วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

น้ำกับไฟ ผลสุดท้ายคือรัก เล่ม 1-2


 น้ำกับไฟ ผลสุดท้ายคือรัก เล่ม 1-2 (6 เล่มจบ) 

ผู้แต่ง : หงจิ่ว

ผู้แปล : สยงเมา

สำนักพิมพ์ With Love


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก ฉู่เชียนเหมี่ยว ผู้ช่วยทนายความสาวสวยน้องใหม่ไฟแรง ที่เคยแอบชอบและส่งจดหมายสารภาพรักกับรุ่นพี่มหา'ลัยที่อยู่คนละคณะ แต่สุดท้ายก็ต้องอกหักดังเป๊าะกลับมา ส่วนพระเอก เหรินเหยียน หรือรุ่นพี่คนนั้นก็บินลัดฟ้าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จนกระทั่งนางเอกเรียนจบและเข้าทำงานในบริษัทกฏหมายทั้งสองคนก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งเพราะบริษัทมีโปรเจ็กต์ที่ต้องทำร่วมกัน คนหนึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ลี่ทงวัยใกล้ 30 ผู้มากประสบกาณ์ ส่วนอีกคนเป็นผู้ช่วยทนายความของสำนักงานทนายความซินเฟิง 

แนวรักในวัยทำงาน สังคมในที่ทำงาน การต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคในโลกของการทำงาน นางเอกเพิ่งอายุ 24 เพิ่งทำงานได้ไม่กี่ปีเอง ประสบการณ์ยังน้อยอยู่ ยังสดใสร่าเริง มองคนมองโลกในแง่ดี มีน้ำใจเข้ากับคนง่าย ส่วนพระเอกคือหล่อเหลาเย็นชาเงียบขรึม พูดน้อย แต่พูดทีมีเจ็บมีสะอึกทำให้คนแทบอยากกระอักเลือดตาย เป็นทั้งรุ่นพี่เป็นทั้งครูของนางเอกก็ว่าได้ ถึงจะดุ พูดแรงพูดตรง แต่ก็พูดตรงประเด็นตรงจุด ถ้าคนจิตแข็งฟังแล้วคงเอาไปพัฒนาปรับปรุงตัวเองและทำให้เกิดประโยชน์ในการทำงานรวมถึงการใช้ชีวิตได้ ส่วนคนจิตอ่อนอาจมีน้ำตาแตกฟังแล้วดิ่ง แทบอยากโบกมือลาตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว55... ดังนั้นต่อให้พระเอกจะดุจะเย็นชายังไง แต่ลูกน้องก็ยังเคารพรักมาก เพราะพี่แกเก่งจริง มีความสามารถจริงๆ ใจกว้าง พึ่งพาได้ และยังมีนิสัยปกป้องคนของตัวเอง

ส่วนนางเอกแม้จะถูกพระเอกดุ+ตำหนิบ้างไรบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยท้อหรือตัดพ้อร้องไห้ใดๆ เน้อ แต่จะเอาสิ่งที่พระเอกพูดหรือตำหนิไปคิดทบทวนว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า หรือเราผิดพลาดจริงไหม? ถ้าจริงต้องแก้ต้องปรับยังไง? คือยิ่งโดนกดดันก็ยิ่งสู้ยิ่งฮึดอะ ล้มแล้วก็รีบลุก ไม่โทษนั่นโทษนี่หรือเอาแต่ซึมเซาจับเจ่าอยู่ที่เดิม จึงยิ่งทำให้พัฒนาตัวเองได้เร็ว พระเอกรวมถึงคนที่ทำงานด้วยเลยชอบนางเอกกันเยอะ เพราะนางพัฒนา+ปรับตัวเก่ง เป็นคนตลก ร่าเริงมีน้ำใจ อยู่ด้วยแล้วไม่เครียดดี 

และถึงนางเอกจะเคยชอบพระเอกมาก่อน(ตอนนี้ก็ยังชอบ) แต่นางก็ไม่เคยเอาเรื่องรักมาปนกับเรื่องงานนะ ก็มีบ้างที่บางทีอาจเผลอมองพระเอกนานไปหน่อย เพราะพี่แกหล่อเหลือเกิน55 ส่วนพระเอกก็เริ่มๆ ชอบนางเอกแล้วเหมือนกัน แต่เหมือนพระเอกจะมีปมบางอย่าง(ปมอะไรไม่รู้ยังไม่เฉลย) เลยต้องพยายามหักห้ามใจตัวเองและเว้นระยะห่างออกมา เพราะพี่แกไม่อยากแต่งงานไม่อยากมีลูก ส่วนนางเอกคือไทป์ที่อยากแต่งอยากมีลูก พระเอกเลยไม่อยากยุ่งไม่อยากถลำใจไปมากกว่านี้(รู้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ) เลยต้องพยายามรักษาระยะห่างและหลบหน้าเขา แต่พอเพื่อนสนิทตัวเองจะจีบนางเอก อิพี่ก็กลับหึง+หวงก้างซะงั้น ไม่ยอมให้เพื่อนจีบ ไม่ยอมให้เพื่อนไปกินข้าวกับนางเอกสองต่อสอง พอได้ยินนางเอกคุยกับแฟนเก่าหรือเวลาเห็นนางเอกอยู่กับแฟนเก่าก็จะหงุดหงิดคิ้วขมวดขึ้นมาทันที ...ปฏิบัติกับนางเอกแตกต่างจากคนอื่น จนลูกน้องและเพื่อนสนิทรวมถึงแฟนเก่าพระเอกยังรู้สึกได้ ...

ทำให้นางเอกเริ่มมีความหวัง ตอนแรกนางเอกเคยตัดใจไปแล้วตั้งแต่ที่ถูกปฏิเสธครั้งแรก แต่พอได้มาทำงานด้วยกันนานวันเข้า แถมพระเอกก็ยังทำเหมือนจะมีใจให้ นางเอกเลยหวั่นไหวและชอบพระเอกอีกครั้ง พอยิ่งได้รู้ว่าแฟนเก่าพระเอกกลับมาจากเมืองนอกแล้ว นางเอกเลยแบบไม่ได้และ ฉันต้องสารภาพรัก! เพราะนางเป็นคนแบบถ้าชอบใครก็จะรุกและสารภาพตรงๆ เลย ถ้าใจตรงกันก็คบ ถ้าไม่ได้ชอบจะได้ตัดใจจบๆ แยกย้าย ...ทว่าสุดท้ายนางก็ถูกเขาปฏิเสธกลับมาอีกครั้ง whyyyyy??? ... นางเอกเสียใจมากกก ตั้งแต่เกิดมาเคยสารภาพรักแค่ 2 ครั้ง แถมยังเป็นคนเดิมทั้ง 2 ครั้ง แล้วก็โดนปฏิเสธกลับมาทั้ง 2 ครั้งจะไม่ให้ Saddd ได้ไง แต่นางก็โอเคไม่ชอบก็ไม่ตื๊อ ถือว่าทำเต็มที่แล้ว แยกย้ายกันแบบสันติสุขอวยพรให้เขามีอนาคตที่ดี หลังจากนั้นนางเอกก็ย้ายออกจากห้องเช่าของพระเอกไปอยู่ที่อื่น แบบตัดจริงๆ พอเจอหน้าก็ทำตัวปกติรักษาระยะห่างอย่างพอเหมาะ ส่วนพระเอกก็เสียใจนะแต่ก็พูดอะไรไม่ได้...

จริงๆ ของนักเขียนท่านนี้เราชอบมาตั้งแต่เรื่องขอโทษทีฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว เป็นแนวความรักในวัยผู้ใหญ่วัยทำงาน ขมปนหวาน มีดราม่าหน่วงๆ ไม่ได้สมหวังราบรื่นง่ายๆ มีอะไรมาให้เราลุ้นตื่นเต้นอยู่เรื่อยๆ ทั้งเรื่องรักเรื่องงาน พูดถึงเรื่องงานแต่ละอาชีพก็พล็อตแน่นจัดเต็มมาก อ่านแล้วได้ความรู้ดี เพราะพระนางต้องมาทำโปรเจ็กต์ร่วมกัน มันก็จะมีเรื่องสัญญา และขั้นตอนต่างๆ ในการที่จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งก็ไม่ง่ายเลย เพราะบางทีต่อให้เราระมัดระวังรอบคอบมากแค่แล้วไหนก็ตาม แต่สุดท้ายก็ใช่ว่าปัญหามันจะไม่เกิดนะ 

อย่างเช่นในเรื่องนี้ กำลังจะสำเร็จอยู่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับมาเจอคนสกัดดาวรุ่งทำให้ต้องหยุดชะงักกลางคันในโค้งสุดท้ายซะได้ แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นถึงวิธีการแก้ปัญหานะ เพิ่งรู้ว่าช่วงบริษัทกำลังจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นี่ไม่ควรมีปัญหาหรือเกิดเรื่องฟ้องร้องกัน ดังนั้นพอเกิดปัญหาพระเอกเลยพยายามเลือกวิธีเจรจาที่จะทำให้เรื่องจบไวและเสียหายน้อยที่สุด (แต่ก็ต้องเป็นแบบถูกต้องและสง่างามด้วยนะ) และถึงเราจะเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ควรโต้กลับโดยการฟ้องกลับ ...

อ่านแล้วได้ข้อคิดในการทำงานรวมถึงการใช้ชีวิตดี ความจริงพระเอกก็พูดถูกเกือบทุกอย่างแหละเพียงแต่อาจจะตรงไปหน่อย แต่ถ้าถามว่าจริงไหม? มันก็จริงแหละ ดีที่นางเอกไม่เคยเปลี่ยน แม้จะถูกคนพลิกลิ้นแว้งกัด เจอเรื่องที่ขัดต่อมโนธรรมของตัวเอง ไม่ว่าต้องเจอกับอุปสรรคแบบใดแต่เธอก็ยังเป็นเธอ ยังคงเป็นคนที่มีน้ำใจและมองโลกในแง่ดีเสมอ ไม่ถูกความโหดร้ายของสังคมและโลกนี้ทำให้แปรเปลี่ยนเป็นคนจิตใจด้านชา แต่มันเพียงทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นและมองโลกได้ชัดเจนมากขึ้น รู้ว่าต้องรับมือกับเรื่องกับคนแบบนี้ยังไง ค่อยๆ เรียนรู้เติบโตไปแต่ยังไม่ทิ้งตัวตนดั้งเดิมของตัวเอง...

ป.ล. ลืมบอกเรื่องนี้ไม่มีแบบรูปเล่มนะคะ มีแต่แบบรายตอนกับ E-book จ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น