วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เทวาภูผา


เทวาภูผา ( เล่มเดียวจบ )  / ผู้แต่ง : She Xie Jun
ผู้แปล : หลันเซียง
สำนักพิมพ์ รักคุณ

คำโปรยหลังปก

        เมื่อครั้งยังเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสา ‘ต้าเหอ’ ได้ลบหลู่เทพเจ้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ 
เทพเจ้าแห่งภูเขาที่ไม่เคยปรากฏกายมาก่อนกลับปรากฏกายต่อหน้าเขาเพียงผู้เดียว 
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าอันงดงาม ท่าทางช่างเลือกช่างกิน หรือความอ่อนโยนใกล้ชิด
ที่อีกฝ่ายมีต่อเขา ต้าเหอล้วนชอบมันทั้งนั้น
       ทว่าเทพเจ้ากับมนุษย์มิอาจมิอาจอยู่เคียงข้างกัน ในที่สุดวันที่ต้องแยกจากก็มาถึง
เด็กน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องออกไปเผชิญกับความทุกข์
และความเศร้าโศกเสียใจมากมาย มีเพียงเทพเจ้าแห่งภูเขาที่ยังคงอยู่ในป่าไผ่สีเขียวมรกตผืนนั้น 
เฝ้ารอการกลับมาของเด็กน้อยในวันวานอย่างเดียวดาย
      ท้ายที่สุดแล้ว ความรักอันแสนบริสุทธิ์ระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์จะลงเอยเช่นไร…

ขอเพียงแค่เชื่อ...
เพียงเจ้าเชื่อว่าข้ามีจริง 
ข้า...เทวาแห่งภูผาจะอยู่ ณ ที่แห่งนั้นเสมอ
...ต้าเหอ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )

      ต้าเหอ เป็นเด็กกำพร้าที่ได้ปู่เลี้ยงดูมา แต่ทว่าไม่นานปู่ก็มาตายจากไปอีกคน  
ชีวิตที่ปราศจากบิดามารดาและคนในครอบครัว จึงทำให้พระเอกในวัยเด็กไม่เป็นที่ชื่นชอบ 
ไม่มีเพื่อนเล่นและถูกรังแก  เขาจึงกลายเป็นคนพูดน้อย เงียบขรึมไปโดยปริยาย 

      สมัยเด็กเวลาที่พระเอกตามปู่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์  พี่แกจะไปนั่งเล่นรอปู่อยู่ตรงศาลเจ้าแห่งหนึ่ง
และนั่นก็ทำให้พระเอกได้พบกับ เทพเจ้าแห่งภูเขาหรือนายเอก ที่สิงสถิตย์อยู่ ณ ศาลเจ้าแห่งนั้น 
นายเอกเองก็เป็นคนยุคโบราณจริงๆ อยู่มาตั้งแต่สมัยที่ยังมีการสอบจอหงวนเลย  
พอได้เห็นโลกในยุคนี้นางก็เลยงงๆ  เพราะอยู่เป็นเทพมากี่ร้อยปีไม่เคยได้พูดคุยกับคนเป็นๆ เลยสักครั้งเพิ่งมามีพระเอกนี่แหละคนแรกเลย  นับแต่นั้นที่นั่นจึงกลายเป็นสถานที่พิเศษของพระเอก 
ไม่ว่าสุข ทุกข์ ดีใจหรือเสียใจไม่ว่าจะเกิดอะไรพระเอกก็จะวิ่งมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้
เพื่อหานายเอกอยู่เสมอๆ    แต่ทว่าวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้นายเอกไม่ออกมาเจอพระเอกอีกเลยจนเกือบสิบปี ....

       พระเอกเรื่องนี้เป็นคนทึ่มๆ ซื่อๆ ไม่ค่อยฉลาดแถมจนด้วย เป็นเพียงคนธรรมดา
ที่ไม่ได้ทะลุมิติไปไหน  แต่อยู่ในยุคปัจจุบัน ยุคสมัยใหม่ที่ไม่ค่อยมีคนกราบไหว้บูชาหรือเชื่อเรื่องเทพเจ้ากันแล้ว  พี่แกอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ ( ไม่มีทีวีหรือแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้ )  
แต่ไม่นานความเจริญก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาและทำให้วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้านเปลี่ยนไป  
จากที่เคยทำไร่ทำนา ขึ้นเขาไปล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพ  ก็เริ่มถูกผลักให้ออกไปทำงานหาเงินในเมืองใหญ่ๆเพื่อเอาค่าตอบแทนสูงๆ ....  ซึ่งพระเอกเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  
แต่ไม่ว่าโลกหรือผู้คนจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปยังไง  พระเอกก็ยังคงมีหัวใจที่บริสุทธิ์ซื่อตรงดังเดิม  
ความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกไม่อาจสั่นคลอนจิตใจของพี่แกได้เลยสักนิด  
ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลสักเพียงใดขอแค่มีเวลาพระเอกก็จะกลับมาที่ศาลเจ้าตรงภูเขาทุกครั้ง  
แม้นจะไม่ได้เห็นใบหน้าที่โหยหา แต่ขอแค่ได้เห็นศาลเจ้าของคนผู้นั้นก็ยังดี  .......

        เรื่องนี้มันจะคุมโทนหม่นๆ เทาๆ ตั้งแต่ต้นจนเกือบจบเลย  อ่านไปก็จะรู้สึกอึนๆ ครึมๆ อยู่ตลอด เพราะชีวิตของพระเอกตั้งแต่เล็กจนโตนี่มันเหมือนตลกร้ายจริงๆ  พอมีความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน ประเดี๋ยวก็ต้องเจอกับการพลัดพรากจากลาอีกแล้ว  กระทั่งนายเอกที่เป็นเทพเจ้าแห่งภูเขา
ก็ยังไม่อาจช่วยอะไรได้  ไม่อาจฝ่าฝืนโชคชะตาเพราะเมื่อใดที่ยื่นมือเข้ามาเขาก็จะได้รับโทษทัณฑ์จากสวรรค์เช่นเดียวกัน ...ดังนั้นนายเอกจึงทำได้แต่เพียงมองดูทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความเจ็บปวดจนชินชาเท่านั้นเอง ....

       เรื่องนี้สำนักพิมพ์บอกว่าจบ Happy แต่เราก็นึกไม่ออกว่าจะจบออกมาแบบไหน  
พระ-นายจะลงเอยกันยังไง จะได้อยู่ด้วยกันไหมเพราะนี่มันคนละภพเลยนะ ...  
แต่สุดท้ายนักเขียนก็หาทางลงให้เรื่องมันจบ Happy แบบสมเหตุสมผลโดยไม่ขัดความรู้สึกของเราที่เป็นคนอ่านได้จริงๆ ... เย้ๆ  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น