วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เสน่ห์รักขุนนางหญิง 4 เล่มจบ

 


เสน่ห์รักขุนนางหญิง 4 เล่มจบ
ผู้แต่ง : หลินจยาเฉิง
ผู้แปล : เสี่ยวเจินจู
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
เฉินหรง หรือเฉินซื่ออาหรง เป็นลูกอนุของบิดาที่เกิดจากอนุ มีฐานะต่ำต้อยจึงทำให้ถูกคนดูหมิ่นเหยียดหยาม ด้วยความที่ไม่อยากถูกผู้ใหญ่ในตระกูลจับส่งไปเป็นของเล่นหรืออนุให้กับผู้ใด นางเอกจึงใช้อุบายแย่งชิงการแต่งงานของพี่สาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมา จนได้แต่งกับ หรานหมิ่น แม่ทัพใหญ่ผู้หล่อเหลาองอาจมากความสามารถ ที่พวกชาวหูขยาดหวาดกลัว แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่เคยรักหรือเหลียวแลนางเลย และท้ายที่สุดเขาก็แต่งพี่สาวผู้นั้นของนางเข้ามาเป็นภรรยาและหย่าขาดจากนาง..

นางเอกจึงเผาตัวตายในคืนแต่งงานของสามีเก่า และได้ย้อนกลับมาอยู่ในร่างเดิมตอนอายุ
14 อีกครั้ง เมื่อได้โอกาสใหม่นางจึงตั้งใจเก็บเก็บซ่อนนิสัยที่ไม่ดี ที่เคยทำให้ตัวเองพ่ายแพ้ในชาติที่แล้วลง กลายเป็นคนใหม่ที่สุขุมเยือกเย็นสงบนิ่ง พยายามสร้างชื่อเสียงที่ดีงาม เพื่อให้ได้รับคำชมจากพวกปัญญาชนชนชั้นสูง พยายามสร้างตัวตนใหม่ ลบเลือนภาพลักษณ์เก่าๆ ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือต้องตกเป็นอนุใคร เพื่อที่วันหนึ่งจะสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้...

นี่คือยุคสมัยที่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก กิริยาท่าทางและรูปโฉมมีค่ามากกว่าความรู้ความสามารถและศีลธรรมจรรยา นี่คือยุคสมัยที่ชาติกำเนิดเป็นตัวตัดสินกำหนดชะตาชีวิตคน ต้องมีทั้ง 2 อย่างชีวิตถึงจะเจริญก้าวหน้าและไม่ถูกดูถูกเหยียดหยาม จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ เพราะต่อให้เก่งมีความสามารถแค่ไหน แต่หากหน้าตาไม่ดีหรือชาติตระกูลต่ำก็ยากที่จะเจริญรุ่งเรือง... ชีวิตของนางเอกก็เป็นเช่นนี้แล แม้จะเกิดในตระกูลใหญ่แต่เนื่องจากชาติกำเนิดต่ำต้อย จึงทำให้ไม่อาจลิขิตชีวิตตัวเองได้ ต้องคอยดูสีหน้าผู้ใหญ่ในตระกูลหรือลูกพี่ลูกน้องที่มีชาติกำเนิดสูงกว่าตน...

นางเอกฟื้นขึ้นมาในช่วงที่กำลังเกิดสงคราม พวกตระกูลใหญ่ๆ หรือชนชั้นสูงกำลังอพยพหนีภัยลงใต้พอดี นางเอกรู้ว่าชาติที่แล้วในบ้านตนจะมีคนพาโจรมาปล้นชิงในขณะที่เดินทางอพยพ จึงชิงแบ่งทรัพย์สินที่มีให้พวกบ่าวไพร่แล้วเหลือติดตัวเอาไว้ไม่มาก เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ทั้งยังสามารถดึงดูดความสนใจจาก หวังหง หรือหวังชีหลาง บุตรสายตรงของสกุลหวังแห่งหลางหยาที่สูงส่ง ที่แม้แต่เชื้อพระวงศ์ยังต้องละอายได้อีกด้วย... 

ทว่าในขณะที่กำลังเดินทางอพยพ พวกตระกูลใหญ่ก็ยังทำตัวเหมือนตอนอยู่บ้าน กินทิ้งกินขว้างเรื่องมาก ไม่เหมือนหนีสงครามแต่กลับเหมือนมาเที่ยวเล่นมากกว่า
นางเอกจึงเอ่ยปากเตือนเพราะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไร แต่กลับไม่มีใครเชื่อ พอเกิดจริงถึงได้เชื่อขึ้นมาหน่อย ทว่าในใจก็ยังดูถูกดูแคลนอยู่ดี  กลัวเสียหน้าเสียฟอร์ม
หลังๆ นางเอกก็เลยบอกพอเป็นพิธี เชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ ...
เมื่อเป็นไปตามที่เตือนบ่อยๆ เข้า ชื่อเสียงของนางเอกจึงเริ่มเป็นที่เลื่องลือ แต่ก็ติดตรงที่เป็นลูกอนุ ดังนั้นต่อให้เก่งเลิศขนาดไหน ท้ายที่สุดก็ยังถูกคนใช้จุดนี้มาเล่นงานอยู่ดี
...เป็นยุคที่ชื่อเสียงโคตรสำคัญ นางเอกถึงต้องการสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับตัวเอง ทำอะไรดีๆ ก็ต้องป่าวประกาศให้คนรับรู้ เพราะถ้าทำให้พวกปัญญาชนชนชั้นสูงเอ่ยปากชื่นชมได้ นั่นก็เท่ากับได้รับการยอมรับ จะได้ช่วยเพิ่มโอกาสดีๆ ในการแต่งงานของตน..

แต่ชาตินี้ลุงของนางเอกก็ยังคิดจะส่งนางไปเป็นอนุอีกเหมือนเดิม ชาติที่แล้วพ้นภัยด้วยการแต่งกับสามีเก่า แต่ชาตินี้นางเอกไม่อยากซ้ำรอยเดิมจึงต้องเปลี่ยนแผน โดยการเข้าหาพระเอกและแกล้งทำเป็นว่าชอบ หวังยืมมือพระเอกจัดการ หลงคิดว่าพี่แกจะใจกว้างไม่ถือสา เพราะมาจากตระกูลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลคำพูดมีน้ำหนัก ขอแค่เอ่ยปากชื่นชมหรือช่วยพูดสักหน่อย นางเอกก็สามารถหลีกหนีจากการเป็นอนุได้แล้ว... แต่กลายเป็นว่าพระเอกกลับสนใจนางเอกขึ้นมาจริงๆ เลยไม่พอใจที่นางมาทำให้ตนสนใจแล้วทิ้งกันไปดื้อๆ 
ชีวิตของพระ-นางเลยพัวพันหนีกันไม่พ้นตั้งแต่นั้นมา เพราะพระเอกไม่ยอมปล่อยมือ...

ความจริงนางเอกไม่ใช่คนงามตามแบบที่ยุคสมัยนั้นนิยมนะ สมัยนั้นชอบคนงามที่ดูขาวซีดบอบบาง งามสง่า สูงส่งบริสุทธิ์ แต่นางเอกเป็นพวกงามแบบเย้ายวนมีเสน่ห์ อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกกลมกลึง ดูยั่วยวน แถมยังดุดันไม่ตรงตามแบบที่เขานิยมเลยสักนิด แต่ก็เป็นแบบที่พวกหนุ่มใหญ่วัยกลางหรือคนแก่ๆ ชอบอะ..
อีกอย่างถึงจะเคยตายมาแล้วรอบนึง แต่นางก็ไม่ได้เก่งกาจหรือใช่ว่าจะควบคุมทุกอย่างได้ 
รู้แค่เหตุการณ์ใหญ่ๆ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี ทำได้แค่หลีกหนีกับวางแผนปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ และค่อยๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป

ส่วนเรื่องรักแม้นางเอกจะมอบหัวใจให้พระเอกไปแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าถึงพระเอกจะมีใจให้จริงอย่างไร แต่ก็คงไม่มีทางแต่งนางเป็นภรรยาเอกได้แน่นอน..ถึงได้ตัดสินใจติดตามสามีเก่าไป เพราะสามีเก่าเป็นคนเดียวที่ไม่ยึดติดกรอบประเพณี ไม่แคร์เรื่องฐานะชนชั้น สามารถแต่งนางเป็นภรรยาเอกได้ แล้วหลังๆ นางเอกก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรแล้วด้วย ปล่อยวางแล้ว แม้จะไม่ได้รักแต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีเรื่องหึงหวงปวดใจ ...ก็เลยโอเค
แต่สุดท้ายมันก็มีจุดพลิก ที่ทำให้นางเอกเคว้งแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วดันไปเจอพระเอกตอนที่เพิ่งเสพผงศิลาห้าสีมาพอดีอีก (ทำให้เกิดกำหนัด) ...ก็เลยมีอะไรกัน
พอนางเอกตื่นมาแล้วถามพระเอกว่าจะทำยังไงกับตัวเอง พระเอกก็ยืนยันว่าจะให้เป็นอนุเหมือนเดิม..นางเอกจึงเสียใจผิดหวัง
ประจวบกับที่ตอนนั้นข้าศึกกำลังยกทัพมาตีเมืองพอดี ก็เลยขี่ม้าออกไปรบพร้อมกับทหาร กะตายไปด้วยเลย...พระเอกเห็นก็แทบคลั่ง ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่มีวันปล่อยนางเอกไปได้อีกแล้ว

พอจบศึกนี้ก็เดินทางเข้าเมืองหลวง การกระทำของนางเอกทำให้ราชสำนักสนใจ ผู้ใหญ่ในตระกูลจึงหันมาให้ความสำคัญกับนาง คือนางสู้มากจริงๆ นะ ทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกหนีจากการเป็นอนุ พยายามสร้างชื่อเสียงให้คนจดจำ เพื่อไม่ให้ถูกดูหมิ่นถูกตีตราด้วยคำว่าลูกอนุ ท่ามกลางสังคมที่เหลื่อมล้ำแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจน ท่ามกลางสัมคมที่ฟุ้งเฟ้อฟอนเฟะ สวยแต่รูปส่วนข้างในเน่าเหม็น ราชสำนักเหลวแหลก บ้านเมืองเกิดภัยสงครามแต่พวกชนชั้นสูงปัญญาชนยังคงจัดงานรื่นเริงทำเหมือนไม่มีอะไร ตระกูลใหญ่ๆ อยู่เฉย เพราะไม่อยากทำลายสมดุลหรือผลประโยชน์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้..คือถ้าตัดขาดจากวงศ์ตระกูลด้วยยุคสมัยแบบนี้ก็คงไม่รอด แต่ถ้าไม่ตัดขาดก็ต้องถูกควบคุมและไม่อาจตัดสินใจเรื่องราวในชีวิตเองได้...

อ่านจบแล้วส่วนตัวชอบมากกกๆ  เริ่มแรกอาจจะงงๆ กับการเรียกชื่อคนหน่อย อย่างเช่นชื่อพระเอกที่จดๆ ไว้ก็เรียกได้ถึง 5 แบบเลยนะ..แต่อ่านๆ ไปเดี๋ยวจะเริ่มชิน(รึเปล่า)
สำนวนแปลดี ภาษาสวย อ่านลื่นมาก มีเรือหลายลำให้ลงแต่พระเอกตัวจริงคือร้ายที่สุด
ภายใต้รอยยิ้มที่หล่อเหลาและความสง่างามสูงส่งดุจเทพเซียน แต่
ข้างในก็คือเสือร้ายดีๆ นี่เอง ฉลาด เจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ ยากจะคาดเดา ตรงข้ามกับฝั่งสามีเก่าที่ดุดันดุจเปลวเพลิง แต่พระเอกคืออ่อนโยนนุ่มนวลราวกับแสงจันทร์ 
ประเด็นหลักๆ ของเรื่องก็คงเป็นเรื่องชาติกำเนิดของนางเอกที่เป็นลูกอนุนี่แหละ
ทำยังไงถึงจะก้าวผ่านปมเรื่องลูกอนุ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสง่าผ่าเผยโดยไม่ถูกคนดูแคลน ทั้งยังสามารถควบคุมกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้?
ตัวนางเอกก็ไม่ได้ซู ถึงจะเกิดใหม่รู้อะไรบางอย่างล่วงหน้าแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไร
มีหลายครั้งที่เกือบพลาดท่าเสียที และต้องคอยมาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเอา 
ตอนอ่านเราก็ต้องคอยลุ้นอยู่เรื่อยว่าจะมีใครยื่นมือมาช่วยไหม หรือจะมีจุดพลิกอะไรที่ทำให้นางเอกรอดจากตรงนี้ไปได้หรือเปล่า...

แต่นอกจากเรื่องพวกนี้แล้วก็ยังมีเรื่องการเมืองและศึกสงคราม
เป็นยุคสมัยที่สังคมบีบคั้นผู้คนมากแต่ก็เปิดกว้างในบางเรื่อง อย่างเช่นผู้ชายคนไหนที่หน้าตาดีมากๆ ผู้หญิงก็สามารถมารุมล้อมกรี๊ดกร๊าดขว้างปาสิ่งของให้ได้ ไม่ต่างกับดาราไอดอลในยุคปัจจุบัน แต่ขณะเดียวกันก็เข้มงวดเรื่องฐานะชนชั้นและชาติตระกูลสุดๆ
ชนชั้นสูงกับชนชั้นล่างแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน 
ขุนนางชั้นสูงไม่มีที่ฐานะต่ำต้อย
ส่วนขุนนางชั้นล่างก็ไม่มีพวกชาติตระกูลสูง ชีวิตคนธรรมดาชาติตระกูลต่ำต้อยแทบไม่มีราคา ส่วนพวกเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงก็สูงซะจนเสียดฟ้า ยิ่งถ้าคนไหนมีอิทธิพลป๊อปมากๆ อย่างเช่นพระเอกนี่ แค่เพียงคำพูดเดียวก็สามารถทำลายชีวิตคนหรือทั้งตระกูลลงได้แล้ว อย่าให้พระเอกเอ่ยปากว่าหรือตำหนินะ..จบสิ้นทันที ทั้งชีวิตและชื่อเสียงที่สะสมมา

สุดท้ายเราพอเข้าใจนะ ว่าทำไมแรกๆ พระเอกถึงไม่อยากให้นางเอกเป็นภรรยาเอก
เพราะเป็นตระกูลใหญ่เก่าแก่อันดับต้นๆ ของแคว้น และยังเป็นบุตรสายตรงที่ถูกวางตัวให้เป็นผู้นำคนต่อไป คุณสมบัติครบถ้วนดีเลิศโดดเด่นเกินใคร แม้แต่เชื้อพระวงศ์ยังต้องเกรงใจยอมลงให้สามส่วน จะเป็นภรรยาเอกหรือก็คือนายหญิงของผู้นำตระกูลนี้ มันจึงยากลำบากยิ่งกว่าการเป็นฮองเฮาอยู่ในวังอีกนะ (พระเอกบอกไว้อยู่ว่าต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งนางเอกคงไม่ไหวแน่นอน) ก็เลยอยากให้เป็นกุ้ยเชี่ยหรืออนุที่มีศักดิ์ฐานะสูงกว่าอนุทั่วไปมากกว่า
แต่นางเอกก็ไม่ต้องการ ชัดเจนมาตลอดว่าจะไม่เป็นอนุ จะไม่เรียกใครว่านายหญิง รู้อยู่แล้วว่าเป็นเมียเอกของพระเอกไม่ได้ ก็ไม่ได้ฝืน ก็แยกย้ายต่างคนต่างเดินสิ 
แต่พระเอกคือไม่ยอม หนีไปไหนก็ต้องลากกลับมา ทำให้นางเอกต้องผูกติดกับตัวเองตลอด ร้ายมากกก ข้าอยู่..นางก็ต้องอยู่ ข้ารัก..นางก็ต้องรัก ข้าไม่ปล่อยมือ..เจ้าก็อย่าได้คิดจากไปโดยเด็ดขาด  ท้ายที่สุดหลังจากที่เกือบสูญเสียนางเอกไปจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้กระจ่างแจ้งถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างแท้จริงสักที...

ป.ล.ตอนพิเศษจุใจมาก ครึ่งเล่มเลย ชอบลูกๆ พระ-นาง แต่ละคนแสบจริงๆ
รักแม่หวงแม่กันทุกคน คนโตถ้าได้ยินใครพูดจาไม่ดีหรือพูดว่าร้ายแม่ก็เตรียมซัดทันที แม่ข้าใครอย่าแตะ!!..ส่วนลูกฝาแฝดก็ทั้งแสบทั้งเจ้าเล่ห์ ชอบแกล้งชอบยั่วโมโหพ่อ 
แต่กับแม่คือขี้อ้อน คอยปกป้องสุดๆ ผู้หญิงคนไหนมาเข้าใกล้อยากเป็นอนุพ่อ น้องจัดการเรียบ  
ทว่าถึงแม้นางเอกจะได้แต่งงานเป็นภรรยาเอกของพระเอกแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมีคนดูถูกเหยียดหยามเรื่องชาติกำเนิดเหมือนเดิมอยู่ดีนะ เพียงแต่ตอนนี้นางเอกมีพร้อมทุกอย่างแล้ว มีสามีที่ดี มีลูกที่รักและกตัญญู มีคนที่พร้อมออกหน้าปกป้อง ไม่ต้องเค้นสมองคอยรับมือสู้เองอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นคำพูดเหล่านั้นในวันนี้ จึงทำอะไรนางไม่ได้อีกต่อไป  เป็นครอบครัวสุขสันต์ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีตระกูลคอยหนุนหลัง แต่ก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องค้อมหลังให้ใคร สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว ลูกๆ สามัคคีปรองดอง แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางเอกถูกคนอื่นอิจฉาริษยาได้ยังไงไหว...หุหุ

- มีตอนพิเศษของสามีเก่าที่ฝันถึงอดีต ในชาติที่นางเอกเผาตัวตายด้วย ต้องให้ฝันก่อนนะถึงดูออกว่าใครรักจริงใครหลอก ใครมารยาเสแสร้งแกล้งรัก ...
จริงๆ สามีเก่าก็ดีนะเพียงแต่บื้อเรื่องความรักไปหน่อย ผู้หญิงมาบีบน้ำตาทำตัวน่าสงสารใส่ก็ใจอ่อนยอมรับเป็นอนุแล้ว เก่งแต่เรื่องงาน แต่เรื่องในบ้านนี่ห่วยแตก เพิ่งมาฉลาดตาสว่างก็หลังจากที่เสียนางเอกไปนี่แหละ



2 ความคิดเห็น:

  1. จริง ๆ ไม่ชอบแนวว่าย้อนกลับมาเลยต้องการให้คนเก่ากลับมามอง ละก็หลัง ๆ ไม่ชอบสำนวนแปลของอรุณในความหมายคือ... ใช้คำว่า "อันใด" "เสียนี่กระไร" แม้แต่คำว่า "กระไรนะ" ก็มา เลยเมินเรื่องนี้ (จริง ๆ ไปเม้นท์ในทวิตแอดด้วยแหละ 5555 ) แต่พอมาอ่านรีวิวก็คิดว่าจะลองเสียตังค์ซื้อเรื่องนี้ ต่อไปถ้าแอดรีวิวนิยายของ สนพ.อรุณ คงต้องเสียมารยาทถามแอดแน่ว่า มีคำว่า "อันใด" "เสียนี่กระไร" "กระไรนะ" มั้ยคะ 555 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ :D

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรื่องนี้วางใจได้ค่ะไม่มี อันใด เสียนี่กระไร อะไรแบบนั้นเลยค่ะ เราว่าแปลดีอ่านลื่นมากค่ะ (จริงๆตอนแรกเราก็แอบเสียวๆอยู่เหมือนกันค่ะ 55) ...ได้ค่ะต่อไปถ้ารีวิวอีกเดี๋ยวจะบอกไว้นะคะถ้ามี ^^

      ลบ