วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา 5 เล่มจบ

 


ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา 5 เล่มจบ
ผู้แต่ง : เผิงไหลเค่อ
ผู้แปล : พริกหอม
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ผลงานของท่านเผิงไหลเค่อผู้เขียนปรปักษ์จำนน ข้าผู้นี้วาสนาดีเกินใคร และอีกหลายเรื่อง(ไปเสิร์ชดูเน้อ) แนวคล้ายๆ ปรปักษ์จำนน แต่เรื่องนี้จะเข้มข้นและมีดีเทลเยอะกว่า การเมืองศึกสงครามจัดเต็ม พล็อตแน่น เรื่องรักก็ดีงามไม่แพ้กัน แต่เรื่องนี้เป็นฝั่งพระเอกนะที่ได้ย้อนกลับมา ส่วนนางเอกแค่ฝันถึงในชาติที่แล้วบ้างแบบนานๆ ที มาแบบเลือนๆ ลางๆ ไม่สามารถปะติดปะต่อเชื่อมโยงอะไรได้ ไม่เหมือนกับพระเอกที่จำได้หมด

นางเอก เกาลั่วเสิน บุตรสาวเพียงคนเดียวขององค์หญิงใหญ่กับเกาเฉียวหัวหน้าตระกูลเกา
ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลชนชั้นสูงอันดับต้นๆ ของแคว้น ชาติกำเนิดสูงส่ง หน้าตางดงาม เติบโตมาด้วยความรักความเอาใจใส่จากคนในครอบครัว ประหนึ่งไข่มุกบนฝ่ามือที่ได้รับการปกป้องทะนุถนอมมาอย่างดี
...ในชาติที่แล้วหลังแต่งงานได้ไม่นาน สามีของนางเอกก็ด่วนจากไปทำให้นางต้องกลายเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว และค่อยๆ สูญเสียคนในครอบครัวไปทีละคนจนไม่เหลือใคร ท่ามกลางศึกสงครามการสู้รบและราชสำนักที่ไม่มั่นคง นางเอกจึงต้องจำใจแต่งงานใหม่กับ หลี่มู่ หรือต้าซือหม่าของแคว้นในเวลานั้น บุรุษซึ่งมีอำนาจเหนือคนนับหมื่นแต่อยู่ใต้คนผู้เดียว ทว่าในคืนวันเข้าหอ พระเอกกลับถูกคนกวางยาพิษจนทำให้ต้องตายไปด้วยความคับแค้นใจ ส่วนนางเอกก็ครองตัวเป็นหม้ายขอหลีกหนีจากเรื่องวุ่นวายทั้งหลายไปอยู่ในอารามเต๋า กระทั่งตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงในวันที่ข้าศึกบุกเข้าเมือง...

หลังจากกล่าวถึงเรื่องราวในชาติที่แล้วจบ  ก็เปิดเรื่องด้วยนางเอกในวัย 16 บุตรสาวสกุลเกาลูกรักของบ้าน กำลังจะได้จัดพิธีแต่งงานกับคู่หมั้นคู่หมายในวัยเยาว์หรือสามีเก่าในชาติที่แล้ว ทว่าในชาตินี้กลับถูกพระเอกเข้ามาแทรกแซงจึงทำให้ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป...
แต่คิดจะเป็นเขยสกุลเกาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ให้ความสำคัญกับชาติกำเนิดและชนชั้น หนทางในการ
แต่งนางเอกมาเป็นภรรยาจึงเหนื่อยยากและเต็มไปด้วยอันตรายยิ่งนัก นอกจากต้องเผชิญกับคำสบประมาทดูถูกเหยียดหยามต่างๆ นานา ก็ยังต้องเอาตัวรอดจากการถูกลอบสังหาร รวมถึงบททดสอบที่พ่อตาตั้งขึ้นอีก ...ปกติเคยอ่านเจอแต่เรื่องที่นางเอกแต่งไปแล้วต้องไปไฟท์กับบ้านสามี แต่เรื่องนี้ตรงกันข้ามเลย ...

อ่านเรื่องนี้แล้วก็แอบนึกถึงเสน่ห์รักขุนนางหญิง เพราะเป็นยุคที่ให้ความสำคัญกับเรื่องชาติกำเนิดและฐานะวงศ์ตระกูลมาเป็นอันดับหนึ่งเหมือนกัน ชนชั้นสูงแยกไม่ยุ่งเกี่ยวกับชนชั้นสามัญหรือชนชั้นต่ำอย่างชัดเจน ใครแต่งงานกับคนศักดิ์ฐานะต่ำกว่าก็จะถูกบูลลี่โดนดูถูกไม่มีใครคบ ฮ่องเต้อ่อนแอต้องพึ่งพาตระกูลขุนนางชนชั้นสูง บ้านเมืองก็มีแต่ศึกสงคราม เพราะเป็นช่วงกลียุค ผู้คนพากันหนีภัยสงครามอพยพลงใต้ ส่วนดินแดนทางเหนือก็ถูกชนเผ่านอกด่านยึดครองไปเกือบหมด 

ทว่านอกจากสงครามภายนอกก็ยังมีสงครามภายใน ประชาชนต้องทุกข์ยากจากภัยสงครามและการก่อกบฏ แต่พวกชนชั้นสูงก็ยังคิดถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตน หากมีใครหรือตระกูลไหนจะเด่นเกินหน้าก็ต้องรีบหาทางขัดแข้งขัดขาเอาไว้ กลัวเขาจะมีผลงานโดดเด่นเกินไป บ้านเมืองถึงได้ไม่ไปไหนเพราะพวกตัวใหญ่ๆ ก็กลัวแต่ว่าตนจะเสียผลประโยชน์ พ่อนางเอกถึงยกทัพไปชิงดินแดนกลับคืนมาไม่ได้สักที เพราะโดนคนพวกนี้แหละคอยถ่วงรั้งเอาไว้ แล้วสุดท้ายก็ต้องล้มเหลวกลับมา กลายเป็นความเสียใจไปชั่วชีวิต...

หลังแต่งงานกัน นางเอกก็สามารถปรับตัวเข้ากับบ้านพระเอกได้ดีเกินคาด แม้ตอนแรกจะไม่พอใจ เพราะเหมือนถูกบังคับให้ต้องแต่งกับใครไม่รู้ ต้องห่างบ้านมาไกลแสนไกลเพื่อเป็นภรรยาให้กับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า ประหนึ่งนกน้อยที่ร่วงตกลงมาสู่พื้นดิน  ดังนั้นวันแรกที่เข้าหอพระเอกจึงไม่ได้แอ้มเมียและถูกไล่ให้ไปนอนที่อื่นตามระเบียบ...แต่พี่ก็ไม่ได้เสียใจ เพราะอยากให้ภรรยาตัวน้อยเป็นเช่นนี้นี่แล ได้ใช้ชีวิตตามแต่ใจ ไม่ต้องอดทนอดกลั้นอยู่กับความทุกข์เหมือนในชาติที่ผ่านมา...นางเอกจึงอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจยิ่งกว่าตอนอยู่บ้านเดิมซะอีก เพราะครอบครัวพระเอกและคนรอบข้างมีแต่คนดีๆ นานวันเข้านางเอกจึงค่อยๆ เข้าใจและมองเห็นด้านดีของพระเอก ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันจนเกิดเป็นความรักความห่วงใยระหว่างสามีภรรยา 

ถึงเรื่องศึกสงครามการเมืองจะเยอะแต่นักเขียนก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องรัก ที่เราจะได้เห็นชัดๆ คือพัฒนาการของนางเอก จากสาวน้อยนุ่มนิ่มที่ไม่เคยเผชิญโลก ก็ค่อยๆ เติบโตจนกลายเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวกล้าตัดสินใจและเข้าใจโลกมากขึ้น  ถึงจะเป็นคุณหนูในห้องหอเป็นลูกขุนนางใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เอาแต่ใจถือดีว่าตนมีฐานะสูงศักดิ์อะไรเลย เวลาอยู่กับสามีน้องจะขี้อ้อนมาก นิสัยดี เข้าอกเข้าใจคน มีอะไรก็พูดก็ถามตรงๆ ไม่เหมือนพระเอกที่เอาแต่เงียบ เวลามีอะไรไม่ชอบพูด...อย่างเรื่องเพลงที่นางเอกส่งให้คู่หมั้นเก่า อยากรู้ก็ไม่ถามตรงๆ นางเอกถามตั้งหลายทีว่ามีอะไรก็เงียบ พออธิบายแล้วก็ยังเงียบ จนนางเอกต้องเปลี่ยนจากไม้อ่อนไปเป็นไม้แข็งแทน 55  พระเอกคิดถูกแล้วแหละที่รีบแต่งน้อง ทำให้น้องไม่ต้องมีชีวิตเหมือนในชาติก่อน ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าน้องจะยังขี้อ้อนตรงไปตรงมาแบบนี้ได้อยู่อีกไหม ชอบตอนที่พระเอกพูดกับคนสนิทว่า...เป็นพันธมิตรกันไม่สำเร็จ ข้ายังทำศึกได้ วันนี้สูญเสียเมืองไป พรุ่งนี้ข้าไปช่วงชิงกลับมาได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาง ...วันหน้าท่านจะให้ข้าอยู่อย่างไร...   คนสนิทนี่อึ้งไปเลยจ้า ไม่คิดว่าพระเอกจะรักเมียลึกซึ้งขนาดนี้ ...

ในเรื่องนอกจากคู่พระ-นาง ก็มีคู่พ่อแม่ของนางเอกนี่แหละที่เด่นไม่แพ้กัน
ขอยกให้ท่านพ่อของนางเอกเป็นพระเอกอีกคนในเรื่องเลย โดยเฉพาะเล่ม
4 บทเด่นมากกก แทบจะกลบลูกเขยไปเลยจ้า...อ่านแล้วก็สงสารท่านพ่อ ตอนแรกคิดว่าพระเอกเจอมาหนักแล้วนะ มาเจอพ่อนางเอกนี่แบบ...เฮ้ออ ประสาทจะแดก พระเอกยังมีคนสนิทที่เชื่อใจได้คอยติดตาม แต่พ่อนี่นอกจากพี่น้องกับหลานชายที่สนิทจริงๆ และลูกเมียอีกสองก็ไม่มีใครแล้วนะ...ด้วยความที่เป็นหัวหน้าตระกูลและอยู่ในตำแหน่งสูง ใครๆ ต่างก็เกรงใจและเกรงกลัว กระทั่งฮ่องเต้ยังหวาดระแวง ทั้งๆ ที่ใจพ่อมุ่งหวังทำเพื่อบ้านเมืองและชาวประชา แต่พวกตระกูลใหญ่ๆ รวมถึงฮ่องเต้และอีกบลาๆ กลับหวาดระแวงกลัวว่าพ่อจะเด่นเกินหน้ามีผลงานมากเกินไป เวลาพ่อจะทำอะไรเลยต้องคอย
ขัดขวางหาทางขัดขาอยู่เสมอ รับมือกับศัตรูนอกแคว้นว่าเหนื่อยแล้ว แต่ยังไม่หนักเท่ากับศึกจากภายในแคว้นตัวเองเลย

ยิ่งเล่ม 4 ยิ่งอยากหยุมหัวพวกคนคิดร้ายคอยสร้างปัญหาทั้งหลาย ให้พ่อพักบ้างเถอะ ฮ่องเต้ก็ไม่เอาไหน ขุนนางส่วนใหญ่ก็รักแต่ตัวเอง มีเหลือดีๆ กระจึ๋งนึง เวลามีอะไรก็โยนมาให้แต่พ่อ คนเดียวแม่งแบกมันทุกเรื่อง นับถือพ่อมากกกที่ทนมาได้ ทำไม่ดีคนก็คอยจับผิดรอเหยียบซ้ำ ทำดีไปก็ถูกหวาดระแวงอีก อยู่ยากเหลือเกินชีวิต
ฉากที่ท่านพ่อคิดจะถอนตัวออกจากราชสำนักแล้วถูกฮ่องเต้ซ้อนแผนนี่โกรธมากนะ...
แบบโอ๊ยยย...ระแวงเขาแต่ก็ยังจะใช้งานเขาอีกน้อ คิดจะใช้ไปจนตายเลยเหรอ พอมารอบสองเอาอีก...ดีที่รอบนี้พ่อเด็ดขาด เพราะมีพระเอกรับช่วงต่อแล้ว พ่อเลยไม่สนแล้ว ให้พ่อได้ไปใช้ชีวิตของพ่อเถอะ สงสารมาก ถูกบีบให้ทำเพื่อตระกูล เพื่อราชสำนัก และเพื่อบ้านเมืองมาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยทำเพื่อตัวเองเลย ต้องมีปัญหากับเมียมาหลายสิบปีก็เพราะคนนอกมาวางแผนให้แตกแยกอีก พอเข้าใจกันก็ต้องแยกจาก...ปล่อยพ่อไปเถอะขอร้อง

จริงๆ ก็มีหลายเรื่องนะที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนชาติที่แล้ว แต่ก็มีบางเรื่องที่สุดท้ายยังคงซ้ำรอยเดิมอยู่ดี อย่างเรื่องศึกสงคราม การก่อกบฏ และการตายของตัวละครบางตัวที่สุดท้ายก็ไม่อาจเลี่ยงได้ ยังคงเป็นเหมือนในชาติก่อน 
ในเล่มสุดท้าย
พระ-นางได้อยู่ด้วยกันน้อยหน่อย เพราะจะเน้นไปที่ศึกสงครามการสู้รบ
จัดเต็มมาก ทั้งแผนการรบ เส้นทางรายละเอียดต่างๆ ไม่น่าเบื่อเลย ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายยังไงพระเอกก็ต้องชนะแต่ก็ลุ้นอยู่ดีนะ เพราะมีศึกเข้ามาหลายทางและมักมีเรื่องไม่คาดฝันเข้ามาแทรกอยู่ตลอด อย่างพี่น้องสกุลมู่หรงนี่...เป็นอะไรที่ตามมาหลอกหลอนจริงๆ อึด ถึก ฆ่าไม่ตายยิ่งกว่าแมลงสาบ เป็นตัวแปรที่ทำให้สถานการณ์เกิดการพลิกผันหลายครั้งหลายครา ... แล้วก็มีฮองเฮาลูกพี่ลูกน้องของนางเอก นี่ก็พลาดแล้วพลาดอีกไม่จำ ไม่ปรับปรุงตัว ทำแต่เรื่องโง่ๆ จนสุดท้ายก็นำภัยเข้ามาสู่แผ่นดินและตัวเอง...จุดจบที่เกิดนั่นก็เพราะตัวเองทำตัวเองล้วนๆ ไม่ต้องโทษใคร
ความจริงนางเป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้พระเอกตายในชาติที่แล้วนะ แต่มาชาตินี้พระเอกก็ไม่ได้ทำไรนาง ไม่ยุ่ง ไม่ได้วางแผนร้ายอะไรกับนางและลูกเลย...

คือพระเอกไม่ได้กลับมาแก้แค้นใครเลยอะ แค่อยากแต่งนางเอกเป็นภรรยากับทำตามความฝันในชาติที่แล้ว คือเอาแผ่นดินกลับคืนมาและขับไล่ชนเผ่านอกด่านออกไปเท่านั้นเอง คนที่ร่วมกันวางแผนฆ่าพี่ในชาติที่แล้ว พี่ก็ไม่ได้ไปตามแก้แค้นเอาคืนอะไรเขาเลย ตอนแรกพี่ก็กะจะไม่เป็นฮ่องเต้แล้วด้วยซ้ำนะเพราะเห็นแก่หน้าเมีย แต่หลังๆ พอนางเอกได้เห็นได้ผ่านอะไรหลายๆ อย่าง บวกกับฝันถึงเรื่องในคืนวันแต่งงานเมื่อชาติก่อน น้องเลยไปบอกพระเอกเลยว่าอยากเป็นฮองเฮา ...คือสนับสนุนให้พระเอกครองบัลลังก์เลย ไม่ขวางและ เพราะไม่งั้นบ้านเมืองกับราชสำนักก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน ยึดดินแดนคืนไม่สำเร็จสักที แล้วสุดท้ายเดี๋ยวพระเอกก็เจอคนระแวงและต้องมีจุดจบเหมือนในชาติก่อนอีก ...โอเคพอ ไม่เป็นขุนนางผู้ภักดีมันและ เป็น...แทนละกัน 55 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น