วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

เป็นเช่นข้าสิคืองาม



เป็นเช่นข้าสิคืองาม  / ผู้แต่ง : จิ่วลู่เฟยเซียง
ผู้แปล : อาจือ
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

หลี่หยวนหยวน องค์หญิงแห่งราชวงศ์ถังเพราะร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กบวกกับไม่เป็นที่โปรดปราน จึงทำให้นางถูกส่งไปแต่งงานยังแดนไกล  ขณะที่กำลังเดินทางขบวนของนางก็ถูกลอบโจมตีจนทำให้ต้องหนีตาย และพลาดพลั้งตกหน้าผาพร้อมกับหัวหน้าราชองครักษ์ที่ติดตามอยู่ข้างกายมาตั้งแต่เด็ก เยี่ยนซือเฉิง

ใครจะคิดว่าพอตกหน้าผานอกจากจะไม่ตาย ก็ยังได้ทะลุมิติมาอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ที่แตกต่างจากราชวงศ์ถังลิบลับ พร้อมกับร่างใหม่ที่แปลกตาไม่เหมือนเดิม 
แต่ยังดีที่พวกเขาไม่ได้มาเดี่ยวเพียงคนเดียวแต่มาคู่ จึงทำให้หนทางในการปรับตัว
การใช้ชีวิตอยู่ในโลกใหม่ใบนี้ไม่ยากเย็นเท่าไรนัก  
สิบกว่าปีมานี้คนทั้งคู่ต่างอยู่เคียงข้างกันและกันในฐานะนายกับบ่าวจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา  
ความเคยชินต่างๆ นานารวมถึงสถานะ จึงทำให้มองข้ามและไม่ได้ฉุกคิดถึงความรู้สึกที่แท้จริง...
จนกระทั่งคำว่าสถานะนาย-บ่าวหมดไป พวกเขาถึงได้ตระหนักว่าสายสัมพันธ์นี้แน่นแฟ้นขนาดไหน และการดำรงอยู่ของอีกฝ่ายนั้นก็มีค่ามากแค่ไหนในใจตน

มาแล้วกับอีกหนึ่งผลงานของจิ่วลู่เฟยเซียงที่หลายๆ คนชื่นชอบ และมีสำนักพิมพ์นำมาแปลหลายเรื่องแล้ว  เรื่องนี้ไม่ใช่งานจิ่วลู่แนวเทพเซียนอย่างที่เราเคยได้อ่านกันบ่อยๆ 
และก็ไม่ใช่แนวคนยุคปัจจุบันทะลุมิติไปยุคโบราณด้วย 
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนโบราณ หนึ่งองค์หญิงหนึ่งองครักษ์ที่วิญญาณทะลุมิติมาอยู่ในยุคปัจจุบัน
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าอ่านน่าเก็บและไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ

พระ-นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างของนักศึกษามหาวิทยาลัย 
นางเอกมาอยู่ในร่างของเด็กเรียน สาวอ้วนตุ้ยนุ้ยนามว่า หลี่หยวนหยวน  
ส่วนพระเอกก็อยู่ในร่างของ เยี่ยนซือเฉิง หนุ่มหล่อบ้านรวย แต่นิสัยเกเรอันธพาล 
ไม่ค่อยมีใครอยากคบหา  แม้จะมาอยู่ในยุคสมัยใหม่ที่ทุกคนฐานะเท่าเทียมกัน
แต่พระเอกก็ยังคงติดตามรับใช้นางเอกเสมือนบ่าวรับใช้อยู่เช่นเดิม...
ในสายตาพระเอกมันคือเรื่องปกติธรรมดา ไม่ว่าจะโลกไหนสำหรับพี่แก นางก็คือองค์หญิงเสมอ 
แต่ในสายตาคนนอก...พระเอกนี่มันสามีแห่งชาติ นี่มันแฟนขั้นเทพชัดๆ  
มีแต่คนอิจฉาว่านางเอกทำบุญมาด้วยอะไร 
ทำไมพระเอกถึงได้หลงรักแม่สาวอ้วนจ้ำม่ำได้ถึงขนาดนี้ (ข่อยก็อิจฉานะ55+) ..
ตอนไปทัศนศึกษาต้องเดินขึ้นเขาแต่นางเอกเดินไม่ไหว พี่แกก็แบกแบบไม่แคร์น้ำหนักตัวนางเอกเลย นางเอกอยากลดน้ำหนัก พี่แกก็ไปวิ่งเป็นเพื่อนทุกเย็น  
คอยทำความสะอาดดูแลทุกอย่าง ทำกับข้าว-ล้างจาน ซักผ้า-พับผ้า 
จัดเก็บเสื้อผ้า-ชุดชั้นใน ไปรับ-ไปส่ง ..อยากได้อะไร อยากกินอะไรได้หมด 
จะอ้วน จะผอม จะทำอะไรขอแค่เธอมีความสุขก็พอ  
โอ๊ยๆ แล้วจะไม่ให้คนอื่นอิจฉาตาร้อนได้ยังไงไหว 

แล้วเมื่อพระเอกถูกคนตามจีบนางเอกถึงได้เริ่มรู้ใจตัวเอง ....
ว่านางนั้นมีพระเอกอยู่ในใจมาเนิ่นนานแล้ว 
เมล็ดพันธุ์นี้ถูกฝังอยู่ในหัวใจนางมาตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว เพียงแต่ถูกจารีตประเพณีปิดกั้น 
และเมื่อปราศจากสิ่งเหล่านั้น เมล็ดพันธุ์นี้ถึงได้เติบโตและผลิบานขึ้นมา ...
แต่ๆ ๆ ๆ พระเอกกลับยังไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่การกระทำชัดเจนมาก 
แต่พี่แกก็ยังยึดติดอยู่กับสถานะนาย-บ่าวไม่ยอมก้าวข้ามผ่านไปสักที
ในขณะที่อีกฝ่ายก้าวข้ามไปนานแล้ว  ...
นางเอกนี่ปรับตัวได้ดีมาก แถมยังคอยบอกพระเอกให้ปรับตัวและเลิกสนใจสถานะเดิมได้แล้ว  
แต่เนื่องจากพระเอกมีความเป็นทาสสูงมาก มีความรับผิดชอบในหน้าที่ราชองครักษ์สูง
มันเลยแก้ยากสุดๆ  นางเอกจึงต้องคอยหาทางกระตุ้นและเป็นฝ่ายรุก 
ค่อยๆ ทำให้พระเอกคุ้นชินและมองความรู้สึกของตัวเองออก 
เพราะนางตัดสินใจแล้วว่าจะจับมือคนผู้นี้เดินเคียงข้างกันไปในฐานะสามีภรรยา
ไม่ใช่ในฐานะองค์หญิงกับราชองครักษ์ผู้ภักดีของตน ...

ส่วนพระเอกจะยอมเปิดใจด้วยไหม? 
จะละทิ้งฐานะองครักษ์ไปได้หรือเปล่าก็ต้องไปติดตามกันในเล่มเองนะจ๊า 55+


วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

บัญชาปราบโฉมงาม+โฉมงามสองหน้า




บัญชาปราบโฉมงาม+โฉมงามสองหน้า / ผู้แต่ง : โม่เหยียน
ผู้แปล : พริกหอม
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)



บัญชาปราบโฉมงาม

อูมู่ฉิน ประมุขของหุบเขาหมื่นบุปผา สำนักลึกลับที่ตั้งอยู่ในภูมิประเทศอันตราย
และเต็มไปด้วยค่ายกล นอกจากคนของหุบเขา คนนอกก็มิอาจย่างกรายเข้าใกล้ 
เพราะความลึกลับของที่ตั้งประกอบกับเป็นสำนักที่ทำอะไรตามใจตนเอง  
จึงทำให้หุบเขาหมื่นบุปผาถูกตราหน้าว่าเป็นพรรคมาร 
และทำให้อูมู่ฉินผู้เป็นประมุขของหุบเขา ต้องถูกคนทั่วทั้งยุทธภพตราหน้าว่าเป็นนางมารไปด้วย  เนื่องจากถูกคนตามล่าจึงทำให้อูมู่ฉิน ต้องเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านของ หม่าเฉวียน 
ชายหนุ่มซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดา ใช้ชีวิตด้วยการเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อยังชีพ 
เพราะนิสัยเงียบขรึมไม่ค่อยพูดจาและไม่สุงสิงกับใคร  
จึงทำให้อูมู่ฉินกินอยู่หลับนอนอยู่ที่บ้านของเขาด้วยความสบายใจ 
ยิ่งเขาไม่เอ่ยปากขับไล่ไม่พูดอะไร นางก็ยิ่งได้ใจเข้าออกที่นี่ประหนึ่งบ้านของตัวเอง

ไป่หลี่ซี รัชทายาทของแคว้น เพราะถูกฮองเฮาวางแผนกำจัด 
จึงทำให้เขาต้องแสร้งทำเป็นหายสาบสูญและมาหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้  
ในระหว่างนั้นเขาก็ได้พบกับหญิงสาวแปลกหน้าที่มาขออาศัยอยู่ในบ้านของตน  
ตอนแรกเขาหาได้สนใจนางไม่ แต่ต่อมาเพราะความใสซื่อบวกกับความไร้เดียงสาของนาง 
จึงทำให้เขาค่อยๆ เริ่มรู้สึกดีกับนางและแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน  
คนหนึ่งปักผ้าทำกับข้าวดูแลบ้าน ส่วนอีกคนก็ทำไร่ไถนาเข้าป่าล่าสัตว์หาเงิน 
สองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่าย ทั้งๆ ที่เบื้องหลังต่างเต็มไปด้วยความลับมากมายที่ไม่อาจบอกกล่าว แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริง .....

นางเอกของโม่เหยียนส่วนใหญ่นี่นอกจากจะงามแล้ว ก็ต้องสันทัดเรื่องยาพิษกับวิชาแปลงโฉมด้วยนะ 55+  เรื่องนี้ก็เช่นกันจ้า...มีหมดทั้งรูปโฉมทั้งแปลงโฉม รวมถึงเรื่องยาพิษ
แต่ไม่เก่งอย่างเดียวคือเรื่องวรยุทธ์ ตอนที่เจอกับพระเอกครั้งแรกก็แปลงโฉมอยู่  
พอมาเจอกันในสถานะอื่นพี่แกเลยจำเมียไม่ได้อยู่นาน  
เป็นนางเอกที่จำได้ก่อนและได้รู้ว่าตัวจริงของพระเอกนั้นเป็นใคร+มีฐานะใด  
แล้วก็เข้าใจทันทีว่าคงเอื้อมไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินหรือสถานะก็ล้วนไม่ใช่คนบนเส้นทางเดียวกัน สิ่งที่นางควรทำก็คือต้องตัดใจและไปจากเขา .....
คือต้องบอกก่อนนะว่าพระเอกเรื่องนี้เป็นฮ่องเต้ที่มีสนม-ฮองเฮาตามปกติ 
ไม่ได้รักษาเนื้อรักษาตัวไว้เพื่อนางเอกคนเดียว  ส่วนนางเอกก็ไม่ได้โกรธหรือน้อยใจอะไร 
นางเข้าใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้ฐานะที่แท้จริงของเขาแล้ว ถึงได้เลือกที่จะจากไปตั้งแต่ตอนนั้นเลย..
แต่เรื่องมันก็ไม่ง่ายเมื่อมีคนหนึ่งที่ค้านหัวชนฝา ให้ตายก็ไม่ยอมปล่อยนางไป ...
การไล่ล่าจึงบังเกิด ... พระเอกต้องงัดแผนเด็ดออกมาใช้มากมายเพื่อตามเมียกลับ ...
ขนาดผ่านไป 17-18 ปี  มีสนมนางในมากมายแต่พี่แกก็ยังไม่เลิกตามหานางเอกเลย .. 
( จริงๆ นางเอกเคยตกหลุมพรางแล้วถูกจับได้ทีหนึ่งนะ ถึงได้รู้ว่าจริงๆ สามีนางหาใช่หนุ่มชาวบ้านคนซื่อ เงียบๆ ไม่ค่อยพูดซะเมื่อไร แต่เป็นหมาป่าจอมเผด็จการ เจ้าเล่ห์ เอาแต่ใจต่างหากล่ะ 55+ )

..................................................................................................


โฉมงามสองหน้า

อูอีเสวี่ย ประมุขของหุบเขาหมื่นบุปผา  เนื่องจากหุบเขาหมื่นบุปผาถูกคนทั่วทั้งยุทธภพรวมถึงราชสำนักบุกโจมตีและไล่ล่า  จึงทำให้นางต้องหนีตาย กระทั่งสุดท้ายต้องกัดฟันกระโดดหน้าผาเพื่อเอาตัวรอด  แต่พอกระโดดไปแล้วกลับไม่ตาย แต่ร่างกายดันกลายเป็นเด็กอายุ 6 ขวบแทนนี่สิเออ  
( ล้ำกว่าการแปลงโฉมไปอีก 55+ ) และสิงฟู่อวี่ก็คือตัวต้นเหตุที่ทำให้ร่างกายของนางหดเล็กลง  
ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องแสร้งทำตัวเป็นเด็กและหาทางเข้าใกล้สิงฟู่อวี่ เพื่อดูดพลังวัตรคืนจากเขา

สิงฟู่อวี่  หนึ่งในสามบุรุษรูปงามแห่งยุทธภพ และเป็นราชองครักษ์ขั้นสามแห่งวังหลวง
ที่ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้มาจับกุมประมุขของหุบเขาหมื่นบุปผา หรืออูอีเสวี่ยกลับไป 
แต่จับอีกท่าไหนไม่รู้ ไปๆ มาๆ ถึงได้ตกหลุมรักนางมารน้อยตนนี้เข้าเสียได้

นางเอกเรื่องนี้เป็นลูกของนางเอกในเรื่องบัญชาปราบโฉมงาม ( ถ้าให้แนะนำข่อยว่าควรจะอ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยไปอ่านเรื่องบัญชาปราบโฉมนะคะ ) เพื่อให้นางเอกได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข 
อูมู่ฉินจึงจำใจต้องปิดบังสถานะที่แท้จริงกับนาง  และอบรมเลี้ยงดูบุตรสาวในฐานะอาจารย์แทนฐานะแม่  ส่วนนางเอกก็เติบโตมาอย่างอิสรเสรีจนกระทั่งวันที่อาจารย์จากไปและหุบเขาถูกบุกโจมตี
วิถีชีวิตแบบแครอล ( นางเอกเรื่องคำสาปฟาโรห์ ) จึงได้เริ่มต้นขึ้น55  ...
ครั้งแรกที่ถูกพระเอกจับตัวไปตอนนั้นนางเอกยังไม่รู้ใจตัวเอง พอได้พลังคืนปุ๊บนางก็เลยหนีปั๊บ  
พอหนีไปได้ไม่นานก็ไปถูกพระรองเบอร์หนึ่งจับ และได้รู้สาเหตุที่หุบเขาถูกโจมตีว่ามาจากอะไร 
แล้วพระเอกก็ตามมาช่วยนางไปจากพระรองเบอร์หนึ่งได้ แต่ก็ไปเข้าใจพระเอกผิดอีกจนต้องหนีไป
แล้วก็ไปถูกพระรองเบอร์สองหลอกจับไปอีกแล้ว...โถๆ แครอลไหมล่ะ 55+   
แล้วนางเอกเรื่องนี้ก็เหมือนกับรุ่นแม่เปี๊ยบตรงที่ไม่เก่งวรยุทธ์ สู้ใครเขาไม่ค่อยได้  
ผู้คุมกฎทั้งสี่ของหุบเขาที่ว่าเก่งๆ ก็ไม่เห็นจะมีใครมาช่วยทันสักกะที 
พอถูกจับไปสุดท้ายก็ไม่พ้นพระเอกนี่แหละที่ต้องตามไปช่วยทุกครั้ง  ..


เนื้อหาเบาๆ อ่านได้สบายๆ สไตล์พี่โม่เหยียน .. ถ้าเทียบกันเราว่ารุ่นแม่เนื้อหาเข้มข้นกว่าหน่อย 
พราะพระเอกเป็นฮ่องเต้ที่เรียล ส่วนนางเอกก็เข้าใจเหตุผลเลยไม่ฝืนไม่ยื้อ 
อ่านแล้วรู้สึกสมเหตุสมผลดี ( แต่บางท่านอาจจะไม่ชอบตรงที่พระเอกเมียเยอะก็ได้น๊า ) 
ส่วนรุ่นลูกนี้ออกแนวกุ๊กกิ๊กใสๆ หนีกันไปมา nc น้อยนิดแทบไม่มีผิดกับรุ่นแม่ 55+
ส่วนตอนจบก็รวบรัดจบไวไปนิด


วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 3


ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 3 (5 เล่มจบ) / ผู้แต่ง : อวี่จิ่วฮวา
ผู้แปล : เม่นน้อย
สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1-2 
https://marynlinsbook.blogspot.com/2019/04/1-2.html

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

สินเจ้าสาวของหลี่เมิ่งซีเป็นพยานการแต่งงานของพวกเขา  
หลี่เมิ่งซีนำไปจำนำโดยไม่ลังเล  ทั้งยังจำนำแบบไถ่คืนไม่ได้เช่นนี้  
แสดงว่านางละทิ้งการแต่งงานครั้งนี้โดยไม่ลังเลแล้ว
หากเขาตามหาสินเจ้าสาวเหล่านั้นกลับคืนมาได้  
ไม่แน่อาจทำให้การแต่งงานที่ล้มเหลวนี้กลับมาได้เช่นกัน  เซียวจวิ้นคิดอย่างงมงาย
ไม่ เขาไม่ปล่อยมือเด็ดขาด!  แม้ความหวังนั้นจะริบหรี่มากก็ตาม  
ขอเพียงสามารถเยียวยาวาสนาระหว่างเขากับนางได้ 
เขาจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด .....


หลังจากที่พระเอกเริ่มรู้ใจตัวเองในตอนท้ายๆ เล่ม 2 
มาเล่มนี้พี่แกก็ยิ่งแน่ใจและกระจ่างชัดในความรู้สึกของตัวเอง 
ยิ่งพอได้รู้ว่าแท้จริงนางเอกนั้นเป็นลูกอนุ หาใช่บุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกไม่ 
พี่แกก็ยิ่งเสียใจที่ก่อนหน้านี้หลงเชื่อข่าวลือจนทำร้ายความรู้สึกของนางเอกไปหลายครั้งหลายครา 
แล้วไหนจะกฏของตระกูลเซียวที่ห้ามมิให้ลูกอนุเป็นภรรยาเอกนั้นอีกเล่า 
...โอ๊ยๆ ๆ ปวดใจทำไมมีแต่เรื่อง 55+

แต่เศร้าได้ไม่นานก็ต้องลงใต้ไปทำการค้า แถมยังต้องไปนานถึงหนึ่งปีครึ่งด้วย  
และความที่เริ่มชอบเมียจึงไปเปรยๆ กับเมียว่าเดินทางคราวนี้เดี๋ยวจะเอาภรรยาหรืออนุไปด้วยนะ นางเอกก็ได้จ้าเอาสิ จะเอาอนุคนไหนไปล่ะบอกมาได้เลย ...
พระเอกก็เศร้าเพราะเมียไม่เข้าใจว่าตัวเองอยากให้เมียไปด้วย ไม่ได้จะเอาอนุไปซะหน่อย 55+ ...
ระหว่างที่อยู่ทางใต้ พี่แกก็ส่งของฝากส่งจดหมายกลับมาอยู่เรื่อยๆ
โดยเฉพาะของนางเอกที่ดีกว่าใครเป็นพิเศษ  แต่นางเอกก็ไม่เข้าใจจ้าาา
คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ที่เมียเอกต้องได้ของดีกว่าอนุอยู่แล้ว 55+ ...
เดิมทีคิดว่าจะอยู่นานกว่านั้นหน่อย แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเพราะคิดถึงเมีย 
แล้วเมียก็ดันไม่เคยเขียนจดหมายส่งมาให้เลยสักฉบับ ก็เลยหาเรื่องกลับดีกว่า 55+

เล่มนี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่แต่เรื่องในบ้าน เรื่องรัชทายาทหรือการเมืองที่ดูเหมือนจะดุเดือดในสองเล่มแรกก็แทบไม่ได้กล่าวถึง สงสัยต้องรอให้นางเอกหย่าออกจากบ้านก่อนรึเปล่าถึงจะมีบทกัน  
ก่อนหน้านี้ใครที่เคยเกลียดหรือไม่ชอบพระเอกมาตั้งแต่สองเล่มที่แล้ว 
เล่มนี้ก็จะได้หัวเราะดังๆ ด้วยความสะใจกัน เพราะเล่มนี้พระเอกกินแห้วหนักมากกกก 
ยิ่งได้รู้ว่าที่ผ่านมานางเอกต้องพบเจออะไรมาบ้าง พี่แกก็ยิ่งปวดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
เพราะรู้ว่าเมียคงไม่เอาตัวเองแล้ว เลิกหวังเลิกคิดพึ่งพาตัวเองแล้ว  
มาแก้แค้นเอาคืนคนที่เคยรังแก หรือทำไม่ดีกับเมียไว้ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทันไหม  
มาออกหน้าปกป้องรับทุกอย่างแทนเมียเอาตอนนี้ก็ไม่รู้จะทันหรือเปล่า ...

จริงๆ นางเอกก็เริ่มหวั่นไหวนิดๆ แล้วนะ แต่ก็ยังตัดสินใจขอหย่าอยู่ดี  
เพราะนางรู้ว่าต่อให้พระเอกมีใจรักนางจริง แต่เขาก็ปกป้องนางไม่ได้อยู่ดี 
ครั้งนี้ปกป้องได้แล้วครั้งต่อไปล่ะ ยิ่งในสมัยโบราณที่ยึดถือเรื่องความกตัญญูเป็นสำคัญ 
หากแม่พระเอกยกเรื่องความกตัญญูมาอ้าง แล้วพี่แกจะกล้าขัดหรือ
เพราะพระเอกก็บอกอยู่ว่านั่นคือมารดา ต่อให้มารดาทำผิดจริงพี่แกก็พูดอะไรไม่ได้  
ซึ่งมันขัดกับนิสัยนางเอกที่เป็นคนยุคปัจจุบันไง 
แต่นางก็เข้าใจพระเอกนะ ออกจะสงสารด้วยซ้ำที่ต้องมาแบกรับอะไรแบบนี้ 
แต่ถ้าจะให้ต้องมาทนอยู่แบบนี้ต่อไปอีกนางก็ไม่เอา  พอเรื่องฐานะลูกอนุแตกนางก็เลยขอหย่า
แบบชาตินี้ไม่แต่งงานใหม่อีกแล้วก็ได้ แต่ปล่อยฉันไปเถอะ  ...
พระเอกพอได้ยินเมียพูดแบบนั้นก็ช็อกสิจ๊ะ เคยหลงคิดว่าถ้าเมียมีใจก็ยังสามารถจับมือฝ่าฟันเรื่องนี้ไปด้วยกันได้  แต่เมียดันไม่มีใจไง สิ้นหวังกับพี่แกนานแล้ว มาทำดีด้วยตอนนี้ก็สายไปแล้ว ..
แต่พออ่านๆ ไปก็สงสารพระเอกนะ เพราะถึงจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไป 
แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยมีอำนาจอะไรเท่าไรหรอก  แค่จะลงโทษพ่อบ้านสักคนยังต้องดูเลยว่าเป็นคนของใคร มีใครอยู่เบื้องหลัง กว่าจะลงโทษได้ก็ต้องวางแผนไปกี่ชั้น ไม่ใช่ปุบปับนึกอยากจะลงโทษก็ทำได้เดี๋ยวนั้นเลย พอทำสำเร็จตัวเองก็ยังต้องถูกด่าถูกลงโทษด้วยกฎบ้านอีก ....
เนี่ยเราเลยอยากให้นางเอกหย่าไง อยู่บ้านนี้ไม่มีอะไรดีเลย 
ต้องคอยลุ้นอยู่ทุกวันว่าวันนี้จะโดนอะไรไหม แม่สามีจะหาเรื่องจับผิดอีกหรือเปล่า 
แล้วไหนจะมีลูกพี่ลูกน้องกับบรรดาอนุของพระเอกอีก...วุ่นวายสุดๆ  
ย่าพระเอกที่ดูเหมือนจะดีเหมือนจะเข้าข้างนางเอก แต่เอาจริงๆ ก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองกับวงศ์ตระกูลทั้งนั้น...เฮ้อ
ก็ต้องรอดูว่าพระเอกจะสู้เพื่อนางเอกได้มากแค่ไหน 
ต่อไปจะสามารถกุมอำนาจของตระกูลได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือเปล่า
แต่ตอนนี้ในเมื่อยังทำไม่ได้ก็ปล่อยคนเขาไปก่อนเถอะ 55 

ปล.หลังอ่านจบขอมอบเพลงนี้ให้พระเอกเลย 
" ทำไมไม่ยอมจบ ให้เธอได้คบใคร  เลิกตอแยได้ไหม เธอขอให้ฉันช่วยหยุดสักที
ยิ่งฟังยิ่งสั่น มันเหมือนฉันแย่สิ้นดี  บอกเลิกแล้ว แต่วันนี้กลับทำเหมือนเสียดาย ... "