สะพานรักสีน้ำเงิน 2 เล่มจบ
ผู้แต่ง : เผิงไหลเค่อ
ผู้แปล : พิรุณเดือนสารท
สำนักพิมพ์ แจ่มใส
ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
นางเอก จ้าวหนานเซียว เป็นสาวสวยแสนฉลาด สุขุม โตเกินวัย โตกว่าพระเอกหนึ่งปี มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักออกแบบสะพานเหมือนอย่างพ่อกับตามาตั้งแต่เด็ก ส่วนพระเอก สวีซู่ หนุ่มหล่อบ้านรวย แต่กลับมีนิสัยอารมณ์ร้อนเหมือนม้าพยศ
สมัยเด็กพระเอกเกเรมากกก แม้จะเป็นคนหัวดีแต่ก็ไม่สนใจการเรียนเลย ชอบทำตัวเป็นขบถให้พ่อต้องปวดหัว พ่อกับแม่ของพระเอกหย่ากันตั้งแต่เด็ก พระเอกไปอยู่กับแม่ที่เมืองนอก แต่พอแม่แต่งงานใหม่+มีลูกใหม่
พ่อพระเอกจึงไปพาพระเอกกลับมาเลี้ยงดูเอง ต่อจากนั้นพ่อก็หาครูสอนพิเศษมาให้เพราะกะจะให้ลูกเข้าเรียนตามระบบการศึกษาที่จีน ทว่าครูที่มาสอนกลับไม่มีใครอยู่ได้นาน สุดท้ายพ่อพระเอกจึงต้องไปขอร้องเพื่อน หรือก็คือพ่อของนางเอก
ขอให้ลูกสาวเพื่อนมาช่วยสอนพิเศษให้ลูกตนหน่อย..
แต่แค่วันแรกที่มาถึง
นอกจากทรงผมโมฮอว์กสีทองบาดตากับสไตล์การแต่งตัวที่ทำให้คนต้องสตั๊นแล้ว ปากของพระเอกก็ยังแจ๋วไม่แพ้กัน ถึงขนาดทำให้นางเอกผู้สุขุมเยือกเย็นต้องน้ำตาตกในแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียว จนเกือบจะถอดใจเลิกสอนไปเลย
" ไม่ใช่ว่าสอนพิเศษเหรอ สอนของเธอไป อย่ามาทำเป็นจิตแพทย์ ปากมาก! ...."
พอเจอกันครั้งที่ 2 นางเอกเลยบอกไปว่า...ถ้าไม่อยากมาเรียนก็ให้ไปบอกพ่อตัวเองดิ่ จะมาทำแบบนี้ทำไม บลาๆ...แล้ววันหนึ่งนางเอกก็ได้รู้ว่าพระเอกแอบโดดเรียนไปแข่งมอเตอร์ไซค์นี่เอง ต่อมาก็มีจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่คือเรื่องที่พ่อนางเอกเสีย จึงทำให้นางเอกที่เคยร่าเริงชอบทำกิจกรรม กลายเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร
และเลิกมีส่วนร่วมในกิจกรรรมของโรงเรียน ...ส่วนพระเอกก็ไถผมทรงโมฮอว์กทิ้ง หันกลับมาตั้งใจเรียนใหม่ จนสามารถสอบข้ามชั้นไปเรียนชั้น ม.ปลายที่โรงเรียนเดียวกับนางเอกและอยู่ห้องเดียวกันด้วย ทว่าถึงจะได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่พระเอกก็ทำได้เพียงแอบมองอยู่ข้างหลังเงียบๆ เท่านั้น
กระทั่งใกล้จบม.ปลาย ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย พระ-นางถึงได้เริ่มกลับมาคุยกันใหม่
...แต่ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ
ดีขึ้นก็ต้องมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อนางเอกถูกรุ่นพี่ที่ตนเองชื่นชมสารภาพรักและมัดมือชกขอเป็นแฟนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัย...
ผลงานของท่านเผิงไหลเค่อ เป็นแนวปัจจุบันไม่ใช่โบราณ
แต่นางเอกใจแข็งเหมือนกันเลย
ทั้งใจแข็ง ทั้งความรู้สึกช้า ส่วนพระเอกตอนเด็กๆ ก็ปากร้ายน่าตบกะโหลก แอบชอบเขาตั้งแต่ตอนอายุ 14 แล้ว
แต่ตอนนั้นยังเกรียนปากไม่ค่อยดีอยู่ (แล้วใครจะชอบ) ส่วนนางเอกก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบพระเอกมาตลอด คิดว่าเขาเป็นเหมือนน้องชาย แถมยังบอกให้พระเอกเรียกตัวเองว่าพี่เสี่ยวหนานอีก แต่พระเอกก็ไม่เคยเรียก ก็คนเขาอยากเป็นแฟนไม่ได้อยากเป็นน้องอะ55
พอนางเอกถูกรุ่นพี่สารภาพรัก พระเอกก็กลับไปทำตัวเหมือนเดิม
ไปแข่งรถ เล่นดนตรี
ไม่ยอมเข้าเรียน จนนางเอกต้องไปตาม
แล้วก็ได้เห็นภาพที่พระเอกกำลังถูกผู้หญิงนัวเนีย หลังจากนั้นนางเอกเลยตกลงคบกับรุ่นพี่...ซึ่งจริงๆ
ก่อนหน้านั้นนางเอกยังไม่ได้ตกลงคบนะ เคยมาปรึกษาพระเอกเรื่องที่ถูกรุ่นพี่สารภาพรักแบบมัดมือชกด้วย...แต่พระเอกคือหึงไม่ฟัง สติแตก เอาแต่ไล่ให้เขาไปคบกันอย่างเดียว ... " ไสหัวไป ไปมีความรักกับหวานใจวัยเด็กของเธอเถอะ เลิกแสดงได้แล้ว! "
ต่อมาก็มีเรื่องที่ทำให้นางเอกกับรุ่นพี่ต้องเลิกกันก่อนวันแต่งงานแค่วันเดียว ...หลังจากนั้นพระเอกก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนนางเอกก็ทำงานเป็นนักออกแบบสะพานในสถาบันมีชื่อ จนกระทั่งผ่านไป 4 ปี ทั้งสองคนก็ได้กลับมาพบกันใหม่ ในฐานะนักออกแบบสะพานกับวิศวกรแล้วก็ได้ทำงานร่วมกัน
เราชอบตอนที่พระเอกตามจีบนางเอกนะ ถึงนางเอกจะเย็นชายังไง พระเอกก็หน้าหนาพร้อมสู้ เธอแข็งฉันอ่อน ค่อยๆ กะเทาะเปลือกของนางเอกออกไปทีละนิด เป็นฝ่ายยอมลงให้ก่อนตลอด กลัวนางเอกโกรธแล้วเดี๋ยวจะถูกเมิน55 ตอนตกลงเป็นแฟนพระเอกก็มัดมือชก (ไม่งั้นคงไม่ได้คบสักที) คือหลังจากที่สารภาพรัก พระเอกก็ขอว่าถ้าจะปฏิเสธก็ให้เคาะผนัง 1 ที ถ้าตกลงคบกันให้เคาะ 2 ที เพราะตอนนั้นพระ-นางทำงานอยู่ที่เดียวกัน พักห้องติดกัน (จริงๆ คือพระเอกไปขอเปลี่ยนกับคนอื่น เพื่อจะได้อยู่ข้างห้องนางเอก 55) แต่นางเอกก็ลังเลไม่เคาะสักทีเพราะยังไม่รู้ใจตัวเอง ตอนที่พระเอกสารภาพรักก็บอกว่าคิดเหมือนน้อง กำลังจะปฏิเสธ แต่พระเอกยั้งเอาไว้ ขอให้เอาไปพิจารณาก่อน อย่าเพิ่งรีบตอบ เพราะตัวเองใจบาง ถ้าถูกปฏิเสธตอนนี้อาจจะกลับไปทำตัวเหลวแหลกเหมือนเมื่อก่อนได้ 55
นอกจากเรื่องรักๆ ของพระ-นาง ก็ยังมีเรื่องการสร้างสะพานหรืออาชีพการงานของทั้งสองคน รวมถึงเรื่องในครอบครัวด้วย อ่านเรื่องนี้แล้วได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการสร้างสะพานเยอะมาก จัดเต็ม นักเขียนค้นคว้าหาข้อมูลมาดีมาก เพิ่งได้รู้เรื่องขั้นตอนการสร้างสะพานก็จากเรื่องนี้แหละ ไม่ง่ายเลยนะกว่าจะมาเป็นสะพานให้เราใช้เนี่ย ..ต้องมีการออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพทางธรณีตรงจุดนั้น ต้องคำนึงถึงแรงลมและภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิด แบบเยอะมาก ต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง ยังไม่รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการสร้างหรือหลังจากนั้นอีกนะ ... ซึ่งเนื้อหาในเรื่องก็จะเกี่ยวกับสะพานซะครึ่งพอๆ กับเรื่องรักเลย บางท่านอาจจะเบื่อตรงจุดนี้ได้ แต่เราโอเคนะ รู้สึกว่าเขาเขียนได้กลมกลืนกับเรื่องรักดี (ยังไหว 55)
ช่วงเล่ม 2 มีปัญหาตรงเรื่องแม่นางเอกนิดหน่อย
(ความจริงก็ไม่ค่อยหน่อยนะ) คือหลังจากที่พระ-นางตกลงคบกัน เราก็นึกว่าจะหมดเรื่องแล้ว แต่กลายเป็นว่ามามีปัญหาที่แม่นางเอกแทน...เพราะแม่หวังดีไม่อยากให้นางเอกมีชีวิตเหมือนตัวเอง
ที่สามีต้องทำงานข้างนอกตลอดไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แล้วสุดท้ายก็จากไปก่อนวัยอันควรเพราะอุบัติเหตุ แม่ก็เลยกลัวพระเอกจะเป็นแบบนั้น
(เพราะทำงานแบบเดียวกัน) พระเอกพยายามอธิบายยังไงแม่ก็ไม่สน ยื่นคำขาดให้เปลี่ยนงานลูกเดียว ไม่งั้นก็ไม่ให้แต่ง ...พระเอกเลยเครียดซึมๆ ไป นางเอกถามก็ไม่ยอมบอก ดีที่นางเอกมารู้เรื่องก่อนเลยไม่ยอม ไฟท์กับแม่ไปรอบหนึ่ง
สนับสนุนให้พระเอกทำงานที่ชอบ ท้ายที่สุดพระเอกเลยไปคุยกับแม่ใหม่
บอกเหตุผลว่าทำไมตนได้ถึงมาทำงานด้านนี้...พอผ่านไปสักพักแม่ก็คิดได้ เลิกคัดค้าน แฮปปี้กันทุกฝ่าย
แต่ก่อนหน้าแม่แอบน่ากลัวอะ (หลังจากที่บอกให้พระเอกเปลี่ยนงาน
พอมาเจอหน้าพระเอกแล้วยิ้มให้ ทำเหมือนไม่มีอะไร
เราก็รู้สึกกับคุณแม่ไม่ค่อยเหมือนเดิมอีกต่อไป 55 ) คือตอนอ่านก็แอบคิดนะว่าแม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตตั้งแต่ที่พ่อนางเอกเสียแล้ว ถึงได้บังคับนางเอกตั้งแต่เรื่องเลือกคณะที่จะเรียนต่อ เรื่องหน้าที่การงาน การทำงานนอกสถานที่
บังคับให้นางเอกเปลี่ยนงาน แต่เหมือนรู้ว่าคงบังคับลูกตัวเองไม่ได้แล้วเลยหันมาที่พระเอก (ที่กำลังจะเป็นเขย) แทนมั้ง
ดีที่นางเอกก็ไม่ได้คล้อยตามทุกอย่าง อะไรที่ควรขัดนางก็ขัด ไม่ได้เชื่อฟังไปซะหมด
..เหมือนที่พระเอกว่า...บางทีการเชื่อฟังก็ไม่ใช่การเคารพที่สูงที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น