วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564

งานเลี้ยงแห่งวสันตกาล เล่ม 1-2 (4 เล่มจบ)


งานเลี้ยงแห่งวสันตกาล เล่ม 1-2 (4 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : ไป๋ลู่เฉิงซวง (白鹭成双)
ผู้แปล : ม้าลาย
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

หลี่ไหวอวี้ หรือองค์หญิงตันหยาง องค์หญิงใหญ่ผู้พิทักษ์แผ่นดิน เนื่องจากน้องชายซึ่งเป็นฮ่องเต้อายุยังน้อย ยังไม่อาจออกว่าราชการเองได้ นางเอกจึงกลายเป็นผู้อยู่หลังม่านฮ่องเต้ตัวน้อย ทำทุกหนทางเพื่อให้บัลลังก์ของน้องชายมั่นคง แต่ด้วยวิธีการที่เลือกใช้ จึงทำให้คนเข้าใจผิดถูกมองไม่ดี ถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดขุนนางชั่ว ทำร้ายขุนนางผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดี สร้างหนี้แค้นและล่วงเกินขุนนางน้อยใหญ่เอาไว้มากมาย
ชื่อเสียงฉาวโฉ่เป็นที่เลื่องลือ ทั้งยังเลี้ยงชายบำเรอเอาไว้ในตำหนักอีกเป็นสิบ

นางเอกถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ลงมือสังหารขุนนางใหญ่ผู้จงรักภักดีของแผ่นดิน
พยานหลักฐานแน่นหนา ชนิดที่น้องชายซึ่งเป็นฮ่องเต้ก็ไม่อาจช่วยได้
นางจึงได้แต่ยอมจำนนและยอมรับยาพิษพระราชทานแต่โดยดี

หลังจากที่ตายวิญญาณก็มาอยู่ในร่างของ ไป๋จูจี คุณหนูสี่สกุลไป๋ซึ่งเป็นปัญญาอ่อน
พอฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าตนยังมีชีวิตอยู่ นางเอกก็กระโดดกำแพง
แอบหนีออกไปดูพิธีศพตัวเองก่อนเลย และได้พบกับ เจียงเสวียนจิ่น หรือเจ้าเมืองจื่อหยาง ผู้ที่ส่งมอบความตายให้แก่ตนเอง แม้จะโกรธแค้นเพียงใด แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะนางในเวลานี้อ่อนแอสู้ใครเขาไม่ได้จริงๆ

พอไปเห็นคนแห่โลงศพตัวเอง ก็ได้ยินแต่เสียงก่นด่าสาปแช่ง (นางเอกจึงร่วมผสมโรงด่าตัวเองไปด้วย55) แล้วจู่ๆ ก็มีคนบุกมาเพื่อหวังทำลายศพ
พระเอกจึงเข้ามาปกป้อง ซึ่งในขณะที่กำลังจะพลาดท่าเพราะอีกฝ่ายคนเยอะกว่า
นางเอกก็สวมผ้าปิดปากกระโดดออกมาช่วยไว้ได้ทัน ...แล้วก็กลายเป็นตังเมตามเกาะติดตั้งแต่บัดนั้น  แม้พระเอกจะระแวง ไม่พอใจ จะดุว่าหรือทำเย็นชาใส่ขนาดไหน
แต่นางเอกก็ยังเกาะติดอย่างเหนียวแน่นยิ่งกว่ากาว สลัดยังไงก็ไม่หลุด...

เรื่องนี้ไม่ได้มาแนวแก้แค้นเลือดสาด หรือพอเจอหน้าคนที่ทำให้ตัวเองต้องตายเมื่อไร
ก็เย็นชาพูดจาเชือดเฉือนใส่กันทั้งเรื่อง แต่เรื่องนี้นางเอกเขาใช้แผนหญิงงาม
วางแผนเข้าใกล้ตีสนิท เมื่อสนิทแล้วก็ค่อยยืมมือหรือหลอกใช้พระเอกดึงคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนาง(พวกที่ไม่ดี) มารับโทษทีละคน ค่อยๆ วางแผนชี้นำทำให้พระเอกสงสัยและต้องค้นหาความจริง จนนำไปสู่การหาหลักฐานเอาตัวคนผิดมาลงโทษ

เล่ม 2 พระ-นางแต่งงานกันแล้ว ในงานแต่งมีคนที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับองค์หญิงตันหยางหรือนางเอกมาร่วมงานด้วย จึงทำให้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหวาดระแวง คิดว่าพระเอกเปลี่ยนไปยืนฝั่งเดียวกับองค์หญิงแล้ว ..ทว่าไม่นานเรื่องที่ทำให้ตัวนางเอกในอดีตถูกคนประณามเข้าใจผิดก็ค่อยๆ ถูกตีแผ่ออกมา ซึ่งแต่ละเรื่องก็ล้วนข้องเกี่ยวกับพวกขุนนางที่พระเอกเคยคิดว่าเป็นคนดี

ด้วยการชักนำเล็กๆ น้อยๆ และแผนของนางเอกในร่างใหม่ จึงทำให้พระเอกพบเงื่อนงำ+เกิดความสงสัย จนนำไปสู่การค้นหาความจริงและจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลังออกมารับผิด ตั้งแต่เรื่องลอบขายยาต้องห้าม เรื่องทุจริตติดสินบน และเรื่องโกงข้อสอบของขุนนาง
หลายๆ เรื่องที่ปรากฏหลังจากนางเอกตาย จึงค่อยๆ สั่นคลอนความเชื่อของพระเอกที่ละนิด
ว่าตกลงองค์หญิงตันหยางใช่คนไม่ดีอย่างที่ใครหลายๆ คนหรือตนเองเคยคิดจริงๆ หรือ?
สิ่งที่ทุกคนเคยประณามกล่าวหาว่านางผิด สรุปแล้วมันผิดจริงหรือไม่?
และตนที่เป็นผู้ตัดสินความผิด กระทั่งยื่นความตายให้แก่นางนั้น ใช่การตัดสินที่ถูกต้องจริงๆ หรือเปล่า
 ดังนั้นพระเอกจึงไปขอรื้อคดีนางเอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จนทำให้ใครหลายๆ ไม่พอใจ และ
ทำให้ตนเองตกเป็นเป้า ถูกปองร้าย ถูกลอบสังหารอีกด้วย

นางเอกนิสัยเหมือนอันธพาลจิ๊กโก๋ปากซอย หน้าหนา สายรุก ชอบพูดจาเต๊าะพระเอก
ส่วนพระเอกก็เหมือนสตรีสูงศักดิ์ในห้องหอ อยู่ในกรอบประเพณีมาตลอดชีวิต
ประหนึ่งเทพเซียนผู้ละกิเลศตัดขาดจากเรื่องทางโลก
55 แต่สุดท้ายก็ตบะแตก
เมื่อมาเจอตังเมอย่างนางเอกตามติด คำพูดหวานเลี่ยนแค่ไหนก็สรรหาเอามาพูดได้
จนพระเอกหน้าแดงหูแดงไปหมด ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้เคยเจอแต่กุลสตรีเรียบร้อย     
....แต่นางเอกนี่มันอารายยย ทั้งพูดจาแทะโลมทั้งแต๊ะอั๋ง เผลอเมื่อไรเป็นถึงเนื้อถึงตัวพี่แกตลอด ด่าก็แล้ว ว่าก็แล้ว แต่อิน้องนางก็ยังเกาะหนึบ สลัดไม่หลุดสักที
55

กุลสตรีคืออาราย สำรวมคืออาราย หน้าหนาตามตื๊อเข้าไว้สิสุดหล่อจะหนีไปไหนพ้น
ก่อนแต่งว่าหนักแล้ว หลังแต่งยิ่งหนักกว่าเดิม 55 ...
พระเอกบอกห้ามจับมือมันไม่งาม ..นางเอกบอก ก็แต่งงานกันแล้วทำไมจะจับไม่ได้
ที่แต่งก็เพื่อจะทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างผ่าเผยไม่ใช่หรือ..อึ้งค่ะอึ้ง
สุดท้ายก็แพ้ทางเมียหมด แต่เรื่องนี้พระเอกขี้งอนเก่งมากกก 3 วันดี 4 วันงอน ดีที่เมียง้อเก่งไม่คิดเยอะ
ทั้งกล่อมทั้งปลอบจนพระเอกหายโกรธอารมณ์ดี เป็นคนอื่นนี่เจอไอเย็นพี่ก็หนีหมดแล้ว
แต่นางเอกคือด้วยนิสัยที่เป็นคนง่ายๆ อารมณ์ดี ประกอบกับมีแผนอยู่ในใจเลยไม่ไปไหน 
แต่ก็มีแอบเสียใจอยู่เหมือนกันนะ เพราะบางครั้งพระเอกก็งอนหนักไป
ขนาดเราอ่านแล้วยังแอบเสียใจแทน พองอนพอโกรธทีก็ไล่นางเอกไป ไม่ยอมให้พบ        แล้วนางจะไปไหนได้ จวนสกุลไป๋ก็มีแต่คนไม่ชอบและไม่ใช่บ้านจริงๆ ของนาง
ส่วนบ้านจริงๆ ในวังก็กลับไปไม่ได้แล้ว นางจะไปไหนได้ก็ต้องไปหาเพื่อนเก่าที่รู้ตัวตนนาง พอเป็นแบบนั้นพระเอกก็โกรธอีก  
ต่อหน้าคนอื่นคือเย็นชา เป็นท่านเจ้าเมืองที่ยุติธรรมเที่ยงตรง จริงจัง มีเหตุผล
แต่พออยู่กับเมียนี่คือเด็กน้อย ต้องให้เมียปลอบเมียโอ๋ ให้เมียคอยอยู่ใกล้ๆ
ขี้หวง ขี้หึง ขี้งอน แล้วยังปากหนักอีก เมียคุยกับผู้ชายอื่นก็ไม่ได้ ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองก็ไม่ยอม เอาแต่ใจสมฉายาองค์หญิงน้อยเจียงที่เมียตั้งให้จริงๆ พ่อคุณ

ช่วงแรกจะตลกฮาๆ แต่จริงๆ เนื้อเรื่องเจ้มจ้นพอสมควร มีปม มีเงื่อนงำเรื่องที่ใครคือตัวการที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงที่ทำให้นางเอกตาย ใครคือคนที่หลอกใช้พระเอกให้สังหารองค์หญิงตันหยาง...ไม่ใช่ เล่มแรกหลอกให้เราฮา แต่ไปดราม่าหนักเอา เล่มสุดท้ายนะจ๊ะ..
เพราะตอนปลายเล่ม 2 เราเหมือนจะได้กลิ่นดราม่าโชยมานิดๆ และ
เนื่องจากมีคนใกล้ตัวแอบรู้เรื่องที่นางเอกคือองค์หญิงตันหยางแล้ว บวกกับเรื่องจดหมายที่ทำให้พระเอกเริ่มสงสัยแต่ก็ยังพยายามที่จะคิดในแง่ดีอยู่
ไม่รู้ 2 เล่มสุดท้ายจะมีดราม่าเยอะรึเปล่า ถ้าพระเอกได้รู้ว่านางเอกเป็นใคร และตัวเองถูกหลอกใช้ยังไงบ้าง คนที่หยิ่งทะนงอย่างพี่แกจะรับได้ไหมเนี่ย
แต่หลังจากที่นางเอกได้เห็นพระเอกรื้อฟื้นคดีตนขึ้นมาใหม่ นางเอกก็เข้าใจแล้วนะว่าพระเอกน่าจะถูกคนอื่นหลอกใช้ให้มาทำร้ายตนเหมือนกัน จึงไม่ได้แค้นพระเอกแล้ว
ตอนใกล้จบเล่ม
2
ก็คิดว่าจะใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยา และคลอดลูกอยู่กับพระเอกตลอดไป
จากตอนแรกที่แต่งเพราะมีแผนการ คิดว่าไม่มีทางรักแน่นอน แต่ก็ตกหลุมรักเข้าเต็มเปา
ส่วนพระเอกที่คิดว่าแต่งมาแล้วจะต่างคนต่างอยู่ คิดว่าจะไม่รักเหมือนกัน
แต่ก็กางปีกปกป้องเมียเต็มที่เลยนะจ๊ะ ปากแข็งปากหนักแต่การกระทำมันฟ้อง
สรุปสุดท้ายพี่ก็รักเมียแล้วนั่นแหละ...

ป.ล. การแปลเล่มแรก ส่วนตัวเราอ่านไม่ค่อยลื่นเท่าไร มีคำว่ากระไร อันใด เยี่ยงไรเยอะมาก แต่เล่ม 2 อ่านลื่นผิดกับเล่มแรกเลย (เหมือนเล่มแรกไม่ได้เกลา เพิ่งมาเกลาเล่ม 2 เลย 55)


วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2564

ใครว่าข้าแกล้งอ้วนฮึ 3 เล่มจบ

 



ใครว่าข้าแกล้งอ้วนฮึ 3 เล่มจบ
ผู้แต่ง : ปู๋ซื่อเฟิงต้ง  (不是风动)
ผู้แปล : ศีตกาล
สำนักพิมพ์ IRISBOOK

อ่านจบแล้ว(อาจมีสปอยล์)
นายเอกเป็นเฟิ่งหวงน้อยตัวกลมที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งเพราะมีขนสีขาว เนื่องจากเผ่าเฟิงหวงถือว่านกที่มีขนสีขาวนั้นเป็นสิ่งอัปมงคล นายเอกจึงถูกทอดทิ้งตั้งแต่อยู่ในไข่ ต้องเกิดมาอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายไร้ญาติมิตร ต้องใช้ชีวิตตามลำพังและหาอาหารกินเอง แถมร่างกายก็ยังเล็กกลมไม่เจริญเติบโต ไม่อาจกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ บวกกับเรื่องสีขนจึงทำให้ถูกคนรังเกียจและรังแก แม้แต่พวกพ้องเผ่าเดียวกันก็ไม่ยอมรับ นายเอกจึงต้องทำงานเป็นนกส่งสารอยู่ในแดนพรหมเพื่อแลกกับอาหาร จนได้ลงไปเกิดในโลกมนุษย์เพื่อผจญด่านเคราะห์รัก 

ชาติแรกเป็นคณิกาชายอันดับหนึ่งอยู่ในหอนางโลม ได้แต่งงานกับพระเอกที่เป็นหวางหรือท่านอ๋อง แต่แต่งกันได้ไม่นานประมาณ 1 ปี พระเอกก็ถูกคนลอบสังหารจนเสียชีวิต แล้วนายเอกก็ตายตามไป ในชาติที่สองทั้งสองคนจำอดีตได้ นายเอกรู้แล้วว่าตนเองเป็นเฟิ่งหวง ส่วนพระเอกเป็นผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ที่หุบเขาเซียน ไม่อาจลงจากเขาได้จนกว่าจะฝ่าด่านฝึกสำเร็จ ทั้งสองคนเลยได้แต่เขียนจดหมายหากัน แต่พระเอกดันฝึกสำเร็จเร็วไปหน่อย จึงได้กลับขึ้นสวรรค์ทันที และก็หลงลืมเรื่องราวในอดีตไปจนสิ้น แต่นายเอกไม่รู้ว่าสามีกลับขึ้นสวรรค์ไปแล้ว เลยพยายามพลิกหุบเขาแทบทุกลูกเพื่อตามหาคน...กระทั่งมีคนสงสาร เลยแอบมาบอกน้องว่าสามีเป็นใครอยู่ที่ไหนนั่นแหละ นายเอกถึงได้หยุดค้นหา แล้วไปทำงานเก็บเงินเพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาสามีต่อ...

พระเอกมีนามว่าฝูหลีหรือ ชิงอี้ เป็นเทพจากยุคบรรพกาลรุ่นเจ้าแม่หนี่ห์วา  มีพลังตบะแข็งแกร่ง เป็นเทพที่ทำหน้าที่ควบคุมกระดานดาราหรือควบคุมชะตากำเนิดของเทพเซียน ซึ่งผู้ที่จะควบคุมกระดานดารานี้ได้จะต้องไร้ความรู้สึกไร้หัวใจ ดังนั้นนิสัยของพระเอกจึงเป็นเช่นนั้นแล เย็นชา เด็ดขาด ไร้ความรู้สึก ไร้หัวใจ ไม่เคยให้ความสำคัญหรือเห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา แต่อะไรๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อพระเอกให้เฟิ่งหวงน้อยตัวอ้วนกลมเข้ามาอยู่ในวังด้วย...อิอิ


เจ้าเฟิ่งหวงน้อยตัวกลมปุ๊กลุ๊กน่ารักน่าแกล้ง ชอบทำตัวน่าสงสาร แถมยังเถียงเก่งเป็นที่หนึ่ง แต่กลับต่อสู้เก่งและไม่เคยเสียเปรียบใคร มีจุดมุ่งหมายอันยิ่งใหญ่คือต้องตามหาสามีให้เจอ เมื่อเจอแล้วก็แสร้งทำตัวเป็นนกน้อยน่าสงสารพูดไม่ได้ เพื่อหวังให้เขารับเลี้ยงดู แต่พอพระเอกบอกว่าที่นี่ไม่เลี้ยงนกอ้วน น้องก็รีบจัดโปรแกรมออกกำลังกายลดน้ำหนักทันที (แต่น้ำหนักก็ไม่เคยลด55) ต่อมาเรื่องที่น้องพูดได้ก็ความแตกถูกพระเอกจับได้...น้องเลยต้องแสร้งทำตัวน่าสงสารบีบน้ำตาอีกรอบ (แต่ไม่มีน้ำตาสักหยด มารยาล้านเล่มเกวียนมากก 55) จนพระเอกใจอ่อนยอมให้อภัย จากนั้นน้องก็สารภาพความจริงว่าตนมาที่นี่เพื่อสานต่อวาสนาในชาติก่อนเพื่อเป็นสามีภรรยากับพระเอกอีกครั้ง ...ความหมายก็คือข้ามาที่นี่เพื่อเป็นมหาเทวีของท่านไงล่ะ.. โฮะๆ แต่พระเอกเป็นเทพไร้หัวใจ ยังไม่ก่อเกิดความรู้สึกอันใด จึงไม่ได้ตอบตกลง..ซึ่งนายเอกก็โอเคไม่บังคับ เพียงแต่ต้องอนุญาตให้ข้าเรียกท่านว่าสามีนะ 55

เนื้อเรื่องช่วงแรกจะเล่าสลับไปมาระหว่างตอนปัจจุบันกับชาติที่แล้ว ตอนที่พระ-นายลงไปเกิดบนโลกมนุษย์ ในชาติแรกนายเอกนึกว่าพระเอกเป็นฝ่ายจีบตัวเองก่อน พระเอกก็คิดว่าขนาดนานๆ ทีข้ามาหา มาถึงก็เงียบไม่ได้พูดอะไร เจ้าก็ยังคิดว่าข้าตามจีบอีกหรือเนี่ย...เหอๆ
ชาติแรกแต่งเพราะมีเหตุผลแอบแฝง (นายเอกก็ยังไม่รู้นะ โถๆ) เพราะพระเอกเป็นหวาง มีพ่อแม่เดียวกับฮ่องเต้ แถมยังรบเก่งและมีกำลังทหารในมือ ฮ่องเต้จึงหวาดระแวงกลัวว่าพระเอกจะก่อกบฏ พระเอกเลยตัดปัญหาด้วยการแต่งงานกับผู้ชายซะ จะได้ไม่ต้องมีทายาทสืบสกุล เพื่อลดความหวาดระแวงจากฮ่องเต้ แต่นายเอกไม่รู้ ยังคิดว่าสักวันพระเอกคงจะรับหญิงอื่นเข้าบ้านเพื่อคลอดลูก 
ขนาดมาชาติปัจจุบันที่อยู่บนสวรรค์ นายเอกก็ยังไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์ตัวเองนั้นถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ น้องก็ยังหวังดีคิดจะไปรับนกน้อยมาเป็นลูกบุญธรรมอยู่อีก 55...

ช่วงแรกๆ เวลาพระเอกออกว่าราชการประชุมเช้า นายเอกในร่างเฟิ่งหวงน้อยก็จะมานั่งฟังด้วย พวกเหล่าเทพเซียนที่มาประชุมเห็นก็แอบขำ เพราะน้องอ้วนกลมมาก แถมยังชอบไปนอนทำรังอยู่บนศีรษะพระเอกอีก แล้วทุกคนก็พากันซุบซิบนินทาบอกว่าน้องอ้วน ไหนว่ากำลังลดน้ำหนักแต่ทำไมมันยิ่งอ้วนขึ้นกว่าเดิมเนี่ย  พระเอกได้ยินคนนินทาเมียเลยเขียนเป็นราชโองการออกมาเตือน บอกว่านายเอกไม่ได้อ้วน แค่ขนฟูเฉยๆ ต่อไปหากใครยังว่าเมียพี่อ้วนอีก พี่ก็จะลงโทษตามกฎสวรรค์โทษฐานหมิ่นเกียรติให้หมดเลยคอยดู 55

แต่นายเอกไม่ได้ทำตัวติดกับพระเอกตลอดเวลานะ ถ้าเบื่อๆ เหงาๆ ก็ไปหาคนอื่นเล่นด้วย เป็นนกน้อยอารมณ์ดีฝุดๆ มีวันหนึ่งพระเอกอยากตามไปดูว่าน้องทำอะไร? เหงาหรือเปล่าก็เลยกลายร่างเป็นเฟิ่งหวงน้อยตัวกลมขนสีดำเพื่อไปแอบตามส่องดูชีวิตเมีย พอนายเอกเห็นพระเอกอ้วนกลมไซด์เดียวกับตัวเองก็ชอบมากกก ยิ่งพอพระเอกบอกว่าตัวเองอยู่คนเดียวไร้ครอบครัวด้วย นายเอกก็ยิ่งรักยิ่งห่วง ก็เลยนับพระเอกเป็นน้องชาย คอยแบ่งอาหารให้และแวะเวียนมาเล่นด้วยบ่อยๆ โดยไม่รู้เลยว่านี่คือสามีตัวเองปลอมตัวมา 55 ...ความลับอะไรที่ไม่เคยบอกสามี น้องก็มาบอกพระเอกในร่างนกหมด ตอนเขียนจดหมายหาพระเอกช่วงที่กักตัว น้องก็บอกพระเอกว่ากำลังลดน้ำหนักอยู่นะ กินลูกไผ่แค่นิดเดียวเองเพราะคิดถึงสามี....แต่พอเขียนหาพระเอกในร่างนก อิน้องก็บอกความจริงว่าไม่ได้ลดน้ำหนักเลย แถมยังกินลูกไผ่วันละตั้ง 300 ลูกแน่ะ ส่วนสามีก็ไม่ค่อยคิดถึงหรอก เพราะกำลังยุ่งกับการเปิดร้านอยู่ 55...
พระเอกก็ ......อืมมมมม
 -_-
เซียนดาวบริวารที่อยู่ข้างๆ เอามาอ่านก็ขำ
555 >>v<<


และเมื่อพระเอก
เริ่มชอบนายเอก กระดานดาราจึงเริ่มควบคุมไม่ได้ หลังๆ คือต้องกรีดข้อมือเพื่อใช้เลือดควบคุมกดกระดานดาราเอาไว้แทน แต่พระเอกก็ไม่กล้าบอกนายเอก แล้วนึกว่าเมียคงจะไม่รู้เพราะเห็นเป็นคนซื่อๆ คิดว่าเมียคงเชื่อตามที่ตัวเองพูดหมด แต่จริงๆ คือนายเอกรู้นะ สังเกตเห็นแล้ว รู้ว่าพระเอกมีบางอย่างปิดบัง ก็เลยไปปรับทุกข์กับคนอื่น คนนั้นเลยเอาเรื่องมาบอกพระเอก บอกว่ามีอะไรก็ไม่ต้องปิดบังเมียดอก เพราะเมียพี่ก็ไม่ได้ธรรมดานะ ดูสิแค่ 300 ปีก็ฝ่าด่านได้ถึงขั้นจินตานแล้ว (คนอื่นใช้เวลาเป็นพันๆ ปี) ไม่ได้อ่อนแอเปราะบางอย่างที่พี่คิดดอก มีอะไรก็บอกๆ เมียไปเต๊อะ อย่าปิดบังเลย...พระเอกเลยเลิกปิดบัง และพยายามค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อมาใช้ควบคุมกระดานดาราแทน เพราะยิ่งพระเอกรักนายเอกมากเท่าไร กระดานดาราก็ยิ่งสูญเสียการควบคุมเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ดีที่พระเอกไม่มีความคิดทำนองว่าจะหยุดรักหรือถอยห่างจากนายเอกเลย มีแต่นายเอกนี่แหละ ที่เป็นฝ่ายบอกให้พระเอกรักตัวเองช้าๆ ลงหน่อยไม่ต้องรีบ หรือถ้ารักก็ไม่ต้องรักเต็มร้อยก็ได้ แค่ 90 พอ...ฮ่าๆ

อ่านจบแล้วววว ไม่ดราม่านะ อ่านแล้วขำดี นายเอกน่ารักฟุบฟับ อ่านแล้วใจฟูไปหมด น่าร้ากกกกกแบบเห็นรูปน้องแล้วอยากบีบ ชอบมาก ชอบความน่ารักนุ่มนิ่มของนายเอกในร่างนก ทำอะไรก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด เห็นแล้วโกรธไม่ลง แล้วก็ชอบตรงทัศนคติความคิดของน้องด้วย เป็นคนมองโลกในแง่ดี ถึงจะเกิดมาในสภาพแวดล้อมรอบตัวที่แย่หรือโดดเดี่ยวยังไง แต่น้องก็ยังสามารถมองหาสิ่งดีๆ จากเรื่องเหล่านั้นเจอ สามารถมองข้ามเรื่องร้ายๆ และมีความสุขอยู่กับมันได้. แม้ในสายตาคนอื่นจะมองว่านั่นคือการโดนเอาเปรียบหรือเป็นเรื่องเลวร้ายก็ตาม  

จะมีเฉลยว่าทำไมนายเอกถึงมีขนสีขาว และมีบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของพระ-นายด้วย (แอบซึ้ง) รวมถึงตอนพิเศษเรื่องของลูกๆ ซึ่งบอกเลยว่าน่ารักน่าหยิกทุกตัว คนโตเย็นชาเงียบๆ นิสัยเหมือนพ่อ (น้องมีคู่ด้วยเปิดตัวตอนท้าย เป็นหญ้าอ่อนที่อยากถูกโคแก่กิน 55) คนรองอ่อนหวานหญิงเดียวในบ้านรักน้องฝุดๆ คนที่สามดื้อซุกซน ส่วนคนเล็กบื้อๆ ซื่อๆ มีสีขนเหมือนนายเอกที่สุด แถมยังชอบกักตุนของกิน ...แต่ลูกบ้านนี้ชื่อเชยมาก เพราะพระ-นายเอาชื่อของตัวเองมาแยกสลับกันแล้วตั้งเป็นชื่อลูก...จนมีคนถามว่าเด็กบ้านท่านนี่ใช้เท้าตั้งชื่อเหรอ หรือคิดว่าแค่เอาชื่อของตัวเองมาแยกสลับกันแล้วจะไม่มีใครดูออก 55 



วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2564

ปักรักลายบุปผา 2 เล่มจบ

 

ปักรักลายบุปผา 2 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เย่ว์เซี่ยเตี๋ยอิ่ง (Yue Xia Die Ying)
ผู้แปลเล่ม 1 : กระต่ายน้อยของอิงอิง
ผู้แปลเล่ม 2 : อี้หนิง
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ฮวาจิ่น นางเอกของเรื่องเป็นช่างปักผ้าสู่ซิ่ว ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่รูปแบบการปักที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน เป็นงานฝีมือดั้งเดิมหรือศิลปะการเย็บปักที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่โบราณนานนับพันๆ ปี ทว่าท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไปรวมถึงความเจริญที่หลั่งไหลเข้ามา จึงทำให้คนที่ทำอาชีพนี้หรือผู้สืบทอดมีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ
 
นางเอกทำงานเป็นช่างปักผ้าสู่ซิ่วในสตูดิโอเล็กๆ แห่งหนึ่งของอาจารย์ ถึงจะอายุยังน้อยแต่ก็เป็นช่างปักที่มีพรสวรรค์ เป็นสาวแกร่งสู้ชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในเมืองใหญ่ตามลำพัง บ้านเกิดของนางเอกเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่สมัยนั้นความเจริญยังเข้าไม่ค่อยถึง เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ลำเอียงรักและบูชาลูกชายมากกว่าลูกสาว เห็นลูกสาวเป็นคนรับใช้หรือส่วนเกิน แต่โชคดีที่นางเอกยังได้ไปเรียนหนังสือและยังมียายที่เอ็นดูเอาใจใส่เธออยู่หนึ่งคน ...ทว่าไม่นานยายก็จากไป ส่วนพ่อแม่และน้องชายของนางเอกก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นางเอกจึงถูกลุง(พี่ของพ่อ)รับไปดูแล แต่ลุงก็เป็นคนไม่ดี คิดจะให้นางเอกแต่งงานกับคนแก่เพื่อหวังเอาเงินมาเป็นค่าสินสอดให้ลูกชายของตัวเอง จึงจับนางเอกขังไว้ในบ้าน ไม่ให้ไปสอบเกาเข่าเข้าเรียนต่อ ทั้งๆ ที่นางเอกหัวดีมากสอบได้ที่ 1 ของโรงเรียน แต่ลุงก็ไม่ให้เรียน นางเอกไม่ยอม เลยหนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบอยู่คนเดียวในเมืองใหญ่ ไม่มีใครให้พึ่งพา ไม่มีญาติมิตร ต้องดิ้นรนทำงานสารพัดเพื่อความอยู่รอด ทั้งเป็นเด็กเสิร์ฟ เป็นคนส่งอาหาร แม้แต่งานติดฟิล์มที่ใต้สะพานก็ทำมาแล้ว... และด้วยความจนบางครั้งจึงทำให้ถูกคนแกล้ง ถูกเอารัดเอาเปรียบ กระทั่งถูกคนขับรถชนแล้วหนีจนทำให้มีอาการบาดเจ็บที่เข่าเรื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน

พระเอก เผยเยี่ยน หนุ่มหล่อโคตรรวยยยอภิมหาเศรษฐี พ่อแม่ตายหมดแถมยังได้รับมรดกจากปู่ผู้ล่วงลับอีกมหาศาล ชนิดที่ว่าเกิดอีกสิบชาติก็ยังกินใช้ไม่หมด ...พระเอกเป็นคนอารมณ์ร้อนขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ก็มีหลักการมีคุณธรรม ไม่ใช่คุณชายเสเพลที่เอาแต่กินเที่ยวทำตัวเป็นอันธพาลหรือดีแต่ผลาญสมบัติของบรรพบุรุษไปวันๆ แต่พระเอกเรานี่จับอะไรก็รุ่ง ลงทุนอะไรก็ประสบความสำเร็จ ดังนั้นถึงจะนิสัยผีเข้าผีออกยังไง แต่ก็ยังมีคนมากมายอยากเข้าหาตามประจบหวังเกาะขาทองคำคู่นี้อยู่ดี 

เพราะลูกพี่ลูกน้องของพระเอกต้องการหาคนมาปักผ้าเช็ดหน้าให้ยาย จึงทำให้พระเอกได้มาเจอและรู้จักกับนางเอกอย่างเป็นทางการ หลังจากที่คลาดเคลื่อนกันไปมาอยู่หลายที
เพราะจริงๆ สองคนนี้เคยเจอกันมาก่อนแล้วเพียงแต่พระเอกจำไม่ได้ พูดง่ายๆ คือไม่ได้ใส่ใจ ผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป ส่วนนางเอกกลับจดจำได้ขึ้นใจเพราะอะไร...ต้องลองไปอ่านเองจ้า 55 (ชอบตอนพิเศษนะ อ่านแล้วกระจ่างเลย)

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้เจอกันอีกเรื่อยๆ นางเอกก็ชอบหยอกชอบเย้าพระเอกให้โมโหเล่น ส่วนพระเอกก็ปากแข็งชอบทำเป็นเข้มเหมือนไม่สนใจ ทั้งที่ความจริงคือเริ่มสนใจแล้วแต่ไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าการชอบใครสักคนมันเป็นยังไง แต่ขนาดยังไม่รู้พี่ก็ออกตัวแรงมากเลย เห็นใครว่า+ดูถูกนางเอกพี่ก็เข้าไปซัด มีคนบอกว่าเห็นนางเอกอยู่กับผู้ชายในร้านอาหาร(คุยเรื่องงาน) พี่ก็บึ่งมาดูทันที มีคนส่งข่าวว่าเห็นนางเอกอยู่ในรถตำรวจพี่ก็รีบมาสถานีตำรวจอย่างไว ได้ข่าวว่านางเอกต้องต้มกินบะหมี่กินพี่ก็ส่งอาหารเสริมพร้อมของกินมาให้ 3 ลังใหญ่ทันที ...เอาเซ่ๆๆๆ นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะเนี่ย ...แต่พอตกลงคบกันแล้วเราถึงได้รู้ว่าความจริงพระเอกยังหวานยังดีได้มากกว่านี้อีกนะ แถมยังชอบอวดแฟน กลายเป็นพ่อบ้านใจกล้าเข้าชมรมคนกลัวเมียอย่างเต็มตัวไปเรียบร้อย 55 ...

อ่านจบแล้วเพลินดี เรียบๆ เรื่อยๆ ย่อยง่าย ไม่หน่วงไม่ต้องลุ้นเยอะ แอบมีดราม่าอยู่หน่อยตรงช่วงอดีตของนางเอก ในหนังสือมีเล่าเป็นบางช่วงไม่มาก นางเอกก็มีนึกถึงบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่กับปัจจุบันมากกว่า จะเน้นที่ความรักของพระ-นางกับอาชีพช่างปักผ้าของนางเอก นอกจากจะได้ฟินเรื่องรักแล้วก็ยังได้ความรู้เรื่องการปักผ้ามาด้วย ยอมรับเลยว่าเพราะเรื่องนี้นี่แหละเราถึงได้รู้เรื่องศิลปะการเย็บปักผ้าโบราณของจีน นักเขียนขายเก่งจริงๆ 55


จริงๆ ในยุคสมัยนี้อาชีพของนางเอกนั้นคนไม่ค่อยเห็นค่าแล้ว เพราะมีเครื่องจักรเข้ามาแทนที่ แถมผ้านี้ยังขายยากคนซื้อก็น้อยจึงไม่ค่อยมีใครอยากทำต่อ ร้านของนางเอกเองก็เกือบไม่รอดเพราะยอดขายไม่ได้เยอะ ทว่าหลังจากที่นางเอกได้ช่วยปักผ้านวมให้คุณลุงคนหนึ่งแล้วมีคนเอาไปลงบล็อก บวกกับมีดาราคนหนึ่งเอาชุดที่นางเอกทำไปใส่ออกงาน มันก็ถึงได้เริ่มมีกระแสมีคนสนใจเริ่มพูดถึง สถานการณ์ในร้านเริ่มดีขึ้น กระทั่งมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ไปออกทีวี และมีดีไซเนอร์ชื่อดังมาเชิญให้ไปร่วมออกแบบผ้าในงานแฟชั่นระดับประเทศ พอคนได้เห็นชุดที่ซิ่วซือ(ช่างฝีมือผู้ปักลายผ้า)ทั้งหลายช่วยกันออกแบบถูกใส่เดินบนแคทวอร์คก้พากันตกตะลึง 
อึ้ง!ทึ่ง! จุดประกายทำให้คนหันกลับมามองมาสนับสนุน รวมถึงให้ความสำคัญกับงานฝีมือดั้งเดิมของประเทศกันเยอะขึ้น

ส่วนความรักของพระ-นางก็ราบรื่นไร้อุปสรรค นางเอกสวยแกร่ง+สู้คน ด่ามาก็ด่ากลับ อย่าคิดว่าจนแล้วจะมาด่าหรือรังแกกันได้ง่ายๆ ส่วนพระเอกก็สายเปย์ กับคนไม่สนิทคือเย็นชาไม่สนใจ พูดจาไม่มีไว้หน้า แต่กับคนที่รักหรือนางเอกนี่ตรงกันข้าม ดูแลอย่างดี แบบดีมากกกกกอะ ของๆ ฉันก็คือของๆ เธอ นางเอกจะทำอะไรก็พร้อมสนับสนุนคอยช่วยเหลือทุกอย่าง รักเดียวใจเดียว ใครกล้ามารังแกแฟนข้าพี่แกเอาคืนเจ็บหนักทุกราย แต่อิฝ่ายที่มารังแกก็ไม่เคยจะสำนึก ชอบรังแกดูถูกคนที่อ่อนแอกว่า พอโดนเอาคืนบ้างแทนที่จะไปขอโทษนางเอกซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง กลับดันไปขอขมาพระเอกที่เป็นแบ็คแทน คือไม่ได้เห็นนางเอกอยู่ในสายตาเล๊ย มองคนที่ฐานะอย่างเดียวจริงๆ
ถ้ามีฐานะเท่าเทียมกันก็มองเป็นคน แต่ถ้าต่ำกว่าก็ไม่รู้ว่ามองเป็นตัวอะไร
สุดท้ายพระเอกเลยจัดชุดใหญ่ให้สมใจทั้งบัญชีใหม่บัญชีเก่า ทั้งอดีตทั้งปัจจุบันโดนหมด
เอาให้ล่มทั้งตระกูลไปเลย...หึหึ

ป.ล. แอบมีคำผิดอยู่ 1 จุดในเล่ม 2 ...จากตระกูลสวีเปลี่ยนเป็นตระกูลฉวีอะจ้ะ