ลำนำล่มแคว้น มัจฉาพรางประกาย 2 เล่มจบ
ผู้แต่ง : สือซื่อเชวี่ย (十四阙)
ผู้แปล : หยกน้ำแข็ง
สำนักพิมพ์ อรุณ
เป็นเรื่องที่อยู่ในเซตเดียวกับลำนำล่มแคว้น ลิขิตลายหงส์
แต่แยกอ่านได้
แค่จะมีบางเหตุการณ์ที่คาบเกี่ยวและบางตัวละครในลายหงส์มาปรากฏอยู่ในเรื่องนี้ด้วย
และอีกอย่างคือเราจะได้รู้จักและได้เห็นชีวิตของบางตัวละครที่เคยออกมาในเล่มก่อนหน้ามากขึ้น
เช่น ปิงหลีหรือเซวียไฉ่ อี๋ซู และเฮ่ออี๋ เป็นต้น (สารภาพว่าตอนอ่านเจอแรกๆ
เราก็ลืมไปแล้วอะ ต้องอ่านไปสักระยะหรือไปเจอบางเหตุการณ์ก่อนถึงได้...อ้อออ จำได้และ55)
เรื่องนี้จะกล่าวถึงแคว้นปี้ ส่วนนางเอกก็คือ เจียงเฉิงอวี๋ บุตรสาวคนเล็กของอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย เพียบพร้อมด้วยรูปโฉม สติปัญญา กิริยามารยาทดีงามจนเป็นที่เลื่องลือ
ตระกูลเจียงเป็น 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่ของแคว้น
ในตอนที่เกิดการผลัดเปลี่ยนบัลลังก์
ตระกูลเจียงวางตัวเป็นกลางไม่ได้อยู่ข้างองค์ชายพระองค์ไหน
ดังนั้นพอฮ่องเต้ใหม่ขึ้นครองราชย์ ตระกูลของนางเอกจึงต้องรีบส่งพี่สาวคนโตเข้าวังไปเป็นสนมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีโดยทันที ส่วนนางเอกก็มีชีวิตอย่างสงบสุข
ได้รับความรักและการปกป้องจากคนในครอบครัวอย่างเต็มที่ พออายุ
15 ก็ได้หมั้นหมายกับคนที่ตนแอบปลื้ม... ในขณะที่คุณหนูหรือชนชั้นสูงส่วนใหญ่มักไม่อาจเลือกคู่ครองเองได้ ไม่อาจได้แต่งกับคนที่ชอบ..
แต่นางเอกกลับทำได้..
ทว่าเพียงไม่นานฝันก็ต้องพังทลายลงด้วยราชโองการเพียงฉบับเดียว
เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่งให้นางเอกเข้าวังไปเป็นพระสนม ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ในนางเอกได้เติบโตอย่างแท้จริง
จากบุตรสาวคนเล็กที่ครอบครัวรักใคร่ทะนุถนอม ไม่เคยเผชิญเรื่องร้ายๆ
หรือความลำบากใดๆ
แต่การที่ต้องเข้ามาอยู่ในวังนี่แหละจะทำให้นางได้เห็นโลกและรู้ซึ้งถึงจิตใจคนอย่างแท้จริง
... พอมาอยู่ในวังพี่สาวแท้ๆ
ก็โกรธเคือง ฮ่องเต้ก็มีสนมที่โปรดปรานมากๆ อยู่ก่อนแล้ว ส่วนตัวนางเอกก็ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ไม่ใช่คนทะเยอทะยานอยากไขว่คว้าหาอำนาจ ไม่ชอบเรื่องราวสกปรกโสมมใดๆ ไม่อยากเป็นคนโปรดของใคร
เพียงแค่อยากได้แต่งงานและครองคู่กับคนที่ตนรักเท่านั้นเอง ...แต่ก็ไม่มีหวังแล้วนับตั้งแต่วันที่ต้องกลายมาเป็นพระสนมหรือสตรีของฮ่องเต้
...
นางเอกจึงไปเจรจากับฮ่องเต้ ขอเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาคอยวางแผน แต่ไม่ขอเป็นพระสนมที่ต้องคอยคลอดลูกใช้ชีวิตอยู่แต่ในวัง...ฮ่องเต้เลยให้แบบทดสอบไป
เพื่อดูว่านางเอกจะสามารถทำได้จริงตามที่พูดไหม เก่งพอที่จะเป็นที่ปรึกษาช่วยออกอุบายให้ได้จริงรึเปล่า..
ภารกิจแรกคือการส่งไปเป็นสายลับที่แคว้นเฉิง
ในฐานะศิษย์น้องของท่านหมอ ...
ซึ่งระหว่างทางนางเอกก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ได้พบเจอกับคนที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู
ได้เป็นฝ่ายช่วยเหลือและถูกคนอื่นช่วยเอาไว้
ทำให้นางได้รู้จักตนเองและโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น
เหมือนได้มองนางเอกเติบโตไปเรื่อยๆ ได้เห็นนางผิดหวัง ไม่สมปรารถนา มองดูนางเผชิญหน้ากับอำนาจ การแย่งชิง
การลาจาก และการทรยศหักหลัง ... จากคุณหนูในห้องหอจนกลายมาเป็นพระสนม เป็นที่ปรึกษาของฮ่องเต้ และก้าวไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตที่แม้แต่ตัวเองก็คาดไม่ถึง...
ส่วนตัวละครชายในเรื่องก็เป็นเหมือนกับผู้ที่เข้ามาแต่งแต้มสีสัน ช่วยสร้างเส้นทางใหม่ๆ ให้กับชีวิตของนางเอก ประคับประคองช่วยให้นางได้เดินไปอย่างมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น เปรียบเหมือนเพื่อน เหมือนอาจารย์ เหมือนที่ปรึกษาคนสนิท คอยชี้แนะ แนะนำแนวทาง เปิดมุมมองโลกใบนี้ให้กว้างขึ้น ทำให้นางได้ขัดเกลา สั่งสมประสบการณ์ จนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตนต้องการ และเส้นทางไหนที่ตนอยากจะเดิน...
นางเอกเป็นคนฉลาดใจดีมีเมตตา ไม่เสแสร้ง ถึงเรื่องนี้จะชูนางเอกเด่นแต่นางก็ไม่ได้ซูเลย
ไม่ได้ฉลาดว้าวอะไรขนาดนั้น กว่าจะเปล่งประกายและเฉียบคมได้ก็ต้องผ่านการขัดเกลา สั่งสมประสบการณ์ ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมายเสียก่อน
แต่กว่าจะไปถึงวันนั้นได้ก็ต้องสูญเสียอะไรไปเยอะพอสมควรเหมือนกัน
แต่จุดหนึ่งที่เราชอบมากในตัวนางเอกเรื่องนี้คือ..ไม่ว่าจะเจอกับเรื่องเลวร้ายมากขนาดไหน นางก็ยังมีความเป็นมนุษย์ มีความเห็นอกเห็นใจ และความสงสารให้กับผู้คน
ไม่ใช่เพื่อเป้าหมายก็พร้อมยอมทำทุกอย่างทุกทางโดยไม่สนชีวิตใครหรือสิ่งใดทั้งสิ้น...
อ่านจบแล้วบอกเลยว่าหวานน้อย แถมยังลงเรือผิดลำอีกต่างหาก..อ้ากกกส์
มีพระเอกนะเพียงแต่ไม่ใช่คนที่เราคิดอะ
พระเอกดูไม่ค่อยได้ข้องเกี่ยวกับนางเอกเท่าไรเลย ออกน้อย แบบโผล่มาช่วยเป็นบางครั้งบางคราวเฉยๆ
แต่สุดท้ายพี่แกก็คือคนที่ได้อยู่กับนางเอก งั้นก็คงเป็นพระเอกแหละนะ 55 ...
เนื้อเรื่องจะหนักไปที่การเมือง
การแย่งชิงอำนาจ และแผนการความแค้นอะไรไม่รู้มากมายเต็มไปหมด
พัวพันกันไปมาไม่จบไม่สิ้น (จะจบได้ก็ต่อเมื่อต้องตายกันไปทั้งสองฝ่ายล่ะมั้งนะ 55) อ่านแล้วรู้สึกว่าทุกคนน่าสงสารหมด
ไม่มีใครที่ไม่ใช่เหยื่อหรือได้รับผลกระทบจากอำนาจ
หรือจากวงศ์ตระกูลของตัวเองและบลาๆ เลย สรุปไม่มีใครที่ได้เป็นตัวเองกันสักคน
...
ส่วนข่อยในตอนนั้นทำอะไรนะ ยังบ้าๆ บอๆ เล่นดินเล่นทรายอยู่เลยมั้ง55..แต่ก็เข้าใจแหละ ก็สภาพแวดล้อมสภาพสังคมในยุคนั้นมันบังคับให้ต้องรีบโตและรู้จักเอาตัวรอดอะเนอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น