ผู้แต่ง : มู่ฝูเซิง
ผู้แปล : ซิงฉาย
สำนักพิมพ์ With Love
ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
นางเอก เสิ่นเสี่ยอี้ ทนายความสาวคนสวย ส่วนพระเอก ลี่เจ๋อเหลียง ประธานหนุ่มสุดหล่อของลี่ซื่อกรุ๊ป ชายหนุ่มผู้กุมบังเหียนธุรกิจของเมือง A ประธานหนุ่มในฝันที่สาวๆ มากมายต่างหมายปองอยากแต่งงานด้วย
สำนักงานทนายความของนางเอกจับมือทำงานร่วมกับบริษัทพระเอก นางเอกเลยถูกส่งตัวไปทำงานที่นั่น และเนื่องจากต้องการช่วยเหลือบริษัทเพื่อนในวัยเด็กที่กำลังจะล้ม จึงทำให้นางเอกต้องตอบรับคำขอของพระเอกหนึ่งอย่างแลกกับการให้พระเอกยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัทของเพื่อน และเพราะคำขอที่ว่านั่นจึงทำให้นางเอกต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่บ้านพระเอก และทำให้เธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องขาของพระเอกอีกด้วย ...
พระเอกเรื่องนี้อารมณ์แบบขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย(อ่านแล้วก็แอบนึกถึงพระเอกเรื่อง Crush ของคุณนักเขียนนิดๆ) แต่จะเป็นเฉพาะเวลาอยู่กับนางเอกนะ กับคนนอกคือสุภาพเรียบร้อยไม่แสดงอารมณ์ พระเอกเป็นคนที่หยิ่งทะนงและรักศักดิ์ศรีมาก ไม่มีทางแสดงความอ่อนแอหรือเผยจุดอ่อนให้ใครเห็น เจอใครก็มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า แต่เป็นยิ้มแบบหน้าที่เหมือนกดปุ่มอัตโนมัติไม่ได้ออกมาจากใจจริงๆ จุดอ่อนเดียวของพี่แกก็คงเป็นเรื่องขา(ล่ะมั้ง) แต่พี่แกก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือความเจ็บปวดให้ใครเห็น ภายนอกต้องดูดีอยู่เสมอ เจ็บแค่ไหนก็ฝืนทนไม่แสดงออกมา คนภายนอกเห็นก็คิดแค่ว่าพระเอกเคยบาดเจ็บที่ขาเลยทำให้เดินแปลกๆ เฉยๆ จะมีแค่คนสนิทไม่กี่คนกับหมอที่รักษาเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆ แล้วขาของพระเอกเป็นยังไง
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแนวรักในวัยทำงานของหนุ่มสาว แนวอาชีพการทำงาน+การไต่เต้าฟันฝ่าอุปสรรคในเส้นทางการงานของพระนางเหมือนเรื่องก่อนๆ หน้าซะอีก แต่อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนจะไม่ใช่แฮะ เพราะมันมีซัมธิงและเหมือนจะมีปมบางอย่างซุกซ่อนอยู่(คุณนักเขียนจะทิ้งปมให้เราสงสัยเป็นระยะ) ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นางเอกมีอาการความจำเสื่อมหลงลืมเรื่องราวบางช่วงในอดีตไป และก็น่าจะเกี่ยวข้องกับขาขวาของพระเอกที่ไม่สามารถเดินเหินได้เหมือนคนปกติด้วย
จริงๆ ก็เดาได้นะว่าในอดีตน่าจะเคยมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็ไม่นึกว่าจะหนักขนาดนี้ คือพระนางเขารู้จักกันมาก่อน นางเอกแอบชอบพระเอกมาตั้งแต่เด็กและเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามเขาเหมือนหางน้อยๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว พระเอกไปเข้าเรียนที่ไหนเธอก็ตามไปที่นั่นด้วย ตามติดเหมือนตังเมจนคนคิดว่านางเอกเป็นน้องสาวพระเอก ...ความจริงนางเอกเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเสิ่น บ้านของพระนางก็สนิทสนมกันเพราะทำธุรกิจร่วมกัน นางเอกมีพี่สาวคนละพ่ออยู่หนึ่งคนเป็นลูกเมียหลวง พี่สาวไม่ชอบนางเอก เวลาเจอหน้านางเอกทีไรก็ชอบพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางกับแม่สารพัด แต่นางเอกก็สู้นะ ไม่ได้นั่งเฉยๆ ให้เขาด่า ว่ามาก็ว่ากลับ
...สองศรีพี่น้องไม่ถูกกัน ต่างก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนมาแย่งสิ่งของหรือคนที่ตนรักไป นางเอกมักถูกพี่สาวย้ำและด่าว่าเป็นลูกชู้ ซึ่งถึงนางจะเถียงเขากลับฉอดๆ แต่ไม่ว่ายังไงในใจมันก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี ก็ถ้าเลือกได้ใครมันจะอยากเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสกันล่ะ แถมแม่นางก็หัวอ่อนไม่สู้คน ปกป้องอะไรลูกสาวไม่ค่อยได้ นางเอกเลยไม่รู้สึกว่าบ้านที่เธออาศัยอยู่มันคือบ้าน ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นหรืออยากจะกลับไป เพราะแม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดก็ยังถูกพี่สาวแย่งชิงไปด้วยสถานะคู่หมั้น ในเมื่อบ้าน+ครอบครัวไม่ใช่สถานที่ที่ทำให้อุ่นใจหรือมีความสุข จึงไม่แปลกที่นางเอกจะพยายามหาสถานที่พักพิงอื่น สถานที่จะเป็นเซฟโซนเป็นบ้านที่ปลอดภัย และเป็นที่พึ่งพิงของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นตลอดไป ไม่ว่าใครก็แย่งหรือแบ่งไปจากเธอไม่ได้...
แต่ในมุมของพี่สาว นางเอกกับแม่ก็คือคนที่เข้ามาทำลายครอบครัวของเธอ คือคนที่มาแบ่งความรักจากพ่อที่ควรจะเป็นเพียงของเธอกับแม่ไปเหมือนกันนะ แม้แต่คู่หมั้น(ที่คนอื่นคิดว่าเธอไม่ได้ชอบ) ก็ยังใส่ใจให้ความสำคัญกับน้องสาวที่เธอเกลียดมาเป็นอันดับหนึ่งก่อนเธอเสมอ ...เฮ้ออ จนท้ายที่สุดเธอก็เลือกเดินทางผิดและทำให้กิจการของที่บ้านพัง ...แต่พอพ่อนางเอกรู้ก็ไม่โทษพี่สาวเลย กลับขอแบกรับความผิดนี้ไว้กับตัวเองคนเดียว
ตอนแรกพระเอกจะหาทางช่วย แต่พ่อก็ปฏิเสธเพราะกลัวบริษัทพระเอกจะมาซวยไปด้วย แล้วคนที่รู้ความจริงจริงๆ รู้ว่าพ่อตัดสินใจอะไรยังไงในเรื่องนี้ก็มีแค่พระเอก พ่อนางเอก และตัวพี่สาวแค่ 3 คนเท่านั้น เพราะพ่อนางเอกขอร้องให้พระเอกช่วยเก็บเป็นความลับโดยเฉพาะจากนางเอก เพราะไม่อยากให้นางเอกเกลียดตัวพี่สาวไปมากกว่านี้ นางเอกก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝีมือพระเอกเพราะข่าวมันออกมาแบบนั้น แถมพอไปถามพระเอก พี่แกก็ไม่ยอมบอกความจริง ทีนี้เลยไปกันใหญ่เลย...
พอไม่พูดความจริงมันเลยยิ่งแย่ เราว่าพลาดแล้วที่พ่อไม่ให้พระเอกบอกความจริงนางเอกเนี่ย ไม่มีอะไรดีเลย เราว่าสู้บอกแล้วให้นางเอกไปตัดสินใจเอาเองดีกว่า จะโกรธจะเกลียดหรืออะไรก็แล้วแต่ลูกเถอะ ปล่อยให้ลูกตัดสินใจเองไปเถอะ ดีกว่าปล่อยให้ลูกเข้าใจผิดๆ ถึงไม่บอกคนอื่นแต่อย่างน้อยบอกนางเอกก็ยังดี เพราะนางก็โตแล้วไม่ใช่เด็กเล็กๆ เน้อ ไม่รู้พ่อจะเสียใจที่หลังไหมนะ เพราะไอ้การไม่บอกความจริงเนี่ยมันไม่เพียงแต่เป็นการทำร้ายลูกสาวตัวเอง แต่มันยังทำร้ายพระเอกทางอ้อมด้วย ... ไม่ใช่แค่ทางร่างกายและจิตใจ ยังรวมไปถึงบริษัทพี่ด้วย เล่นเอาซะบริษัทพระเอกเกือบล้มละลาย ถ้ากู้กลับมาไม่ได้นี่ไม่ใช่แค่ตัวพระเอกเท่านั้นนะที่จะแย่ แต่ยังมีพนักงานในบริษัทอีกกี่ร้อยชีวิตจ๊ะที่จะต้องตกงาน ...
อ่านถึงตรงนี้แล้วบอกเลยว่านักเขียนแกงมาก หลอกเราซะอยู่หมัด (หรือเป็นเพราะนางเอกแสดงละครเก่งหว่า55) ตอนอ่านก็คิดว่าถ้าพระเอกไม่ได้ทำหรือเข้าใจผิดนี่เราจะโกรธนางเอกมากเลยนะ😟 ...พอเฉลยแล้วก็แบบจ้าาา วางแผนเก่งขนาดนี้ ก่อนหน้านี้มีเวลาตั้งหลายปีทำไมไม่ลองสืบหาความจริงดูก่อนสักหน่อยละน้องสาว มันต้องมีสักคนที่รู้เรื่องที่พี่สาวนางเอกทำบ้างแหละน่า(ถึงจะไม่รู้ลึกไปถึงเรื่องที่พ่อนางเอก+พระเอก+ตัวพี่สาวพูดคุยตกลงกันวันนั้น) แต่แค่รู้เรื่องที่พี่สาวทำเราว่านางเอกก็น่าจะพอเดาๆ อะไรออกได้บ้างแล้วมั้ง นี่ก็ไปรู้เรื่องจากปากเพื่อนพ่อไม่ใช่เรอะ?(ว่าพี่สาวทำอะไรในปีนั้น) แต่พอรู้แล้วนางก็แบบช่างเถอะ ฉันปล่อยวางได้แล้ว ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญแล้ว ...จ้าาา ดีจุง (โอ๊ยหนออ ทำไมไม่รู้สึกให้มันเร็วกว่านี้)
สรุปก็จบแฮปปี้แหละ นึกว่าจะมึนตึงกันอีกนาน แต่ทำไงได้ก็คนมันรัก ความรักย่อมชนะทุกสิ่งอยู่แว้วว บวกกับได้รู้สาเหตุที่ทำให้ขาพระเอกเป็นแบบนี้ด้วย ความคงความแค้นอะไรไม่มีแว้ววว ปล่อยวางได้หมดจ้ะ ...แต่ยังคงอยากถามเหลือเกินว่าทำไปทามมายยย ไม่ลองคุยกันดีๆ แบบมีสติกันก่อนล่ะน้องสาว หรือสืบหาความจริงให้มันกระจ่างก๊อนน ...จบจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น