วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ข้านี่แหละปลาน้อยของท่านเทพ

 

ข้านี่แหละปลาน้อยของท่านเทพ (เล่มเดียวจบ)
ผู้แต่ง : 鱼香四溢 (หมั่วฉาฉวี่ฉี)
ผู้แปล : สี่เมษา
ปก : Kanapy
สำนักพิมพ์ อรุณ

วีรบุรุษช่วยสาวงาม หากวีรบุรุษรูปนั้นรูปงามถึงเพียงนี้ 
ไม่ว่าอย่างไรก็คงอยากมอบชีวิตเป็นการตอบแทน แต่หากหน้าตาไม่พิสมัย
เช่นนั้นก็ได้แต่ไว้ตอบแทนในชาติหน้าแล้ว...

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก อาเหลียน เป็นปลาฮวาเหลียนที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบต้งเจ๋อ นิสัยเรียบร้อยใสซื่่อ
ว่าง่าย แต่หากตัดสินใจหรือยึดมั่นในสิ่งใดแล้วก็จะสู้จนถึงที่สุด เมื่อ 200 ปีก่อนนางเอกเคยถูกชาวประมงจับไปและได้พระเอกหรือ หรงหลินซ่างเสิน 
เทพสงครามแห่งแดนสวรรค์ที่มีอายุมาหลายหมื่นปีช่วยเอาไว้ นับแต่นั้นนางเอกจึงตั้งใจว่าจะต้องสอบเข้าไปเรียนที่จิ่วเซียวเก๋อ(ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกเซียน)ให้ได้ เพื่อตอบแทนบุญคุณพระเอกที่ช่วยชีวิต...

นางเอกเป็นเด็กกำพร้าที่ชาติกำเนิดต่ำต้อยไม่มีคนหนุนหลัง เป็นเพียงปลาหัวโตที่รูปร่างหน้าตางดงาม ยามที่เข้าไปเรียนจึงไม่พ้นถูกคนกระแนะกระแหนดูถูกเหยียดหยาม เพราะถึงจะเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกภูตเซียนแต่เห็นแบบนี้ก็มีการแบ่งชั้นวรรณะเหมือนกันนะ นอกจากจะดูจากชาติกำเนิดว่าเป็นลูกหลานใคร ก็ยังดูว่ามาจากที่ไหน ใครมาจากแดนสวรรค์ก็ไฮโซมีอภิสิทธิ์มากกว่าหน่อย หรือถ้าเป็นสัตว์น้ำก็ต้องดูว่ามาจากทะเลหรือเปล่า หากมาจากทะเลภาษีก็จะดีกว่าพวกที่มาจากทะเลสาบหรือบ่อบึง อย่างนางเอกเนี่ยถือว่าเป็นพวกบ้านนอกปลายแถวอยู่ระดับล่างสุด เพราะมาจากทะเลสาบเล็กๆ ที่ทุรกันดาร บวกกับพลังตบะอ่อนด้อยจึงยิ่งไม่มีใครเห็นหัว...

แล้วนางเอกก็ได้พบพระเอกสมใจ แต่น่าเสียดายที่เขากลับจำนางไม่ได้เลยสักนิด ทว่าเรื่องแค่นี้ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว จะจำได้หรือไม่ นางเอกก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณ นางจะต้องถูกเขากินให้จงได้...อิอิ เพราะฉะนั้นเวลาเจอพระเอก นางเอกก็จะลิงโลดมีความสุขเป็นพิเศษ เหมือนเวลาได้เห็นคนที่เราแอบปลื้มแอบใฝ่ฝันมานาน เขาทำอะไรก็รู้สึกว่าดูดีไปหมด เลิศที่สุดในปฐพีไม่มีข้อเสียเลย ทั้งหน้าตา นิสัย พลังตบะ ฝีมือเก่งกาจเลิศทุกอย่าง สมกับที่เป็นเทพสงครามของสวรรค์จริงๆ พระเอกก็คิดว่านางเอกคงเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มาตามจีบหรือชอบตัวเองนั่นแหละ เจอมาเยอะ รู้ว่าต้องรับมือยังไง พี่จึงทำตัวเย็นชาห่างเหินเว้นระยะห่างอย่างที่เคยทำ แต่นางเอกก็ยังกระตือรือร้นวิ่งเข้าหาควงแขนส่งยิ้มให้ ไม่ว่าพระเอกจะเย็นชาตีหน้าขรึมเท่าไรก็ใช้ไม่ได้ผล ...แถมไปๆ มาๆ ตัวเองยังเป็นฝ่ายตกหลุมรักเขาก่อนอีกต่างหาก...

แต่พระเอกไม่รู้ตัวนะ คลั่งรักแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว ปากบอกไม่อยากยุ่งแต่เขาขอให้สอนวิชาก็สอน เห็นนางเอกไปทำงานในร้านอาหารแล้วนุ่งน้อยห่มน้อยก็โกรธ บอกให้เลิกทำ ตอนไปงานเลี้ยงเห็นเซียนหญิงคนหนึ่งแต่งตัวสวย พี่ก็มองซะจนเขาเข้าใจผิดคิดว่ามีใจให้ ที่ไหนได้!! แค่อยากรู้ว่าเสื้อผ้าชุดนี้ซื้อที่ไหนจะได้ไปซื้อให้นางเอกใส่บ้างเท่านั้นเอง55 ...
นี่ยังไม่นับเรื่องความหึงหวงอันมากมายของพี่แกอีกนะ เพราะนางเอกก็เสน่ห์แรงไม่เบา แต่พระเอกก็มาขวางไว้ได้ทันตลอด ใครกล้ายุ่งกับปลาข้าก็ลองดู! ...เป็นถึงขนาดนี้แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าชอบเขา นางเอกทำอะไรก็คิดว่าเขากำลังจีบ กำลังสารภาพรัก กำลังลองใจอยากให้ตัวเองหึง เขามีแผนการ คิดเองเออเองมโนไปไกลมากกกแม่...

เป็นแนวเทพเซียนเบาๆ เล่มเดียวจบ อ่านง่ายอ่านเพลิน สนุก บางตอนดูเหมือนไม่มีอะไรแต่เราอ่านแล้วรู้สึกซึ้งอะ บางทีก็แอบจุก อย่างเช่นเหตุผลลึกๆ ที่นางเอกอยากให้พระเอกกินตัวเอง หรือตอนที่พระเอกนั่งมองดวงดาวบนท้องฟ้าแต่นางเอกกลับเอาแต่ก้มหน้าเก็บก้อนหิน T^T ....นางเอกน่ารักใสซื่อมากกก ไม่เคยโกรธใคร นิสัยดี บื้อแต่ไม่โง่ ใจเย็นฝุดดๆ กลับเป็นพระเอกซะอีกที่ใจร้อนและนิสัยเหมือนเด็กน้อยมากกว่า (ทั้งๆ ที่อายุก็ปาไป 30,000 ปีแล้วนะ)...ตอนแรกนึกว่าฝ่ายที่หลงรักแบบหัวปักหัวปำคงเป็นนางเอก แต่อ่านไปถึงค่อยๆ เข้าใจว่านางก็แค่อยากตอบแทนบุญคุณเฉยๆ ชื่นชอบแบบรักเคารพเทิดทูนเลื่อมใส แต่ไม่คิดอาจเอื้อม ยังไม่ได้รักแบบชาย-หญิง ...ที่อยากให้พระเอกกินก็คือให้กินเป็นอาหารจริงๆ แต่พระเอก(และเราด้วย)นี่คิดไปไกลแล้วจ้า หลายๆ ฉากนี่อ่านแล้วคิดในแง่ดีไม่ได้เลยจริงๆ 55...

แอบมีดราม่าอยู่นิดหน่อย เนื่องจากพระเอกเราเป็นเทพชั้นสูงที่มีร่างจริงเป็นหงส์ไฟ พี่แกก็จะมีนิสัยหยิ่งทะนง ปากแข็ง และรักศักดิ์ศรีมากกก บางทีก็เลยพูดไม่ค่อยคิด พูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจออกมา นางเอกก็เป็นปลาน้อยใสซื่อที่อยู่มาแค่ 300 ปีเอง บวกกับนี่คือคนที่ตนเลื่อมใสมาตลอด เพราะฉะนั้นขอแค่เป็นสิ่งที่พระเอกพูด น้องก็เชื่อหมด ไม่เคยขัด ไม่เคยปฏิเสธ ไม่มีคำว่า "ไม่" นานวันเข้ามันเลยสร้างปมเล็กๆ ในใจขึ้นมา...

อย่างเรื่องลูก นางเอกถามพระเอกประมาณว่าอยากมีลูกไหม พระเอกก็ดันปากไม่ตรงกับใจไปพูดอีกว่า..ใครจะอยากมีลูกกับปลาหัวโตอย่างเจ้าให้เสื่อมเสียเกียรติกัน...นางเอกก็ "อ้ออ" ทีนี้พอท้องน้องก็ไปเลยสิ เข้าใจว่าพระเอกรังเกียจไม่อยากมีลูกกับตน พอพระเอกกลับมาไม่เห็นคนก็โมโห ต้องรีบข้ามน้ำข้ามทะเลไปตามหา ...สรุปแล้วคนที่หลงรักหัวปักหัวปำก็คือพระเอกนั่นแหละ ส่วนนางเอกกว่าจะรู้ใจตัวเองและเข้าใจคำว่ารักอย่างแท้จริงก็ปาไปท้ายๆ เลย...

ป.ล.มีประเด็นเรื่องลูกเพราะลูกฟักออกมาแล้วดันไม่เหมือนพระ-นาง  พ่อเป็นหงส์ไฟแม่เป็นปลาแต่ทำไมลูกเกิดมาเป็นมังกร(วะ)55 หลงไปหยิบไข่มังกรข้างบ้านมาเปล่า...เดี๋ยวสุดท้ายจะมีเฉลยว่าทำไม แต่สรุปคือพระ-นางเขามีวาสนากันมาตั้งนานแล้ว  คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน...อิอิ

บ้านนี้มีลูกเยอะมากกก พระเอกขยันจริงๆ เพราะเคยฝันเห็นนางเอกมีลูกกับคนอื่น 7-8 คน พี่จึงเกิดปม ไม่ได้! ปลาตัวนี้ต้องมีลูกกับข้าคนเดียวเท่านั้น แต่ลูกที่คลอดออกมาดันเป็นมังกรน้อยหมด พอได้หงส์ไฟน้อยมาพระเอกนี่น้ำตาไหลพรากๆๆ ในที่สุดก็มีคนที่เหมือนพ่อแล้ว ดีใจสุดๆ 55


วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ขุนนางหญิงยอดเสน่หา 3 เล่มจบ


ขุนนางหญิงยอดเสน่หา 3 เล่มจบ 
ผู้แต่ง : Sui Yu
ผู้แปล : เหมยสี่ฤดู
สำนักพิมพ์ Happy Banana

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

"จั๋วหวา วันนั้นตอนอยู่บนรถม้า สิ่งที่ข้าพูดไปล้วนจริงจัง 
หากเจ้าชอบข้า ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า หากเจ้าไม่อยากออกเรือน ข้าก็จะไม่แต่งงาน
พวกเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปชั่วชีวิต ดีหรือไม่..."

"ใช่ เจ้าสามารถทำสิ่งที่เจ้าชอบ ส่วนข้าจะคอยอยู่ข้างๆ เจ้าเสมอ
การอยู่เคียงข้างกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยฐานะสามีภรรยาเสมอไป..."

มู่จั๋วหวา เป็นลูกอนุที่เกิดในตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมากๆ แม่ของนางเอกตายตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนตัวพ่อก็ไม่เคยสนใจใยดีบุตรสาวอนุอย่างนาง ในบ้านนอกจากสาวใช้คนสนิทก็ไม่มีใครที่รักและห่วงใยนางเอกอีกแล้ว ...ดังนั้นในขณะที่คนอื่นๆ กำลังแย่งชิงความโปรดปราน แย่งชิงเงินทองข้าวของเครื่องใช้ดีๆ แต่นางเอกกลับหมกมุ่นอยู่กับตำรา ไม่สนใจการแก่งแย่งใดๆ ของบรรดาเมียพ่อและพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ในบ้านเลย เพราะนางเอกไม่อยากมีชีวิตเหมือนแม่ ที่ทั้งชีวิตหลงรักและจมปลักอยู่กับบุรุษเพียงคนเดียว แล้วสุดท้ายก็ถูกเขาทอดทิ้ง ต้องทุกข์ตรมไปชั่วชีวิตจนกระทั่งวันตาย ....
ดังนั้นพอรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกจับแต่งงาน นางเอกจึงพาสาวใช้คนสนิทหนีออกจากบ้านไปสอบเป็นขุนนาง (ในเรื่องนี้สตรีสามารถสอบเป็นขุนนางได้) ต้องแต่งหน้าปิดบังความสวย ต้องประจบเอาใจผู้มีอำนาจ(อย่างพระเอก) เผื่อเส้นทางในวันข้างหน้าจะได้ราบรื่นขึ้นหน่อย(มั้ง)....

ขณะที่อยู่เมืองหลวง นางเอกก็ได้ใช้วิชาแพทย์ที่พอจะมีติดตัวรักษาโรคให้กับหญิงคณิกาที่อยู่ในละแวกนั้นๆ และบังเอิญได้ช่วยชีวิตชายบำเรอหรือก็คือพระเอกนั่นแหละ ที่ถูกพิษในระหว่างที่เข้ามาสืบหาอะไรบางอย่างที่หอนางโลมพอดี...
พระเอก หลิวเหยี่ยน หรือติ้งอ๋องผู้เป็นน้องรักของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เป็นแม่ทัพที่ทำศึกกับชาวเป่ยเหลียงจนได้รับชัยชนะหลายครั้งหลายครา มีชื่อเสียงไปทั่วหล้า เป็นที่ขยาดหวาดกลัวของผู้คนมากมายทั้งในแคว้นตนและแคว้นศัตรู ...แต่เพราะศึกเมื่อ 3 ปีก่อนที่ถูกคนทรยศทำให้ต้องพ่ายแพ้ ทำให้แม่ทัพนายกองรวมถึงคนสนิทมากมายต้องสิ้นชีพอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนตัวพระเอกก็บาดเจ็บหนักเกือบตาย แม้จะรอดชีวิตกลับมาได้แต่วรยุทธ์ก็แทบสูญสิ้นไม่อาจมีชีวิตยืนยาว ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานทั้งจากทางร่างกายที่ถูกพิษและจากการตายของพวกพ้อง ...

นางเอกเรื่องนี้เป็นคนฉลาดเจ้าเล่ห์ช่างจำนรรจา แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองโลกมองคนได้อย่างกระจ่าง มีอุดมการณ์ว่าจะขอทำงานเป็นขุนนางและมีชีวิตอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเองโดยไม่พึ่งพาบุรุษ ถึงไม่คิดแต่งงานและมีความคิดแหวกแนวสวนทางกับสังคมในยุคนี้ แต่นางเอกก็ไม่เคยดูแคลนสตรีที่ต้องใช้ชีวิตตามหลักจรรยาหรือตามคำสอนเหล่านั้นเลย ตรงกันข้าม นางกลับตระหนักและเข้าใจในชีวิตของสตรีที่ถูกบีบและทำให้มีทางเลือกไม่มากนักอย่างถ่องแท้ ...เพราะไม่ว่าจะเส้นทางไหนต่างก็มีความยากลำบากและอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันด้วยกันทั้งนั้น 

ส่วนเส้นทางการเป็นขุนนางของนางเอก ถึงจะบอกว่ายุคนี้เปิดโอกาสให้สตรีสอบเป็นขุนนางได้ แต่พอมีสตรีสอบได้เป็นขึ้นมาจริงๆ สุดท้ายก็ยังถูกดูถูกดูแคลนและถูกกีดกันอยู่ดี ...แต่นางเอกเตรียมความพร้อมมาแล้วทั้งร่างกายและจิตใจ วางตัวดี แต่งตัวเหมาะสม ปกปิดความสวยไม่ให้คนสนใจ หากใครยังดูแคลนก็ฟาดกลับนิ่มๆ เอาให้จุกจนพูดไม่ออกไปเลย ชอบเวลานางว่าคน ไม่มีคำหยาบ ไม่ใช้อารมณ์ แต่ฟังแล้วเหมือนถูกเอามีดแทง 55 (นี่สิคนฉลาด ฆ่าคนโดยไม่ต้องใช้อาวุธ) ...มีจิตวิทยาในการพูด ทำให้คนคล้อยตามโดยไม่เป็นปรปักษ์หรือเกลียดชังแต่กลับรู้สึกเอ็นดูแทน พระเอกก็โดนตก รู้ทั้งรู้ว่าเขาแสดงละครแต่สุดท้ายก็ยังหวั่นไหวอยู่ดี...

คือหลังจากที่หลงไปช่วยพระเอกในวันนั้น นางเอกก็ถูกพระเอกบังคับให้ช่วยตามสืบนั่นนู่นนี่ เพราะเห็นว่าคนเขารู้วิชาแพทย์ นางเอกจึงต้องไหลตามน้ำต้องทำตามเพราะรู้ว่าขัดขืนอะไรไม่ได้ แต่คิดอีกทีแบบนี้ก็ดีจะได้มีต้นไม้ใหญ่ในเมืองหลวงให้คอยพึ่งพิง 
พระเอกก็รู้นะว่านางเอกมีแผน รู้ว่าเขาแกล้งประจบเอาใจ แม้ที่นางบอกปาวๆ ว่าชอบตัวเองจะเป็นเรื่องโกหกแต่พี่ก็ยังชอบฟัง.. ทว่าพอเห็นนางเอกไปประจบคุยดีกับคนอื่นพี่ก็ปวดแปลบในอก อยากให้เขาทำแบบนั้นกับเราเพียงแค่คนเดียว...

พอเข้าไปทำงานในราชสำนักนางเอกก็ได้ไปสอนพวกองค์ชาย แต่องค์ชายใหญ่มีอคติกับนางเอก สอนไปสอนมาวันหนึ่งเลยเกิดเรื่อง องค์ชายสองคนดันทะเลาะกันในคาบที่สอนจนบาดเจ็บ ไทเฮาจะให้นางเอกเลิกสอนเพราะนึกว่าสาเหตุที่องค์ชายทะเลาะกันมาจากนาง
ต่อมาชาวเป่ยเหลียงก็มาถวายของบรรณาการ และคิดจะยกองค์หญิงของตนให้แต่งงานกับพระเอกเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ แต่พระเอกรู้ทันเลยขอให้ฮ่องเต้รับอีกฝ่ายไว้เป็นบุตรสาวบุญธรรมแทน หลังจากนั้นก็มีงานล่าสัตว์ องค์ชายเป่ยเหลียงที่เคยรบชนะพระเอกในศึกเมื่อ 3 ปีก่อนพูดจาแขวะดูถูกพระเอก เลยโดนนางเอกตอกกลับหน้าหงาย อีกฝ่ายจึงหมายหัวนางเอกเอาไว้...หลังจากล่าสัตว์เสร็จ นางเอกรู้ว่าองค์ชายใหญ่บาดแผลกำเริบแต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรทั้งที่เจ็บมาก จึงให้คนไปเรียกองค์ชายออกมาแล้วช่วยทำแผลให้ องค์ชายใหญ่เลยหายอคติและเริ่มรู้สึกดีกับนางเอกมากขึ้น พระเอกบังเอิญมาเห็นฉากเขาคุยกันถูกคอพอดีก็ปวดจายยย ..ตกดึกดื่มสุราจนเมา องค์หญิงเป่ยเหลียงคิดจะปีนขึ้นเตียงพี่แก แต่นางเอกมาขวางไว้ได้ก่อน พระเอกก็เมาไม่รู้เรื่องและจับนางเอกจูบ แต่พอตื่นกลับจำไม่ได้ นางเอกก็เลยเคืองและเริ่มวางตัวเหินห่าง 55...

เนื้อเรื่องเข้มข้น ชิงไหวชิงพริบ ไม่หนักมากแต่ก็มีเครียดเป็นพักๆ 55 แนวสงครามการเมืองการปกครอง ดำเนินไปพร้อมๆ กับความรักของพระ-นาง
เริ่มจากการที่พระเอกพยายามสืบหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการทรยศในสงครามเมื่อ 3 ปีก่อน ว่าใครคือผู้บงการตัวจริง ...ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องการเมืองในราชสำนัก การปฏิรูประบบอุปถัมภ์ของพวกลูกหลานตระกูลใหญ่  ต้องฟาดฟันกับขุนนางใหญ่ที่มาจากตระกูลเก่าแก่ที่จะเสียผลประโยชน์ งัดข้อกันไปมาแต่หารู้ไม่ว่ายังมีนกขมิ้นรอจับกินอยู่ข้างหลัง
เป้าหมายและเจตนาที่แท้จริงของผู้เฝ้ารอคืออะไร กว่าจะเข้าใจบ้านเมืองก็เกือบได้พลิกโฉม
เปลี่ยนใหม่แล้ว...สนุกจริงๆ 

เป็นนิยายน้ำดีอีกเรื่องที่อยากแนะนำ สำนวนการแปลดี ตัวพระ-นางก็ดีงาม ทั้งฉลาดทั้งเก่ง อีคิว-ไอคิวก็เลิศ ถึงจะเย็นชาแต่ก็อ่อนโยน ไม่ได้มีแต่สองเรา แต่ยังใส่ใจคนอื่นที่อยู่รอบข้างด้วย เป็นความรักแบบเกื้อกูลคอยช่วยเหลือกันและกัน นางเอกไม่อยากแต่งงาน พระเอกก็ไม่บังคับ อยู่กันแบบนี้ไปชั่วชีวิตก็ได้ พี่ก็จะไม่ไปแต่งกับใครและไม่รักคนอื่นด้วยเหมือนกัน พร้อมสนับสนุนและอยู่ข้างๆ แบบนี้ไปตลอดชีวิตเลย ถูกปฏิเสธพูดตัดไมตรีกี่หนพระเอกก็ไม่ไปไหนไม่ยอมแพ้ มีแต่จะยิ่งดีกับนางเอกมากขึ้นๆ จนคนเขาค่อยๆ ใจอ่อนและตอบตกลงในที่สุด...อิอิ

ตัวละครอื่นๆ ก็น่าสนใจมีมิติ ฮ่องเต้เรื่องนี้ดีนะไม่งมงายในรักไม่ดันทุรัง ให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จบสวยแบบที่เราคนอ่านไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง 55 ..
ส่วนฝั่งตัวร้าย เอาจริงๆ ไม่อยากเรียกว่าตัวร้ายเลยเพราะทุกคนต่างก็เป็นผู้ถูกกระทำด้วยกันทั้งนั้น หากไม่มีเหตุก็คงไม่มีผลที่ตามมา ขอเรียกว่าฝั่งตรงข้ามละกัน คือก็เก่งฉลาดสูสีพอๆ กับพระ-นางเลยแหละ ไปอ่านตอนท้ายเห็นนักเขียนบอกว่าเขียนตอนจบไว้ 3 แบบ แบบที่ 2 คือให้จบแบบฝั่งตรงข้ามชนะ ลองอ่านแล้วจริงๆ จบแบบนั้นก็ไม่แย่นะ ดูโอเคทั้งสองฝ่ายน่าสนใจดี
แต่อ่านเรื่องนี้แล้วแอบหดหู่อยู่หน่อยๆ (แต่ไม่สงสาร) เพราะทุกคนต่างมีความเห็นแก่ตัวเหมือนกันในเรื่องที่อยากจะปกป้องคนที่รักและสิ่งสำคัญ ทว่าไอ้การปกป้องหรือการแก้แค้นเนี่ย ส่วนใหญ่ก็มักต้องแลกมาด้วยการทำลายชีวิตของคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือผู้บริสุทธิ์ด้วยน่ะสิ ซึ่งสุดท้ายก็ก่อให้เกิดบาดแผลและความแค้นที่ไม่มีสิ้นสุดหมุนวนกันอยู่แบบนี้ ท้ายที่สุดไ
ม่เขาพินาศก็ตัวเราเองนั่นแหละที่ย่อยยับ...

 


วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

First Frost วันนี้ วันไหน ยังไงก็เธอ 3 เล่มจบ

First Frost วันนี้ วันไหน ยังไงก็เธอ 3 เล่มจบ
ผู้แต่ง : จู๋อี่
ผู้แปล : นางฟ้าปีกเขียว
สำนักพิมพ์ แจ่มใส (With Love)

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

คนอย่างซังเหยียนจะรักษาสัญญาไว้ตลอดไป
ของเพียงเป็นคำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากของเขา
ไม่ว่าจะมีอะไรมาขวางกั้น ไม่ว่าจะยากลำบากสักแค่ไหน
เขาก็จะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะทำให้มันเป็นจริง....

พระเอก-นางเอกเรื่องนี้เคยเป็นเพื่อนเรียนอยู่ห้องเดียวกันเมื่อสมัยม.ปลาย
พระเอก ซางเหยียน เป็นพี่ชายของนางเอกในเรื่องแอบรักให้เธอรู้ นิสัยกวนโอ๊ยน่าหมั่นไส้ ปากเสีย เย่อหยิ่ง และไม่เห็นใครอยู่ในสายตา(แต่เพื่อนเยอะนะ) ส่วนนางเอก เวินอี่ฝาน สาวสวยผู้เงียบขรึม เย็นชา ความรู้สึกช้า พูดน้อย แต่เป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยน
พระ-นางเป็นทั้งเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมโต๊ะ ต่างคนต่างชอบกัน พระเอกออกตัวแรงกว่า แต่นางเอกความรู้สึกช้าบวกกับเรื่องที่บ้านจึงทำให้ต้องพูดจาทำร้ายจิตใจพระเอกไป...
พอ ม.5 เทอม 2 นางเอกก็ต้องย้ายโรงเรียนตามครอบครัวแต่พระเอกก็ยังไม่ตัดใจ ยังหมั่นส่งข้อความและนั่งรถไฟความเร็วสูงไปหาอยู่เรื่อยๆ จนถึงตอนที่เลือกมหาวิทยาลัย
ตอนแรกนางเอกบอกจะไปเรียนต่อที่หนานอู๋(เมืองที่นางเอกเคยอยู่ก่อนย้ายมา)
พระเอกก็เลยฮึดขยันเรียนขึ้นมาเพื่อจะได้ไปเรียนที่เดียวกัน แต่สุดท้ายฝั่งนางเอกกลับเกิดเรื่องบางอย่าง จึงทำให้ต้องไปเรียนที่อื่นแทน แล้วพอพระเอกมาหา นางเอกก็ทำได้เพียงใช้คำพูดรุนแรงเพื่อให้เขาตัดใจ ...

หลังจากผ่านไป 6 ปีนางเอกก็ตัดสินใจกลับมาหางานทำยังเมืองที่เคยอยู่อีกครั้ง
และบังเอิญได้เจอกับพระเอกที่ผับแห่งหนึ่ง(ที่พระเอกเป็นหุ้นส่วน) แต่พระเอกกลับแสร้งทำเป็นจำนางเอกไม่ได้ แล้วก็พูดจากวนโอ๊ยใส่ตามสไตล์คุณชายเขาแหละ
แล้วต่อจากนั้นก็มีเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนต้องมาเช่าห้องอยู่ร่วมกัน เนื่องจากเพื่อนเช่าห้องคนเก่าของนางเอกจะย้ายออก ส่วนที่พัก
พระเอกก็ถูกไฟไหม้พอดีเลยต้องหาที่อยู่ใหม่ชั่วคราว เพื่อนสนิทพระเอกรู้ว่านางเอกกำลังหาคนเช่าห้องใหม่และประจวบกับที่พระเอกกำลังมองหาห้องเช่าพอดี เลยไปบอกพระเอกให้มาเช่าที่นี่ แต่จริงๆ คือเห็นว่าเพื่อนเคยตามจีบนางเอกมาก่อนแล้วแห้วเลยอยากช่วย แต่พระเอกไม่รู้ไง พอมาเจอกันที่ห้องเช่าก็เลยต่างคนต่างอึ้ง...ทีแรกนางเอกจะไม่ยอมให้พระเอกอยู่ด้วย แต่พอรู้ว่าจะอยู่แค่ 3 เดือน บวกกับคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่านิสัยพระเอกโอเคดี สุดท้ายก็เลยกลายเป็นรูมเมทกันนับแต่บัดนั้น...

เป็นเรื่องราวความรักที่ต่างคนก็ต่างรักแต่มีเหตุที่ทำให้ต้องคลาดกันไปมาอยู่นาน ตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายจนมาถึงวัยทำงาน ต่างฝ่ายต่างไม่เคยลืมกันเพียงแต่มีปมที่ต้องใช้เวลาเพื่อที่จะก้าวผ่าน โดยเฉพาะฝั่งของนางเอกนั้นหนักมาก ส่วนฝั่งพระเอกก็มีเพียงเรื่องนางเอกเท่านั้น ขอเพียงนางเอกยื่นมือออกมา ต่อให้เพียงนิดเดียว พระเอกก็พร้อมจะหาเหตุผลพุ่งเข้าใส่แล้ว รอมานาน ปากบอกไม่ๆ แต่ลับหลังกลับทำอีกอย่าง เห็นนางเอกผอมพระเอกก็ไม่พูดมาก แค่แสร้งทำเป็นว่าทำกับข้าวเยอะแล้วบอกให้นางเอกมาช่วยกิน เวลานางเอกกลับดึกก็เป็นห่วงแต่ท่ามาก เลยต้องหาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้นางเอกส่งข้อความมาบอกเวลาจะกลับดึก รู้ว่าตรุษจีนนางเอกต้องอยู่ที่ห้องคนเดียวก็พยายามกลับมาอยู่เป็นเพื่อน แต่นางเอกความรู้สึกช้าและไม่คิดเข้าข้างตัวเองเลย...กว่าจะเข้าใจกว่าจะตกผลึกการกระทำแต่ละอย่างของพระเอกก็เลยช้าหน่อย...แต่คนนอกหรือเพื่อนสนิทนี่ดูออกหมดแล้วนะว่าพระเอกปฏิบัติกับนางเอกไม่เหมือนใคร...แม้พระเอกจะดูท่าเยอะและน่าหมั่นไส้ไปหน่อยแต่ก็เข้าใจพี่แกนะ ยิ่งไปอ่านตอนพิเศษยิ่งโคตรเข้าใจ ...(พระเอกแบบสุดยอดมากก)

ส่วนนางเอกนั้นเพราะปมเรื่องครอบครัวและเรื่องราวในอดีต จึงส่งผลให้เธอลังเลเรื่องพระเอกอยู่นาน เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควร ไม่กล้าคบ คนอย่างพระเอกควรได้สิ่งที่ดีกว่านี้ (หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพระเอกก็คือตัวเธอนั่นแหละ) แต่พอแน่ใจในความรู้สึก นางเอกก็เป็นฝ่ายรุกก่อนโดยมีพระเอกชี้นำและคอยส่งเสริม 55 ...แบบถ้าเธออยากปีนขึ้นมาฉันก็พร้อมส่งบันไดให้ หรือถ้าเธออยากอ่อยฉันก็พร้อมถอดเสื้อรอ...พร้อมแล้วมาสิ สาบานได้ว่านี่ไม่ได้จีบเขาก่อนเลย นางเอกจีบก่อนนะ สาบานน...พี่แค่คอยเป็นไกด์เท่านั้นเอง 55 แต่กว่าจะได้คบกันก็นานอยู่เหมือนกันนะ(หนึ่งเล่มครึ่งได้) ...เหนื่อยกว่าคู่น้องอีกสองคนนี้

แต่ถึงจะคบกันแล้วนางเอกก็ยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไร โดยเฉพาะปมเรื่องที่บ้านซึ่งหนักมากและเป็นเงามืดในใจของนางเอกมาเนิ่นนาน ส่งผลให้เธอเป็นโรคนอนละเมอ เวลาเครียดๆ นอนไม่พอหรือมีอะไรมากระทบจิตใจอาการก็จะกำเริบ แต่พอมารู้สาเหตุนี่โคตรสะเทือนใจเลย ...


(สปอยล์นะ)...

.

.

.

.

เพราะหลังจากที่พ่อเสียได้ไม่นานแม่นางเอกก็แต่งงานใหม่ นางเอกปรับตัวอยู่กับครอบครัวใหม่ไม่ค่อยได้ แล้วลูกติดพ่อเลี้ยงก็ไม่ชอบไม่อยากให้นางเอกอยู่ด้วย แม่เลยให้นางเอกไปอยู่กับย่า แล้วย่าก็ส่งเธอไปอยู่กับลุงต่อ นางเอกเลยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระ ไม่มีใครรักไม่มีใครต้องการ แถมยังมาถูกอาที่เป็นน้องชายของป้าสะใภ้แทะโลมคิดทำมิดีมิร้ายอีก แม่ก็พึ่งไม่ได้ ไม่มีใครฟังเธอเลย โดดเดี่ยวสุดๆ หลังจากที่เรียนจบและมีงานทำแล้วนางเอกจึงไม่ค่อยติดต่อกับแม่ ไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่กลับไปเจอกับญาติพี่น้องอีก ทว่าสุดท้ายก็ยังถูกเขาตามมาระราน ตอนแรกนางเอกก็ไม่กล้าบอกพระเอก พระเอกก็โอเคไม่ถาม จะรอให้เธอพูดออกมาเอง จนมีวันหนึ่งที่นางเอกถูกอีกฝ่ายตามมาระรานแล้วได้แผล พระเอกต้องมารู้ทีหลังจากปากคนอื่นก็เลยโกรธมาก เพราะรู้สึกว่านางเอกไม่เชื่อใจตนถึงไม่ยอมเล่า...หลังจากเหตุการณ์นี้นางเอกเลยเปิดใจและเล่าอดีตที่ผ่านมาของตัวเองให้พระเอกฟัง พระเอกถึงได้รู้ว่านางเอกต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ...ส่วนนางเอกก็เหมือนได้ปลดล็อกตัวเองครั้งใหญ่ เพราะมีพระเอกอยู่เคียงข้างเธอจึงสามารถข้ามผ่านปมแต่ละปม และสามารถตัดขาดจากอดีตที่ขมขื่นได้จริงๆ สักที

ความจริงโดนพระเอกเรื่องนี้ตกมาตั้งแต่ที่ได้อ่านเรื่องของน้องสาวแล้ว นิสัยพี่แกมีเอกลักษณ์แบบลืมไม่ลงจริงๆ พอรู้ว่ามีเล่มแยกเป็นของตัวเองด้วยคือยังไงก็ต้องเก็บ พลาดไม่ได้ อยากรู้ว่าผู้หญิงแบบไหนที่จะทำให้คนแบบพี่เขาตกหลุมรักได้ แต่พี่น้องคู่นี้เรื่องรักนี่เป็นเหมือนกันเลย ต่างเป็นแสงสว่างและที่พักพิงอันอบอุ่นให้แก่คนที่รัก ถ้าได้รักแล้วคือรักเลยยากจะเปลี่ยน ใดๆ ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งคือพ่อแม่เขาเลี้ยงมาดี พื้นฐานครอบครัวเขาดี+แข็งแกร่ง ลูกๆ เลยเติบโตมาดีแบบนี้ ...

สรุปพระเอกก็ปากแข็งปากหนักไปงั้นแหละ เพราะใจจริงก็รักเขามาตลอด รักแต่นางเอกคนเดียวไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งตอนพิเศษยิ่งเห็นได้ชัดถึงความทุ่มเท ความไม่ยอมตัดใจ ทุกคำพูดคำสัญญาที่พระเอกเคยให้ไว้ อาจดูเหมือนเล่นๆ แต่พี่ทำจริงทุกอย่างนะ ไม่เคยลืมเลือน ประทับใจและอึ้งมากกับสิ่งที่พระเอกแอบทำมาตลอด ไม่นึกเหมือนกันว่าคนกวนๆ หยิ่งๆ ไม่สนใจใครอย่างพระเอกพอรักใครสักคนแล้วจะทำได้ถึงขนาดนี้ ดูเหมือนไม่แคร์แต่กลับจดจำและใส่ใจอยู่เสมอ อบอุ่นและอ่อนโยนกับคนที่ตัวเองรักสุดๆ ....

โชคดีที่หนุ่มน้อยในวันนั้นยังรอเธออยู่ โชคดีที่พวกเขาไม่ต้องคลาดจากกันอีกแล้ว

ป.ล. ส่วนตัวรู้สึกว่าคำลงท้ายว่า อะ อะนะ ปะ จ้ะ จ้า มันเยอะไปหน่อยนา บางบทสนทนาที่ใส่มาอ่านแล้วแอบรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไรเลย  รวมถึงคำสรรพนามบางอัน ที่บางตัวละครใช้และที่ใช้กับบางคน ส่วนตัวอ่านแล้วแอบรู้สึกขัดๆ อยู่นิดหน่อย (ความเห็นส่วนตัวน๊า ถ้าใครไม่ชอบต้องขอโทษด้วย ><)

 

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ยอดสตรีเป็นยากยิ่ง (ภาค 2) เล่ม 1-5


ยอดสตรีเป็นยากยิ่ง (ภาค 2) เล่ม 1-5 (7 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : อิ๋นเชียนอวี่ (銀千羽)
ผู้แปล : อวี้
สำนักพิมพ์ แจ่มใส
รีวิว
ยอดสตรีเป็นยากยิ่ง (ภาค 2) เล่ม 6-7 (7 เล่มจบ) 
https://marynlinsbook.blogspot.com/2022/08/2-6-7-7.html

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

หลังจากจบภาค 1 ไปแบบคาใจ แบบที่ยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามในหัว
แบบว่าจบแล้วเหรอ มันต้องมีต่อไหมอะ แล้วก็มีต่อจริงๆ จ้า (
3 ภาคเลยด้วยพี่จ๋า)
และในที่สุดสำนักพิมพ์ก็เอาภาค
2 มาแปลต่อแล้วววว เย้ๆๆ
ภาคแรกเป็นการต่อสู้ผจญภัยในดินแดนเทพยุทธ์ ส่วนภาคนี้จะย้ายกันไปที่ดินแดนแรกนภา ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่อีกมิติหนึ่งแทน แถมผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ก็ยังมีแต่ขั้นเทพหรือระดับขั้นพลังสูงๆ ทั้งนั้น พูดง่ายๆ คือเมื่อมาถึงที่นี่ระดับที่ว่าสูงๆ ในดินแดนเทพยุทธ์ก็คือมีเกลื่อนแบบกลายเป็นธรรมดาเลย เพราะบนดินแดนนี้มีสภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่สมบูรณ์เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรมากกว่า ดังนั้นหากอยากข้ามมาที่นี่ก็ต้องไปให้ถึงระดับที่เหนือกว่าขั้นเทพยุทธ์ก่อนนะ...

ต้นเล่มแรกเปิดมาด้วยความผ่อนคลาย กลุ่มพระ-นางจับมือกันเที่ยวเล่นไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์อย่างมีความสุข ท่านตาก็ยอมรับพี่ชายทั้งสองของนางเอกเป็นหลานและอบรมสั่งสอนวิชาให้ แต่ความสุขมักอยู่ได้ไม่นาน เพราะระหว่างที่ท่องเที่ยวนางเอกกับท่านตาก็ถูกกลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลเฟิ่งไล่ตามมาเพื่อขอให้กลับตระกูล ส่วนพระเอกก็ถูกแม่ที่ไม่ได้พบหน้ามานานถึง 15 ปีไล่ตามมาบีบบังคับให้กลับตระกูล(ที่อยู่ในดินแดนแรกนภา)เช่นเดียวกัน แต่พระเอกก็ปฏิเสธไม่ยอมกลับ พ่อพระเอกก็ไม่บังคับแล้วแต่ลูก (พ่อ-แม่พระเอกไม่ได้แต่งกันเพราะความรัก แม่พระเอกคิดจะพาพระเอกไปตั้งแต่ตอน 5 ขวบแล้วแต่พ่อไม่ยอม ฝั่งแม่สู้พ่อไม่ได้จึงยอมกลับ พอผ่านไป 15 ปีโผล่มาใหม่ รอบนี้เลยพากำลังเสริมมาช่วยด้วย)

หลังจากนั้นพระ-นางก็แยกย้ายกันกลับตระกูลเพื่อไปจัดการธุระของตัวเอง ฝั่งนางเอกก็ไม่มีอะไร ได้เข้าตระกูลโดยราบรื่นทุกคน ถึงจะมีบางคนที่ยังกังขาไม่ยอมรับเพราะเห็นพวกนางพี่น้องอายุยังน้อยเลยนึกว่าไม่เก่งจริง แต่สุดท้ายก็ถูกจัดการไปหมดจนต้องยอมสวามิภักดิ์ทั้งกายใจ จากนั้นนางเอกก็ได้เข้าไปในเขตหวงห้ามของตระกูลเฟิ่งและได้พบกับเสี้ยววิญญาณของประมุขเฟิ่งเมื่อ 6000 ปีก่อน...พอออกมาก็ได้รู้ข่าวของพระเอกเรื่องที่ถูกพิษและถูกจับตัวไป

พอนางเอกมาถึงเกาะของพระเอกก็ช่วยกำจัดคนของฝั่งแม่ไปสอง (คนอื่นสู้กันแทบตาย แต่นางเอกคือชิลมาก) แล้วก็ช่วยรักษาพ่อพระเอก จากนั้นก็กลับมาปรึกษากับท่านตาและหาวิธีที่จะเดินทางไปยังดินแดนแรกนภาเพื่อช่วยพระเอกต่อ...พอมาถึงดินแดนใหม่ปุ๊บ นางเอกก็ได้เจอกับสัตว์วิเศษที่กำลังถูกคนตามล่าและได้รับบาดเจ็บปั๊บทันที ขณะที่ช่วยรักษาสัตว์วิเศษก็ได้รู้เรื่องราวกับข้อมูลของดินแดนนี้ว่า...ดินแดนนี้มี 5 ตระกูลใหญ่กับ 1 ภาคีผู้ฝึกตน และอาณาจักรสัตว์แบ่งกันครอบครองดูแล คนที่อยู่ในกลุ่มเหล่านี้ข้อดีคือมีคนหนุนหลังและสามารถเข้าถึงทรัพยากรกับเคล็ดวิชาได้ง่าย ไม่ขาดแคลน ซึ่งตระกูลของพระ-นางเองก็เป็น 1 ใน 5 ตระกูลใหญ่นี้เช่นกัน ไม่เหมือนกับดินแดนเดิมที่ต้องเร้นกายหลบซ่อน แต่ที่นี่คือตรงกันข้ามเลย...

ต่อมานางเอกก็ได้เจอกับกลุ่มคนของภาคีผู้ฝึกตน ฝั่งผู้ชายเป็นมิตรไม่มีปัญหา แต่ฝั่งผู้หญิงนี่เป็นอริกับนางเอกทันทีตั้งแต่แวบแรกที่เจอเลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวละครหญิงภาคนี้ (หรือภาคแรกด้วยหว่า จำไม่ได้) คือแทบทุกคนจะต้องมีความเป็นอริไม่ชอบนางเอกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเลย คืออ่านมาจนถึงเล่ม 5 ก็ยังเป็นแบบนี้แทบทุกคนจริงๆ..ในขณะที่เดินลงจากเขาไปด้วยกัน นางเอกก็ได้เจอกับคนตระกูลไป่หลี่ที่มาตามจับตัวเอง (แบบมาถึงได้ไม่ทันไรก็เจอคนหมายหัวแล้วนะ -_-") ส่วนพระเอกก็หนีออกจากตระกูลกลายเป็นประมุขน้อยแห่งหอลงทัณฑ์ของภาคีผู้ฝึกตน แถมข้างกายยังมีองครักษ์หญิงชุดดำคอยติดตามไม่ห่าง นางเอกเห็นแบบนั้นก็เลยหึงไม่ยอมไปเจอสักที...หึหึ

หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปผจญภัยในแดนสมบัติแรกนภา ที่ 81 ปีจะเปิดครั้ง ซึ่งแต่ละตระกูลก็จะส่งคนเข้าไปตามจำนวนโควตาที่กำหนดมา เพื่อไปหาหรือแย่งชิงของวิเศษ สัตว์วิเศษ ของดีๆ อะไรที่มันอยู่ในนั้นนั่นแหละ...แต่มีบางตระกูลแอบวางแผนร่วมมือกันเพื่อคิดจะใช้โอกาสนี้กำจัดนายน้อยหรืออัจฉริยะของตระกูลอื่นๆ ที่ถูกส่งเข้ามาทำภารกิจ แต่มันก็ไม่สำเร็จเพราะมีนางเอกอยู่ด้วยไง...อิอิ

วางยาพิษมานางก็มียาแก้ แถมยังวางยาพิษที่แรงกว่ากลับไปด้วย55  แถมนางเอกยังได้เถาวัลย์ที่กระหายเลือดฟันแทงไม่ตายมาเป็นลูกน้องคนใหม่เพิ่มอีกหนึ่งด้วยนาจา จะเก่งไปไหนเนี่ย ...แถมไปๆ มาๆ ไอ้แดนสมบัติที่ว่าก็ดันเป็นสิ่งที่อาจารย์เขยของนางสร้างขึ้นมาอีก นางเอกเลยได้เป็นเจ้าของแดนสมบัติแรกนภาไปแบบโคตรฟลุ๊ค ...โชคดีโคตรๆ ไปไหนก็เจอแต่ของดีๆ พวกสมุนไพร เคล็ดวิชา สิ่งของ หรือวัตถุดิบที่ว่าหากันยากๆ ยากมากๆ แต่นางเอกคือง่ายมากประหนึ่งอยู่ในสวนหลังบ้านตัวเองก็ไม่ปาน ไม่ซูก็ให้มันรู้ไปเซ่!..55

พอออกมาจากแดนสมบัติก็ถูกคนจาก 2 ตระกูลนั้นล้อมข่มขู่บีบให้เอาแดนสมบัติออกมา แต่นางเอกก็ไม่ยอม เถียงกันไปเถียงกันมา วกไปวนมา บลาๆ กี่หน้าไม่รู้กว่าจะได้สู้กัน อ่านแล้วหิวน้ำแทน ...แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่นางเอกสู้เขาไม่ได้ ว้ายยๆๆ แอบดีใจ อยากเห็นฉากที่นางแพ้มานานแล้ว 55 ...คือ 2 ตระกูลนั้นมันร้ายค่ะ มันวางแผนสมคบคิดเตรียมการกันมาแล้ว แผนมันสูง แอบส่งผู้อาวุโสที่มีพลังยุทธ์สูงมาเตรียมรอดักฆ่าทุกคนไว้เรียบร้อย นางเอกเลยให้พระเอกพาคนอื่นหนีไปก่อน ส่วนตัวเองก็สู้ถ่วงคนไว้อยู่ที่นี่ แล้วสุดท้ายก็พลาดพลั้ง และทำให้พระ-นางต้องพลัดพรากจากกันไปถึง ปีเต็ม ...

อ่านจบแล้วนอกจากจะเฉลยข้อสงสัยในภาคก่อน ก็ยังมีประเด็นใหม่เปิดออกมาให้เราได้ไปตามสงสัยกันต่ออีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปริศนาที่ซ่อนอยู่ในแดนสมบัติ กลุ่มบุคคลลึกลับที่ปิดหน้า เรื่องพ่อของนางเอก(ว่าคือไผ?) และเรื่องของอาจารย์นางเอกที่ดูมีซัมติง ส่วนเล่ม 5 นี้จะเป็นเรื่องการจัดงานชุมนุมใหญ่เจ็ดดารา แต่ยังไม่ทันได้เริ่มงานก็เกิดเรื่องขึ้นอีกและ เรื่องเยอะจริงๆ สองตระกูลนั้นก็เอาอีกแล้ว วางแผนกันมาอีกแล้ว สามปีก่อนยังไม่เข็ดไม่เคยจำ รอบนี้เอาใหม่ แต่คราวนี้ท่านตากับพี่ชายนางเอกข้ามมิติมาฝั่งนี้แล้ว ได้อยู่พร้อมหน้าตาหลานสี่คนรวมพลังกันสู้ มีบทและ(หลังจากหายไป 3 เล่มได้) แต่กว่าจะสู้กันอะเนาะก็ต้องฉอดๆๆ กันก่อนตามสไตล์ หลังจากนั้นถึงได้ฤกษ์สู้ จัดไปทั้งค่ายกล ยาพิษ สัตว์วิเศษ ร่างดวงจิต(ที่เป็นสัตว์) แถมยังมีเรือเหาะมาขนคนอีกด้วย ล้ำขนาดดดด  ...

เป็นแนวสัตว์วิเศษ หลอมยา ค่ายกล ขั้นพลังยุทธ์ การฝึกบำเพ็ญเพียร สู้กันมันดี นางเอกฉอดเก่งชนะเลิศ แถมยังโชคดีเวอร์ เก่งแทบทุกอย่าง ถึงบางอย่างไม่เก่งแต่ก็มีสิ่งเสริมและตัวช่วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยา ตำรา หรือเคล็ดวิชาลับในอดีตที่หายสาบสูญ มีสัตว์วิเศษ พืชวิเศษที่เป็นเถาวัลย์เฉาพันลี้หรือแม้แต่ก้อนหินที่สร้างค่ายกลได้ก็ยังขอติดตามมาเป็นลูกน้อง นี่ยังไม่นับเรื่องที่ไปไหนก็เจอแต่ของดีๆ อีกนะ ทั้งแบบที่บังเอิญและมีคนตั้งใจมอบให้ เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของหลายๆ คน ...ยกเว้นกลุ่มสตรี 55

ส่วนพระเอกภาคนี้คือคลั่งรักมากก คาแรคเตอร์แบบเย็นชากับคนทั้งโลกแต่ดีกับนางเอกเพียงแค่คนเดียวอะ.. ภาคนี้ภูเขาน้ำแข็งใกล้ละลายแล้ว เพราะอยู่กัน 2 คนเมื่อไร พระเอกก็ต้องจับคนเขามาจูบมาหอมตลอดเลย นางเอกก็แทบไม่ต้องเดินเองแล้ว เพราะพระเอกแทบจะโอบไว้กับตัวตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณ์ไหนก็สร้างโลกของสองเราได้เสมอ หวานจนมดขึ้น หวานแบบไม่เกรงใจคนรอบข้าง ไม่ดูสถานการณ์กันเลยพี่น้อง  จากตอนแรกที่เพื่อนสนิทเห็นแล้วอายไม่กล้ามองเวลาเขาหวานกัน หลังๆ เพื่อนนี่มองแบบเปิดเผยไม่หลบแล้วจ้า...55