ขุนนางหญิงยอดเสน่หา 3 เล่มจบ
ผู้แต่ง : Sui Yu
ผู้แปล : เหมยสี่ฤดู
สำนักพิมพ์ Happy Banana
ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
มู่จั๋วหวา เป็นลูกอนุที่เกิดในตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมากๆ แม่ของนางเอกตายตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนตัวพ่อก็ไม่เคยสนใจใยดีบุตรสาวอนุอย่างนาง ในบ้านนอกจากสาวใช้คนสนิทก็ไม่มีใครที่รักและห่วงใยนางเอกอีกแล้ว ...ดังนั้นในขณะที่คนอื่นๆ กำลังแย่งชิงความโปรดปราน แย่งชิงเงินทองข้าวของเครื่องใช้ดีๆ
แต่นางเอกกลับหมกมุ่นอยู่กับตำรา ไม่สนใจการแก่งแย่งใดๆ
ของบรรดาเมียพ่อและพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ในบ้านเลย เพราะนางเอกไม่อยากมีชีวิตเหมือนแม่
ที่ทั้งชีวิตหลงรักและจมปลักอยู่กับบุรุษเพียงคนเดียว แล้วสุดท้ายก็ถูกเขาทอดทิ้ง ต้องทุกข์ตรมไปชั่วชีวิตจนกระทั่งวันตาย ....
ดังนั้นพอรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกจับแต่งงาน นางเอกจึงพาสาวใช้คนสนิทหนีออกจากบ้านไปสอบเป็นขุนนาง
(ในเรื่องนี้สตรีสามารถสอบเป็นขุนนางได้) ต้องแต่งหน้าปิดบังความสวย ต้องประจบเอาใจผู้มีอำนาจ(อย่างพระเอก) เผื่อเส้นทางในวันข้างหน้าจะได้ราบรื่นขึ้นหน่อย(มั้ง)....
ขณะที่อยู่เมืองหลวง นางเอกก็ได้ใช้วิชาแพทย์ที่พอจะมีติดตัวรักษาโรคให้กับหญิงคณิกาที่อยู่ในละแวกนั้นๆ และบังเอิญได้ช่วยชีวิตชายบำเรอหรือก็คือพระเอกนั่นแหละ
ที่ถูกพิษในระหว่างที่เข้ามาสืบหาอะไรบางอย่างที่หอนางโลมพอดี...
พระเอก หลิวเหยี่ยน
หรือติ้งอ๋องผู้เป็นน้องรักของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เป็นแม่ทัพที่ทำศึกกับชาวเป่ยเหลียงจนได้รับชัยชนะหลายครั้งหลายครา มีชื่อเสียงไปทั่วหล้า เป็นที่ขยาดหวาดกลัวของผู้คนมากมายทั้งในแคว้นตนและแคว้นศัตรู ...แต่เพราะศึกเมื่อ 3 ปีก่อนที่ถูกคนทรยศทำให้ต้องพ่ายแพ้ ทำให้แม่ทัพนายกองรวมถึงคนสนิทมากมายต้องสิ้นชีพอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนตัวพระเอกก็บาดเจ็บหนักเกือบตาย
แม้จะรอดชีวิตกลับมาได้แต่วรยุทธ์ก็แทบสูญสิ้นไม่อาจมีชีวิตยืนยาว
ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานทั้งจากทางร่างกายที่ถูกพิษและจากการตายของพวกพ้อง
...
นางเอกเรื่องนี้เป็นคนฉลาดเจ้าเล่ห์ช่างจำนรรจา แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองโลกมองคนได้อย่างกระจ่าง มีอุดมการณ์ว่าจะขอทำงานเป็นขุนนางและมีชีวิตอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเองโดยไม่พึ่งพาบุรุษ ถึงไม่คิดแต่งงานและมีความคิดแหวกแนวสวนทางกับสังคมในยุคนี้ แต่นางเอกก็ไม่เคยดูแคลนสตรีที่ต้องใช้ชีวิตตามหลักจรรยาหรือตามคำสอนเหล่านั้นเลย ตรงกันข้าม นางกลับตระหนักและเข้าใจในชีวิตของสตรีที่ถูกบีบและทำให้มีทางเลือกไม่มากนักอย่างถ่องแท้ ...เพราะไม่ว่าจะเส้นทางไหนต่างก็มีความยากลำบากและอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันด้วยกันทั้งนั้น
ส่วนเส้นทางการเป็นขุนนางของนางเอก
ถึงจะบอกว่ายุคนี้เปิดโอกาสให้สตรีสอบเป็นขุนนางได้ แต่พอมีสตรีสอบได้เป็นขึ้นมาจริงๆ สุดท้ายก็ยังถูกดูถูกดูแคลนและถูกกีดกันอยู่ดี
...แต่นางเอกเตรียมความพร้อมมาแล้วทั้งร่างกายและจิตใจ วางตัวดี แต่งตัวเหมาะสม ปกปิดความสวยไม่ให้คนสนใจ หากใครยังดูแคลนก็ฟาดกลับนิ่มๆ เอาให้จุกจนพูดไม่ออกไปเลย ชอบเวลานางว่าคน ไม่มีคำหยาบ ไม่ใช้อารมณ์ แต่ฟังแล้วเหมือนถูกเอามีดแทง 55 (นี่สิคนฉลาด ฆ่าคนโดยไม่ต้องใช้อาวุธ)
...มีจิตวิทยาในการพูด ทำให้คนคล้อยตามโดยไม่เป็นปรปักษ์หรือเกลียดชังแต่กลับรู้สึกเอ็นดูแทน พระเอกก็โดนตก
รู้ทั้งรู้ว่าเขาแสดงละครแต่สุดท้ายก็ยังหวั่นไหวอยู่ดี...
คือหลังจากที่หลงไปช่วยพระเอกในวันนั้น นางเอกก็ถูกพระเอกบังคับให้ช่วยตามสืบนั่นนู่นนี่ เพราะเห็นว่าคนเขารู้วิชาแพทย์
นางเอกจึงต้องไหลตามน้ำต้องทำตามเพราะรู้ว่าขัดขืนอะไรไม่ได้
แต่คิดอีกทีแบบนี้ก็ดีจะได้มีต้นไม้ใหญ่ในเมืองหลวงให้คอยพึ่งพิง
พระเอกก็รู้นะว่านางเอกมีแผน
รู้ว่าเขาแกล้งประจบเอาใจ แม้ที่นางบอกปาวๆ ว่าชอบตัวเองจะเป็นเรื่องโกหกแต่พี่ก็ยังชอบฟัง.. ทว่าพอเห็นนางเอกไปประจบคุยดีกับคนอื่นพี่ก็ปวดแปลบในอก
อยากให้เขาทำแบบนั้นกับเราเพียงแค่คนเดียว...
พอเข้าไปทำงานในราชสำนักนางเอกก็ได้ไปสอนพวกองค์ชาย แต่องค์ชายใหญ่มีอคติกับนางเอก
สอนไปสอนมาวันหนึ่งเลยเกิดเรื่อง องค์ชายสองคนดันทะเลาะกันในคาบที่สอนจนบาดเจ็บ
ไทเฮาจะให้นางเอกเลิกสอนเพราะนึกว่าสาเหตุที่องค์ชายทะเลาะกันมาจากนาง
ต่อมาชาวเป่ยเหลียงก็มาถวายของบรรณาการ
และคิดจะยกองค์หญิงของตนให้แต่งงานกับพระเอกเพื่อเชื่อมสัมพันธ์
แต่พระเอกรู้ทันเลยขอให้ฮ่องเต้รับอีกฝ่ายไว้เป็นบุตรสาวบุญธรรมแทน
หลังจากนั้นก็มีงานล่าสัตว์ องค์ชายเป่ยเหลียงที่เคยรบชนะพระเอกในศึกเมื่อ 3 ปีก่อนพูดจาแขวะดูถูกพระเอก
เลยโดนนางเอกตอกกลับหน้าหงาย อีกฝ่ายจึงหมายหัวนางเอกเอาไว้...หลังจากล่าสัตว์เสร็จ นางเอกรู้ว่าองค์ชายใหญ่บาดแผลกำเริบแต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรทั้งที่เจ็บมาก จึงให้คนไปเรียกองค์ชายออกมาแล้วช่วยทำแผลให้ องค์ชายใหญ่เลยหายอคติและเริ่มรู้สึกดีกับนางเอกมากขึ้น พระเอกบังเอิญมาเห็นฉากเขาคุยกันถูกคอพอดีก็ปวดจายยย ..ตกดึกดื่มสุราจนเมา
องค์หญิงเป่ยเหลียงคิดจะปีนขึ้นเตียงพี่แก แต่นางเอกมาขวางไว้ได้ก่อน พระเอกก็เมาไม่รู้เรื่องและจับนางเอกจูบ
แต่พอตื่นกลับจำไม่ได้ นางเอกก็เลยเคืองและเริ่มวางตัวเหินห่าง 55...
เนื้อเรื่องเข้มข้น ชิงไหวชิงพริบ ไม่หนักมากแต่ก็มีเครียดเป็นพักๆ 55
แนวสงครามการเมืองการปกครอง ดำเนินไปพร้อมๆ กับความรักของพระ-นาง
เริ่มจากการที่พระเอกพยายามสืบหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการทรยศในสงครามเมื่อ
3 ปีก่อน
ว่าใครคือผู้บงการตัวจริง ...ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องการเมืองในราชสำนัก การปฏิรูประบบอุปถัมภ์ของพวกลูกหลานตระกูลใหญ่
ต้องฟาดฟันกับขุนนางใหญ่ที่มาจากตระกูลเก่าแก่ที่จะเสียผลประโยชน์
งัดข้อกันไปมาแต่หารู้ไม่ว่ายังมีนกขมิ้นรอจับกินอยู่ข้างหลัง
เป้าหมายและเจตนาที่แท้จริงของผู้เฝ้ารอคืออะไร กว่าจะเข้าใจบ้านเมืองก็เกือบได้พลิกโฉมเปลี่ยนใหม่แล้ว...สนุกจริงๆ
เป็นนิยายน้ำดีอีกเรื่องที่อยากแนะนำ สำนวนการแปลดี ตัวพระ-นางก็ดีงาม ทั้งฉลาดทั้งเก่ง อีคิว-ไอคิวก็เลิศ ถึงจะเย็นชาแต่ก็อ่อนโยน ไม่ได้มีแต่สองเรา แต่ยังใส่ใจคนอื่นที่อยู่รอบข้างด้วย เป็นความรักแบบเกื้อกูลคอยช่วยเหลือกันและกัน นางเอกไม่อยากแต่งงาน พระเอกก็ไม่บังคับ อยู่กันแบบนี้ไปชั่วชีวิตก็ได้ พี่ก็จะไม่ไปแต่งกับใครและไม่รักคนอื่นด้วยเหมือนกัน พร้อมสนับสนุนและอยู่ข้างๆ แบบนี้ไปตลอดชีวิตเลย ถูกปฏิเสธพูดตัดไมตรีกี่หนพระเอกก็ไม่ไปไหนไม่ยอมแพ้ มีแต่จะยิ่งดีกับนางเอกมากขึ้นๆ จนคนเขาค่อยๆ ใจอ่อนและตอบตกลงในที่สุด...อิอิ
ตัวละครอื่นๆ ก็น่าสนใจมีมิติ ฮ่องเต้เรื่องนี้ดีนะไม่งมงายในรักไม่ดันทุรัง ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จบสวยแบบที่เราคนอ่านไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง
55 ..
ส่วนฝั่งตัวร้าย เอาจริงๆ ไม่อยากเรียกว่าตัวร้ายเลยเพราะทุกคนต่างก็เป็นผู้ถูกกระทำด้วยกันทั้งนั้น
หากไม่มีเหตุก็คงไม่มีผลที่ตามมา ขอเรียกว่าฝั่งตรงข้ามละกัน คือก็เก่งฉลาดสูสีพอๆ
กับพระ-นางเลยแหละ ไปอ่านตอนท้ายเห็นนักเขียนบอกว่าเขียนตอนจบไว้ 3 แบบ แบบที่ 2 คือให้จบแบบฝั่งตรงข้ามชนะ
ลองอ่านแล้วจริงๆ จบแบบนั้นก็ไม่แย่นะ ดูโอเคทั้งสองฝ่ายน่าสนใจดี
แต่อ่านเรื่องนี้แล้วแอบหดหู่อยู่หน่อยๆ (แต่ไม่สงสาร) เพราะทุกคนต่างมีความเห็นแก่ตัวเหมือนกันในเรื่องที่อยากจะปกป้องคนที่รักและสิ่งสำคัญ
ทว่าไอ้การปกป้องหรือการแก้แค้นเนี่ย ส่วนใหญ่ก็มักต้องแลกมาด้วยการทำลายชีวิตของคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือผู้บริสุทธิ์ด้วยน่ะสิ ซึ่งสุดท้ายก็ก่อให้เกิดบาดแผลและความแค้นที่ไม่มีสิ้นสุดหมุนวนกันอยู่แบบนี้ ท้ายที่สุดไม่เขาพินาศก็ตัวเราเองนั่นแหละที่ย่อยยับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น