วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2565

Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว

 


Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว 4 เล่มจบ
ผู้แต่ง : หงจิ่ว
ผู้แปล : เฉี่ยวหลิงชิงซิ่ว
สำนักพิมพ์ แจ่มใส (With Love)

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก หนิงเหมิง หญิงสาวที่จับผลัดจับผลูต้องมาทำงานเป็นเลขาให้กับเจ้านายผู้มีอารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าสภาพอากาศและเป็นโรคจูนิเบียวอย่าง ลู่จี้หมิง ลูกเศรษฐีหรือเจ้าของบริษัทจี้หมิงแคปปิตอล บอสใหญ่ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กลับต้องเปลี่ยนเลขาทุกๆ 3 เดือน เพราะไม่มีใครทนพี่แกไหว ลูกน้องพากันหลีกหนีไม่อยากอยู่ใกล้ พอพระเอกเริ่มแผลงฤทธิ์เมื่อไรก็พร้อมใจกันเรียกหานางเอกให้เข้ามาช่วยกอบกู้ทุกครั้ง เพราะเธอเป็นคนเดียวที่รู้วิธีรับมือและเอาพระเอกอยู่ได้ ...

แต่ความฝันจริงๆ ของนางเอกคือการได้เป็นผู้อำนวยการการลงทุน เป็นผอ.หนิง ไม่ใช่เลขาฯ เมื่อเห็นว่าสมควรแกเวลาแล้ว( 3 ปี) ก็เลยจะขอย้ายไปอยู่ด้านการลงทุนแทน
แต่กลับถูกพระเอกซึ่งเป็นเจ้านายปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้า ทั้งยังปรามาสตัวเธอต่างๆ นานา ...
แต่นางเอกก็ไม่ถอย สุดท้ายพระเอกเลยต้องจำใจยอมให้นางเอกไปทำตรงนั้นได้
3 เดือน
แต่ถ้าภายใน
3 เดือนยังไม่มีผลงานก็ต้องกลับมาเป็นเลขาอยู่ข้างกายพี่เหมือนเดิมนะจ๊ะ...

พอไปทำที่แผนกนั้นก็ดันถูกอิหัวหน้าโปรเจกต์หาเรื่องกลั่นแกล้ง เพราะแอบแค้นที่ตอนถูกพระเอกต่อว่าคราวนั้นนางเอกไม่ช่วยพูด บวกกับคิดว่าที่นางเอกย้ายมานี้คือมีปัญหากับพระเอกและกำลังจะถูกบีบให้ออก ก็เลยได้ทีจ้องหาเรื่องขัดนางเอกมันซะทุกอย่าง พระเอกก็ไม่สนเพราะอยากให้คนเขากลับมาเป็นเลขาตัวเองอยู่แล้ว จนมาถึงฟางเส้นสุดท้ายที่นางเอกถูกขโมยผลงาน แล้วพระเอกไม่หือไม่อือแถมยังมาต่อว่า+ดูถูกซ้ำอีก นางเอกก็เลยยื่นใบลาออก ขอลาออกจากบริษัทซะเลย 55...(สะใจ)

โชคดีที่พอได้งานใหม่ก็เจอเจ้านายดี แต่พระเอกก็ยังทำตัวประหนึ่งวิญญาณตามติด
คอยโทรมากวนประสาท อ้างนั่นนู่นนี่สรุปก็คืออยากให้เขากลับมาเป็นเลขาตัวเองเหมือนเดิม ขาดเขาไม่ได้แต่ยังไม่รู้ตัว ไม่เคยมีคำพูดดีๆ ออกมาจากปาก ปากเสีย ปากไม่ตรงกับใจ
มีแต่คำต่อว่า คำดูถูกประชดประชัน แต่ไม่ว่ายังไงนางเอกก็นิ่งไม่ยอมกลับ
แถมยังบล็อกเบอร์พี่แกด้วย พอถูกบล็อกอิพี่ก็ดิ้นไม่พอใจอย่างแรง ต้องหาวิธีทำให้นางเอกปลดบล็อกเบอร์ตัวเองให้ได้ แต่พอนางเอกปลด อิพี่ก็เป็นฝ่ายบล็อกเขากลับคืน ...นิสัยเด็กไหมล่ะ 55
เจ้านายใหม่ดูออกว่าพระเอกชอบเลขาเก่าตัวเอง เวลามีโปรเจกต์อะไรที่อยากดึงพระเอกเข้าร่วมเลยชอบส่งนางเอกไปเจรจาออกหน้า เพราะรู้ว่าพระเอกต้องตกลง...

พระเอกก็ยังคงสไตล์เด็กน้อยลู่เหมือนเดิม ทำดีๆ พูดเพราะๆ ไม่เป็น ต้องขวางโลกกวนประสาทจิกกัดเขาได้ก่อนถึงจะมีความสุข แต่พอนางเอกนิ่งไม่คล้อยตามก็ยิ่งอาละวาดไม่พอใจ กระหน่ำซ้ำมันเข้าไป ก็เป็นแบบนี้แล้วไผสิอยากกลับมา ...นางเอกก็ยิ่งฮึดสู้ยิ่งกว่าเก่า ยิ่งมุ่งมั่นพัฒนาตัวเอง ล้มบ้างผิดพลาดบ้าง แต่ก็เก็บไว้เป็นบทเรียนนำเอากลับมาปรับปรุงแก้ไขใหม่ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องทำให้พระเอกเรียกตัวเองว่า 'ผอ.หนิง' ให้ได้..

สองเล่มแรกพระเอกปากแจ๋ววอนหาเรื่องตลอด นับถือนางเอกจริงๆ ที่ทนมาได้ตั้ง 3 ปี เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย (แต่ส่วนใหญ่จะร้ายมากกว่าดี) อยากให้เขากลับมาก็ไม่พูดดีๆ ไม่อยากให้เขาทำสายลงทุนก็ไม่ยอมบอกเหตุผลดีๆ ว่าทำไม กลับเลือกใช้ไม้แข็ง ใช้คำพูดทิ่มแทงหัวใจ กลับกลายเป็นการผลักไสให้เขาไกลห่างมากกว่าเดิม ...พอรู้ว่านางเอกอาศัยอยู่ในคอนโดห้องเช่าตรงข้ามกับห้องเพื่อนซี้ อิพี่ก็ไปบีบให้เพื่อนขายห้องให้ตัวเองทันทีแล้วย้ายมาอยู่แทน บริษัทนางเอกต้องย้ายหาสถานที่ทำงานใหม่ อิพี่ก็ไปดีลให้เขามาอยู่ตึกเดียวกับตัวเองจนได้ นางเอกต้องไปดูงานที่ต่างเมือง อิพี่ก็หาข้ออ้างตามไปกับเขาด้วย ทำทุกวิถีทางจริงๆ แต่ก็ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกนะว่าชอบเขาแล้ว ...จนมีวันหนึ่งพระเอกเมาแล้วหลุดพูดเรื่องผู้หญิงที่ตัวเองชอบออกมา นางเอกถึงได้รู้ว่าที่แท้ตัวเองก็เป็นแค่เงาของพี่สาวนางฟ้าที่พระเอกชอบเท่านั้น ..นับแต่นั้นนางเอกเลยตัดใจและถอยออกมาจากชีวิตพระเอกแบบจริงๆ จังๆ ...

พระเอกก็รู้สึกนะว่านางเอกมีบางอย่างเปลี่ยนไปแต่ไม่รู้ว่าตรงไหน เพราะจำเรื่องที่ตัวเองพูดไม่ได้ (เวลาเมาพระเอกจะพูดง่าย ใครขออะไรก็รับปาก ถ้าอยากได้อะไรจากพระเอกต้องอาศัยตอนเมา) จากนั้นพี่นางฟ้าที่พระเอกชอบมานานก็กลับมาพอดี ส่วนนางเอกก็ตกลงคบกับรุ่นพี่สมัยมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเคยแอบปลื้มมานานเช่นกัน แต่ก่อนจะคบกันนางเอกก็บอกนะว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์แบบนี้ๆ  รุ่นพี่ยังโอเคอยากคบอยู่ไหม พอมีแฟนแล้วนางเอกก็ไม่เคยวอกแวก ชัดเจน ถ้าตนคุยโทรศัพท์หรือเจอพระเอกแล้วรุ่นพี่ไม่โอเค นางเอกก็ยินดีไม่ทำ ต่อไปจะคุยเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น ให้เกียรติรุ่นพี่ แต่รุ่นพี่อะมีปมที่เคยถูกคนรักเก่าทิ้งไปเลือกคนที่รวยกว่า มันกลายเป็นเงามืดที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างหนัก ทำให้ขี้หึงหวาดระแวงกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย จากหนุ่มน้อยที่เคยสดใสมีอุดมการณ์ก็เปลี่ยนกลายเป็นคนเก็บกดและมีหลายบุคลิก...จริงๆ ถ้าตอนนั้นรุ่นพี่เลือกนางเอกก็คงจะดีเนาะ T^T ...(แต่ถ้าเป็นแบบนั้นพระเอกก็ต้องเปลี่ยนคนสินะ 55)

ซึ่งพอพระเอกเห็นเขาคบกันก็ปวดใจ เล่มสามนี่เปลี่ยนจากปีศาจลู่กลายเป็นหมาน้อยลู่แล้ว แต่พระเอกก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดีว่าอะไรคือรักที่แท้จริง แบบไหนคือความรักระหว่างชายหญิง เพื่อนพูดเตือนสติก็แล้ว ด่าก็แล้ว แต่ก็ไม่เคยฟัง ทว่าพอเห็นเขาแสดงความรักไปไหนมาไหนด้วยกันก็เจ็บเจียนตาย หมดแรง ...

สองเล่มแรกเหมือนเป็นช่วงการเติบโตของนางเอก จากเลขาสาวที่ขาดความมั่นใจ ต้องทำตัวหงอเพราะต้องคอยก้มหน้าเอาใจคนอื่นอยู่ตลอด ไม่กล้าแม้แต่ที่จะถอดแว่นตาหรือเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเพราะรู้สึกว่าตัวเองยังดีไม่พอ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากผู้ตามไปเป็นผู้นำ กล้ายืนหยัดในความคิดของตนเองแต่ก็ไม่ตึงจนเกินไป ทว่าที่แน่ๆ คือไม่ว่าจะเจอกับสิ่งล่อตาล่อใจมากขนาดไหน นางเอกก็ยังยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมไม่สั่นคลอน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจชักจูงหรือทำให้เธอเปลี่ยนสีตามไปด้วยได้ ...

ส่วนพระเอกก็ต้องยอมรับแหละนะว่าถึงพี่แกจะนิสัยแย่ ปากจะเสีย อารมณ์จะร้าย แต่ถ้าด้านธุรกิจเรื่องงานพระเอกคือเก่งจริง รู้จริง ปัญหาช่วงแรกๆ ที่นางเอกยังมองไม่ออก พระเอกกวาดตาที่เดียวคือเห็นทะลุ และนางเอกก็ได้เรียนรู้อะไรดีๆ หลายอย่างไปจากพระเอกเยอะเหมือนกัน...ความจริงที่พระเอกไม่อยากให้นางเอกมาทำสายนี้ก็เพราะไม่อยากให้แปดเปื้อน เพราะงานด้านนี้มันไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์ กลัวนางเอกจะถูกทำร้ายแล้วรับไม่ไหว คิดว่านิสัยนางเอกไม่เหมาะจะมาสายนี้ ...แต่นางเอกก็ค่อยๆ เรียนรู้ปรับตัวและอยู่กับมันได้ แถมนับวันยังยิ่งส่องประกายยิ่งทำยิ่งรุ่ง จนในที่สุดพระเอกก็ต้องยอมรับในความสามารถและฝีมือของเธออย่างไร้ข้อกังขา  ...

เล่ม 3-4 จะเป็นอะไรที่พีคขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงเหมือนนั่งรถไฟเหาะ เปลี่ยนจากสนามการเมืองแย่งชิงในรั้วในวัง มาเป็นสนามการลงทุนการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ก็สนุกและลุ้นไม่แพ้กันเลย ชิงไหวชิงพริบ วางแผนแก้เกมกันมันมาก พระเอกก็เจอกับปัญหารุมเร้าจนทำให้มองพลาดเดินเกมผิด เจอคนวางแผนสับขาหลอกทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว ธุรกิจพัง บ้านก็ไม่มีอยู่ ถูกคนตามทวงหนี้ ชีวิตพังทลายจนเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่ดีที่นางเอกมาช่วยไว้ทัน คอยอยู่ข้างๆ ปลุกสติให้พี่แกฮึดลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ช่วงหลังเหมือนสลับบทกัน
นางเอกกลายเป็นไม้ใหญ่ให้พระเอกพึ่งพิง เป็นคนคอยช่วยหาทางออกพาแก้ปัญหา
และช่วยพาเดินไปทีละก้าวจนพระเอกกลับมาลุกได้ใหม่และสามารถตั้งตัวได้อีกครั้ง...

เป็นแนวการทำงาน การต่อสู้ทางธุรกิจที่เดินไปพร้อมกับเรื่องรักได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ นอกจากจะสนุกแล้ว ก็ยังให้ข้อคิดในการทำงานและการใช้ชีวิต ไม่ผิดหวังเลยที่ได้อ่าน
พระ-นางเหมือนน้ำกับไฟ แต่มีอุดมการณ์ความคิดในการทำงานคล้ายกันคือ....ไม่ทำเรื่องที่ผิดกฏหมาย ท่ามกลางความดำมืดความสกปรกที่ต้องเจอแต่ทั้งคู่ก็ยังคงตัวตนดั้งเดิมของตัวเองเอาไว้ได้ และนางเอกก็สามารถเปลี่ยนจากดักแด้กลายเป็นผีเสื้อที่สวยงามได้ในที่สุด
....

ส่วนเรื่องรักก็มีหลายคู่หลายรูปแบบ มีทั้งแบบที่มูฟออนไปต่อได้ แบบที่สร้างปมปัญหาในใจ และแบบที่ลุกไม่ไหวไปต่อไม่ได้อีกเลย เป็นเรื่องที่หยิบยกปัญหาสุขภาพจิตและเรื่องโรคซึมเศร้ามาพูดได้ค่อนข้างดีทีเดียว โรคซึมเศร้าสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่สิ่งไกลตัวอีกต่อไป นับวันมีแต่จะยิ่งใกล้ ...แอบเสียใจกับเรื่องเพื่อนของนางเอกที่สุด ภายใต้ความสดใสและรอยยิ้ม บางทีเราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าข้างในเขากำลังร้องไห้อยู่หรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขาซุกซ่อนอะไรหรือกำลังเจ็บปวดมากขนาดไหน ... ตอนอ่านจดหมายของเพื่อนนางเอก
เราน้ำตาไหลเลยอะ เศร้า เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงมากๆ (เสียใจมากอะ ช็อกเลย)
T^T

ยังไงก็ต้องขอบคุณพระเอก ขอบคุณเจ้านายใหม่และบางคนที่เข้ามาช่วยชี้แนะเปิดมุมมองสิ่งต่างๆ ให้กับนางเอก ขอบคุณฉีฉีเพื่อนรักที่คอยรับฟังและเป็นกำลังใจให้นางเอกเสมอ และที่สำคัญคือต้องขอบคุณตัวนางเอกเองที่กล้ายืนกรานที่จะเดินตามความฝัน กล้าเปลี่ยนตัวเอง และกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ...จบแฮปปี้ พระเอกพอมีแฟนแล้วคือคลั่งรักมากก รักเดียวใจเดียวสุดๆ นอกจากคลั่งเมียแล้วก็ยังคลั่งลูก เห่อลูกมาก หลังแต่งงานก็พกบัตรใบเดียวที่เหลือให้นางเอกเก็บหมด เข้าชมรมกลัวเมียเป็นที่เรียบร้อย....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น