วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน เล่ม 1-4


ตัวเอกหญิงอย่างข้าขอทวงชะตากลับคืน เล่ม 1-4 (5 เล่มจบ)

ผู้แต่ง : จิ่วเยวี่ยหลิวหั่ว

ผู้แปล : เป๋าเป่า

สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก อวี๋ชิงจยา คุณหนูหกตระกูลอวี๋ เจ้าของฉายาอวี๋เหม่ยเหริน สูญเสียมารดาไปตั้งแต่ 10 ขวบ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของย่าทวดกับบ้านใหญ่ มีพี่สาวต่างมารดาอยู่ 1 คน นางเอกเป็นบุตรสาวของบ้านรอง พ่อนางเอกก็เป็นคนของบ้านรอง แต่เพราะบุรุษสายตรงของบ้านใหญ่เสียชีวิตหมดแล้ว ไม่หลงเหลือทายาทที่เป็นบุรุษ พ่อนางเอกซึ่งเป็นทายาทของบ้านรองจึงถูกอวี๋เหล่าจวินหรือย่าทวดใช้คำว่ากตัญญูมากดข่มบีบบังคับให้เป็นผู้สืบทอดของทั้ง 2 บ้าน... พ่อนางเอกจึงต้องจำใจแต่งพี่สะใภ้(คู่หมั้นพี่ชายบ้านใหญ่) มาเป็นภรรยาเอกอีกหนึ่งคนเพื่อสืบทอดทายาทให้บ้านใหญ่ ทั้งที่ตนเองก็มีคู่หมั้นหมายซึ่งเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่อยู่ก่อนแล้ว  

เป็นแนวระบบ(ที่มีก็เหมือนไม่มี55) ตัวร้ายหรือพี่สาวต่างแม่นางเอกตายแล้วได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่พร้อมกับระบบติดตัว นางค้นพบว่าตัวเองเป็นเพียงตัวประกอบหญิงในนิยายแมรี่ซูที่น้องสาวต่างแม่เป็นนางเอกของเรื่อง ดังนั้นพอได้ย้อนกลับมา นางจึงตั้งใจว่าจะมาแทนที่น้องสาวหรือนางเอกตัวจริงให้ได้!

ส่วนนางเอกตัวจริงถึงจะไม่มีระบบ ไม่ได้ย้อนกลับมา และไม่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเหมือนพี่สาว แต่ก็เคยฝันเห็นเรื่องราวที่พี่สาวตายแล้วได้ย้อนกลับมาพร้อมกับระบบขี้โกง จากนั้นก็ขโมยสิ่งต่างๆ ที่ควรจะเป็นของนางไป และสุดท้ายนางก็ตายด้วยการถูกวางยาพิษ ...

หลังจากที่แม่นางเอกตาย พ่อก็ขอย้ายไปรับตำแหน่งที่ต่างเมืองพร้อมกับพานางเอกไปด้วย ระหว่างนั้นย่าทวดก็ส่งจดหมายมาคอยกดดันเรียกให้กลับตลอด แต่พ่อนางเอกก็ไม่กลับ ส่วนตัวพี่สาวพอมีระบบก็พยายามคิดหาทางจะพานางเอกกลับมา เพราะรู้ว่านางเอกต้องได้เจอพระเอกก่อนแต่ไม่รู้ว่าตอนไหน นางเลยอยากให้นางเอกกลับมาอยู่ในสายตาเพื่อคอยจับตาดู ตั้งแต่มีระบบชีวิตพี่สาวก็ดีขึ้นๆ เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเพราะมีระบบคอยช่วย ทั้งได้เป็นคนโปรดของย่าทวดเพราะนางแอบเอายาจากระบบใส่ให้ย่ากิน ทำให้ย่าสุขภาพดีขึ้น เวลาอยู่ใกล้นางก็รู้สึกแฮปปี้ คนอื่นๆ ก็พากันอวยชื่นชมในวิชาแพทย์ของพี่สาว

พระเอกมู่หรงเหยียนหรือหลางหยาอ๋อง บุตรชายคนเล็กของรัชทายาท พ่อพระเอกเป็นรัชทายาทที่ดีมีคุณธรรมไม่เข่นฆ่าโดยไร้เหตุผล เลยเสมือนเป็นแกะดำของตระกูล เพราะตระกูลมู่หรงของพ่อมีแต่พวกบ้าเลือดชอบสังหารคน เห็นเลือดแล้วยิ่งคึกคักขาดสติ คนตระกูลนี้ยิ่งถ้าใครเก่งๆ มีความสามารถก็จะยิ่งบ้าระห่ำสุดๆ (เหมือนที่นางเอกเคยบอกว่าตระกูลนี้สายเลือดมีปัญหา)... พระเอกเป็นคนหน้าตาดีมากกกๆ แต่เย็นชา+เลือดเย็น โหดเหี้ยม ไม่เคยสนใจสิ่งใดหรือรู้สึกรักผูกพันกับใครแม้แต่คนในครอบครัวตัวเอง ไม่เห็นค่าชีวิตใคร แบบช่างมันเกี่ยวไรกับชั้นด้วย มองทุกสรรพสิ่งอย่างเฉยชา ... 

พ่อพระเอกที่เป็นรัชทายาทถูกคนหักหลังใส่ร้าย ทำให้คนในตำหนักบูรพาถูกสังหารตายหมด มีพระเอกรอดคนเดียวเพราะวันนั้นออกไปข้างนอกพอดี พระเอกเลยต้องระหกระเหินหนีตาย ต้องปกปิดตัวตนด้วยความช่วยเหลือจากขุนนางผู้ภักดี แต่พอปู่พระเอกใกล้ตายก็เกิดสำนึกเสียใจที่สั่งฆ่าบ้านรัชทายาท เลยอยากเห็นหน้าหลานรักหรือพระเอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตาย ออกประกาศให้พระเอกกลับมาพร้อมมอบตำแหน่งหลางหยาอ๋องให้ แต่พระเอกก็ไม่ได้กลับไป ...(ขืนโผล่ออกไปก็ตายสิ เพราะเสด็จอาพระเอกกำลังรอฆ่าทายาทคนสุดท้ายของรัชทายาทอยู่)

เป็นยุคที่บ้านเมืองโกลาหลแบ่งเป็นเหนือใต้ ฮ่องเต้เหนือปกครองโดยตระกูลมู่หรง ตระกูลนี้หน้าตาดีทั้งบ้านแต่โหดเหี้ยมอำมหิต ลุ่มหลงในสุรานารี ชอบการเข่นฆ่าสังหารคนโดยไร้กฏเกณฑ์ หูเบา ให้ท้ายขุนนางชั่วครองเมือง ...หลังจากปู่ตายพระเอกก็ถูกอาแท้ๆ ตามไล่ฆ่า สุดท้ายพระเอกเลยต้องปลอมตัวเป็นอนุของพ่อนางเอกเพื่อปกปิดตัวตน ตอนแรกนางเอกเห็นพ่อรับอนุเข้าบ้านก็เคืองๆ นึกว่าพ่อกลับคำไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ตอนแม่ตาย ช่วงแรกๆ น้องเลยไม่ชอบและมีอคติกับพระเอกมาก พยายามจะวางตัวข่มเขาแต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายถูกข่มกลับพ่ายแพ้กลับมาเองทุกรอบ เวลานางเอกไปฟ้องพ่อ พ่อก็ไม่เข้าข้าง แถมยังบอกให้ลูกเคารพผู้อาวุโสอีก55 

แต่อ่านแล้วขำนะ เพราะนางเอกไม่รู้ว่าพระเอกเป็นใครเลยกล้าแหย่กล้าว่า ขณะที่พ่อนางเอกเหงื่อแตกพลั่กๆ จะพูดทีก็ต้องระวังไม่กล้าล่วงเกิน กลัวพูดไม่เข้าหูแล้วเดี๋ยวจู่ๆ พระเอกหยิบดาบขึ้นมาฟัน เพราะตระกูลนี้โหด+บ้าเลือดจริง แต่นางเอกไม่รู้ไง55 นางยังนึกว่าพ่อเปลี่ยนสเปคมาชอบคนงามสายหยิ่ง+เย็นชาแล้ว แต่หลังจากที่เจอเหตุการณ์ลอบฆ่านางเอกก็เริ่มรู้สึกดีกับพระเอกมากขึ้น ไม่ได้อคติเหมือนเมื่อก่อน เริ่มสนิทไว้ใจ มีเรื่องอะไรก็เอามาเล่าปรับทุกข์ให้ฟังประหนึ่งเพื่อนสาว ส่วนพระเอกก็ยังเย็นชาไม่ใส่ใจ พยายามถอยห่างไม่อยากให้นางเอกเข้าใกล้ แต่ก็เริ่มมีความอดทนและปฏิบัติกับนางเอกแตกต่างจากคนอื่นอยู่ คือไม่ว่าและยอมให้นางเอกเรียกตัวเองว่า 'ปีศาจจิ้งจอก' ได้ แต่ลองเป็นคนอื่นหรือใครพูดสิ ตายสถานเดียวเน้อ (พระเอกหน้าตาดีมากๆๆ ขนาดนางเอกที่มีฉายาอวี๋เหม่ยเหรินยังเป็นรอง55) 

เป็นแนวระบบที่แปลกใหม่ดี ปกติแนวนี้คนที่มีระบบติดตัวจะต้องเก่ง+เหนือกว่าอีกฝั่งใช่ปะเพราะมีระบบคอยช่วย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่อะ ขนาดได้ย้อนกลับมาอีกรอบ+รู้เหตุการณ์ในชาติที่แล้ว+มีระบบติดมาด้วย แต่ก็ยังบ้งแล้วบ้งอีกพลาดแล้วพลาดเล่า มีระบบก็เหมือนไม่มีเพราะไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยย🤣 ไม่รู้จะสงสารหรือขำดี... พี่สาวก็พยายามจะแย่งคนเก่งๆ ที่เคยติดตามนางเอกในชาติก่อนมาเป็นของตัวเอง เช่นคนทำบัญชี สาวใช้ข้างกายนางเอก ตอนแรกนางเอกก็ไม่รู้หรอก แต่ตัวพี่สาวแสดงออกชัดเกินจนนางเอกจับพิรุธได้ หรือพยายามจะขโมยผลงานเพลงของนางเอกที่โด่งดังในชาติก่อนมาเป็นของตัวเองแต่ก็ถูกนางเอกรู้ก่อน น้องเลยดัดแปลงทำนองให้มันเล่นยากๆ ทีนี้พอเล่นไม่ได้อิพี่ก็ไปขอให้ระบบช่วย วันงานจริงถูกนางเอกเปิดโปงเรื่องขโมยเพลง อิพี่ก็โยนขี้ให้สาวใช้แล้วขอให้ระบบช่วยต่อ กะจะพลิกสถานการณ์แต่สุดท้ายก็แพ้อยู่ดี นี่ขนาดนางเอกไม่มีระบบช่วยไม่ได้รู้อนาคตนะ (แต่มีพระเอกแอบช่วย55) ...นานวันอิพี่ก็ยิ่งพึ่งแต่ระบบ คิดไรไม่ออก+มีปัญหาก็หันหน้าเข้าระบบอย่างเดียว นับวันยิ่งถลำลึก เริ่มก้าวเข้าสู่ด้านมืดขึ้นเรื่อยๆ 

วางแผนทำลายชื่อเสียงนางเอก กะให้ได้เสียกับท่านอ๋องคนหนึ่ง แต่นางเลือกคนมาช่วยผิด ไปเลือกพระเอก เพราะนางไม่รู้ว่าพระเอกเป็นใครไง นึกว่าเป็นผู้หญิงและเป็นอนุจริงๆ แถมคนที่นางให้ไปสืบประวัติพระเอกก็เป็นคนของพระเอกเองอีก(ก็ไอคนเก่งๆ ที่นางแย่งเขามานั่นแหละ) พระเอกเลยรู้หมดว่านางกำลังทำอะไร แถมไอ้วิชาสะกดจิตที่ระบบให้มาก็ใช้กับพระเอกไม่ได้ด้วย(แต่นางนึกว่าได้ แต่จริงๆ การสะกดจิตใช้กับพวกจิตแข็งไม่ได้) นางก็คิดเองเออเองว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตัวเองแล้ว แต่จริงๆ อยู่ในการควบคุมของพระเอกต่างหากล่ะ55 ...ทั้งเรื่องที่วางยาย่าทวด คือพี่สาวถูกส่งไปอยู่วัด นางอยากกลับมา เลยให้สาวใช้เอายาพิษจากระบบกลับไปวางยาย่า เพราะเดี๋ยวพอย่าป่วยก็ต้องเรียกหานาง แต่สาวใช้ก็คนของพระเอกอะ นางเลยเอายาพิษไปให้พระเอกแทน พระเอกก็แบบดีจังเว้ย อยู่เฉยๆ ก็มีคนเอายาพิษดีๆ มาให้ถึงที่เลย55 ...(พระเอกรู้เรื่องที่ตัวพี่สาวมีระบบแล้วนะ นางเอกบอก แต่น้องไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองตายเพราะถูกพี่สาววางยาพิษ) 

ต่อมาอิพี่ก็อยากบงการเรื่องการแต่งงานของนางเอก แต่ไม่รู้จะใช้วิธีไหน เพราะคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจคือพ่อนางเอก แล้วพ่อก็รักนางเอกมากยืนอยู่ข้างลูกสาวตลอด อิพี่เลยคิดจะหาฮูหยินใหม่ให้บ้านรอง ยอมทำร้ายความรู้สึกแม่ตัวเอง(ฮูหยินบ้านใหญ่) สะกดจิตย่าให้ช่วย(เพราะย่าไม่ชอบคนที่ตัวเองเลือก) วางแผนให้พ่อได้เสียกับคนนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ(อีกแล้วว) แต่ย่าทวดก็ยังจะให้พ่อนางเอกรับอีกฝ่ายเข้ามาเป็นอนุให้ได้ เพราะสิ่งที่ย่าทวดปรารถนาต้องการมากที่สุดก็คือให้บ้านใหญ่มีทายาทสืบทอด ให้พ่อนางเอกมีลูกเยอะๆ เพราะหลังแต่งแม่นางเอกเข้ามาพ่อก็ไม่มาบ้านใหญ่อีกเลย อยู่กับแม่นางเอกตลอด เลยทำให้บ้านใหญ่ไม่พอใจ ย่าทวดเลยวางแผนแยกพ่อแม่นางเอกออกจากกัน เรียกแม่นางเอกมาปรนนิบัติดูแลตัวเองจนดึกดื่นไม่ได้กลับเรือน เพื่อบีบให้พ่อนางเอกไปใช้เวลาอยู่กับบ้านใหญ่ ปากเรียกว่าปรนนิบัติแต่จริงๆ คือการทรมาน ทำให้แม่นางเอกเหนื่อย+ไม่ได้พักผ่อน แล้วสุดท้ายก็ล้มป่วยจนเสียชีวิต ...

เรื่องนี้พระเอกค่าตัวไม่แรง ออกมาเร็ว แล้วก็อยู่กับนางเอกแทบจะตลอดเวลา นางเอกมารู้ว่าพระเอกเป็นผู้ชายก็ตอนหลังกลับมาอยู่บ้านเดิมแล้ว รู้เพราะพระเอกจงใจเฉลย ไม่งั้นน้องก็คงไม่รู้ต่อปายย แต่พระเอกยังไม่ยอมบอกชื่อและฐานะที่แท้จริงนะ สัญญาว่าวันหนึ่งจะบอก หลังรู้ว่าพระเอกเป็นผู้ชายนางเอกก็ยังสนิทกับพระเอกเหมือนเดิม ไม่ได้ตีตัวออกหาก พระเอกก็เห็นนางเอกเป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนตัว ใครจะรังแก+แตะต้องไม่ได้ ส่วนพ่อนางเอกแรกๆ เห็นสองคนนี้สนิทกันก็ไม่ได้คิดอะไร(นึกว่านางเอกยังไม่รู้) แต่พอรู้ก็ไปคุยกับพระเอกตรงๆ เลย คือพ่อไม่อยากให้นางเอกแต่งเข้าราชวงศ์ ไม่อยากให้แต่งกับพระเอก เพราะรู้ว่าสายเลือดตระกูลนี้มีปัญหา พระเอกนึกถึงความฝันที่นางเอกตาย บวกกับยังไม่รู้ว่าตนจะชิงบัลลังก์สำเร็จไหม เลยยอมปล่อยมือตามที่พ่อขอ... 

ปกติไม่ค่อยอ่านแนวระบบเท่าไรแต่เรื่องนี้อ่านแล้วติดแฮะ เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามดี นางเอกใส่ซื่อ(กับพระเอก) แต่ไม่ได้โง่ เวลาเจอพี่สาวหรือพวกบ้านใหญ่ก็รับมือได้ ไม่หลงกลไม่เสียเปรียบ มีวิธีตอบโต้แบบนิ่มๆ แต่ทำให้คนเถียงไม่ออก อย่างตอนที่พวกบ้านใหญ่ใช้มุกเดิม สั่งให้นางเอกมาดูแลย่าทวดตอนกลางคืนเหมือนที่แม่นางเอกเคยทำ นางเอกก็ 'ตั้งใจ' ดูแลจนป่วน ทำเสียงดังๆ ปลุกให้ทุกคนตื่น แบบถ้าชั้นไม่ได้นอนใครก็อย่าหวังจะได้นอน จนสุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าเรียกให้นางเอกมาดูแลย่าทวดอีก ...55

ในเล่ม 4 พี่สาวนางเอกได้รับพระราชทานสมรสให้แต่งกับท่านอ๋อง แต่นางไม่อยากแต่งจ้า นางรู้ว่าเดี๋ยวปีหน้าพระเอกก็จะยกทัพมา พวกอ๋องอะไรก็ต้องตายหมด นางจะแต่งให้โง่รึ แต่งไปก็เป็นหม้ายสิ นางเลยไปปรึกษาระบบ(again) อิระบบก็ชักจูงให้นางวางยาคนในบ้าน ถ้ามีคนตายนางจะได้ไว้ทุกข์และมีข้ออ้างยกเลิกงานแต่งไง ...ตอนจัดงานศพ นางเอกเกิดระแคะระคายสงสัยอิพี่เลยไปบอกพ่อกับพวกผู้อาวุโสในตระกูล พี่สาวกลัวถูกจับได้เลยยอมไปเป็นชายารองของอ๋องอีกคน กะว่าพอตัวเองมีฐานะสูงคนในตระกูลจะได้ไม่กล้าทำไร แล้วนางก็เอาข้อมูลการยกทัพของหลางหยาอ๋องหรือพระเอกไปบอกท่านอ๋องจนได้รับความโปรดปราน ในเมื่อเป็นฮองเฮาของหลางหยาอ๋องไม่ได้ เช่นนั้นนางก็จะทำลายแผนของอีกฝ่ายแล้วช่วยให้ฮ่องเต้คนใหม่ได้บัลลังก์แทน... แถมจนจบเล่ม 4 พี่สาวก็ยังไม่รู้เลยว่าหลางหยาอ๋องอยู่ข้างกายนางเอกมาตลอด เขาเจอกันนานแล้วจ้าสาว

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ซ่อนกลิ่น เล่ม 1-4

 


ซ่อนกลิ่น เล่ม 1-4 (5 เล่มจบ)

ผู้แต่ง : ขวงซั่งจยาขวง

ผู้แปล : เฉินซี

สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

อีกผลงานของท่านขวงซั่งจยาขวง เรื่องนี้นางเอกไม่ความจำเสื่อมไม่ได้ตาบอด ไม่ได้ย้อนเวลา หรือทะลุมิติมานะจ๊ะ...แต่บ้านนางเอกถูกคนใส่ร้าย คนในครอบครัวตายหมด นางเอกถูกบ่าวรับใช้ชราพาหนีแต่ระหว่างทางกลับถูกลักพาตัวและถูกพาไปขาย(หลายทอด) แล้วสุดท้ายก็ถูกขายไปเป็นสะใภ้เด็กให้กับครอบครัวยากจนในชนบท มีแม่สามีใจร้ายที่ชอบด่าชอบทุบตี แถมยังจิกหัวใช้ให้ทำงานสารพัด ส่วนว่าที่สามีก็พิการทางสมองพึ่งพาอะไรไม่ได้ แต่นางเอกก็ไม่เคยหมดหวังหรือมองโลกในแง่ร้าย ยังพยายามคิดหาทางหนีอยู่ตลอด 

วันหนึ่งขณะที่กำลังทำงานอยู่ข้างนอกน้องก็ได้เจอกับคุณชายผู้สูงศักดิ์ หรือพระเอกที่บังเอิญผ่านมาแถวนั้นพอดี จากนั้นก็ใช้อุบายทำให้แม่สามีได้เข้าไปทำงานที่ตระกูลพระเอก เพราะพอแม่สามีไม่อยู่น้องจะได้หาทางหนีได้สะดวกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้หนีน้องก็จับพลัดจับผลูถูกคนพาไปเล่นละครสวมรอยเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเซิ่งซะก่อน คุณหนูตระกูลขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงว่าที่ชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องที่หนีตามคนรักไป

พระเอก เฉิงเทียนฟู่ คุณชายสี่ตระกูลเฉิงเป็นญาติผู้พี่ของ เซิ่งเซียงเฉียว คุณหนูใหญ่ตระกูลเซิ่งที่หนีตามคนรักไป พระเอกเห็นนางเอกมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับญาติผู้น้องที่หนีไปเลยคิดให้นางเอกมาสวมรอยเป็นญาติผู้น้องชั่วคราว เพราะญาติผู้น้องคนนี้มีสัญญาหมั้นหมายกับคนในราชวงศ์เป็นสมรสพระราชทาน หากถูกจับได้ว่าคนไม่อยู่นอกจากชื่อเสียงของคนหนีจะเสียหายก็ยังจะทำให้ที่บ้านเดือดร้อนตามไปด้วย ...ขนาดบ้านฝั่งพ่อพระเอกที่เป็นญาติเกี่ยวดองพอรู้ข่าว ลุงพระเอกที่เป็นพี่ชายพ่อยังไปยุให้น้องชายตัวเอง(พ่อพระเอก) หย่ากับแม่พระเอกก่อนเลย เพราะกลัวตระกูลตัวเองจะโดนลูกหลงตามไปด้วย พ่อพระเอกก็เฮงซวย หูเบา คล้อยตามพี่ชาย ปล่อยให้พี่สะใภ้ไปกล่อมเมียตัวเองให้ยอมหย่า ส่วนตัวเองก็หนีปัญหาหลบไปที่อื่น... เหอๆ

อ่านๆ ไปจะโมโหกับนิสัยพ่อพระเอก คือเป็นผู้ชายที่ทุเรศมากกกก ขี้ขลาด หูเบา ชอบหนีปัญหา แต่ดันมักใหญ่ใฝ่สูงทะเยอทะยาน ทว่าก็ไม่คิดจะใช้ความสามารถของตัวเอง กลับเลือกเกาะชายกระโปรงผู้หญิงเอา มีดีแค่หน้าตากับบ้านรวยสองอย่างแค่นั้น ตอนสมัยหนุ่มที่แต่งกับแม่พระเอกก็เพราะหวังพึ่งพาตระกูลฝั่งเมียเลยปฏิเสธผู้หญิงอีกคนที่มาชอบ บ้านพ่อพระเอกเป็นตระกูลพ่อค้ารากฐานยังไม่แน่น เพิ่งมีพ่อพระเอกเป็นขุนนางคนแรกแต่ตำแหน่งก็ไม่ได้สูงเท่าไร ส่วนบ้านแม่พระเอกแม้จะเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่แต่ก็ค่อยๆ ถดถอยลงเพราะรุ่นลูกหลานไม่ได้สร้างผลงานอะไรต่อ 

ส่วนบ้านฝั่งผู้หญิงที่เคยมาชอบกลับรุ่งเอาๆ เพราะมีคนในตระกูลเป็นถึงฮองเฮา หลังปั๋วเขาตายสองคนนี้ก็ไปแอบกุ๊กกิ๊กได้เสียกันจนผู้หญิงตั้งท้อง แล้วสุดท้ายก็มาขอร้องให้แม่พระเอกยอมรับขอให้อีกฝ่ายแต่งเข้ามาแบบผิงซี(มีฐานะทียบเท่าภรรยาเอก) เพราะผู้หญิงมีป้าเป็นถึงฮองเฮามีหรือจะยอมเป็นแค่อนุ! แม่พระเอกก็ขี้ใจอ่อน เชื่อคนง่าย ห่วงอนาคตลูกเลยตอบตกลง แต่พระเอกไม่ยอม เอาเรื่องนี้ไปปรึกษายาย(ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเซิ่ง) ยายก็ไม่ยอม พยายามจะพาตัวแม่พระเอกกลับมาแต่แม่ก็ไม่ยอมกลับ พระเอกไปหาก็เจอคนบ้านพ่อสกัดไม่ให้เข้า ยายก็เลยส่งนางเอกไปกล่อม(ยายไม่รู้ว่านางเอกเป็นตัวปลอม) ส่วนพระเอกเห็นนางเอกฉลาดเจ้าเล่ห์เลยบอกให้ช่วยหาทางพาแม่ตัวเองออกมาหน่อย ถ้าสำเร็จเดี๋ยวให้เงิน นางเอกเลยตกลงเพราะน้องต้องการสะสมเงินไว้ใช้ในยามหนีพอดี 

พอไปถึงนางเอกก็พยายามยกตัวอย่างนั่นนู่นนี่พูดข้อดีข้อเสียให้แม่พระเอกฟัง แต่แม่พระเอกก็ยังไม่เปลี่ยนใจ สุดท้ายน้องเลยออกอุบายหลอกให้แม่พระเอกไปเอาของที่รถม้า จากนั้นก็ผลักคนขึ้นรถแล้วบังคับพาตัวกลับมา55 (คนใช้ที่ตามมากำลังอึ้งเลยขวางไม่ทัน55) ...ฉากตอนสองบ้านมาเจอกันมันมาก เพราะการจะแต่งแบบผิงซีได้นั้นจะต้องให้คนของบ้านเมียเอกอนุญาตด้วย ฝั่งบ้านพ่อรู้ว่ายายพระเอกต้องไม่เห็นด้วยแน่นอนเลยไปหาลุงพระเอกหรือพี่ชายแม่ที่กล่อมง่ายกว่า แต่พอกล่อมลุงพระเอกจนสำเสร็จก็มาพบว่าแม่พระเอกถูกพาตัวกลับบ้านไปแล้ว55 เลยต้องตามกันไปเคลียร์ที่บ้านยายพระเอกเอา ยายพระเอกเป็นอดีตคุณหนูใหญ่จากตระกูลแม่ทัพขนาดฮ่องเต้ยังต้องเกรงใจ อิฝั่งพ่อเลยต้องให้พ่อเมียใหม่ซึ่งเป็นพี่ชายฮองเฮามาช่วยออกหน้าพูด ...สุดท้ายก็จบด้วยการที่แม่พระเอกขอหย่าและพาพระเอกกับน้องสาวออกจากตระกูลปั๋วมาอยู่บ้านยาย ตกลงกันว่าเรื่องของลูกๆ พ่อจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งหรือตัดสินใจอีกต่อไป และก็ให้พ่อพระเอกแบ่งสมบัติให้ลูกเลย พอต้องแบ่งสมบัติฝั่งลุงพระเอกก็ยึกยักจะไม่ยอม พอถึงตอนแบ่งก็หมกเม็ดให้ไม่ครบ พระเอกเลยต้องออกโรงมานั่งดีดลูกคิดคำนวณเอง เมียใหม่พ่อพอรู้จำนวนทรัพย์สินที่พระเอกกับน้องได้ก็โกรธแค้น วางแผนว่าสักวันจะต้องฮุบเอาทุกอย่างคืนมาทั้งหมด...

นางเอกฉลาดเจ้าเล่ห์ เก่งแทบจะรอบด้าน เพราะลำบากมาเยอะเลยโตเกินวัยรู้จักมองสีหน้าคน ยิ่งมาปลอมตัวเป็นคนอื่นก็ยิ่งต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง+อย่างหวาดระแวง เพราะกลัวว่าหลังเสร็จงานเดี๋ยวพ่อว่าที่คู่หมั้นปลอมๆ จะสั่งเก็บ เพราะท่านอ๋องหรือพ่อว่าที่คู่หมั้นปลอมๆ เป็นคนโหดเหี้ยมมาก สังหารคนตาไม่กะพริบ ทะเยอทะยานอยากได้ตำแหน่งฮ่องเต้ แม้จะรู้ว่าคู่หมั้นลูกตัวเองหนีไปแล้วแต่ก็ไม่คิดจะล้มเลิกการหมั้น แต่กลับเห็นด้วยกับแผนปลอมตัว เพราะคิดว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับการหมั้นหมายนี้ เลยส่งองครักษ์ตัวเองและมามาในจวนตามไปคุมประกบนางเอกเพื่อไม่ให้นางหลบหนีและสอนสิ่งต่างๆ เพื่อไม่ให้เผยพิรุธ 

คือฮ่องเต้ยังฝังใจกับรักครั้งเก่าที่ไม่สมหวังเมื่อสมัยหนุ่ม พอเห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเซิ่งมีหน้าตาคล้ายกับคนรักเมื่อตอนนั้น ก็เลยอยากจับคู่ให้หลานตัวเองกับคุณหนูใหญ่เซิ่งเพื่อเติมเติมตวามปรารถนาในใจตน หารู้ไม่ว่าเด็กสองคนไม่ถูกกันเลย คุณหนูใหญ่เซิ่งอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจ ส่วนหลานตัวเองก็เจ้าชู้เสเพล+เอาแต่ใจพอๆ กัน ... คุณหนูเซิ่งคนเก่าเป็นคนอารมณ์ร้อนโมโหร้ายระเบิดง่ายเหมือนประทัด ต่างจากนางเอกที่ใจเย็น สุขุม รู้ภาษา ว่าง่ายเชื่อฟัง (ก็มันไม่ใช่บ้านตัวเอง ก็ต้องอยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตัวสิเนาะ) แต่บางครั้งนางเอกก็ต้องเลียนแบบนิสัยคุณหนูเซิ่งคนเก่าบ้างเพื่อให้สมบทบาท เลยต้องแสร้งทำตัวโมโหร้ายเอาแต่ใจเป็นบางที เพราะปุบปับเปลี่ยนเลยเดี๋ยวคนจะสงสัย จะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่านางเอกเป็นตัวปลอม คนส่วนใหญ่ในบ้านจะไม่รู้ นึกแค่ว่าคุณหนูใหญ่คงได้รับบทเรียนหลังจากหนีออกจากบ้านนิสัยเลยเปลี่ยน ...

เล่มแรกๆ ก็จะเป็นเรื่องในบ้าน เรื่องหย่าของพ่อแม่พระเอก เรื่องในบ้านตระกูลเซิ่ง คือหลังพ่อแม่หย่าพระเอกก็ได้พวกร้านรวงต่างๆ แบ่งมาด้วย พอดีมีร้านยาพระเอกเลยยกให้นางเอกดูแล ลุงพระเอกก็อยากได้ร้านที่แบ่งออกไปคืนเลยจงใจสร้างความลำบากให้หลาน เพราะคิดว่าพระเอกยังเด็กไม่มีประสบการณ์ไม่เคยทำการค้า คงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมกลลวงหรอก คิดจะเล่นงานร้านยาพระเอก แต่นางเอกพบพิรุธก่อนเลยเจอซ้อนแผนคืน สุดท้ายลุงถูกจับเข้าคุก พอไปขอให้เมียใหม่พ่อพระเอกช่วย(เพราะเส้นใหญ่) แต่คนเขาก็ไม่ยอมช่วยเปล่าๆ จะขอร้านค้า 5 ร้านเป็นค่าตอบแทน สุดท้ายลุงกับป้าสะใภ้ก็มานั่งเสียใจที่หลัง ไม่น่ายุให้พ่อพระเอกหย่ากับเมียคนเก่าเลย...สม

ส่วนฝั่งบ้านตระกูลเซิ่งก็เกือบซวยเพราะอนุในบ้าน คืออนุหวังว่าสักวันตัวเองจะได้เลื่อนขั้นถูกยกเป็นภรรยาเอก แต่พ่อปลอมๆ นางเอกกลับแต่งงานใหม่ซะงั้น อนุก็อิจฉาริษยา พอฮูหยินคนใหม่ตั้งครรภ์นางเลยวางแผนจะทำให้ฮูหยินคนใหม่หมดความโปรดปรานและถูกสามีรังเกียจ ซึ่งความจริงอนุก็ถูกคนอื่นวางแผนยืมมือมาอีกต่อแหละ ซึ่งคนอยู่เบื้องหลังจะใครที่ไหนล่ะ...ก็เมียใหม่พ่อพระเอกไงจ๊ะ ตามราวีไม่เลิกราจริงๆ ตอนแรกก็จงใจทำให้เมียใหม่พ่อนางเอกเลือกแบบรูปน้ำแข็งผิด หลังจากนั้นก็ส่งคนไปทำลาย แต่นางเอกก็แก้เกมทัน ใช้โอกาสนี้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อีกแล้ว สะใจ55 ...ทำให้ฮ่องเต้ปลื้ม แต่ท่านอ๋อง(พ่อว่าที่คู่หมั้น) ดันมิปลื้มมมด้วยนี่สิ

อิท่านอ๋องนี่ก็พยายามบีบให้พ่อปลอมๆ นางเอกมาเข้าพวกร่วมทำเรื่องไม่ดีด้วยกัน แต่พ่อนางเอกขี้กลัวไม่อยากทำ เลยพยายามหนี+บ่ายเบี่ยงมาตลอด หลังๆ เริ่มบีบมากพ่อปลอมๆ เลยตัดสินใจจะส่งนางเอกออกไปไม่ให้สวมรอยต่อแล้ว เพราะไม่อยากอยู่ฝ่ายเดียวกับท่านอ๋อง อีกอย่าง ตระกูลเซิ่งก็เป็นกลางไม่เข้าฝ่ายไหน จงรักภัคดีต่อฝ่าบาทเท่านั้น ...พระเอกเลยจะส่งนางเอกขึ้นเรือให้ไปอยู่ที่อื่นไม่ให้กลับมาที่เมืองหลวงอีก แต่นางเอกยังอยากอยู่เมืองหลวงต่อเพื่อล้างแค้นให้ครอบครัวตัวเอง น้องเลยแอบหนีไประหว่างทาง แต่ก็มีเหตุให้ต้องกลับมา เพราะบ้านตระกูลเซิ่งเกิดเรื่องขึ้น

ตอนนี้แหละจะได้เห็นความเข้าข้างถือหางลูกของฮ่องเต้ ส่วนคนที่เป็นเหยื่อก็ได้แต่อดทนอดกลั้นยอมถอย น่าชื่นอกตรม ทั้งๆ ที่รู้ว่าใครทำ+ใครคือผู้ร้ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน หลังตระกูลเซิ่งเกิดเรื่อง ฮูหยินผู้เฒ่าเลยได้รู้เรื่องที่นางเอกมาสวมรอยเป็นหลาน และได้รู้ว่านางเอกเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ซึ่งในเล่ม 1 จะไม่มีพูดถึงชื่อจริงของนางเอกเลย เรียกแต่ยายหนูกับชื่อของคุณหนูที่มาสวมรอย ส่วนชื่อของนางเอกจะไปเฉลยในเล่ม 2 

ความจริงนางเอกเป็นบุตรสาวตระกูลหลิ่ว พ่อเป็นทั่นฮวาทำงานเกี่ยวกับตรวจสอบเกลือ ส่วนครอบครัวแม่เป็นหมอ ยายนางเอกก็เคยเป็นนางข้าหลวงอยู่ในวัง พ่อนางเอกเป็นขุนนางน้ำดีซื่อตรง+ซื่อสัตย์สุจริต เพราะตรวจพบเรื่องทุจริตเกี่ยวกับภาษีเกลือเลยทำให้ถูกคนใส่ร้าย บ้านแตกสาแหรกขาด ส่วนบ้านท่านยายก็ประสบเคราะห์ล้มหายตายจากไปเช่นกัน ...ตระกูลเซิ่งก็เกือบซ้ำรอย สุดท้ายฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเลยตัดสินใจพาคนในครอบครัวออกจากเมืองหลวงกลับไปอยู่บ้านบรรพบุรุษ

พระเอกก็เปลี่ยนจากบุ๋นเป็นบู๊ ไม่สอบเข้ารับราชการ เพราะตอนนี้ตระกูลฝั่งแม่เลี้ยงกำลังมีอำนาจ สอบติดไปยังไงก็โดนกด พระเอกเลยไปเป็นทหารเข้าร่วมกองทัพ กระทั่งผ่านไป 3 ปีก็ได้กลับมาพร้อมกับความดีความชอบและตำแหน่งแม่ทัพ จากนั้นก็พาทุกคนกลับเมืองหลวง ...พอพระเอกได้ดีอิพ่อก็อยากให้ลูกกลับมา รู้ว่าพระเอกคงไม่ยอมเลยไปป่วนเรื่องการแต่งงานของน้องสาวพระเอกแทน เพราะรู้ว่าพระเอกรักแม่กับน้องมาก อิพ่อก็ไปโวยวายบ้านฝ่ายชาย หาข้ออ้างมาขู่จะยกเลิกงานแต่งเพื่อบีบให้พระเอกกลับตระกูล ตัวเมียใหม่พ่อก็อยากได้สมบัติน้องสาวพระเอกเลยไปวางแผนให้หลานตระกูลตัวเองมาตามจีบน้องสาวพระเอก จนเกือบทำให้น้องพระเอกคิดสั้นฆ่าตัวตาย พระเอกเลยไปอาละวาดที่บ้านพ่อ แต่เมียใหม่พ่อก็หาเข็ดหลาบไม่ ...มีแผนชั่วใหม่ๆ ผุดมาตลอด ทั้งๆ ที่บ้านแม่พระเอกก็ไม่เคยไปยุ่งอะไรด้วยก่อนเลย 

ฮองเฮาก็ร้ายเหมือนหลานสาว บอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นก็ไม่เกินจริง อยู่ข้างนอกมีแม่เลี้ยงพระเอกคอยคิดแผนชั่วจ้องทำร้าย พอเข้าวังไปก็มีฮองเฮาคอยจ้องอีก...โอ้ยยยหนอชีวิต ฮ่องเต้ก็เหมือนจะดีแต่ถ้าคนทำผิดเป็นคนในครอบครัวตัวเองก็ปล่อยเบลอไม่เด็ดขาด ดีแล้วที่ยายนางเอกหันหลังออกจากวังอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะฮ่องเต้เรื่องนี้ห่วงหน้าตาชื่อเสียงมากกว่าสิ่งใด เดี๋ยวรอดูในเล่ม 5 ตอนรู้เรื่องที่ลูกคนโตทำได้เลย ยังจะปล่อยเบลอได้อีกมั้ย...หึหึ

เขียนยาวมากยังไม่ได้พูดเรื่องความรักของพระนางเลย55 พระเอกเป็นฝ่ายชอบและสารภาพรักก่อน คอยช่วยเหลือและตามแก้ปัญหาหลายอย่างให้นางเอกโดยไม่บอก เน้นทำไม่เน้นพูด แต่ขี้หึงเป็นที่หนึ่งนะ55 ส่วนนางเอกแม้จะชอบพระเอกหรือญาติผู้พี่ปลอมๆ คนนี้เหมือนกันแต่ก็ไม่กล้าตอบรับ มีแต่ต้องปฏิเสธ เพราะนางอยู่ตระกูลเซิ่งมานานเลยเข้าใจนิสัย+ความคิดทุกคนในบ้านดีเกิน รู้ว่าแม่พระเอกจะต้องโกรธไม่ยอมรับ ท่านย่าก็อาจจะเสียใจ ไหนจะน้องสาวคุณหนูใหญ่เซิ่งที่แอบชอบพระเอกอีก สรุปคือมีแต่ปัญหา นางเอกไม่อาจเป็นคนอกตัญญูทำร้ายจิตใจทุกคนได้ น้องเลยคิดจะจากไปเอง แต่พระเอกดันรู้ทันความคิดน้องเลยชิงจากไปก่อน55 ...

พระเอกไปยั่วโมโหฮ่องเต้ตอนสอบหน้าพระที่นั่ง(พอบ้านเมืองสงบ พระเอกก็ละทิ้งตำแหน่งแม่ทัพมาสอบสายบุ๋นต่อ) เลยถูกส่งไปรับตำแหน่งนายอำเภอในสถานที่ทุรกันดาร เป็นอำเภอที่ไม่มีใครอยากไปเพราะมีแต่ปัญหา คนที่ถูกส่งไปมักอยู่ไม่ค่อยยาว แบบตายมากกว่าอยู่ นางเอกเห็นท่านย่า+แม่พระเอกพากันทุกข์ใจเป็นห่วงกลัวพระเอกจะไม่ได้กลับมาแบบมีชีวิต บวกกับรู้สึกผิดคิดว่าที่พระเอกทำแบบนี้เพราะถูกตัวเองปฏิเสธ แถมจดหมายที่ส่งมาก็ลายมือไม่เหมือนเดิมเลยนึกว่าพระเอกบาดเจ็บด้วย ก็เลยแอบเดินทางไปหาพระเอกโดยไม่บอกใคร พอไปอยู่นู่นนางเอกก็ยอมโอนอ่อนไปตามพระเอก ใช้ชีวิตหวานชื่นเหมือนคู่รัก มีกอดมีจูบแต่ไม่มีไรเกินเลยไปมากกว่านั้น จนทำให้พระเอกคิดว่านางเอกยอมตกลงที่จะแต่งกับตนเองแล้ว ...แต่พอพระเอกเดินทางกลับไปรายงานผลงานในเมืองหลวงถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดเองเออเองทั้งนั้น ไม่ว่ายังไงนางเอกก็ยังคิดที่จะจากไปอยู่ดี ...ทำไงได้ก็คุณหนูเซิ่งตัวจริงกลับมาแล้ว แม้พระเอกจะพยายามปกปิดไว้แต่สุดท้ายนางเอกก็รู้อยู่ดี เลยยิ่งทำให้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะจากไป ...เฮ้อออ

เราว่าเรื่องนี้ครบรสมากเลยนะ ทั้งเรื่องหลังบ้าน นอกบ้าน การเมือง การแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก เรื่องหลังบ้านนี่ฟาดกันมันเลยทั้งในบ้านนอกบ้านจนไปถึงในวัง ท่านอ๋องก็เวว ฮองเฮาก็ร้าย สงสารก็แต่ขุนนางดีๆ ชาวบ้านตาดำๆ ที่ต้องมารับเคราะห์ ไม่รู้ว่ามันต้องหนักขนาดไหนหรือมีหลักฐานแน่นหนาขนาดไหนฮ่องเต้ถึงจะยอมลงมือเด็ดขาดสักที ...

ปมในเรื่องผูกได้ดีชวนให้ติดตาม อ่านแล้วไม่สะดุด สมเหตุสมผลมีที่มาที่ไป ปมจะค่อยๆ เปิดไปทีละเรื่องไม่ได้มาแบบรวบรัดตู้มเดียว ความรักของพระนางก็เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ใช้เวลาก่อตัวขึ้น พระนางฉลาดเป็นคนมีเหตุผลด้วยกันทั้งคู่ นางเอกเก่งทั้งงานในเรือนนอกเรือน ทั้งเรื่องการค้า หาเงินเก่ง วิชาแพทย์ก็ได้ ส่วนพระเอกก็ได้หมดทั้งบุ๋นทั้งบู๊ ...ในเล่ม 4 มีสงครามก่อกบฏ พระเอกเลยต้องกลับมารับตำแหน่งแม่ทัพอีกครั้ง มีคนเล่นตุกติกกับยาที่ส่งไปให้ทหารในแนวหน้าใช้ นางเอกเลยต้องออกโรงช่วยอีกแว้ว เพราะน้องเป็นคนแรกที่ค้นพบเรื่องนี้ ...เราว่าสนุกจริงๆ นะมีอะไรใหม่ๆ มาให้ลุ้นอยู่ตลอดเลย จบเรื่องนั้นเดี๋ยวก็มีเรื่องนี้ต่อ นักเขียนผูกปมดี ก็ได้แต่หวังว่าคราวนี้ฮ่องเต้จะเด็ดขาดยอมเฉือนทำลายเนื้อร้ายนี้ทิ้งสักทีนะ...

ป.ล. ชอบซื่อจื่อที่เป็นคู่หมั้นคุณหนูใหญ่เซิ่ง เป็นตัวละครที่ใสซื่อไม่ได้เลวร้ายหรือมีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนคนพ่อเลย ทั้งๆ ที่ครอบครัวเป็นแบบนั้น แต่กลับโตมาได้อย่างใสซื่อร่าเริงอย่างไม่น่าเชื่อ





วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567

ยอดเชฟคนนี้คือเบบี๋ของผม 2 เล่มจบ

 


ยอดเชฟคนนี้คือเบบี๋ของผม 2 เล่มจบ

ผู้แต่ง : หมิงเย่ว์ทิงเฟิง

ผู้แปล : ลีลรักษ์

ปก : Kanapy

สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ไม่ได้อ่านงานของท่านหมิงเย่ว์ทิงเฟิงมานานแล้วนะเนี่ย ปกติที่เอามาแปลเจอแต่แนวโบราณแต่พอมาอ่านแนวปัจจุบันก็สนุกดี ไม่จิ่สนุกมากกก 

นางเอกเรื่องนี้อ่อนกว่าพระเอก 7 ปี ไร้ญาติไร้บ้านแถมยังมีหนี้ก้อนโตติดตัว แต่น้องก็สู้ชีวิตมาก มีฝีมือในการทำอาหาร ก่อนจะได้เจอพระเอกน้องก็เปิดร้านอาหารหาเลี้ยงชีพมาก่อน แต่กิจการไม่ค่อยดีเพราะทำเลร้านไม่ดีอยู่ไกล+คนไม่ค่อยผ่าน ส่วนพระเอกเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีที่ทำแอปออกกำลังกาย บริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่ที่กำลังสร้างตัว ไม่ได้มีภูมิหลังใหญ่โตหรือบ้านรวยเวอร์ เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ท่านประธานเอาแต่ใจเผด็จการที่มีเงินให้ผลาญเป็นว่าเล่นเน้อ

พระนางได้เจอกันครั้งแรกตอนที่พระเอกมาช่วยงานแต่งเพื่อนสนิท แต่ระหว่างจัดงานเกิดปัญหานิดหน่อย(ไม่หน่อยแหละเจ้าสาวหนีงานแต่ง) พี่แกเลยได้แวะเข้าไปสั่งอะไรกินในร้านนางเอกที่อยู่แถวนั้นพอดี สะดุดกับชื่อเมนูไปสามวิเพราะนางเอกตั้งได้แบบ...55(ต้องลองไปอ่านเองจ้า) รอบแรกที่มาสั่งแต่น้ำ รอบสองถึงได้สั่งอาหาร พอได้กินแล้วก็ต้องยอมรับในฝีมือ แต่พอจะกลับมากินรอบที่สามร้านของนางเอกก็ไม่อยู่แล้ว ... หลังจากนั้นเขาก็ได้มาเจอกันอีกตอนที่พระเอกไปนั่งกินร้านปิ้งย่างกับเพื่อน นางเอกเป็นพนักงานอยู่ที่ร้านนั้น พระเอกเห็นน้องกำลังถูกลูกค้าลวนลามเลยเข้าไปช่วยและรอส่งกลับหอพัก 

ต่อมาบริษัทพระเอกเปิดรับสมัครแม่ครัวคนทำงานจิปาถะทั่วไป นางเอกก็มาสมัคร แต่พอพระเอกรู้ก็บอกให้ลูกน้องปฏิเสธ เพราะตอนนั้นพระเอกเข้าใจผิดคิดว่านางเอกเป็นพวกต้มตุ๋นชอบสร้างสตอรี่ให้คนสงสาร พระเอกไม่ชอบคนแบบนี้เลยไม่รับน้องเข้าทำงาน แต่มีวันหนึ่งพระเอกไปแอบได้ยินตอนน้องคุยกับคนอื่นถึงได้รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดไปมากกก นางเอกไม่ได้เสแสร้งสร้างสตอรี่แต่มันคือเรื่องจริง พ่อแม่นางเอกเสียจริง น้องอยู่คนเดียวไม่เหลือคนในครอบครัวแล้วจริงๆ ที่ตามหาตาก็เป็นเรื่องจริง พอรู้ว่าเข้าใจผิดพระเอกก็ให้ลูกน้องโทรไปจ้างนางเอกให้มาทำงานที่บริษัท แต่ตอนนั้นนางเอกได้งานที่อื่นแล้วเลยไม่ไป แต่พระเอกก็ให้ลูกน้องโทรไปใหม่ เสนอเงื่อนไขที่นางเอกต้องการเพื่อให้คนเขามาทำงานด้วย จริงๆ นางเอกแค่อยากได้ที่ทำงานที่มีที่พักให้ด้วยเท่านั้นเอง(จะได้ไม่เสียค่าเช่าห้อง) พอพระเอกรู้ก็จัดให้ สุดท้ายนางเอกเลยยอมมาทำงานที่บริษัทพระเอก(แต่ตอนนั้นน้องไม่รู้นะว่าบริษัทใคร)

นางเอกเป็นทั้งแม่บ้านแม่ครัว แม้จะเป็นงานบ้านๆ อยู่ตำแหน่งล่างสุดแต่น้องก็ตั้งใจทำและเอาใจใส่กับงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ใช่แค่ทำไปส่งๆ พอให้จบๆ เลยทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนในบริษัท ทำดีมากจนพระเอกต้องเตือน เพราะตอนนั้นคนในบริษัทจะขอให้นางเอกทำมื้อดึกเผื่อด้วย นางเอกก็ดี๊ดีไม่ปฏิเสธเลย จนพระเอกต้องมาจับเข่าคุยบอกว่าไม่ได้นะ ถ้าใครขออะไรแล้วไม่ปฏิเสธบ้างต่อไปถ้าเขาขอมื้อเช้าด้วยล่ะ จะให้อีกเหรอ ถ้าให้ไปเรื่อยๆ คนก็จะชินจะไม่มีที่สิ้นสุดนะ ต้องเอาแต่พอดีสิ นางเอกก็ก้มหน้ารับฟังและทำตามที่พระเอกบอก แต่ถึงยังไงทุกคนก็ยังชอบนางเอกมากอยู่ดี เพราะน้องจริงใจทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ แต่ถ้าดูเผินๆ หรือยังไม่สนิทกันน้องอาจจะดูเย็นชานิ่งๆ เหมือนหยิ่งเพราะหน้านิ่ง+พูดน้อย แต่ถ้าคลุกคลีด้วยบ่อยๆ จะรู้ว่าน้องจิตใจดี ซื่อๆ ขยันอดทน ใครเห็นต้องชอบใครอยู่ใกล้ต้องโดนตก

พระเอกเป็นฝ่ายชอบนางเอกก่อนแต่ไม่กล้ารุกมาก ได้แต่แอบช่วยเหลืออย่างระมัดระวัง เพราะรู้ว่าน้องมีปมในใจเลยกลัวว่าถ้าช่วยตรงๆ หรือสารภาพความรู้สึกเร็วไปจะทำให้น้องถอยหนีและทำตัวห่างเหินไม่เหมือนเดิม คือฐานะทางบ้านนางเอกไม่ดีมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนี้ยังไม่เหลือคนในครอบครัวอีก ไม่มีบ้านให้กลับ เรียนก็จบแค่ม.ปลาย แถมยังมีหนี้ก้อนโตติดตัว น้องเลยไม่อยากให้ใครมองตัวเองว่าน่าสงสาร ไม่อยากให้คนช่วยเหลือเพราะสงสาร ปกติน้องจะไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ใครฟัง แต่มีวันหนึ่งเมาเลยเผลอเล่าให้พระเอกฟัง พอเช้ามาเจอหน้ากันน้องเลยทำตัวสุภาพ(กว่าปกติ) และเว้นระยะห่างจากพระเอกทันที 

พระเอกดีงามคอยช่วยเหลือ+แนะนำสิ่งต่างๆ ให้กับนางเอกตลอด ทั้งเรื่องงานเรื่องการใช้ชีวิต เป็นแรงสนับสนุนคอยผลักดันช่วยให้นางเอกไปถึงฝั่งฝัน ถ้าไม่ได้เจอพระเอกคิดว่าคงอีกนานกว่านางเอกจะทำสำเร็จ การเจอพระเอกนี่ถือเป็นความโชคดีหรือจุดเปลี่ยนของชีวิตนางเอกเลยก็ว่าได้ แต่พระเอกไม่เคยไปบังคับหรือทำตัวเผด็จการอะไรนะ พี่แกมีแต่คอยชี้นำแนวทาง+ให้คำปรึกษาแล้วก็ปล่อยให้นางเอกตัดสินใจเอาเอง หนี้ก็ไม่ได้ใช้ให้นะเพราะรู้ว่านางเอกไม่เอาแน่ๆ แต่ถ้าท้อหรือสับสนก็จะคอยปลอบคอยอยู่ข้างๆ ดีงามฝุดๆ ต่างจากคู่รองอิท่านประธานต้วนลิบลับ55 คู่นั้นฮาร์ดคอร์มาก เห็นว่ามีเล่มแยกเป็นของตัวเองด้วยนา(อยากอ่านๆ ท่าจะมัน)

พระเอกรู้ว่านางเอกรักการทำอาหาร+ทำอาหารอร่อย เลยแนะนำให้นางเอกไปทำอาหารในงานวันเกิดแฟนเพื่อน จากนั้นก็ติดต่อไปหาบริษัทที่ทำไลฟ์สดทำพวกช่องออนไลน์ สนับสนุนให้นางเอกไปเป็นวล็อกเกอร์ทำอาหารออนไลน์ คอยช่วยนางเอกหาเส้นทางต่อยอดไปเรื่อยๆ ชีวิตนางเอกเลยดีขึ้นเรื่อยๆ ไปทำอาหารแบบเชฟส่วนตัวก็ปังลูกค้าชอบ เพราะอาหารที่น้องทำไม่ใช่แค่อร่อยแต่ยังมีความคิดสร้างสรรค์+แปลกแหวกแนว ไม่เพียงแต่ทำให้คนกินรู้สึกว่าอร่อย+รสชาติดี แต่ยังทำให้คนที่ได้กินมีความสุข คือสิ่งที่น้องทำมันไม่ใช่แค่อาหารแต่มันยังมีเรื่องราวมีความรู้สึกความทรงจำของคนกินอยู่ในนั้นด้วย น้องใช้ใจทำ รังสรรค์เรื่องราว+ความรู้สึกของคนกินออกมาเป็นอาหาร นอกจากจะอร่อยแล้วก็ยังทำให้คนกินเกิดความประทับใจจดจำได้ไม่รู้ลืม ส่วนช่องทำอาหารออนไลน์แรกๆ ยังไม่ค่อยปัง ต้องใช้เวลาคลำทางอยู่สักพักจนเจอรูปแบบสไตล์ที่เหมาะกับนางเอกจริงๆ แน่นอนว่าทุกอย่างล้วนมีพระเอกคอยช่วยและสนับสนุนอยู่เบื้องหลังทั้งทางตรงและทางอ้อม

ส่วนเรื่องรักๆ ของพระนางก็ไม่ได้ปล่อยให้เรารอนาน แม้ตอนแรกที่พระเอกสารภาพรักออกไปนางเอกจะอึ้งๆ พระเอกเลยบอกให้น้องกลับไปคิดดูก่อน แต่จริงๆ ใจน้องคือเทไปให้พระเอกเกือบหมดแล้ว เพียงแต่ขาดความมั่นใจ ก็เรามันจนแถมยังมีหนี้ จบก็ไม่สูง ในขณะที่พระเอกเป็นถึงประธานบริษัท อนาคตกำลังสดใส ทั้งหล่อทั้งฉลาด ครอบครัวเพื่อนฝูงดีหมด แฟนเก่าก็เลิศ น้องเลยกลัวว่าหากคบกับตัวเองจะทำให้พระเอกขายหน้า ทั้งฐานะการศึกษา+สภาพสังคมไม่เหมาะสมกันเลยสักนิด แต่สุดท้ายน้องก็ก้าวผ่านอุปสรรคในใจไปได้และตกลงคบกับพระเอก 

เรื่องความรักนี่นางเอกเป็นเหมือนผ้าขาวเลยนะ ไม่รู้ว่าต้องแสดงออกยังไง ช่วงแรกๆ บางครั้งเลยอาจเผลอทำร้ายจิตใจพระเอกไปบ้างโดยไม่รู้ตัว พระเอกก็ไม่พูด สุดท้ายเลยกลายเป็นการทำสงครามประสาทกัน55 นางเอกก็ไประบายความรู้สึกลงในแอคหลุม จากนั้นก็มีคนมาแนะนำวิธีการง้อแฟน นางเอกเลยเอาไปใช้แล้วก็สำเร็จด้วย55 ...พระเอกชอบมากกคอนเฟิร์มม55 หลังจากนั้นเวลามีอะไร(โดยเฉพาะเกี่ยวกับพระเอก) นางเอกเลยชอบไประบายที่แอคหลุม 

แต่ไม่ใช่แค่ฝั่งนางเอกนะที่มีเรื่องราวปัญหาฝั่งพระเอกก็มีเหมือนกัน คือพระเอกเป็นบริษัทสตาร์ทอัพใช่ปะ กำลังโตพนักงานยังมีไม่เยอะ พระเอกเลยต้องการเงินมาลงทุนเพื่อต่อยอดขยายกิจการ ทีนี้พอกำลังจะได้เงินทุนก็ดันถูกบริษัทอื่นตัดหน้าแย่งไป แต่ที่เจ็บมากกว่าเรื่องชวดเงินก็คือดันมาถูกคนกันเองแทงข้างหลังนี่แหละ แฟนเก่าพระเอกก็มากล่อมให้พี่แกกลับไปทำงานที่บริษัทเก่า แต่พระเอกไม่ไปไม่ยอมแพ้ เดี๋ยวหาเงินลงทุนแหล่งใหม่เอาก็ได้ จริงๆ แฟนเก่าคนนี้เกือบได้แต่งกับพระเอกแล้วนะ แต่พอพระเอกลาออกจากบริษัทเก่าที่เงินเดือนสูงมาเปิดบริษัทเองชีไม่โอเค ไม่เชื่อว่าพระเอกจะทำได้ คิดแต่ว่าพระเอกจะต้องล้มเหลว เอาแต่พูดแบบนี้ทุกวัน สุดท้ายเลยเลิกกัน 

เป็นแนวปัจจุบันที่ดีต่อใจมากก ความสัมพันธ์พระนางคือดี เรื่องฐานะการศึกษาอะไรที่นางเอกเคยกังวลสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลย พระนางเคมีโคตรเข้ากัน นางเอกน่ารักใสซื่อขี้อ้อน(กับพระเอก) ชอบหม้อมากกว่ากระเป๋าแบรนด์เนม ไม่อยากได้เสื้อผ้าสวยๆ หรือเครื่องสำอางแพงๆ ขอแค่ชุดเครื่องครัวดีๆ สักชุดก็พอ55 ...เนื้อเรื่องเรื่อยๆ แต่สนุกมากไม่น่าเบื่อ มีจุดพีคที่แบบต้องร้องเฮ้ย! และมีตอนที่แอบเสียน้ำตาเบาๆ ชอบที่ไม่ว่านางเอกจะทำอะไรพระเอกก็จะคอยสนับสนุนอยู่เคียงข้าง แม้ความฝันของทั้งคู่จะแตกต่างแต่เขาก็จับมือเดินไปพร้อมกันได้ ต่างคนต่างทำหน้าที่และทำความฝันของตัวเองไป เวลามีเรื่องอะไรไม่ว่าเล็กหรือใหญ่นางเอกก็มักเอามาเล่าให้พระเอกฟังเสมอ(ประหนึ่งเพื่อนสาว55) ไม่มีเรื่องมือที่ 3-4 ให้ต้องปวดใจเพราะพระเอกชัดเจนเคลียร์มาก ไม่มีพระรอง มีแต่คู่รองที่บอกเลยว่าท่าจะมัน55



วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2567

เมื่อผมเปิดคลินิกในวันสิ้นโลก 3 เล่มจบ

 


เมื่อผมเปิดคลินิกในวันสิ้นโลก 3 เล่มจบ

ผู้แต่ง : ชางไห่โหยวหลาน

ผู้แปล : มู่หลินเซิน

สำนักพิมพ์ FreesiaBook


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

แนวซอมบี้วันสิ้นโลก การกลายพันธุ์ ชอบตรงที่เรื่องนี้ซอมบี้สามารถกลับมาตระหนักรู้และใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ได้อีกครั้ง นายเอก เหวินชิงหลิง หนุ่มน้อยหน้ามนถูกลูกพี่ลูกน้องผลักไปเป็นอาหารในดงซอมบี้ ซ้ำยังใช้แท่งไม้ปักทะลุกลางอกซ้ำเพราะกลัวเขาจะไม่ตายจริง จากนั้นตัวคนทำก็หนีเอาตัวรอดไป ปล่อยให้นายเอกตายอนาถกลายเป็นซอมบี้

แต่สุดท้ายนายเอกกลับไม่ตายไม่ได้ขาดสติกลายเป็นซอมบี้เที่ยวไล่กัดคนอย่างที่คิด เพราะเลือดของนายเอกมีคุณสมบัติพิเศษทำให้เกิดการกลายพันธุ์ ทำให้นายเอกกลายเป็นซอมบี้ที่มีสติตื่นรู้ตัวแรกของโลก ร่างกายสัญชาตญาณแข็งแกร่งและเฉียบคมยิ่งกว่าตอนเป็นมนุษย์ที่มีพลังพิเศษซะอีก แถมพอกลายมาเป็นซอมบี้ก็ยังแข็งแกร่งและอยู่เหนือกว่าซอมบี้ทั่วๆ ไปรวมถึงซอมบี้ที่วิวัฒนาการแล้วด้วย (กลายเป็นป๊ะป๋าในหมู่ซอมบี้ไปเลย)

พอมีสติรู้ว่าตนเองยังไม่ตายนายเอกก็เดินทางกลับฐาน(จะไปฆ่าลูกพี่ลูกน้องที่ทำร้ายตัวเอง) แต่พอไปถึงกลับถูกคนในฐานไล่ฆ่าเพราะนึกว่าตนเป็นซอมบี้(ก็เป็นจริงๆ แหละ) อิลูกพี่ลูกน้องก็คอยเป่าหูคนในฐานให้ตามไล่ฆ่านายเอกเพราะกลัวเขาจะมาเอาคืน นายเอกเลยหนีกลับไปที่บ้านไปหาพ่อแม่(ที่เป็นซอมบี้แล้ว) โชคดีที่ตอนที่พ่อแม่เปลี่ยนเป็นซอมบี้นายเอกล็อกประตูบ้านไว้เลยทำให้พ่อแม่ออกไปไหนไม่ได้ พอไม่ได้ออกไปล่าก็ไม่มีอาหาร พ่อแม่เลยตกอยู่ในสภาวะจำศีลมาตลอด

นายเอกเอาต้นโลหิตให้พ่อแม่กิน ซึ่งต้นโลหิตก็คือต้นไม้ที่เติบโตขึ้นมาจากเลือดของนายเอก มีสรรพคุณช่วยซ่อมแซมร่างกายทำให้ซอมบี้ที่กินเข้าไปกลับมามีร่างกาย+เนื้อหนังเหมือนตอนยังไม่ติดเชื้อ และกลับมามีสติตื่นรู้อีกครั้ง...นายเอกช่วยให้พ่อแม่ฟื้นกลับมาเป็นซอมบี้ที่มีสติตื่นรู้เหมือนกับตน จากนั้นก็เปิดคลินิกรักษาซอมบี้ที่สมัครใจอยากกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีกครั้ง ไม่นานก็เริ่มมีซอมบี้ที่นายเอกใช้พลังจิตทำให้รู้สึกตัวทยอยเข้ามาขอให้รักษา พอซอมบี้(ที่ถูกรักษา)เริ่มเยอะขึ้น นายเอกก็เริ่มก่อสร้างเมืองขึ้นใหม่ในดงซอมบี้ 55

คนที่มีคุณสมบัติมีสิทธิ์จะอาศัยอยู่ในเมืองนี้ได้ก็มีเพียงซอมบี้ที่ผ่านการรักษาจากนายเอกแล้วเท่านั้น หรือเรียกอีกอย่างว่าซอมบี้อารยธรรม ภายนอกดูเหมือนคนทั่วไปเพียงแต่ร่างกายจะแข็งแรงและอายุยืนกว่าคนปกติ แถมยังแข็งแกร่งเหมือนพวกซอมบี้ที่วิวัฒนาการแล้วถึงขั้น 3-4 จะต่างกันตรงที่ซอมบี้อารยธรรมของนายเอกจะไม่กินคน เพราะนายเอกไม่อนุญาต ถือเป็นกฏเป็นข้อห้ามสำคัญข้อแรก ให้กินได้แต่เนื้อสัตว์ และเนื่องจากซอมบี้พวกนี้ได้รับการรักษาด้วยต้นโลหิตที่เกิดจากเลือดนายเอกโดยตรง จึงทำให้ซอมบี้อารยธรรมมีสายสัมพันธ์กับนายเอก แบบถ้านายเอกแข็งแกร่งขึ้นซอมบี้พวกนี้ก็จะเก่งขึ้นตาม หรือถ้านายเอกเริ่มกินผักผลไม้หรืออาหารทั่วไปได้ ซอมบี้พวกนี้ก็จะเริ่มกินได้เหมือนกัน ...

ต่อมาชื่อเสียงในการรักษาของนายเอกก็เริ่มดังไปไกลจนทำให้คนข้างนอก(คนที่ถูกซอมบี้กัดกำลังติดเชื้อ) อยากเข้ามารักษาด้วย ซึ่งนายเอกก็รักษาให้หมดขอแค่มีปัญญาจ่ายคริสตัลก็พอ (คริสตัลพวกนี้เป็นคริสตัลพลังงานจะอยู่ในตัวซอมบี้) ใครไม่มีก็ติดเอาไว้ก่อนได้แล้วค่อยหามาคืน แต่ถ้าใครดูทรงแล้วจะเบี้ยวนายเอกก็จะไม่รักษาให้ หรือใครมาทำกร่างข่มขู่จะรักษาฟรี นายเอกก็จะจับโยนเข้าไปในฝูงซอมบี้เลย(เอาเซ่!!)  พอรักษาเสร็จก็ต้องรีบกลับออกไป เพราะนายเอกไม่ให้ใครค้างอยู่ในเมือง(นอกจากซอมบี้เร่ร่อนกับซอมบี้อารยธรรม) ขนาดพระเอกพยายามขอร้อง+ขอต่อรองนั่นนู่นนี่ตั้งมากมายแต่นายเอกก็ยังไม่เคยอนุญาตหรืออ่อนให้เป็นกรณีพิเศษเลย เขาเข้มงวดจริงๆ นะเออ

พระเอก เซียวเหิน เป็นนายทหารถูกส่งออกมาทำภารกิจให้สร้างห้องปฏิการและคุ้มครองนักวิจัยหัวกะทิ พระนายได้เจอกันตอนที่พระเอกกำลังไล่ล่าศพโลหิต(ซอมบี้ที่เกิดจากการวิวัฒนาการจากเลือดของนายเอกนั่นแหละ) ตอนกลุ่มพระเอกกำลังจะแพ้นายเอกออกมาคำราม(ปราม)ศพโลหิต  ทำให้ศพโลหิตหนีไป พวกพระเอกเลยรอดตายและถูกส่งออกจากเมือง จากนั้นพระเอกก็วนเวียนมาที่เมืองของนายเอกอยู่เรื่อยๆ เพราะได้ยินว่านายเอกรักษาคนที่ติดเชื้อได้ นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญของมนุษยชาติ เพราะนักวิจัยที่พระเอกคุ้มครองก็กำลังทดลองเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน พระเอกเลยอยากได้ความร่วมมือจากนายเอก อยากขอต้นโลหิตไปศึกษาเพื่อทำวัคซีน แต่ก็ถูกนายเอกปฏิเสธทุกครั้ง (มันมีเหตุผลอยู่นะต้องลองไปอ่าน) ...

นายเอกเรื่องนี้เป็นซอมบี้แล้ว น้องเลยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนมนุษย์ปกติ เย็นชาเลือดเย็นปราศจาก 7 อารมณ์ 6 ปรารถนา แต่ดีที่ไม่ได้ฆ่าคนมั่วซั่ว จะฆ่าแต่คนชั่วหรือคนที่มาหาเรื่องก่อนเท่านั้น และยังดีที่นายเอกยังกลัวพ่อแม่อยู่ เลยยังพอมีคนปรามๆ ได้55 ถ้าพ่อไม่บอกให้สร้าง+ขยายเมืองให้มันใหญ่ขึ้นนายเอกก็คงไม่ทำ แบบเป็นคนไร้ซึ่งความทะเยอทะยานสุดๆ น้องแค่อยากดูแลเมืองเล็กๆ ของตนเท่านั้น แต่มันไม่ได้ไง ดูจากภัยในภายภาคหน้า(ที่อาจจะเกิด) และจำนวนซอมบี้ที่มารักษาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นายเอกเลยต้องวางแผนใหม่ จะปล่อยชิลไม่ได้และ ต้องขยายเมือง แบ่งหน้าที่ทำให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น ...ส่วนพระเอกทำยังไงนายเอกก็ไม่ยอมให้อยู่ในเมือง คือเข้ามาได้แต่ห้ามค้าง เสร็จธุระแล้วต้องกลับออกไป ได้เข้ามาอยู่นานสุดก็ตอนที่นายเอกกำลังหาครูมาสอนยิงปืนให้ซอมบี้อารยธรรมของตัวเองนั่นแหละ (นายเอกไปขโมยมา55) ตอนแรกนายเอกจะไปหาซอมบี้พี่ชายทหารแต่หาไม่เจอเลยให้พระเอกมาสอนแทน พระเอกเห็นทุกคนหน้านิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์ก็ไม่รู้ว่าที่ตัวเองกำลังสอนๆ อยู่น่ะซอมบี้ทั้งนั้น55

พอคนข้างนอกรู้ว่าเมืองนี้มีหมอที่รักษาผู้ติดเชื้อได้ก็อยากจะขอเข้ามาอยู่ด้วย แต่ก็ถูกนายเอกปฏิเสธไปทุกราย(รวมทั้งพระเอกด้วย55) เพราะข้างในมีแต่ซอมบี้ไงถึงจะหายแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังถือว่ามีเชื้อนะ เพราะถ้าถูกกัดคนก็ติดเชื้อได้เหมือนเก่า อีกอย่าง นายเอกไม่อยากให้ใครรู้เรื่องต้นโลหิตและเรื่องความพิเศษของเลือดตัวเองด้วย เพราะกลัวเดี๋ยวจะมีปัญหาตกเป็นเป้าไล่ล่าของพวกมนุษย์เห็นแก่ตัวบางกลุ่ม เหมือนฐานที่พระเอกอยู่อะ เป็นฐานใหญ่สุดมีคนอาศัยอยู่เกือบ 100 ล้าน มีทหารควบคุมดูแลอยู่และมี 7 ตระกูลใหญ่เป็นผู้นำ แต่ก็ไม่ได้สามัคคีกันเพราะต่างคนก็ต่างอยากขึ้นเป็นผู้นำ(คนเดียว) อยากมีอำนาจสูงสุดในฐาน แต่ยังตกลงกันไม่ได้เลยต้องแยกกันดูแลจะได้คานอำนาจกันไว้ แต่ถ้าหากตระกูลไหนมีวัคซีนหรือหาวัคซีนได้ก่อนก็จะ(ทำให้)มีอำนาจในการต่อรองมากกว่าเขา นี่แหละหนามนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนผลประโยชน์ของตัวเองก็ยังต้องมาก่อนเสมอ...

พอเริ่มขยายเมืองนายเอกก็ไปผูกมิตรกับซอมบี้(ผู้นำ) เมืองใกล้ๆ จากนั้นก็เริ่มมองหาข้าวของสิ่งของต่างๆ ที่จะสามารถนำกลับมาพัฒนาเมืองหรือเป็นประโยชน์กับเมืองได้ อย่างเช่น เฮลิคอปเตอร์ ปืน เมล็ดพืชที่จะเอามาเพาะปลูก พวกซอมบี้นักวิจัย หรือคนที่มีความสามารถในสาขาต่างๆ ที่เก่งๆ แต่กลายเป็นซอมบี้แล้ว นายเอกก็จะออกไปตามหาแล้วช่วยรักษาทำให้กลับมาเหมือนคนปกติ จากนั้นก็พากลับมาทำงานด้วย โดยมีพระเอกคอยช่วยอยู่ข้างๆ ให้คำแนะนำ หลังๆ พระเอกเลยกลายเป็นมันสมองเป็นคนที่นายเอกจะขาดไปไม่ได้อีกแล้ว

นายเอกอย่างเก่ง+ซู(มาก) โหดด้วย อาจดูเหมือนใจดำ แต่เราว่านายเอกเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี(อยู่)นะ ตอนเรื่องซอมบี้นายพล(ซอมบี้วิวัฒนาการระดับ8) นายเอกก็เตือนให้พวกคนธรรมดาหนีไปให้ไกลอย่าสู้เลย เพราะสู้ยังไงก็ไม่ชนะหรอก พวกมนุษย์ก็ไม่อยากหนีเพราะไม่อยากทิ้งฐานที่สร้างขึ้นมา พากันหวังว่านายเอกจะช่วยเพราะเห็นนายเอกควบคุมซอมบี้ได้ แต่ตอนนั้นพลังของนายเอกยังไม่แกร่งเท่าซอมบี้นายพล รู้ว่าสู้ยังไงก็ไม่ชนะ นายเอกเลยปฏิเสธ ทว่าทุกครั้งที่บอกว่าจะไม่ช่วยๆ แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นมือนายเอกอยู่ดี เหมือนใจดำไม่แคร์ใครแต่เราว่าซอมบี้อย่างนายเอกเนี่ยเชื่อถือได้มากกว่ามนุษย์ทั่วไปซะอีกนะ 

ฉากตอนสู้มันดี มีตัวร้ายใหม่ๆ โผล่มาให้ลุ้นเรื่อยๆ มีพวกซอมบี้มนุษย์ที่กินซอมบี้อายธรรม มีซอมบี้สัตว์ แล้วก็ซอมบี้วิวัฒนาการที่จะขึ้นเป็นราชาซอมบี้ด้วยแม่เจ้าาา  ...แต่แน่นวลลลไม่ว่าจะเก่งขนาดไหนสุดท้ายก็ต้องพ่ายให้กับความเทพของนายเอกอยู่ดี55 เพราะหลังๆ น้องจะได้สกิลในการล่วงรู้อนาคตมาด้วย เมพฝุดๆ...ที่ชอบที่สุดก็คือตอนที่คนในครอบครัวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง รู้สึกว่าเราไม่ควรหมดหวัง สักวันแสงสว่างจะต้องส่องมาถึง อะไรก็เกิดขึ้นได้อย่าเพิ่งยอมแพ้☺️

ป.ล. แอบไม่ชอบตอนที่นายเอกบังคับทำให้พระเอกกลายเป็นซอมบี้ 100% เหมือนตัวเองอะ เราชอบพระเอกเวอร์ชั่นลูกผสมมากกว่า ยังดูมีความเป็นมนุษย์และยังคำนึงถึงคนอื่นด้วย แต่พอเปลี่ยนเป็น 100% แล้วคือเลือดเย็น+เย็นชามากๆ ไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อีก จิตใจและสายตาก็จะมีแต่นายเอกคนเดียวเท่านั้น เฮ้อออ





วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2567

เกมรักซ่อนกลลวง 2 เล่มจบ

 


เกมรักซ่อนกลลวง 2 เล่มจบ

ผู้แต่ง : มู่ฝูเซิง

ผู้แปล : ซิงฉาย

สำนักพิมพ์ With Love

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก เสิ่นเสี่ยอี้ ทนายความสาวคนสวย ส่วนพระเอก ลี่เจ๋อเหลียง ประธานหนุ่มสุดหล่อของลี่ซื่อกรุ๊ป ชายหนุ่มผู้กุมบังเหียนธุรกิจของเมือง A ประธานหนุ่มในฝันที่สาวๆ มากมายต่างหมายปองอยากแต่งงานด้วย

สำนักงานทนายความของนางเอกจับมือทำงานร่วมกับบริษัทพระเอก นางเอกเลยถูกส่งตัวไปทำงานที่นั่น และเนื่องจากต้องการช่วยเหลือบริษัทเพื่อนในวัยเด็กที่กำลังจะล้ม จึงทำให้นางเอกต้องตอบรับคำขอของพระเอกหนึ่งอย่างแลกกับการให้พระเอกยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัทของเพื่อน และเพราะคำขอที่ว่านั่นจึงทำให้นางเอกต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่บ้านพระเอก และทำให้เธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องขาของพระเอกอีกด้วย ...

พระเอกเรื่องนี้อารมณ์แบบขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย(อ่านแล้วก็แอบนึกถึงพระเอกเรื่อง Crush ของคุณนักเขียนนิดๆ) แต่จะเป็นเฉพาะเวลาอยู่กับนางเอกนะ กับคนนอกคือสุภาพเรียบร้อยไม่แสดงอารมณ์ พระเอกเป็นคนที่หยิ่งทะนงและรักศักดิ์ศรีมาก ไม่มีทางแสดงความอ่อนแอหรือเผยจุดอ่อนให้ใครเห็น เจอใครก็มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า แต่เป็นยิ้มแบบหน้าที่เหมือนกดปุ่มอัตโนมัติไม่ได้ออกมาจากใจจริงๆ จุดอ่อนเดียวของพี่แกก็คงเป็นเรื่องขา(ล่ะมั้ง) แต่พี่แกก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือความเจ็บปวดให้ใครเห็น ภายนอกต้องดูดีอยู่เสมอ เจ็บแค่ไหนก็ฝืนทนไม่แสดงออกมา คนภายนอกเห็นก็คิดแค่ว่าพระเอกเคยบาดเจ็บที่ขาเลยทำให้เดินแปลกๆ เฉยๆ จะมีแค่คนสนิทไม่กี่คนกับหมอที่รักษาเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆ แล้วขาของพระเอกเป็นยังไง

ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแนวรักในวัยทำงานของหนุ่มสาว แนวอาชีพการทำงาน+การไต่เต้าฟันฝ่าอุปสรรคในเส้นทางการงานของพระนางเหมือนเรื่องก่อนๆ หน้าซะอีก แต่อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนจะไม่ใช่แฮะ เพราะมันมีซัมธิงและเหมือนจะมีปมบางอย่างซุกซ่อนอยู่(คุณนักเขียนจะทิ้งปมให้เราสงสัยเป็นระยะ) ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นางเอกมีอาการความจำเสื่อมหลงลืมเรื่องราวบางช่วงในอดีตไป และก็น่าจะเกี่ยวข้องกับขาขวาของพระเอกที่ไม่สามารถเดินเหินได้เหมือนคนปกติด้วย 

จริงๆ ก็เดาได้นะว่าในอดีตน่าจะเคยมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็ไม่นึกว่าจะหนักขนาดนี้ คือพระนางเขารู้จักกันมาก่อน นางเอกแอบชอบพระเอกมาตั้งแต่เด็กและเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามเขาเหมือนหางน้อยๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว พระเอกไปเข้าเรียนที่ไหนเธอก็ตามไปที่นั่นด้วย ตามติดเหมือนตังเมจนคนคิดว่านางเอกเป็นน้องสาวพระเอก ...ความจริงนางเอกเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเสิ่น บ้านของพระนางก็สนิทสนมกันเพราะทำธุรกิจร่วมกัน นางเอกมีพี่สาวคนละพ่ออยู่หนึ่งคนเป็นลูกเมียหลวง พี่สาวไม่ชอบนางเอก เวลาเจอหน้านางเอกทีไรก็ชอบพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางกับแม่สารพัด แต่นางเอกก็สู้นะ ไม่ได้นั่งเฉยๆ ให้เขาด่า ว่ามาก็ว่ากลับ

 ...สองศรีพี่น้องไม่ถูกกัน ต่างก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนมาแย่งสิ่งของหรือคนที่ตนรักไป นางเอกมักถูกพี่สาวย้ำและด่าว่าเป็นลูกชู้ ซึ่งถึงนางจะเถียงเขากลับฉอดๆ แต่ไม่ว่ายังไงในใจมันก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี ก็ถ้าเลือกได้ใครมันจะอยากเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสกันล่ะ แถมแม่นางก็หัวอ่อนไม่สู้คน ปกป้องอะไรลูกสาวไม่ค่อยได้ นางเอกเลยไม่รู้สึกว่าบ้านที่เธออาศัยอยู่มันคือบ้าน ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นหรืออยากจะกลับไป เพราะแม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดก็ยังถูกพี่สาวแย่งชิงไปด้วยสถานะคู่หมั้น ในเมื่อบ้าน+ครอบครัวไม่ใช่สถานที่ที่ทำให้อุ่นใจหรือมีความสุข จึงไม่แปลกที่นางเอกจะพยายามหาสถานที่พักพิงอื่น สถานที่จะเป็นเซฟโซนเป็นบ้านที่ปลอดภัย และเป็นที่พึ่งพิงของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นตลอดไป ไม่ว่าใครก็แย่งหรือแบ่งไปจากเธอไม่ได้...

แต่ในมุมของพี่สาว นางเอกกับแม่ก็คือคนที่เข้ามาทำลายครอบครัวของเธอ คือคนที่มาแบ่งความรักจากพ่อที่ควรจะเป็นเพียงของเธอกับแม่ไปเหมือนกันนะ แม้แต่คู่หมั้น(ที่คนอื่นคิดว่าเธอไม่ได้ชอบ) ก็ยังใส่ใจให้ความสำคัญกับน้องสาวที่เธอเกลียดมาเป็นอันดับหนึ่งก่อนเธอเสมอ ...เฮ้ออ จนท้ายที่สุดเธอก็เลือกเดินทางผิดและทำให้กิจการของที่บ้านพัง ...แต่พอพ่อนางเอกรู้ก็ไม่โทษพี่สาวเลย กลับขอแบกรับความผิดนี้ไว้กับตัวเองคนเดียว

ตอนแรกพระเอกจะหาทางช่วย แต่พ่อก็ปฏิเสธเพราะกลัวบริษัทพระเอกจะมาซวยไปด้วย แล้วคนที่รู้ความจริงจริงๆ รู้ว่าพ่อตัดสินใจอะไรยังไงในเรื่องนี้ก็มีแค่พระเอก พ่อนางเอก และตัวพี่สาวแค่ 3 คนเท่านั้น เพราะพ่อนางเอกขอร้องให้พระเอกช่วยเก็บเป็นความลับโดยเฉพาะจากนางเอก เพราะไม่อยากให้นางเอกเกลียดตัวพี่สาวไปมากกว่านี้ นางเอกก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝีมือพระเอกเพราะข่าวมันออกมาแบบนั้น แถมพอไปถามพระเอก พี่แกก็ไม่ยอมบอกความจริง ทีนี้เลยไปกันใหญ่เลย...

พอไม่พูดความจริงมันเลยยิ่งแย่ เราว่าพลาดแล้วที่พ่อไม่ให้พระเอกบอกความจริงนางเอกเนี่ย ไม่มีอะไรดีเลย เราว่าสู้บอกแล้วให้นางเอกไปตัดสินใจเอาเองดีกว่า จะโกรธจะเกลียดหรืออะไรก็แล้วแต่ลูกเถอะ ปล่อยให้ลูกตัดสินใจเองไปเถอะ ดีกว่าปล่อยให้ลูกเข้าใจผิดๆ ถึงไม่บอกคนอื่นแต่อย่างน้อยบอกนางเอกก็ยังดี เพราะนางก็โตแล้วไม่ใช่เด็กเล็กๆ เน้อ ไม่รู้พ่อจะเสียใจที่หลังไหมนะ เพราะไอ้การไม่บอกความจริงเนี่ยมันไม่เพียงแต่เป็นการทำร้ายลูกสาวตัวเอง แต่มันยังทำร้ายพระเอกทางอ้อมด้วย ... ไม่ใช่แค่ทางร่างกายและจิตใจ ยังรวมไปถึงบริษัทพี่ด้วย เล่นเอาซะบริษัทพระเอกเกือบล้มละลาย ถ้ากู้กลับมาไม่ได้นี่ไม่ใช่แค่ตัวพระเอกเท่านั้นนะที่จะแย่ แต่ยังมีพนักงานในบริษัทอีกกี่ร้อยชีวิตจ๊ะที่จะต้องตกงาน ...

อ่านถึงตรงนี้แล้วบอกเลยว่านักเขียนแกงมาก หลอกเราซะอยู่หมัด (หรือเป็นเพราะนางเอกแสดงละครเก่งหว่า55) ตอนอ่านก็คิดว่าถ้าพระเอกไม่ได้ทำหรือเข้าใจผิดนี่เราจะโกรธนางเอกมากเลยนะ😟 ...พอเฉลยแล้วก็แบบจ้าาา วางแผนเก่งขนาดนี้ ก่อนหน้านี้มีเวลาตั้งหลายปีทำไมไม่ลองสืบหาความจริงดูก่อนสักหน่อยละน้องสาว มันต้องมีสักคนที่รู้เรื่องที่พี่สาวนางเอกทำบ้างแหละน่า(ถึงจะไม่รู้ลึกไปถึงเรื่องที่พ่อนางเอก+พระเอก+ตัวพี่สาวพูดคุยตกลงกันวันนั้น) แต่แค่รู้เรื่องที่พี่สาวทำเราว่านางเอกก็น่าจะพอเดาๆ อะไรออกได้บ้างแล้วมั้ง นี่ก็ไปรู้เรื่องจากปากเพื่อนพ่อไม่ใช่เรอะ?(ว่าพี่สาวทำอะไรในปีนั้น) แต่พอรู้แล้วนางก็แบบช่างเถอะ ฉันปล่อยวางได้แล้ว ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญแล้ว ...จ้าาา ดีจุง (โอ๊ยหนออ ทำไมไม่รู้สึกให้มันเร็วกว่านี้) 

สรุปก็จบแฮปปี้แหละ นึกว่าจะมึนตึงกันอีกนาน แต่ทำไงได้ก็คนมันรัก ความรักย่อมชนะทุกสิ่งอยู่แว้วว บวกกับได้รู้สาเหตุที่ทำให้ขาพระเอกเป็นแบบนี้ด้วย ความคงความแค้นอะไรไม่มีแว้ววว ปล่อยวางได้หมดจ้ะ ...แต่ยังคงอยากถามเหลือเกินว่าทำไปทามมายยย ไม่ลองคุยกันดีๆ แบบมีสติกันก่อนล่ะน้องสาว หรือสืบหาความจริงให้มันกระจ่างก๊อนน ...จบจ้า






วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567

กี่ภพกี่ชาติก็ยังเป็นเธอ 9 เล่มจบ


กี่ภพกี่ชาติก็ยังเป็นเธอ 9 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เฟิงหลิวซูไต

ผู้แปล : หมิงหมิง

ปก : Leila

สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

แนวระบบ นางเอกต้องไปหลายโลก มีทั้งยุคปัจจุบัน ยุคโบราณ วันสิ้นโลก ซึ่งบางทีก็อยู่ในร่างเด็กผู้หญิงวัยสิบกว่า หญิงสาววัยรุ่น กระทั่งหญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่คนแล้วก็มี ซึ่งทุกครั้งที่วาร์ปเข้าโลกหรือชาติใหม่นางเอกก็จะสูญเสียความทรงจำที่ผ่านมาทั้งหมด เหลือเพียงทักษะหรือสกิลที่ได้ฝึกมาตอนอยู่ในชาตินั้นๆ ติดตัวมาด้วย เช่นชาติแรกเป็นแม่ครัวก็จะได้สกิลในการทำอาหารติดตัวมา ชาติที่เป็นหมอก็ได้สกิลในการรักษา หรือชาติที่เป็นช่างปักผ้านางก็จะได้สกิลในการเย็บปักผ้าติดตัวมาในชาติใหม่ด้วย อะไรแบบนี้

ชาติแรกแม่ครัว พ่อนางเอก(หรือเจ้าของร่างเดิม) เป็นพ่อครัวใหญ่อยู่ในจวนโหว ส่วนลูกสาวหรือเจ้าของร่างที่นางเอกมาอยู่ก็หลงรักซื่อจื่อหรือบุตรชายของท่านโหว ตอนแรกร่างเดิมไม่ได้ชอบทำอาหาร แต่พอรู้ว่าซื่อจื่อชอบกินก็เลยเบนเข็มมาเป็นแม่ครัวตามรอยพ่อ พอพ่อตาย ลูกหลานของอาจารย์ที่พ่อเคยไปเรียนทำอาหารก็บุกมากล่าวหาว่าพ่อเป็นศิษย์ทรยศ พออาจารย์ตายก็แอบขโมยตำราอาหารกับมีดทองคำของอาจารย์มาหากิน+สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง หลานสาวอาจารย์แฝงตัวเข้ามาเป็นสาวใช้ข้างกายพระเอก(น่าจะเป็นตัวเอกชาย แต่ขอเรียกว่าพระเอกละกันนะ ง่ายดี) เป่าหูจนพระเอกคล้อยตามและอนุญาตให้จัดแข่งทำอาหารระหว่างหลานสาวอาจารย์กับเจ้าของร่างเก่า 

นางเอกเข้ามาอยู่ในร่างนี้ตอนที่กำลังตัดสินผลแพ้ชนะ ผลออกมาคืออีกฝ่ายชนะ นางเอกก็ยอมรับแล้วเก็บข้าวของพาแม่ออกจากจวนโหวไป แต่ก่อนไปยังไม่ลืมเอาตำราอาหารกับมีดทองคำไปส่งคืนให้อีกฝ่ายก่อน อีกฝ่ายก็ไม่คิดว่านางเอกจะเอามาคืน เลยพูดใส่ไฟให้พระเอกฟังอย่างเมามัน พอมีคนแจ้งว่าเขาเอามาคืนแล้วนะนางถึงได้เหวอหน้าแตกเพล้งๆ ...ตอนแรกแม่เจ้าของร่างเก่าบอกว่าพ่อนางเอกเคยซื้อบ้านไว้ข้างนอกกับมีร้านอาหารที่เปิดแล้วให้น้องชายสองคนดูแลอยู่อีกแห่ง แต่นางเอกรู้จากความทรงจำของร่างเดิมว่าน้องชายสองคนของพ่อเป็นคนไม่ดี โลภมาก ไม่เอาการเอางาน ดีแต่มาขอเงินพี่ชาย เลยเดาได้ว่าบ้านกับร้านต้องโดนน้องชายของพ่อฮุบไปเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้วแน่นอน ซึ่งพอไปถึงก็จริง แถมอาทั้งสองยังเปลี่ยนชื่อร้านให้เป็นของคนสกุลเหยียนเรียบร้อย(แซ่อาจารย์) ทำให้คนชื่นชมยกย่องตัวเอง แต่กลับเป็นการตบหน้าและเหยียบนางเอกกับแม่ให้จมดินยิ่งกว่าเดิม ...

นางเอกพาแม่ไปพักที่โรงเตี๊ยมก่อนออกเดินทางไปจากเมืองหลวง ระหว่างนั้นก็ถูกเมียและลูกของอาจารย์ตามมาด่าถึงหน้าที่พัก หาว่าพ่อนางเอกคิดไม่ซื่อจงใจไม่แจ้งข่าวให้ลูกชายอาจารย์รู้ว่าพ่อตาย ทำให้ลูกเขามางานศพพ่อไม่ทันแล้วตัวเองก็ได้หน้าบลาๆ พอท่านโหว(พ่อพระเอก) รู้เรื่องวุ่นวายที่หน้าโรงเตี๊ยมก็รังเกียจบ้านสาวใช้มาก เลยสั่งให้พระเอกไล่สาวใช้คนนั้นออกไป และให้คนไปตามนางเอกกับแม่กลับมา พระเอกก็เริ่มตระหนักได้ว่าตนเชื่อคนผิด รู้สึกผิด แต่ก็สายไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะส่งคนไปกี่ครั้งนางเอกก็ปฏิเสธกลับมาทุกรอบ 

นางเอกพาแม่เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไปทั่วเพื่อเรียนรู้วิธีทำอาหารตามสถานที่ต่างๆ กระทั่งผ่านไป 10 ปีถึงได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง... พอกลับมานางเอกก็มาหาซื้อร้านแถวๆ ร้านอาหารคนสกุลเหยียน แต่พอฝั่งนั้นรู้ว่ามีคนคิดจะมาเปิดร้านขายอาหารเหมือนกันก็ใช้อำนาจสั่งเจ้าของที่ไม่ให้ขายร้านให้นางเอก จนนางเอกต้องไปเปิดตรงอื่นที่ทำเลไม่ค่อยดี แต่นางก็ไม่ซี เพราะนางมั่นใจฝีมือตัวเองว่าเปิดที่ไหนก็ต้องขายได้ เพียงแค่ต้องปรับอาหารให้เหมาะกับสถานที่ทำเลแถวนั้นก็พอ... นางเอกเปิดร้านอาหารบ้านเกิด ทำให้คนที่จากบ้านมาทำงานต่างถิ่นพอกินแล้วจะหวนคิดถึงบ้านเกิดตัวเอง พอนางเอกฟังสำเนียงลูกค้าก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ไหน แล้วนางก็จะปรับเปลี่ยนรสชาติให้ตรงกับรสชาติบ้านเกิดของลูกค้านั้นๆ คนเลยยิ่งชอบ+ติดใจ แห่มากินกันตั้งแต่ชนชั้นรากหญ้าไปจนถึงคนรวย แม้แต่ผู้สูงศักดิ์ก็ยังแอบปลอมตัวมากิน  

แต่พอคนสกุลเหยียนรู้ว่านางเอกมาเปิดร้านตรงนี้ก็ตามมารังควานแล้วสั่งให้คนลอบมาเผาร้านตอนดึก พอร้านถูกเผานางเอกก็ปิดร้านถาวรเลย คนที่เคยมากินก็พากันเสียใจ (แต่ตอนที่ร้านนางเอกโดนคนสกุลเหยียนมาตะโกนด่าปาวๆ และทำลายข้าวของ คนพวกนี้กลับไม่ช่วย แถมยังซ้ำเติมด้วยการฉวยโอกาสตอนที่สถานการณ์วุ่นวายเข้ามาขโมยของอีก นางเอกเลยปิดแม่ง!) พวกคนใหญ่คนโตพอรู้เรื่องที่นางเอกปิดร้านก็พากันโกรธคนทำและให้คนไปสืบเรื่องนางเอกจนสาวไปถึงคนสกุลเหยียนได้ในที่สุด...หึหึ พวกคนใหญ่คนโตที่ชื่นชอบอาหารนางเอกเลยแห่กันไปเล่นงานร้านอาหารคนสกุลเหยียนจนร้านต้องปิดเหมือนกัน ส่วนพระเอกก็ทำให้อดีตสาวใช้คนนั้น(ที่ตอนนี้กลายเป็นแม่ครัวหลวงคนโปรดของฮ่องเต้แล้ว) โดนขับไล่ออกจากวังไป 

ครอบครัวสาวใช้ถือดีว่าลูกตนทำงานในวังและเป็นคนโปรดฮ่องเต้ เลยใช้อำนาจบาตรใหญ่โดยการรังแกคนที่อ่อนแอกว่าหรือคนที่ทำอาหารขาย คือถ้าเมนูไหนขายดีกำลังฮิตก็จะให้คนไปบอกว่าเมนูนี้ทำถวายฮ่องเต้แล้วห้ามคนอื่นทำขายอีก ยกเว้นร้านตัวเองที่ทำขายได้ คือยึดสูตรอาหารที่คนอื่นคิดไปโต้งๆ เลย ...จากนั้นนางเอกก็ส่งสารไปขอท้าประลองกับคนสกุลเหยียน พอถึงวันนัดฮ่องเต้ก็มาเป็นกรรมการตัดสินด้วย นางเอกรู้ว่าฮ่องเต้ชอบสาวใช้คนนั้นและจะต้องตัดสินลำเอียงแน่ๆ เลยเสนอขอให้ใช้วิธีการของตนเพื่อความยุติธรรม เสนอให้แข่งทำบ๊ะจ่างและให้ชาวบ้านที่กำลังจะเข้าเมืองเป็นคนตัดสิน พอชนะนางเอกก็ขอตำราอาหารส่วนของพ่อกับมีดทองคำคืน จากนั้นก็เอาสูตรอาหารของพ่อครัวคนอื่นๆ ที่โดนฮุบไปคืนให้ทุกคน และก็เปิดโปงเรื่องที่อีกฝ่ายเคยสัญญาว่าจะไม่ใช้สูตรอาหารของพ่อนางเอกทำอาหาร แต่สุดท้ายก็แอบทำให้ทุกคนรู้... 

พอฮ่องเต้รู้ว่าแม่ครัวตนไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิดก็เลิกโปรด บอกให้อีกฝ่ายเลิกเป็นแม่ครัวแล้วมาเป็นสนมตนเองดีกว่ามั้ย? (ไม่ได้รู้สึกพิเศษใดๆ แล้ว มีแต่ความใคร่) หลังแข่งจบนางเอกเตรียมพาแม่ออกเดินทาง พระเอกพยายามรั้งคนไว้แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จเหมือนเดิม เพราะนางเอกไม่ใช่เจ้าของร่างเก่าอะเลยไม่รู้สึกอะไรกับพระเอก ไม่มีใครหรืออะไรให้อาลัยอาวรณ์ ก็แค่ต้องการกลับมากอบกู้ชื่อเสียงและทุกอย่างของพ่อร่างเดิมนี้คืนเท่านั้น เสร็จแล้วก็จะไป พระเอกดีแค่ไหนก็ไม่ได้ชอบ ไม่มีความรู้สึกแบบนั้น ใช้ชีวิตได้อย่างอิสรเสรีสุดๆ ไม่ยึดติดกับอะไรเลย ไม่ต้องเจ็บปวดกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยากทำไรก็ทำ ไปไหนก็ไป เราว่าแบบนี้ก็สบายใจดี... ส่วนพระเอกก็ได้แต่มานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารบ้านเกิดที่ลูกศิษย์นางเอกรับช่วงเปิดต่อด้วยความโหยหาคิดถึงคน เพราะส่งคนไปดักรอนางเอกกี่รอบก็ไม่เคยได้เจอ ต้องช้าไปก่อนก้าวนึงเสมอ... จบ


ชาติที่สองเป็นโลกของผู้คนที่มีระดับขั้นพลัง พลังยุทธ์ นางเอกมาอยู่ในร่างเด็กกำพร้าที่ถูกสำนักมารเก็บไปเลี้ยง(อย่าเรียกว่าเลี้ยงเลย) ให้เป็นหน่วยกล้าตายพร้อมบุกตะลุยตายแทนเจ้านายได้ ร่างเก่าหลงรักเจ้านายแต่เจ้านายดันไปหลงรักสาวใช้ของนาง พอนางตัดใจไปรักคนใหม่ ผู้ชายคนใหม่ก็ยังไปชอบสาวใช้ของนางคนนั้นอีก แต่นางเอกไม่ได้ชอบใครทั้งนั้น พอมาอยู่ร่างนี้นางก็ตัดสินใจจะสังหารเจ้านายของร่างเดิมทิ้งทันที เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเห็นเจ้าของร่างนี้เป็นคนอยู่แล้ว ไม่เคยปฏิบัติหรือทำดีด้วย แถมยังมีกู่(แม่)ที่ควบคุมกู่ลูกในร่างนี้อีก คือถ้าไม่ฆ่า ร่างนี้ก็ไม่มีวันหลุดพ้นสักที 

นางเอกเลยฝึกวิชาดาบอสูรที่ทำให้ไร้หัวใจ และเป็นวิชาที่ทำให้ร่างกายคนฝึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา วิธีเดียวที่จะระงับความเจ็บได้มีเพียงต้องยกดาบฆ่าคนเท่านั้น ยิ่งดาบเปื้อนเลือดมากเท่าไรคนฝึกก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น พระเอก(ผู้ชายที่ร่างเก่าหันมาชอบหลังอกหักจากเจ้านายเก่า) เห็นนางเอกฝึกวิชานั้นก็คิดจะสังหารนางเอกทิ้ง(ฮีรู้ว่าคนฝึกวิชานี้จะบ้าคลั่งฆ่าคนเป็นว่าเล่น) แต่ไปๆ มาๆ นางเอกกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ยังมีสติรู้ตัวดีตลอด จะยกดาบฆ่าเฉพาะคนเลว ฮีเลยเปลี่ยนใจ เปลี่ยนเป็นขอติดตามดูนางเอกไปเงียบๆ เรื่อยๆ แล้วกัน ...นางเอกก็โอเค เผื่อวันไหนตนบ้าคลั่งฉุดไม่อยู่จริงๆ จะได้มีคนคอยลงมือ พอฮีได้เห็นสิ่งที่นางเอกทำไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการอดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ ความเข้มแข็งในการพยายามประคองสติไม่ให้บ้าคลั่ง จิตใจที่ไม่เพิกเฉยต่อความอยุติธรรมที่เห็นตรงหน้า ความกล้าที่จะหยิบดาบสังหารคนชั่วโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะใหญ่โตมาจากไหน ในขณะที่ผู้มีพลังขั้นสูงๆ กลับยิ่งสูงยิ่งหัวหด ไม่กล้าลงมือทำอะไรแบบนี้ ไม่แม้แต่จะสนใจชีวิตชาวบ้านคนธรรมดา เพิกเฉย+ปล่อยให้คนชั่วรังแกคนอ่อนแอไม่มีพลัง เพราะกฏบ้าๆ ที่บอกว่าผู้มีพลังขั้นสูงไม่ก้าวก่ายกัน แต่นางเอกคือไม่สน หากใครก่อกรรมชั่วทำร้ายชาวบ้านนางก็พร้อมสังหารหมด พระเอกเลยเริ่มมีใจให้นาง แต่ก็รู้ดีว่านางเอกไร้หัวใจไม่มีความรู้สึกแบบชายหญิงแล้วเพราะฝึกวิชานี้ ...ก็จบแบบพระเอกเดินทางติดตามนางเอกท่องไปตามดินแดนต่างๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ


ชาติเทพสงคราม นางเอกมาอยู่ในร่างบุตรสาวภรรยาเอกของตระกูลแม่ทัพ (ในตอนนี้จะมีสามีเก่าของร่างนี้อีกคนที่ได้ย้อนกลับมาด้วย) ชาติก่อนสามีเก่ารักน้องสาวที่เป็นลูกอนุของภรรยา(เจ้าของร่างเก่า) แต่ถูกคนใช้แผนจึงทำให้พี่แกต้องถอนหมั้นกับคนรักแล้วไปแต่งกับเจ้าของร่างเก่า พี่แกเลยปฏิบัติกับเจ้าของร่างเก่าไม่ดี+ไม่สนใจ เอาแต่คิดและเป็นห่วงคนรักเก่าจนกระทั่งวันตาย ...พอย้อนกลับมาพี่แกเลยตั้งใจว่าชาตินี้จะต้องแต่งกับคนรักเก่าให้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นแผนการของคนรักพี่แกนั่นแหละจ้าาา

นางอยากแต่งกับท่านอ๋องไม่อยากแต่งกับคนธรรมดาเลยวางแผนล่มงานแต่งตัวเอง แต่ชาตินี้แผนแรกไม่สำเร็จ สามีเก่ากับนางเอกไม่ติดกับแผนนางเหมือนชาติก่อน พอใช้แผนสองแกล้งตกน้ำก็ล่ม แผนสามทุ่มสุดตัวถึงขนาดยอมค้างคืนกับท่านอ๋องเพื่อทำลายชื่อเสียงตัวเอง แต่ให้ตายสามีเก่าของนางเอกก็ยังไม่ยอมยกเลิกงานแต่งกับนาง ความจริงสามีเก่าก็เริ่มสงสัยพฤติกรรมของนางแล้วแหละ เพียงแต่ยังไม่อยากจะเชื่อ เพราะภาพลักษณ์คนรักตัวเองคือแสนดี ดูอ่อนโยนอ่อนแอใสซื่อมาตลอด พอมารู้ที่หลังก็เอ้า!นี่มันงูพิษนี่หว่า...55 อยากแต่งกับท่านอ๋องมากจนยอมทำลายชื่อเสียงตัวเอง ถึงท่านอ๋องจะมีภรรยาเอกอยู่แล้วก็ไม่เป็นไรให้แต่งไปเป็นอนุก็ได้ ยอม... เหอๆ 

ต่อมาเกิดสงคราม คนในตระกูลนางเอกที่ออกรบกำลังแย่ พ่อก็ถูกศัตรูจับเป็นตัวประกัน นางเอกเลยแอบหนีออกจากจวนไปช่วยพ่อ ส่วนสามีเก่าก็แอบมาดักรอแล้วขอตามไปด้วย ...นางเอกพิชิตใจทหารในค่ายเรียกขวัญกำลังใจทุกคนกลับคืนมาจนได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำ และสุดท้ายก็พลิกกลับมาชนะ แย่งชิงดินแดนกลับคืนมาได้ทั้งหมด ทำให้อีกฝั่งต้องถอยทัพหนีและขอเจรจาสงบศึก แต่พอข่าวชนะไปถึงเมืองหลวง พวกขุนนางในราชสำนักก็ถวายฎีการ้องเรียนนางเอกเรื่องนั่นนู่นนี่ พยายามเป่าหูฮ่องเต้ให้เรียกนางเอกกลับมาแล้วส่งคนอื่นไปคุมชายแดนแทน ฮ่องเต้ก็โดนกล่อมจนคล้อยตาม ...ทว่าในขณะที่กำลังเดินทางกลับนางเอกกับท่านอ๋องอีกคน(คนนี้ดี) ก็ถูกลอบสังหาร นางเอกพลัดตกแม่น้ำหายสาบสูญไม่รู้เป็นหรือตาย พอฝั่งศัตรูรู้ข่าวก็ยกดาบสังหารคนที่ฮ่องเต้ส่งมาทำข้อตกลงสงบศึกและยกทัพมาบุกดินแดนใหม่ทันที ฮ่องเต้ก็ใสเจียเสียใจไม่น่าเรียกคนกลับมาเลย บ้านเมืองเผชิญวิกฤติอีกครั้ง ข้าศึกก็บุกเอาๆ จนขุนนางมาขอร้องให้ฮ่องเต้เดินทางลงใต้เพื่อหนีภัยสงคราม ...ตอนนี้มีตัวเอกชายสองคน จบแบบนางเอกไม่แต่งงานแต่ขอเป็นแม่ทัพอยู่ชายแดน นานๆ ทีจะเข้าเมืองหลวงสักครั้ง ความสัมพันธ์เป็นแบบสหายร่วมรบ แนวมิตรภาพ ส่วนสามีเก่าก็หลงรักนางเอกจริงๆ แต่ไม่กล้าสารภาพหรือสานต่อเพราะรู้สึกผิดจากชาติก่อน ...เราว่าจบแบบนี้ก็ดีนะ ไม่ใช่พอได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้หรือมีอำนาจเหนือกว่าก็ไปบังคับให้เขาแต่งด้วย แบบนี้ก็ดี ปล่อยให้เธอได้โบยบิน อยู่ห่างๆ แบบห่วงๆ คบกันแบบสหายผู้รู้ใจ (ชาตินี้มีเสียน้ำตาให้บ้านนางเอกที่ออกรบด้วย T0T)


สามชาติแรกนางเอกไม่มีหวั่นไหวหรือหน้าแดงใจเต้นกับใครเลย นิ่งมาก ไม่คิดแต่ง ไม่มีความรู้สึกใดๆ แบบไม่เอาเลย แต่อย่างเพิ่งถอดใจ เพราะนางจะเริ่มมามีพัฒนาการในชาติที่ 4 ที่เป็นช่างปักนี่แหละ ...ชาตินี้นางเอกเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พ่อตายแล้ว ในบ้านเหลือแต่ผู้หญิง อีกทั้งกิจการของที่บ้านก็กำลังย่ำแย่ นางเอกถูกแม่บังคับให้เรียนปักผ้าทุกวัน จากที่ปักออกมาเป็นตัวอะไรไม่รู้ก็ค่อยๆ ปักดีขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันหนึ่งได้เย็บชุดให้เพื่อนบ้านที่เป็นตระกูลตกอับใส่ไปออกงาน พอคนในงานเห็นชุดที่นางเอกเย็บก็ฮือฮาอยากรู้ว่าช่างปักคนนี้เป็นใคร จากนั้นถึงได้เริ่มมีคนมาจ้างเย็บชุด พอเริ่มมีเงินนางเอกก็หุ้นเปิดร้านกับเพื่อนข้างบ้านคนนั้น 

ส่วนพระเอกเป็นพี่ชายข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมา หลานชายอดีตฮองเฮาที่ฮ่องเต่สั่งปลด แต่แม่พระเอกซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของฮองเฮายืนอยู่ข้างน้องสาว ก็เลยถูกบ้านสามีตัดขาดไล่ออกจากตระกูล พระเอกกับน้องสาวเลยหอบสินเดิมของแม่ตามมาซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ ฮองเฮาเพื่อคอยดูแล พระเอกได้แรงบันดาลใจจากนางเอกที่มุ่งมั่นฝึกเรียนปักผ้าเลยตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพ ...ชาตินี้นางเอกได้แต่งงานเพราะที่บ้านอยากได้เขยแต่งเข้า แล้วนางเอกก็ไม่ชอบเข้าสังคม ขี้เกียจไปทำความรู้จักกับคนอื่นใหม่ กับพระเอกคือรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว แถมนางเอกอยากทำอะไรพระเอกก็ตามใจช่วยซัพพอร์ตตลอด สุดท้ายนางเลยยอมแต่ง ส่วนพระเอกก็ยินดีแต่งเข้า(มาก) ถึงจะรู้ว่านางเอกไม่ได้ชอบตัวเองแบบคนรัก แต่ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดก็ยังดี...


ชาติหมอเทวดา ชาตินี้วิญญาณนางเอกมาเข้าร่างหญิงสาวที่เกิดในตระกูลหมอ พ่อของร่างเดิมตายเพราะช่วยปกป้องท่านแม่ทัพ บ้านแม่ทัพเลยรับเลี้ยงลูกสาวของหมอเพื่อตอบแทนบุญคุณ เลี้ยงดูดีและตามใจมากไม่ต่างจากคุณหนูคนหนึ่งเลยจนร่างเก่ามีนิสัยเอาแต่ใจดื้อรั้น เดิมร่างเก่ามีสัญญาหมั้นหมายกับคุณชายรองในจวนแม่ทัพ แต่พอโตขึ้นคุณชายรองกลับไปตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ เลยจะขอยกเลิกสัญญาหมั้น แต่ร่างเก่าไม่ยอม พอคุณชายรองหนีออกจากบ้านนางก็ตาม และไปๆ มาๆ ก็ทำให้คุณชายใหญ่หรือพระเอกได้รับบาดเจ็บหนักเพราะความดื้อรันเอาแต่ใจของนาง

พระเอก(ลูกชายคนโตของท่านแม่ทัพ ความหวังของจวน)ได้รับบาดเจ็บจนเป็นอัมพาตจากการช่วยชีวิตร่างเดิม นางเอกเข้ามาอยู่ร่างนี้ตอนที่เจ้าของร่างกำลังจะถูกไล่ออกจากจวนพอดี ตอนแรกนางเอกจะไปแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจขออยู่ต่อเพื่อหาวิธีรักษาขาพระเอกก่อนละกัน ...นางเอกขอย้ายไปอยู่ในเรือนพระเอก ดูแลเรื่องการกินอยู่ทุกอย่าง ตอนแรกพระเอกผอมโซมากเพราะไม่ยอมกินข้าว แต่เจอนางเอกพูดแทงใจดำไปสุดท้ายเลยกลับมากินข้าวตามเดิม เริ่มกลับมาพูดและแสดงอารมณ์ ไม่ใช่เอาแต่นั่งเหม่อใช้ชีวิตให้พอผ่านไปวันๆ ...จากนั้นทุกวันนางเอกก็จะไปเอาตำราแพทย์ที่พ่อทิ้งไว้มาศึกษา พอสาวใช้ในเรือนหรือใครในเรือนพระเอกป่วยนางเอกก็จะขอตรวจแล้วจ่ายยาให้ แต่พอดีว่าสาวใช้คนนั้นไม่ชอบนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยไม่กินยาที่นางจ่าย พอพระเอกรู้ก็เลยไล่สาวใช้คนนั้นออกและทำให้ตัวเองป่วยเพื่อให้นางเอกมารักษาแทน 

พอพระเอกเริ่มดีขึ้น นางเอกก็จะสะพายตะกร้าแล้วออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่อยู่ไกลๆ เพื่อรักษาคน และตามหาคนที่มีอาการป่วยคล้ายพระเอกเพื่อมารักษา ...ชอบนิสัยนางเอก แบบนางเป็นคนยืดได้หดได้ ตอนที่มีหมอเก่งๆ (คนที่อดีตคู่หมั้นร่างเก่าไปชอบ) มาบอกว่าจะยอมรักษาพระเอกให้ก็ได้ถ้านางเอกยอมมาโขกศีรษะขอขมานางที่หน้าร้านหมอ นางเอกก็ไม่คิดมากรับปากว่าจะไปขอโทษทันทีเลย ไม่ยึกยักเลยแบบยืดได้หดได้ ไม่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง กลับเป็นพระเอกซะอีกที่ไม่ยอม สวนกลับเป็นชุดๆ แล้วก็ห้ามไม่ให้นางเอกไป 

ตอนนี้จะมีตัวละครหนึ่งที่วิญญาทะลุมิติมาจากอนาคตด้วย เป็นศัลยแพทย์ เย็บแผล+ผ่าตัดได้ แต่รักษาโรคไม่ได้ เวลานางออกไปรักษาจะต้องมีหมออีกคนอยู่ด้วยแล้วให้หมอคนนั้นวินิจฉัยอาการก่อน ส่วนนางก็จะไหลตามน้ำไปทีหลัง ความมาแตกตอนหมอที่เป็นคู่หูนางจากไป คนถึงได้รู้ว่านางรักษาโรคไม่ได้ ตอนแรกนางคิดจะขโมยตำราแพทย์ของนางเอกไปศึกษา แต่ถูกนางเอกจับได้ก่อน ต่อมาเลยทำทีเป็นขอยืมแทน พวกฮูหยินผู้เฒ่ากับแม่พระเอกตอนนั้นยังไม่รู้ นึกว่านางเป็นหมอเทวดาจริงคิดว่านางสามารถรักษาพระเอกได้ เลยอนุญาตและสั่งให้คนไปหยิบตำรานางเอกมาให้ 

พอนางเอกรู้และได้ฟังสิ่งที่ทุกคนพูดกล่อมก็ขี้เกียจจะเสวนาโต้แย้ง เลยกล่าวลาและหันหลังออกจากจวนไปเดี๋ยวนั้นเลย คืออยากได้ไรเอาไปเลย ส่วนนางเอาแค่ตะกร้าสะพายหลังกับจอบไว้ขุดดินหาสมุนไพรไปอันเดียวเท่านั้น พอพระเอกรู้ว่าคนไม่อยู่ก็โมโห สั่งให้คนไปเอาตำราคืนมาและออกตามหานางเอก ความจริงนางเอกรักษาพระเอกหายแล้วแต่ยังไม่ได้บอกคนในจวน พอคนในจวนเห็นพระเอกเดินได้ก็อึ้ง ไม่คิดว่านางเอกจะรักษาได้จริง ...ในชาตินี้นางเอกเต็มใจแต่งงานด้วย เพราะชอบความรู้สึกที่มีคน(พระเอก)คอยปกป้อง (เห็นไหมนางเริ่มมีความรู้สึกแล้ว)


ตอนแม่แห่งชาติ นางเอกมาอยู่ในร่างผู้หญิงวัย 40 ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบท ครอบครัวทำอาชีพปลูกดอกไม้(มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง) เป็นครอบครัวหัวเก่า ร่างเดิมไม่ได้เรียนหนังสือตามระบบแต่เรียนพวกคัมภีร์ต่างๆ ตามสมัยโบราณ ได้แต่งงานกับเด็กหนุ่มในหมู่บ้านใกล้ๆ ที่ฐานะยากจนแต่หัวดี พ่อเจ้าของร่างเก่าเสนอว่าจะช่วยออกค่าเล่าเรียนให้แต่มีข้อแม้คืออีกฝ่ายจะต้องแต่งงานกับลูกสาวตน แต่พอผู้ชายได้ไปอยู่เมืองใหญ่+ได้ดีก็ไปแต่งงานกับลูกสาวเจ้านายและมาขอหย่ากับร่างเดิม ซ้ำยังฟ้องแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงลูกไปจากเมียด้วย 

พอเอาลูกไปอยู่ด้วยก็ดูแลไม่ดี ทิ้งๆ ขว้างๆ รักดูแลแต่ครอบครัวใหม่ตัวเอง ให้ลูกใช้ของเหลือจากลูกเมียใหม่ พอลูกโตก็ทนไม่ไหวต้องหนีออกจากบ้าน พอได้เดบิวท์ออกอัลบั้ม อิลูกสาวคนละแม่ก็ตามเข้ามาทำงานในวงการและใช้นางเป็นสะพานเหยียบขึ้นไปอีก พอนางเอกมาอยู่ในร่างคนเป็นแม่ นางเลยเริ่มดูแลตัวเอง วางแผนหาเงิน เพื่อหาสถานที่ปักหลักให้ลูกสาว เยียวยาจิตใจช่วยแก้ปมในใจให้ลูกสาวของร่างนี้ คอยช่วยเหลือและปกป้องลูกทุกอย่าง จนทำให้ลูกกลับมาเข้มแข็งและหายจากอาการซึมเศร้า ไม่คิดฆ่าตัวตายซ้ำรอยเดิมเหมือนในชาติก่อนอีก สมกับชื่อตอนแม่แห่งชาติฝุดๆ คือทำเพื่อลูกจริงๆ


ตอนเด็กอัจฉริยะ อันนี้มาอยู่ในร่างเด็กสาวชนบทที่ครอบครัวยากจนมากกก พ่อแม่ตายหมดเหลือแค่เจ้าของร่างกับปู่ 2 คน แต่ปู่เป็นคนซื่อ เชื่อคนง่าย คิดจะหาย่าใหม่มาดูแลหลาน แต่กลับถูกอีกฝ่ายหลอกแทน...เหอๆ หลอกให้ไปทำงานในไร่ดูแลสวน เสียเงินซื้อนั่นนู่นนี่จนแทบหมดตัวแล้วสุดท้ายก็ตกบันไดลงมาเป็นอัมพาตครึ่งล่างในตอนที่กำลังซ่อมบ้านให้เขา แต่เขาก็ไม่รับผิดชอบไม่เคยมาดูดำดูดี... เหอๆๆ 

พอนางเอกมาอยู่ในร่างหลานปู่ นางก็วางแผนเอาตังค์ที่ปู่เสียไปกลับคืนมาก่อนเลยจ้า พอดีมีรายการโทรทัศน์ชื่อรายการจุดเปลี่ยน เป็นรายการที่จะให้เด็กบ้านรวย(ที่เกเร) มาทดลองใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเด็กจนสามเดือนเพื่อปรับเปลี่ยนนิสัย แต่ถ้าอยากกลับก่อนก็ต้องทำงานหาเงินเองมาให้ทางรายการคนละ 5000 หยวนถึงจะได้กลับ บ้านคนที่ปู่ไปแอบชอบถูกเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำ คนบ้านนั้นเลยไม่กล้าโต้ตอบตอนนางเอกมาทวงเงิน สุดท้ายก็ต้องยอมคืน ไม่งั้นเจอนางเอกเล่นใหญ่กว่านั้นแน่55 แต่ตังค์ที่ได้มาก็ยังไม่พอนางเอกเลยต้องคิดวิธีหาเงินเพิ่มต่ออีก (ดูนางเอกหาเงินสนุกมาก)

นางเอกอย่างเท่ ทั้งเท่ทั้งน่าเอ็นดู สู้ชีวิตมาก ขึ้นเขาตัดฟืนแบกฟืนคนเดียวก็ทำได้ ทำอะไรเองได้หมด ทำอาหารก็อร่อย จนสามหนุ่มลูกคนรวยที่มาถ่ายทำรายการอยู่บ้านข้างๆ ติดใจในฝีมือ ต้องมาขอทำงานแลกข้าวทุกวัน ตอนแรกผู้กำกับจะถอดใจและคิดว่าสามคนนี้คงเปลี่ยนนิสัยเดิมไม่ได้ แต่พอเห็นว่าทั้งสามคนเริ่มเปลี่ยนตอนเจอนางเอกเลยให้ช่างภาพคอยตามแอบถ่ายนางเอกไปด้วย... จริงๆ  ถึงนางเอกจะมีสกิลจากชาติอื่นๆ ติดตัวมาแต่ก็ไม่ได้เก่งเวอร์ นางทำทุกอย่างแบบค่อยเป็นค่อยไปเท่าที่เด็กสาวอายุ 13-14 คนหนึ่งจะทำได้ เช่นหาเงินด้วยการดูแลคนป่วยในโรงพยาบาล(เพราะนางแรงเยอะ+ทำอาหารอร่อยคนเลยชอบ) ทำอาหารไปขายหน้าโรงเรียนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แบบหอบของใส่จักรยานเก่าๆ ปั่นไปขายตามลำพัง พยายามพึ่งพาตัวเองอย่างสุดกำลัง ไม่รอโชคชะตาหรือร้องขอให้ใครช่วย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใจจืดใจดำขนาดเห็นคนถูกรังแกแล้วไม่ช่วย ขณะที่สามหนุ่มลูกคนรวยเอาแต่ยืนดูแล้วหัวเราะ แต่นางเอกคือทิ้งจักรยานแล้วพุ่งตัวเข้าไปช่วยเลย จริงๆ เราว่าก็ดีนะที่เขียนให้นางมีทักษะจากชาติเดิมติดตัวมา เพราะมันเอามาปรับใช้ได้จริงเกือบหมดเลย ทำให้นางเอกสามารถอยู่รอดในชาติต่อๆ ไปได้ด้วยกำลังของตนเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตาม เหมือนมีพื้นฐานมาก่อนเลยต่อยอดได้ไว 

พอสามหนุ่มลูกคนรวยนั่นเห็นนางเอกที่อายุน้อยและตัวเล็กกว่าตนพุ่งไปช่วยคนก็ละอายใจ รู้สึกผิดต่อการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง ตั้งใจว่าหลังกลับไปจะไปขอโทษทุกคนที่ตนเคยรังแกถึงที่บ้าน... หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ตามติดนางเอกยังกับตังเม ส่วนคนในบ้านที่ถูกเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำก็ได้แต่แค้นใจอิจฉาริษยา ทว่าก็ทำไรไม่ได้เพราะไม่กล้าล่วงเกินคนจากในเมือง ส่วนนางเอกก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่รู้เลยว่าคนอื่นเขากำลังมองตัวเองเป็นแบบอย่างอยู่... พวกพ่อแม่ลูกคนรวยทั้งสามก็ปลื้มใจที่ลูกเปลี่ยน และก็อยากรับนางเอกมาอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ แต่นางเอกปฏิเสธ ขอเลือกพึ่งพาตัวเองดีกว่า เพราะรู้สึกว่ามีอิสระกว่ากันเยอะ แถมไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใครด้วย เพราะนางไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครอะ ถ้าติดต้องหาทางชดใช้คืน

ป.ล.จริงๆ มีอีก 2-3 ตอนที่ชอบ อย่างตอนนางกู่ กับเซียนหญิง แต่รีวิวไม่ไหวแล้วมันเยอะมาก เดี๋ยวจะยาวเกิน แต่ละชาติก็จะมีปัญหาอุปสรรคแตกต่างกันไป โดยรวมก็สนุกดี  ถ้าใครชอบก็ไปหาอ่านกันเน้อ55


วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567

สแกนหัวใจให้เจอรัก 4 เล่มจบ


สแกนหัวใจให้เจอรัก 4 เล่มจบ

ผู้แต่ง : หงจิ่ว

ผู้แปล : พิรุณเดือนสารท

สำนักพิมพ์ With Love

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

อีกเรื่องของหงจิ่ว เรื่องนี้อยู่ในจักรวาลเดียวกับเรื่องน้ำกับไฟผลสุดท้ายคือรัก และดีไซน์รักคุณนักออกแบบ 

นางเอกชื่อ เหยาจยา เป็นลูกสาวคนเล็กของเจ้าของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าคุนอวี่ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าเจ้าใหญ่ที่สุดของประเทศ มีนิสัยดื้อดึงหัวรั้น มีความขบถชอบต่อต้าน(พ่อแม่) ไม่ยอมคน แต่ชอบช่วยเหลือคนอื่น เวลาเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่อาจนิ่งดูดาย ตรงข้ามกับพระเอก เมิ่งซิงเจ๋อ ประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เย็นชาขี้เก๊ก หลงตัวเอง รักความสบาย ผลประโยชน์ของตัวเองต้องมาก่อนและไม่ชอบช่วยเหลือคน 

คนหนึ่งเป็นคุณหนูลูกเจ้าของบริษัท ส่วนอีกคนก็เป็นคุณชายใหญ่เจ้าของบริษัทเครื่องไฟฟ้าน้องใหม่ที่กำลังบุกตีตลาด แต่ด้วยเหตุผลบางประการจึงทำให้ทั้งคู่ต้องปิดบังตัวตนและเข้ามาทำงานในแผนกสัมพันธ์หรือ call center ของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าคุนอวี่ ถ้าเปรียบกับห่วงโซ่อาหารนี่ก็คงเป็นห่วงโซ่อาหารที่อยู่ต่ำสุด เพราะเป็นแผนกที่คนมองข้ามไม่ให้ความสำคัญ แต่กลับเป็นด่านหน้าที่ต้องคอยรับมือและรองรับอารมณ์ของลูกค้าก่อนที่จะส่งต่อไปให้แผนกอื่นๆ 

พระนางเรื่องนี้ออกแนวคู่กัด เจอหน้ากันทีไรไม่เคยพูดกันดีๆ ต้องได้จิกกัดกันก่อนถึงจะมีความสุข พระเอกก็ปากแจ๋ว อ้าปากพูดทีแทบทำให้คนอยากกระอักเลือดตาย แต่นางเอกก็ใช่ย่อย จิกมาก็จิกกลับไม่โกง หล่อแค่ไหนก็ไม่มีผลต่อการด่า มวยถูกคู่จริงๆ สองคนนี้55 ...ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตากันและ เพราะนางเอกไปวิจารณ์รูปโลโก้บริษัทพระเอกว่าไม่สวย เลยทำให้พี่แก(คนออกแบบ)ไม่พอใจ จบดอกแรกไปก็ได้มาเจอกันอีกตอนสมัครงานแผนก call center ขิงกันไปมาว่าใครจะได้ที่หนึ่งในการสอบ สุดท้ายก็โหล่รั้งท้ายทั้งคู่ แถมพอได้ทำงานก็ยังต้องมานั่งข้างกันอีก...โถๆๆ อะไรจะซวยขนาดนั้น คือเป็นพระนางที่ไม่ถูกขี้หน้ากันสุดๆ แต่สวรรค์ก็ช่างเป็นใจ(หรืออยากจับคู่) เลยทำให้สองคนนี้ต้องมาเจอและอยู่ใกล้ๆ กันอยู่ร่ำไป เจอกันที่ทำงานตอนกลางวันไม่พอ ตกเย็นก็ยังต้องมาเจอกันที่หอพักพนักงานต่ออีก55 

ตลกมาก คือนางเอกย้ายมาอยู่หอพักเพราะมึนตึงกับพ่อแม่ กลับไปบ้านก็ไม่เจอใครเลยรู้สึกเหงา ก็เลยย้ายมาอยู่หอพักพนักงานดีกว่า แต่ของพระเอกย้ายมาเพราะบ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานเลยทำให้มาเข้างานสาย ซึ่งถ้าสายอีกจะถูกประเมินไม่ให้ผ่านและจะถูกไล่ออก(ต้องแพ้พนันเพื่อนสนิท) พี่แกเลยจำใจต้องย้ายมาอยู่หอพัก แต่ก่อนหน้านั้นเปรี้ยวไง ไปขิงนางเอกไว้เยอะ บอกว่าให้ตายตัวเองก็ไม่มีทางย้ายเข้าไปอยู่ที่แบบนั้นหรอกบลาๆ แต่สุดท้ายเป็นไง ก็กลืนน้ำลายตัวเองสิจ๊ะ55 

พอย้ายเข้าไปก็อดได้ห้องที่ดีที่สุด ต้องใช้ห้องน้ำรวมร่วมกับคนอื่น55 เพราะนางเอกมาก่อนเลยเลือกเอาห้องที่ดีที่สุดและมีห้องน้ำในตัวไปแล้ว พอพระเอกรู้ก็พยายามใช้เงินฟาดหัว(นิสัยคุณชายกำเริบ)เพื่อให้นางเอกแลกห้อง ตอนแรกนางเอกไม่แลก แต่พอดีเพื่อนสนิทโน้ตบุ๊กเสียหาร้านซ่อมไม่ได้ พระเอกแอบได้ยินเขาคุยกัน เลยยื่นข้อเสนอว่าจะซ่อมโน้ตบุ๊กให้แต่ขอแลกกับการเปลี่ยนห้องนะ สุดท้ายนางเอกเลยต้องยอม ...คือพระเอกอะนิสัยคุณชายมากกก บ้านรวย กินหรูอยู่สบายมาแต่เด็ก พ่อแม่เลี้ยงแบบตามใจ(ซึ่งตรงจุดนี้มีสาเหตุอยู่ต้องไปลองอ่านน๊า) ไม่เคยหยิบจับทำไรเอง ขนาดของหล่นยังไม่เก็บ พอมาอยู่หอพักกับคนอื่นอิพี่ก็ยังติดหรู(ลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสวมบทบาทเป็นพนักงาน call center ตัวเล็กๆ) สั่งของหรูๆ อย่างโคมไฟอิตาลี เก้าอี้นวดไฟฟ้าและนั่นนู่นนี่มาลงห้อง อาหารก็ออกไปกินข้างนอก แต่ลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองเอาเงินไปลงกับบริษัทหมดแล้ว กำลังเข้าสู่สถานะยาจก ทุกคนเลยคิดว่าพระเอกจนแต่ไม่เจียม55 แล้วอิพี่ก็ยังไปนัดสาวๆ กินข้าวอีกนะ(จะหลอกถามข้อมูลบริษัท) คราวนี้ก็ไม่มีตังค์น่ะสิ แต่อิพี่ก็ยังไม่ละความพยายาม แก้ปัญหาด้วยการไปยืมตังค์นางเอก โอ๊ยยย ทั้งปากแจ๋วทั้งหน้าหนา พอนางเอกไม่ให้ก็บอกว่าที่ไม่ให้เพราะหึงที่ตัวเองไปกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่นใช่มั้ย? ชอบตัวเองล่ะสิ? แล้วนางเอกก็เป็นประเภทแบบบอกซ้ายไปขวาบอกขวาไปซ้าย พระเอกก็จับจุดนางออก รู้ว่าพูดยังไงนางเอกถึงจะยอม ตลกมากคู่นี้ ชอบเวลาเขาเถียงกันฮาดี

สุดท้ายนางเอกก็ให้ไป 250 หยวน(ทุกครั้ง) ส่วนพระเอกก็โวยวายบอกแค่นี้จะไปพออะไรบลาๆ เอากะพี่แกสิ จนแล้วยังติดหรูอีกน้อ55+ สุดท้ายก็ต้องพาสาวไปเลี้ยงพิซซ่า(หรูกว่านี้ไม่ได้ตังค์ไม่พอ เพื่อนสนิทก็ไม่ให้ยืม55) สาวก็นึกว่าจะได้กินอาหารหรูๆ หรืออย่างน้อยก็ต้องได้คุยเรื่องรักโรแมนติกบ้างแหละ แบบนึกว่าพระเอกจะจีบอะ แต่พระเอกคือคุย+ถามแต่เรื่องงาน หลังจากนั้นเลยไม่มีใครยอมไปกินกับพี่แกอีก รอบเดียวพอ ...คนที่ทำงานรวมทั้งนางเอกก็นึกว่าพระเอกชอบผู้หญิงขาวสวยรวย(ก็พระเอกชอบพูดแบบนี้) เลยไม่สงสัยว่าพระเอกกำลังแอบสืบข้อมูลในบริษัท แต่นึกว่ากำลังหาทางลัดจีบผู้หญิงโปรไฟล์ดีๆ อยู่55 แล้วพระเอกก็ไปว่าเรื่องที่นางเอกไม่มีแฟน นางเอกก็เลยไปหาคนมาแสดงเป็นแฟนปลอมๆ เพื่อเอาชนะ พระเอกก็เจ็บจี๊ดไม่คิดว่านางเอกจะมีแฟนจริง คือไม่รู้ตัวว่าชอบเขาแล้วแต่ปากแจ๋วไปงั้น พอเห็นเขามีแฟนก็ได้แต่แอบเจ็บแอบหึง

พอรู้ตัวว่าชอบเขาแล้วก็ต้องพยายามหักห้ามใจ กลืนน้ำลายตัวเองสุดๆ เพราะเคยว่าเขาเอาไว้เยอะ พอได้ยินนางเอกเอ่ยถึงแฟนหรือไปไหนกับแฟนปลอมๆ พระเอกก็จะปวดใจ ทว่าก็ยังปากเสียชอบจิกกัดเขาเหมือนเดิมตลอด จริงๆ อ่านไปก็คิดนะว่าจะรักกันยังไงคู่นี้เพราะพระเอกปากเสียมาก55 ตอนนางเอก(มีธุระ)ต้องออกไปข้างนอกกับแฟนปลอมๆ พระเอกก็จะแอบหึง+ห่วงไม่ยอมนอน ต้องรอจนกว่าจะได้เห็นนางเอกกลับมาที่หอพักก่อนถึงจะนอนหลับได้อย่างสบายใจ55 ...ไปๆ มาๆ จากที่ไม่เคยยอมใครก็เริ่มยอมลงให้นางเอก(คนเดียว) นี่แหละ

ความจริงพระนางเรื่องนี้ต่างก็มีปมในใจบางอย่างนะ นางเอกมีปมเรื่องครอบครัว คิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน พ่อแม่ไม่รัก รักแต่พี่สาว(ที่ป่วย) ก็เลยชอบต่อต้านพูดจาประชดประชันยั่วโมโหพ่อ ส่วนพระเอกมีปมบางอย่างในวัยเด็ก จึงทำให้กลัวความมืด กลัวหมา และกลัวมด และเพราะปมนั้นแหละเลยทำให้พระเอกกลายเป็นคนไม่ชอบช่วยเหลือใคร เห็นแก่ตัว ...แต่พอได้มาทำงานในแผนกนี้ วันๆ ต้องเจอและรับมือกับปัญหาต่างๆ จากลูกค้าที่โทรเข้ามามากมายสารพัด ทั้งหนักทั้งเบา แล้วไหนจะปัญหาของเพื่อนร่วมงานรอบๆ ตัวอีก แต่เพราะสิ่งเหล่านี้แหละจึงทำให้นิสัยของพระนางค่อยๆ ถูกขัดเกลาตามไปด้วย ต่างคนต่างได้ช่วยคลายปมปัญหาในใจของแต่ละฝ่ายโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเปลี่ยนจากคู่กัดกลายมาเป็นคู่รักได้ในที่สุด...ฮิ้ววว

ยังคงเป็นแนวรักในวัยทำงานเหมือนสองเรื่องก่อนหน้า แต่เรื่องนี้จะมีปัญหาของคนรอบข้าง ปัญหาการทุจริตในบริษัทที่นางเอกต้องตามสืบพ่วงเข้ามาด้วย และตามด้วยปัญหาหัวใจของคนหัวดื้อ+ปากแข็งสองคน ที่ทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยุ่ง55 ...แต่ไม่มีดราม่าหนักอะไรหรอก เพราะถึงนางเอกจะดูดื้อชอบต่อต้านแต่ที่สุดแล้วก็เป็นคนมีเหตุผล ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ปากร้ายแต่ใจดี เช่น ถึงจะเคยถูกเพื่อนร่วมงานคนนี้หาเรื่องหรือเล่นงานลับหลัง แต่พอถึงคราวที่อีกฝ่ายมีปัญหา นางเอกก็พร้อมยื่นมือเข้าช่วยโดยไม่ลังเล หรืออย่างตอนที่มีลูกค้าโทรมาร้องเรียนช่างในบริษัท นางเอกก็จะไม่ส่งเรื่องไปเดี๋ยวนั้น แต่จะไปลองถามสาเหตุจากช่างคนนั้นก่อน ถ้าไม่ใช่แบบที่ลูกค้าพูดเป็นการเข้าใจผิด นางเอกก็จะช่วยเป็นตัวกลางสื่อสารให้จนทำให้ลูกค้ายกเลิกไม่ร้องเรียน ส่วนพระเอกก็เหมือนได้รับอิทธิพลจากนางเอกไปด้วยส่วนหนึ่ง จึงทำให้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดีทิ้งไป อาจไม่ได้ใจดีถึงขั้นนางเอก แต่เวลาเห็นใครมีปัญหาพี่แกก็ไม่ได้เย็นชาหรือนิ่งเฉยขนาดนั้นแล้ว เริ่มละทิ้งนิสัยจู้จี้จุกจิก อยู่ยากกินยาก นอนยาก ทำอะไรต้องเนี้ยบ มาเป็นอยู่ง่ายกินง่าย ไม่(ค่อย)เรื่องมาก หัดทำไรเอง แม้จะยังปากแจ๋ว หลงตัวเอง แต่ก็ไม่ได้น่าหมั่นไส้เท่าเมื่อก่อน(แล้วมั้ง) อีกอย่างถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัยหรือต้องปกป้องนางเอก พระเอกก็จะพุ่งตัวออกไปก่อนคนแรกทันทีเลย

ในเล่มของตัวเองคือจบแฮปปี้ จบถึงตอนกำลังจะไปจดทะเบียนสมรส จริงๆ จะไม่เป็นไรเลยถ้าไม่ได้ไปเจอเรื่องของคู่นี้ต่อในเรื่องดีไซน์รักคุณนักออกแบบเล่ม 4 อะ แล้วคือแบบโผล่มาก็สถานะหย่าร้างเลย what??? เกิดไรขึ้นหลังจากแต่งงานกันเนี่ย งงมากพี่จ๋า ตอนแรกนึกว่าจะมีเฉลยในเล่มสแกนหัวใจแต่ก็ไม่มีเน้อ บอกเลยว่าค้างมาก อยากรู้เลยว่าทำไมเขาถึงหย่ากัน? แล้วพระเอกก็ออกไปตั้งบริษัทใหม่ด้วย คือในเรื่องสแกนหัวใจเล่มสุดท้ายบริษัทพระเอกกำลังจะถูกบริษัทนางเอกซื้อควบไปรวมกิจการ เนื่องจากถูกบริษัทที่ให้บริการช่องทางการขายของออนไลน์บนเน็ตยกเลิกสัญญา ไม่ให้สินค้าของบริษัทพระเอกวางขาย เพราะบริษัทนี้อยากซื้อบริษัทพระเอกแต่พี่แกไม่ขาย พ่อนางเอกเลยยื่นขอเสนอขอซื้อแล้วแบบให้ขอเสนอที่ดีกว่า(มาก) ตอนแรกพระเอกจะไม่ขาย เพราะทำใจไม่ได้ที่ต้องกลายเป็นลูกน้องนางเอก หรือทำอะไรต้องผ่านความเห็นของคนอื่น กลัวว่าถ้าวันหนึ่งเลิกกันแล้วบริษัทจะเป็นไงต่อ พ่อพระเอกเลยบอกว่าไม่ต้องกลัว ถ้ามีวันนั้นก็แค่ให้ออกมาตั้งบริษัทใหม่เพราะพระเอกเก่งอยู่แล้ว ต้องสร้างใหม่ได้แน่นอน ...(พ่อพูดเป็นลางนะเนี่ย สรุปหลังแต่งเลิกกันจริง🤣) ไม่รู้ว่าทั้งคู่เจอมรสุมหรือปัญหาอะไรจนทำให้เดินไปถึงจุดๆ นั้น ทำให้เราสงสัยเลยอะ แต่ในเรื่องดีไซน์ดูก็รู้นะว่าพระเอกยังรักนางเอกอยู่ เหมือนวางแผนให้บริษัทใหม่ตัวเองถูกนางเอกซื้อไปอีกครั้งด้วยซ้ำ แต่ต้องให้คนอื่น(นางเอกดีไซน์)มาออกหน้าพูดแทน แต่มันคาใจอะ อยากรู้ว่าหลังแต่งมันมีอะไรเกิดขึ้น