วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2568

วัยฝันวันเยาว์ 4 เล่มจบ

 


วัยฝันวันเยาว์ 4 เล่มจบ  

ผู้แต่ง : ปาเยวี่ยฉางอัน

ผู้แปล : 54shaonian

สำนักพิมพ์ Siam Inter Book

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

คำโปรยหลังปกบอกว่านี่ไม่ใช่นิยายรัก แต่เป็นนิยายที่จะทำให้เรารำลึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์(ที่แสนสุขและขมขื่น) ...ตอนแรกยังเดาพระเอกไม่ออกว่าคนไหน เพราะรู้สึกว่ามีเรือที่น่าลง 3 ลำ

ลำที่ 1. รุ่นพี่ที่แก่กว่า 6 ปี เหมือนจะอ่อนโยนแต่ก็ไม่ใช่ เหมือนเข้ากับคนอื่นง่ายแต่ความจริงกลับจับต้องได้ยาก เหมือนเทพเซียนสูงส่ง เป็นคนที่นางเอกมองเป็นต้นแบบ เคารพ+ไว้ใจที่จะขอคำปรึกษา 

ลำที่ 2. เพื่อนวัยเด็กที่อยู่แถวบ้าน ตอนเด็กอ่อนแอไม่สู้คน พอโตมากลับเป็นหัวโจกของโรงเรียน

ลำที่ 3. เด็กน้อยที่ตกหลุมรักนางเอกตั้งแต่แรกพบ หัวดี เรียนเก่ง บ้านมีฐานะ พยายามเข้าหาและให้ความช่วยเหลือนางเอกทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เพราะพวกผู้ใหญ่ เด็กดีๆ สองคนเลยถูกจับแยกถูกสั่งห้ามไม่ให้เล่นด้วยกัน


เรื่องนี้จะเริ่มเล่าตั้งแต่นางเอกยังอยู่ประมาณอนุบาล จนเข้าประถมและเรียนจบชั้นม.ปลายเลย เป็นแนวชีวิตในวัยเรียน ปมปัญหาครอบครัว เส้นทางการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของวัยรุ่น รวมถึงเรื่องราวความรักในวัยเรียน

นางเอกเป็นลูกนอกสมรส พ่อกับแม่นางเอกเคยคบกันตั้งแต่สมัยเรียนแต่สุดท้ายก็เลิกกัน พ่อไปแต่งกับลูกสาวคนใหญ่คนโต ไม่รู้ว่าบอกเลิกดีๆ หรือทิ้งแม่นางเอกไปเลย แล้วรู้รึเปล่าว่าแม่นางเอกกำลังตั้งท้อง? แต่ยังไงแม่นางเอกที่กำลังท้องก็เลือกที่จะเก็บเด็กไว้และเลี้ยงลูกเอง ...ถึงจะจบไม่สวยแต่แม่นางเอกก็ไม่เคยพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพ่อให้ลูกฟัง ไม่ยัดความโกรธเกลียดหรือปลูกฝังให้ลูกเกลียดพ่อ กลับเป็นเมียคนที่พ่อแต่ด้วยนี่สิ ไม่รู้จะโกรธเกลียดอะไรนางเอกกับแม่นักหนา แถมยังไปปลูกฝังความคิดแย่ๆ ให้เด็ก สอนลูกตัวเองให้เกลียดต่ออีก

สร้างความทุกข์ทรมานให้ทั้งกับลูกตัวเองและนางเอก สร้างรอยบาดแผลให้เด็กที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เพราะผู้หญิงที่พ่อแต่งด้วยเป็นลูกคนใหญ่คนโต นางก็ชอบเอาเรื่องแม่นางเอกไปโพนทะนาให้คนรอบตัวฟัง กลุ่มเพื่อนนางก็มีลูกเรียนโรงเรียนเดียวกับนางเอกไง บรรดาแม่ๆ ไม่อยากมีปัญหากับนาง เลยไปสั่งลูกตัวเองให้อยู่ห่างจากนางเอกห้ามเล่นด้วย ประมาณนี้

นางเอกโตมากับแม่ พอโตหน่อยแม่ก็พาย้ายไปอยู่ที่บ้านยาย เพราะปัญหาเรื่องทะเบียนเกิดนางเอกจึงไม่ได้เรียนอนุบาลแต่เข้าชั้นประถมเลย นางเอกเคยเจอกับพระเอกเมื่อตอนไปนั่งรอแม่ทำงานที่โรงเรียนอนุบาล พระเอกเห็นนางเอกหน้าไม่คุ้นแต่ก็ยังพยายามลากเขาไปเล่นด้วย จากนั้นก็สัญญากันว่าพรุ่งนี้จะกลับมาเจอกันใหม่ แต่นางเอกไม่ได้มา(มาไม่ได้ ไม่ใช่เด็กรร.นี้) จนเข้าชั้นประถมเด็กน้อยสองคนก็ได้กลับมาเจอกันอีกเพราะเรียนที่เดียวกัน พระเอกจำนางเอกได้แม่น พยายามเข้าหา+อยากเป็นเพื่อนด้วย เพื่อที่จะได้อยู่กับนางเอกนานขึ้นหน่อย พระเอกถึงขนาดโกหกที่บ้านเพื่อจะได้เดินกลับบ้านกับนางเอกสองคน ตอนโรงเรียนมีคัดตัวหาคนไปแข่งพูด พระเอกที่เป็นตัวเต็งมีโอกาสได้มากสุด(ที่บ้านแบ็กดี) ก็ขอสละสิทธิ์เพื่อให้นางเอกได้รับเลือก 

เดิมนางเอกมาโรงเรียนก็ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร เพราะไม่เคยเข้าเรียนอนุบาลบางอย่างเลยตามไม่ทันเพื่อน บวกกับตัวเธอเองก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีเส้นสาย ดังนั้นเด็กน้อยจึงไม่ใช่คนโปรดของคุณครูหรือเป็นจุดสนใจของเพื่อนๆ ...เดิมทีนางเอกเป็นเด็กมีจินตนาการสูง ถึงไม่มีเพื่อนเล่นในชีวิตจริงแต่เธอก็มีเพื่อนเล่นในจินตนาการมากมาย อยากสวมบทบาทเป็นใครหรืออะไรก็ได้ จะแต่งเติมโลกในจินตนาการให้จบหรือดำเนินไปแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ...ทว่าคนเราย่อมเติบโต ไม่มีใครสามารถเป็นเด็กได้ตลอดไป จากเด็กที่สดใสร่าเริงจินตนาการบรรเจิดกว้างไกล สามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเองก็เริ่มเงียบๆ ไม่ร่าเริงเหมือนเก่า 

ทว่าในโรงเรียนที่เงียบเหงาแห่งนี้ยังมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญและอยากเป็นเพื่อนกับเธอมากกก เขาคอยให้กำลังใจเธอ มอบโอกาสในการแข่งขันให้เธอ เพียงหวังว่าเด็กสาวที่ตนชื่นชอบจะมีความสุขและมีรอยยิ้มเจิดจ้าอีกครั้ง โลกของเด็กๆ ช่างแสนเรียบง่าย ความสัมพันธ์ใสซื่อบริสุทธิ์ไม่มีอะไรแอบแฝง คงจะดีหากพวกเขาได้ยิ้มและเดินกลับบ้านด้วยกันเช่นนี้ตลอดไป แต่โลกมักบอกเราเสมอว่าเมื่อมีความสุขสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์ก็ต้องตามมา ...

จริงๆ มีแค่ตอนม.ต้นเองที่พระนางไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน ส่วนตอนเรียนประถมกับม.ปลายคืออยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ถ้าไม่มีเรื่องบ้าๆ พวกนั้นทั้งสองคนคงจะได้มีปฏิสัมพันธ์มีความทรงจำดีๆ ร่วมกันเยอะกว่านี้แล้ว ...หลังได้รางวัลจากการแข่งพูดนางเอกก็เริ่มมีความมั่นใจมีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทำตามมาเรื่อยๆ ได้รับความสำคัญ+คำชมจากคุณครู เริ่มเรียนรู้วิธีที่จะคบเพื่อน ก็ถือว่ามีความสุขดี(ล่ะมั้ง) แต่พอถึงตอนที่ใกล้จะขึ้นม.ต้น นางเอกก็เหมือนถูกโลกแห่งความจริงตีแสกหน้าอีกครั้ง ทำให้รู้ว่าหลายๆ อย่างที่ตนเคยภูมิใจเคยได้รับคำชมเนี่ยมันไม่มีค่าอะไรเลย เพราะมันไม่ได้ช่วยทำให้ตัวเองสอบผ่านหรือเข้าโรงเรียนดีๆ ได้ โลกของเด็กน้อยพังทลายลงอีกครั้งเหมือนหวนกลับไปเมื่อตอนเข้าป.1 ใหม่ๆ เธอเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษไม่เป็น เธอแก้โจทย์วิชาเลขไม่ได้ เธอเรียนตามเพื่อนไม่ทัน จากที่เคยได้รับคำชมจากคุณครูก็กลายเป็นถูกตำหนิถูกต่อว่า+ด้อยค่าสิ่งที่เธอเพียรพยายามมาตลอด

ความจริงมองย้อนกลับไปเมื่อเราโตขึ้นสิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับเด็กน้อยอายุเท่านั้นในเวลานั้น ครู เพื่อน โรงเรียนเนี่ยมันอาจเปรียบเสมือนโลกทั้งใบของพวกเขาเลยก็ได้นะ แล้วเวลานั้นแม่นางเอกก็งานเยอะจนละเลยความรู้สึกและลืมถามไถ่เรื่องราวในชีวิตลูกไป นางเอกเครียดมากเลยไปปรึกษารุ่นพี่ที่เหมือนดั่งเทพเจ้าในใจเธอ จากนั้นก็ทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่คือเลือกไปเรียนต่อที่อื่น ปล่อยวางทุกอย่าง ไปอยู่สถานที่ใหม่ อยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราเพื่อเริ่มต้นใหม่ หลบไปเร้นกายพักรักษาตัวฝึกฝนตัวเองแล้วค่อยกลับมาใหม่อีกครั้ง พอตัดสินใจได้ดังนั้นนางเอกเลยไม่เครียดและ

แต่มีคนที่ผิดหวังเสียใจมากอยู่คนหนึ่ง เพราะนึกว่าจะได้เรียนที่เดียวกับนางเอกต่อ อุตส่าห์หอบขนมจากเมืองนอกมาฝาก ที่ไหนได้เธอไม่อยู่แล้ว ตอนถูกแม่ว่าถูกแม่ตบหัวยังแค่ตาแดงๆ แต่พอรู้ว่านางเอกไปเรียนที่อื่นแล้วพระเอกร้องไห้เลยจ้า... พอไปเรียนที่ใหม่ผลการเรียนของนางเอกก็ดีขึ้น จากที่เคยได้อันดับท้ายๆ ของห้องตอนอยู่ที่เก่านางเอกก็ได้ที่ 1 มาครอง ก็รู้แหละว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเรียนการสอนที่โรงเรียนเดิมมันยากและเข้มข้นกว่า แบบโรงเรียนในเมืองอะเนาะ นางเอกจึงไม่ได้ชะล่าใจหรือคิดว่าตัวเองเก่งแล้วแต่อย่างใด 

มาอยู่ที่นี่นางเอกก็ได้เจอทั้งเพื่อนเก่าที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก ได้พบเพื่อนใหม่ที่ดี และเพื่อนที่เหมือนทำคุณบูชาโทษ คืออีกฝ่ายเป็นเด็กมืดมนไม่มีใครคบมักถูกคนละเลย นางเอกเลยช่วยดึงช่วยดันช่วยติวจนคนเขาคะแนนดีเริ่มมีความมั่นใจและเปลี่ยนเป็นคนใหม่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งหรือขอบคุณ ทว่ากลับอิจฉาริษยาและเกลียดเธอจ้า เออเนาะ...บางทีการได้ไปเห็นไปรับรู้ด้านแย่ๆ หรือช่วงประวัติศาสตร์ดำมืดของใครสักคนนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีนะ เผลอๆ เขาอาจจะพานเกลียดเราที่ดันไปเห็นช่วงแย่ๆ ในชีวิตเขาที่ไม่อยากให้ใครรับรู้ด้วยซ้ำ จากบุญคุณเปลี่ยนเป็นความแค้น เรากลายเป็นคนที่เขาไม่อยากเจออยากลบออกไปจากชีวิตมากที่สุด

พอใกล้จบม.3 ในที่สุดนางเอกก็สามารถสอบเข้าเรียนต่อม.ปลายโรงเรียนที่อยากเข้าได้สำเร็จ เป็นช่วงที่ชีวิตมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา เพราะแม่นางเอกก็ได้เจอคนดีที่กำลังจะพัฒนาไปถึงขั้นแต่งงานด้วยแล้ว ครอบครัวแม่ลูกกำลังจะเปลี่ยนเป็นครอบครัวที่มีสามคนพ่อแม่ลูก แต่ไม่ทันไรชีวิตก็ต้องพบเจอกับจุดพลิกผันใหญ่อีกครั้ง และคราวนี้มันก็หนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แทบจะเปลี่ยนนางเอกให้เป็นซากศพและกลายเป็นคนไร้ความรู้สึกโดยสมบูรณ์ ...ToT 

มาพูดถึงพระเอกหน่อย พระเอกนี่เรียกได้ว่าตรงข้ามกับนางเอกเลย เป็นคนร่าเริงสดใส เพื่อนเยอะ ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีแต่คนมารุมล้อม หล่อ หัวดี ครอบครัวอบอุ่น ต้นทุนดี ชีวิตราบรื่นจะหยิบจับทำอะไรก็เก่ง มีเรื่องเดียวที่ไม่ราบรื่นก็คือนางเอกนี่แหละ55 ...แต่ไม่ว่าจะถูกเขาเมินหรือถูกเย็นชาใส่สักกี่ครั้งกี่หนพระเอกก็สู้ จะผ่านไปกี่ปี ต่อให้มีช่วงที่ต้องห่างหายไม่ได้เจอกันพระเอกก็ไม่เคยวางมือจากนางเอกเลย ยึดติดกับนางเอกมาตั้งแต่สมัยที่ฟันแท้ยังไม่ขึ้นเลยไอ้น้อง ชอบเขามาตั้งแต่อนุบาลแล้วจ้า ตอนเด็กคือเหมือนถูกใจอยากเล่นด้วย พอโตมาถึงได้เข้าใจความรู้สึกตัวเอง จะถูกผลักไล่ไสส่งสักกี่รอบก็สู้ เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหานางเอกก่อนตลอด เธอไม่แคร์ฉันก็ไม่สน กำหนดเป้าหมายได้แล้วก็พร้อมวิ่งเข้าชน สมัยเด็กต้องเชื่อฟังแม่เลยไม่อาจทำตามใจตัวเองได้ พอเริ่มโตพระเอกจึงเริ่มวางแผนมีความหนักแน่นแบบผู้ใหญ่ ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยมือจากนางเอกอีก ...แต่นิยายจีนเนี่ยถ้าเป็นแนวรักในวัยเรียนส่วนใหญ่พระนางเขาจะไม่คบกันตอนเรียนม.ปลายนะ จะรอให้เข้ามหา'ลัยก่อนแล้วค่อยคบ เห็นมาหลายเรื่องและ ไม่สนับสนุนให้มีรักในวัยเรียนสินะ55

ป.ล. จบดีจ้า ชีวิตคือการเรียนรู้ ทุกสิ่งที่เข้ามาไม่ว่าจะผู้คน+ประสบการณ์ ไม่ว่าจะดีร้ายทุกข์หรือสุข ทุกการตัดสินใจของเรา มันก็จะทำให้เราเป็นเราในวันนี้ ไม่มีใครสามารถอยู่กับเราได้ตลอดไปทุกคนล้วนผ่านมาแล้วผ่านไป บางคนอาจอยู่กับเราและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราเพียงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ทว่าสุดท้ายก็ต้องแยกจาก ...อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงคำพูดหนึ่ง ได้พบกันคือวาสนา จากกันคือโชคชะตา หวนกลับมาคือพรหมลิขิต เหมือนบรรลุสัจธรรมยังไงไม่รู้55



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น