ผู้แปล : มิราทิพย์
สำนักพิมพ์ อรุณ
คำโปรยหลังปก
พันปีก่อนนางเป็นเพียงภูตน้อยดอกฉา
ขณะที่เขาเป็นผู้ปกครองสวรรค์
ณ งานชุมนุมบุปผาที่จัดขึ้นทุกร้อยปี
นางสารภาพรักกับเขาเบื้องหน้าธารกำนัล
" ข้าเพียงปรารถนาเป็นชายาของท่าน "
เขาแย้มยิ้ม " เช่นนั้นก็จงบำเพ็ญเป็นเซียน "
นับจากนั้นนางตั้งใจบำเพ็ญเพียร
ห้าร้อยปีต่อมานางถามอีกครั้ง
" เมื่อใดข้าถึงจะได้เป็นชายาของท่าน "
เขานิ่งเงียบครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วตอบ
" รอเจ้าได้ลงบันทึกในทะเบียนเซียนค่อยว่ากัน "
ภูตสาวที่ปรารถนาเป็นชายาของเขามีน้อยเสียที่ไหน
ในที่สุดนางก็เข้าใจสาเหตุที่เขานิ่งเงียบ
นางหันหลังให้เขาอย่างเด็ดเดี่ยว
ตัดสินใจเลือกวาสนารัก "ใช้ตัวเคียงคู่" ในโลกมนุษย์
นางไม่ต้องการบำเพ็ญเป็นเซียน
นางเพียงต้องการลืมเลือนเขา!
บัดนี้ความรู้สึกผิดที่กัดกินจิตใจนับพันปีทำให้เขาฝืนลิขิต
เปลี่ยนชะตา พานางในชาติใหม่หวนคืนอดีตชาติ
หมายมาดให้นางบำเพ็ญเป็นเซียนอีกครั้ง
ยามบุปผาโปรยปราย ทั้งคู่พานพบอีกครา
วันนั้น สีแดงเจิดจรัสจับตา ดอกฉาผลิบานทั่วภูผา
สุดท้ายจะกรีดบาดนัยย์ตาผู้ใด
ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์ )
ย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อน ณ งานชุมนุมที่วังบุปผา
ภูตดอกฉาน้อยตนหนึ่งได้ตกหลุมรักเทพเซียนผู้หนึ่งซึ่งมีรูปโฉมงดงามท่าทางสูงส่งเข้าให้
ท่ามกลางงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยเหล่าเทพเซียนมากมาย นางใจกล้าถึงขนาดวิ่งเข้าไปสารภาพรัก
และถามเขาว่า นางสามารถเป็นเสินโฮ่วของเขาได้หรือไม่
เขาเพียงยิ้มแล้วบอกให้นางเป็นเซียนก่อน
และถามเขาว่า นางสามารถเป็นเสินโฮ่วของเขาได้หรือไม่
เขาเพียงยิ้มแล้วบอกให้นางเป็นเซียนก่อน
แม้จะถูกผู้อื่นดูแคลนหัวเราะเยาะแต่เมื่อมีความปรารถนา...
นางจึงตั้งใจบำเพ็ญเพียรเพียงเพื่อหวังจะได้เป็นเซียนและครองคู่อยู่กับเขา
นางจึงตั้งใจบำเพ็ญเพียรเพียงเพื่อหวังจะได้เป็นเซียนและครองคู่อยู่กับเขา
แต่เมื่อพันปีผ่านไปนางถึงได้รู้ว่าเขาไม่มีทางแต่งกับนาง
และนางก็ไม่มีวันได้เป็นเสินโฮ่วของเขา...
เมื่อได้พบหน้ากันอีกครั้ง นางจึงแย้มยิ้มและบอกว่าตนจะลืมเลือนเขา
นับแต่นี้ไม่ขอบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนอีกชั่วนิจนิรันดร์ เพียงแค่หวังได้ลงไปเวียนว่ายตายเกิด
เป็นมนุษย์ธรรมดาเท่านั้นก็พอ….
เป็นมนุษย์ธรรมดาเท่านั้นก็พอ….
นางเอกได้ลงไปเวียนว่ายตายเกิดกลายเป็นเป็นมนุษย์และลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง
ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ได้เกิด แก่ เจ็บ ตาย
แต่งงานมีบุตรธิดาและใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดาทั่วๆ ไป
ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ได้เกิด แก่ เจ็บ ตาย
แต่งงานมีบุตรธิดาและใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดาทั่วๆ ไป
จริงๆ ก็ดีแล้วเพราะนี่แหละคือสิ่งที่ตัวนางเอกปรารถนา แต่น่าเสียดายที่มีบางคนไม่ชอบ
ไม่ต้องการให้นางเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา และต้องเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดไป
เขาจึงยื่นมือเข้ามาขัดขวาง เพื่อหวังให้นางได้เข้าใจถึงความทุกข์ยากลำบาก
และเลิกยึดติดกับความรักแบบมนุษย์สักที
และเลิกยึดติดกับความรักแบบมนุษย์สักที
แต่จนแล้วจนรอดนางเอกก็ยังยึดมั่น
ไม่ยอมแพ้ ยังคงมุ่งมั่นเดินต่อไปบนเส้นทางที่ตัวเองเลือก
ไม่ว่าพระเอกจะโน้มน้าวพยายามเกลี้ยกล่อมยังไง นางก็ไม่สนใจและไม่เคยเหลียวหลังกลับมา
กลายเป็นพระเอกนั่นแหละที่ต้องคอยแวะเวียนมาหา
พอนางเอกเกิดเรื่องอะไรก็รีบแจ้นมาอย่างไว
พอเห็นเขาได้แต่งงานมีชีวิตธรรมดาก็เจ็บปวดใจจนข่มตานอนหลับไม่ได้เป็นปีๆ ..เฮ้อ
พอนางเอกเกิดเรื่องอะไรก็รีบแจ้นมาอย่างไว
พอเห็นเขาได้แต่งงานมีชีวิตธรรมดาก็เจ็บปวดใจจนข่มตานอนหลับไม่ได้เป็นปีๆ ..เฮ้อ
สุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่ยังยึดติดไม่ยอมปล่อย หรือไม่อยากให้เขาลืมเลือนตนไป
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็ยืนยันหนักแน่นแล้วว่าตัวเองต้องการสิ่งใด
แต่พระเอกก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเสียที... เหอๆ
แต่พระเอกก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเสียที... เหอๆ
เรื่องนี้จบ Happy
นะคะแต่ระหว่างทางก็จะมีน้ำตาซึมๆ บ้าง...
คือเราไม่ได้เสียน้ำตาให้กับคู่ของพระ-นางเลยนะ
แต่ไปเสียน้ำตาให้คู่ของนางเอกกับหนุ่มคนอื่นและคู่ของคนอื่นๆ ที่อยู่ในเรื่องนี้แทน
จริงๆ อยากให้นางเอกได้ลงเอยกับคนอื่นมากกว่า
ถึงจะรู้ว่าพระเอกก็ทำอะไรหลายๆ อย่างให้นางเอกเหมือนกันก็เถอะ
แต่ไม่รู้สิ คือพอดูจากการกระทำของพี่แกแล้วก็ไม่ค่อยน่าประทับใจด้วยมั้ง
แล้วพี่แกชอบพูดอะไรคลุมเครือด้วย คือก็ไม่ได้โกหกนะ แต่ก็ไม่ได้พูดความจริง
ไม่ได้ตอบรับนะแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรประมาณเนี่ย แล้วด้วยนิสัยนางเอกคือเป็นคนตรงๆ
ถ้าบอกไปชัดๆ ตั้งแต่แรกเรื่องมันคงไม่บานปลายมาถึงขนาดนี้หรอก
แต่ไปเสียน้ำตาให้คู่ของนางเอกกับหนุ่มคนอื่นและคู่ของคนอื่นๆ ที่อยู่ในเรื่องนี้แทน
จริงๆ อยากให้นางเอกได้ลงเอยกับคนอื่นมากกว่า
ถึงจะรู้ว่าพระเอกก็ทำอะไรหลายๆ อย่างให้นางเอกเหมือนกันก็เถอะ
แต่ไม่รู้สิ คือพอดูจากการกระทำของพี่แกแล้วก็ไม่ค่อยน่าประทับใจด้วยมั้ง
แล้วพี่แกชอบพูดอะไรคลุมเครือด้วย คือก็ไม่ได้โกหกนะ แต่ก็ไม่ได้พูดความจริง
ไม่ได้ตอบรับนะแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรประมาณเนี่ย แล้วด้วยนิสัยนางเอกคือเป็นคนตรงๆ
ถ้าบอกไปชัดๆ ตั้งแต่แรกเรื่องมันคงไม่บานปลายมาถึงขนาดนี้หรอก
นี่มันเหมือนกับไปให้ความหวัง แล้วเดี๋ยวก็ไปทำลายความหวังเขา
พอเขาตัดใจแล้วก็ยังตามไปยุ่งวุ่นวายอีก คือนางเอกก็บอกอยู่ว่านางพอใจกับชีวิต
จะดีจะร้ายนางก็เต็มใจยอมรับผลที่จะตามมาเอง
พอเขาตัดใจแล้วก็ยังตามไปยุ่งวุ่นวายอีก คือนางเอกก็บอกอยู่ว่านางพอใจกับชีวิต
จะดีจะร้ายนางก็เต็มใจยอมรับผลที่จะตามมาเอง
ปฏิเสธไปตั้งหลายที พูดดีๆ ก็แล้ว ประชดประชันก็แล้ว แต่พระเอกก็ยังไม่ยอมเลิกยุ่งสักที
อ้างแต่เป็นมนุษย์มันไม่ดีอยากให้กลับมาเป็นเซียนอยู่นั่นแหละ
ขนาดตัวเองมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้วด้วยนะ ก็ยังเทียวไปเทียวมาอยู่ได้ ..เฮ้อ ..
คู่หมั้นก็หึง นางเอกก็รำคาญ แต่พี่แกก็ยังหน้ามึนไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น
55+
- พระเอกเรื่องนี้เหมาะกับตำแหน่งนักการทูตหรือนักเจรจามาก
มีจิตวิทยาในการพูดสูงมาก สามารถเปลี่ยนเรื่องคอขาดบาดตายให้กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วได้ภายในประโยคเดียว ...โดนนางเอกต่อว่าพูดจะประชดประชันใส่ไปตั้งกี่ที แต่พี่แกก็ยังคงนุ่มนวลอ่อนโยน สีหน้าไม่มีเปลี่ยนเหมือนเดิม ไม่เคยหลุด (แต่ไปหลุดตอนท้ายนะ 55+)
ไม่มีตะคอกหรือพูดจาแย่ๆ อะไรออกมาเลยด้วยนะ ใจเย็นมาก อ่อนโยนสุดๆ ...นับถือๆ ๆ
( เอาจริงๆ ก็หมั่นไส้พี่แกนะแต่ก็โกรธไม่ค่อยลง เอ๊ะ ยังไง!!! 555 )
มีจิตวิทยาในการพูดสูงมาก สามารถเปลี่ยนเรื่องคอขาดบาดตายให้กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วได้ภายในประโยคเดียว ...โดนนางเอกต่อว่าพูดจะประชดประชันใส่ไปตั้งกี่ที แต่พี่แกก็ยังคงนุ่มนวลอ่อนโยน สีหน้าไม่มีเปลี่ยนเหมือนเดิม ไม่เคยหลุด (แต่ไปหลุดตอนท้ายนะ 55+)
ไม่มีตะคอกหรือพูดจาแย่ๆ อะไรออกมาเลยด้วยนะ ใจเย็นมาก อ่อนโยนสุดๆ ...นับถือๆ ๆ
( เอาจริงๆ ก็หมั่นไส้พี่แกนะแต่ก็โกรธไม่ค่อยลง เอ๊ะ ยังไง!!! 555 )
" ความรักของมนุษย์ล้วนประดุจหมอกควัน จะเทียบวีถีแห่งเซียนอันเป็นนิรันดร์ได้อย่างไร
หากเจ้ายังเอาแต่ใจเช่นนี้ต่อไป แม้แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้ "
เอาแต่ใจ? นางเงียบไปครู่หนึ่ง พลันถามขึ้น " ข้าไม่มีวันได้เป็นเสินโฮ่วใช่หรือไม่ "
เขานิ่งอึ้ง
" เซียนระฆังบอกข้าหมดแล้ว ท่านหลอกข้ามาตลอด " นางขอบตาแดงเรื่อเชิดหน้าอย่างทระนง
" แท้จริงท่านรักข้าหรือไม่ ข้ายังเป็นเสินโฮ่วของท่านได้หรือไม่ "
เขามองนางเนิ่นนาน เอ่ยตอบเพียงคำถามสุดท้าย " ไม่ได้ "
นางหมุนตัวเดินจากไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น