วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ


天下ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เมิ่งซีสือ

ผู้แปล : เป๋าเป่า

ปก      : 李吉吉

สำนักพิมพ์ Sense Book

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นายเอกเรื่องนี้ทะลุมิติไปอยู่ในสมัยราชวงศ์หมิง ไปอยู่ในร่างของเด็กชายวัย 13 นามว่า จ้าวซู่ บุตรชายที่เกิดจากสาวใช้ซึ่งมีชีวิตสุดแสนจะลำเค็ญ เพราะแม้จะเป็นบุตรชายคนโต แต่เพราะมารดาไม่มีสถานะใดเป็นเพียงสาวใช้ที่ติดตามของภรรยาเอก จึงทำให้สองแม่ลูกต้องใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบากถูกคนในจวนกลั่นแกล้งและดูถูก เพราะเมียเอกพ่อหรือนายหญิงของจวนเกลียดชังคนทั้งคู่สุดๆ (ได้นอนกับเจ้านายไม่พอ ยังตั้งครรภ์ก่อนภรรยาเอก มิหนำซ้ำยังได้ลูกชายอีก แล้วเมียเอกพ่อจะไม่เจ็บแค้นได้อย่างไร แต่จะไปโทษแม่เจ้าของร่างก็ไม่ได้เพราะนางถูกบังคับอะ ไม่ได้เต็มใจหรืออยากร่วมหลับนอนกับสามีของเจ้านายเสียหน่อย เฮ้ออ) ดังนั้นหลังจากที่พ่อตาย สองแม่ลูกจึงถูกขับไล่ออกจากจวนไปทันที ...พอนายเอกได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ เลยตั้งใจว่าจะทำให้ตัวเองและมารดาของเจ้าของร่างนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้จงได้!

เริ่มจากขึ้นเขาเก็บสมุนไพรขาย พอได้เก็บเงินและได้กินอิ่มท้อง แต่สมัยโบราณอะเนาะ ถ้าอยากยกระดับคุณภาพชีวิตและฐานะของตนเองกับครอบครัวไม่ให้ใครมาดูถูกรังแกก็มีหนทางเดียวคือต้องเป็นขุนนางจ้า นายเอกเลยชอบไปแอบฟังเวลาอาจารย์ในสำนักศึกษาของตระกูลสอนหนังสือ แล้ววันหนึ่งก็ถูกจับได้ เลยถูกเขาพูดจาถากถางดูถูก ซึ่งในขณะที่กำลังใช้เหตุผลโต้เถียงกับคนในตระกูลก็บังเอิญมีคน(ขุนนางที่ถูกให้พักราชการ)มาได้ยินเข้าพอดี อีกฝ่ายถูกใจนายเอกเลยขอรับเป็นศิษย์ 

ชีวิตของนายเอกจึงเริ่มดีขึ้น พอได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ก็ไม่ค่อยมีคนกล้ามาดูถูกแล้ว รายรับในบ้านก็เริ่มมีมากขึ้นจนสามารถเปิดร้านขายขนมให้แม่ได้ จากนั้นนายเอกก็สอบผ่านแต่ละสนามมาเรื่อยๆ จนมาถึงสนามสอบสุดท้ายที่เมืองหลวง พวกผู้ใหญ่ในตระกูลเห็นนายเอกมีแววจะรุ่งโรจน์ก็พยายามเข้าหาอยากผูกมิตร เพราะอยากให้นายเอกกับแม่กลับเข้ามาอยู่ในตระกูล (จริงๆ ชวนมานานแล้วแต่นายเอกปฏิเสธ) จนกระทั่งนายเอกสอบได้อันดับสามและมีตำแหน่งติดตัวกลับมา คนในตระกูลก็พยายามไปเจรจาอีกที เพราะในตระกูลตอนนี้ไม่มีใครได้เป็นขุนนางและไม่มีใครโดดเด่นเท่านายเอกเลย ก็เลยอยากให้นายเอกกลับเข้าตระกูลเผื่อวันหน้าเมื่อนายเอกได้ดีจะได้ดูแล+สนับสนุนคนในตระกูลบ้าง นายเอกรู้ว่าวงศ์ตระกูลคือรากฐานสำคัญ ถ้าจัดการไม่ดีก็อาจถูกคนจับผิดแล้วนำไปใช้ฟ้องร้องได้ เลยไม่ได้พูดจาไม่ดีหรือหักหน้าคนที่มาเจรจาเพราะนายเอกก็อยากให้แม่มีฐานะที่ถูกต้องเช่นกัน 

ผู้อาวุโสในตระกูลเลยไปเจรจากับเมียเอกของพ่อนายเอก บอกข้อดีข้อเสียถ้าหากยกฐานะให้แม่นายเอกเป็นอนุอย่างถูกต้อง แต่อีกฝ่ายคือเกลียดแม่นายเอกกับนายเอกเข้าไส้ ต่อให้ตอนนี้นายเอกจะได้ดีมีตำแหน่งขุนนางและเป็นถึงอาจารย์ของท่านอ๋องน้อยแล้วก็ตาม แต่นางก็ไม่สน นางเชื่อว่าเดี๋ยวรอลูกชายนางสอบติดก็จะได้ดีไม่แพ้ลูกของสาวใช้เหมือนกัน ผู้อาวุโสในตระกูลหมดคำจะพูด เลยไปเสนอให้แม่นายเอกแต่งงานกับป้ายวิญญาณของบุรุษในตระกูลที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ยังไร้ทายาทแทน แบบเปลี่ยนสายเลย ยกนายเอกให้เป็นลูกบุญธรรมคนอื่นในตระกูลไปเลย พอนายเอกไปถามความเห็นแม่ แม่ก็ตกลงทันทีเพราะไม่อยากให้ฐานะตัวเองมาเป็นอุปสรรคขัดขวางอาชีพการงานของลูก

แนวการเมือง การสอบเป็นขุนนางและการไต่เต้าในอาชีพการงานของนายเอก การวางแผน+เล่ห์เหลี่ยมของขุนนางในราชสำนัก ตัวละครในเรื่องบางคนก็มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ อย่างฮ่องเต้ว่านลี่ พ่อกับปู่ของฮ่องเต้ว่านลี่ มหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง ขันทีเฝิงเป่า หรือแม่ทัพชีจี้กวง ประมาณนี้ ถ้าใครเคยอ่านลูบคมองครักษ์สวมรอย, หวนคืนอีกคราสู่ห้วงเวลาแสนงาม, หวังทงองครักษ์เสื้อแพร ก็น่าจะพอคุ้นๆ กับชื่อของตัวละครเหล่านี้บ้าง เป็นช่วงที่ราชวงศ์หมิงกำลังเริ่มตกต่ำ ฮ่องเต้ไม่สนใจงานบริหารบ้านเมือง การทหารหย่อนยานอ่อนแอ ต่อมาก็ถูกข้าศึกรุกรานจนล่มสลาย กลายเป็นราชวงศ์ชิงเข้ามาแทนที่ 

...ตอนที่เราอ่านหวังทง ตัวละครที่ทะลุมิติมาจะเป็นองครักษ์เสื้อแพรไปทางสายบู๊ เลยหนักไปที่การออกศึกสู้รบซะมากกว่า ส่วนมหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง ขันทีเฝิงต้าเป่าที่อ่านเจอในตอนนั้นก็อยู่ในช่วงกำลังรุ่งโรจน์ มีอำนาจในมือเต็มเปี่ยม อายุเริ่มเข้าสู่วัยชรากันหมดแล้ว ส่วนฮ่องเต้ว่านลี่ก็อายุ 13-14 นิสัยจึงยากจะเปลี่ยนแล้ว ถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดภายใต้สายตาและการควบคุมของหลี่ไทเฮากับขันทีเฝิงต้าเป่า และมหาอำมาตย์จางผู้เป็นอาจารย์ เลยเติบโตมาแบบโดดเดี่ยว+กดดัน เหมือนเป็นหุ่นเชิดของคนอื่น ไม่มีอำนาจในมือที่แท้จริง ...ไม่เหมือนกับเรื่องนี้ที่ฮ่องเต้ว่านลี่ได้เจอนายเอกตั้งแต่ 4 ขวบ นอกจากมหาอำมาตย์จางก็มีนายเอกเป็นอาจารย์เพิ่มมาอีกคน (นายเอกอายุมากกว่าฮ่องเต้ 13 ปี) นายเอกมาจากยุคปัจจุบัน ดังนั้นวิธีการสอนเลยค่อนข้างจะสบายๆ เปิดกว้าง ไม่เข้มงวด ไม่เน้นท่องจำ บวกกับความอัธยาศัยดี เป็นกันเอง ไม่เข้มงวดไม่ยึดติด ฮ่องเต้เลยชอบเข้าหาและชอบอยู่กับนายเอกมากว่า นายเอกเลยกลายเป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งเพื่อน และเป็นเสมือนบิดาอีกคนของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ว่านลี่ในเรื่องนี้เลยโตมาแบบร่าเริงซุกซน ไม่อมทุกข์ ไม่หลงใหลในสุรานารี ขยัน เอาการเอางาน ง่ายๆ คือไม่เหมือนกับในประวัติศาสตร์อะ

ตอนที่นายเอกเข้ามาเตรียมสอบในเมืองหลวง ตอนนั้นปู่ของพระเอก(ฮ่องเต้ว่านลี่) ยังอยู่บนบัลลังก์ อันนี้ก็ตามประวัติศาสตร์ ปู่ของพระเอกเป็นฮ่องเต้ที่หลงใหลในการบำเพ็ญพรต ชอบหลอมยาอายุวัฒนะ อยากเป็นอมตะ เป็นฮ่องเต้ที่เก่ง+ฉลาดแต่ไม่สนใจเรื่องบริหารบ้านเมือง มุ่งจะเป็นอมตะ วันๆ เอาแต่เก็บตัวเข้าฌาน ปล่อยให้สภาขุนนางจัดการบริหารบ้านเมืองกันเอาเอง ราชสำนักจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของสองพ่อลูกสกุลเหยียน... 

ส่วนนายเอกเพราะบังเอิญได้ช่วยพระเอกในวัย 4 ขวบที่กำลังหลงทางเอาไว้ เลยทำให้ได้ไปมาหาสู่กับฝั่งของอวี้อ๋อง(พ่อของฮ่องเต้ว่านลี่) จึงถูกประทับตราว่าเป็นคนของอวี้อ๋องไปโดยปริยาย แล้วก็ทำให้เกือบชวดไม่ได้สอบหน้าพระที่นั่ง เพราะถูกฝั่งที่จ้องจะกำจัดอวี้อ๋องยัดข้อหาว่าทุจริตในการสอบให้ เลยถูกองครักษ์เสื้อแพรจับไปขัง ถูกทรมานให้รับสารภาพว่าทุจริต เพราะถ้านายเอกยอมรับ คนข้างตัวของอวี้อ๋องก็จะได้ติดร่างแหถูกสอยไปด้วย แต่พอพระเอกในวัย 4 ขวบรู้ว่านายเอกถูกจับเจ้าคุก ก็ไปขอร้องพ่อให้พาตัวเองเข้าวังไปพบปู่ด้วย จากนั้นพระเอกก็ไปช่วยพูด(อ้อน)ขอร้อง จนทำให้ฮ่องเต้ยอมปล่อยนายเอกออกมา

นายเอกได้เป็นขุนนางควบตำแหน่งอาจารย์ของพระเอก จากนั้นพ่อลูกสกุลเหยียนก็ถูกโค่นล้ม สภาขุนนางตกอยู่ในกำมือของสวีเจียผู้เป็นอาจารย์ของมหาอำมาตย์จาง ต่อมาก็มีเรื่องก่อกบฏเพราะปู่ของพระเอกไม่ยอมแต่งตั้งรัชทายาทสักที ท่านอ๋องอีกคนเลยก่อกบฏแต่ก็ไม่สำเร็จ เป็นไปตามประวัติศาสตร์ คนที่จะได้ครองบัลลังก์ต่อจากปู่ก็คือพ่อของพระเอกนั่นแล พอพ่อพระเอกได้เป็นฮ่องเต้ พระเอกก็ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท พอเป็นรัชทายาทแม่ของพระเอกก็จะให้เปลี่ยนอาจารย์ ตอนแรกพระเอกจะไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ถูกนายเอกกล่อมจนต้องยอม ...การเมืองเริ่มระอุ พอหมดพ่อลูกแซ่เหยียนก็เป็นใต้เท้าสวีกับใต้เท้าเกา นายเอกเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เกา รู้ว่าอาจารย์เราใจร้อน ไม่ค่อยฟังใคร พวกก็น้อย อีกหน่อยคงต้องเกิดปัญหาแน่ นายเอกก็เลยขอย้ายไปเป็นขุนนางต่างถิ่น เพื่อเลี่ยงภัยที่อาจพันมาถึงตัวชั่วคราว (แต่ระหว่างที่ไม่อยู่พระนายก็เขียนจดหมายติดต่อหากันอยู่ตลอดนะ) 

ผ่านไปหลายปีบ้านเมืองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อฮ่องเต้สวรรคต นายเอกเลยต้องกลับเมืองหลวงตามคำสั่งเสียของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ที่บอกว่าหากตัวเองจากไปเมื่อไรก็ให้เรียกนายเอกกลับมา เพราะเดี๋ยวจะไม่มีใครคอยช่วยอาจารย์นายเอกคานอำนาจกับใต้เท้าจาง แต่ยังไม่ทันที่นายเอกจะกลับมาถึงอาจารย์ก็ถูกบีบให้ต้องลาออกจากราชการไปเสียแล้ว ...นายเอกกลับมาเป็นหนึ่งในสภาขุนนางควบตำแหน่งเจ้ากรมโยธา รู้ว่าตัวเองพวกน้อยยังสู้เขาไม่ได้แต่นายเอกก็ไม่ซี เพราะจริงๆ อีกฝั่งก็ไม่ได้แย่หรือเลวร้ายอะไรขนาดนั้น นโยบายหลายๆ เรื่องของเขามันก็ดี เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริง ส่วนที่ไม่ดีมันก็มีบ้าง แต่ถ้าเรื่องไหนดีนายเอกก็พร้อมสนับสนุน ถ้าอันไหนไม่ดีก็แค่ค้าน ไม่ใช่ว่าพออยู่กันคนละฝั่งแล้วก็ค้านมันไปเสียทุกเรื่อง 

แต่นายเอกเรื่องนี้มีความคิดคล้ายกับตัวเอกในเรื่องหวังทงองครักษ์เสื้อแพรตรงจุดที่คิดว่าต้องแก้กฏหมายการค้าทางทะเล ราชสำนักต้องเปิดการค้าขายทางทะเล ต้องสร้างกองทัพเรือ และต้องฟื้นฟูกองทัพให้กลับมาเข้มแข็ง เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าตามประวัติศาสตร์ (คิดว่าน่าจะเป็นจุดที่ชนรุ่นหลังเสียใจมากที่สุด ดังนั้นพอใครย้อนกลับไปในช่วงเวลานี้ก็เลยอยากจะแก้ไข อยากพัฒนาเรื่องพวกนี้มากที่สุด) แต่เรื่องนี้นายเอกจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เปลี่ยน ค่อยๆ ปลูกฝัง ค่อยๆ พัฒนาปรับปรุงแก้ไข แต่ของหวังทงนี่จะโหดกว่า เพราะนอกจากจะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง สร้างเรือรบ พัฒนาอาวุธ เปิดการค้าทางทะเลและบลาๆ พี่แกก็ยังออกไปจัดการพวกชนเผ่านอกด่านที่จะมารุกรานซะแทบเหี้ยน จากนั้นก็ขุดรากถอนโคนสังหารว่าที่ปฐมกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ชิงทิ้งไปเลยจ้า ...

มาพูดถึงความรักบ้าง เรื่องนี้พระเอกเป็นฝ่ายชอบนายเอกก่อน แต่ถึงจะรู้ใจตัวเองแล้วแต่พระเอกก็ยังต้องแต่งงานมีลูกตามหน้าที่ของฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้ว่านลี่ในเรื่องนี้ไม่ได้ลุ่มหลงในสุรานารีหรือมีสนมคนโปรดนะ สตรีในวังหลังก็น้อยนิด เพราะพระเอกไม่ชอบใครนอกจากนายเอก พอได้ลูกชายไว้สืบทอดก็จบ พอและ ไม่มีลูกเพิ่มและ ส่วนนายเอกก็แต่งงานมีลูกตามปกติเหมือนกัน แต่งในตอนที่ยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับพระเอก แต่งก่อนที่พระเอกจะเผยความรู้สึก แต่แต่งก็เหมือนไม่ได้แต่งอะ เพราะตัวละครหญิงหรือภรรยาของพระนายแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย ภรรยานายเอกเป็นบุตรอนุตระกูลเฉิน นิสัยขี้ขลาด หัวอ่อน ไม่ชอบเข้าสังคม แต่งมาแทนบุตรสาวภรรยาเอกที่ตายจากไป(บุตรสาวภรรยาเอกเคยหมั้นกับนายเอกมาก่อน) ก่อนแต่งเลยเจอญาติพี่น้องพูดกดดันมาอย่างหนัก เพราะนายเอกอนาคตไกลมีแต่คนอยากแต่งด้วยไง คนในตระกูลเลยยิ่งอิจฉาแล้วชอบมาพูดแดกดันทำให้นางจิตตก หลังคลอดลูกภรรยานายเอกก็ร่างกายทรุดโทรม ป่วยบ่อย นายเอกเลยให้ภรรยากลับไปอยู่กับแม่(ของนายเอก)ที่บ้านเดิม ตอนแรกที่บ้านจะให้นายเอกแต่งอนุเพิ่ม เพื่อจะได้มีคนช่วยดูแลลูก แต่นายเอกไม่อยากแต่งอนุเข้ามาให้วุ่นวาย เลยเอาลูกมาเลี้ยงที่เมืองหลวงเอง

ลูกนายเอกถึงจะเป็นฝาแฝดแต่ก็มีบุคลิกและความชอบแตกต่างกัน ส่วนลูกชายพระเอกเกิดที่หลัง พอเริ่มรู้ความ พระเอกก็ยกลูกให้นายเอกอบรมสั่งสอนให้เป็นลูกศิษย์ของนายเอกอีกคน คือพระเอกจะคิดเผื่อนายเอกเสมอ ตอนที่นายเอกพรรคพวกยังน้อย พระเอกก็ให้นายเอกไปเป็นคนคุมสอบ เพื่อที่นายเอกจะได้กลายเป็นอาจารย์ของคนที่สอบได้ในรุ่นนั้น จะได้มีพรรคพวกไว้ต่อกรกับใต้เท้าจาง และที่ให้นายเอกเป็นอาจารย์ของบุตรชาย ก็เผื่อวันหน้าหากตัวเองจากไปก่อนนายเอกจะได้มีตำแหน่งอาจารย์ของฮ่องเต้คอยปกป้อง ขุนนางในเมืองหลวงส่วนใหญ่คือรู้แหละว่าฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างนายเอก นายเอกมีฮ่องเต้หนุน เวลาเรียกนายเอกฮ่องเต้จะเรียกว่าอาจารย์จ้าวนะ ไม่เหมือนตอนเรียกขุนนางคนอื่นๆ แบบให้ความสนิทสนมกับนายเอกมากกว่าใคร (แต่เวลาอยู่กันสองคนจะเรียก 'ซู่ซู่' 55) ตอนนายเอกลาออกจากราชการเพื่อถอยออกมาหลบภัยชั่วคราว พระเอกก็ให้องครักษ์เสื้อแพรคอยติดตามคุ้มกันนายเอกกลับบ้านไปด้วย(อยู่ยาว นายเอกกลับมาเมื่อไรก็ค่อยกลับ) ตอนแรกคนก็นึกว่าพอลาออกนายเอกจะหมดอำนาจไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้แล้วรึเปล่า แต่พอเห็นองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้นแหละ...หึหึ

ป.ล. สารภาพว่าตอนแรกเรานึกว่านายเอกเป็นพระเอกนะ คือเราดูจากฉากที่ฮ่องเต้ยอมเป็นฝ่ายรับก่อนอะ แต่อ่านไปอ่านมาอืมไม่น่าจะใช่และ 55


📍ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/2g42IQ18bY






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น