ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์ 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : เทียนฉิน
ผู้แปล : เกาลัดเดือนสิบสองสำนักพิมพ์ แจ่มใส
ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
ไป๋เสวี่ยฝู บุตรสาวคนรองของอัครเสนาบดีไป๋
เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวกาลกิณี
จึงทำให้ไป๋เสวี่ยฝูถูกขับไล่ให้ไปเฝ้าโคมดำอยู่ที่อารามชีตั้งแต่ยังเด็ก
และในตอนที่อายุ 14 นางก็ได้บังเอิญช่วยเหลือเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังถูกคนตามฆ่าจนพลัดหลงเข้ามาอยู่ในเขตอารามชีเข้า
เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณหรือด้วยความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่าง
เขาจึงสัญญาว่า...ขอเวลาเพียงหนึ่งปีแล้วเขาจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนบุญคุณนี้
และจะมอบครอบครัวที่อบอุ่นแสนสุขให้กับนาง
...
เยวี่ยเยี่ย
จักรพรรดิองค์ปัจจุบันของแคว้นอวิ๋นเยวี่ย
ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอำมหิต
เพื่อช่วงชิงบัลลังก์เขาถึงขนาดสังหารพี่น้องของตัวเองได้อย่างเลือดเย็น
แม้ข้างกายจะมีสนมนางในมากมาย แต่ลึกๆ ในใจของเขากลับไม่เคยลืมเลือนหญิงสาวที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ที่อารามเมี่ยวเฟิงคนนั้นเลยสักครั้ง
กระทั่งสามปีผ่านไปเมื่อการคัดเลือกสาวงามมาถึง เขาก็ได้เจอกับหญิงสาวนางหนึ่งที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคนที่อยู่ในดวงใจ
.....แต่น่าเสียดายที่นางกลับเป็นลูกของศัตรูที่เขาเกลียดชัง
นางเอกถูกพ่อบังคับให้เข้าวังมาคัดเลือกสาวงามแทนพี่สาว
ไป๋อีหนิง ที่ยอมทำลายใบหน้าของตัวเอง แต่ให้ตายก็ไม่ยอมเข้าวังมาเป็นสนมนางใน
ด้วยความรักพี่สาวกับเป็นห่วงแม่ ที่ไม่เคยได้รับความรักความห่วงใยจากพ่อผู้เป็นสามีเลย
นางเอกจึงจำใจยอมเข้าวังอย่างช่วยไม่ได้ ...และเพียงวันแรกที่เข้าวังนางก็ได้เจอกับจักรพรรดิผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความโหดเหี้ยมเข้าพอดี แต่ที่ทำให้นางช๊อคที่สุดก็คือจักรพรรดิหนุ่มผู้นี้ดันมีใบหน้าเหมือนกับเด็กหนุ่มที่นางเคยช่วยไว้เมื่อ
3 ปีก่อนเปี๊ยบ
หลังจากตกใจความเสียใจก็ตามมาเพราะเขากลับจำนางไม่ได้เลยสักนิด...
กระซิกๆ
ในฐานะลูกของศัตรูนางเอกจึงถูกจัดให้ไปอยู่วังอันไกลโพ้น แบบดูก็รู้เลยว่าไม่เป็นที่โปรดปราน
แต่ด้วยเส้นสายของพ่อนาง สุดท้ายก็ทำให้ลูกสาวเข้าใกล้พระเอกจนได้
ส่วนพระเอกก็รู้แผนการพ่อนางเอกมานานแล้ว
รู้ว่าที่พ่อนางเอกส่งลูกสาวเข้าวังมาเนี่ยไม่ได้มาดีแน่นอน พี่แกรอดูเลยว่าจะมีแผนชั่วอะไร...หึหึ
แต่นางเอกก็ไม่มีทางเลือกเพราะไหนจะเจอพ่อวางยา
แล้วไหนจะเรื่องแม่อีก โดนบีบทุกทางแม้ไม่อยากทำก็ต้องทำ ....
อ่านจบแล้วส่วนตัวคิดว่า ทั้งคู่ไม่น่าจะรักกันได้ขนาดนี้เลยนะเพราะเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง
ไม่น่าจะถึงหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แถมคุยกันไม่กี่ประโยคเอง อะไรจะฝังจิตฝังใจขนาดนั้น
ของพระเอกยังพอเข้าใจว่าคงประทับใจที่นางเอกให้ความช่วยเหลือ ในขณะที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ในชีวิตเจอแต่คนคิดไม่ดี+คิดลอบฆ่าอยู่ตลอด
มีไม่กี่คนที่หวังดีให้ความช่วยเหลือก็เลยหวั่นไหวกับนางเอก
แต่นางเอกนี่อยู่ในอารามชีมาตั้งแต่เด็ก แถมตอนนั้นก็ปฏิเสธพระเอกไปซะดิบดี
มีไม่กี่คนที่หวังดีให้ความช่วยเหลือก็เลยหวั่นไหวกับนางเอก
แต่นางเอกนี่อยู่ในอารามชีมาตั้งแต่เด็ก แถมตอนนั้นก็ปฏิเสธพระเอกไปซะดิบดี
ไม่เชื่อลมปากของบุรุษตามที่อาจารย์สั่งสอน
แต่ๆ ๆ ๆ ปากบอกว่าไม่แต่ใจนี่คิดจ้า
คิดมาตลอดไม่เคยลืม เผลอๆ คิดมากกว่าอีตาพระเอกอีกด้วย 55 ...
ใจหนึ่งก็เข้าใจ ก็บอกตัวเองว่าพระเอกคงจำไม่ได้คงลืมเพราะตอนนั้นมันบลาๆ ๆ ๆ
แต่อีกใจหนึ่งก็น้อยใจว่าทำไมจำไม่ได้ฟะ...(ก็ตอนนั้นนางมีผ้าคลุมหน้าอยู่ใครจะไปจำได้ล่ะจ๊ะ)
คือพระเอกก็คับคล้ายคับคลาแต่ไม่ชัวร์ไง เพราะตอนนั้นไม่เห็นหน้าแต่ก็จำกลิ่นหอมบนตัวนาง
กับท่าทางบางอย่างได้ แต่คนจำได้ก็บอกไม่ได้ มันก็เลยทำร้ายกันไปมาแบบนี้แหละจ้า
...
ตอนเล่มแรกก็สนุกดีอยู่นะ แต่พอเล่ม 2
หลังจากที่รู้ว่านางเอกเป็นใครแล้วเท่านั้นแหละ...
จักรพรรดิผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอำมหิตก็กลายเป็นทาสเมียในบัดดล
...
ดึงดันจะแต่งตั้งนางเอกเป็นฮองเฮาให้ได้ ไม่ฟังเสียงคัดค้านจากขุนนางในราชสำนักเลย
ซึ่งก็สมควรแล้วที่ถูกคัดค้าน
(อันนี้เห็นด้วยนะเหตุผลถูกต้อง)
แต่พระเอกก็โนสนโนแคร์จ้าาา รักเมียเหลือเกินสุดท้ายเป็นไงล่ะ...บ้านเมืองเป็นไงล่ะ
หึหึ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น