทำ
แล้วนางเอกก็ดันชอบมโนไปคนละเรื่อง มันก็เลยต้องใช้เวลา 55+
....แต่ระหว่างนั้นก็จะมีเรื่องอื่นแทรกเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมารฝ่ายธรรมมะหรือศัตรูเก่าของนางเอกที่กลับมา รวมทั้งอดีตความเป็นมาของนางเอกและความลับของพระเอกที่ไม่ใครรู้
โดยรวมเราว่าเนื้อเรื่องก็สนุกดี เพราะส่วนตัวก็ชอบผลงานของนักเขียนท่านนี้ที่เป็นแนวภูตผีปีศาจ
และเทพเซียนอยู่แล้ว ผูกปมได้สนุก ที่มาที่ไปสาเหตุของเรื่องราวต่างๆ ก็มีเหตุผล
ในเรื่องก็ไม่ได้มีแต่คู่พระ-นาง แต่ยังมีคู่อื่นๆ อีก มีทั้งที่สมหวังและไม่สมหวัง
เนื้อเรื่องสนุกแต่รู้สึกว่าสำนวนการแปลค่อนข้างจะวัยรุ่นไปหน่อย ภาษากระชับฉับไว
อ่านแล้วเลยเฉยๆ ไม่ค่อยอิน (อันนี้แล้วแต่คนเน้อ ...อาจจะเป็นที่ข้อยคนเดียวน่ะ)
ปล.ส่วนตัวชอบตอนพิเศษตอนสุดท้ายมากที่สุด
" ทำไมข้าถึงต้องแต่งงานกับเจ้าด้วยล่ะ "
" เจ้าบอกว่าเจ้าจะอยู่กับข้าตลอดไปไม่ใช่หรือ? "
" แต่เจ้าสำนักบอกว่าเราต้องแต่งงานกับคนที่เราชอบที่สุดเท่านั้น
ถึงข้าจะชอบเจ้าแต่คนที่ข้าชอบที่สุดคือเจ้าสำนักต่างหาก "
" แต่คนที่ข้าชอบที่สุดคือเจ้านี่นา "
" ถ้าอย่างนั้นก็แต่งเถอะ "
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอย่างที่สือชีพูดจริงหรือไม่
เขาเพียงแค่รู้สึกว่าหากเป็นอย่างนั้นจริง บางทีฉินเชียนเสวียนอาจไม่ได้มาเกิดเพื่อบำเพ็ญเซียน
แต่มาเกิดเพื่อสานต่อบุพเพสันนิวาสที่ยังค้างคาอยู่ในใจต่างหาก
ฉินเชียนเสวียนกลายมาเป็นเขาเพื่อจะได้อาศัยฐานะนี้พูดกับสือชีว่า 'คนที่ข้าชอบที่สุดคือเจ้า'
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น