วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ทำไมถึงหวานขนาดนั้น 2 เล่มจบ


 ทำไมถึงหวานขนาดนั้น 2 เล่มจบ

ผู้แต่ง  : -把纸伞 

ผู้แปล : อวี้หลัน

ปก     : 鱼风子 (อวี๋เฟิงจื่อ)

สำนักพิมพ์ หอมหมื่นลี้

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

หวานอะไรขนาดนั้น แต่อ่านแล้วทำไมรู้สึกขมๆ น้อ แนวรักในวัยเรียน เรื่องราวในรั้วโรงเรียน การเรียนการสอบ รวมถึงปมปัญหาต่างๆ ซึ่งโดยหลักๆ จะเป็นเรื่องที่บ้านเรื่องภายในครอบครัวนี่แหละ เห็นได้ชัดเลยว่าสถาบันครอบครัวหรือความรักความอบอุ่นภายในบ้านนั้นมีความสำคัญมากขนาดไหนกับทุกคน โดยเฉพาะเด็กที่เป็นผ้าขาวและกำลังเติบโต

พระเอก ลู่ซิว ลูกพี่ใหญ่หัวโจกของโรงเรียน ทั้งต่อยตี โดดเรียน สูบบุหรี่ กินเหล้าเบียร์ ครบสูตรนักเรียนเกเร จริงๆ แต่ก่อนพระเอกไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ก่อนพี่แกเป็นเด็กเรียนดีสามดีเด่นของโรงเรียน แต่พอแม่จากไป พ่อพระเอกก็เห็นลูกเป็นสนามอารมณ์ เอาความโกรธมาลงที่พระเอก พอเมาก็จะทุบตีทำร้าย ทำให้พระเอกต้องแบกใบหน้าบวมเขียวช้ำไปโรงเรียนทุกวัน สุดท้ายพระเอกเลยเลิกเป็นเด็กดี ไม่สนใจการเรียน มุงหน้าเข้าสู่เส้นทางสายอันธพาลแทน

นางเอก ซูมู่ นักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามา พ่อนางเอกเสียไปตั้งแต่เด็ก นางเอกเลยต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่สองคนและทำให้ต้องย้ายโรงเรียนบ่อย นางเอกเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ว่านอนสอนง่าย ตัวเล็กน่ารักหน้าตาดี ผิวขาว แลดูบอบบางเหมือนกระต่ายน้อยสีขาวตัวเล็กๆ ที่ทำให้คนทั้งอยากแกล้ง และอยากทะนุถนอมไปพร้อมๆ กัน ...

พระเอกตกหลุมรักเจ้ากระต่ายน้อยตั้งแต่แรกพบ นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนเลยจ้า ขอแค่นางเอกอยู่ใกล้ๆ พระเอกก็ไม่เคยย้ายสายตาไปไหนได้อีกเลย แต่ด้วยท่าทาง(น่ากลัว) และชื่อเสียงของพระเอก จึงทำให้เจ้ากระต่ายน้อยหวาดกลัวไม่อยากเข้าใกล้ ต่อให้พระเอกจะหล่อเหลาแค่ไหนหรือเป็นถึงดาวโรงเรียนที่สาวๆ ชื่นชอบ แต่นางเอกก็ขอบาย พยายามปฏิเสธผลักไสทุกวิถีทาง 

แต่พระเอกก็ไม่เคยยอมแพ้ ยังพยายามสรรหาวิธีมาใกล้ชิดเจ้ากระต่ายน้อยอยู่ทุกวัน ต่อให้ถูกปฏิเสธถูกทำร้ายจิตใจสักกี่หน แต่ผ่านไปไม่นานเดี๋ยวพี่ก็กลับมาใหม่ คอยวนเวียนตามแกล้งตามหยอดคำหวานตามปกป้องเจ้ากระต่ายน้อยอยู่แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใครจะเตือนจะบอกว่าไม่เหมาะสมพระเอกก็ไม่สน เพื่อนสนิทก็เตือนบอกว่าแตงที่ฝืนเด็ดออกจากต้นจะไม่หวานนะ แต่พระเอกก็ไม่แคร์ ต่อให้ฝืนก็จะเด็ดลงมา ถ้าเด็ดมาได้ชาตินี้แตงลูกนี้ก็จะเป็นของเขาคนเดียว... 

ก็คนมันรักอะ รักมาก รักจริงๆ ส่วนนางเอกหลังๆ ก็เริ่มใจอ่อน แต่เพราะยังเด็กยังอยู่ในวัยเรียน นางเอกเลยต้องปฏิเสธเรื่องที่พระเอกมาขอเป็นแฟน แอบชอบตรงจุดนี้นะ เห็นมาหลายเรื่องและ ส่วนใหญ่นิยายจีนแนวรักในวัยมัธยมนี่พระนางจะรอให้เรียนจบก่อนแล้วค่อยคบกัน ต่อให้ชอบมากแค่ไหนก็ไม่ทิ้งการเรียน เรื่องเรียนต้องมาก่อนเสมอ พอเรียนจบเข้ามหา'ลัยแล้วถึงค่อยคบ ...เรื่องนี้ก็เช่นกัน พระเอกก็ไม่ฝืน ยินดีรอจนกว่าจะถึงวันที่เรียนจบ 

ลืมบอก พระเอกเรื่องนี้ดวงดอกท้อแรงมาก มีแต่สาวๆ มารุมชอบ ทั้งดาวโรงเรียนเอย หัวกะทิจากโรงเรียนข้างๆ เอย น้องสาวของพี่น้องที่สนิทเอย และอีกยิบย่อยมากมาย ไม่ว่าพระเอกไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจ ออร่าแรง(ก็คนมันหล่อ) บางครั้งนางเอกเลยต้องซวย+รับเคราะห์(ถูกตบหน้า) จากพิษรักแรงหึงของบรรดาสาวๆ ที่มาชอบพระเอก และที่พระนางต้องเข้าใจผิดมีปัญหากันสาเหตุก็มาจากสาวๆ บางคนที่มารุมชอบพระเอกนี่แหละ ทำให้นางเอกเข้าใจผิดและผลักไสพระเอกออกไปเกือบ 2 ปีได้ แต่ระหว่างนั้นพระเอกก็ยังตามปกป้องนางเอกแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ อยู่นะ ไม่เคยไปไหนไกล ตอนฝนตกหนักก็แอบเอาร่มมาวางไว้ให้ เวลานางเอกเกิดเรื่องหรือจะถูกทำร้ายพระเอกก็มักโผล่ออกมาช่วยได้ทันเสมอ แล้วแบบนี้จะไม่ให้รักยังไงไหว 

สุดท้ายนางเอกก็เปิดปากถามเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิดและได้รู้ว่าตัวเองถูกคนอื่นหลอก คือนางเอกถูกคนอื่นปั่นหัวหลอกทำให้เข้าใจว่าพระเอกมีแฟนแล้ว นางเอกเลยปฏิเสธแล้วตีตัวออกห่างจากพระเอก จนผ่านไป 2 ปีถึงได้ถามว่าตกลงพระเอกมีแฟนหรือยัง พระเอกก็บอกว่าไม่มีแฟน ก็ตามจีบนางเอกมาตลอดนี่ไง...แต่ๆ อย่าเพิ่งคิดว่าจะจบแค่นี้ หรือหลังจากนี้จะแฮปปี้สุขสันต์ (อย่าหลงกลชื่อเรื่อง55) เพราะมันยังมีดราม่ามาให้เราได้ปวดจายยยกันต่ออีก เฮ้อออ

สารภาพว่าตอนเห็นชื่อเรื่องทีแรกนึกว่าจะเป็นรักในวัยเรียนใสๆ แบบเบาๆ แต่อ่านแล้วแบบ...คุณหลอกดาววว...กระซิกๆ ชีวิตพระเอกน่าสงสารมาก ในเรื่องอาจจะดูเก่งเป็นผู้ใหญ่ แต่อย่าลืมว่าจริงๆ พระเอกเพิ่งม.ปลายเอง แต่กลับต้องมาแบกอะไรไม่รู้เยอะแยะ(ไม่แปลกที่พี่จะสูบบุหรี่บ่อย ก็มันเครียด) ส่วนนางเอกถึงจะอยู่กับแม่สองคนแต่ที่บ้านก็อบอุ่นดี แม่เข้าใจลูกไม่ได้บังคับเยอะ แต่ของพระเอกนี่พ่อเฮงซวยมากกตั้งแต่ต้นยันจบเลย บ้านไม่ใช่เซฟโซนที่ไหนก็ไม่ใช่เซฟโซน จนได้มาเจอนางเอกนี่แหละ นายเอกเลยเป็นเสมือนแสงจันทร์ขาวเพียงหนึ่งเดียวที่ส่องลงมาในชีวิตพระเอก ทำให้พระเอกอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพื่อนางเอก 

คือนางเอกอะให้ความรู้สึกเหมือนดอกบัวขาว บริสุทธิ์ สะอาด สดใส ภายนอกอาจดูเหมือนอ่อนแอบอบบางแต่ลึกๆ น้องเป็นคนเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากนะ พอยอมรับความรู้สึกของตัวเอง น้องก็ตัดสินใจเลยว่าจะไม่ผลักไสหรือปล่อยมือจากพระเอกอีกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ลังเลไม่กลัวอะไรแล้ว พออ่านไปเรื่อยๆ เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวนางเอกที่ค่อยๆ เติบโตจนกลายเป็นคนแน่วแน่เข้มแข็ง ไม่ได้อ่อนแอขี้ตกใจเหมือนแต่ก่อนแล้ว





วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ดีไซน์รักคุณนักออกแบบ 4 เล่มจบ

 


ดีไซน์รักคุณนักออกแบบ 4 เล่มจบ

ผู้แต่ง : หงจิ่ว

ผู้แปล : นางฟ้าปีกเขียว

สำนักพิมพ์ With Love


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

กู่เมี่ยวอวี่ นางเอกเรื่องนี้เป็นเพื่อนซี้กับนางเอกเรื่องน้ำกับไฟผลสุดท้ายคือรัก คนหนึ่งเป็นทนายความ ส่วนอีกคนเป็นอินทีเรียสาวสวยผู้จริงใจและซื่อตรงต่อวิชาชีพ ก่อนหน้านี้นางเอกเปลี่ยนงานบ่อย พอได้มาทำงานที่ใหม่ก็เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยได้ สาเหตุก็เพราะนางไม่กินเงินใต้โต๊ะ ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพและจรรยาบรรณของตัวเอง จริงใจกับลูกค้า ไม่เคยลดวัสดุที่ใช้ทำงาน ใช้ของดีตามที่บอกและไม่เก็บเงินเพิ่มที่หลัง ในขณะที่คนอื่นตรงกันข้าม นางเอกเลยเป็นเหมือนแกะดำในหมู่เพื่อนที่ทำงาน (เพราะคนอื่นมักจะบอกราคาถูกๆ ตามใจลูกค้าไว้ก่อนแล้วค่อยมาเก็บเพิ่มที่หลัง หรือลดสเปคพวกวัสดุที่ใช้ทำลง จนทำให้งานออกมาไม่ดีหรือมีปัญหาตามมาทีหลัง) เพราะจริงใจเกินไปไม่หมกเม็ดเลยทำให้นางเอกมีผลงานน้อยกว่าใคร และกำลังจะถูกให้ออกภายในสิ้นปี

พระเอก เซ่าหย่วน หนุ่มหล่อรุ่นน้องที่อ่อนกว่านางเอก 3 ปี ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทจยาเล่อหย่วน พระเอกเป็นนักศึกษาปี 4 สาขาการเงิน แต่แอบปิดบังปลอมแปลงเรซูเม่แล้วมาสมัครฝึกงานที่บริษัทรับตกแต่งที่นางเอกกำลังทำงานอยู่ พระเอกได้ฝึกงานในตำแหน่งเซลส์และถูกส่งไปทำงานคู่กับนางเอกที่กำลังขาดคน ...พระเอกเป็นคนเย็นชา หยิ่ง เป็นลูกคนรวย หล่อ ฉลาดครบสูตร โตมาในกรอบตามเส้นทางที่พ่อแม่วางเอาไว้ เหมือนจะมีอิสระแต่จริงๆ ไม่ ก่อนหน้าที่จะเจอนางเอกพระเอกมักจะใช้สมอง+หลักการต่างๆ ที่พ่อแม่สอนมาแก้ปัญหาและดำเนินชีวิต มองโลกแบบนักธุรกิจ ซึ่งต่างจากนางเอกที่ชอบใช้ความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมด้วย ...อย่างเรื่องการทำงานอะ เดิมพระเอกมองว่าการพูดไม่หมดไม่บอกทั้งหมด หรือมาบอกเพิ่มที่หลังนั่นคือการพลิกแพลง สิ่งที่เพื่อนร่วมงานในบริษัทนางเอกทำมันเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับนางเอกคือไม่ใช่ไง นางมองว่านั่นคือการหลอกลวง นางยอมได้งานน้อยแต่จะไม่ยอมผิดต่อมโนธรรมในใจตัวเอง 

ต่อมานางเอกก็โดนเพื่อนที่ทำงานแย่งลูกค้าไป(อีกแล้ว) ซึ่งลูกค้าคนนี้อะเป็นลูกค้าคนแรกที่พระเอกหามาได้ แล้วที่คุณป้าลูกค้ายอมมาเสียเงินตกแต่งห้องก็เพราะชอบเสียงของพระเอก(เสียงเหมือนลูกชายป้า) พอพระเอกรู้ว่าลูกค้าคนนี้ถูกแย่งเลยขอย้ายทีม นางเอกเลยต้องออกไปทำงานหาลูกค้าคนเดียว แต่คราวนี้นางเอกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้า เริ่มจับลูกค้าระดับที่สูงขึ้น แต่เพื่อนร่วมงานคนเดิมก็ยังพยายามตามมาแย่งลูกค้านางต่อ พยายามลดแลกแจกแถมจะดึงลูกค้านางเอกให้มาออกแบบกับตัวเองให้ได้ ...น่าโมโหจริงๆ ลูกค้าบางคนที่ไม่เลือกให้นางเอกออกแบบแต่ไปเลือกของคนอื่น แต่เวลาเกิดปัญหาก็ดันมาโทษนางเอกอีกที่ไม่ยอมเตือน(อิหยังฟะ)... แต่นางเอกเรื่องนี้คือมีแต่เรื่องจริงๆ ไม่เหมือนเรื่องของเพื่อนซี้ อันนั้นถึงจะมีอุปสรรคงานหนัก+เครียด แต่ก็ยังได้เจอเพื่อนร่วมงานเจอหัวหน้างานที่ดี แถมเรื่องความรักก็ไม่มีปัญหาเรื่องฐานะชนชั้น ไม่มีปัญหาเรื่องพ่อแม่สามีมาให้วุ่นวายใจด้วย

แต่อันนี้คือเพื่อนร่วมงาน(เก่า) ก็แย่ หัวหน้าที่ทำงาน(เก่า) ก็ไม่ปกป้อง เพื่อนมหา'ลัยบางคนก็ขี้อิจฉา ขนาดจบแยกย้ายกันไปทำงานแล้วก็ยังไม่เลิกพูดจาให้ร้ายนางเอกเลย แถมพ่อแม่พระเอกก็ยังไม่ชอบ รังเกียจดูถูกนางเอกกับพ่อแม่เพราะเรื่องฐานะชนชั้นที่แตกต่างอีก ...เหอๆ

คือตอนเรียนมหา'ลัยนางเอกมีอินทีเรียคนหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจเป็นรักแรก มีครั้งหนึ่งอินทีเรียคนนั้นถูกเชิญมาพูดที่มหา'ลัยนางเอกและเกิดไม่สบาย อาจารย์ที่ปรึกษา(ที่เป็นเพื่อนกับอินทีเรีย) เลยให้นางเอกซื้อโจ๊กไปให้อีกฝ่าย นางเอกก็ตั้งใจเลือกวัตถุดิบดีๆ และต้มโจ๊กเองกับมือไปให้เขา แต่พอทำเสร็จกลับถูกเพื่อนที่ชอบอินทีเรียคนนี้เหมือนกันแอบมาขโมยโจ๊กไปแล้วสวมรอยเอาหน้าว่าเป็นคนทำเอง สุดท้ายพอเรียนจบเพื่อนเลยได้ไปทำงานและติดตามอยู่ข้างกายอินทีเรียคนนั้น ต่อมานางเอกได้รับงานตกแต่งบ้านให้กับคุณลุงคนหนึ่ง(พ่อของอินทีเรีย) ก็เลยได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเทพบุตรในดวงใจอีกครั้ง นางเอกได้เป็นกาวใจช่วยทำให้พ่อลูกเขากลับมาเข้าใจกัน และได้ช่วยให้อีกฝ่ายรอดพ้นจากการถูกตราหน้าว่าลอกผลงานของคนอื่น อินทีเรียคนนี้เลยเริ่มรู้สึกดีๆ กับนางเอก ...แต่พี่แกดันชอบทำตัวเหมือนแอร์ส่วนกลาง พ่อสุภาพบุรุษดีกับทุกคน ความสัมพันธ์กับเพื่อนนางเอกคนนั้นก็ดูคลุมเครือเหมือนมีซัมธิง ประกอบกับตอนนี้นางเอกผ่านอะไรมาเยอะแล้ว เลยไม่ได้หวั่นไหวใจเต้นหรือชอบอีกฝ่ายแบบชายหญิงแล้ว เพราะนางเห็นแก่ตัว นางอยากได้ฮีตเตอร์ส่วนตัวไม่ใช่แอร์ส่วนกลาง55

เป็นแนวรักในวัยทำงาน สังคมของการทำงาน การไต่เต้าฟันฝ่าอุปสรรคในหน้าที่การงาน ค่อยๆ เรียนรู้เติบโตโดยไม่ละทิ้งมโนธรรมในใจและซื่อตรงต่อวิชาชีพที่ตัวเองรัก ท่ามกลางปัญหาอุปสรรคมากมาย ทั้งจากเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า เจ้านาย แล้วไหนจะเรื่องความรัก ...เนื้อเรื่องไม่ได้ราบเรียบเป็นเส้นตรงแต่มันจะมีปมปัญหาเข้ามาให้นางเอกตามแก้และเราคนอ่านได้ลุ้นอยู่เรื่อยๆ 

อย่างช่วงแรกที่เจอหนักๆ ก็เรื่องที่โดนลูกค้าต่อว่าทั้งๆ ที่นางเอกไม่เกี่ยว ลูกค้าไม่ได้จ้างนางแต่ไปจ้างอีกคน แต่พอมีปัญหาอิเพื่อนที่ทำงานดันลากนางเอกไปเป็นแพะรับบาปให้โดนด่าด้วย(อย่างแสบ) เจอลูกค้าถ่ายคลิปลงเน็ต เจอคนในเน็ตตามด่าตามป่วนไปถึงที่พักจนถูกเจ้าของห้องขอให้ออกและถูกที่ทำงานเชิญออก ประวัติเสียไปสมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ สุดท้ายพระเอกเลยแอบใช้เส้นทำให้นางเอกได้งานในบริษัทพ่อแม่ตัวเอง แต่เพราะใช้เส้นพอเข้าไปจึงไม่เป็นที่ต้อนรับ เพื่อนร่วมงานเมิน หัวหน้าก็เย็นชา แต่นางเอกก็ไม่ท้อตั้งใจทำหน้าที่ฝึกฝนตัวเองค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ กระทั่งได้รับรางวัล คือไม่ว่าจะเจอปัญหาเจอสิ่งยั่วยวนแบบไหนนางเอกก็ยังยืนหยัดยึดมั่นในความถูกต้องเสมอ ยังไงก็ไม่ยอมรับเงินใต้โต๊ะ และไม่ยอมทำผิดต่อมโนธรรมในใจตัวเอง จนหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานค่อยๆ ยอมรับและเปิดใจให้นางเป็นส่วนหนึ่งของทีม

มาพูดถึงพระเอกบ้าง หลังจากพระเอกได้ทำงานร่วมกับนางเอกก็ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนางเอกรวมถึงมุมมองความคิดของตัวเอง เพราะตั้งแต่เล็กจนโตน้องใช้ชีวิตตามแนวทางที่พ่อแม่วางไว้ให้อยู่ในกรอบมาตลอด แต่พอเจอนางเอกก็ค่อยๆ แหกกรอบออกมาเริ่มคิดต่างจากเดิม พระเอกคอยช่วยนางเอกอยู่เสมอทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าลับหลังจะเป็นเรื่องใหญ่แบบปิดทองหลังพระ เช่น ฝากเข้างานในบริษัทตัวเอง หาข้อมูลช่วยให้นางเอกพ้นผิดในตอนที่ถูกด่าลงเน็ต ตอนนางเอกไม่มีผลงานจะโดนไล่ออก น้องก็แอบไปซื้อห้องชุดแล้วให้คนอื่นแสร้งทำเป็นเจ้าของ แล้วขอให้เขาไปติดต่อจ้างนางเอกมาตกแต่งเพื่อให้นางเอกได้มีผลงานและไม่ถูกไล่ออก แต่ตอนแรกพระเอกนึกว่านางเอกชอบคนอื่นอยู่บวกกับเรื่องพ่อแม่ตัวเอง ก็เลยไม่กล้าสารภาพรักเขา ได้แต่แอบชอบและปวดใจอยู่เงียบๆ ตอนแม่บอกให้ลาออกจากบริษัทที่ไปฝึกงานพระเอกก็ยึกยักหาข้ออ้างถ่วงเวลาเพราะอยากอยู่กับนางเอกต่อ พอนางเอกออกพระเอกถึงได้ออก แล้วตามมาฝึกงานใหม่กับพระเอกในเรื่องน้ำกับไฟ(เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ นางเอกต่อ) ตอนแรกแม่พระเอกก็ไม่ได้สงสัยไม่รู้ว่าลูกแอบปิดบังที่ทำไปเพราะชอบนางเอก... 

คือจริงๆ พระเอกเป็นลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่มาก ไม่เคยโกหกเลย แม่พระเอกเป็นเอ็มดี ฉลาดเก่ง เป็นหญิงแกร่ง working woman เก็บอารมณ์เก่ง พระเอกก็คิดว่าจะปิดแม่ได้สำเร็จแต่ต่อมาแม่ก็สังเกตเห็นอยู่ดี(ก็แม่อะเนาะ จะไม่รู้นิสัยลูกได้ไง)  พอรู้ว่าลูกทำอะไรลงไปบ้างทำเพื่อใคร อีกฝ่ายมีฐานะยังไง ครอบครัวเป็นแบบไหน คือแม่ไปแอบสืบประวัติมาหมด พอยิ่งรู้ก็ยิ่งไม่ชอบนางเอก คิดว่านางเอกมีฝีมือในการจับผู้ชายและกำลังใช้ลูกตัวเองเป็นสะพานเพื่อประสบความสำเร็จ มีอคติไปเรียบร้อย... แต่อีกมุมก็เข้าใจแม่นะ ก็ลูกชายเพียงคนเดียวแม่ก็ต้องห่วงอยากปกป้องเป็นธรรมดา แต่พอทั้งสองคนแยกกันแม่ก็ไม่ได้ตามไปยุ่งอะไรกับนางเอกอีกนะ ฝั่งลูกหลังไปเมืองนอกแม่ก็ปล่อยให้เติบโตไม่ก้าวก่าย พอทั้งคู่ประสบความสำเร็จแม่ก็ยินดีด้วยจากใจ ไม่ถือทิฐิหรือมีอคติอีก พอตระหนักได้ว่าสิ่งที่เคยทำกับนางเอกและครอบครัวมันไม่ดี ตัวเองเป็นฝ่ายเข้าใจผิด แม่ก็พร้อมแก้ไขและขอโทษ

...แต่แม่พระเอกเอาจริงๆ อ่านเจอตอนแรกคือแอบกลัวเลยอะ คือแม่ไม่ด่าไม่แสดงอารมณ์ออกมาตรงๆ แต่จะใช้วิธีเชือดนิ่มๆ หรือยืมมือคนอื่นมาจัดการแทน มีวิธีการทำให้เราอับอายขายขี้หน้าแบบนิ่มๆ อ้อมๆ แต่โคตรเจ็บ (หรือนี่คือวิธีจัดการแบบผู้ดี55) ...แต่เจ็บที่สุดก็คือตอนที่แม่วางแผนทำให้นางเอกมาเห็นตอนแม่เรียกพระเอกมาคุย แล้วพระเอกคือรู้นิสัยแม่ตัวเองไง กลัวว่าถ้าบอกความจริงว่าชอบนางเอกแล้วเดี๋ยวจะทำให้นางเอกเดือดร้อน เพราะแม่ต้องไปจัดการนางเอกแน่ๆ ตอนแม่ถามพระเอกเลยปฏิเสธบอกว่าไม่ได้ชอบ ...แล้วนางเอกก็ถูกเรียกมาเหมือนกัน แต่อยู่อีกห้องเลยได้ยินพอดี นางเอก Sadd มาก เสียใจที่พระเอกไม่กล้ายืดอกยอมรับว่าชอบตัวเอง เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย พอพระเอกมาขอคบก่อนไปเรียนต่อเมืองนอกนางเอกเลยปฏิเสธ ...

ไปเรียนต่อครั้งนี้พระเอกเลยไม่ยอมใช้เงินของที่บ้านสักบาท แต่จะหาเงินและสร้างทุกสิ่งทุกอย่างด้วยกำลังของตัวเองโดยไม่พึ่งพาครอบครัว เขาจะต้องประสบความสำเร็จด้วยตัวเองและเป็นผู้ชายที่สามารถปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรักให้ได้! ...ช่วงที่พระเอกไม่อยู่นางเอกก็ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองเหมือนกัน ผลจากการเป็นคนซื่อสัตย์เป็นคนดีสุดท้ายมันก็ส่งผลให้นางเอกได้เจอแต่หุ้นส่วนที่ดีๆ มีแต่คนอยากร่วมงานด้วย นางเอกไม่เคยหยุดคิดหรือพัฒนาสายงานตัวเองเลย ภายนอกอาจดูใสซื่อแต่ความจริงนางเป็นอินทีเรียที่เก่งและมีความสามารถมากกกนะ (เจ้านายเก่ายังยอมรับว่านางเอกเก่งที่สุด และเป็นคนเดียวในบริษัทที่ไม่มีเรื่องให้ละอายใจ) นางเอกมองการณ์ไกล วิสัยทัศน์ดี ทำอะไรรวดเร็วจึงมักนำคนอื่นไปก่อนก้าวหนึ่งเสมอ ไม่แปลกที่พอเปิดบริษัทแล้วจะรุ่งเอาๆ จนสุดท้ายก็แซงหน้าบริษัทตกแต่งอื่นๆ กลายเป็นที่หนึ่งของประเทศ 

คู่นี้กว่าจะได้จูบกันคือใกล้จบเลย ตอนยังไม่คบพระเอกคือมือไม้นิ่งมาก (อีกนิดจะเป็นพระและ) ขนาดจะกอดยังต้องขออนุญาตก่อน55 หลังคบกันจากมือก็เปลี่ยนเป็นหนวดปลาหมึก มีโอกาสเมื่อไรต้องแอบจับแอบจูบตลอด ตอนแรกนึกว่าคู่นี้จะได้คบกันเร็ว สุดท้ายกว่าจะได้คบจริงๆ เกือบจบนู่น แต่ก็คุ้มค่ากับที่รอคอยแหละนะ...



วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

น้ำกับไฟ ผลสุดท้ายคือรัก เล่ม 1-2


 น้ำกับไฟ ผลสุดท้ายคือรัก เล่ม 1-2 (6 เล่มจบ) 

ผู้แต่ง : หงจิ่ว

ผู้แปล : สยงเมา

สำนักพิมพ์ With Love


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก ฉู่เชียนเหมี่ยว ผู้ช่วยทนายความสาวสวยน้องใหม่ไฟแรง ที่เคยแอบชอบและส่งจดหมายสารภาพรักกับรุ่นพี่มหา'ลัยที่อยู่คนละคณะ แต่สุดท้ายก็ต้องอกหักดังเป๊าะกลับมา ส่วนพระเอก เหรินเหยียน หรือรุ่นพี่คนนั้นก็บินลัดฟ้าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จนกระทั่งนางเอกเรียนจบและเข้าทำงานในบริษัทกฏหมายทั้งสองคนก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งเพราะบริษัทมีโปรเจ็กต์ที่ต้องทำร่วมกัน คนหนึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ลี่ทงวัยใกล้ 30 ผู้มากประสบกาณ์ ส่วนอีกคนเป็นผู้ช่วยทนายความของสำนักงานทนายความซินเฟิง 

แนวรักในวัยทำงาน สังคมในที่ทำงาน การต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคในโลกของการทำงาน นางเอกเพิ่งอายุ 24 เพิ่งทำงานได้ไม่กี่ปีเอง ประสบการณ์ยังน้อยอยู่ ยังสดใสร่าเริง มองคนมองโลกในแง่ดี มีน้ำใจเข้ากับคนง่าย ส่วนพระเอกคือหล่อเหลาเย็นชาเงียบขรึม พูดน้อย แต่พูดทีมีเจ็บมีสะอึกทำให้คนแทบอยากกระอักเลือดตาย เป็นทั้งรุ่นพี่เป็นทั้งครูของนางเอกก็ว่าได้ ถึงจะดุ พูดแรงพูดตรง แต่ก็พูดตรงประเด็นตรงจุด ถ้าคนจิตแข็งฟังแล้วคงเอาไปพัฒนาปรับปรุงตัวเองและทำให้เกิดประโยชน์ในการทำงานรวมถึงการใช้ชีวิตได้ ส่วนคนจิตอ่อนอาจมีน้ำตาแตกฟังแล้วดิ่ง แทบอยากโบกมือลาตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว55... ดังนั้นต่อให้พระเอกจะดุจะเย็นชายังไง แต่ลูกน้องก็ยังเคารพรักมาก เพราะพี่แกเก่งจริง มีความสามารถจริงๆ ใจกว้าง พึ่งพาได้ และยังมีนิสัยปกป้องคนของตัวเอง

ส่วนนางเอกแม้จะถูกพระเอกดุ+ตำหนิบ้างไรบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยท้อหรือตัดพ้อร้องไห้ใดๆ เน้อ แต่จะเอาสิ่งที่พระเอกพูดหรือตำหนิไปคิดทบทวนว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า หรือเราผิดพลาดจริงไหม? ถ้าจริงต้องแก้ต้องปรับยังไง? คือยิ่งโดนกดดันก็ยิ่งสู้ยิ่งฮึดอะ ล้มแล้วก็รีบลุก ไม่โทษนั่นโทษนี่หรือเอาแต่ซึมเซาจับเจ่าอยู่ที่เดิม จึงยิ่งทำให้พัฒนาตัวเองได้เร็ว พระเอกรวมถึงคนที่ทำงานด้วยเลยชอบนางเอกกันเยอะ เพราะนางพัฒนา+ปรับตัวเก่ง เป็นคนตลก ร่าเริงมีน้ำใจ อยู่ด้วยแล้วไม่เครียดดี 

และถึงนางเอกจะเคยชอบพระเอกมาก่อน(ตอนนี้ก็ยังชอบ) แต่นางก็ไม่เคยเอาเรื่องรักมาปนกับเรื่องงานนะ ก็มีบ้างที่บางทีอาจเผลอมองพระเอกนานไปหน่อย เพราะพี่แกหล่อเหลือเกิน55 ส่วนพระเอกก็เริ่มๆ ชอบนางเอกแล้วเหมือนกัน แต่เหมือนพระเอกจะมีปมบางอย่าง(ปมอะไรไม่รู้ยังไม่เฉลย) เลยต้องพยายามหักห้ามใจตัวเองและเว้นระยะห่างออกมา เพราะพี่แกไม่อยากแต่งงานไม่อยากมีลูก ส่วนนางเอกคือไทป์ที่อยากแต่งอยากมีลูก พระเอกเลยไม่อยากยุ่งไม่อยากถลำใจไปมากกว่านี้(รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ) เลยต้องพยายามรักษาระยะห่างและหลบหน้าเขา แต่พอเพื่อนสนิทตัวเองจะจีบนางเอก อิพี่ก็กลับหึง+หวงก้างซะงั้น ไม่ยอมให้เพื่อนจีบ ไม่ยอมให้เพื่อนไปกินข้าวกับนางเอกสองต่อสอง พอได้ยินนางเอกคุยกับแฟนเก่าหรือเวลาเห็นนางเอกอยู่กับแฟนเก่าก็จะหงุดหงิดคิ้วขมวดขึ้นมาทันที ...ปฏิบัติกับนางเอกแตกต่างจากคนอื่น จนลูกน้องและเพื่อนสนิทรวมถึงแฟนเก่าพระเอกยังรู้สึกได้ ...

ทำให้นางเอกเริ่มมีความหวัง ตอนแรกนางเอกเคยตัดใจไปแล้วตั้งแต่ที่ถูกปฏิเสธครั้งแรก แต่พอได้มาทำงานด้วยกันนานวันเข้า แถมพระเอกก็ยังทำเหมือนจะมีใจให้ นางเอกเลยหวั่นไหวและชอบพระเอกอีกครั้ง พอยิ่งได้รู้ว่าแฟนเก่าพระเอกกลับมาจากเมืองนอกแล้ว นางเอกเลยแบบไม่ได้และ ฉันต้องสารภาพรัก! เพราะนางเป็นคนแบบถ้าชอบใครก็จะรุกและสารภาพตรงๆ เลย ถ้าใจตรงกันก็คบ ถ้าไม่ได้ชอบจะได้ตัดใจจบๆ แยกย้าย ...ทว่าสุดท้ายนางก็ถูกเขาปฏิเสธกลับมาอีกครั้ง whyyyyy??? ... นางเอกเสียใจมากกก ตั้งแต่เกิดมาเคยสารภาพรักแค่ 2 ครั้ง แถมยังเป็นคนเดิมทั้ง 2 ครั้ง แล้วก็โดนปฏิเสธกลับมาทั้ง 2 ครั้งจะไม่ให้ Saddd ได้ไง แต่นางก็โอเคไม่ชอบก็ไม่ตื๊อ ถือว่าทำเต็มที่แล้ว แยกย้ายกันแบบสันติสุขอวยพรให้เขามีอนาคตที่ดี หลังจากนั้นนางเอกก็ย้ายออกจากห้องเช่าของพระเอกไปอยู่ที่อื่น แบบตัดจริงๆ พอเจอหน้าก็ทำตัวปกติรักษาระยะห่างอย่างพอเหมาะ ส่วนพระเอกก็เสียใจนะแต่ก็พูดอะไรไม่ได้...

จริงๆ ของนักเขียนท่านนี้เราชอบมาตั้งแต่เรื่องขอโทษทีฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว เป็นแนวความรักในวัยผู้ใหญ่วัยทำงาน ขมปนหวาน มีดราม่าหน่วงๆ ไม่ได้สมหวังราบรื่นง่ายๆ มีอะไรมาให้เราลุ้นตื่นเต้นอยู่เรื่อยๆ ทั้งเรื่องรักเรื่องงาน พูดถึงเรื่องงานแต่ละอาชีพก็พล็อตแน่นจัดเต็มมาก อ่านแล้วได้ความรู้ดี เพราะพระนางต้องมาทำโปรเจ็กต์ร่วมกัน มันก็จะมีเรื่องสัญญา และขั้นตอนต่างๆ ในการที่จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งก็ไม่ง่ายเลย เพราะบางทีต่อให้เราระมัดระวังรอบคอบมากแค่แล้วไหนก็ตาม แต่สุดท้ายก็ใช่ว่าปัญหามันจะไม่เกิดนะ 

อย่างเช่นในเรื่องนี้ กำลังจะสำเร็จอยู่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับมาเจอคนสกัดดาวรุ่งทำให้ต้องหยุดชะงักกลางคันในโค้งสุดท้ายซะได้ แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นถึงวิธีการแก้ปัญหานะ เพิ่งรู้ว่าช่วงบริษัทกำลังจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นี่ไม่ควรมีปัญหาหรือเกิดเรื่องฟ้องร้องกัน ดังนั้นพอเกิดปัญหาพระเอกเลยพยายามเลือกวิธีเจรจาที่จะทำให้เรื่องจบไวและเสียหายน้อยที่สุด (แต่ก็ต้องเป็นแบบถูกต้องและสง่างามด้วยนะ) และถึงเราจะเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ควรโต้กลับโดยการฟ้องกลับ ...

อ่านแล้วได้ข้อคิดในการทำงานรวมถึงการใช้ชีวิตดี ความจริงพระเอกก็พูดถูกเกือบทุกอย่างแหละเพียงแต่อาจจะตรงไปหน่อย แต่ถ้าถามว่าจริงไหม? มันก็จริงแหละ ดีที่นางเอกไม่เคยเปลี่ยน แม้จะถูกคนพลิกลิ้นแว้งกัด เจอเรื่องที่ขัดต่อมโนธรรมของตัวเอง ไม่ว่าต้องเจอกับอุปสรรคแบบใดแต่เธอก็ยังเป็นเธอ ยังคงเป็นคนที่มีน้ำใจและมองโลกในแง่ดีเสมอ ไม่ถูกความโหดร้ายของสังคมและโลกนี้ทำให้แปรเปลี่ยนเป็นคนจิตใจด้านชา แต่มันเพียงทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นและมองโลกได้ชัดเจนมากขึ้น รู้ว่าต้องรับมือกับเรื่องกับคนแบบนี้ยังไง ค่อยๆ เรียนรู้เติบโตไปแต่ยังไม่ทิ้งตัวตนดั้งเดิมของตัวเอง...

ป.ล. ลืมบอกเรื่องนี้ไม่มีแบบรูปเล่มนะคะ มีแต่แบบรายตอนกับ E-book จ้า