วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2567

เกมรักซ่อนกลลวง 2 เล่มจบ

 


เกมรักซ่อนกลลวง 2 เล่มจบ

ผู้แต่ง : มู่ฝูเซิง

ผู้แปล : ซิงฉาย

สำนักพิมพ์ With Love

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก เสิ่นเสี่ยอี้ ทนายความสาวคนสวย ส่วนพระเอก ลี่เจ๋อเหลียง ประธานหนุ่มสุดหล่อของลี่ซื่อกรุ๊ป ชายหนุ่มผู้กุมบังเหียนธุรกิจของเมือง A ประธานหนุ่มในฝันที่สาวๆ มากมายต่างหมายปองอยากแต่งงานด้วย

สำนักงานทนายความของนางเอกจับมือทำงานร่วมกับบริษัทพระเอก นางเอกเลยถูกส่งตัวไปทำงานที่นั่น และเนื่องจากต้องการช่วยเหลือบริษัทเพื่อนในวัยเด็กที่กำลังจะล้ม จึงทำให้นางเอกต้องตอบรับคำขอของพระเอกหนึ่งอย่างแลกกับการให้พระเอกยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัทของเพื่อน และเพราะคำขอที่ว่านั่นจึงทำให้นางเอกต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่บ้านพระเอก และทำให้เธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องขาของพระเอกอีกด้วย ...

พระเอกเรื่องนี้อารมณ์แบบขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย(อ่านแล้วก็แอบนึกถึงพระเอกเรื่อง Crush ของคุณนักเขียนนิดๆ) แต่จะเป็นเฉพาะเวลาอยู่กับนางเอกนะ กับคนนอกคือสุภาพเรียบร้อยไม่แสดงอารมณ์ พระเอกเป็นคนที่หยิ่งทะนงและรักศักดิ์ศรีมาก ไม่มีทางแสดงความอ่อนแอหรือเผยจุดอ่อนให้ใครเห็น เจอใครก็มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า แต่เป็นยิ้มแบบหน้าที่เหมือนกดปุ่มอัตโนมัติไม่ได้ออกมาจากใจจริงๆ จุดอ่อนเดียวของพี่แกก็คงเป็นเรื่องขา(ล่ะมั้ง) แต่พี่แกก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือความเจ็บปวดให้ใครเห็น ภายนอกต้องดูดีอยู่เสมอ เจ็บแค่ไหนก็ฝืนทนไม่แสดงออกมา คนภายนอกเห็นก็คิดแค่ว่าพระเอกเคยบาดเจ็บที่ขาเลยทำให้เดินแปลกๆ เฉยๆ จะมีแค่คนสนิทไม่กี่คนกับหมอที่รักษาเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆ แล้วขาของพระเอกเป็นยังไง

ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแนวรักในวัยทำงานของหนุ่มสาว แนวอาชีพการทำงาน+การไต่เต้าฟันฝ่าอุปสรรคในเส้นทางการงานของพระนางเหมือนเรื่องก่อนๆ หน้าซะอีก แต่อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนจะไม่ใช่แฮะ เพราะมันมีซัมธิงและเหมือนจะมีปมบางอย่างซุกซ่อนอยู่(คุณนักเขียนจะทิ้งปมให้เราสงสัยเป็นระยะ) ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นางเอกมีอาการความจำเสื่อมหลงลืมเรื่องราวบางช่วงในอดีตไป และก็น่าจะเกี่ยวข้องกับขาขวาของพระเอกที่ไม่สามารถเดินเหินได้เหมือนคนปกติด้วย 

จริงๆ ก็เดาได้นะว่าในอดีตน่าจะเคยมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็ไม่นึกว่าจะหนักขนาดนี้ คือพระนางเขารู้จักกันมาก่อน นางเอกแอบชอบพระเอกมาตั้งแต่เด็กและเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามเขาเหมือนหางน้อยๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว พระเอกไปเข้าเรียนที่ไหนเธอก็ตามไปที่นั่นด้วย ตามติดเหมือนตังเมจนคนคิดว่านางเอกเป็นน้องสาวพระเอก ...ความจริงนางเอกเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเสิ่น บ้านของพระนางก็สนิทสนมกันเพราะทำธุรกิจร่วมกัน นางเอกมีพี่สาวคนละพ่ออยู่หนึ่งคนเป็นลูกเมียหลวง พี่สาวไม่ชอบนางเอก เวลาเจอหน้านางเอกทีไรก็ชอบพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางกับแม่สารพัด แต่นางเอกก็สู้นะ ไม่ได้นั่งเฉยๆ ให้เขาด่า ว่ามาก็ว่ากลับ

 ...สองศรีพี่น้องไม่ถูกกัน ต่างก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนมาแย่งสิ่งของหรือคนที่ตนรักไป นางเอกมักถูกพี่สาวย้ำและด่าว่าเป็นลูกชู้ ซึ่งถึงนางจะเถียงเขากลับฉอดๆ แต่ไม่ว่ายังไงในใจมันก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี ก็ถ้าเลือกได้ใครมันจะอยากเกิดมาเป็นลูกนอกสมรสกันล่ะ แถมแม่นางก็หัวอ่อนไม่สู้คน ปกป้องอะไรลูกสาวไม่ค่อยได้ นางเอกเลยไม่รู้สึกว่าบ้านที่เธออาศัยอยู่มันคือบ้าน ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นหรืออยากจะกลับไป เพราะแม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดก็ยังถูกพี่สาวแย่งชิงไปด้วยสถานะคู่หมั้น ในเมื่อบ้าน+ครอบครัวไม่ใช่สถานที่ที่ทำให้อุ่นใจหรือมีความสุข จึงไม่แปลกที่นางเอกจะพยายามหาสถานที่พักพิงอื่น สถานที่จะเป็นเซฟโซนเป็นบ้านที่ปลอดภัย และเป็นที่พึ่งพิงของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นตลอดไป ไม่ว่าใครก็แย่งหรือแบ่งไปจากเธอไม่ได้...

แต่ในมุมของพี่สาว นางเอกกับแม่ก็คือคนที่เข้ามาทำลายครอบครัวของเธอ คือคนที่มาแบ่งความรักจากพ่อที่ควรจะเป็นเพียงของเธอกับแม่ไปเหมือนกันนะ แม้แต่คู่หมั้น(ที่คนอื่นคิดว่าเธอไม่ได้ชอบ) ก็ยังใส่ใจให้ความสำคัญกับน้องสาวที่เธอเกลียดมาเป็นอันดับหนึ่งก่อนเธอเสมอ ...เฮ้ออ จนท้ายที่สุดเธอก็เลือกเดินทางผิดและทำให้กิจการของที่บ้านพัง ...แต่พอพ่อนางเอกรู้ก็ไม่โทษพี่สาวเลย กลับขอแบกรับความผิดนี้ไว้กับตัวเองคนเดียว

ตอนแรกพระเอกจะหาทางช่วย แต่พ่อก็ปฏิเสธเพราะกลัวบริษัทพระเอกจะมาซวยไปด้วย แล้วคนที่รู้ความจริงจริงๆ รู้ว่าพ่อตัดสินใจอะไรยังไงในเรื่องนี้ก็มีแค่พระเอก พ่อนางเอก และตัวพี่สาวแค่ 3 คนเท่านั้น เพราะพ่อนางเอกขอร้องให้พระเอกช่วยเก็บเป็นความลับโดยเฉพาะจากนางเอก เพราะไม่อยากให้นางเอกเกลียดตัวพี่สาวไปมากกว่านี้ นางเอกก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝีมือพระเอกเพราะข่าวมันออกมาแบบนั้น แถมพอไปถามพระเอก พี่แกก็ไม่ยอมบอกความจริง ทีนี้เลยไปกันใหญ่เลย...

พอไม่พูดความจริงมันเลยยิ่งแย่ เราว่าพลาดแล้วที่พ่อไม่ให้พระเอกบอกความจริงนางเอกเนี่ย ไม่มีอะไรดีเลย เราว่าสู้บอกแล้วให้นางเอกไปตัดสินใจเอาเองดีกว่า จะโกรธจะเกลียดหรืออะไรก็แล้วแต่ลูกเถอะ ปล่อยให้ลูกตัดสินใจเองไปเถอะ ดีกว่าปล่อยให้ลูกเข้าใจผิดๆ ถึงไม่บอกคนอื่นแต่อย่างน้อยบอกนางเอกก็ยังดี เพราะนางก็โตแล้วไม่ใช่เด็กเล็กๆ เน้อ ไม่รู้พ่อจะเสียใจที่หลังไหมนะ เพราะไอ้การไม่บอกความจริงเนี่ยมันไม่เพียงแต่เป็นการทำร้ายลูกสาวตัวเอง แต่มันยังทำร้ายพระเอกทางอ้อมด้วย ... ไม่ใช่แค่ทางร่างกายและจิตใจ ยังรวมไปถึงบริษัทพี่ด้วย เล่นเอาซะบริษัทพระเอกเกือบล้มละลาย ถ้ากู้กลับมาไม่ได้นี่ไม่ใช่แค่ตัวพระเอกเท่านั้นนะที่จะแย่ แต่ยังมีพนักงานในบริษัทอีกกี่ร้อยชีวิตจ๊ะที่จะต้องตกงาน ...

อ่านถึงตรงนี้แล้วบอกเลยว่านักเขียนแกงมาก หลอกเราซะอยู่หมัด (หรือเป็นเพราะนางเอกแสดงละครเก่งหว่า55) ตอนอ่านก็คิดว่าถ้าพระเอกไม่ได้ทำหรือเข้าใจผิดนี่เราจะโกรธนางเอกมากเลยนะ😟 ...พอเฉลยแล้วก็แบบจ้าาา วางแผนเก่งขนาดนี้ ก่อนหน้านี้มีเวลาตั้งหลายปีทำไมไม่ลองสืบหาความจริงดูก่อนสักหน่อยละน้องสาว มันต้องมีสักคนที่รู้เรื่องที่พี่สาวนางเอกทำบ้างแหละน่า(ถึงจะไม่รู้ลึกไปถึงเรื่องที่พ่อนางเอก+พระเอก+ตัวพี่สาวพูดคุยตกลงกันวันนั้น) แต่แค่รู้เรื่องที่พี่สาวทำเราว่านางเอกก็น่าจะพอเดาๆ อะไรออกได้บ้างแล้วมั้ง นี่ก็ไปรู้เรื่องจากปากเพื่อนพ่อไม่ใช่เรอะ?(ว่าพี่สาวทำอะไรในปีนั้น) แต่พอรู้แล้วนางก็แบบช่างเถอะ ฉันปล่อยวางได้แล้ว ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญแล้ว ...จ้าาา ดีจุง (โอ๊ยหนออ ทำไมไม่รู้สึกให้มันเร็วกว่านี้) 

สรุปก็จบแฮปปี้แหละ นึกว่าจะมึนตึงกันอีกนาน แต่ทำไงได้ก็คนมันรัก ความรักย่อมชนะทุกสิ่งอยู่แว้วว บวกกับได้รู้สาเหตุที่ทำให้ขาพระเอกเป็นแบบนี้ด้วย ความคงความแค้นอะไรไม่มีแว้ววว ปล่อยวางได้หมดจ้ะ ...แต่ยังคงอยากถามเหลือเกินว่าทำไปทามมายยย ไม่ลองคุยกันดีๆ แบบมีสติกันก่อนล่ะน้องสาว หรือสืบหาความจริงให้มันกระจ่างก๊อนน ...จบจ้า






วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567

กี่ภพกี่ชาติก็ยังเป็นเธอ 9 เล่มจบ


กี่ภพกี่ชาติก็ยังเป็นเธอ 9 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เฟิงหลิวซูไต

ผู้แปล : หมิงหมิง

ปก : Leila

สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

แนวระบบ นางเอกต้องไปหลายโลก มีทั้งยุคปัจจุบัน ยุคโบราณ วันสิ้นโลก ซึ่งบางทีก็อยู่ในร่างเด็กผู้หญิงวัยสิบกว่า หญิงสาววัยรุ่น กระทั่งหญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่คนแล้วก็มี ซึ่งทุกครั้งที่วาร์ปเข้าโลกหรือชาติใหม่นางเอกก็จะสูญเสียความทรงจำที่ผ่านมาทั้งหมด เหลือเพียงทักษะหรือสกิลที่ได้ฝึกมาตอนอยู่ในชาตินั้นๆ ติดตัวมาด้วย เช่นชาติแรกเป็นแม่ครัวก็จะได้สกิลในการทำอาหารติดตัวมา ชาติที่เป็นหมอก็ได้สกิลในการรักษา หรือชาติที่เป็นช่างปักผ้านางก็จะได้สกิลในการเย็บปักผ้าติดตัวมาในชาติใหม่ด้วย อะไรแบบนี้

ชาติแรกแม่ครัว พ่อนางเอก(หรือเจ้าของร่างเดิม) เป็นพ่อครัวใหญ่อยู่ในจวนโหว ส่วนลูกสาวหรือเจ้าของร่างที่นางเอกมาอยู่ก็หลงรักซื่อจื่อหรือบุตรชายของท่านโหว ตอนแรกร่างเดิมไม่ได้ชอบทำอาหาร แต่พอรู้ว่าซื่อจื่อชอบกินก็เลยเบนเข็มมาเป็นแม่ครัวตามรอยพ่อ พอพ่อตาย ลูกหลานของอาจารย์ที่พ่อเคยไปเรียนทำอาหารก็บุกมากล่าวหาว่าพ่อเป็นศิษย์ทรยศ พออาจารย์ตายก็แอบขโมยตำราอาหารกับมีดทองคำของอาจารย์มาหากิน+สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง หลานสาวอาจารย์แฝงตัวเข้ามาเป็นสาวใช้ข้างกายพระเอก(น่าจะเป็นตัวเอกชาย แต่ขอเรียกว่าพระเอกละกันนะ ง่ายดี) เป่าหูจนพระเอกคล้อยตามและอนุญาตให้จัดแข่งทำอาหารระหว่างหลานสาวอาจารย์กับเจ้าของร่างเก่า 

นางเอกเข้ามาอยู่ในร่างนี้ตอนที่กำลังตัดสินผลแพ้ชนะ ผลออกมาคืออีกฝ่ายชนะ นางเอกก็ยอมรับแล้วเก็บข้าวของพาแม่ออกจากจวนโหวไป แต่ก่อนไปยังไม่ลืมเอาตำราอาหารกับมีดทองคำไปส่งคืนให้อีกฝ่ายก่อน อีกฝ่ายก็ไม่คิดว่านางเอกจะเอามาคืน เลยพูดใส่ไฟให้พระเอกฟังอย่างเมามัน พอมีคนแจ้งว่าเขาเอามาคืนแล้วนะนางถึงได้เหวอหน้าแตกเพล้งๆ ...ตอนแรกแม่เจ้าของร่างเก่าบอกว่าพ่อนางเอกเคยซื้อบ้านไว้ข้างนอกกับมีร้านอาหารที่เปิดแล้วให้น้องชายสองคนดูแลอยู่อีกแห่ง แต่นางเอกรู้จากความทรงจำของร่างเดิมว่าน้องชายสองคนของพ่อเป็นคนไม่ดี โลภมาก ไม่เอาการเอางาน ดีแต่มาขอเงินพี่ชาย เลยเดาได้ว่าบ้านกับร้านต้องโดนน้องชายของพ่อฮุบไปเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้วแน่นอน ซึ่งพอไปถึงก็จริง แถมอาทั้งสองยังเปลี่ยนชื่อร้านให้เป็นของคนสกุลเหยียนเรียบร้อย(แซ่อาจารย์) ทำให้คนชื่นชมยกย่องตัวเอง แต่กลับเป็นการตบหน้าและเหยียบนางเอกกับแม่ให้จมดินยิ่งกว่าเดิม ...

นางเอกพาแม่ไปพักที่โรงเตี๊ยมก่อนออกเดินทางไปจากเมืองหลวง ระหว่างนั้นก็ถูกเมียและลูกของอาจารย์ตามมาด่าถึงหน้าที่พัก หาว่าพ่อนางเอกคิดไม่ซื่อจงใจไม่แจ้งข่าวให้ลูกชายอาจารย์รู้ว่าพ่อตาย ทำให้ลูกเขามางานศพพ่อไม่ทันแล้วตัวเองก็ได้หน้าบลาๆ พอท่านโหว(พ่อพระเอก) รู้เรื่องวุ่นวายที่หน้าโรงเตี๊ยมก็รังเกียจบ้านสาวใช้มาก เลยสั่งให้พระเอกไล่สาวใช้คนนั้นออกไป และให้คนไปตามนางเอกกับแม่กลับมา พระเอกก็เริ่มตระหนักได้ว่าตนเชื่อคนผิด รู้สึกผิด แต่ก็สายไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะส่งคนไปกี่ครั้งนางเอกก็ปฏิเสธกลับมาทุกรอบ 

นางเอกพาแม่เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไปทั่วเพื่อเรียนรู้วิธีทำอาหารตามสถานที่ต่างๆ กระทั่งผ่านไป 10 ปีถึงได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง... พอกลับมานางเอกก็มาหาซื้อร้านแถวๆ ร้านอาหารคนสกุลเหยียน แต่พอฝั่งนั้นรู้ว่ามีคนคิดจะมาเปิดร้านขายอาหารเหมือนกันก็ใช้อำนาจสั่งเจ้าของที่ไม่ให้ขายร้านให้นางเอก จนนางเอกต้องไปเปิดตรงอื่นที่ทำเลไม่ค่อยดี แต่นางก็ไม่ซี เพราะนางมั่นใจฝีมือตัวเองว่าเปิดที่ไหนก็ต้องขายได้ เพียงแค่ต้องปรับอาหารให้เหมาะกับสถานที่ทำเลแถวนั้นก็พอ... นางเอกเปิดร้านอาหารบ้านเกิด ทำให้คนที่จากบ้านมาทำงานต่างถิ่นพอกินแล้วจะหวนคิดถึงบ้านเกิดตัวเอง พอนางเอกฟังสำเนียงลูกค้าก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ไหน แล้วนางก็จะปรับเปลี่ยนรสชาติให้ตรงกับรสชาติบ้านเกิดของลูกค้านั้นๆ คนเลยยิ่งชอบ+ติดใจ แห่มากินกันตั้งแต่ชนชั้นรากหญ้าไปจนถึงคนรวย แม้แต่ผู้สูงศักดิ์ก็ยังแอบปลอมตัวมากิน  

แต่พอคนสกุลเหยียนรู้ว่านางเอกมาเปิดร้านตรงนี้ก็ตามมารังควานแล้วสั่งให้คนลอบมาเผาร้านตอนดึก พอร้านถูกเผานางเอกก็ปิดร้านถาวรเลย คนที่เคยมากินก็พากันเสียใจ (แต่ตอนที่ร้านนางเอกโดนคนสกุลเหยียนมาตะโกนด่าปาวๆ และทำลายข้าวของ คนพวกนี้กลับไม่ช่วย แถมยังซ้ำเติมด้วยการฉวยโอกาสตอนที่สถานการณ์วุ่นวายเข้ามาขโมยของอีก นางเอกเลยปิดแม่ง!) พวกคนใหญ่คนโตพอรู้เรื่องที่นางเอกปิดร้านก็พากันโกรธคนทำและให้คนไปสืบเรื่องนางเอกจนสาวไปถึงคนสกุลเหยียนได้ในที่สุด...หึหึ พวกคนใหญ่คนโตที่ชื่นชอบอาหารนางเอกเลยแห่กันไปเล่นงานร้านอาหารคนสกุลเหยียนจนร้านต้องปิดเหมือนกัน ส่วนพระเอกก็ทำให้อดีตสาวใช้คนนั้น(ที่ตอนนี้กลายเป็นแม่ครัวหลวงคนโปรดของฮ่องเต้แล้ว) โดนขับไล่ออกจากวังไป 

ครอบครัวสาวใช้ถือดีว่าลูกตนทำงานในวังและเป็นคนโปรดฮ่องเต้ เลยใช้อำนาจบาตรใหญ่โดยการรังแกคนที่อ่อนแอกว่าหรือคนที่ทำอาหารขาย คือถ้าเมนูไหนขายดีกำลังฮิตก็จะให้คนไปบอกว่าเมนูนี้ทำถวายฮ่องเต้แล้วห้ามคนอื่นทำขายอีก ยกเว้นร้านตัวเองที่ทำขายได้ คือยึดสูตรอาหารที่คนอื่นคิดไปโต้งๆ เลย ...จากนั้นนางเอกก็ส่งสารไปขอท้าประลองกับคนสกุลเหยียน พอถึงวันนัดฮ่องเต้ก็มาเป็นกรรมการตัดสินด้วย นางเอกรู้ว่าฮ่องเต้ชอบสาวใช้คนนั้นและจะต้องตัดสินลำเอียงแน่ๆ เลยเสนอขอให้ใช้วิธีการของตนเพื่อความยุติธรรม เสนอให้แข่งทำบ๊ะจ่างและให้ชาวบ้านที่กำลังจะเข้าเมืองเป็นคนตัดสิน พอชนะนางเอกก็ขอตำราอาหารส่วนของพ่อกับมีดทองคำคืน จากนั้นก็เอาสูตรอาหารของพ่อครัวคนอื่นๆ ที่โดนฮุบไปคืนให้ทุกคน และก็เปิดโปงเรื่องที่อีกฝ่ายเคยสัญญาว่าจะไม่ใช้สูตรอาหารของพ่อนางเอกทำอาหาร แต่สุดท้ายก็แอบทำให้ทุกคนรู้... 

พอฮ่องเต้รู้ว่าแม่ครัวตนไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิดก็เลิกโปรด บอกให้อีกฝ่ายเลิกเป็นแม่ครัวแล้วมาเป็นสนมตนเองดีกว่ามั้ย? (ไม่ได้รู้สึกพิเศษใดๆ แล้ว มีแต่ความใคร่) หลังแข่งจบนางเอกเตรียมพาแม่ออกเดินทาง พระเอกพยายามรั้งคนไว้แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จเหมือนเดิม เพราะนางเอกไม่ใช่เจ้าของร่างเก่าอะเลยไม่รู้สึกอะไรกับพระเอก ไม่มีใครหรืออะไรให้อาลัยอาวรณ์ ก็แค่ต้องการกลับมากอบกู้ชื่อเสียงและทุกอย่างของพ่อร่างเดิมนี้คืนเท่านั้น เสร็จแล้วก็จะไป พระเอกดีแค่ไหนก็ไม่ได้ชอบ ไม่มีความรู้สึกแบบนั้น ใช้ชีวิตได้อย่างอิสรเสรีสุดๆ ไม่ยึดติดกับอะไรเลย ไม่ต้องเจ็บปวดกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยากทำไรก็ทำ ไปไหนก็ไป เราว่าแบบนี้ก็สบายใจดี... ส่วนพระเอกก็ได้แต่มานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารบ้านเกิดที่ลูกศิษย์นางเอกรับช่วงเปิดต่อด้วยความโหยหาคิดถึงคน เพราะส่งคนไปดักรอนางเอกกี่รอบก็ไม่เคยได้เจอ ต้องช้าไปก่อนก้าวนึงเสมอ... จบ


ชาติที่สองเป็นโลกของผู้คนที่มีระดับขั้นพลัง พลังยุทธ์ นางเอกมาอยู่ในร่างเด็กกำพร้าที่ถูกสำนักมารเก็บไปเลี้ยง(อย่าเรียกว่าเลี้ยงเลย) ให้เป็นหน่วยกล้าตายพร้อมบุกตะลุยตายแทนเจ้านายได้ ร่างเก่าหลงรักเจ้านายแต่เจ้านายดันไปหลงรักสาวใช้ของนาง พอนางตัดใจไปรักคนใหม่ ผู้ชายคนใหม่ก็ยังไปชอบสาวใช้ของนางคนนั้นอีก แต่นางเอกไม่ได้ชอบใครทั้งนั้น พอมาอยู่ร่างนี้นางก็ตัดสินใจจะสังหารเจ้านายของร่างเดิมทิ้งทันที เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเห็นเจ้าของร่างนี้เป็นคนอยู่แล้ว ไม่เคยปฏิบัติหรือทำดีด้วย แถมยังมีกู่(แม่)ที่ควบคุมกู่ลูกในร่างนี้อีก คือถ้าไม่ฆ่า ร่างนี้ก็ไม่มีวันหลุดพ้นสักที 

นางเอกเลยฝึกวิชาดาบอสูรที่ทำให้ไร้หัวใจ และเป็นวิชาที่ทำให้ร่างกายคนฝึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา วิธีเดียวที่จะระงับความเจ็บได้มีเพียงต้องยกดาบฆ่าคนเท่านั้น ยิ่งดาบเปื้อนเลือดมากเท่าไรคนฝึกก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น พระเอก(ผู้ชายที่ร่างเก่าหันมาชอบหลังอกหักจากเจ้านายเก่า) เห็นนางเอกฝึกวิชานั้นก็คิดจะสังหารนางเอกทิ้ง(ฮีรู้ว่าคนฝึกวิชานี้จะบ้าคลั่งฆ่าคนเป็นว่าเล่น) แต่ไปๆ มาๆ นางเอกกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ยังมีสติรู้ตัวดีตลอด จะยกดาบฆ่าเฉพาะคนเลว ฮีเลยเปลี่ยนใจ เปลี่ยนเป็นขอติดตามดูนางเอกไปเงียบๆ เรื่อยๆ แล้วกัน ...นางเอกก็โอเค เผื่อวันไหนตนบ้าคลั่งฉุดไม่อยู่จริงๆ จะได้มีคนคอยลงมือ พอฮีได้เห็นสิ่งที่นางเอกทำไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการอดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ ความเข้มแข็งในการพยายามประคองสติไม่ให้บ้าคลั่ง จิตใจที่ไม่เพิกเฉยต่อความอยุติธรรมที่เห็นตรงหน้า ความกล้าที่จะหยิบดาบสังหารคนชั่วโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะใหญ่โตมาจากไหน ในขณะที่ผู้มีพลังขั้นสูงๆ กลับยิ่งสูงยิ่งหัวหด ไม่กล้าลงมือทำอะไรแบบนี้ ไม่แม้แต่จะสนใจชีวิตชาวบ้านคนธรรมดา เพิกเฉย+ปล่อยให้คนชั่วรังแกคนอ่อนแอไม่มีพลัง เพราะกฏบ้าๆ ที่บอกว่าผู้มีพลังขั้นสูงไม่ก้าวก่ายกัน แต่นางเอกคือไม่สน หากใครก่อกรรมชั่วทำร้ายชาวบ้านนางก็พร้อมสังหารหมด พระเอกเลยเริ่มมีใจให้นาง แต่ก็รู้ดีว่านางเอกไร้หัวใจไม่มีความรู้สึกแบบชายหญิงแล้วเพราะฝึกวิชานี้ ...ก็จบแบบพระเอกเดินทางติดตามนางเอกท่องไปตามดินแดนต่างๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ


ชาติเทพสงคราม นางเอกมาอยู่ในร่างบุตรสาวภรรยาเอกของตระกูลแม่ทัพ (ในตอนนี้จะมีสามีเก่าของร่างนี้อีกคนที่ได้ย้อนกลับมาด้วย) ชาติก่อนสามีเก่ารักน้องสาวที่เป็นลูกอนุของภรรยา(เจ้าของร่างเก่า) แต่ถูกคนใช้แผนจึงทำให้พี่แกต้องถอนหมั้นกับคนรักแล้วไปแต่งกับเจ้าของร่างเก่า พี่แกเลยปฏิบัติกับเจ้าของร่างเก่าไม่ดี+ไม่สนใจ เอาแต่คิดและเป็นห่วงคนรักเก่าจนกระทั่งวันตาย ...พอย้อนกลับมาพี่แกเลยตั้งใจว่าชาตินี้จะต้องแต่งกับคนรักเก่าให้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นแผนการของคนรักพี่แกนั่นแหละจ้าาา

นางอยากแต่งกับท่านอ๋องไม่อยากแต่งกับคนธรรมดาเลยวางแผนล่มงานแต่งตัวเอง แต่ชาตินี้แผนแรกไม่สำเร็จ สามีเก่ากับนางเอกไม่ติดกับแผนนางเหมือนชาติก่อน พอใช้แผนสองแกล้งตกน้ำก็ล่ม แผนสามทุ่มสุดตัวถึงขนาดยอมค้างคืนกับท่านอ๋องเพื่อทำลายชื่อเสียงตัวเอง แต่ให้ตายสามีเก่าของนางเอกก็ยังไม่ยอมยกเลิกงานแต่งกับนาง ความจริงสามีเก่าก็เริ่มสงสัยพฤติกรรมของนางแล้วแหละ เพียงแต่ยังไม่อยากจะเชื่อ เพราะภาพลักษณ์คนรักตัวเองคือแสนดี ดูอ่อนโยนอ่อนแอใสซื่อมาตลอด พอมารู้ที่หลังก็เอ้า!นี่มันงูพิษนี่หว่า...55 อยากแต่งกับท่านอ๋องมากจนยอมทำลายชื่อเสียงตัวเอง ถึงท่านอ๋องจะมีภรรยาเอกอยู่แล้วก็ไม่เป็นไรให้แต่งไปเป็นอนุก็ได้ ยอม... เหอๆ 

ต่อมาเกิดสงคราม คนในตระกูลนางเอกที่ออกรบกำลังแย่ พ่อก็ถูกศัตรูจับเป็นตัวประกัน นางเอกเลยแอบหนีออกจากจวนไปช่วยพ่อ ส่วนสามีเก่าก็แอบมาดักรอแล้วขอตามไปด้วย ...นางเอกพิชิตใจทหารในค่ายเรียกขวัญกำลังใจทุกคนกลับคืนมาจนได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำ และสุดท้ายก็พลิกกลับมาชนะ แย่งชิงดินแดนกลับคืนมาได้ทั้งหมด ทำให้อีกฝั่งต้องถอยทัพหนีและขอเจรจาสงบศึก แต่พอข่าวชนะไปถึงเมืองหลวง พวกขุนนางในราชสำนักก็ถวายฎีการ้องเรียนนางเอกเรื่องนั่นนู่นนี่ พยายามเป่าหูฮ่องเต้ให้เรียกนางเอกกลับมาแล้วส่งคนอื่นไปคุมชายแดนแทน ฮ่องเต้ก็โดนกล่อมจนคล้อยตาม ...ทว่าในขณะที่กำลังเดินทางกลับนางเอกกับท่านอ๋องอีกคน(คนนี้ดี) ก็ถูกลอบสังหาร นางเอกพลัดตกแม่น้ำหายสาบสูญไม่รู้เป็นหรือตาย พอฝั่งศัตรูรู้ข่าวก็ยกดาบสังหารคนที่ฮ่องเต้ส่งมาทำข้อตกลงสงบศึกและยกทัพมาบุกดินแดนใหม่ทันที ฮ่องเต้ก็ใสเจียเสียใจไม่น่าเรียกคนกลับมาเลย บ้านเมืองเผชิญวิกฤติอีกครั้ง ข้าศึกก็บุกเอาๆ จนขุนนางมาขอร้องให้ฮ่องเต้เดินทางลงใต้เพื่อหนีภัยสงคราม ...ตอนนี้มีตัวเอกชายสองคน จบแบบนางเอกไม่แต่งงานแต่ขอเป็นแม่ทัพอยู่ชายแดน นานๆ ทีจะเข้าเมืองหลวงสักครั้ง ความสัมพันธ์เป็นแบบสหายร่วมรบ แนวมิตรภาพ ส่วนสามีเก่าก็หลงรักนางเอกจริงๆ แต่ไม่กล้าสารภาพหรือสานต่อเพราะรู้สึกผิดจากชาติก่อน ...เราว่าจบแบบนี้ก็ดีนะ ไม่ใช่พอได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้หรือมีอำนาจเหนือกว่าก็ไปบังคับให้เขาแต่งด้วย แบบนี้ก็ดี ปล่อยให้เธอได้โบยบิน อยู่ห่างๆ แบบห่วงๆ คบกันแบบสหายผู้รู้ใจ (ชาตินี้มีเสียน้ำตาให้บ้านนางเอกที่ออกรบด้วย T0T)


สามชาติแรกนางเอกไม่มีหวั่นไหวหรือหน้าแดงใจเต้นกับใครเลย นิ่งมาก ไม่คิดแต่ง ไม่มีความรู้สึกใดๆ แบบไม่เอาเลย แต่อย่างเพิ่งถอดใจ เพราะนางจะเริ่มมามีพัฒนาการในชาติที่ 4 ที่เป็นช่างปักนี่แหละ ...ชาตินี้นางเอกเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พ่อตายแล้ว ในบ้านเหลือแต่ผู้หญิง อีกทั้งกิจการของที่บ้านก็กำลังย่ำแย่ นางเอกถูกแม่บังคับให้เรียนปักผ้าทุกวัน จากที่ปักออกมาเป็นตัวอะไรไม่รู้ก็ค่อยๆ ปักดีขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันหนึ่งได้เย็บชุดให้เพื่อนบ้านที่เป็นตระกูลตกอับใส่ไปออกงาน พอคนในงานเห็นชุดที่นางเอกเย็บก็ฮือฮาอยากรู้ว่าช่างปักคนนี้เป็นใคร จากนั้นถึงได้เริ่มมีคนมาจ้างเย็บชุด พอเริ่มมีเงินนางเอกก็หุ้นเปิดร้านกับเพื่อนข้างบ้านคนนั้น 

ส่วนพระเอกเป็นพี่ชายข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมา หลานชายอดีตฮองเฮาที่ฮ่องเต่สั่งปลด แต่แม่พระเอกซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของฮองเฮายืนอยู่ข้างน้องสาว ก็เลยถูกบ้านสามีตัดขาดไล่ออกจากตระกูล พระเอกกับน้องสาวเลยหอบสินเดิมของแม่ตามมาซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ ฮองเฮาเพื่อคอยดูแล พระเอกได้แรงบันดาลใจจากนางเอกที่มุ่งมั่นฝึกเรียนปักผ้าเลยตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพ ...ชาตินี้นางเอกได้แต่งงานเพราะที่บ้านอยากได้เขยแต่งเข้า แล้วนางเอกก็ไม่ชอบเข้าสังคม ขี้เกียจไปทำความรู้จักกับคนอื่นใหม่ กับพระเอกคือรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว แถมนางเอกอยากทำอะไรพระเอกก็ตามใจช่วยซัพพอร์ตตลอด สุดท้ายนางเลยยอมแต่ง ส่วนพระเอกก็ยินดีแต่งเข้า(มาก) ถึงจะรู้ว่านางเอกไม่ได้ชอบตัวเองแบบคนรัก แต่ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดก็ยังดี...


ชาติหมอเทวดา ชาตินี้วิญญาณนางเอกมาเข้าร่างหญิงสาวที่เกิดในตระกูลหมอ พ่อของร่างเดิมตายเพราะช่วยปกป้องท่านแม่ทัพ บ้านแม่ทัพเลยรับเลี้ยงลูกสาวของหมอเพื่อตอบแทนบุญคุณ เลี้ยงดูดีและตามใจมากไม่ต่างจากคุณหนูคนหนึ่งเลยจนร่างเก่ามีนิสัยเอาแต่ใจดื้อรั้น เดิมร่างเก่ามีสัญญาหมั้นหมายกับคุณชายรองในจวนแม่ทัพ แต่พอโตขึ้นคุณชายรองกลับไปตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ เลยจะขอยกเลิกสัญญาหมั้น แต่ร่างเก่าไม่ยอม พอคุณชายรองหนีออกจากบ้านนางก็ตาม และไปๆ มาๆ ก็ทำให้คุณชายใหญ่หรือพระเอกได้รับบาดเจ็บหนักเพราะความดื้อรันเอาแต่ใจของนาง

พระเอก(ลูกชายคนโตของท่านแม่ทัพ ความหวังของจวน)ได้รับบาดเจ็บจนเป็นอัมพาตจากการช่วยชีวิตร่างเดิม นางเอกเข้ามาอยู่ร่างนี้ตอนที่เจ้าของร่างกำลังจะถูกไล่ออกจากจวนพอดี ตอนแรกนางเอกจะไปแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจขออยู่ต่อเพื่อหาวิธีรักษาขาพระเอกก่อนละกัน ...นางเอกขอย้ายไปอยู่ในเรือนพระเอก ดูแลเรื่องการกินอยู่ทุกอย่าง ตอนแรกพระเอกผอมโซมากเพราะไม่ยอมกินข้าว แต่เจอนางเอกพูดแทงใจดำไปสุดท้ายเลยกลับมากินข้าวตามเดิม เริ่มกลับมาพูดและแสดงอารมณ์ ไม่ใช่เอาแต่นั่งเหม่อใช้ชีวิตให้พอผ่านไปวันๆ ...จากนั้นทุกวันนางเอกก็จะไปเอาตำราแพทย์ที่พ่อทิ้งไว้มาศึกษา พอสาวใช้ในเรือนหรือใครในเรือนพระเอกป่วยนางเอกก็จะขอตรวจแล้วจ่ายยาให้ แต่พอดีว่าสาวใช้คนนั้นไม่ชอบนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยไม่กินยาที่นางจ่าย พอพระเอกรู้ก็เลยไล่สาวใช้คนนั้นออกและทำให้ตัวเองป่วยเพื่อให้นางเอกมารักษาแทน 

พอพระเอกเริ่มดีขึ้น นางเอกก็จะสะพายตะกร้าแล้วออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่อยู่ไกลๆ เพื่อรักษาคน และตามหาคนที่มีอาการป่วยคล้ายพระเอกเพื่อมารักษา ...ชอบนิสัยนางเอก แบบนางเป็นคนยืดได้หดได้ ตอนที่มีหมอเก่งๆ (คนที่อดีตคู่หมั้นร่างเก่าไปชอบ) มาบอกว่าจะยอมรักษาพระเอกให้ก็ได้ถ้านางเอกยอมมาโขกศีรษะขอขมานางที่หน้าร้านหมอ นางเอกก็ไม่คิดมากรับปากว่าจะไปขอโทษทันทีเลย ไม่ยึกยักเลยแบบยืดได้หดได้ ไม่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง กลับเป็นพระเอกซะอีกที่ไม่ยอม สวนกลับเป็นชุดๆ แล้วก็ห้ามไม่ให้นางเอกไป 

ตอนนี้จะมีตัวละครหนึ่งที่วิญญาทะลุมิติมาจากอนาคตด้วย เป็นศัลยแพทย์ เย็บแผล+ผ่าตัดได้ แต่รักษาโรคไม่ได้ เวลานางออกไปรักษาจะต้องมีหมออีกคนอยู่ด้วยแล้วให้หมอคนนั้นวินิจฉัยอาการก่อน ส่วนนางก็จะไหลตามน้ำไปทีหลัง ความมาแตกตอนหมอที่เป็นคู่หูนางจากไป คนถึงได้รู้ว่านางรักษาโรคไม่ได้ ตอนแรกนางคิดจะขโมยตำราแพทย์ของนางเอกไปศึกษา แต่ถูกนางเอกจับได้ก่อน ต่อมาเลยทำทีเป็นขอยืมแทน พวกฮูหยินผู้เฒ่ากับแม่พระเอกตอนนั้นยังไม่รู้ นึกว่านางเป็นหมอเทวดาจริงคิดว่านางสามารถรักษาพระเอกได้ เลยอนุญาตและสั่งให้คนไปหยิบตำรานางเอกมาให้ 

พอนางเอกรู้และได้ฟังสิ่งที่ทุกคนพูดกล่อมก็ขี้เกียจจะเสวนาโต้แย้ง เลยกล่าวลาและหันหลังออกจากจวนไปเดี๋ยวนั้นเลย คืออยากได้ไรเอาไปเลย ส่วนนางเอาแค่ตะกร้าสะพายหลังกับจอบไว้ขุดดินหาสมุนไพรไปอันเดียวเท่านั้น พอพระเอกรู้ว่าคนไม่อยู่ก็โมโห สั่งให้คนไปเอาตำราคืนมาและออกตามหานางเอก ความจริงนางเอกรักษาพระเอกหายแล้วแต่ยังไม่ได้บอกคนในจวน พอคนในจวนเห็นพระเอกเดินได้ก็อึ้ง ไม่คิดว่านางเอกจะรักษาได้จริง ...ในชาตินี้นางเอกเต็มใจแต่งงานด้วย เพราะชอบความรู้สึกที่มีคน(พระเอก)คอยปกป้อง (เห็นไหมนางเริ่มมีความรู้สึกแล้ว)


ตอนแม่แห่งชาติ นางเอกมาอยู่ในร่างผู้หญิงวัย 40 ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบท ครอบครัวทำอาชีพปลูกดอกไม้(มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง) เป็นครอบครัวหัวเก่า ร่างเดิมไม่ได้เรียนหนังสือตามระบบแต่เรียนพวกคัมภีร์ต่างๆ ตามสมัยโบราณ ได้แต่งงานกับเด็กหนุ่มในหมู่บ้านใกล้ๆ ที่ฐานะยากจนแต่หัวดี พ่อเจ้าของร่างเก่าเสนอว่าจะช่วยออกค่าเล่าเรียนให้แต่มีข้อแม้คืออีกฝ่ายจะต้องแต่งงานกับลูกสาวตน แต่พอผู้ชายได้ไปอยู่เมืองใหญ่+ได้ดีก็ไปแต่งงานกับลูกสาวเจ้านายและมาขอหย่ากับร่างเดิม ซ้ำยังฟ้องแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงลูกไปจากเมียด้วย 

พอเอาลูกไปอยู่ด้วยก็ดูแลไม่ดี ทิ้งๆ ขว้างๆ รักดูแลแต่ครอบครัวใหม่ตัวเอง ให้ลูกใช้ของเหลือจากลูกเมียใหม่ พอลูกโตก็ทนไม่ไหวต้องหนีออกจากบ้าน พอได้เดบิวท์ออกอัลบั้ม อิลูกสาวคนละแม่ก็ตามเข้ามาทำงานในวงการและใช้นางเป็นสะพานเหยียบขึ้นไปอีก พอนางเอกมาอยู่ในร่างคนเป็นแม่ นางเลยเริ่มดูแลตัวเอง วางแผนหาเงิน เพื่อหาสถานที่ปักหลักให้ลูกสาว เยียวยาจิตใจช่วยแก้ปมในใจให้ลูกสาวของร่างนี้ คอยช่วยเหลือและปกป้องลูกทุกอย่าง จนทำให้ลูกกลับมาเข้มแข็งและหายจากอาการซึมเศร้า ไม่คิดฆ่าตัวตายซ้ำรอยเดิมเหมือนในชาติก่อนอีก สมกับชื่อตอนแม่แห่งชาติฝุดๆ คือทำเพื่อลูกจริงๆ


ตอนเด็กอัจฉริยะ อันนี้มาอยู่ในร่างเด็กสาวชนบทที่ครอบครัวยากจนมากกก พ่อแม่ตายหมดเหลือแค่เจ้าของร่างกับปู่ 2 คน แต่ปู่เป็นคนซื่อ เชื่อคนง่าย คิดจะหาย่าใหม่มาดูแลหลาน แต่กลับถูกอีกฝ่ายหลอกแทน...เหอๆ หลอกให้ไปทำงานในไร่ดูแลสวน เสียเงินซื้อนั่นนู่นนี่จนแทบหมดตัวแล้วสุดท้ายก็ตกบันไดลงมาเป็นอัมพาตครึ่งล่างในตอนที่กำลังซ่อมบ้านให้เขา แต่เขาก็ไม่รับผิดชอบไม่เคยมาดูดำดูดี... เหอๆๆ 

พอนางเอกมาอยู่ในร่างหลานปู่ นางก็วางแผนเอาตังค์ที่ปู่เสียไปกลับคืนมาก่อนเลยจ้า พอดีมีรายการโทรทัศน์ชื่อรายการจุดเปลี่ยน เป็นรายการที่จะให้เด็กบ้านรวย(ที่เกเร) มาทดลองใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเด็กจนสามเดือนเพื่อปรับเปลี่ยนนิสัย แต่ถ้าอยากกลับก่อนก็ต้องทำงานหาเงินเองมาให้ทางรายการคนละ 5000 หยวนถึงจะได้กลับ บ้านคนที่ปู่ไปแอบชอบถูกเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำ คนบ้านนั้นเลยไม่กล้าโต้ตอบตอนนางเอกมาทวงเงิน สุดท้ายก็ต้องยอมคืน ไม่งั้นเจอนางเอกเล่นใหญ่กว่านั้นแน่55 แต่ตังค์ที่ได้มาก็ยังไม่พอนางเอกเลยต้องคิดวิธีหาเงินเพิ่มต่ออีก (ดูนางเอกหาเงินสนุกมาก)

นางเอกอย่างเท่ ทั้งเท่ทั้งน่าเอ็นดู สู้ชีวิตมาก ขึ้นเขาตัดฟืนแบกฟืนคนเดียวก็ทำได้ ทำอะไรเองได้หมด ทำอาหารก็อร่อย จนสามหนุ่มลูกคนรวยที่มาถ่ายทำรายการอยู่บ้านข้างๆ ติดใจในฝีมือ ต้องมาขอทำงานแลกข้าวทุกวัน ตอนแรกผู้กำกับจะถอดใจและคิดว่าสามคนนี้คงเปลี่ยนนิสัยเดิมไม่ได้ แต่พอเห็นว่าทั้งสามคนเริ่มเปลี่ยนตอนเจอนางเอกเลยให้ช่างภาพคอยตามแอบถ่ายนางเอกไปด้วย... จริงๆ  ถึงนางเอกจะมีสกิลจากชาติอื่นๆ ติดตัวมาแต่ก็ไม่ได้เก่งเวอร์ นางทำทุกอย่างแบบค่อยเป็นค่อยไปเท่าที่เด็กสาวอายุ 13-14 คนหนึ่งจะทำได้ เช่นหาเงินด้วยการดูแลคนป่วยในโรงพยาบาล(เพราะนางแรงเยอะ+ทำอาหารอร่อยคนเลยชอบ) ทำอาหารไปขายหน้าโรงเรียนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แบบหอบของใส่จักรยานเก่าๆ ปั่นไปขายตามลำพัง พยายามพึ่งพาตัวเองอย่างสุดกำลัง ไม่รอโชคชะตาหรือร้องขอให้ใครช่วย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใจจืดใจดำขนาดเห็นคนถูกรังแกแล้วไม่ช่วย ขณะที่สามหนุ่มลูกคนรวยเอาแต่ยืนดูแล้วหัวเราะ แต่นางเอกคือทิ้งจักรยานแล้วพุ่งตัวเข้าไปช่วยเลย จริงๆ เราว่าก็ดีนะที่เขียนให้นางมีทักษะจากชาติเดิมติดตัวมา เพราะมันเอามาปรับใช้ได้จริงเกือบหมดเลย ทำให้นางเอกสามารถอยู่รอดในชาติต่อๆ ไปได้ด้วยกำลังของตนเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตาม เหมือนมีพื้นฐานมาก่อนเลยต่อยอดได้ไว 

พอสามหนุ่มลูกคนรวยนั่นเห็นนางเอกที่อายุน้อยและตัวเล็กกว่าตนพุ่งไปช่วยคนก็ละอายใจ รู้สึกผิดต่อการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง ตั้งใจว่าหลังกลับไปจะไปขอโทษทุกคนที่ตนเคยรังแกถึงที่บ้าน... หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ตามติดนางเอกยังกับตังเม ส่วนคนในบ้านที่ถูกเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำก็ได้แต่แค้นใจอิจฉาริษยา ทว่าก็ทำไรไม่ได้เพราะไม่กล้าล่วงเกินคนจากในเมือง ส่วนนางเอกก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่รู้เลยว่าคนอื่นเขากำลังมองตัวเองเป็นแบบอย่างอยู่... พวกพ่อแม่ลูกคนรวยทั้งสามก็ปลื้มใจที่ลูกเปลี่ยน และก็อยากรับนางเอกมาอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ แต่นางเอกปฏิเสธ ขอเลือกพึ่งพาตัวเองดีกว่า เพราะรู้สึกว่ามีอิสระกว่ากันเยอะ แถมไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใครด้วย เพราะนางไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครอะ ถ้าติดต้องหาทางชดใช้คืน

ป.ล.จริงๆ มีอีก 2-3 ตอนที่ชอบ อย่างตอนนางกู่ กับเซียนหญิง แต่รีวิวไม่ไหวแล้วมันเยอะมาก เดี๋ยวจะยาวเกิน แต่ละชาติก็จะมีปัญหาอุปสรรคแตกต่างกันไป โดยรวมก็สนุกดี  ถ้าใครชอบก็ไปหาอ่านกันเน้อ55


วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567

สแกนหัวใจให้เจอรัก 4 เล่มจบ


สแกนหัวใจให้เจอรัก 4 เล่มจบ

ผู้แต่ง : หงจิ่ว

ผู้แปล : พิรุณเดือนสารท

สำนักพิมพ์ With Love

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

อีกเรื่องของหงจิ่ว เรื่องนี้อยู่ในจักรวาลเดียวกับเรื่องน้ำกับไฟผลสุดท้ายคือรัก และดีไซน์รักคุณนักออกแบบ 

นางเอกชื่อ เหยาจยา เป็นลูกสาวคนเล็กของเจ้าของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าคุนอวี่ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าเจ้าใหญ่ที่สุดของประเทศ มีนิสัยดื้อดึงหัวรั้น มีความขบถชอบต่อต้าน(พ่อแม่) ไม่ยอมคน แต่ชอบช่วยเหลือคนอื่น เวลาเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่อาจนิ่งดูดาย ตรงข้ามกับพระเอก เมิ่งซิงเจ๋อ ประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เย็นชาขี้เก๊ก หลงตัวเอง รักความสบาย ผลประโยชน์ของตัวเองต้องมาก่อนและไม่ชอบช่วยเหลือคน 

คนหนึ่งเป็นคุณหนูลูกเจ้าของบริษัท ส่วนอีกคนก็เป็นคุณชายใหญ่เจ้าของบริษัทเครื่องไฟฟ้าน้องใหม่ที่กำลังบุกตีตลาด แต่ด้วยเหตุผลบางประการจึงทำให้ทั้งคู่ต้องปิดบังตัวตนและเข้ามาทำงานในแผนกสัมพันธ์หรือ call center ของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าคุนอวี่ ถ้าเปรียบกับห่วงโซ่อาหารนี่ก็คงเป็นห่วงโซ่อาหารที่อยู่ต่ำสุด เพราะเป็นแผนกที่คนมองข้ามไม่ให้ความสำคัญ แต่กลับเป็นด่านหน้าที่ต้องคอยรับมือและรองรับอารมณ์ของลูกค้าก่อนที่จะส่งต่อไปให้แผนกอื่นๆ 

พระนางเรื่องนี้ออกแนวคู่กัด เจอหน้ากันทีไรไม่เคยพูดกันดีๆ ต้องได้จิกกัดกันก่อนถึงจะมีความสุข พระเอกก็ปากแจ๋ว อ้าปากพูดทีแทบทำให้คนอยากกระอักเลือดตาย แต่นางเอกก็ใช่ย่อย จิกมาก็จิกกลับไม่โกง หล่อแค่ไหนก็ไม่มีผลต่อการด่า มวยถูกคู่จริงๆ สองคนนี้55 ...ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตากันและ เพราะนางเอกไปวิจารณ์รูปโลโก้บริษัทพระเอกว่าไม่สวย เลยทำให้พี่แก(คนออกแบบ)ไม่พอใจ จบดอกแรกไปก็ได้มาเจอกันอีกตอนสมัครงานแผนก call center ขิงกันไปมาว่าใครจะได้ที่หนึ่งในการสอบ สุดท้ายก็โหล่รั้งท้ายทั้งคู่ แถมพอได้ทำงานก็ยังต้องมานั่งข้างกันอีก...โถๆๆ อะไรจะซวยขนาดนั้น คือเป็นพระนางที่ไม่ถูกขี้หน้ากันสุดๆ แต่สวรรค์ก็ช่างเป็นใจ(หรืออยากจับคู่) เลยทำให้สองคนนี้ต้องมาเจอและอยู่ใกล้ๆ กันอยู่ร่ำไป เจอกันที่ทำงานตอนกลางวันไม่พอ ตกเย็นก็ยังต้องมาเจอกันที่หอพักพนักงานต่ออีก55 

ตลกมาก คือนางเอกย้ายมาอยู่หอพักเพราะมึนตึงกับพ่อแม่ กลับไปบ้านก็ไม่เจอใครเลยรู้สึกเหงา ก็เลยย้ายมาอยู่หอพักพนักงานดีกว่า แต่ของพระเอกย้ายมาเพราะบ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานเลยทำให้มาเข้างานสาย ซึ่งถ้าสายอีกจะถูกประเมินไม่ให้ผ่านและจะถูกไล่ออก(ต้องแพ้พนันเพื่อนสนิท) พี่แกเลยจำใจต้องย้ายมาอยู่หอพัก แต่ก่อนหน้านั้นเปรี้ยวไง ไปขิงนางเอกไว้เยอะ บอกว่าให้ตายตัวเองก็ไม่มีทางย้ายเข้าไปอยู่ที่แบบนั้นหรอกบลาๆ แต่สุดท้ายเป็นไง ก็กลืนน้ำลายตัวเองสิจ๊ะ55 

พอย้ายเข้าไปก็อดได้ห้องที่ดีที่สุด ต้องใช้ห้องน้ำรวมร่วมกับคนอื่น55 เพราะนางเอกมาก่อนเลยเลือกเอาห้องที่ดีที่สุดและมีห้องน้ำในตัวไปแล้ว พอพระเอกรู้ก็พยายามใช้เงินฟาดหัว(นิสัยคุณชายกำเริบ)เพื่อให้นางเอกแลกห้อง ตอนแรกนางเอกไม่แลก แต่พอดีเพื่อนสนิทโน้ตบุ๊กเสียหาร้านซ่อมไม่ได้ พระเอกแอบได้ยินเขาคุยกัน เลยยื่นข้อเสนอว่าจะซ่อมโน้ตบุ๊กให้แต่ขอแลกกับการเปลี่ยนห้องนะ สุดท้ายนางเอกเลยต้องยอม ...คือพระเอกอะนิสัยคุณชายมากกก บ้านรวย กินหรูอยู่สบายมาแต่เด็ก พ่อแม่เลี้ยงแบบตามใจ(ซึ่งตรงจุดนี้มีสาเหตุอยู่ต้องไปลองอ่านน๊า) ไม่เคยหยิบจับทำไรเอง ขนาดของหล่นยังไม่เก็บ พอมาอยู่หอพักกับคนอื่นอิพี่ก็ยังติดหรู(ลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสวมบทบาทเป็นพนักงาน call center ตัวเล็กๆ) สั่งของหรูๆ อย่างโคมไฟอิตาลี เก้าอี้นวดไฟฟ้าและนั่นนู่นนี่มาลงห้อง อาหารก็ออกไปกินข้างนอก แต่ลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองเอาเงินไปลงกับบริษัทหมดแล้ว กำลังเข้าสู่สถานะยาจก ทุกคนเลยคิดว่าพระเอกจนแต่ไม่เจียม55 แล้วอิพี่ก็ยังไปนัดสาวๆ กินข้าวอีกนะ(จะหลอกถามข้อมูลบริษัท) คราวนี้ก็ไม่มีตังค์น่ะสิ แต่อิพี่ก็ยังไม่ละความพยายาม แก้ปัญหาด้วยการไปยืมตังค์นางเอก โอ๊ยยย ทั้งปากแจ๋วทั้งหน้าหนา พอนางเอกไม่ให้ก็บอกว่าที่ไม่ให้เพราะหึงที่ตัวเองไปกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่นใช่มั้ย? ชอบตัวเองล่ะสิ? แล้วนางเอกก็เป็นประเภทแบบบอกซ้ายไปขวาบอกขวาไปซ้าย พระเอกก็จับจุดนางออก รู้ว่าพูดยังไงนางเอกถึงจะยอม ตลกมากคู่นี้ ชอบเวลาเขาเถียงกันฮาดี

สุดท้ายนางเอกก็ให้ไป 250 หยวน(ทุกครั้ง) ส่วนพระเอกก็โวยวายบอกแค่นี้จะไปพออะไรบลาๆ เอากะพี่แกสิ จนแล้วยังติดหรูอีกน้อ55+ สุดท้ายก็ต้องพาสาวไปเลี้ยงพิซซ่า(หรูกว่านี้ไม่ได้ตังค์ไม่พอ เพื่อนสนิทก็ไม่ให้ยืม55) สาวก็นึกว่าจะได้กินอาหารหรูๆ หรืออย่างน้อยก็ต้องได้คุยเรื่องรักโรแมนติกบ้างแหละ แบบนึกว่าพระเอกจะจีบอะ แต่พระเอกคือคุย+ถามแต่เรื่องงาน หลังจากนั้นเลยไม่มีใครยอมไปกินกับพี่แกอีก รอบเดียวพอ ...คนที่ทำงานรวมทั้งนางเอกก็นึกว่าพระเอกชอบผู้หญิงขาวสวยรวย(ก็พระเอกชอบพูดแบบนี้) เลยไม่สงสัยว่าพระเอกกำลังแอบสืบข้อมูลในบริษัท แต่นึกว่ากำลังหาทางลัดจีบผู้หญิงโปรไฟล์ดีๆ อยู่55 แล้วพระเอกก็ไปว่าเรื่องที่นางเอกไม่มีแฟน นางเอกก็เลยไปหาคนมาแสดงเป็นแฟนปลอมๆ เพื่อเอาชนะ พระเอกก็เจ็บจี๊ดไม่คิดว่านางเอกจะมีแฟนจริง คือไม่รู้ตัวว่าชอบเขาแล้วแต่ปากแจ๋วไปงั้น พอเห็นเขามีแฟนก็ได้แต่แอบเจ็บแอบหึง

พอรู้ตัวว่าชอบเขาแล้วก็ต้องพยายามหักห้ามใจ กลืนน้ำลายตัวเองสุดๆ เพราะเคยว่าเขาเอาไว้เยอะ พอได้ยินนางเอกเอ่ยถึงแฟนหรือไปไหนกับแฟนปลอมๆ พระเอกก็จะปวดใจ ทว่าก็ยังปากเสียชอบจิกกัดเขาเหมือนเดิมตลอด จริงๆ อ่านไปก็คิดนะว่าจะรักกันยังไงคู่นี้เพราะพระเอกปากเสียมาก55 ตอนนางเอก(มีธุระ)ต้องออกไปข้างนอกกับแฟนปลอมๆ พระเอกก็จะแอบหึง+ห่วงไม่ยอมนอน ต้องรอจนกว่าจะได้เห็นนางเอกกลับมาที่หอพักก่อนถึงจะนอนหลับได้อย่างสบายใจ55 ...ไปๆ มาๆ จากที่ไม่เคยยอมใครก็เริ่มยอมลงให้นางเอก(คนเดียว) นี่แหละ

ความจริงพระนางเรื่องนี้ต่างก็มีปมในใจบางอย่างนะ นางเอกมีปมเรื่องครอบครัว คิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน พ่อแม่ไม่รัก รักแต่พี่สาว(ที่ป่วย) ก็เลยชอบต่อต้านพูดจาประชดประชันยั่วโมโหพ่อ ส่วนพระเอกมีปมบางอย่างในวัยเด็ก จึงทำให้กลัวความมืด กลัวหมา และกลัวมด และเพราะปมนั้นแหละเลยทำให้พระเอกกลายเป็นคนไม่ชอบช่วยเหลือใคร เห็นแก่ตัว ...แต่พอได้มาทำงานในแผนกนี้ วันๆ ต้องเจอและรับมือกับปัญหาต่างๆ จากลูกค้าที่โทรเข้ามามากมายสารพัด ทั้งหนักทั้งเบา แล้วไหนจะปัญหาของเพื่อนร่วมงานรอบๆ ตัวอีก แต่เพราะสิ่งเหล่านี้แหละจึงทำให้นิสัยของพระนางค่อยๆ ถูกขัดเกลาตามไปด้วย ต่างคนต่างได้ช่วยคลายปมปัญหาในใจของแต่ละฝ่ายโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเปลี่ยนจากคู่กัดกลายมาเป็นคู่รักได้ในที่สุด...ฮิ้ววว

ยังคงเป็นแนวรักในวัยทำงานเหมือนสองเรื่องก่อนหน้า แต่เรื่องนี้จะมีปัญหาของคนรอบข้าง ปัญหาการทุจริตในบริษัทที่นางเอกต้องตามสืบพ่วงเข้ามาด้วย และตามด้วยปัญหาหัวใจของคนหัวดื้อ+ปากแข็งสองคน ที่ทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยุ่ง55 ...แต่ไม่มีดราม่าหนักอะไรหรอก เพราะถึงนางเอกจะดูดื้อชอบต่อต้านแต่ที่สุดแล้วก็เป็นคนมีเหตุผล ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ปากร้ายแต่ใจดี เช่น ถึงจะเคยถูกเพื่อนร่วมงานคนนี้หาเรื่องหรือเล่นงานลับหลัง แต่พอถึงคราวที่อีกฝ่ายมีปัญหา นางเอกก็พร้อมยื่นมือเข้าช่วยโดยไม่ลังเล หรืออย่างตอนที่มีลูกค้าโทรมาร้องเรียนช่างในบริษัท นางเอกก็จะไม่ส่งเรื่องไปเดี๋ยวนั้น แต่จะไปลองถามสาเหตุจากช่างคนนั้นก่อน ถ้าไม่ใช่แบบที่ลูกค้าพูดเป็นการเข้าใจผิด นางเอกก็จะช่วยเป็นตัวกลางสื่อสารให้จนทำให้ลูกค้ายกเลิกไม่ร้องเรียน ส่วนพระเอกก็เหมือนได้รับอิทธิพลจากนางเอกไปด้วยส่วนหนึ่ง จึงทำให้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดีทิ้งไป อาจไม่ได้ใจดีถึงขั้นนางเอก แต่เวลาเห็นใครมีปัญหาพี่แกก็ไม่ได้เย็นชาหรือนิ่งเฉยขนาดนั้นแล้ว เริ่มละทิ้งนิสัยจู้จี้จุกจิก อยู่ยากกินยาก นอนยาก ทำอะไรต้องเนี้ยบ มาเป็นอยู่ง่ายกินง่าย ไม่(ค่อย)เรื่องมาก หัดทำไรเอง แม้จะยังปากแจ๋ว หลงตัวเอง แต่ก็ไม่ได้น่าหมั่นไส้เท่าเมื่อก่อน(แล้วมั้ง) อีกอย่างถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัยหรือต้องปกป้องนางเอก พระเอกก็จะพุ่งตัวออกไปก่อนคนแรกทันทีเลย

ในเล่มของตัวเองคือจบแฮปปี้ จบถึงตอนกำลังจะไปจดทะเบียนสมรส จริงๆ จะไม่เป็นไรเลยถ้าไม่ได้ไปเจอเรื่องของคู่นี้ต่อในเรื่องดีไซน์รักคุณนักออกแบบเล่ม 4 อะ แล้วคือแบบโผล่มาก็สถานะหย่าร้างเลย what??? เกิดไรขึ้นหลังจากแต่งงานกันเนี่ย งงมากพี่จ๋า ตอนแรกนึกว่าจะมีเฉลยในเล่มสแกนหัวใจแต่ก็ไม่มีเน้อ บอกเลยว่าค้างมาก อยากรู้เลยว่าทำไมเขาถึงหย่ากัน? แล้วพระเอกก็ออกไปตั้งบริษัทใหม่ด้วย คือในเรื่องสแกนหัวใจเล่มสุดท้ายบริษัทพระเอกกำลังจะถูกบริษัทนางเอกซื้อควบไปรวมกิจการ เนื่องจากถูกบริษัทที่ให้บริการช่องทางการขายของออนไลน์บนเน็ตยกเลิกสัญญา ไม่ให้สินค้าของบริษัทพระเอกวางขาย เพราะบริษัทนี้อยากซื้อบริษัทพระเอกแต่พี่แกไม่ขาย พ่อนางเอกเลยยื่นขอเสนอขอซื้อแล้วแบบให้ขอเสนอที่ดีกว่า(มาก) ตอนแรกพระเอกจะไม่ขาย เพราะทำใจไม่ได้ที่ต้องกลายเป็นลูกน้องนางเอก หรือทำอะไรต้องผ่านความเห็นของคนอื่น กลัวว่าถ้าวันหนึ่งเลิกกันแล้วบริษัทจะเป็นไงต่อ พ่อพระเอกเลยบอกว่าไม่ต้องกลัว ถ้ามีวันนั้นก็แค่ให้ออกมาตั้งบริษัทใหม่เพราะพระเอกเก่งอยู่แล้ว ต้องสร้างใหม่ได้แน่นอน ...(พ่อพูดเป็นลางนะเนี่ย สรุปหลังแต่งเลิกกันจริง🤣) ไม่รู้ว่าทั้งคู่เจอมรสุมหรือปัญหาอะไรจนทำให้เดินไปถึงจุดๆ นั้น ทำให้เราสงสัยเลยอะ แต่ในเรื่องดีไซน์ดูก็รู้นะว่าพระเอกยังรักนางเอกอยู่ เหมือนวางแผนให้บริษัทใหม่ตัวเองถูกนางเอกซื้อไปอีกครั้งด้วยซ้ำ แต่ต้องให้คนอื่น(นางเอกดีไซน์)มาออกหน้าพูดแทน แต่มันคาใจอะ อยากรู้ว่าหลังแต่งมันมีอะไรเกิดขึ้น




วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ชายาอ๋องน้อยยอดเซียนการค้า


ชายาอ๋องน้อยยอดเซียนการค้า

ผู้แต่ง  : ซีหลานฮวาฮวา

ผู้แปล : ไผ่กวนอิม

สำนักพิมพ์ Camellia Novel

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

แนวยอดฮิต อ่านได้ไม่มีเบื่อขายได้ตลอดกาลจริงๆ 55 พล็อตนางเอกตายแล้วทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณ มาอยู่ในร่างเด็กสาวชนบทที่ยากจนข้นแค้นชีวิตสุดแสนจะลำบาก พ่อแม่ตาย ส่วนญาติพี่น้องก็รังเกียจดูถูกไม่ชอบหาว่าเป็นตัวอัปมงคลตัวซวย ชีวิตเจอแต่มรสุมรุมเร้า พอไปขอพึ่งพาญาติก็ถูกเขารังเกียจ ทั้งที่เราไม่ได้ไปมือเปล่าแต่พกเงินพกอาหารไปเอง แต่กลับต้องอยู่อย่างอดๆ อยากๆ หน้าเหลืองตัวผอมโซเพราะไม่เคยได้กินอิ่ม ต้องอาศัยในกระต๊อบเก็บฟืนเก่าๆ โทรมๆ แถมยังถูกคนในบ้านญาติรุมรังแก แล้วสุดท้ายก็ถูกผลักตกหน้าผาตาย นางเอกก็เลยได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน(ไงล่ะ)

นางเอกเป็นหญิงสาวจากยุคปัจจุบันอยู่ในวัยทำงานแล้ว ประสบอุบัติเหตุดินถล่มตายจากนั้นวิญญาณก็ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ 'หร่วนหมิงจือ' เด็กสาววัย 11 ที่มีชื่อเดียวกับตัวเอง เจ้าของร่างเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ตายหมดแล้วเหลือแต่น้องสาวที่เป็นใบ้ พอพ่อแม่ตายก็มาขออาศัยพึ่งพิงอยู่กับย่า แต่สองพี่น้องก็ไม่เป็นที่ต้อนรับ ถูกหาว่าเป็นตัวซวยทำให้พ่อแม่ตาย แล้วก็ถูกคนในบ้านย่ากลั่นแกล้งรังแกต่อว่าสารพัด ...จนนางเอกได้มาอยู่ในร่างนี้(ตอนที่เจ้าของร่างเก่าเพิ่งตกจากหน้าผาและกำลังถูกไล่ออกจากบ้านพอดี) นางเลยพาน้องสาวของร่างเก่าออกมาแล้วกลับไปอยู่บ้านเดิมตามลำพังแค่สองคนพี่น้อง แต่ก่อนไปก็ต้องทวงเงินที่เจ้าของร่างเก่าเคยนำติดตัวมาแล้วมอบให้ย่ากลับไปด้วยก่อน แต่ตอนแรกย่าจะไม่คืน แต่นางเอกจำได้ว่าลูกชายของป้าสะใภ้หรือหลานชายคนโปรดของย่ากำลังจะฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์คนหนึ่ง แต่อาจารย์คนนี้ยึดมั่นในคุณธรรมมาก ถ้านางเอกเอาเรื่องที่ถูกหลานรักของย่าทำร้ายผลักตกหน้าผาไปบอกอาจารย์ อาจารย์จะต้องไม่ยอมรับหลานรักย่าเป็นศิษย์แน่ๆ นางเอกเลยยกเอาเรื่องนี้มาขู่ ย่าเห็นแก่อนาคตของหลานชายสุดที่รักสุดท้ายถึงได้ยอมคืน

พอย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าก็มีเรื่องตามมาอีกเป็นพรวนตั้งแต่วันแรกเลย เริ่มตั้งแต่ถูกเด็กแถวบ้านเอาก้อนหินมาปาใส่ พอนางเอกจัดการไล่เด็กพวกนั้นไปก็ถูกแม่เด็กตามมาเอาเรื่องถึงที่บ้าน หาว่าไปทำเสื้อผ้าลูกเขาขาด บอกให้นางเอกชดใช้คืน(ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายไปทำเขาก่อน) ...ต่อมาก็มีเรื่องที่เด็กแถวบ้านหายตัวไปเพราะวิ่งไล่ตามจับกระต่ายเข้าไปในป่า มีคนหนึ่งพลัดหลงส่วนอีกคนได้กลับมา ไอ้คนกลับมาได้กลัวโดนด่าเลยมาใส่ความนางเอกหาว่านางเป็นคนชี้ทางบอกให้ไปจับกระต่ายในป่า แต่จริงๆ นางเอกไม่ได้บอก แต่เตือนแล้วด้วยซ้ำว่าไม่ให้เข้าป่าไปจับมันอันตราย(เด็กเห็นนางเอกล่ากระต่ายมาได้ก็อยากได้มั่ง) แม่เด็กที่ลูกหายก็สติแตกไม่สนอะไรทั้งนั้น คิดแต่ว่านางเอกนี่แหละเป็นตัวการทำให้ลูกหาย เลยพาลโกรธแล้วตามมาด่าเอาเรื่องถึงหน้าบ้าน ...

ส่วนใหญ่เรื่องจะเข้ามาหานางเอกเองทั้งนั้น นางไม่ได้ไปทำอะไรเขาก่อนเลย เช่นว่าบางทีอยู่ดีๆ ลูกพี่ลูกน้องก็ตามมารังแกมาแย่งของของน้องสาวนางเอกไปอะ นางเอกก็ต้องตามไปแย่งคืนมา(สิ) หรือไปเก็บผักป่าดีๆ อิลูกพี่ลูกน้องก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ มาแย่งตะกร้าเก็บผักป่าของน้องสาวนางเอกไปโยนทิ้งแล้วก็เหยียบมือน้องสาวนางเอกจนบาดเจ็บ แล้วน้องสาวนางเอกก็แค่ 5 ขวบเองอะแถมเป็นใบ้ด้วย ทำได้แค่เสียงอือๆ อาๆ ร้องให้ใครช่วยก็ไม่ได้ แล้วพอนางเอกมาเห็นมีหรือจะไม่โมโห พอนางเอกเอาคืนบ้างเพราะต้องปกป้องน้อง อิลูกพี่ลูกน้องก็วิ่งกลับไปฟ้องแม่ จากนั้นป้าสะใภ้นางเอกก็ตามมาด่านางเอกถึงที่บ้านอีก...ก็จะวนลูปแบบนี้แหละ

เหมือนทนเห็นนางเอกกับน้องสาวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่ได้ เคยกดเขามาตลอด พอวันหนึ่งเขาฮึดสู้ก็ยอมไม่ได้ เป็นตั้งแต่คนใหญ่ยันเด็ก เพราะคนใหญ่ก็ไปสอนไปปลูกฝังเด็กในบ้านตัวเองให้รังแก+ดูถูกนางเอกกับน้องได้ รังแกยังไงก็ได้ไม่ผิดเพราะเขาไม่มีพ่อแม่งี้อะ? นี่แค่บ้านย่าฝั่งพ่อนะ ...
ส่วนฝั่งยายนี่ดีหน่อยเพราะยายกับตารักหลาน ส่วนป้าสะใภ้รองกับลูกสาวก็ชอบนางเอกกับน้องเหมือนกัน จะมีปัญหาก็แต่ป้าสะใภ้ใหญ่กับลูกสาวป้านี่แหละ ขี้แซะ+ขี้อิจฉา+ขี้เกียจสันหลังยาวครบสูตร ชอบข่มชอบแซะทุกคนในบ้าน ข่มกระทั่งพ่อแม่สามีลามไปถึงครอบครัวน้องชายสามี ไม่สนหัวดำหัวหงอก กลับกันกับฝั่งบ้านย่า ฝั่งบ้านย่าแม่สามีจะใหญ่สุด แต่ฝั่งยายคนที่ใหญ่สุดคือลูกสะใภ้คนโต ส่วนลูกชายคนโตของยายก็อิกนอร์ให้ท้ายกรายๆ ปล่อยให้เมียข่มทุกคนในบ้านไป ยายนางเอกก็ยอมทนๆ ไปเพื่อความสงบสุขของบ้าน...

จริงๆ เจอพล็อตแบบนี้มาเยอะแล้วนะแต่เอาตรงๆ อ่านแล้วยังไม่เบื่อเลยอะ มันดี แต่ละเรื่องปัญหาไม่ซ้ำเลย55 ...นางเอกก็ใช้ความรู้ที่ติดตัวมาพยายามหาลู่ทางทำเงินหาทางเอาชีวิตรอด อย่างเช่นไปขอให้ลุงเพื่อนบ้านช่วยทำธนูให้ ซึ่งธนูอันนี้เป็นแบบที่ใช้ในยุคปัจจุบันประสิทธิภาพดีกว่าธนูสมัยนั้น นางเอกเลยปิ๊งไอเดียเสนอให้ลุงข้างบ้านเอาภาพร่างธนูนี้ไปขายให้พวกทหารในกองทัพ ถ้าได้เงินมาก็ให้แบ่งกันคนละครึ่ง จากนั้นก็เอาธนูที่ทำเสร็จแล้วไปล่าสัตว์ พอล่าได้ก็เอาไปทำอาหารและเอาไปขายในเมือง พอได้เงินมาก็เอาไปซื้ออาหารกับของใช้ที่จำเป็นต่างๆ เข้าบ้าน เพราะบ้านนางเอกไม่มีไรเลยแม้แต่จานชาม ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าให้เปลี่ยน คือมีแค่ชุดเดียวที่สวมกลับมาจากบ้านย่าอะ นี่ล่าสุดนางกำลังจะสร้างเตาเพื่อทำขนมปังขายแว้วว...

ชีวิตค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนปัญหาก็ยังคงเข้ามาไม่หยุดหย่อนเช่นกัน ล่าสุดนางเอกไปล่าเลียงผามาได้ พอคนที่บ้านย่ารู้ก็ตามมาขอส่วนแบ่ง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นไล่เขาอย่างกับหมูกับหมา ไม่เคยช่วยเหลืออะไรนางเอกกับบน้องเลย แต่พอเขามีของดีๆ กินดันจะมาขอแบ่ง แล้วอ้างความเป็นผู้อาวุโสในครอบครัว...เหอๆๆ

แต่อ่านแล้วที่รู้สึกอีกอย่างคือสงสารผู้หญิงสมัยนั้นอะ คนสมัยโบราณการแต่งงานขึ้นอยู่กับพ่อแม่ เลือกเองไม่ได้ อย่างป้านางเอก(พี่สาวพ่อ) นี่ก็ถูกย่าจับแต่งงานกับพ่อหม้ายเพราะย่าอยากได้สินสอดเขา ไม่สนว่าคนในครอบครัวนั้นจะเป็นยังไง สนแต่เงิน ป้านางเอกตอนอบู่บ้านก็ต้องเป็นวัวเป็นม้าให้ทุกคน พอแต่งออกไปก็ยังต้องไปถูกแม่สามีโขกสับถูกลูกเลี้ยงสามีเกลียดต่อ ก็ได้แต่ทนๆๆๆ เพราะไม่มีทางเลือก ทนจนแม่สามีเสียชีวิตถึงได้ดีขึ้นและได้กลับมาเยี่ยมบ้าน พอรู้ว่านางเอกกับน้องย้ายออกมาก็พยายามกล่อมให้กลับไป กล่อมให้ให้ทนย่า ถึงจะถูกดุด่าแต่ก็ยังมีครอบครัว(เหรอ?)ให้พึ่งพิง บลาๆๆ ส่งต่อความทน ...เฮ้อออ

แล้วไหนจะเรื่องหย่าสามี ผู้หญิงสมัยก่อนน้อยที่จะหย่าสามี เพราะหย่าแล้วจะไปอยู่ไหน หย่าแล้วก็ถูกสังคมตราหน้า บ้านเดิมก็น้อยที่จะต้อนรับให้กลับไปเพราะกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง แถมถ้ามีลูกก็เอาลูกออกมาไม่ได้อีก ลูกต้องอยู่กับพ่อ(แค่นี้ก็ไม่มีใครอยากหย่าแล้วอะเพราะห่วงลูก) แล้วกว่าจะหย่าได้ก็ยากมากก อย่างคู่ของคนข้างบ้านที่นางเอกไปจ้างตัดเสื้อผ้า นี่ก็ทนเพื่อลูกไม่กล้าหย่า ถูกสามีตบตีทำร้ายขโมยเงินไปเล่นพนันกี่ครั้งก็ทน เพื่อรอให้ลูกสาวโตแล้วได้แต่งงานออกไป เพราะรู้ว่าถ้าหย่า ลูกสาวก็ต้องอยู่ก้บสามี ตัวแม่เลยยอมทน ...เฮ้อออ

ส่วนพระเอกดูจากชื่อเรื่องนี่น่าจะเป็นท่านอ๋องเนาะ แต่อ่านมา 62 ตอนแล้วคุณพี่เขายังไม่ออกมาเลยนะ55 ค่าตัวแพงเหลือเกิน แม้แต่ชื่ออะไรยังไม่รู้เลย55 (ใครรู้แล้วมาใบ้หน่อยน๊า55)

ป.ล. เรื่องนี้มีแต่แบบรายตอนนะคะ ><