วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567

ยอดเชฟคนนี้คือเบบี๋ของผม 2 เล่มจบ

 


ยอดเชฟคนนี้คือเบบี๋ของผม 2 เล่มจบ

ผู้แต่ง : หมิงเย่ว์ทิงเฟิง

ผู้แปล : ลีลรักษ์

ปก : Kanapy

สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ไม่ได้อ่านงานของท่านหมิงเย่ว์ทิงเฟิงมานานแล้วนะเนี่ย ปกติที่เอามาแปลเจอแต่แนวโบราณแต่พอมาอ่านแนวปัจจุบันก็สนุกดี ไม่จิ่สนุกมากกก 

นางเอกเรื่องนี้อ่อนกว่าพระเอก 7 ปี ไร้ญาติไร้บ้านแถมยังมีหนี้ก้อนโตติดตัว แต่น้องก็สู้ชีวิตมาก มีฝีมือในการทำอาหาร ก่อนจะได้เจอพระเอกน้องก็เปิดร้านอาหารหาเลี้ยงชีพมาก่อน แต่กิจการไม่ค่อยดีเพราะทำเลร้านไม่ดีอยู่ไกล+คนไม่ค่อยผ่าน ส่วนพระเอกเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีที่ทำแอปออกกำลังกาย บริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่ที่กำลังสร้างตัว ไม่ได้มีภูมิหลังใหญ่โตหรือบ้านรวยเวอร์ เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ท่านประธานเอาแต่ใจเผด็จการที่มีเงินให้ผลาญเป็นว่าเล่นเน้อ

พระนางได้เจอกันครั้งแรกตอนที่พระเอกมาช่วยงานแต่งเพื่อนสนิท แต่ระหว่างจัดงานเกิดปัญหานิดหน่อย(ไม่หน่อยแหละเจ้าสาวหนีงานแต่ง) พี่แกเลยได้แวะเข้าไปสั่งอะไรกินในร้านนางเอกที่อยู่แถวนั้นพอดี สะดุดกับชื่อเมนูไปสามวิเพราะนางเอกตั้งได้แบบ...55(ต้องลองไปอ่านเองจ้า) รอบแรกที่มาสั่งแต่น้ำ รอบสองถึงได้สั่งอาหาร พอได้กินแล้วก็ต้องยอมรับในฝีมือ แต่พอจะกลับมากินรอบที่สามร้านของนางเอกก็ไม่อยู่แล้ว ... หลังจากนั้นเขาก็ได้มาเจอกันอีกตอนที่พระเอกไปนั่งกินร้านปิ้งย่างกับเพื่อน นางเอกเป็นพนักงานอยู่ที่ร้านนั้น พระเอกเห็นน้องกำลังถูกลูกค้าลวนลามเลยเข้าไปช่วยและรอส่งกลับหอพัก 

ต่อมาบริษัทพระเอกเปิดรับสมัครแม่ครัวคนทำงานจิปาถะทั่วไป นางเอกก็มาสมัคร แต่พอพระเอกรู้ก็บอกให้ลูกน้องปฏิเสธ เพราะตอนนั้นพระเอกเข้าใจผิดคิดว่านางเอกเป็นพวกต้มตุ๋นชอบสร้างสตอรี่ให้คนสงสาร พระเอกไม่ชอบคนแบบนี้เลยไม่รับน้องเข้าทำงาน แต่มีวันหนึ่งพระเอกไปแอบได้ยินตอนน้องคุยกับคนอื่นถึงได้รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดไปมากกก นางเอกไม่ได้เสแสร้งสร้างสตอรี่แต่มันคือเรื่องจริง พ่อแม่นางเอกเสียจริง น้องอยู่คนเดียวไม่เหลือคนในครอบครัวแล้วจริงๆ ที่ตามหาตาก็เป็นเรื่องจริง พอรู้ว่าเข้าใจผิดพระเอกก็ให้ลูกน้องโทรไปจ้างนางเอกให้มาทำงานที่บริษัท แต่ตอนนั้นนางเอกได้งานที่อื่นแล้วเลยไม่ไป แต่พระเอกก็ให้ลูกน้องโทรไปใหม่ เสนอเงื่อนไขที่นางเอกต้องการเพื่อให้คนเขามาทำงานด้วย จริงๆ นางเอกแค่อยากได้ที่ทำงานที่มีที่พักให้ด้วยเท่านั้นเอง(จะได้ไม่เสียค่าเช่าห้อง) พอพระเอกรู้ก็จัดให้ สุดท้ายนางเอกเลยยอมมาทำงานที่บริษัทพระเอก(แต่ตอนนั้นน้องไม่รู้นะว่าบริษัทใคร)

นางเอกเป็นทั้งแม่บ้านแม่ครัว แม้จะเป็นงานบ้านๆ อยู่ตำแหน่งล่างสุดแต่น้องก็ตั้งใจทำและเอาใจใส่กับงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ใช่แค่ทำไปส่งๆ พอให้จบๆ เลยทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนในบริษัท ทำดีมากจนพระเอกต้องเตือน เพราะตอนนั้นคนในบริษัทจะขอให้นางเอกทำมื้อดึกเผื่อด้วย นางเอกก็ดี๊ดีไม่ปฏิเสธเลย จนพระเอกต้องมาจับเข่าคุยบอกว่าไม่ได้นะ ถ้าใครขออะไรแล้วไม่ปฏิเสธบ้างต่อไปถ้าเขาขอมื้อเช้าด้วยล่ะ จะให้อีกเหรอ ถ้าให้ไปเรื่อยๆ คนก็จะชินจะไม่มีที่สิ้นสุดนะ ต้องเอาแต่พอดีสิ นางเอกก็ก้มหน้ารับฟังและทำตามที่พระเอกบอก แต่ถึงยังไงทุกคนก็ยังชอบนางเอกมากอยู่ดี เพราะน้องจริงใจทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ แต่ถ้าดูเผินๆ หรือยังไม่สนิทกันน้องอาจจะดูเย็นชานิ่งๆ เหมือนหยิ่งเพราะหน้านิ่ง+พูดน้อย แต่ถ้าคลุกคลีด้วยบ่อยๆ จะรู้ว่าน้องจิตใจดี ซื่อๆ ขยันอดทน ใครเห็นต้องชอบใครอยู่ใกล้ต้องโดนตก

พระเอกเป็นฝ่ายชอบนางเอกก่อนแต่ไม่กล้ารุกมาก ได้แต่แอบช่วยเหลืออย่างระมัดระวัง เพราะรู้ว่าน้องมีปมในใจเลยกลัวว่าถ้าช่วยตรงๆ หรือสารภาพความรู้สึกเร็วไปจะทำให้น้องถอยหนีและทำตัวห่างเหินไม่เหมือนเดิม คือฐานะทางบ้านนางเอกไม่ดีมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนี้ยังไม่เหลือคนในครอบครัวอีก ไม่มีบ้านให้กลับ เรียนก็จบแค่ม.ปลาย แถมยังมีหนี้ก้อนโตติดตัว น้องเลยไม่อยากให้ใครมองตัวเองว่าน่าสงสาร ไม่อยากให้คนช่วยเหลือเพราะสงสาร ปกติน้องจะไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ใครฟัง แต่มีวันหนึ่งเมาเลยเผลอเล่าให้พระเอกฟัง พอเช้ามาเจอหน้ากันน้องเลยทำตัวสุภาพ(กว่าปกติ) และเว้นระยะห่างจากพระเอกทันที 

พระเอกดีงามคอยช่วยเหลือ+แนะนำสิ่งต่างๆ ให้กับนางเอกตลอด ทั้งเรื่องงานเรื่องการใช้ชีวิต เป็นแรงสนับสนุนคอยผลักดันช่วยให้นางเอกไปถึงฝั่งฝัน ถ้าไม่ได้เจอพระเอกคิดว่าคงอีกนานกว่านางเอกจะทำสำเร็จ การเจอพระเอกนี่ถือเป็นความโชคดีหรือจุดเปลี่ยนของชีวิตนางเอกเลยก็ว่าได้ แต่พระเอกไม่เคยไปบังคับหรือทำตัวเผด็จการอะไรนะ พี่แกมีแต่คอยชี้นำแนวทาง+ให้คำปรึกษาแล้วก็ปล่อยให้นางเอกตัดสินใจเอาเอง หนี้ก็ไม่ได้ใช้ให้นะเพราะรู้ว่านางเอกไม่เอาแน่ๆ แต่ถ้าท้อหรือสับสนก็จะคอยปลอบคอยอยู่ข้างๆ ดีงามฝุดๆ ต่างจากคู่รองอิท่านประธานต้วนลิบลับ55 คู่นั้นฮาร์ดคอร์มาก เห็นว่ามีเล่มแยกเป็นของตัวเองด้วยนา(อยากอ่านๆ ท่าจะมัน)

พระเอกรู้ว่านางเอกรักการทำอาหาร+ทำอาหารอร่อย เลยแนะนำให้นางเอกไปทำอาหารในงานวันเกิดแฟนเพื่อน จากนั้นก็ติดต่อไปหาบริษัทที่ทำไลฟ์สดทำพวกช่องออนไลน์ สนับสนุนให้นางเอกไปเป็นวล็อกเกอร์ทำอาหารออนไลน์ คอยช่วยนางเอกหาเส้นทางต่อยอดไปเรื่อยๆ ชีวิตนางเอกเลยดีขึ้นเรื่อยๆ ไปทำอาหารแบบเชฟส่วนตัวก็ปังลูกค้าชอบ เพราะอาหารที่น้องทำไม่ใช่แค่อร่อยแต่ยังมีความคิดสร้างสรรค์+แปลกแหวกแนว ไม่เพียงแต่ทำให้คนกินรู้สึกว่าอร่อย+รสชาติดี แต่ยังทำให้คนที่ได้กินมีความสุข คือสิ่งที่น้องทำมันไม่ใช่แค่อาหารแต่มันยังมีเรื่องราวมีความรู้สึกความทรงจำของคนกินอยู่ในนั้นด้วย น้องใช้ใจทำ รังสรรค์เรื่องราว+ความรู้สึกของคนกินออกมาเป็นอาหาร นอกจากจะอร่อยแล้วก็ยังทำให้คนกินเกิดความประทับใจจดจำได้ไม่รู้ลืม ส่วนช่องทำอาหารออนไลน์แรกๆ ยังไม่ค่อยปัง ต้องใช้เวลาคลำทางอยู่สักพักจนเจอรูปแบบสไตล์ที่เหมาะกับนางเอกจริงๆ แน่นอนว่าทุกอย่างล้วนมีพระเอกคอยช่วยและสนับสนุนอยู่เบื้องหลังทั้งทางตรงและทางอ้อม

ส่วนเรื่องรักๆ ของพระนางก็ไม่ได้ปล่อยให้เรารอนาน แม้ตอนแรกที่พระเอกสารภาพรักออกไปนางเอกจะอึ้งๆ พระเอกเลยบอกให้น้องกลับไปคิดดูก่อน แต่จริงๆ ใจน้องคือเทไปให้พระเอกเกือบหมดแล้ว เพียงแต่ขาดความมั่นใจ ก็เรามันจนแถมยังมีหนี้ จบก็ไม่สูง ในขณะที่พระเอกเป็นถึงประธานบริษัท อนาคตกำลังสดใส ทั้งหล่อทั้งฉลาด ครอบครัวเพื่อนฝูงดีหมด แฟนเก่าก็เลิศ น้องเลยกลัวว่าหากคบกับตัวเองจะทำให้พระเอกขายหน้า ทั้งฐานะการศึกษา+สภาพสังคมไม่เหมาะสมกันเลยสักนิด แต่สุดท้ายน้องก็ก้าวผ่านอุปสรรคในใจไปได้และตกลงคบกับพระเอก 

เรื่องความรักนี่นางเอกเป็นเหมือนผ้าขาวเลยนะ ไม่รู้ว่าต้องแสดงออกยังไง ช่วงแรกๆ บางครั้งเลยอาจเผลอทำร้ายจิตใจพระเอกไปบ้างโดยไม่รู้ตัว พระเอกก็ไม่พูด สุดท้ายเลยกลายเป็นการทำสงครามประสาทกัน55 นางเอกก็ไประบายความรู้สึกลงในแอคหลุม จากนั้นก็มีคนมาแนะนำวิธีการง้อแฟน นางเอกเลยเอาไปใช้แล้วก็สำเร็จด้วย55 ...พระเอกชอบมากกคอนเฟิร์มม55 หลังจากนั้นเวลามีอะไร(โดยเฉพาะเกี่ยวกับพระเอก) นางเอกเลยชอบไประบายที่แอคหลุม 

แต่ไม่ใช่แค่ฝั่งนางเอกนะที่มีเรื่องราวปัญหาฝั่งพระเอกก็มีเหมือนกัน คือพระเอกเป็นบริษัทสตาร์ทอัพใช่ปะ กำลังโตพนักงานยังมีไม่เยอะ พระเอกเลยต้องการเงินมาลงทุนเพื่อต่อยอดขยายกิจการ ทีนี้พอกำลังจะได้เงินทุนก็ดันถูกบริษัทอื่นตัดหน้าแย่งไป แต่ที่เจ็บมากกว่าเรื่องชวดเงินก็คือดันมาถูกคนกันเองแทงข้างหลังนี่แหละ แฟนเก่าพระเอกก็มากล่อมให้พี่แกกลับไปทำงานที่บริษัทเก่า แต่พระเอกไม่ไปไม่ยอมแพ้ เดี๋ยวหาเงินลงทุนแหล่งใหม่เอาก็ได้ จริงๆ แฟนเก่าคนนี้เกือบได้แต่งกับพระเอกแล้วนะ แต่พอพระเอกลาออกจากบริษัทเก่าที่เงินเดือนสูงมาเปิดบริษัทเองชีไม่โอเค ไม่เชื่อว่าพระเอกจะทำได้ คิดแต่ว่าพระเอกจะต้องล้มเหลว เอาแต่พูดแบบนี้ทุกวัน สุดท้ายเลยเลิกกัน 

เป็นแนวปัจจุบันที่ดีต่อใจมากก ความสัมพันธ์พระนางคือดี เรื่องฐานะการศึกษาอะไรที่นางเอกเคยกังวลสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลย พระนางเคมีโคตรเข้ากัน นางเอกน่ารักใสซื่อขี้อ้อน(กับพระเอก) ชอบหม้อมากกว่ากระเป๋าแบรนด์เนม ไม่อยากได้เสื้อผ้าสวยๆ หรือเครื่องสำอางแพงๆ ขอแค่ชุดเครื่องครัวดีๆ สักชุดก็พอ55 ...เนื้อเรื่องเรื่อยๆ แต่สนุกมากไม่น่าเบื่อ มีจุดพีคที่แบบต้องร้องเฮ้ย! และมีตอนที่แอบเสียน้ำตาเบาๆ ชอบที่ไม่ว่านางเอกจะทำอะไรพระเอกก็จะคอยสนับสนุนอยู่เคียงข้าง แม้ความฝันของทั้งคู่จะแตกต่างแต่เขาก็จับมือเดินไปพร้อมกันได้ ต่างคนต่างทำหน้าที่และทำความฝันของตัวเองไป เวลามีเรื่องอะไรไม่ว่าเล็กหรือใหญ่นางเอกก็มักเอามาเล่าให้พระเอกฟังเสมอ(ประหนึ่งเพื่อนสาว55) ไม่มีเรื่องมือที่ 3-4 ให้ต้องปวดใจเพราะพระเอกชัดเจนเคลียร์มาก ไม่มีพระรอง มีแต่คู่รองที่บอกเลยว่าท่าจะมัน55



วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2567

เมื่อผมเปิดคลินิกในวันสิ้นโลก 3 เล่มจบ

 


เมื่อผมเปิดคลินิกในวันสิ้นโลก 3 เล่มจบ

ผู้แต่ง : ชางไห่โหยวหลาน

ผู้แปล : มู่หลินเซิน

สำนักพิมพ์ FreesiaBook


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

แนวซอมบี้วันสิ้นโลก การกลายพันธุ์ ชอบตรงที่เรื่องนี้ซอมบี้สามารถกลับมาตระหนักรู้และใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ได้อีกครั้ง นายเอก เหวินชิงหลิง หนุ่มน้อยหน้ามนถูกลูกพี่ลูกน้องผลักไปเป็นอาหารในดงซอมบี้ ซ้ำยังใช้แท่งไม้ปักทะลุกลางอกซ้ำเพราะกลัวเขาจะไม่ตายจริง จากนั้นตัวคนทำก็หนีเอาตัวรอดไป ปล่อยให้นายเอกตายอนาถกลายเป็นซอมบี้

แต่สุดท้ายนายเอกกลับไม่ตายไม่ได้ขาดสติกลายเป็นซอมบี้เที่ยวไล่กัดคนอย่างที่คิด เพราะเลือดของนายเอกมีคุณสมบัติพิเศษทำให้เกิดการกลายพันธุ์ ทำให้นายเอกกลายเป็นซอมบี้ที่มีสติตื่นรู้ตัวแรกของโลก ร่างกายสัญชาตญาณแข็งแกร่งและเฉียบคมยิ่งกว่าตอนเป็นมนุษย์ที่มีพลังพิเศษซะอีก แถมพอกลายมาเป็นซอมบี้ก็ยังแข็งแกร่งและอยู่เหนือกว่าซอมบี้ทั่วๆ ไปรวมถึงซอมบี้ที่วิวัฒนาการแล้วด้วย (กลายเป็นป๊ะป๋าในหมู่ซอมบี้ไปเลย)

พอมีสติรู้ว่าตนเองยังไม่ตายนายเอกก็เดินทางกลับฐาน(จะไปฆ่าลูกพี่ลูกน้องที่ทำร้ายตัวเอง) แต่พอไปถึงกลับถูกคนในฐานไล่ฆ่าเพราะนึกว่าตนเป็นซอมบี้(ก็เป็นจริงๆ แหละ) อิลูกพี่ลูกน้องก็คอยเป่าหูคนในฐานให้ตามไล่ฆ่านายเอกเพราะกลัวเขาจะมาเอาคืน นายเอกเลยหนีกลับไปที่บ้านไปหาพ่อแม่(ที่เป็นซอมบี้แล้ว) โชคดีที่ตอนที่พ่อแม่เปลี่ยนเป็นซอมบี้นายเอกล็อกประตูบ้านไว้เลยทำให้พ่อแม่ออกไปไหนไม่ได้ พอไม่ได้ออกไปล่าก็ไม่มีอาหาร พ่อแม่เลยตกอยู่ในสภาวะจำศีลมาตลอด

นายเอกเอาต้นโลหิตให้พ่อแม่กิน ซึ่งต้นโลหิตก็คือต้นไม้ที่เติบโตขึ้นมาจากเลือดของนายเอก มีสรรพคุณช่วยซ่อมแซมร่างกายทำให้ซอมบี้ที่กินเข้าไปกลับมามีร่างกาย+เนื้อหนังเหมือนตอนยังไม่ติดเชื้อ และกลับมามีสติตื่นรู้อีกครั้ง...นายเอกช่วยให้พ่อแม่ฟื้นกลับมาเป็นซอมบี้ที่มีสติตื่นรู้เหมือนกับตน จากนั้นก็เปิดคลินิกรักษาซอมบี้ที่สมัครใจอยากกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีกครั้ง ไม่นานก็เริ่มมีซอมบี้ที่นายเอกใช้พลังจิตทำให้รู้สึกตัวทยอยเข้ามาขอให้รักษา พอซอมบี้(ที่ถูกรักษา)เริ่มเยอะขึ้น นายเอกก็เริ่มก่อสร้างเมืองขึ้นใหม่ในดงซอมบี้ 55

คนที่มีคุณสมบัติมีสิทธิ์จะอาศัยอยู่ในเมืองนี้ได้ก็มีเพียงซอมบี้ที่ผ่านการรักษาจากนายเอกแล้วเท่านั้น หรือเรียกอีกอย่างว่าซอมบี้อารยธรรม ภายนอกดูเหมือนคนทั่วไปเพียงแต่ร่างกายจะแข็งแรงและอายุยืนกว่าคนปกติ แถมยังแข็งแกร่งเหมือนพวกซอมบี้ที่วิวัฒนาการแล้วถึงขั้น 3-4 จะต่างกันตรงที่ซอมบี้อารยธรรมของนายเอกจะไม่กินคน เพราะนายเอกไม่อนุญาต ถือเป็นกฏเป็นข้อห้ามสำคัญข้อแรก ให้กินได้แต่เนื้อสัตว์ และเนื่องจากซอมบี้พวกนี้ได้รับการรักษาด้วยต้นโลหิตที่เกิดจากเลือดนายเอกโดยตรง จึงทำให้ซอมบี้อารยธรรมมีสายสัมพันธ์กับนายเอก แบบถ้านายเอกแข็งแกร่งขึ้นซอมบี้พวกนี้ก็จะเก่งขึ้นตาม หรือถ้านายเอกเริ่มกินผักผลไม้หรืออาหารทั่วไปได้ ซอมบี้พวกนี้ก็จะเริ่มกินได้เหมือนกัน ...

ต่อมาชื่อเสียงในการรักษาของนายเอกก็เริ่มดังไปไกลจนทำให้คนข้างนอก(คนที่ถูกซอมบี้กัดกำลังติดเชื้อ) อยากเข้ามารักษาด้วย ซึ่งนายเอกก็รักษาให้หมดขอแค่มีปัญญาจ่ายคริสตัลก็พอ (คริสตัลพวกนี้เป็นคริสตัลพลังงานจะอยู่ในตัวซอมบี้) ใครไม่มีก็ติดเอาไว้ก่อนได้แล้วค่อยหามาคืน แต่ถ้าใครดูทรงแล้วจะเบี้ยวนายเอกก็จะไม่รักษาให้ หรือใครมาทำกร่างข่มขู่จะรักษาฟรี นายเอกก็จะจับโยนเข้าไปในฝูงซอมบี้เลย(เอาเซ่!!)  พอรักษาเสร็จก็ต้องรีบกลับออกไป เพราะนายเอกไม่ให้ใครค้างอยู่ในเมือง(นอกจากซอมบี้เร่ร่อนกับซอมบี้อารยธรรม) ขนาดพระเอกพยายามขอร้อง+ขอต่อรองนั่นนู่นนี่ตั้งมากมายแต่นายเอกก็ยังไม่เคยอนุญาตหรืออ่อนให้เป็นกรณีพิเศษเลย เขาเข้มงวดจริงๆ นะเออ

พระเอก เซียวเหิน เป็นนายทหารถูกส่งออกมาทำภารกิจให้สร้างห้องปฏิการและคุ้มครองนักวิจัยหัวกะทิ พระนายได้เจอกันตอนที่พระเอกกำลังไล่ล่าศพโลหิต(ซอมบี้ที่เกิดจากการวิวัฒนาการจากเลือดของนายเอกนั่นแหละ) ตอนกลุ่มพระเอกกำลังจะแพ้นายเอกออกมาคำราม(ปราม)ศพโลหิต  ทำให้ศพโลหิตหนีไป พวกพระเอกเลยรอดตายและถูกส่งออกจากเมือง จากนั้นพระเอกก็วนเวียนมาที่เมืองของนายเอกอยู่เรื่อยๆ เพราะได้ยินว่านายเอกรักษาคนที่ติดเชื้อได้ นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญของมนุษยชาติ เพราะนักวิจัยที่พระเอกคุ้มครองก็กำลังทดลองเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน พระเอกเลยอยากได้ความร่วมมือจากนายเอก อยากขอต้นโลหิตไปศึกษาเพื่อทำวัคซีน แต่ก็ถูกนายเอกปฏิเสธทุกครั้ง (มันมีเหตุผลอยู่นะต้องลองไปอ่าน) ...

นายเอกเรื่องนี้เป็นซอมบี้แล้ว น้องเลยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนมนุษย์ปกติ เย็นชาเลือดเย็นปราศจาก 7 อารมณ์ 6 ปรารถนา แต่ดีที่ไม่ได้ฆ่าคนมั่วซั่ว จะฆ่าแต่คนชั่วหรือคนที่มาหาเรื่องก่อนเท่านั้น และยังดีที่นายเอกยังกลัวพ่อแม่อยู่ เลยยังพอมีคนปรามๆ ได้55 ถ้าพ่อไม่บอกให้สร้าง+ขยายเมืองให้มันใหญ่ขึ้นนายเอกก็คงไม่ทำ แบบเป็นคนไร้ซึ่งความทะเยอทะยานสุดๆ น้องแค่อยากดูแลเมืองเล็กๆ ของตนเท่านั้น แต่มันไม่ได้ไง ดูจากภัยในภายภาคหน้า(ที่อาจจะเกิด) และจำนวนซอมบี้ที่มารักษาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นายเอกเลยต้องวางแผนใหม่ จะปล่อยชิลไม่ได้และ ต้องขยายเมือง แบ่งหน้าที่ทำให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น ...ส่วนพระเอกทำยังไงนายเอกก็ไม่ยอมให้อยู่ในเมือง คือเข้ามาได้แต่ห้ามค้าง เสร็จธุระแล้วต้องกลับออกไป ได้เข้ามาอยู่นานสุดก็ตอนที่นายเอกกำลังหาครูมาสอนยิงปืนให้ซอมบี้อารยธรรมของตัวเองนั่นแหละ (นายเอกไปขโมยมา55) ตอนแรกนายเอกจะไปหาซอมบี้พี่ชายทหารแต่หาไม่เจอเลยให้พระเอกมาสอนแทน พระเอกเห็นทุกคนหน้านิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์ก็ไม่รู้ว่าที่ตัวเองกำลังสอนๆ อยู่น่ะซอมบี้ทั้งนั้น55

พอคนข้างนอกรู้ว่าเมืองนี้มีหมอที่รักษาผู้ติดเชื้อได้ก็อยากจะขอเข้ามาอยู่ด้วย แต่ก็ถูกนายเอกปฏิเสธไปทุกราย(รวมทั้งพระเอกด้วย55) เพราะข้างในมีแต่ซอมบี้ไงถึงจะหายแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังถือว่ามีเชื้อนะ เพราะถ้าถูกกัดคนก็ติดเชื้อได้เหมือนเก่า อีกอย่าง นายเอกไม่อยากให้ใครรู้เรื่องต้นโลหิตและเรื่องความพิเศษของเลือดตัวเองด้วย เพราะกลัวเดี๋ยวจะมีปัญหาตกเป็นเป้าไล่ล่าของพวกมนุษย์เห็นแก่ตัวบางกลุ่ม เหมือนฐานที่พระเอกอยู่อะ เป็นฐานใหญ่สุดมีคนอาศัยอยู่เกือบ 100 ล้าน มีทหารควบคุมดูแลอยู่และมี 7 ตระกูลใหญ่เป็นผู้นำ แต่ก็ไม่ได้สามัคคีกันเพราะต่างคนก็ต่างอยากขึ้นเป็นผู้นำ(คนเดียว) อยากมีอำนาจสูงสุดในฐาน แต่ยังตกลงกันไม่ได้เลยต้องแยกกันดูแลจะได้คานอำนาจกันไว้ แต่ถ้าหากตระกูลไหนมีวัคซีนหรือหาวัคซีนได้ก่อนก็จะ(ทำให้)มีอำนาจในการต่อรองมากกว่าเขา นี่แหละหนามนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนผลประโยชน์ของตัวเองก็ยังต้องมาก่อนเสมอ...

พอเริ่มขยายเมืองนายเอกก็ไปผูกมิตรกับซอมบี้(ผู้นำ) เมืองใกล้ๆ จากนั้นก็เริ่มมองหาข้าวของสิ่งของต่างๆ ที่จะสามารถนำกลับมาพัฒนาเมืองหรือเป็นประโยชน์กับเมืองได้ อย่างเช่น เฮลิคอปเตอร์ ปืน เมล็ดพืชที่จะเอามาเพาะปลูก พวกซอมบี้นักวิจัย หรือคนที่มีความสามารถในสาขาต่างๆ ที่เก่งๆ แต่กลายเป็นซอมบี้แล้ว นายเอกก็จะออกไปตามหาแล้วช่วยรักษาทำให้กลับมาเหมือนคนปกติ จากนั้นก็พากลับมาทำงานด้วย โดยมีพระเอกคอยช่วยอยู่ข้างๆ ให้คำแนะนำ หลังๆ พระเอกเลยกลายเป็นมันสมองเป็นคนที่นายเอกจะขาดไปไม่ได้อีกแล้ว

นายเอกอย่างเก่ง+ซู(มาก) โหดด้วย อาจดูเหมือนใจดำ แต่เราว่านายเอกเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี(อยู่)นะ ตอนเรื่องซอมบี้นายพล(ซอมบี้วิวัฒนาการระดับ8) นายเอกก็เตือนให้พวกคนธรรมดาหนีไปให้ไกลอย่าสู้เลย เพราะสู้ยังไงก็ไม่ชนะหรอก พวกมนุษย์ก็ไม่อยากหนีเพราะไม่อยากทิ้งฐานที่สร้างขึ้นมา พากันหวังว่านายเอกจะช่วยเพราะเห็นนายเอกควบคุมซอมบี้ได้ แต่ตอนนั้นพลังของนายเอกยังไม่แกร่งเท่าซอมบี้นายพล รู้ว่าสู้ยังไงก็ไม่ชนะ นายเอกเลยปฏิเสธ ทว่าทุกครั้งที่บอกว่าจะไม่ช่วยๆ แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นมือนายเอกอยู่ดี เหมือนใจดำไม่แคร์ใครแต่เราว่าซอมบี้อย่างนายเอกเนี่ยเชื่อถือได้มากกว่ามนุษย์ทั่วไปซะอีกนะ 

ฉากตอนสู้มันดี มีตัวร้ายใหม่ๆ โผล่มาให้ลุ้นเรื่อยๆ มีพวกซอมบี้มนุษย์ที่กินซอมบี้อายธรรม มีซอมบี้สัตว์ แล้วก็ซอมบี้วิวัฒนาการที่จะขึ้นเป็นราชาซอมบี้ด้วยแม่เจ้าาา  ...แต่แน่นวลลลไม่ว่าจะเก่งขนาดไหนสุดท้ายก็ต้องพ่ายให้กับความเทพของนายเอกอยู่ดี55 เพราะหลังๆ น้องจะได้สกิลในการล่วงรู้อนาคตมาด้วย เมพฝุดๆ...ที่ชอบที่สุดก็คือตอนที่คนในครอบครัวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง รู้สึกว่าเราไม่ควรหมดหวัง สักวันแสงสว่างจะต้องส่องมาถึง อะไรก็เกิดขึ้นได้อย่าเพิ่งยอมแพ้☺️

ป.ล. แอบไม่ชอบตอนที่นายเอกบังคับทำให้พระเอกกลายเป็นซอมบี้ 100% เหมือนตัวเองอะ เราชอบพระเอกเวอร์ชั่นลูกผสมมากกว่า ยังดูมีความเป็นมนุษย์และยังคำนึงถึงคนอื่นด้วย แต่พอเปลี่ยนเป็น 100% แล้วคือเลือดเย็น+เย็นชามากๆ ไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อีก จิตใจและสายตาก็จะมีแต่นายเอกคนเดียวเท่านั้น เฮ้อออ