วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ภรรยายอดดวงใจ เล่ม 1



ภรรยายอดดวงใจ เล่ม 1 ( 5 เล่มจบ ) / ผู้แต่ง : Wu Shi Yi
ผู้แปล : กิล
สำนักพิมพ์ Happy Banana

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )

นางเอกเป็นเด็กสาวยุคปัจจุบันที่ป่วยตายแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของ อาหว่าน 
บุตรสาวเพียงคนเดียวขององค์หญิงคังอี๋และท่านราชบุตรเขย  ส่วนพระเอกก็ตายในสนามรบ
และได้โอกาสย้อนกลับมาอยู่ในร่างของตัวเองเมื่อตอนอายุ 6 ขวบใหม่อีกครั้งเช่นกัน ...
พระ-นางในเรื่องนี้จริงๆ โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว  แต่เมื่อต้องมาอยู่ในร่างเด็ก 
ก็เลยต้องพยายามแกล้งโง่ทำตัวเป็นเด็กกันสุดฤทธิ์ 55+

พระเอก เว่ยเสวี่ยน เป็นทายาทของรุ่ยอ๋องซึ่งเป็นน้องชายร่วมอุทรเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน   ถึงแม้พี่แกจะไม่ได้มีฐานะเป็นองค์ชาย แต่ก็ได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฮ่องเต้และไทเฮามาก  จึงทำให้มีนิสัยเกเรอันธพาล ไม่เห็นหัวใคร ชอบทะเลาะวิวาทกับคนเขาไปทั่ว 
ต่อยตีได้หมดไม่เว้นแม้กระทั่งองค์ชายหรือองค์หญิง 
ส่วนนางเอกแม้จะมีความทรงจำในชาติที่แล้วติดตัวมา  แต่เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ
ร่างกายไม่ดี แบบอ่อนแอตั้งแต่เกิดมาโดยตลอดทั้งสองชาติ
จึงทำให้นางเป็นคนเก็บตัว เงียบๆ เฉื่อยชา ไม่ค่อยพูด แลดูเหมือนคนแก่
ซึ่งตรงกันข้ามกับพระเอกที่เป็นคนใจร้อน โหดเหี้ยม โมโหร้ายโดยสิ้นเชิง

เสียดายที่ชาติที่แล้วพระเอกทำตัวไม่ดีและรู้ใจตัวเองช้าไป  กว่าจะเข้าใจก็สายไปแล้ว
เพราะนางเอกได้ถูกหมั้นหมายไปเรียบร้อยแล้ว  ประกอบกับในชาติที่แล้วพระเอกเองก็อ่อนหัด 
แล้วเลือกข้างผิดด้วย  จึงทำให้ไม่อาจปกป้องหรือช่วยเหลืออะไรนางเอกได้  
ได้แต่รอให้เรื่องมันเกิดก่อนถึงค่อยมารู้ที่หลัง พอถึงตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
กระทั่งนางเอกตายไปในคืนเข้าหอ  พระเอกก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เพราะถูกส่งไปชายแดน
และสุดท้ายก็สู้รบจนตัวตายแล้วจากไปด้วยความแค้นเคืองอีกคน

นานๆ ทีจะเจอเรื่องที่พระเอกตายแล้วย้อนกลับมาอยู่ในร่างของตัวเองใหม่บ้าง  
พระเอกเรื่องนี้พอได้โอกาสกลับมาใหม่สิ่งแรกที่พี่แกทำก็คือ หาทางเอาชนะใจพ่อแม่นางเอก
เพื่อให้ได้หมั้นหมายกับนางเอกก่อนใคร  แม้ต่อหน้าคนอื่นจะยังทำตัวเป็นเด็กเกเร 
ไม่เห็นหัวใคร นิสัยเหมือนเดิมเปี๊ยบ  แต่พออยู่กับนางเอกหรือพ่อแม่นางเอกก็จะกลายเป็นเด็กดีว่าง่าย น่ารักขึ้นมาทันตาเห็น  ไม่สนศักดิ์ศรีใดๆ คอยวิ่งตามเอาใจนางเอกตามติดแจทุกวัน...  
แต่ในขณะเดียวกัน พระเอกก็ต้องหาทางปรับเปลี่ยนโชคชะตาเพื่อไม่ให้ทุกอย่างซ้ำรอยเดิมอีกด้วย  

พระเอกเรื่องนี้เลยออกแนวข้าร้ายกับคนทั้งโลก แต่ดีกับนางเอกเพียงแค่คนเดียว  
( อ้อยังมีพ่อ-แม่นางเอกอีก เพราะเดี๋ยวเขาไม่ยกลูกสาวให้ 55+ )  
ไม่ว่ายังไงชาตินี้พี่แกก็ต้องแต่งนางเอกมาเป็นภรรยาให้ได้ 55+  
ตอนนี้เพิ่งเล่มแรกยังอยู่ในการปูทางเลยยังไม่มีอะไรมาก ปริศนายังเยอะอยู่
ตั้งแต่เรื่องที่ว่าทำไมฮ่องเต้กับไทเฮาถึงได้โปรดปรานให้ท้ายพระเอกยิ่งกว่าองค์หญิงองค์ชายที่อยู่ในวัง  แล้ว
ไหนจะสาเหตุเบื้องหลังการตายของแม่พระเอกและนางเอก
รวมถึงอีกหลายๆ คนในชาติที่แล้ว  
แต่เพราะตอนนี้ยังอยู่ในร่างเด็ก พระเอกเลยยังทำอะไรไม่ได้มาก  
ก็ได้แต่ค่อยๆ วางแผนจัดการศัตรูไปทีละนิดๆ  โดยเฉพาะคนที่เคยทำไม่ดีกับนางเอกเอาไว้เมื่อชาติที่แล้ว พี่แกไม่ปล่อยเอาไว้แน่...หึหึ




วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ทาสรักเจ้าสำราญ 2 เล่มจบ


ทาสรักเจ้าสำราญ 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง Yi Yan Bu Cheng Xia
ผู้แปล Breadknight
สำนักพิมพ์ Meedee


คำโปรยหลังปก

ในฐานะที่เป็นลูกชายคนโตของตระกูลซูผู้มีรูปโฉมเลิศล้ำเหนือผู้ใด 
     "ซูสุ่ย" ไม่เคยรู้ว่าอะไรที่เรียกว่า...เสียเปรียบ 
จนกระทั่งเสวียนจิ่น บุตรชายของอัครเสนาบดีปรากฎตัว 
       เขาก็รู้สึกทันทีว่าได้เผชิญกับศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในชีวิต!
...ถูกล่วงเกินโดยปิดตาไว้พร้อมมัดมือสองข้างไพล่หลัง 
       วงศ์ตระกูลที่มีเกียรติมีชื่อเสียงถูกยึดทรัพย์ 
ซูสุ่ยร่วงหล่นจากเมฆาลงสู่โคลนตมภายในวันเดียว 
       ซ้ำร้ายยังถูกบีบบังคับให้เป็นทาสของเสวียนจิ่น 
กระทั่งยังต้องเป็นอนุรับใช้ช่วยอุ่นเตียงให้เขาด้วย!


ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )

ตอนที่อ่านเล่มนี้เพลงจำเลยรักก็ลอยมาทันที 
“ เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้คุณเคืองขุ่น 
ปรักปรำฉันเป็นเชลยของคุณ นี่หรือพ่อนักบุญแท้จริงคุณคือคนป่า .... “

ซูสุ่ย บุตรชายคนเดียวของตระกูลซู ตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวง  
ซูสุ่ยเกิดมาบนกองเงินกองทองอีกทั้งยังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว
ที่จะสืบทอดกิจการของตระกูล  จึงได้รับการประคบประหงมมาอย่างดี
และทำให้กลายเป็นคนไม่เอาไหน นิสัยเกเร อันธพาล ไม่เห็นหัวใคร  
เรียนก็ไม่ได้เรื่องแต่เรื่องกิน เรื่องดื่ม เที่ยวหอนางโลมกลับไม่เป็นสองรองใคร 

แต่แล้ววันหนึ่งซูสุ่ยก็ดันพลาดท่าถูกใครไม่รู้จับกด ในขณะที่กำลังจะแก้แค้นเอาคืน
ที่บ้านก็กลับมาเกิดเหตุร้ายที่ทำให้ทั้งตระกูลแทบล่มสลายซะก่อน  
คุณชายที่เกิดมาไม่เคยรู้จักคำว่าลำบากจึงต้องตกอับ ไม่มีที่ซุกหัวนอน
และกลายมาเป็นทาสด้วยประการฉะนี้แลเอย ...

เสวียนจิ่น บุตรชายคนเดียวของท่านอัครเสนาบดีที่อยู่ใต้คนผู้เดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่น  
เพราะใบหน้าที่งดงามของนายเอกจึงทำให้พระเอกเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นสตรี   
ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จึงเปรียบเสมือนน้ำกับไฟ ... 
เพราะถึงพระเอกจะรู้ว่านายเอกเป็นผู้ชายทั้งแท่งก็หาแคร์ไม่  
กลับยิ่งชอบเข้าไปกระเซ้าเย้าแหย่ยั่วโมโหคนเขาอยู่เรื่อยเหมือนหมาหยอกแมว..

หลังจากที่นายเอกตกอับก็ได้รับการช่วยเหลือ (หรือเปล่า??) จากพระเอก  
เพราะนอกจากพระเอกแล้วเพื่อนฝูงที่เคยห้อมล้อมก็พากันหนีหายไปหมด  
( แต่หากดูจากนิสัยนายเอกแล้วก็คงไม่แปลก )  แม้จะตกต่ำกลายเป็นทาส
แต่นายเอกก็ยังคงสวย เริด เชิด หยิ่งอยู่เหมือนเดิม ฝีปากก็ยิ่งไม่เป็นสองรองใคร ...
ส่วนพระเอกก็ไม่น้อยหน้า เธอแรงมาฉันก็แรงกลับ และหนักกว่าหลายเท่าด้วย  
ประกอบกับนายเอกก็เป็นประเภทหัวแข็งปากหนัก
ไม่เคยก้มหัวยอมใครอยู่แล้ว มันก็เลยยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เลยทีนี้    
แต่ละอย่างที่โดนนี่บอกเลยว่าโหดมาก  ทั้งร่างกายและจิตใจสะบักสะบอมหวิดจะตายอยู่หลายที
จนนายเอกเข็ดขยาดหวาดกลัวไม่กล้าหืออีกเลย  จากตอนแรกที่แว้ดๆ ใส่เกียร์ชนตรงๆ
แต่หลังๆ พอรู้ว่าพระเอกมันโหดจริงทำจริงก็เริ่มอ่อนลงไม่ค่อยกล้าพยศและ 

คือจากที่เราเคยอ่านมา เวลาพระเอกลงโทษนายเอกส่วนใหญ่ก็จะตัดใจทำไม่ได้
หรือทำพอเป็นพิธีไม่แรงมากแค่นั้น  แต่เรื่องนี้อิพี่จัดเต็มมากก  
ถึงตอนท้ายๆ จะมีบอกเหตุผลอยู่แต่หนูว่าก็ยังแรงไปนะคะ ...
ไม่แปลกค่ะ  ที่นายเอกจะเลือกหนีและขอยอมตายดีกว่าอยู่ข้างกายคุณพี่ ...
แต่ยังดีหน่อยที่หลังจากนั้นคุณพี่ก็ยอมเปลี่ยนจากไม้แข็งเป็นไม้อ่อน  
ไม่งั้นกลับมารอบนี้คนเขาคงได้ตายจริงๆ แน่นอน ...


ปล. ถึงนายเอกจะฉลาดเจ้าเล่ห์แค่ไหนแต่ก็ยังสู้พระเอกไม่ได้อยู่ดี  ( ไม่งั้นจะท้องหรือ 55 )

คุณพี่ทั้งเจ้าเล่ห์ เหลี่ยมจัด ...วางแผนอย่างแยบยลเพื่อให้นายเอกไม่หนีและยอมอยู่กับตัวเอง

แล้วนายเอกก็ไม่รู้ด้วยว่าเป็นแผนของคุณพี่  ยังนึกว่าตัวเองเป็นคนผิดด้วยซ้ำ 55+





วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ม่านมายาชายาผู้ถูกลืม



ม่านมายาชายาผู้ถูกลืม ( เล่มเดียวจบ ) / ผู้แต่ง : เชียนสวิน
ผู้แปล : Primavera
สำนักพิมพ์ เหลียนฮวา

คำโปรยหลังปก

หลี่เซวียน นั้นเฉลียวฉลาดรู้ประสามาตั้งแต่เยาว์วัย 
แต่นางกลับเคราะห์ร้ายถูกเลือกให้สวมรอยเพื่อตายแทน โจวซวี่ยง
ท่านชายรองแห่งจวนอ๋อง หลังศึกชิงบัลลังก์ยุติลง ท่านอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ 
ซวี่ยงมีฐานะเป็นองค์ชาย ส่วนนางที่รอดชีวิตมาได้ถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิง 
เพียงแต่เบื้องหลังเกียรติยศสูงศักดิ์นี้กลับแลกมาด้วยชีวิตบิดามารดาของนาง
เพื่อเป็นการชดเชยฝ่าบาทจึงทรงให้องค์ชายรองซวี่ยงรับนางเป็นภรรยา 
ทว่าเขากลับยืนกรานไม่ยอมแต่งนางเข้าจวน 

ยามนี้นางถึงได้รู้ว่าความผูกพันและมิตรภาพที่ลึกซึ้งขนาดยอมตายแทนเขาได้
.....มิอาจบงการความรักได้ 
นางเพิ่งจะมองเห็นความไร้หัวใจของเขาก็เมื่อถูกส่งตัวเข้าตำหนักเย็น 
ช่างปะไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็ทำได้เพียงใช้ชีวิตให้สุขกายสบายใจ 
แต่ไม่รู้ว่าเรื่องเกิดผิดพลาดตรงไหน ‘ชายาที่ถูกทิ้ง’ อย่างนาง
กลับถูกฝ่าบาทยกให้องค์ชายห้าและรับสั่งให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน 
ส่วนซวี่ยงที่ต่อให้ตายอย่างไรก็ไม่รับนางเป็นภรรยา
กลับแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนทุกวันหมายจะแย่งตัวนางกลับไป…

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
นางเอก หลี่เซวียน เป็นบ่าวที่ถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาในบ้านของพระเอก  
เป็นคนเฉลียวฉลาด มีไหวพริบ นิสัยช่างพูดและซุกซน  ซ้ำยังมีรูปโฉมงดงาม  
แม้จะมีสถานะเป็นบ่าว แต่ก็ได้รับการอบรมเลี้ยงดูไม่ต่างจากคุณหนูผู้ดีมีสกุลสักเท่าไร  
ประกอบกับเฉลียวฉลาดเกินวัย จึงทำให้นางเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน

แต่ใครเลยจะคิดว่าวันหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์พลิกผันบางอย่าง ที่ทำให้นางเอกต้องเกือบตาย
ทั้งยังสูญเสียบิดามารดาไปจนสิ้น  กระทั่งพระเอกก็ยังเมินเฉยตีตัวออกห่าง
แม้จะได้สถานะองค์หญิงเป็นการปลอบใจ แต่อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ....

พระเอกกลายเป็นองค์ชายรองผู้สูงศักดิ์  ส่วนนางเอกก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงไหวอี้ 
ตำแหน่งที่ใครๆ ต่างก็พูดว่าแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของบิดาตนเอง  
แม้ไม่อยากรับแต่ก็ไม่มีทางเลือก ไม่งั้นจะให้เด็กสาวที่อายุ 12 ปีอย่างนางใช้ชีวิตอยู่ยังไง  
นางเอกจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความทุกข์ระทม  
ส่วนพระเอกก็ยังคงเมินเฉยและเอาแต่หลบหน้าเหมือนเดิม 
แต่นางเอกก็ยังพยายามปลอบใจตัวเอง และพัฒนาปรับปรุงตัวเพื่อให้คู่ควรเคียงข้างเขา  
แต่ทุกอย่างก็พังทลาย เมื่อจู่ๆ นางต้องกลายเป็นแพะรับบาปและถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็น

เรื่องนี้พระ-นางเค้ารักกันและรู้ใจตัวเองกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว   
แต่มันมีสาเหตุที่ทำให้พระเอกแสดงออกไม่ได้  ...
อ่านไปครึ่งเล่มเราจะสงสารนางเอก เพราะต้องมาสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างไม่ทันตั้งตัว  
ถึงนางจะเป็นคนฉลาดแต่ก็เป็นแค่เด็กอายุสิบสอง อีกทั้งคนที่นางชื่นชอบ คนที่เอ็นดูมาตลอด
จู่ๆ ก็ยังมาตีตัวออกห่างไปเฉยๆ โดยที่ไม่ทราบสาเหตุอีกด้วย  
เมื่อหลายๆ เรื่องเข้ามาพร้อมกัน นางเอกจึงเกือบจะรับไม่ไหวและแทบจะเสียสติไปเลย ... 
แถมพอได้มาอยู่ในวังก็ใช่ว่าจะดี เพราะเจอแต่คนดูถูกเหยียดหยามฐานะเดิม  
เจอแต่คนปองร้ายคอยหาทางกลั่นแกล้งอยู่ตลอด แถมพระเอกก็ยังมาเย็นชาไม่สนใจอีก  
แต่นางเอกก็ยังพยายามอดทนต่อไปนะ  โดยหวังว่าสักวันมันคงจะดีขึ้น  
แต่พอต้องมาถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นอีกทีนี้แหละพอเลย
....ไม่ไหวแล้ว  ไม่ขอพึ่งหรือฝากความหวังไว้กับใครแล้ว จากนี้ไปจะขอพึ่งตัวเองเท่านั้นพอ

แต่พระเอกก็มีเหตุผลจำเป็นจริงๆ ที่ทำให้ต้องเย็นชาไม่สนใจ  
เพราะตอนนั้นพ่อพี่แกไว้ใจคนผิด จึงทำให้อีกฝ่ายมีอำนาจและบารมีมากกว่า  
ฝ่ายบ้านพระเอกที่เพิ่งเข้ามาเลยยังต่อกรสู้กับเขาไม่ได้  
เรื่องของนางเอกเลยทำได้แค่ปกป้องแบบลับๆ 
 ...กว่าจะเคลียร์ทุกอย่างแล้วมีอำนาจได้ก็ผ่านไปตั้งเกือบ 6 ปี
จนนางเอกปล่อยวางปิดตัวเอง ไม่คิดอะไรกับพระเอกแล้ว  
พี่แกเลยต้องหาทางทำให้นางเอกเหมือนเดิมและกลับมาอยู่ข้างกายตัวเองใหม่อีกครั้ง ...


ปล. ตอนแรกไม่คิดว่าจะสนุกนะเนี่ย  แต่พออ่านแล้วใช้ได้เลยดีกว่าที่คิด 
การแปลก็ดีขึ้น ( สารภาพว่าเรื่องก่อนๆ หน้าของสำนักพิมพ์เราอ่านแล้วบางประโยคมึนๆ งงๆ มาก  
ต้องมาแปลไทยเป็นไทยเองอีกรอบ 55+  )  
ถึงจะมีบางคำที่อ่านแล้วยังขัดๆ อยู่ แต่สำหรับเราโดยรวมคือดีขึ้นเยอะ
เนื้อหาก็โอเคนะสมเหตุสมผล   ตอนแรกอ่านไปอาจจะโกรธๆ พระเอกว่าทำไมถึงทำแบบนี้ 
แต่พอรู้เหตุผลแล้วก็โอเคให้อภัยได้   ส่วนนางเอกก็เป็นคนฉลาดมีเหตุผลอยู่แล้ว
พอคิดทบทวนไปมาก็เข้าใจ รับรู้ถึงความลำบากที่พระเอกต้องเจอมาเหมือนกัน  
อะไรๆ มันก็เลยไม่ต้องยืดเยื้อนาน ..

-  ตอนจบจะรวบรัดหน่อย  เพราะเราจะรู้ทุกอย่างผ่านการเล่าของพระเอกแทน  
อาจเป็นเพราะเล่มบางด้วยมั้ง มันเลยต้องรวบรัดแบบนี้แหละ

 .....................................................................................

     หลังจากที่เขาปฏิบัต่ิต่อนางอย่างเย็นชามาเป็นเวลาสามปี  พยายามทำให้ทุกคนเห็นชัดๆ 
ว่าเขามิได้มีใจ มิได้มีความรู้สึกใดๆ ต่อนาง  หลังจากที่เขาปล่อยให้นางต้องทนทุกข์
กับการถูกใส่ร้ายป้ายสี  แบกรับชีวิตอันยากลำเค็ญในตำหนักเย็นเป็นเวลาสามปี
เขาถือดีอันใดคาดหวังให้นางละทิ้งอดีตแล้วกลับไปเป็นเหมือนอย่างแต่ก่อน?
    ความคิดเช่นนี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่าน่าละอายแก่ใจยิ่ง ...  




วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เทวาภูผา


เทวาภูผา ( เล่มเดียวจบ )  / ผู้แต่ง : She Xie Jun
ผู้แปล : หลันเซียง
สำนักพิมพ์ รักคุณ

คำโปรยหลังปก

        เมื่อครั้งยังเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสา ‘ต้าเหอ’ ได้ลบหลู่เทพเจ้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ 
เทพเจ้าแห่งภูเขาที่ไม่เคยปรากฏกายมาก่อนกลับปรากฏกายต่อหน้าเขาเพียงผู้เดียว 
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าอันงดงาม ท่าทางช่างเลือกช่างกิน หรือความอ่อนโยนใกล้ชิด
ที่อีกฝ่ายมีต่อเขา ต้าเหอล้วนชอบมันทั้งนั้น
       ทว่าเทพเจ้ากับมนุษย์มิอาจมิอาจอยู่เคียงข้างกัน ในที่สุดวันที่ต้องแยกจากก็มาถึง
เด็กน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องออกไปเผชิญกับความทุกข์
และความเศร้าโศกเสียใจมากมาย มีเพียงเทพเจ้าแห่งภูเขาที่ยังคงอยู่ในป่าไผ่สีเขียวมรกตผืนนั้น 
เฝ้ารอการกลับมาของเด็กน้อยในวันวานอย่างเดียวดาย
      ท้ายที่สุดแล้ว ความรักอันแสนบริสุทธิ์ระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์จะลงเอยเช่นไร…

ขอเพียงแค่เชื่อ...
เพียงเจ้าเชื่อว่าข้ามีจริง 
ข้า...เทวาแห่งภูผาจะอยู่ ณ ที่แห่งนั้นเสมอ
...ต้าเหอ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )

      ต้าเหอ เป็นเด็กกำพร้าที่ได้ปู่เลี้ยงดูมา แต่ทว่าไม่นานปู่ก็มาตายจากไปอีกคน  
ชีวิตที่ปราศจากบิดามารดาและคนในครอบครัว จึงทำให้พระเอกในวัยเด็กไม่เป็นที่ชื่นชอบ 
ไม่มีเพื่อนเล่นและถูกรังแก  เขาจึงกลายเป็นคนพูดน้อย เงียบขรึมไปโดยปริยาย 

      สมัยเด็กเวลาที่พระเอกตามปู่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์  พี่แกจะไปนั่งเล่นรอปู่อยู่ตรงศาลเจ้าแห่งหนึ่ง
และนั่นก็ทำให้พระเอกได้พบกับ เทพเจ้าแห่งภูเขาหรือนายเอก ที่สิงสถิตย์อยู่ ณ ศาลเจ้าแห่งนั้น 
นายเอกเองก็เป็นคนยุคโบราณจริงๆ อยู่มาตั้งแต่สมัยที่ยังมีการสอบจอหงวนเลย  
พอได้เห็นโลกในยุคนี้นางก็เลยงงๆ  เพราะอยู่เป็นเทพมากี่ร้อยปีไม่เคยได้พูดคุยกับคนเป็นๆ เลยสักครั้งเพิ่งมามีพระเอกนี่แหละคนแรกเลย  นับแต่นั้นที่นั่นจึงกลายเป็นสถานที่พิเศษของพระเอก 
ไม่ว่าสุข ทุกข์ ดีใจหรือเสียใจไม่ว่าจะเกิดอะไรพระเอกก็จะวิ่งมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้
เพื่อหานายเอกอยู่เสมอๆ    แต่ทว่าวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้นายเอกไม่ออกมาเจอพระเอกอีกเลยจนเกือบสิบปี ....

       พระเอกเรื่องนี้เป็นคนทึ่มๆ ซื่อๆ ไม่ค่อยฉลาดแถมจนด้วย เป็นเพียงคนธรรมดา
ที่ไม่ได้ทะลุมิติไปไหน  แต่อยู่ในยุคปัจจุบัน ยุคสมัยใหม่ที่ไม่ค่อยมีคนกราบไหว้บูชาหรือเชื่อเรื่องเทพเจ้ากันแล้ว  พี่แกอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ ( ไม่มีทีวีหรือแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้ )  
แต่ไม่นานความเจริญก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาและทำให้วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้านเปลี่ยนไป  
จากที่เคยทำไร่ทำนา ขึ้นเขาไปล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพ  ก็เริ่มถูกผลักให้ออกไปทำงานหาเงินในเมืองใหญ่ๆเพื่อเอาค่าตอบแทนสูงๆ ....  ซึ่งพระเอกเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  
แต่ไม่ว่าโลกหรือผู้คนจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปยังไง  พระเอกก็ยังคงมีหัวใจที่บริสุทธิ์ซื่อตรงดังเดิม  
ความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกไม่อาจสั่นคลอนจิตใจของพี่แกได้เลยสักนิด  
ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลสักเพียงใดขอแค่มีเวลาพระเอกก็จะกลับมาที่ศาลเจ้าตรงภูเขาทุกครั้ง  
แม้นจะไม่ได้เห็นใบหน้าที่โหยหา แต่ขอแค่ได้เห็นศาลเจ้าของคนผู้นั้นก็ยังดี  .......

        เรื่องนี้มันจะคุมโทนหม่นๆ เทาๆ ตั้งแต่ต้นจนเกือบจบเลย  อ่านไปก็จะรู้สึกอึนๆ ครึมๆ อยู่ตลอด เพราะชีวิตของพระเอกตั้งแต่เล็กจนโตนี่มันเหมือนตลกร้ายจริงๆ  พอมีความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน ประเดี๋ยวก็ต้องเจอกับการพลัดพรากจากลาอีกแล้ว  กระทั่งนายเอกที่เป็นเทพเจ้าแห่งภูเขา
ก็ยังไม่อาจช่วยอะไรได้  ไม่อาจฝ่าฝืนโชคชะตาเพราะเมื่อใดที่ยื่นมือเข้ามาเขาก็จะได้รับโทษทัณฑ์จากสวรรค์เช่นเดียวกัน ...ดังนั้นนายเอกจึงทำได้แต่เพียงมองดูทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความเจ็บปวดจนชินชาเท่านั้นเอง ....

       เรื่องนี้สำนักพิมพ์บอกว่าจบ Happy แต่เราก็นึกไม่ออกว่าจะจบออกมาแบบไหน  
พระ-นายจะลงเอยกันยังไง จะได้อยู่ด้วยกันไหมเพราะนี่มันคนละภพเลยนะ ...  
แต่สุดท้ายนักเขียนก็หาทางลงให้เรื่องมันจบ Happy แบบสมเหตุสมผลโดยไม่ขัดความรู้สึกของเราที่เป็นคนอ่านได้จริงๆ ... เย้ๆ  


วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เซียมซีทายรัก 2 เล่มจบ




เซียมซีทายรัก 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : อีเหมยถงเฉียน
ผู้แปล : อัญชลี เตยะธิติกุล
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

คำโปรยหลังปก
พราะเซียมซี ‘คู่ชะตาฟ้าลิขิต’ ที่นางเสี่ยงได้ในครั้งนั้น
นับจากนั้น ‘พ่อบ้านคนใหม่’ ก็ปรากฏกายขึ้นในชีวิตของนาง...

แค่หลบเลี่ยงไม่ให้ถูกนายท่านจับไปเป็นอี๋เหนียงคนที่สี่
ไม่ให้กลายเป็นนางบำเรอของคุณชายรอง
หรือกระทั่ง... ไม่ให้ไปกระทบกระทั่งกับบรรดานายหญิงหรือสาวใช้ด้วยกัน
แค่นี้อาเหม่าก็ต้องอยู่อย่างระมัดระวังทุกฝีก้าวแล้ว

จนนางเกือบจะลืมเลือนคำทำนายนั้นไป
แต่ทุกครั้งก็มีเหตุให้นางกับพ่อบ้านต้องติดหนี้บุญคุณกันไม่สิ้นสุด
แม้แรกเริ่มนางจะพยายามหลบเลี่ยงมิเชื่อในคำทำนาย
ทว่ายิ่งได้รู้จักเขานานวันเข้าแล้ว หัวใจของนางก็เริ่มสั่นคลอน
หรือโชคชะตาจะบอกกล่าวแก่นางว่า...
เมื่อเนื้อคู่ปรากฏกายแล้ว ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ยากจะหลบพ้น !



















ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
อาเหม่า นางเอกของเรื่องถูกขายมาเป็นสาวใช้ในบ้านสกุลหาน ตระกูลคหบดีที่มั่งคั่งและมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของเมือง ด้วยความที่หน้าตาดีจึงทำให้นางถูกหมายตาจากเหล่าคุณชายและเจ้าบ้านสกุลหาน จนหวิดจะได้กลายเป็นอนุอยู่หลายครั้ง

เซี่ยฟั่ง พ่อบ้านหนุ่มคนใหม่แห่งบ้านสกุลหาน ชายหนุ่มรูปงามสุภาพเรียบร้อยแต่นิสัยเย็นชา เนื่องจากครอบครัวตกต่ำจึงทำให้เขาต้องกลายมาเป็นพ่อบ้าน ประกอบกับมีไหวพริบเฉลียวฉลาดจึงทำให้กลายเป็นที่ชื่นชอบและได้รับความไว้วางใจจากนายท่านทั้งหลายของบ้านสกุลหาน

เหตุมันเกิดจากเซียมซีที่นางเอกเสี่ยงได้ จึงทำให้นางถูกเพื่อนๆ สาวใช้จับคู่ให้นางกับพ่อบ้านคนใหม่ ทว่าถึงจะเป็นแค่สาวใช้ แต่นางเอกก็เป็นคนฉลาดและดูสถานการณ์เป็น นางเดาได้แต่แรกแล้วว่าพระเอกต้องไม่ธรรมดา ถึงจะไม่รู้สาเหตุที่เขายอมมาเป็นพ่อบ้าน แต่เพื่อชีวิตที่สงบสุข นางจึงพยายามไม่ไปวุ่นวายหรือเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ส่วนพระเอกก็เช่นเดียวกัน เพราะมีเป้าหมายสำคัญ เขาจึงไม่สนใจสิ่งอื่นใดโดยเฉพาะเรื่องความรัก  แต่กลายเป็นว่ายิ่งคนทั้งคู่พยายามหลบลี้หนีหน้า พยายามถอยห่างกันมากเท่าไร สุดท้ายก็ยิ่งถูกดึงให้เข้ามาชิดใกล้และข้องเกี่ยวกันมากขึ้นเท่านั้น ... 

แต่เมื่อได้ใกล้ชิดได้มีเหตุให้ช่วยเหลือกันไปมา หัวใจสองดวงที่เคยโดดเดี่ยวก็เริ่มหวั่นไหว นางเอกรู้ใจตัวเองก่อน ส่วนพระเอกนั้นเพราะอดีตอันเลวร้าย เขาจึงไม่ยอมเปิดใจให้กับใครง่ายๆ  ดีที่นางเอกเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผล  นางจึงยินดีอดทนรอให้เขาเปิดใจอยู่เงียบๆ ไม่ดื้อดึงเอาแต่ใจ เมื่อไรก็เมื่อนั้น ทั้งยังยินดีที่จะช่วยเหลือพระเอกทุกอย่างถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นเรื่องที่ิผิดก็ตาม ….

ถึงจะเป็นความรักระหว่างพ่อบ้านกับสาวใช้แต่ก็งดงามละมุนละไม จนทำให้เราอยากเอาใจช่วยให้คนทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เพราะระหว่างทางนางเอกนี่หวิดจะกลายเป็นเมียของคนอื่นหลายรอบมาก และด้วยความที่พระเอกเป็นพ่อบ้าน ก็จะช่วยแบบออกหน้าออกตามากไม่ได้ เพราะเดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย จึงต้องช่วยแบบแอบๆ ต้องแอบวางแผนไม่ให้ใครรู้ ซึ่งหลายครั้งที่กว่าจะช่วยได้นางเอกก็เลือดตกยางออกสะบักสะบอมจนเนื้อลายไปหมดแล้ว 

เป็นอีกเรื่องที่ชอบ นานๆ ทีจะได้เห็นตัวเอกที่เป็นคนธรรมดา ฐานะธรรมดา ค่อนไปทางต่ำต้อยด้วยซ้ำ ไม่ได้มีเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นคนใหญ่คนโตหรือเป็นองค์ชายองค์หญิงตกยากมาจากไหน เลยอยากรู้ว่าพระเอกจะทำสำเร็จไหม?  ในเมื่อเงินก็ไม่มี ขุมอำนาจอะไรก็ไม่มี แล้วจะสู้กับเขายังไง? จะชนะเขาได้หรือเปล่า (เป็นการต่อสู้ของคนธรรมดาที่ใช้แค่สมองกับอุบายล้วนๆ)

ตัวละครในเรื่องจะออกสีเทาๆ แม้กระทั่งตัวพระ-นางเองก็ไม่ได้ดีเต็มร้อย จริงๆ เราว่ามันก็เหมือนๆ กับเรื่องการแก่งแย่งชิงดีในราชสำนักในรั้วในวังนั่นแหละ แต่แค่เปลี่ยนสถานที่มาเป็นในบ้านคนธรรมดา พอสเกลมันเล็กลงความเข้มข้นก็อาจจะไม่เท่า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องกลอุบายวิธีการ การใส่ร้ายป้ายสี การยุแยงต่างๆ เราว่ามันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไรนะ..จบจ้า

.............................................................................................................




          " ในเมื่ออันตราย ข้าก็ยิ่งไม่ควรหลีกหนี แม้อาเหม่ามีฐานะต่ำต้อย
ไม่มีอะไรที่จะช่วยท่านได้แต่อย่างน้อยข้าก็อยากร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่าน  
ต่อให้อันตรายและทุกข์ยากแค่ไหนอาเหม่าก็ไม่กลัว
ตั้งแต่เด็กจนโตยังมีความลำบากใดที่ข้าไม่เคบประสบมาบ้าง
 ..แม้แต่ตัวข้าเองก็คิดไม่ออกแล้ว "  
          เซี่ยฟั่งนิ่งอึ้ง นางตกระกำลำบากมากมายเพียงใดกัน ถึงได้เล่าความลำบากที่เคยประสบมาได้อย่างเรียบเฉยเช่นนี้ เขาเห็นใจอาเหม่า พลันรู้สึกสงสารนางจับใจ
    
          

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

ล่อลวงแม่ทัพไม่มาเยือน + เฝ้าเรือนแม่ทัพไม่เหลียวแล



ล่อลวงแม่ทัพไม่มาเยือน ชุดกระตุกหนวดแม่ทัพ / ผู้แต่ง : ไช่เสี่ยวเชวี่ย
ผู้แปล : พวงหยก
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
       เล่มแรกจะเป็นเรื่องของสองพี่น้องตะกูลอวี้ที่มาเปิดร้านขายอาหารริมทางอยู่ที่ชายแดน  
นางเอกเป็นพี่สาวคนโตที่มีฝีมือในการทำครัว  ทุกคนที่เคยมากินอาหารที่ร้านต่างก็ชื่นชอบในรสชาติอาหารที่นางทำ เว้นก็แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ เยียนชิงหลาง 
ทุกครั้งที่มากินอาหารหากไม่ติอันนู้นก็ต้องบ่นอันนี้  จนทำให้นางเอกไม่ชอบขี้หน้า  
ไม่อยากให้ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้นี้มาที่ร้านอีกเลย ...
ทว่าก็ได้แต่คิดเพราะท่านแม่ทัพดูเหมือนจะชอบกลั่นแกล้งนางเป็นพิเศษ 
เลยต้องแวะเวียนมาที่ร้านของนางทุกๆ 2-3 วัน ...

      เล่มนี้พระเอกเขาแอบชอบนางเอกมาตั้งนานแล้วเน้อ  แต่เพราะไม่เคยจีบผู้หญิงและไม่เคยชอบใครมาก่อน วิธีแต่ละอย่างที่พี่แกสรรหามาใช้กับนางเอกก็เลยมักจะได้ผลตรงกันข้ามทุกที  
ส่วนนางเอกก็เป็นพวกสมองช้าไม่เข้าใจสิ่งที่พระเอกจะสื่อ เลยคิดว่าพระเอกคงไม่ชอบหน้า
ถึงได้ชอบมาหาเรื่องตัวเอง 55+...สุดท้ายพระเอกทนไม่ไหวเลยใช้วิธีแบบทหารซะเลย  
หลอกเอาตัวคนมาอยู่ใกล้ๆ ก่อนแล้วค่อยๆ รุก  55+
เพราะนางเอกทั้งหัวช้าและความรู้สึกช้าจริงๆ  คือคนทั้งกองทัพทั้งจวนนี่รู้กันหมดแล้วนะ
ว่าพระเอกคิดยังไงกับนางเอก เหลือแต่นางนี่แหละที่ยังไม่รู้ 55

      นางเอกทั้ง 4 คนของทั้ง 4 เล่ม จะมีปมเรื่องชาติกำเนิดที่ต้องปกปิดเป็นความลับ  
เพราะมันเกี่ยวข้องกับเรื่องกบฏเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว  เหตุการณ์วุ่นวายในครั้งนั้นทำให้ 4 ตระกูลใหญ่
ถูกฆ่าล้าง และมีเพียงทายาทเท่านั้นที่แอบหลบหนีออกมาได้   
ซึ่งแต่ละคนที่รอดก็จะมีของบางอย่างติดตัวมาด้วย  
และถ้าหากนำของเหล่านั้นมารวมกันได้ ก็จะทำให้ความจริงที่ถูกปิดตายปรากฏขึ้น
...เพราะฉะนั้น 4 เล่มนี้ก็จะข้องเกี่ยวกันด้วยประการฉะนี้แลเอย 

.....................................................................................................


เฝ้าเรือนแม่ทัพไม่เหลียวแล ชุดกระตุกหนวดแม่ทัพ / ผู้แต่ง : ไช่เสี่ยวเชวี่ย
ผู้แปล : เจ้าเยวี่ย
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ ( อาจมีสปอยล์ )
        เล่มนี้เป็นเล่มที่แค่ได้อ่านตัวอย่างก็มีความอยากตบพระเอกมากกกก  
อารมณ์ผิดกับเล่มแรกลิบลับเพราะเล่มนี้แค่บทแรกก็หน่วงแล้ว  
นางเอกเป็นเด็กกำพร้าที่พระเอกเคยช่วยไว้และถูกขุนนางคนหนึ่งรับเป็นลูกบุญธรรม  
นางก็หลงรักพระเอกมาตั้งแต่เด็กเลย เห็นพี่แกเป็นดั่งท้องฟ้าเป็นทุกสิ่งอย่าง  
พยายามทำดีเอาใจใส่พระเอกทุกอย่าง  
แต่พระเอกกลับไม่รู้ตัว นึกว่าตัวเองคิดกับนางเอกแบบแค่น้องสาว  ...ดราม่ามันจึงบังเกิด หึหึ

        พอได้แต่งงานกับนางเอก ...พระเอกจึงมีความรู้สึกเหมือนถูกหลอกถูกบังคับ 
และคิดว่าที่นางเอกมาทำดีด้วยตั้งแต่เล็กจนโตนั้นเป็นเพราะอยากจับพี่แก 
อยากได้ตำแหน่งฮูหยินท่านแม่ทัพ ...หึหึ  

        ชีวิตหลังแต่งงานของนางเอกที่ยังไม่ทันจะข้ามวัน  ยังไม่ทันได้เข้าหอ  
ก็ถูกอีตาแม่ทัพนี่บึ่งหนีไปชายแดนแล้วทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวถึง 3 ปีซะแล้ว  
แต่นางก็ยังเป็นศรีทนได้ไม่บ่นไม่ว่าสักคำ ระหว่างที่พระเอกไม่อยู่บ้านก็ตั้งหน้าตั้งตาดูแลบ้าน 
และปรนนิบัติพ่อแม่สามีอย่างดีไม่มีตกหล่น  เป็นลูกสะใภ้ตัวอย่างแห่งปีเลยทีเดียว ....
แต่ต่อให้ดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน อีตาท่านแม่ทัพก็ไม่เห็นค่าเพราะอคติมันบังตา  
เมียทำอะไรก็คิดว่าเป็นแผนการหมด  แถมยังตอกหน้าเมียด้วยการพาผู้หญิงอื่นกลับมา
จากชายแดนอีกด้วย ...เหอๆ ๆ

        ครึ่งแรกเราจะสงสารนางเอกมาก ยิ่งตอนที่นางคิดว่าการจะทำดีกับใครสักคนหนึ่ง 
ทำไมมันถึงได้เหนื่อยและซับซ้อนขนาดนี้ก็ยิ่งเห็นใจ  ทำไปเท่าไรก็เหมือนเทลงน้ำ  ทำอะไรก็ไม่ถูกใจดูขวางหูขวางตาไปหมด และเมื่อนางได้รู้เหตุผลที่พระเอกรังเกียจตัวเองก็ตาสว่างทันที  
จัดการเคลียร์ทุกอย่างแล้วก็ไปเลยจ้า ....( สะใจมากบอกเลย )

        แต่ไม่ใช่ว่าพอนางเอกไปแล้วพระเอกก็จะรู้ใจตัวเองเลยนะ ...ไม่จ้าาาาา  
อิพี่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าคิดยังไงกับเขากันแน่ ยังหาเหตุผลมากลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองอยู่  
พอกำลังจะคิดออกก็เจอคนมาทำให้ไขว้เขวอีก  ก็เลยบื้อๆ งงๆ ต่อไป ...
แต่ก็ยังตามหาเมียไปด้วยนะ 55+ ( ถึงจะยังงงไม่เข้าใจแต่การกระทำนี่ไปแล้วจ้า )  ... 
ส่วนนางเอกนั้นก็ใจเด็ดมากแถมยังฉลาดด้วยจ้า  ไม่ได้อ่อนแอหงิมๆ เหมือนตอนที่ยังอยู่ในจวนน๊า 
กลายเป็นอิพระเอกนี่แหละที่ต้องกระอักเลือดเพราะเมียไปแล้วไปลับไม่กลับมา 
...แล้วไม่ใช่พอมาง้อปุ๊บก็คืนดีปั๊บน๊า  อันนี้พูดยังไงก็ไม่สนทำเอาพระเอกสะอึกกลับไปเลย  
และกว่าจะได้สมหวังก็นู่นเกือบจบเล่มพอดี ... สะใจเรายิ่งนัก อิอิ


    " หลังจากฉลองปีใหม่ ข้าจะแต่งเหยาเอ๋อร์เป็นภรรยารอง ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม "
    " ท่านพี่อี้เหริน " นางตัวสั่นเทา เบิกตากว้างทันทีพร้อมกับใบหน้าถอดสี
    " หยุดพูด! " เขาตะคอกออกมาด้วยความโกรธเคือง
    " อย่าเรียกข้าเช่นนี้อีก ข้าไม่ใช่พี่ชายเจ้า ......เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเสียใจเพียงใดที่พาเจ้ากลับมาที่นี่ "
ราวกับโลกทั้งโลกพลันเงียบสงัดในชั่วพริบตา
ฟู่เหลียงเฉินมองเขาด้วยความนิ่งอึ้ง น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่นั้นค่อยๆ แห้งเหือดไป

..................................................

    " เจ้าไปซะ "
    " ท่านพ่อ! "  เขาใบหน้าซีดเผือกมองบิดาด้วยความหวาดหวั่นสั่นเทา
    " ข้ากับแม่เจ้าเคยบังคับฝืนใจเจ้ามาครั้งหนึ่งแล้ว  แต่ผลแห่งความขมขื่นนั้นกลับเป็น
เฉินเอ๋อร์ที่ต้องลิ้มรส "
    " เด็กคนนั้นมีอะไรผิดนักหรือ หากจะบอกว่าผิดจริง เช่นนั้นความผิดที่ใหญ่หลวงของนางก็คือไม่ควรพบเจอกับเจ้าในตอนอายุห้าขวบ  และรักเจ้าอย่างโง่งม  ทั้งยังอยากจะใช้ทั้งชีวิตตนเองตอบแทนเจ้า ... นั่นเป็นสิ่งที่นางต้องการจะมอบให้ แต่กลับเห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ต้องการ "
ใบหน้าของเซียวอี้เหรินไร้สีเลือดไปโดยสมบูรณ์  เขาจ้องมองผู้เป็นพ่อด้วยใจสั่นรัวราวกับอยู่ในฝันที่ไม่อาจตื่น  .....