วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2565

สะพานรักสีน้ำเงิน 2 เล่มจบ

 

สะพานรักสีน้ำเงิน 2 เล่มจบ 
ผู้แต่ง : เผิงไหลเค่อ
ผู้แปล : พิรุณเดือนสารท
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก จ้าวหนานเซียว เป็นสาวสวยแสนฉลาด สุขุม โตเกินวัย โตกว่าพระเอกหนึ่งปี มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักออกแบบสะพานเหมือนอย่างพ่อกับตามาตั้งแต่เด็ก ส่วนพระเอก สวีซู่ หนุ่มหล่อบ้านรวย แต่กลับมีนิสัยอารมณ์ร้อนเหมือนม้าพยศ 
สมัยเด็กพระเอกเกเรมากกก แม้จะเป็นคนหัวดีแต่ก็ไม่สนใจการเรียนเลย ชอบทำตัวเป็นขบถให้พ่อต้องปวดหัว พ่อกับแม่ของพระเอกหย่ากันตั้งแต่เด็ก พระเอกไปอยู่กับแม่ที่เมืองนอก แต่พอแม่แต่งงานใหม่+มีลูกใหม่ พ่อพระเอกจึงไปพาพระเอกกลับมาเลี้ยงดูเอง ต่อจากนั้นพ่อก็หาครูสอนพิเศษมาให้เพราะกะจะให้ลูกเข้าเรียนตามระบบการศึกษาที่จีน ทว่าครูที่มาสอนกลับไม่มีใครอยู่ได้นาน สุดท้ายพ่อพระเอกจึงต้องไปขอร้องเพื่อน หรือก็คือพ่อของนางเอก ขอให้ลูกสาวเพื่อนมา
ช่วยสอนพิเศษให้ลูกตนหน่อย..

แต่แค่วันแรกที่มาถึง นอกจากทรงผมโมฮอว์กสีทองบาดตากับสไตล์การแต่งตัวที่ทำให้คนต้องสตั๊นแล้ว ปากของพระเอกก็ยังแจ๋วไม่แพ้กัน ถึงขนาดทำให้นางเอกผู้สุขุมเยือกเย็นต้องน้ำตาตกในแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียว จนเกือบจะถอดใจเลิกสอนไปเลย
" ไม่ใช่ว่าสอนพิเศษเหรอ สอนของเธอไป อย่ามาทำเป็นจิตแพทย์ ปากมาก! ...."

พอเจอกันครั้งที่ 2 นางเอกเลยบอกไปว่า...ถ้าไม่อยากมาเรียนก็ให้ไปบอกพ่อตัวเองดิ่ จะมาทำแบบนี้ทำไม บลาๆ...แล้ววันหนึ่งนางเอกก็ได้รู้ว่าพระเอกแอบโดดเรียนไปแข่งมอเตอร์ไซค์นี่เอง ต่อมาก็มีจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่คือเรื่องที่พ่อนางเอกเสีย จึงทำให้นางเอกที่เคยร่าเริงชอบทำกิจกรรม กลายเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร และเลิกมีส่วนร่วมในกิจกรรรมของโรงเรียน ...ส่วนพระเอกก็ไถผมทรงโมฮอว์กทิ้ง หันกลับมาตั้งใจเรียนใหม่ จนสามารถสอบข้ามชั้นไปเรียนชั้น ม.ปลายที่โรงเรียนเดียวกับนางเอกและอยู่ห้องเดียวกันด้วย ทว่าถึงจะได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่พระเอกก็ทำได้เพียงแอบมองอยู่ข้างหลังเงียบๆ เท่านั้น
กระทั่งใกล้จบม.ปลาย ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย พระ-นางถึงได้เริ่มกลับมาคุยกันใหม่
 ...แต่ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ดีขึ้นก็ต้องมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อนางเอกถูกรุ่นพี่ที่ตนเองชื่นชมสารภาพรักและมัดมือชกขอเป็นแฟนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัย...

ผลงานของท่านเผิงไหลเค่อ เป็นแนวปัจจุบันไม่ใช่โบราณ แต่นางเอกใจแข็งเหมือนกันเลย
ทั้งใจแข็ง ทั้งความรู้สึกช้า ส่วนพระเอกตอนเด็กๆ ก็ปากร้ายน่าตบกะโหลก 
แอบชอบเขาตั้งแต่ตอนอายุ 14 แล้ว แต่ตอนนั้นยังเกรียนปากไม่ค่อยดีอยู่ (แล้วใครจะชอบ) ส่วนนางเอกก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบพระเอกมาตลอด คิดว่าเขาเป็นเหมือนน้องชาย แถมยังบอกให้พระเอกเรียกตัวเองว่าพี่เสี่ยวหนานอีก แต่พระเอกก็ไม่เคยเรียก ก็คนเขาอยากเป็นแฟนไม่ได้อยากเป็นน้องอะ55 

พอนางเอกถูกรุ่นพี่สารภาพรัก พระเอกก็กลับไปทำตัวเหมือนเดิม ไปแข่งรถ เล่นดนตรี
ไม่ยอมเข้าเรียน จนนางเอกต้องไปตาม แล้วก็ได้เห็นภาพที่พระเอกกำลังถูกผู้หญิงนัวเนีย หลังจากนั้นนางเอกเลยตกลงคบกับรุ่นพี่...
ซึ่งจริงๆ ก่อนหน้านั้นนางเอกยังไม่ได้ตกลงคบนะ เคยมาปรึกษาพระเอกเรื่องที่ถูกรุ่นพี่สารภาพรักแบบมัดมือชกด้วย...แต่พระเอกคือหึงไม่ฟัง สติแตก เอาแต่ไล่ให้เขาไปคบกันอย่างเดียว ... " ไสหัวไป ไปมีความรักกับหวานใจวัยเด็กของเธอเถอะ เลิกแสดงได้แล้ว! "

ต่อมาก็มีเรื่องที่ทำให้นางเอกกับรุ่นพี่ต้องเลิกกันก่อนวันแต่งงานแค่วันเดียว ...หลังจากนั้นพระเอกก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนนางเอกก็ทำงานเป็นนักออกแบบสะพานในสถาบันมีชื่อ จนกระทั่งผ่านไป 4 ปี ทั้งสองคนก็ได้กลับมาพบกันใหม่ ในฐานะนักออกแบบสะพานกับวิศวกรแล้วก็ได้ทำงานร่วมกัน 

เราชอบตอนที่พระเอกตามจีบนางเอกนะ ถึงนางเอกจะเย็นชายังไง พระเอกก็หน้าหนาพร้อมสู้ เธอแข็งฉันอ่อน ค่อยๆ กะเทาะเปลือกของนางเอกออกไปทีละนิด เป็นฝ่ายยอมลงให้ก่อนตลอด กลัวนางเอกโกรธแล้วเดี๋ยวจะถูกเมิน55 ตอนตกลงเป็นแฟนพระเอกก็มัดมือชก (ไม่งั้นคงไม่ได้คบสักที) คือหลังจากที่สารภาพรัก พระเอกก็ขอว่าถ้าจะปฏิเสธก็ให้เคาะผนัง 1 ที ถ้าตกลงคบกันให้เคาะ 2 ที เพราะตอนนั้นพระ-นางทำงานอยู่ที่เดียวกัน พักห้องติดกัน (จริงๆ คือพระเอกไปขอเปลี่ยนกับคนอื่น เพื่อจะได้อยู่ข้างห้องนางเอก 55) แต่นางเอกก็ลังเลไม่เคาะสักทีเพราะยังไม่รู้ใจตัวเอง ตอนที่พระเอกสารภาพรักก็บอกว่าคิดเหมือนน้อง กำลังจะปฏิเสธ แต่พระเอกยั้งเอาไว้ ขอให้เอาไปพิจารณาก่อน อย่าเพิ่งรีบตอบ เพราะตัวเองใจบาง ถ้าถูกปฏิเสธตอนนี้อาจจะกลับไปทำตัวเหลวแหลกเหมือนเมื่อก่อนได้ 55

นอกจากเรื่องรักๆ ของพระ-นาง ก็ยังมีเรื่องการสร้างสะพานหรืออาชีพการงานของทั้งสองคน รวมถึงเรื่องในครอบครัวด้วย อ่านเรื่องนี้แล้วได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการสร้างสะพานเยอะมาก จัดเต็ม นักเขียนค้นคว้าหาข้อมูลมาดีมาก เพิ่งได้รู้เรื่องขั้นตอนการสร้างสะพานก็จากเรื่องนี้แหละ ไม่ง่ายเลยนะกว่าจะมาเป็นสะพานให้เราใช้เนี่ย ..ต้องมีการออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพทางธรณีตรงจุดนั้น ต้องคำนึงถึงแรงลมและภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิด แบบเยอะมาก ต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง ยังไม่รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการสร้างหรือหลังจากนั้นอีกนะ ... ซึ่งเนื้อหาในเรื่องก็จะเกี่ยวกับสะพานซะครึ่งพอๆ กับเรื่องรักเลย บางท่านอาจจะเบื่อตรงจุดนี้ได้ แต่เราโอเคนะ รู้สึกว่าเขาเขียนได้กลมกลืนกับเรื่องรักดี (ยังไหว 55)

ช่วงเล่ม 2 มีปัญหาตรงเรื่องแม่นางเอกนิดหน่อย (ความจริงก็ไม่ค่อยหน่อยนะ) คือหลังจากที่พระ-นางตกลงคบกัน เราก็นึกว่าจะหมดเรื่องแล้ว แต่กลายเป็นว่ามามีปัญหาที่แม่นางเอกแทน...เพราะแม่หวังดีไม่อยากให้นางเอกมีชีวิตเหมือนตัวเอง ที่สามีต้องทำงานข้างนอกตลอดไม่ค่อยได้อยู่บ้าน แล้วสุดท้ายก็จากไปก่อนวัยอันควรเพราะอุบัติเหตุ แม่ก็เลยกลัวพระเอกจะเป็นแบบนั้น (เพราะทำงานแบบเดียวกัน) พระเอกพยายามอธิบายยังไงแม่ก็ไม่สน ยื่นคำขาดให้เปลี่ยนงานลูกเดียว ไม่งั้นก็ไม่ให้แต่ง ...พระเอกเลยเครียดซึมๆ ไป นางเอกถามก็ไม่ยอมบอก ดีที่นางเอกมารู้เรื่องก่อนเลยไม่ยอม ไฟท์กับแม่ไปรอบหนึ่ง สนับสนุนให้พระเอกทำงานที่ชอบ ท้ายที่สุดพระเอกเลยไปคุยกับแม่ใหม่ บอกเหตุผลว่าทำไมตนได้ถึงมาทำงานด้านนี้...พอผ่านไปสักพักแม่ก็คิดได้ เลิกคัดค้าน แฮปปี้กันทุกฝ่าย

แต่ก่อนหน้าแม่แอบน่ากลัวอะ (หลังจากที่บอกให้พระเอกเปลี่ยนงาน พอมาเจอหน้าพระเอกแล้วยิ้มให้ ทำเหมือนไม่มีอะไร เราก็รู้สึกกับคุณแม่ไม่ค่อยเหมือนเดิมอีกต่อไป 55 ) คือตอนอ่านก็แอบคิดนะว่าแม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับสภาพจิตตั้งแต่ที่พ่อนางเอกเสียแล้ว ถึงได้บังคับนางเอกตั้งแต่เรื่องเลือกคณะที่จะเรียนต่อ เรื่องหน้าที่การงาน การทำงานนอกสถานที่ บังคับให้นางเอกเปลี่ยนงาน แต่เหมือนรู้ว่าคงบังคับลูกตัวเองไม่ได้แล้วเลยหันมาที่พระเอก (ที่กำลังจะเป็นเขย) แทนมั้ง ดีที่นางเอกก็ไม่ได้คล้อยตามทุกอย่าง อะไรที่ควรขัดนางก็ขัด ไม่ได้เชื่อฟังไปซะหมด ..เหมือนที่พระเอกว่า...บางทีการเชื่อฟังก็ไม่ใช่การเคารพที่สูงที่สุด 

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565

ชายาแม่ทัพหยามไม่ได้ 2 เล่มจบ

ชายาแม่ทัพหยามไม่ได้ 2 เล่มจบ 
ผู้แต่ง : ฉางโกวลั่วเยวี่ย
ผู้แปล : Singin in the rain
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

เนี่ยชิงหลวน หญิงสาวยุคปัจจุบันที่วิญญาณทะลุมิติมาอยู่ในร่างของบุตรสาวซิ่นหยางโหวกับภรรยาเอกคนที่สอง ซึ่งเดิมเจ้าของร่างนี้มีพี่สาวต่างแม่อยู่หนึ่งคน แถมพี่สาวคนนี้หรือ เนี่ยหยวนหวา ก็ยังเกลียดชังน้องสาวคนละแม่อย่างนางมากกก วันๆ คอยจ้องแต่จะหาทางสังหารนางแทบทุกเวลา ส่วนสาเหตุหรือต้นเหตุนั้นก็มาจากแม่ของนางเอก (เจ้าของร่างเดิม) ที่ไปเป็นมือที่สามแอบมีความสัมพันธ์กับซิ่นหยางโหว(พ่อนางเอก) จนทำให้เมียเก่าเขา(ที่ไม่ผิดอะไร) โกรธจนต้องตรอมใจตาย

พอตายได้ไม่นาน อิพ่อก็แต่งแม่นางเอกเข้ามาเป็นเมียเอกทันที (เพราะนางตั้งครรภ์แล้ว) มิหนำซ้ำตอนที่เจ้าของร่างเดิมป่วยเป็นโรคฝีดาษ ก็ยังพลอยทำให้ลูกชายเมียเก่าเขาติดโรคนี้ไปด้วย ผลสุดท้ายลูกชายเมียเก่าตาย แต่คนที่ติดคนแรกดันรอด เพราะมีนางเอกมาเข้าร่างพอดี เมื่อเป็นแบบนี้เนี่ยหยวนหวาก็เลยยิ่งโกรธแค้นนางเอก (ที่ไม่รู้เรื่องแต่ต้องรับเคราะห์ เพราะดันมาเข้าร่างนี้) สุดๆ...

พระเอก จั่วหลิง เป็นแม่ทัพคอยต้านชาวหูอยู่ที่เมืองหล่ง ปู่ของพระเอกเคยเป็นแม่ทัพที่ช่วยฮ่องเต้องค์แรกบุกเบิกแผ่นดิน แต่ก็นั่นแหละด้วยความที่เก่งกาจมีอำนาจและมีกำลังทหารมาก สุดท้ายฮ่องเต้คนต่อมาก็ไม่ชอบใจ+หวาดระแวงคิดอยากจะกำจัด เริ่มจากถอดยศอ๋อง บีบให้ส่งมอบกำลังพลคืน สั่งให้พ่อพระเอกกลับบ้านเดิม และค่อยๆ โยกย้ายกำจัดคนสนิทของตระกูลจั่วทิ้ง แต่พอชาวหูมารุกรานแล้วไม่มีใครให้ใช้งาน ไม่มีแม่ทัพที่สามารถปราบชาวหูได้ ฮ่องเต้ก็ถึงได้เรียกให้คนตระกูลจั่วกลับมาทำหน้าที่นี้อีกครั้ง...ทว่าพอพระเอกรบชนะได้ชัยมาก็เข้าอีหรอบเดิม ฮ่องเต้ก็ระแวงอยากจะกำจัดทิ้งอีก ...มีคำสั่งให้พระเอกยกทัพไปทำลายชาวหูให้สิ้นซาก แต่พระเอกไม่ทำ เพราะรู้ว่าถ้าทำแบบนั้นจริงผลสุดท้ายตัวเองก็ต้องตายเหมือนกัน...

พระ-นางได้สมรสพระราชทานจากฮ่องเต้เลยต้องจำใจแต่งงานกัน พระเอกไม่ได้ให้ค่าไม่สนใจการแต่งงานนี้เลย ทำพิธีลวกๆ เสร็จแล้วก็ไปรบต่อทันที ทิ้งให้นางเอกอยู่เฝ้าห้องหอคนเดียวตั้งแต่คืนแรก แต่นางเอกก็ไม่แคร์ สบายๆ ดีซะอีกที่สุดท้ายก็ได้อยู่ห่างจากพี่สาว ไม่ต้องประสาทแดกคอยมานั่งหาวิธีรับมือกับพี่สาวทุกวัน ...

เป็นเรื่องของฉางโกวลั่วเยวี่ยที่มาแหวกผิดจากเรื่องก่อนๆ หน้าที่เคยอ่าน เนื้อเรื่องค่อนข้างเบา เหมาะกับคนที่ชอบอะไรเบาๆ ไม่หนัก สบายๆ ไม่ต้องคิดเยอะ แต่มีจุดเด่นที่เหมือนกันคือ...นางเอกเป็นวิญญาณที่ทะลุมิติมา (จริงๆ ของท่านนี้ที่ออกมา 4 เรื่อง ถ้าไม่ใช่วิญญาณคนอื่นมาสิงร่าง ก็ต้องเป็นเจ้าของร่างเดิมย้อนกลับมาสิงร่างตัวเองใหม่ล่ะนะ) ส่วนพระเอกก็โคตรรรคลั่งรัก ขี้หึงขี้หวง โดยเฉพาะพระเอกเรื่องนี้เข้าชมรมคนกลัวเมียไปเรียบร้อย..แต่เรื่องนี้มาแนวขายขำขายความฮา ผิดจากเรื่องก่อนๆ ที่ต้องมีมาม่าๆ พระเอกก็จะจิตๆ หน่อย ... แต่บางทีถ้านางเอกได้เข้าไปอยู่ร่างคนพี่ เรื่องมันก็อาจจะเปลี่ยนกลายไปเป็นอีกแบบแทนก็ได้นะ อาจจะกลายเป็นแนวดราม่าแก้แค้น แบบคนละอารมณ์ไปเลยก็ได้ 55...

นางเอกเป็นพระชายาที่ไม่ค่อยเหมือนพระชายาทั่วไปเท่าไร นิสัยออกซนๆ เป็นคาราเต้ ทั้งยังเข้าครัวลงมือทำอาหารกินเองได้ นอกจากจะทำให้ตัวเองกับพระเอกกินแล้ว ก็ยังทำเผื่อสาวใช้และลูกน้องคนสนิทของสามีด้วย สาวใช้ของนางก็เลยไม่ค่อยเหมือนสาวใช้ แต่เป็นเหมือนเพื่อนเหมือนพี่น้องมากกว่า  เพราะวันดีคืนดีก็สามารถนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับนางเอกผู้เป็นนายได้เลย 55 (ด้วยความที่มาจากยุคปัจจุบันอะเนาะ นางเลยไม่ถือ อ่านเอาฮาอย่าไปคิดมาก55) ..

ช่วงเล่มแรกถึงกลางเล่ม 2 ก็เป็นเรื่องของพระ-นางตอนที่อยู่ในเมืองหล่งซะส่วนใหญ่ มีเรื่องการทำอาหารของนางเอกที่เล่นซะหิว จนนึกว่าจะเปลี่ยนเป็นนิยายแนวขายอาหารปลูกผักแทนซะแล้ว 55 ( มีการทำเตาปิ้งย่างด้วยนะเออ55 ) แล้วก็มีเรื่องศึกสงครามกับชาวหูเข้ามาเป็นพักๆ ...แต่พอช่วงกลางเล่ม 2 พระเอกก็ถูกฮ่องเต้เรียกให้กลับเมืองหลวงไปร่วมงานวันเกิดย่า ส่วนนางเอกก็ได้รับจดหมายจากพี่สาวส่งมาขู่ว่าแม่หล่อนอยู่ในกำมือฉันแล้วนะยะ..พระ-นางจึงตัดสินใจกลับเมืองหลวงกัน ไปแบบทั้งๆ ที่รู้ว่าคงไม่มีเรื่องอะไรดีๆ รออยู่หรอก..และสุดท้ายพระเอกก็เจอบีบจนต้องลุกขึ้นมาก่อกบฏ ..

แต่อันนี้เราว่าพระเอกก็น่าเห็นใจนะ คือถ้าไม่ทำพวกตัวเองก็ต้องตาย ทั้งๆ ที่ตระกูลตัวเองก็เสียเลือดเสียเนื้อไปมากมายเพื่อแผ่นดินและคนสกุลหลี่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความหวาดระแวงและความตาย แล้วต่อให้เลือกสนับสนุนองค์ชายองค์อื่นๆ ขึ้นเป็นฮ่องเต้ พระเอกก็คงมีอำนาจอยู่ได้ไม่นาน ยังไงก็ต้องถูกหวาดระแวงและกำจัดเหมือนเดิมอยู่ดี ..สุดท้ายเลยต้องก่อกบฏยึดอำนาจมาเป็นของตัวเองเท่านั้น ถึงจะได้มีชีวิตที่ปลอดภัยสงบสุขและสามารถปกป้องครอบครัวตัวเองได้

ส่วนนางเอกที่ยอมกลับมาเมืองหลวงด้วยก็เพราะเป็นห่วงพระเอก ไม่ได้สนใจเรื่องแม่ที่พี่สาวขู่หรอก เพราะความจริงนางก็เห็นใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตของพี่สาวมาตลอด ไม่ได้ชอบหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อแม่เจ้าของร่างนี้ทำ ถึงทั้งสองคนจะปฏิบัติกับนางเอกเป็นอย่างดี แต่ลึกๆ นางก็ยังตะขิดตะขวงใจ ไม่ค่อยชอบ จึงไม่ไปสนิทสนมด้วย ดังนั้นหากพี่สาวจะทำอะไรพ่อกับแม่ของร่างนี้ นางเอกก็จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ถ้ามาทำอะไรนาง นางก็ต้องปกป้องตัวเองแหละนะ (ใครจะไปอยู่เฉยๆ ให้ฆ่าแกงล่ะ)...

คือถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่นางดันเข้ามาอยู่ร่างนี้ เลยทำให้ติดร่างแหถูกพี่สาวหมายหัวแก้แค้นไปด้วย.. พี่สาวก็ถูกความแค้นครอบงำจนยอมทิ้งคนรักเก่าไปแต่งกับรัชทายาทเพื่อหวังจะได้เป็นฮองเฮา จะได้มีอำนาจในมืออย่างแท้จริง พอมีอำนาจก็จะได้จัดการกับคนที่ทำให้นางต้องทุกข์ทรมานแบบนี้ แต่คนรักเก่าของพี่สาวก็ดี คอยคิดหาทางทำให้พี่สาวละทิ้งความแค้นอยู่ตลอด เป็นคนแอบประสานงานคอยช่วยฝั่งพระเอก และสร้างบุญคุณเพื่อต่อรองขอให้พระ-นางละเว้นชีวิตพี่สาวด้วย...นี่ก็ดี๊ดี


วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2565

ข้านี่แหละ!!! ศิษย์หญิงแห่งสำนักศึกษาหลวง 2 เล่มจบ

ข้านี่แหละ!!! ศิษย์หญิงแห่งสำนักศึกษาหลวง 2 เล่มจบ 
ผู้แต่ง : 
Hua Qian Ci
ผู้แปล : เหมยสี่ฤดู
สำนักพิมพ์ Happy Banana

โลกใบนี้มีคนผู้หนึ่ง ไม่เพียงรักเจ้า
แต่ยังเข้าใจเจ้า    รู้ความกังวลของเจ้า
เข้าใจความลำบากใจของเจ้า    หากเจ้าเลือกเดินทางไกล
เขาจะไม่มีทางเป็นตัวถ่วงเจ้า
แต่จะร่วมฝ่าพายุฝนไปกับเจ้าโดยไม่ทอดทิ้ง
จะมีเรื่องใดน่ายินดีไปกว่านี้อีกเล่า ....

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ซังฉี บุตรสาวคนเล็กของ ซังเวย ต้าซือหม่าหรือแม่ทัพใหญ่ที่ยอมลดอำนาจและเด็ดปีกตัวเองลง เพื่อแลกกับความสงบสุขและปลอดภัยในชีวิตของบุตรสาวที่เหลือเพียงคนเดียว
ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทำให้นางเอกต้องการเข้าไปเรียนในสำนักศึกษาหลวง
เมื่อคนเป็นพ่อรู้ จึงบากหน้าเข้าวังไปรบเร้าอ้อนวอนฮ่องเต้เพื่อให้บุตรสาวสมหวัง
ทว่าถึงจะได้ตามนั้นแต่เพราะเป็นสตรี จึงทำให้นางเอกไม่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าลูกศิษย์และอาจารย์ที่อยู่ในสำนักศึกษาหลวง เนื่องจากไม่พอใจที่นางฝ่าฝืนประเพณีดั้งเดิมเข้ามาเรียนในสถานศึกษาที่มีแต่บุรุษ...

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในสำนักศึกษาหรือข้างนอกสำนักศึกษา นางเอกก็ไม่มีเพื่อนเลย
เพราะพวกขุนหนูตระกูลใหญ่ๆ ต่างก็ดูถูกไม่ชอบที่นางมาจากชายแดน ขี่ม้าจับดาบ
ไม่มีความเป็นกุลสตรี แถมยังเข้าไปเรียนในสำนักศึกษาหลวงอีกต่างหาก
ไม่มีใครอยากคบหานาง นอกจาก จั๋วเหวินหย่วน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กตอนที่นางเอกยังอยู่ชายแดน
คุณชายเสเพลจอมเจ้าชู้ ผู้ไม่จริงจังกับสิ่งใด และมักจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ

พระเอก เยี่ยนอวิ๋นจือ คุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง รูปโฉมหล่อเหลาสง่างาม
ท่าทางสูงส่งประดุจเทพเซียน เก่งทั้งบุ๋นและบู๋ เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วทั้งเมืองหลวง
ถูกจับคู่กับ ซูเจี๋ยอวี่ หญิงงามอันดับหนึ่งมาตั้งแต่เด็ก

พระเอกเป็นคนเก่งและมีความสามารถมาก ทว่าเพราะไม่อาจโดดเด่นจนเกินไป พระเอกจึงไม่ขอรับตำแหน่งขุนนาง แต่ขอมาเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาหลวงแทน
และก็ได้มาเจอกับนางเอกที่คอยมาวิ่งไล่ตามตื๊อขอให้รับถุงผ้า (นางเอกเดิมพันกับคนอื่นว่าจะทำให้พระเอกยอมรับถุงผ้าและไปเดินงานเทศกาลด้วยกัน) แต่พระเอกก็
say no ปฏิเสธไม่รับลูกเดียว มาไม้ไหนก็ต้านได้หมด จนนางเอกคิดว่าคงหมดหนทางแล้วเพราะพระเอกไม่ใจอ่อนเลย

......แต่นางเอกเรื่องนี้ดีนะ ผิดไปจากที่คิดไว้ เพราะตอนแรกเราเห็นนางเป็นลูกแม่ทัพที่ติดตามพ่อไปชายแดนตั้งแต่เล็ก ทั้งยังเคยออกรบกับพ่อ เราเลยนึกว่านางเอกคงจะแก่นๆ ซนๆ เอาแต่ใจอารมณ์ร้อน หากถูกใครหาเรื่องหรือรังแกคงไม่ยอม ต้องสวนกลับแน่
แต่ความจริงกลับไม่ใช่
 นางเป็นคนสง่าผ่าเผย ร่าเริง ถ้ารู้ว่าตัวเองทำผิดหรือพลาดก็พร้อมน้อมรับ ยินดีรับฟังปรับปรุง เวลาที่มีคนมาหาเรื่องก็จะมองหาทางหนีทีไล่ก่อน ดูว่าคุ้มค่ามั้ย
บางทีถ้าแกล้งยอมได้ก็ยอม
กับคู่อริอย่างคุณหนูซ่งก็แค่ต่อปากตอกกลับพอเป็นพิธี
แต่ไม่พร่ำเพรื่อเถียงไปเถียงมา เลี่ยงได้ก็เลี่ยง ที่สำคัญคือนางไม่ผูกใจเจ็บหรือมุ่งแต่จะแก้แค้นเอาคืน ...

นางเอกเป็นคนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์มาก ซึ่งอุดมการณ์ของนางก็คือการเป็นแม่ทัพหญิง
และการได้ใช้กำลังความสามารถของตัวเองปกป้องเชิดชูวงศ์ตระกูล โดยที่ไม่ต้องใช้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์หรือพึ่งบุรุษ ประกอบกับมีพี่สาวเป็นตัวอย่าง นางเอกจึงยิ่งต้องการหาคนที่ถูกใจเองและแต่งงานด้วยความรัก
ไม่ใช่แต่งกันเพราะผลประโยชน์  
ส่วนพ่อก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะมีบทเรียนมาจากลูกสาวคนโตแล้ว  
เนื่องจากตอนที่พ่อนางเอกไปรบปกป้องบ้านเมือง ด้วยความที่รบชนะตลอดก็ไม่แคล้วทำให้ถูกหวาดระแวง จนต้องส่งพี่สาวนางเอกเข้าวังมาเป็นสนม เพื่อรับประกันว่าพ่อจะไม่ก่อกบฏหรือคิดทรยศหักหลัง ...แต่พอนางเอกได้เจอคนที่ถูกใจก็กลับมีแต่คนค้านไม่เห็นด้วย
ครอบครัวทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่อยากให้ลูกๆ ของตนแต่งกัน เพราะรู้ว่าจะทำให้ฮ่องเต้หวาดระแวง เดี๋ยวตระกูลจะถูกเพ่งเล็งและถูกกำจัด ส่วนฝั่งฮ่องเต้ก็ไม่โอเคเหมือนกัน
เพราะกลัวว่าเดี๋ยวสองตระกูลนี้จะมีอำนาจมากเกินไป...

ส่วนพระเอกนั้นก็ไม่ใช่สายเปย์หรือสายคลั่งรัก เวลานางเอกเกิดเรื่องก็จะไม่เข้าไปช่วยทันที แต่จะคอยมองอยู่เงียบๆ แล้วคอยบอก+สอนชี้แนะอยู่ข้างๆ เป็นเหมือนพี่ เหมือนอาจารย์ และเป็นได้ทั้งคนรัก เหมือนแสงจันทร์ที่คอยส่องสว่างนำทาง ไม่มีการบังคับหรือดุด่า หากนางเอกอยากเป็นแม่ทัพหรืออยากจะออกรบ พระเอกก็ไม่ห้าม ยินดีปล่อยให้นางไปทำและเรียนรู้ด้วยตนเอง ส่วนเขาก็จะคอยชี้แนะและเฝ้าระวังความปลอดภัยให้นางอยู่ข้างหลังแทน

ตอนที่หยิบมาอ่านนึกว่าจะเป็นแนวเบาๆ ฮาๆ นางเอกซนๆ แต่ความจริงกลับเข้มข้นไม่เบา
เป็นแนวสงครามการแย่งชิงอำนาจ เมื่อฮ่องเต้ไร้ความสามารถ ตระกูลใหญ่ๆ จึงเริ่มมีอำนาจเหนือราชวงศ์
ภายใต้ความสุขสงบกลับซุกซ่อนคลื่นใต้น้ำเอาไว้มากมาย ...
เริ่มตั้งแต่คดีเล็กๆ ที่ไม่น่าสนใจ แต่กลับนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่
ทั้งการใส่ร้ายขุนนางใหญ่ด้วยข้อหากบฏ จนไปสู่เรื่องที่ข้าศึกยกทัพมาบุก แต่กลับไม่มีแม่ทัพเก่งๆ ที่จะไปรบได้ ทำให้พระเอกต้องรับอาสาไปทำหน้าที่นี้แทน
บ้านเมืองจึงขาดทั้งคนเก่งและกำลังรบ และก็ตามมาด้วยการก่อกบฏ บ้านเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบที่ไม่มีใครทันตั้งตัว ส่วนพระ-นางก็ต้องรับศึกหนักทั้งจากภายในภายนอก
เจอประกบมันแทบทุกทาง ทั้งจากศัตรูนอกแคว้นและที่มาจากในแคว้นเดียวกัน
ซึ่งอีกฝั่งก็ไม่ได้ไก่กาอาราเล่เลย ทั้งยังอ่านและมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รู้จุดอ่อนจุดแข็งของคน รู้ว่าต้องใช้ผลประโยชน์แบบไหนเพื่อให้คนมาติดตาม+ทำตามคำสั่ง
...
แถมยังเป็นจุดที่ทำให้สถานการณ์พลิกแบบคาดไม่ถึงจริงๆ

เราว่านักเขียนวางปมดี ทิ้งท้ายประโยคได้น่าติดตาม ทำให้เราอยากรู้เรื่องราวต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีหลายจุดที่เราคาดไม่ถึง ไม่มีผิดถูก เพียงแต่ต่างเส้นทางและวิธีการที่ใช้เท่านั้นเอง แต่อีกฝั่งเลือกวิธีที่เหี้ยมโหดรุนแรงเกินไป ก็ไม่แปลกที่คนจะต่อต้านและยากจะยอมรับ..อ่านเรื่องนี้ต้องทำใจอย่างว่าไม่มีใครเป็นมิตรหรือศัตรูที่แท้จริง บางคนสนิทแทบตายแต่สุดท้ายกลับทรยศหักหลัง ส่วนบางคนที่ตอนแรกคิดว่าเป็นศัตรูแต่สุดท้ายก็กลับสนิทสนมตายแทนกันได้ ...

นางรองในเรื่องดีงาม (ปกติจะเจอแต่พระรองดีงามเนอะ) เป็นลูกสาวตระกูลขุนนางใหญ่ที่เพียบพร้อมทั้งกิริยา วาจา ใจ ถึงจะอยู่ในกรอบแต่ก็ไม่คร่ำครึ ตรงไปตรงมา 
ชอบก็บอกว่าชอบ แต่หากพยายามเต็มที่แล้วอีกฝ่ายยังไม่ชอบก็ยินดีตัดใจอย่างมีศักดิ์ศรี
.....แต่ดีที่สุดท้ายนางก็(น่าจะ)ได้เจอคนที่ใจตรงกันทั้งสองฝ่ายนะ
^^