วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565

ฟีโรโมนของนายกับฉันเข้ากันได้ 99%

 


ฟีโรโมนของนายกับฉันเข้ากันได้ 99%  2 เล่มจบ + เล่มพิเศษ
ผู้แต่ง : อิ่นลู่ซิง
ผู้แปล : fangfei
สำนักพิมพ์  Rose Publishing

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

เป็นแนว  Omegaverse พระเอก-นายเอก เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายปี 2 อยู่ห้องเดียวกัน พระเอก ลู่ซิงฉือ เป็นต้นหญ้าของโรงเรียนหรือเดือนโรงเรียน แบบหล่อที่สุด ไปไหนก็เป็นจุดสนใจมีแต่คนชอบ เป็นอัลฟ่าที่หน้าตาดีมาก ฉลาด เรียนเก่ง ฐานะชาติตระกูลดีเลิศ
แต่เพราะหล่อเกินบวกกับเป็นอัลฟ่า
นายเอก ต้วนเจียเหยี่ยน ซึ่งเป็นบิ๊กบอสของโรงเรียน และต่อยตีเก่งเป็นอันดับหนึ่ง และแถมยังเป็นเบต้า(ในขณะนั้น) จึงไม่ค่อยชอบพระเอกสักเท่าไร เพราะผู้หญิงที่ตนชอบมักจะไปชอบพระเอกกันหมด ทั้งๆ ที่นายเอกก็หน้าตาดีไม่น้อย เล่นกีฬาก็เก่ง ต่อยตีกับใครก็ชนะ..มันน่าโมโหจริงๆ ไปๆ มาๆ ทั้งคู่เลยไม่ชอบขี้หน้ากันไปโดยปริยาย 55 ...

ทว่าคนสองคนที่ไม่ค่อยถูกชะตากลับต้องมาเกี่ยวข้องกันด้วยเรื่องบางอย่าง...
เมื่อเพศที่แท้จริงของนายเอกแสดงช้าเกินไป
เพิ่งมาออกอาการฮีทตอนอายุ 17
นายเอกถึงได้รู้ว่าที่แท้ตัวเองก็เป็นโอเมก้า ไม่ใช่เบต้านาจาาา แถมยังเป็นโรคไวสัมผัสต่ออัลฟ่าอีก เป็นหนักมาก เพราะร่างกายถูกกดจนพัง อาการเลยรุนแรง ซึ่งวิธีรักษาก็คือต้องกักตัว
3-5 ปี หรือไม่ก็หาอัลฟ่าที่มีฟีโรโมนเข้ากันได้มาช่วยรักษาให้ โดยการกอด จูบ หรือทำสัญลักษณ์ชั่วคราวไม่ก็ถาวร... และแน่นอนว่าอัลฟ่าคนนั้นก็คือพระเอกเองจ้า ...หึหึหึ

ตอนที่นายเอกฮีทครั้งแรกพระเอกไปเจอพอดี เลยจะช่วยเอายามาให้ แต่บังเอิญคนที่หมั่นไส้พระเอกไปเห็นเข้า เลยไปกุข่าวว่าพระเอกบังคับขืนใจมีอะไรกับโอเมก้าในห้องน้ำ ก็เลยเป็นเรื่องพระเอกถูกอาจารย์เรียกพบ เพราะการบังคับขืนใจโอเมก้าถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย
ถ้าเป็นโอเมก้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะโทษก็ยิ่งแรง...พอนายเอกรู้เข้าเลยไปเอาเรื่องคนที่ปล่อยข่าว อัดซะน่วม ทำให้อีกฝ่ายอับอายสุดๆ เพราะตัวเองเป็นอัลฟ่าแท้ๆ (ปกติอัลฟ่าจะแข็งแกร่งกว่าโอเมก้า) แต่กลับมาถูกคนที่เป็นโอเมก้าอัดซะได้ สุดท้ายคนทั้งโรงเรียนเลยรู้กันหมดว่าโอเมก้าคนนั้นคือนายเอก เพราะตอนแรกพระเอกไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร...

หลังจากนั้นพระ-นายก็ค่อยๆ หายอคติกัน พอได้ทำกิจกรรมด้วยกันก็เริ่มสนิทกันละทีนี้ 
นายเอกขอให้พระเอกช่วยอะไร พระเอกก็แทบไม่ปฏิเสธเลย ขอให้ช่วยติวพระเอกก็ช่วย
ตอนแข่งบาสกับคนที่ปล่อยข่าวพระเอกก็มาช่วย บอกให้เปลี่ยนที่นั่งพระเอกก็ยอมเปลี่ยน
ตอนไปกินอาหารแล้วนายเอกเมา พระเอกก็เป็นคนแบกมาส่ง ตอนไปทัศนศึกษาอาการกำเริบ ต้องไปขอนอนกับ
พระเอกด้วยเพื่อระงับอาการ พี่แกก็ให้ 55 .. 
เรียกได้ว่าขออะไรก็ให้ เล็ก-ใหญ่แค่ไหนพี่ก็ไม่ปฏิเสธ เข้าข้าง+โอ๋นายเอกบ่อยจนเพื่อนงง เริ่มสงสัยว่าสองคนนี้มีอะไรกันอ๊ะเปล่า หรือข่าวลือเรื่องที่บิ๊กบอสกับต้นหญ้าของโรงเรียนคบกันจะเป็นความจริง 55....

จนหลังๆ พระเอกออกอาการชัด เพื่อนสนิทข้างตัวก็ดูออก แต่มีนายเอกคนเดียวที่ดูไม่ออก เห็นแมนๆ ต่อยตีเก่งแบบนี้ แต่ใสซื่อ ความรู้สึกช้ามากกกก ...พอถูกสารภาพรักครั้งแรกน้องเลยอึ้ง! ตกใจ ปฏิเสธทันที ยกเหตุผลมาสารพัด แต่พระเอกก็ใช่ย่อย ตีกลับได้หมด 55..
เพื่อนสนิทนายเอกที่เป็นโอเมก้ารู้ก็อิจฉา มีแต่คนอิจฉาาา เพราะพระเอกเสน่ห์แรงมากก
มีแต่คนมาจีบ แต่พระเอกไม่เคยชอบใครเลย ใครมาสารภาพรักพี่ก็ปฏิเสธหมด
แต่นายเอกนี่แบบ..ได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าที่มีแต่คนหมายปองแล้วยังไม่รู้ตัวอีก
55

เป็นแนวความรักในวัยเรียน เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จึงเกี่ยวกับเรื่องเรียน การสอบ การแข่งกีฬา
ความสัมสัมพันธ์กับเพื่อน ชีวิตวัยรุ่น ความรักกุ๊กกิ๊กน่ารัก พล็อตเรียบง่ายไม่มีอะไรต้องเดา อ่านเอาเพลินๆ เหม็นฟามรักดี 55  ไม่มีดราม่า
แม่พระเอกก็ชอบนายเอก อยากรู้จักอยากเจอหน้าตั้งแต่ได้กลิ่นฟีโรโมนโอเมก้าจากตัวลูกชายแล้ว..ว่าใครหนอที่ทำให้ลูกเรายอมใกล้ชิดดูแลได้ขนาดนี้ 

พระเอกพอ
ชอบ+ได้คบแล้วก็คลั่งรักมากกก หน้าไม่อาย ขัดกับภาพลักษณ์ภายนอกมากพี่จ๋า
55... ใน
ตอนวันเกิดพระเอก มีลูกสาวตระกูลหนึ่งที่รวยๆ เหมือนกันมาสนใจพี่แก 
พระเอกก็ไม่พูดมาก แต่ใช้การกระทำแสดงให้เขาเห็นเลยว่าหัวใจมีเจ้าของแล้ว
ทว่าสาวเจ้าก็ยังไม่เชื่อ ไปบอกแม่ แม่ก็ไม่เชื่อ จนต้องหาข้ออ้างเชิญบ้านพระเอกกับเหล่าตระกูลดังๆ มากินข้าวแล้วหยั่งเชิงพระเอกอีกที สุดท้ายสาวเจ้าหรือลูกคุณหนูเห็นพระเอกเย็นชาถามคำตอบคำก็ไม่พอใจ โพล่งเรื่องที่เห็นพระเอกทำกับนายเอกในวันนั้นออกมา
พระเอกก็ประกาศกลางวงไปเลยสิว่าช่ายย...คนนี้แหละที่ผมจะแต่งงานด้วย 55...
ตัดความคิดเพ้อฝันของคนอื่นๆ ที่อยากดองกับตระกูลตัวเองทิ้งหมด
เห็นนิ่งๆ ดูสุภาพแบบนี้ แต่พอมีแฟนแล้วก็หน้าไม่อายเหมือนหมาป่าดีๆ นี่เอง ขนาดนายเอกที่ดูทะโมน หัวรั้น เป็นหัวโจกของโรงเรียน ยังหน้าหนาสู้พี่แกไม่ได้เลย 55

ป.ล. เล่ม1-2 ใสๆ ไม่มี nc ไปมีในเล่มพิเศษตอนเข้ามหาลัย เล่มบางๆ แต่จัดเต็มมาก (เลือดกำเดาจิ่ไหล T^T...)
ป.ล. ชอบเวลาเพื่อนนายเอกเรียกแทนตัวเองว่าพ่อ แล้วเรียกนายเอกว่าลูกชายอะ
น่ารักดี


วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2565

แอบรักให้เธอรู้ 4 เล่มจบ

 


แอบรักให้เธอรู้ 4 เล่มจบ / ผู้แต่ง : จู๋อี่
ผู้แปล ดารินทิพย์
สำนักพิมพ์ Siam Inter Book

ทุกตัวอักษรของเด็กหญิง ในช่วงที่ความรู้สึกสุดแสนจะบริสุทธิ์และแรงกล้า 

          จรดเขียนความใฝ่ฝันที่เธอเชื่อว่าสักวันต้องเป็นจริง

       เธอจึงเพียรพยายาม ไม่เคยหยุดยั้งที่จะมุ่งสู่เป้าหมายนั้น

     จากนั้นเธอพบว่า ที่แท้บางครั้ง..ความใฝ่ฝันก็ไม่มีทางเป็นจริงได้

    ในวัยที่เริ่มรู้จักความรัก เธอแอบค้นพบสมบัติล้ำค่าอย่างหนึ่ง

    แต่ที่น่าเสียดายคือ กลับไม่อาจเป็นเจ้าของสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น...

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

เรื่องราวความรักของสาวน้อยชั้นมัธยมต้น ซางจื้อ ที่แอบชอบ ต้วนเจียสวี่ หนุ่มมหาลัยปี 3 เพื่อนของพี่ชายที่มีอายุห่างกันถึง 7 ปี การพบหน้ากันครั้งแรกที่ห้องของพี่ชายในวันนั้น
การปรากฏตัวที่แสนปุบปับและความเข้าใจผิด เรื่องธรรมดาทว่ากลับตราตรึงอยู่ในหัวใจของซางจื้อไม่รู้ลืม ...ทำให้เธอได้รู้จักการแอบรัก ได้ค้นพบสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจบอกใคร
ได้หัวเราะ ได้ยิ้มมีความสุข ได้สัมผัสความทุกข์และเสียน้ำตา..
ในมุมหนึ่งของหัวใจที่ไม่มีใครล่วงรู้ ความรู้สึกบางอย่างได้ก่อตัวขึ้นและขยายออกไปเรื่อยๆ ตามวันเวลาและการเติบโตของเธอ ...

นางเอก ซางจื้อ สาวน้อยวัย 13 แก่น แสบ ฉลาด ชอบแกล้งพี่ชาย เป็นลูกที่ดีว่าง่ายของพ่อแม่ แต่ไม่ใช่กับซางเหยียนพี่ชายของเธอ 55 ซางจื้อน้อยแอบหลงรักเพื่อนพี่ชายมาตั้งแต่แรกพบ แต่เพราะยังเด็ก(ก็เด็กจริง) เธอจึงไม่เคยบอกความลับนี้กับใคร ได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้อย่างมิดชิด

พระเอก ต้วนเจียสวี่ หนุ่มหล่อรูปงาม อบอุ่นอ่อนโยนแต่ขี้เล่น คล้ายเข้ากับคนง่าย
เหมือนไม่เอาจริงเอาจัง แต่กลับมีระยะห่างที่กั้นให้คนเข้าไม่ถึง ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ กลับซุกซ่อนอดีตอันขมขื่นและภาระมากมายที่เขาต้องแบกรับ(ตามลำพัง)

นางเอกต้องคอยหาข้ออ้างเพื่อเข้าใกล้พระเอก แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องคอยปกปิดความรู้สึกของตัวเองไปด้วย เพราะในสายตาของพระเอก ของทุกคน ณ ตอนนั้น เธอยังเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งที่ยังไม่ประสีประสา ความชอบของเธอก็คงแค่เพียงประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ลึกซึ้ง และคงไม่มีใครเชื่อว่ามันจะมั่นคงยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้

เนื้อเรื่องธรรมดา พล็อตเรียบง่าย แต่อ่านแล้ววางไม่ลง ความเรียลของการแอบรัก
ความธรรมดาที่ชวนให้ติดตามอยากเอาใจช่วย
ถ้าเคยแอบชอบใครสักคน เราก็คงทำแบบนางเอกนี่แหละมั้ง พอรู้ว่าชอบก็ไปแย็บๆ ถามสืบข่าวจากพี่ตัวเอง พอรู้ว่าอีกฝ่ายจะไปไหน
ทำอะไร หากมีโอกาสก็ต้องเนียนขอตามพี่ไปด้วย พอเขาให้ของอะไรมา ต่อให้เล็กน้อยหรือไม่มีราคา แต่ก็จะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี อย่างตอนที่พระเอกซื้อนมให้นางเอกกิน
แต่เธอกินไม่ได้เนื่องจากแพ้นมวัว นางเอกเลยทิ้งแต่นมข้างใน แล้วเก็บขวดเอาไว้แทน

..บทธรรมดาดูเหมือนเรียบง่าย แต่อ่านแล้วรู้สึกยิ้มตามยังไงไม่รู้

ตอนคะแนนฟิสิกส์ตก ที่บ้านจะจ้างคนมาสอน นางเอกไม่อยากเรียน แต่พอรู้ว่าพระเอกเป็นคนสอน น้องก็เปลี่ยนท่าทีหันกลับมาตั้งใจเรียนอย่างดี ความจริงนางเอกเป็นคนเรียนเก่งนะ
ถึงจะมีรักในวัยเรียนแต่ก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการเรียน ท็อปของสายชั้น แถมยังหน้าตาสวยเลยมีแต่คนมาชอบ ทว่าก็ถูกปฏิเสธกลับไปทุกราย เพราะนอกจากคนๆ นั้น เธอก็ไม่อาจชอบใครได้อีกจริงๆ

แม้จะหน้าตาดี แต่คนที่ชอบก็ยังมองว่าเธอเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งอยู่วันยังค่ำ
จนบางทีนางเอกก็ท้อใจ บวกกับความขี้เล่นและความใจดีของเขา รวมถึงอายุที่แตกต่าง
เลยยิ่งกลัวว่าระหว่างที่เธอกำลังเติบโด พระเอกก็อาจจะมีใครไปซะก่อน
นางเอกกลัวมาก
จนมีครั้งหนึ่งหลังจากที่พระเอกเรียนจบ นางเอกบังเอิญไปได้ยินพี่ชายตัวเองคุยกับเพื่อนว่าพระเอกกำลังจะมีแฟน เท่านั้นแหละ... พอเช้าวันต่อมานางเอกก็แอบหยิบบัตรปชช.ของพ่อแม่มุ่งหน้าไปสนามบิน จัดการซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วบินไปหาพระเอกเลยจ้า..
พอเห็นว่าอีกฝ่ายมีสาวสวยอยู่ข้างกาย นางเอกก็เสียใจ พอกลับมาบ้านก็พยายามจะตัดใจ
ไม่ติดต่อไม่รับสายเวลาพระเอกโทรหาอีก ทว่าสุดท้ายในตอนที่กำลังจะเลือกมหาวิทยาลัย นางเอกก็ยังตัดสินใจทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจอยู่ดี...อิอิ

ต่อมานางเอกก็เข้ามหาลัยฯ พระเอกอยู่ในช่วงวัยทำงาน ทั้งสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในตอนที่วันเวลาและอายุเหมาะสมโตพอแล้ว เมื่อเด็กน้อยน่ารักกลายเป็นหญิงสาวแสนสวยที่สามารถยืนอยู่ข้างหน้าและปกป้องคนๆ หนึ่งได้ พระเอกจึงเริ่มหวั่นไหว ชักอยากเปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็นเดนมนุษย์แทนซะแล้ว 55...
ส่วน
นางเอกก็ได้เห็นมุมด้านอื่นๆ ของพระเอกมากขึ้น ได้รู้ว่าภายใต้รอยยิ้มอันอ่อนโยนแสนทะเล้นนั้นมีเรื่องราวอะไรแอบซ่อนอยู่
หวานนนมาก ตอนพระเอกรุกจีบน่ารักมาก แอบเขินเลย .. ใครว่าวิธีของพระเอกเชย นี่อ่านแล้วว่าไม่น๊าาา ยิ่งตอนเขาคบกัน พระเอกนี่แบบ.... อืมมม หื่นไม่เบา 55
มันน่ารักจนต้องยิ้มตามทั้งเรื่องจริงๆ ยกความดีความชอบให้กับความหน้าไม่อายของพระเอกเลย 55 ตอนเป็นพี่ชายว่าดีแล้ว ตอนเป็นแฟนยิ่งโคตรดี

พระเอกสายละมุน อ่อนโยนใจดี ขี้เล่น ทะเล้น หน้าไม่อาย 55 เป็นพี่ชายที่แสนดี แม้จะตามใจแต่ถ้านางเอกทำผิดเมื่อไรก็พร้อมบอกและเตือนด้วยเหตุผลเสมอ ไม่ใช่แนวเย็นชาโมโหร้าย เพราะพระเอกไม่เคยขึ้นเสียงเลย เป็นคนใจเย็นมาก
พระ-นางต่างก็เป็นคนธรรมดา บ้านนางเอกมีฐานะดีหน่อย ส่วนพระเอกนั้นบ้านจน
ไม่ใช่แนวท่านประธานลูกคนรวยเน้อ พระเอกต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย นอกจากเรียนก็ทำแต่งาน แทบไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเด็กมหาลัยฯ เลย ...ปมหนักๆ ในเรื่องส่วนใหญ่ก็มาจากฝั่งพระเอกนี่แหละ แต่ปมอะไรแบบไหนต้องไปลองอ่านเองเน้อ (ไม่อยากสปอยล์
><)

ป.ล. ส่วนอีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ...พี่ชายของนางเอกนี่แหละ ปากแข็ง เย็นชา
หลงตัวเอง แต่ชอบแกล้งน้องสาวมากกก เจอหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันทุกทีพี่น้องคู่นี้
แต่พอน้องเกิดเรื่องโดนรังแก พี่ก็ยกพวกเอ้ย
! พาเพื่อนมาเลยจ้า55

"นี่น้อง อย่าว่าแค่ยี่สิบหยวน ต่อให้เธอเอาเงินจากน้องสาวฉันไปแค่สองหยวน
ฉันก็ต้องคิดบัญชีกับเธอ"
ตอนรู้ว่าพระ-นางคบกัน อิพี่จัดหนักเลยจ้ะ ...หมายถึงจัดพระเอกนะ เล่นซะน่วม55 (อย่างโหด) ดีใจที่พี่ก็มีเล่มแยกเป็นของตัวเอง ออกกับสนพ.แจ่มใสเน้อ เรื่อง First Frost วันนี้วันไหนยังไงก็เธอ 3 เล่มจบ ถ้าใครชอบความแสบความกวนของพี่ชายก็อย่าลืมไปซื้อมาอ่านนะ (ของมันต้องมี 55) นี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงแบบไหนถึงจะทำให้คนอย่างพี่ชอบได้ ^^



วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565

Taking a chance on love เปิดใจให้ได้รัก 2 เล่มจบ

 

Taking a chance on love เปิดใจให้ได้รัก 2 เล่มจบ
ผู้แต่ง : อูอวิ๋นหร่านหร่าน
ผู้แปล : Lucky Luna
สำนักพิมพ์ With Love by Jamsai

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก เจียงเหม่ยซี สาวโสดวัยเกือบ 30 เป็นหญิงแกร่ง ทำงานเก่ง  พึ่งพาตัวเองได้ไม่ต้องง้อใคร ไม่สนใจความรัก ชีวิตมีแต่งานๆๆๆ แล้วก็งาน
วันหนึ่งเพราะความเมาจึงทำให้เธอเข้าห้องผิด และไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ เยี่ยสวี่
หนุ่มรุ่นน้องสุดหล่อที่อ่อนกว่าเธอถึง
7 ปี ด้วยความตกใจเธอจึงทิ้งเงินไว้ให้เขาแล้วจากไปทันที แต่ใครจะไปคิดว่าเช้าวันต่อมา หนุ่มสุดหล่อคนนี้จะดันมาสมัครงานที่บริษัทเธอ ความสัมพันธ์ที่ควรจะจบกลับไม่จบง่ายๆ เพื่อรักษาความลับและชื่อเสียงอันดีงาม เจียงเหม่ยซีจึงต้องพยายามขัดขวางหาทางทำให้เขาไม่อาจเข้ามาทำงานที่นี่ได้ แต่สุดท้ายนอกจากจะไม่สำเร็จ อีกฝ่ายก็ยังกลายมาเป็นลูกน้องของเธออีกด้วย...เหอๆ

นางเอกทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีอยู่ในบริษัทบัญชีที่มีชื่อเสียง เป็นคนละเอียดรอบคอบ เข้มงวดจุกจิกโดยเฉพาะกับเรื่องงาน เป็นเหมือนแม่มดหรือยมทูตดำในสายตาคนที่ทำงาน
มีแต่คนเคารพเกรงกลัว ไม่อยากเข้าใกล้...ไม่มีความอ่อนหวานอ่อนโยนผิดกับผู้หญิงทั่วๆ ไป เป็นสาวแกร่ง
working women
ส่วนพระเอกเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยกำลังเริ่มทำงาน ฉลาด หล่อ ฐานะดี
แถมยังทำงานเก่ง มีแต่คนชอบ แต่เพราะเรื่องในคืนนั้นนางเอกจึงไม่ชอบและมีอคติกับพระเอกมากกกก
ในขณะที่กำลังเรียกพระเอกมาคุยเพื่อขู่ให้กลัวก็ดันมีคนมา นางเอกจึงแสร้งทำเป็นว่าถูกพระเอกเรียกมาสารภาพรักแทน แล้วตัวเองก็เป็นฝ่ายปฏิเสธตอกกลับไป...นับแต่นั้นข่าวลือเรื่องนี้จึงแพร่กระจายไปทั่ว ทุกคนในบริษัทก็เข้าใจว่าพระ-นางไม่ถูกกัน (แต่ความจริงมีแค่นางเอกฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ไม่ถูกกับเขา 55) ประกอบกับท่าทางยียวนไม่สนใจของพระเอก เลยยิ่งทำให้นางเอกกังวลอยู่ตลอดว่าอีกฝ่ายจะหลุดพูดเรื่องความสัมพันธ์นั้น แต่ไม่ว่าเธอจะข่มขู่หรือพยายามหนีหน้าถอยห่างอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นเธอ ...ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกเขาบีบเอาไว้ในกำมือทุกครั้ง....

ความจริงแต่ก่อนนางเอกไม่ใช่หญิงแกร่งสุดโหดแบบนี้นะ แต่เพราะเคยถูกแฟนเก่าบอกเลิกแล้วเฮิร์ทมาก ขนาดยอมทิ้งศักดิ์ศรีขอร้องให้เขาเปลี่ยนใจก็แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังยืนยันที่จะเลิกตามเดิม นางเอกเลยดิ่งแย่ไปพักหนึ่ง แล้วก็อาศัยการทำงานหนักเพื่อช่วยให้ลืม หลังจากนั้นก็กลายเป็นคนทุ่มเทให้ความสนใจแต่เรื่องงาน สร้างเกราะติดหนามรอบตัวเพื่อปกป้องตนเอง ทั้งที่ใจจริงก็รู้สึกดีๆ กับพระเอกแต่กลับปากแข็ง(มากกก) เลือกที่จะถอยหนีและปฏิเสธทุกครั้ง แต่พระเอกก็ไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายก็ได้คบกันแบบลับๆ แบบไม่มีอนาคตห้ามคาดหวัง... เนื่องจากปมในอดีตของนางเอก บวกกับเรื่องครอบครัวของเธอที่มีแต่คนหย่าร้าง แล้วไหนจะอายุที่แตกต่างกันของทั้งสองคน นางเอกเลยกลัว ไม่คิดจะเสี่ยงใดๆ ไม่อยากเสียใจเหมือนในอดีตอีกแล้ว...กระทั่งวันหนึ่งแม่พระเอกรู้เข้า เลยเรียกไปคุยแบบอ้อมๆ แต่นางเอกก็เดาได้ จึงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์นี้ทันที

เป็นแนวความรักในวัยทำงาน ของสาวโสดวัยใกล้เลข 3 กับหนุ่มน้อยวัย 22 ที่เพิ่งเรียนจบ จากความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน ก็กลายมาเป็นเจ้านายกับลูกน้อง แล้วเปลี่ยนมาเป็นความสัมพันธ์แบบลับๆ... แต่นอกจากเรื่องรัก ก็ยังมีเรื่องสายงานที่นางเอกทำ(ละเอียดมาก)
มีเรื่องการทรยศหักหลังของคนในที่ทำงาน นางเอกเป็นคนที่ยอมหักไม่ยอมงอ
ซื่อตรงต่ออาชีพของตัวเองมาก เพราะรู้ว่าหากทำพลาดก็จะเกิดผลกระทบต่อหลายๆ ฝ่ายและหลายๆ คน เป็นคนที่ภายนอกดูดุ เข้มงวด มาตรฐานสูง แต่ถ้าลูกน้องตัวเองเกิดปัญหาก็พร้อมเข้าช่วยและปกป้องเสมอ กับพระเอกแม้ตอนแรกจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ใช้ตำแหน่งตัวเองมาทำให้อีกฝ่ายลำบากอะไร รู้ว่าเขาทำงานดี+เก่งก็ยอมรับในความสามารถ เพียงแค่พยายามหลบเลี่ยงอยู่ห่างๆ ไม่ยุ่ง แต่ก็ไม่ได้อีกนะ เพราะดันอยู่คอนโดใกล้กัน แล้วพระเอกก็ไม่ปล่อยมือด้วย..อิอิ

มีดราม่าเรื่องงานแล้วก็เรื่องความสัมพันธ์พระ-นางนี่แหละ กว่าจะได้ลงเอยกันเหนื่อยมาก เพราะนางเอกใจแข็งมากกกจริงๆ ตอนแรกนึกว่าจะมีอุปสรรคเรื่องแม่พระเอกมากกว่านี้
แต่ก็ไม่มีแฮะ เหมือนจู่ๆ แม่ก็ยอมรับได้เฉย แล้วก็เรื่องเพื่อนที่ทำงานนางเอกอะ ไม่มีเฉลยบทสรุปเลยว่าตกลงแล้วได้รับกรรมอะไรบ้าง สงสารนางเอกนะอุตส่าห์ไว้ใจ ...


วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2565

ฮวาปู๋ชี่ นางนี้ที่ฝากรัก 4 เล่มจบ

 


ฮวาปู๋ชี่ นางนี้ที่ฝากรัก 4 เล่มจบ
ผู้แต่ง : จวงจวง
ผู้แปล : เสี่ยวหวา
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
นางเอกเป็นหญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณ
ชาติก่อนตอนอยู่ยุคปัจจุบันก็ถูกลักพาตัวตั้งแต่ 
5 ขวบ ต้องกลายเป็นเด็กเร่ร่อน ต้องขายดอกไม้ อาศัยการลักเล็กขโมยน้อยและต้มตุ๋นเพื่อเลี้ยงชีพ พอตายก็ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของทารกหญิง ฮวาปู๋ชี่ ที่ได้ขอทานเลี้ยงดู พอท่านอาขอทานตายก็อาศัยน้ำนมแม่หมาเพื่อต่อชีวิต ต่อมามีคนสงสารก็เลยได้เป็นคนดูแลสวนผักอยู่ในหมู่ตึกโอสถสกุลหลิน และอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ กับแม่หมา...เป็นนางเอกที่ชีวิตอนาถมากทั้งชาติก่อนและชาตินี้
ทะลุมาก็ไม่ได้เป็นคุณหนูลูกผู้ดีหรือมีชีวิตที่สุขสบายอะไรเลย แถมยังไม่มีพระเอกหล่อๆ โปรไฟล์ดีๆ โผล่มาช่วยหรือเป็นแบ็คด้วย
55

เหตุมันเกิดหลังจากที่บุรุษคนแรกโผล่มาได้ไม่นาน หลังจากนั้นเรื่องที่อ๋องเจ็ดน้องชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน กำลังตามหาลูกของอดีตหญิงสาวคนรักก็แพร่กระจายไปทั่วจนมาถึงเมืองที่นางเอกอยู่ ต้องบอกก่อนนะว่านางเอกเรื่องนี้มีหน้าตาธรรมดา ความสามารถพิเศษก็ไม่มี วรยุทธ์อะไรก็ไม่เป็น แต่นางมีทักษะขโมย เปลี่ยนสีหน้าเก่ง ปรับตัวไว และมีดวงตาที่สุกสกาวแวววาวเปล่งประกายสวยมากกกก จนทำให้คนที่มองหลงลืมหน้าตาแต่กลับจดจำดวงตาได้ไม่ลืม (อยากรู้เหมือนกันว่าสวยขนาดไหน เพราะเห็นในหนังสือบรรยายไว้เยอะ มีแต่คนชม)

หมู่ตึกโอสถสกุลหลินที่นางเอกไปอาศัยอยู่ได้รูปภาพนั้นมา เมื่อเห็นว่านางเอกมีท่าทางบางอย่างกับดวงตาเหมือนคนในภาพ จึงรับเป็นลูกบุญธรรมและหันมาทำดีด้วยทันที
หวังใช้นางเป็นสะพานเชื่อมไปพึ่งพาอำนาจบารมีของอ๋องเจ็ด เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล
แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูก ม่อรั่วเฟย คุณชายผู้สืบทอดตระกูลม่อ 1 ใน 4 ตระกูลวาณิชใหญ่ของแคว้นรู้เข้า จึงมาเจรจาขอพาตัวนางไปส่งให้อ๋องเจ็ดแทน พูดง่ายๆ คือมาด้วยเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น แต่นางเอกก็ไม่ซี จะเป็นลูกบุญธรรมตระกูลหลินหรือคุณหนูตระกูลม่อก็ดี สำหรับนางมันก็คืออาชีพๆ หนึ่ง นอกจากจะได้เงิน ก็ยังได้กินอิ่มนอนหลับ มีที่พัก มีเสื้อผ้าอุ่นๆ ให้ใส่ ดีจะตาย...ซึ่งอันที่จริงจะว่าไป นางก็เก่งในแบบของตัวเองแหละนะ ไม่ต้องมีวรยุทธ์ก็เอาตัวรอดได้ ไหวพริบดี อ่านสีหน้าคนออก รู้ว่าถูกหลอกก็เนียนไหลตามน้ำแล้วค่อยซ้อนแผนคืน ไม่ตีโพยตีพาย ปรับตัวเก่งจนต้องสงสาร แบบมันต้องเคยลำบากมามากขนาดไหน ถึงได้กินง่ายอยู่ง่ายขนาดนั้น...

แต่ระหว่างที่ไปเมืองหลวงขบวนรถม้าก็ถูกโจมตี และทำให้นางเอกได้เจอกับบุรุษลึกลับที่คิดจะสังหารตนและช่วยชีวิตตนในเวลาเดียวกัน อีกฝ่ายมักโผล่มาในตอนที่นางกำลังตกอยู่ในอันตราย โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพา...ทำให้นางเกิดความรู้สึกดีๆ แต่กลับถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ซึ่งตัวนางเอกเนี่ยแม้ภายนอกจะสดใสร่าเริง ช่างคุย ดูสบายๆ เหมือนไม่มีอะไร  
แต่ความจริงกลับเป็นคนอ้างว้างโดดเดี่ยว อยากมีที่พึ่งพิง และอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนคนทั่วๆ ไป แม้จะบอกเสมอว่าต้องพึ่งตัวเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ลึกๆ ก็อยากให้มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยอย่างนางเอกในนิยายเหมือนกันนะ...ซึ่งพระเอกก็คือคนๆ นั้น
ดังนั้นไม่ใช่ว่าพระรองคนอื่นๆ ไม่ดีนะ..ก็ดี 
เพียงแต่มาไม่ถูกจังหวะและผิดเวลาเท่านั้นเอง
บางคนตอนแรกอาจไม่ดี แม้ภายหลังจะดีแต่ใจนางเอกก็มีคนอื่นไปแล้วงายย....

พอเข้าเมืองหลวงนางเอกก็กลายเป็นบุตรบุญธรรมตระกูลม่อ
เพราะอ๋องเจ็ดไม่อาจพานางเข้าตระกูลได้ เนื่องจากลูกชายคนโตกับบรรดาชายารองและอนุในจวนทั้งหลายไม่ชอบ แต่
พอมาอยู่ตระกูลม่อ นายหญิงม่อก็ไม่ชอบนางอีก
เพราะนายท่านม่อเคยไปหลงรักแม่นางเอก จึงทำให้นายหญิงม่อโกรธแค้น
ต่อหน้าทำดีด้วยแต่ลับหลังกลับเกลียดแทบอยากจะฆ่า อีรุงตุงนังมากกกก วุ่นวายสุดๆ
ไอ้เรื่องชาติกำเนิดนางเอกเนี่ย เกือบทำให้พระ-นางเข้าใจผิดจนต้องปฏิเสธความรู้สึกตัวเองและตัดใจจากกันไปแล้วนะ
 ถ้านางเอกไม่ถูกวางยาจนต้องแสร้งตาย ก็คงไม่รู้สักทีว่าเป็นลูกใคร  ความจริงก็น่าเห็นใจนะเพราะเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อนแท้ๆ แต่คนรุ่นหลังดันกลับต้องมารับเคราะห์แทน ...เหอๆ ๆ

หลังจากกลับเข้าตระกูลตัวเอง นางเอกก็ได้รู้ความจริงเรื่องท่านอาขอทาน และสัญญาหมั้นหมายของผู้เป็นมารดา ที่ทำให้เกิดเรื่องราวตามมาอีกมากมาย แล้วก็โยงใยสร้างความทุกข์ทรมานให้ใครต่อใครอีกหลายคนเป็นทอดๆ...
ตอนแรกที่อ่านก็แอบเคืองแม่นางเอกนะ เคืองตระกูลนางเอกที่ไม่ทำตามสัญญา
จนทำให้เรื่องมันวุ่นวายแล้วก็ทำให้คนมากมายต้องเดือดร้อน และทุกข์ทรมานตามๆ กันไปหมด
ตั้งแต่ตระกูลที่โดนฆ่าล้างตระกูล มาถึงชายาเอกของอ๋องเจ็ดที่ตรอมใจตาย
นายท่านม่อที่ผิดสัญญาญากับภรรยาเพราะไปหลงรักแม่นางเอกจนตรอมใจ แล้วทิ้งเมียกับลูกไว้ให้สู้รบปรบมือกับคนในตระกูลตามลำพัง  หรือบุตรชายคนโตตระกูลจูที่ยอมทิ้งทุกอย่าง ไปใช้ชีวิตอย่างลำบากเพื่อซ่อนตัวตนของหลานและต้องตายอย่างอนาถในภายหลัง รวมถึงนายหญิงม่อที่ถูกสามีทรยศจนเปลี่ยนกลายเป็นคนเหี้ยมโหด และอ๋องเจ็ดที่จวบจนวันตายก็ยังไม่ลืมแม่นางเอก แล้วสุดท้ายก็ตายจากไปอีกคน....คือมันเกี่ยวโยงกันไปหมดยังกับโศกนากรรมอะ อ่านๆ ไปก็ได้แต่ถอนหายใจ ....เฮ้อออ 

ต่อมานางเอกก็ได้รู้เรื่องสัญญาหมั้นรวมถึงจำนวนเงินที่ต้องชดใช้เมื่อผิดสัญญา ส่วนคู่หมั้นที่ว่าไม่นานก็โผล่ตามมาติดๆ ความหวังที่จะได้ครองคู่กับพระเอกจึงเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ
เพราะอิตาคู่หมั้นนั่นก็
ไม่ธรรมดา นอกจากจะรูปหล่อบ้านรวยเก่งฉลาดแล้ว ก็ยังหน้าหนา
เจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ ชอบเอาชนะ นิสัยเหมือนเด็กแต่ก็โหดเหี้ยมจนน่ากลัว 
เป็นคนที่มีแผนการอยู่ตลอด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ยังดีที่รักนางเอกจริง แม้ตอนแรกจะมาเพราะมีเหตุผลอื่น แต่พอรักแล้วก็ไม่ยอมให้ใครแตะหรือทำร้ายนางเอกทั้งนั้น ไม่ว่าจะความสามารถหรือความฉลาดก็ไม่ด้อยไปกว่าพระเอกเลยสักนิด 
ถึงจะโหดแต่ก็พึ่งพาได้ 
เป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์ดึงดูดให้เราติดตาม และอาจจะเด่นกว่าพระเอกซะด้วยซ้ำ(นะบางที) 55...

ส่วนพระเอกหลังจากที่พ่อตาย แม้จะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์และมีดินแดนปกครองเป็นของตนเอง แต่จริงๆ คือถูกใช้เรื่องนี้มาบังหน้าเพื่อออกไปทำงานให้กับฮ่องเต้ต่างหาก
เพราะปมมันไม่จบแค่เรื่องชาติกำเนิดนางเอกกับเรื่องสัญญาหมั้นหมาย แต่ยังมีปมใหม่คือเรื่องคำทำนายปี้หลัวเทียน และใช่จ้าาา เพราะไอ้คำทำนายนี้แหละที่เป็นต้นเหตุของทุกสิ่ง
ที่ทำให้แม่นางเอกต้องหมั้นหมาย ฮ่องเต้หวาดระแวง อ๋องเจ็ดต้องถูกขังอยู่ในเมืองหลวง
พระ-นางต้องถูกตามไล่ล่าไม่อาจได้อยู่ด้วยกัน  
เพราะพระเอกคือหนึ่งในคนที่รู้เรื่องคำทำนาย จึงทำให้ถูกฮ่องเต้ตามล่าตัว คนสนิทก็หักหลัง แต่พอจะหนีไปหานางเอกใหม่ สงครามก็ปะทุ พี่ก็ต้องอยู่ช่วยรบ ไม่ทำก็ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเอาชีวิตเพื่อนมาขู่ เอาเรื่องนางเอกมาต่อรอง...โอ๊ยชีวิต วิบากกรรมเยอะจริงๆ

อ่านจบแล้ว สนุกดี มีอะไรมาให้ลุ้นอยู่ตลอด เกมการเมืองศึกสงครามเข้มข้น เรื่องความรักก็เด่นสูสีไม่แพ้กัน นางเอกเสน่ห์แรงมาก มีเรือให้เลือกลงหลายลำ แต่พระเอกเป็นใครนั้นเดาไม่ยาก (เพราะสนพ.ใบ้ให้ตรงประโยคสั้นๆ ช่วงหน้าแรกๆ แล้ว 55)
เนื้อเรื่องพลิกไปพลิกมาเดายากอยู่ พระเอกเก่ง ฉลาด วรยุทธ์สูงจริง แต่อีกฝั่งก็ใช่ย่อย 
บวกกับมีกำลังและทรัพยากรมากกว่า พระเอกจะทำอะไร วางแผนยังไงก็เดาทางออก ดักได้หมด ยังกับอับดุลรู้ทุกเรื่อง ไม่รู้เดี๋ยวนั้น ผ่านไปไม่นานเดี๋ยวก็ต้องรู้ (ไม่นานหรอก)
พระ-นางไม่ซู อุปสรรคเยอะมากกก เจอจับแยกกันบ่อย ฮ่องเต้ก็อยากได้ตัวพระเอก
ฝั่งพระรองก็อยากได้นางเอกเลยต้องหาทางจับเขาแยกกัน แล้วไหนจะคนที่แอบชอบพระเอกอีก ส่วนพระ-นางก็ต้องพยายามหนีและหาหนทางกลับมาอยู่ด้วยกันให้ได้
...

ป.ล. การแปลโอเคนะ สำหรับเราไม่ได้ติดขัดอะไร มีสะดุดนิดหน่อยตรงคำเรียก 'กานชายา'
เพราะปกติเคยเจอแต่กานเฟย แต่โดยรวมคือดีจ้าาา



วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2565

เพียงเพราะ...ฮวามู่หลานไม่มีพี่ชาย เล่ม 1

 

เพียงเพราะ...ฮวามู่หลานไม่มีพี่ชาย เล่ม 1 (8 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : 
祈祷君 (Qi dao jun)
ผู้แปล : เสี่ยวหง
สำนักพิมพ์ หอมหมื่นลี้

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

เรื่องราวอยู่ในช่วงราชวงศ์เป่ยเว่ย ซึ่งอยู่ในช่วงยุคสมัยราชวงศ์เหนือ-ใต้ เป็นยุคที่บ้านเมืองระส่ำระส่ายมีแต่ความวุ่นวายไม่เป็นปึกแผ่น และยังเต็มไปด้วยชนเผ่ามากมายที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเซียนเปย ฮั่น หลูสุ่ย ทูเจว๋  ซยงหนู เป็นต้น มีการผสมผสานทางเชื้อชาติหลากหลายวัฒนธรรม เป็นยุคที่ยังไม่มีการใช้ตั๋วเงินหรือเงินตำลึงในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย แต่จะใช้ผ้ากระสอบหรือทองในการแลกเปลี่ยนแทน

ฮวามู่หลาน ตัวเอกของเรื่องนี้มีพ่อเป็นชาวเซียนเปย มีแม่เป็นหญิงสาวชาวฮั่น
วันหนึ่งมีหมายเรียกจากกองทัพมาที่บ้าน แต่ด้วยความที่พ่อร่างกายไม่ดี น้องชายก็ยังเล็ก แถมนางก็ไม่มีพี่ชาย ฮวามู่หลานซึ่งเป็นบุตรสาวคนรองและมีพละกำลังเหนือคนทั่วไปจึงได้แต่ต้องปลอมตัวเป็นชายเพื่อออกรบแทนพ่อ
ต้องเก็บงำความสามารถไม่ทำตัวเด่นดัง เพื่อทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับครอบครัวว่า... จะกลับบ้านอย่างปลอดภัย และไม่ให้ใครรู้เด็ดขาดว่าตนเป็นสตรี!

12 ปีในกองทัพ จากทหารธรรมดาก็กลายเป็นขุนพลพยัคฆ์เดชที่มีตำแหน่งขุนนางขั้น เป็นวีรบุรุษผู้กล้าของแผ่นดินที่ใครๆ ต่างเคารพยำเกรง ทว่าทันทีที่นางถอดเกราะขอกลับบ้านและเปิดเผยเรื่องราวที่ตนเป็นสตรี คำยกยอชื่นชมก่อนหน้าก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นถ้อยคำต่อว่าและคำดูถูกแทนทันใด ...

นางเอก เฮ่อมู่หลาน แพทย์นิติเวชสาววัย 28 จากยุคปัจจุบัน ที่จู่ๆ ก็ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของวีรสตรีฮวามู่หลานวัย 30 กว่าที่ปลดเกราะกลับบ้าน แต่กลับต้องมาถูกคนนินทาต่อว่าเรื่องที่นางปลอมตัวเป็นชายไปออกรบ และต้องใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในค่ายทหารร่วมกับบุรุษมากมาย ถูกคนในหมู่บ้านรังเกียจมองว่าเป็นตัวประหลาด เพราะมีพละกำลังเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป ซ้ำยังมีส่วนสูงถึงเจ็ดฉื่อ (177-178 ซม.) หลังเสือเอวหมี ชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง กลายเป็นสาวแก่ทึนทึกที่ขายไม่ออก

นางเอกเข้ามาอยู่ในร่างนี้ในแบบที่ความทรงจำของร่างเดิมขาดหายมีไม่ครบ พูดง่ายๆ คือต้องได้เจอหน้าคนก่อนความทรงจำถึงจะโผล่ขึ้นมา ไหนจะปริศนาอีกมากมายที่นางไม่เข้าใจ เช่น เรื่องของรางวัลพระราชทานในหีบบางหีบที่ว่างเปล่าหายไป? แล้ววิญญาณของฮวามู่หลานตัวจริงหายไปอยู่ที่ไหนกันแน่? ดังนั้นนางเอกจึงพยายามไม่ไปแตะข้าวของเดิมของร่างจริง พยายามใช้ชีวิตตามที่ร่างเดิมต้องการ คือเป็นแค่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาและใช้ชีวิตสงบๆ อยู่กับครอบครัว

แต่คุณแม่ของฮวามู่หลานตัวจริงก็หวังดีอะ อยากให้ลูกสาวแต่งงานมีคนคอยดูแลตอนบั้นปลาย จะได้ไม่ต้องแก่ตายอยู่คนเดียว เลยพยายามหาคู่ให้ลูก แต่ด้วยความที่ร่างเดิมก็อายุ 32 แล้ว ซึ่งในสมัยโบราณอายุเท่านี้ก็นับว่าเป็นยายคนได้ บวกกับชื่อเสียงก่อนหน้าที่ปลอมเป็นชาย รวมถึงรูปร่างหน้าตาที่ห่างไกลจากคำว่าสตรี สุดท้ายคนที่มาสู่ขอจึงมีแต่คนไม่ดี เช่นอยากแต่งนางไปเพราะบึกบึนแข็งแรง เวลาตบตีจะได้ไม่บาดเจ็บหรือตายง่ายๆ หรือไม่ก็ตัวเองมีปัญหากลัวว่าวันหนึ่งตายไปจะไม่มีใครดูลูก เลยกะแต่งนางเอกเข้ามาเพื่อให้เป็นคนดูแลลูกต่อจากตน...ไม่มีเลยสักคนที่มาสู่ขอเพราะหลงรักในตัวฮวามู่หลานจริงๆ

หลังจากนั้นนางเอกก็ถูกดึงให้ไปข้องเกี่ยวกับคดีฆ่าคนตาย และถูกคนขอร้องให้ไปช่วยหลานชายชนชั้นสูงตระกูลหนึ่งที่ถูกลักพาตัว ..พอจบเรื่องพวกนี้ ชีวิตที่เคยสงบก็เริ่มไม่สงบสุขเหมือนอย่างเคย เริ่มมีคนรู้จักเก่าแวะเวียนมาหา บางคนก็มาด้วยใจเพราะเคารพและชื่นชอบในตัวของฮวามู่หลานจริงๆ  แต่บางคนก็มาด้วยเหตุผลแฝงบางอย่างที่ไม่ค่อยบริสุทธิ์เท่าไร

จบเล่มแรกด้วยการออกเดินทางไปช่วยอดีตลูกน้องคนสนิทที่เคยอยู่ในกองทัพ...
อ่านแล้วก็คิดว่า
เรื่องนี้ไม่ต้องมีพระเอกก็ได้นะ (จริงๆ ยังไม่รู้เลยว่าพระเอกคนไหน ออกมายัง จะมีพระเอกไหมอะเรื่องนี้ 55) นางเอกโคตรแมน ทั้งเก่งทั้งแมน วรยุทธ์ก็สูง พละกำลังก็เยอะ อ่านจบเล่มแรกยังไม่เห็นใครมีวรยุทธ์สูงกว่านางเอกเลย ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์ของฮ่องเต้ เพื่อนที่เป็นแม่ทัพนายกอง หรือแม้แต่พวกหัวหน้าเผ่าต่างๆ ก็ยังพ่ายแพ้ ยังไม่มีผู้ชายคนไหนสู้นางเอกได้เลยสักคน...

แต่เล่มแรกนี่คงเป็นเหมือนการเกริ่นๆ จุดเริ่มต้นของการเดินทางล่ะมั้ง แล้วก็มีการเท้าความถึงอดีตผ่านตัวละครที่นางเอกได้เจอ ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของฮวามู่หลานตัวจริงมากยิ่งขึ้น อ่านแล้วก็รู้สึกว่าตัวฮวามู่หลานกับนางเอกที่มาเข้าร่างนี้ความจริงแล้วพื้นฐานนิสัยก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไรเลย ต่างก็เป็นหญิงแกร่งพึ่งพาตัวเองได้ทั้งคู่ เป็นคนไม่คิดอะไรซับซ้อน ไม่ต้องการชื่อเสียงเงินทองแต่รักครอบครัวมาก...

ป.ล. จุดยืนในกองทัพของฮวามู่หลานเจ้าของร่างเดิมก็คือ หากสู้ไม่ได้ก็ให้หนี ต้องรักชีวิต ต้องนึกถึงคนข้างหลังที่รออยู่ ซึ่งตอนแรกที่อยู่ในกองทัพนางจะเก็บงำความสามารถ ไม่สนใจเรื่องเก็บแต้มแลกของรางวัลหรือเลื่อนขั้น (แต้ม = ชีวิตของฝ่ายตรงข้ามที่สังหารได้) เวลาออกรบก็จะเป็นตัวกลางคอยช่วยเหลือเพื่อนในกอง ถ้าจุดไหนแย่ก็จะเข้าไปหนุน ทำให้ทุกคนมีชีวิตรอดกลับมาอย่างปลอดภัย ดังนั้นกองที่นางอยู่จึงเป็นกองที่แทบไม่มีคนตายและแต้มสูง จนทำให้เบื้องบนสงสัยเริ่มจับตาดู

และสุดท้ายนางก็ถูกเบื้องบนค้นพบความสามารถ...พวกแม่ทัพ พวกที่อยู่เบื้องบนบางคนก็อยากให้นางไต่เต้าเลื่อนขั้นไปรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้ แต่นางก็ไม่สนอยากอยู่แค่นี้ ไม่อยากมีตำแหน่งใหญ่โต ได้ของรางวัลอะไรมาก็ส่งกลับบ้านหมด ไม่ยอมเก็บไว้กับตัว เพราะกลัวว่าหากวันหนึ่งเรื่องแดงแล้วเดี๋ยวของที่ได้มาจะถูกยึด เลยต้องรีบส่งกลับไปที่บ้านหมด แต่คนอื่นไม่รู้ ก็ว่าทำไมนางซื่อบื้อจัง หาว่านางขี้ขลาดบ้างที่สั่งให้ลูกน้องในกองรักษาชีวิตอย่ารบแบบบ้าบิ่นกะตายลูกเดียว แต่ให้คิดถึงหน้าคนในครอบครัวหรือคนข้างหลังเอาไว้ เพราะฉะนั้นลูกน้องในกองของนางส่วนใหญ่เลยมีแต่คนที่มีห่วงอยู่ข้างหลัง เวลารบจึงไม่ทิ้งกัน แต่จะพยายามพาเพื่อนในกองกลับมาให้ครบให้ได้