วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์ 2 เล่มจบ



ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์ 2 เล่มจบ / ผู้แต่ง : เทียนฉิน
ผู้แปล : เกาลัดเดือนสิบสอง
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
ไป๋เสวี่ยฝู บุตรสาวคนรองของอัครเสนาบดีไป๋ เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวกาลกิณี
จึงทำให้ไป๋เสวี่ยฝูถูกขับไล่ให้ไปเฝ้าโคมดำอยู่ที่อารามชีตั้งแต่ยังเด็ก  
และในตอนที่อายุ 14 นางก็ได้บังเอิญช่วยเหลือเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังถูกคนตามฆ่าจนพลัดหลงเข้ามาอยู่ในเขตอารามชีเข้า  เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณหรือด้วยความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่าง
เขาจึงสัญญาว่า...ขอเวลาเพียงหนึ่งปีแล้วเขาจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนบุญคุณนี้ 
และจะมอบครอบครัวที่อบอุ่นแสนสุขให้กับนาง ...

เยวี่ยเยี่ย จักรพรรดิองค์ปัจจุบันของแคว้นอวิ๋นเยวี่ย  ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอำมหิต 
เพื่อช่วงชิงบัลลังก์เขาถึงขนาดสังหารพี่น้องของตัวเองได้อย่างเลือดเย็น  
แม้ข้างกายจะมีสนมนางในมากมาย  แต่ลึกๆ ในใจของเขากลับไม่เคยลืมเลือนหญิงสาวที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ที่อารามเมี่ยวเฟิงคนนั้นเลยสักครั้ง  
กระทั่งสามปีผ่านไปเมื่อการคัดเลือกสาวงามมาถึง เขาก็ได้เจอกับหญิงสาวนางหนึ่งที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคนที่อยู่ในดวงใจ .....แต่น่าเสียดายที่นางกลับเป็นลูกของศัตรูที่เขาเกลียดชัง

นางเอกถูกพ่อบังคับให้เข้าวังมาคัดเลือกสาวงามแทนพี่สาว ไป๋อีหนิง ที่ยอมทำลายใบหน้าของตัวเอง แต่ให้ตายก็ไม่ยอมเข้าวังมาเป็นสนมนางใน  
ด้วยความรักพี่สาวกับเป็นห่วงแม่ ที่ไม่เคยได้รับความรักความห่วงใยจากพ่อผู้เป็นสามีเลย 
นางเอกจึงจำใจยอมเข้าวังอย่างช่วยไม่ได้ ...และเพียงวันแรกที่เข้าวังนางก็ได้เจอกับจักรพรรดิผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความโหดเหี้ยมเข้าพอดี  แต่ที่ทำให้นางช๊อคที่สุดก็คือจักรพรรดิหนุ่มผู้นี้ดันมีใบหน้าเหมือนกับเด็กหนุ่มที่นางเคยช่วยไว้เมื่อ 3 ปีก่อนเปี๊ยบ  
หลังจากตกใจความเสียใจก็ตามมาเพราะเขากลับจำนางไม่ได้เลยสักนิด... กระซิกๆ

ในฐานะลูกของศัตรูนางเอกจึงถูกจัดให้ไปอยู่วังอันไกลโพ้น แบบดูก็รู้เลยว่าไม่เป็นที่โปรดปราน  
แต่ด้วยเส้นสายของพ่อนาง สุดท้ายก็ทำให้ลูกสาวเข้าใกล้พระเอกจนได้  
ส่วนพระเอกก็รู้แผนการพ่อนางเอกมานานแล้ว รู้ว่าที่พ่อนางเอกส่งลูกสาวเข้าวังมาเนี่ยไม่ได้มาดีแน่นอน   พี่แกรอดูเลยว่าจะมีแผนชั่วอะไร...หึหึ   
แต่นางเอกก็ไม่มีทางเลือกเพราะไหนจะเจอพ่อวางยา
แล้วไหนจะเรื่องแม่อีก  โดนบีบทุกทางแม้ไม่อยากทำก็ต้องทำ ....

อ่านจบแล้วส่วนตัวคิดว่า ทั้งคู่ไม่น่าจะรักกันได้ขนาดนี้เลยนะเพราะเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง 
ไม่น่าจะถึงหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แถมคุยกันไม่กี่ประโยคเอง อะไรจะฝังจิตฝังใจขนาดนั้น   
ของพระเอกยังพอเข้าใจว่าคงประทับใจที่นางเอกให้ความช่วยเหลือ ในขณะที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ในชีวิตเจอแต่คนคิดไม่ดี+คิดลอบฆ่าอยู่ตลอด 
 มีไม่กี่คนที่หวังดีให้ความช่วยเหลือก็เลยหวั่นไหวกับนางเอก  
แต่นางเอกนี่อยู่ในอารามชีมาตั้งแต่เด็ก แถมตอนนั้นก็ปฏิเสธพระเอกไปซะดิบดี 
ไม่เชื่อลมปากของบุรุษตามที่อาจารย์สั่งสอน  แต่ๆ ๆ ๆ ปากบอกว่าไม่แต่ใจนี่คิดจ้า  
คิดมาตลอดไม่เคยลืม เผลอๆ คิดมากกว่าอีตาพระเอกอีกด้วย 55 ...
ใจหนึ่งก็เข้าใจ ก็บอกตัวเองว่าพระเอกคงจำไม่ได้คงลืมเพราะตอนนั้นมันบลาๆ ๆ ๆ   
แต่อีกใจหนึ่งก็น้อยใจว่าทำไมจำไม่ได้ฟะ...(ก็ตอนนั้นนางมีผ้าคลุมหน้าอยู่ใครจะไปจำได้ล่ะจ๊ะ) 
คือพระเอกก็คับคล้ายคับคลาแต่ไม่ชัวร์ไง  เพราะตอนนั้นไม่เห็นหน้าแต่ก็จำกลิ่นหอมบนตัวนาง
กับท่าทางบางอย่างได้  แต่คนจำได้ก็บอกไม่ได้ มันก็เลยทำร้ายกันไปมาแบบนี้แหละจ้า ...

ตอนเล่มแรกก็สนุกดีอยู่นะ แต่พอเล่ม 2 หลังจากที่รู้ว่านางเอกเป็นใครแล้วเท่านั้นแหละ...
จักรพรรดิผู้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอำมหิตก็กลายเป็นทาสเมียในบัดดล ...
ดึงดันจะแต่งตั้งนางเอกเป็นฮองเฮาให้ได้ ไม่ฟังเสียงคัดค้านจากขุนนางในราชสำนักเลย  
ซึ่งก็สมควรแล้วที่ถูกคัดค้าน (อันนี้เห็นด้วยนะเหตุผลถูกต้อง)  
แต่พระเอกก็โนสนโนแคร์จ้าาา รักเมียเหลือเกินสุดท้ายเป็นไงล่ะ...บ้านเมืองเป็นไงล่ะ หึหึ  



วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รักเพียงเธอ


รักเพียงเธอ / ผู้แต่ง : กู้ซีเจวี๋ย Gu Xi Jue
ผู้แปล : ยูมิน
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
หลี่อันหนิง  นางเอกของเรื่องเป็นหญิงสาวสายวิทย์  หัวดี หน้าตาสะสวยมีแต่คนมารุมชอบ  
แต่สุดท้ายก็ถูกเธอปฏิเสธกลับไปทุกราย    

ส่วนพระเอก สวีโม่ถิง เป็นชายหนุ่มสายศิลป์ รูปหล่อ หัวดี+ชาติตระกูลก็ดี ( อีกแล้ว55 ) 
ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยชอบใครและไม่เคยต้องลงมือจีบใครเองมาก่อน 
แต่หลี่อันหนิงกลับเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้เขาต้องฉีกกฎของตัวเอง  
พระเอกหลงรักนางเอกตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย  จึงรวบรวมความกล้าเขียนจดหมายสารภาพรักไปให้แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้รับคำตอบกลับมา  พระเอกจึงเข้าใจว่าตัวเองถูกปฏิเสธ  
หลังจากนั้นพี่แกก็ไปเรียนต่อเมืองนอกและคิดว่าเดี๋ยวก็คงลืมรักครั้งนี้ได้เอง  
แต่ผิดคาดเพราะจนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรีพี่แกก็ยังไม่ลืม  สุดท้ายก็เลยตัดสินใจกลับมาเรียนต่อโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับนางเอกซะเลย  
กลับมารอบนี้ไม่มีเขียนจดหมายสารภาพรักแล้ว พระเอกเปลี่ยนไปใช้แผนรุกทำเนียนเข้าไปตีสนิท  
แล้วมัดมือชกจับคนเขามาเป็นแฟนตัวเองแบบงงๆ เลยจ้า ( นางเอกนะที่งงแต่พระเอกไม่งง 55 ) 

เหมาะกับคนชอบอะไรหวานๆ สบายๆ เบาๆ เพราะเรื่องนี้ไม่มีดราม่า 
ไม่มีเรื่องมือที่สาม อุปสรรคอะไรก็ไม่มี ราบรื่นไปหมด 
เอาจริงๆ เรายังชอบเรื่องของเพื่อนนางเอกที่ชื่อเหมาเหมามากกว่าอีกนะ 
ยังดูมีอะไรบ้างมีดราม่าให้พอได้ลุ้น  ส่วนคู่พระ-นางมันไม่มีอะไรให้ลุ้นมาตั้งแต่แรกแล้วอะ
ยังไงพระเอกก็ลอยลำเข้าเส้นชัยสบายๆ อยู่แล้ว แค่รอดูว่าเมื่อไหร่พระเอกจะจีบติด 
เมื่อไหร่นางเอกจะรู้ตัวเท่านั้นแหละ  เรื่องนี้คนเขียนเดียวกับเรื่องมีเธอฤดูหนาวอุ่น ฤดูร้อนเย็น 
ซึ่งจริงๆ เรื่องรักเพียงเธอออกก่อน ส่วนเรื่องมีเธอฤดูหนาวอุ่น ฤดูร้อนเย็นออกทีหลัง  
แต่เราได้อ่านเรื่องหลังก่อนแล้วชอบก็เลยไปหาเรื่องรักเพียงเธอมาอ่าน เพราะเห็นว่าคนเขียนเดียวกัน  แต่พออ่านจบแล้วก็รู้สึกว่าชอบเรื่องมีเธอฤดูหนาวอุ่น ฤดูร้อนเย็นมากกว่าอะ (ความรู้สึกส่วนตัวเน้อ) ส่วนเรื่องนี้บอกตรงๆ อ่านแล้วบางประโยคมันงงๆ ไม่เข้าใจ  
แล้วบางทีนางเอกก็ชอบพูด-ตอบเป็นคำคม เป็นสำนวนสุภาษิตโบราณซึ่งเราแบบไม่เก็ทอ่ะ  
ประกอบกับบางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจมุกของตัวละครเวลาคุยกันด้วย 
...คิดว่าถ้าเข้าใจมันอาจจะสนุกกว่านี้ก็ได้มั้งนะ55


วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ตำนานรักสองสวรรค์ 4 เล่มจบ


ตำนานรักสองสวรรค์ 4 เล่มจบ / ผู้แต่ง ซิงหลิง
ผู้แปล : ธารยุทธ์
สำนักพิมพ์ Siam Inter Book

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

          ' ข้าหลงคิดว่าท่านมีจิตใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งพอ สุดท้ายค่อยพบว่า ...
หกหมื่นปีมานี้  แม้แต่โอกาสที่จะบอกต่อข้าว่าท่านเป็นใคร ท่านก็ไม่เคยได้รับ
ที่ข้าผิดต่อท่านไหนเลยเพียงแค่หนึ่งแสนสามหมื่นปี ที่ข้าติดค้างท่านไหนเลยเพียงแค่สามชาติ ?   
           ชั่วชีวิตนี้ ข้าไม่ผิดต่อเทพไทองค์ใด ไม่ผิดต่อสรรพชีวิตทั้งหลายในเก้าทวีปแปดดินแดน ไม่ผิดต่อปฐมเทพฉิงเทียน มีเพียงแต่ท่านเท่านั้นที่ต่อให้ใช้เวลาอีกพันหมื่นปี ก็ชดใช้ไม่หมดสิ้น '

      เพราะเภทภัยแห่งหุนตุ้นเมื่อ 60000 ปีก่อน จึงทำให้บรรพสวรรค์ถูกปิดตาย 
เทพบรรพกาลทั้งสี่ได้แก่ ซ่างกู่ ไป๋เจวี๋ย จื้อหยางและเทียนฉี่รวมถึงเหล่ามหาเทพทั้งหลาย
ล้วนสูญสลายกลายเป็นผุยผงเพื่อปกป้องสามพิภพจากมหันตภัยหุนตุ้น  
และมีเพียงมหาเทพแค่ 3 องค์เท่านั้นที่เหลือรอดมาได้จนถึงปัจจุบัน

      นับแต่นั้นมหาเทพทั้งสามก็ได้รับความเคารพยกย่องเทิดทูนจากทั่วทั้งสามพิภพ  
มีเทียนตี้เป็นผู้ปกครองดินแดนสวรรค์  ส่วนมหาเทพกู่จวินกับมหาเทพอู๋ฮวั่นซึ่งเป็นชายา
กลับเร้นกายใช้ชีวิตอย่างสันโดษอยู่ในวังของตน ไม่ฝักใฝ่หรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวใดๆ ของทั้งสามพิภพ  แต่เมื่อมหาเทพอู๋ฮวั่นตั้งครรภ์ทารกที่อยู่ในเปลือกไข่กลับอ่อนแรงและเปราะบาง 
จนทำให้มหาเทพกู่จวินผู้เป็นบิดาต้องออกจากวังไปเพื่อหาทางรักษาชีวิตน้อยๆ ของบุตรตน  
กระทั่งผ่านไปหลายพันปีเมื่อกลับมาอีกที ....
มหาเทพอู๋ฮวั่นผู้เป็นชายาก็กลับกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นและเป็นเทียนโฮ่วไปเสียแล้ว ...

     หลายหมื่นปีหลังจากนั้นทารกในไข่ผู้มีนามว่า โฮ่วฉือ ก็ได้ถือกำเนิดออกมา 
และได้ดำรงศักดิ์เป็นมหาเทพเทียบเท่ากับมหาเทพทั้งสามองค์  
ตามคำประกาศของมหาเทพกู่จวินและตามทำนายของเทพพยากรณ์หลิงเจวียนซ่างจวินที่ว่า...
'นางนั้นมีชะตาของมหาเทพ คือผู้ที่มาพร้อมกับชะตาอันล้ำเลิศ .... '

     แม้จะมีศักดิ์เป็นถึงมหาเทพแต่เพราะพลังเซียนอ่อนด้อย     
โฮ่วฉือจึงไม่เคยย่างเท้าออกจากวังชิงฉือของตนเลยสักครั้ง นางใช้ชีวิตอยู่กับข้ารับใช้คนสนิท
ส่วนบิดาผู้เป็นมหาเทพก็ออกท่องเที่ยวไปทั่วนานๆ ทีถึงจะกลับมา   
แต่เมื่อสองหมื่นปีผ่านไปที่งานฉลองวันเกิดของตงหัวซ่างจวิน  
เทพเซียนที่มาร่วมงานก็ได้ยลโฉมมหาเทพผู้คล้ายจะมีแต่ชื่อที่งานแห่งนี้เป็นครั้งแรก 
( ตงหัวในเรื่องนี้เป็นชายแก่ไม่ใช่หนุ่มหล่อเหมือนในลิขิตเหนือเขนยอ่ะเศร้าๆ ๆ ๆ )

     การออกมาในครั้งนี้เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางไขปริศนาที่อยู่ในใจของโฮ่วฉือมาเนิ่นนาน ...ว่าเหตุใดเมื่อถือกำเนิดนางจึงถูกมารดาทอดทิ้ง  
อีกทั้งหลังจากที่นางเบิกปัญญาได้ เหตุใดบิดาและไป่เสวียนถึงได้จากไปไม่กลับมา  
และเหตุใดนางผู้เป็นถึงมหาเทพจึงไม่อาจรวมพลังเซียนเหมือนดั่งเทพเซียนคนอื่นๆ ได้ ….

     ระหว่างทางโฮ่วฉือได้เจอกับเซียนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มีนามว่า ชิงมู่  
ซึ่งในรอบสองพันปีมานี้เขาเป็นเซียนเพียงคนเดียวที่สามารถฝ่าด่านซ่างจวินได้  
ทั้งเก่งกาจ+มากความสามารถบวกกับหน้าตาอันหล่อเหลา
ชิงมู่จึงกลายเป็นที่ชื่นชอบและหมายปองของนางฟ้านางสวรรค์ทั้งหลาย  
โดยเฉพาะ องค์หญิงจิ่งเจา ธิดาองค์เล็กของเทียนตี้และเทียนโฮ่ว ...
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ออกเดินทางเพื่อตามหาร่องรอยของไป่เสวียนไปด้วยกัน  
จนเกิดเรื่องราวต่างๆ ตามมามากมาย และกลายเป็นความรักความผูกพันในเวลาต่อมา

     แต่แล้วโฮ่วฉือก็กลับทำผิดกฎสวรรค์  อันเป็นเหตุให้ชิงมู่ต้องติดค้างองค์หญิงจิ่งเจา  
และตัวนางเองก็ต้องรับโทษด้วยการถูกเนรเทศไปอยู่ดินแดนอื่นเป็นเวลาถึง 100 ปี  
ทว่าเมื่อครบกำหนดกลับมา บุรุษหนุ่มในวันวานที่เคยเอ่ยปากสู่ขอนางต่อหน้าเทพเซียนทั้งหลาย 
ผู้ที่เคยสัญญาว่าจะเฝ้ารอนางกลับมาก็กลับหายไป  เขากลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือสามพิภพและได้ตกปากรับคำขอแต่งงานของหญิงนางอื่นไปเสียแล้ว...


หลังจากอ่านจบ .....
         ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลามีอะไรไม่พูดไม่บอก ไม่ถามกันดีๆ 
ทำไมชอบเก็บเอาไว้แล้วไปแอบทำคนเดียว ชอบคิดแทนอีกฝ่าย สุดท้ายก็เสียเวลาไปเปล่าๆ เป็นหมื่นๆ แสนๆ ปี (ดีนะเป็นเทพถ้าเป็นคนธรรมดาคงตายไปนานแล้ว ) 
ปากหนักกันทุกคนเลย ชอบทำอะไรอ้อมโลก 
อมพะนำกันเข้าไป ไม่หันหน้าคุยกันปรึกษากันมันก็เป็นแบบนี้แหละ

        เป็นแนวเทพเซียนที่หน่วงตลอดทั้งเรื่อง ตั้งแต่ต้นจนเกือบจบ  
ปริศนา+ปมเยอะสลับซับซ้อนเดาทางไม่ค่อยถูก ไม่รู้จะออกมาแบบไหน  
โดยเฉพาะพระเอกอ่านมาถึงเล่มสุดท้ายก็ยังไม่แน่ใจว่าลงเรือถูกลำหรือเปล่า จะใช่คนนี้ไหม55
ตัวละครในเรื่องมีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป ใครว่าเป็นเซียนเป็นเทพแล้วจะต้องดี เป็นมารแล้วต้องชั่วเสมอไป ต่อให้เป็นเทพก็มีความทะเยอทะยานและอิจฉาริษยาได้ไม่ต่างกับคนธรรมดา 
      อย่างมหาเทพอู๋ฮวั่นที่ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันก็มีตำแหน่งฐานะที่สูง 
ถ้าเทียบกับเทพเซียนที่อยู่ในระดับเดียวกันก็เป็นรองเพียงแค่ไม่กี่คน  
เพราะเป็นถึงสัตว์พาหนะของเทพบรรพกาล แล้วไหนจะได้สิทธิ์ดูแลวังของเทพบรรพกาลซ่างกู่อีก 
พอหลังจากเกิดเภทภัยก็ยังได้เป็นเทียนโฮ่ว เป็นมหาเทพที่อยู่เหนือเทพเซียนทั้งหลายอีกด้วย  
แต่นางกลับไม่เคยพอยังทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วคงลืมไปว่ามหาเทพยังไงก็เทียบกับเทพบรรพกาลไม่ได้ดอก เสียใจก็แต่ที่นางไม่ได้โดนคนเดียวแต่ดันลากคนอื่นให้รับเคราะห์ไปด้วยน่ะสิ  
( ไม่เข้าใจจริงๆว่าเทียนตี้สายตาไม่ดีหรือเปล่าถึงไปหลงรักนางได้ )

      หลังจบเล่ม 2 จะเริ่มเข้าสู่ความหน่วงที่แท้จริง ปริศนาของนางเอกก็จะค่อยๆ เฉลยออกมาเรื่อยๆ  พร้อมกับความทรงจำอันเจ็บปวด ที่แม้นผ่านไปกี่หมื่นปีก็ยังคงอยู่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน 
แต่จะมีอยู่แค่คนเดียวที่ความทรงจำนั้นครบถ้วนไม่ขาดหาย  และยอมทำเรื่องผิดบาปมากมาย 
ยอมแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียว  
      ซึ่งหลายๆ อย่างที่พี่แกทำมันก็ช่างทำร้ายจิตใจนางเอกและเราคนอ่านจริงๆ  
ปุบปับก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ยังไม่ได้ทันได้ตั้งตัวหันมาอีกทีก็กลายเป็นคนอื่นซะแล้ว... 
ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง  กระทั่งนางเอกก็ยังถูกปิดบังความทรงจำ  แบบยินดีให้นางโกรธเกลียดเคียดแค้นจนตายยังดีกว่าให้นางรู้ ...แม้แต่ลูกตัวเองก็ยังยอมตัดใจทอดทิ้งไม่เหลียวแล 
      เพราะอะไรกัน?  แท้จริงเมื่อหกหมื่นปีก่อนนอกจากเภทภัยหุนตุ้นแล้วยังเกิดเรื่องใดขึ้นอีก?  
แท้จริงแล้วใครคือผู้ที่เสียสละ ผู้ที่เจ็บปวดหรือผู้ที่ฉวยโอกาสในยามที่วุ่นวาย  
ถ้าอยากรู้ต้องอ่านให้จบแล้วจะทึ่ง แล้วจะรู้ว่าใครกันคือคนที่เสียสละเพื่อนางเอกมากที่สุด....


- นอกจากคู่ของพระ-นาง  ก็ยังมีคู่ของเฟิ่งหรั่น (คนสนิทของนางเอก) กับองค์ชายรองจิ่งเจี้ยน
ที่เราแอบเชียร์อยู่ไม่แพ้คู่หลัก  
องค์ชายรองผู้อบอุ่นอ่อนโยนกับแม่หงส์แดงที่ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง  
เป็นคู่ที่คนมีใจแต่ไปด้วยกันไม่ได้ เพราะบ้านเอ็ง(องค์ชาย)ทำกับเขาไว้เยอะโดยเฉพาะแม่เอ็ง  
แม้เขาจะไม่ได้เป็นคนก่อแต่ก็ต้องติดร่างแหไปด้วย  ความรักนี้จึงต้องตัดใจทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม 
ยิ่งพออ่านไปถึงเล่ม 4 ก็จะยิ่งรู้สึกสิ้นหวังและอาจมีเสียน้ำตา พรากๆ ๆ ๆ ๆ 
...แต่ๆ ๆ ๆ ขอให้ทุกคนใจร่มๆ และจำไว้ว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอนะจ๊าา 55