ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
เหยียนซี หญิงสาวลุคบอบบางน่ารัก น่าทะนุถนอม แลดูน่าสงสารใครเห็นก็อยากปกป้อง
แต่แท้จริงเธอคือหญิงแกร่ง กล้าพูดกล้าทำ ด่ามาก็สวนกลับ ไม่ต้องรอให้ใครมาปกป้อง..
ผิดกับภาพลักษณ์ภายนอกสุดๆ ส่วนพระเอก หยวนอี้ คุณชายรองตระกูลหยวน
หนุ่มนักธุรกิจรูปหล่อ ลุคแบดบอยท่าทางเหมือนตัวร้าย
ไม่เคยมีแฟนไม่เคยสนใจเรื่องรัก
แถมยังชอบพูดจาจิกกัดไม่ค่อยเข้าหูคน
นึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่มีสามีรุ่นพ่อ (นึกว่านางเอกกับพ่อเป็นสามีภรรยากัน)
ก็เลยถูกนางเอกสวนกลับไปเบาๆ หนึ่งทีจนลืมไม่ลง..หึหึ
พี่แกจึงได้รู้ซึ้งว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ซื่อๆ หงิ๋มๆ เหมือนรูปร่างหน้าตา
ซึ่งไม่ใช่แค่พระเอกเท่านั้นนะที่คิดแบบนั้น แต่ทุกคนที่ได้เห็นนางเอกตอนแรกก็คิดแบบนี้เหมือนกันหมด ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของนางเอกหลอกตากันหมดเลย 55
เพราะเป็นตระกูลเก่าเป็นอันดับหนึ่งของเมือง มีแต่คนอยากเกาะแข้งเกาะขา
ส่วนบ้านนางเอกเป็นเศรษฐีใหม่ นางเอกเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน มีพ่อที่แสนดี
ที่ทั้งรักและทะนุถนอมตัวเองสุดๆ ผลประโยชน์ใดๆ ก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขของลูกสาว
พอดีจบสาขานี้มาแล้วว่างอยู่ เพื่อนพ่อชวนเลยมาทำดู แต่ปรากฏว่าทำได้ดี เริ่มมีคนพากันพูดถึงและสนใจรายการนี้มากขึ้น เรตติ้งก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นกระแสในเวยปั๋ว
นางเอกเลยกลายเป็นขวัญใจของคนสูงอายุ (เพราะรายการนี้ส่วนใหญ่มีแต่คนสูงอายุดู)
จนได้ฉายาว่า ‘มือปราบผู้เฒ่า’ แต่ตอนแรกที่เข้ามาทำงาน คนที่ทำงานเห็นว่าเป็นลูกคุณหนูใช้เส้นเข้ามาจึงไม่ได้คาดหวังอะไร ต่อมาพอรายการเริ่มเปรี้ยง และเห็นว่านางเอกมีความสามารถจริงๆ เลยพากันมองนางเอกใหม่ และให้ความเคารพนับถือจากใจจริง
พระ-นางมักมีเหตุให้บังเอิญเจอกันบ่อย พระเอกจึงสนใจนางเอกขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว
เหมือนเจอมวยถูกคู่ ต่อมาทั้งคู่ก็ขยับจากคนรู้จักจนกลายมาเป็นเพื่อน
แต่พระเอกก็ทำตัวไม่ค่อยเหมือนเพื่อนเท่าไร พฤติกรรมหลายๆ อย่างมันฟ้อง
ขนาดคนสนิทรอบข้างยังมองออก
แต่พี่แกก็ไม่ยอมรับ ปากแข็งมากกก
ส่วนนางเอกทีแรกก็ยังมองพระเอกเป็นแค่เพื่อน
เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่สเปคอีกฝ่าย
และอีกฝ่ายก็ไม่ใช่สเปคของตัวเอง แถมพระเอกยังปากเสียมากใครจะชอบลง 55
แต่เวลามีเรื่องหรือเกิดปัญหาพระเอกกลับโผล่มาอย่างไว
ไม่เคยอิดออด
นางเอกจึงเริ่มรู้สึกดี แต่ก็ไม่กล้ากินหญ้าข้างรังตัวเอง 55
เลยกลายเป็นว่าต่างคนก็ต่างไม่กล้าบอกความในใจ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเห็นตัวเองเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น..
ผลงานของนักเขียนท่านนี้ส่วนใหญ่มาแนวสบายๆ ไม่เครียด
อุปสรรคไม่เยอะ ข้ามไม่ยาก พระเอกสายเปย์ รักเดียวใจเดียว นางเอกก็เป็น working women อยู่ได้ด้วยตัวเอง
รักแบบมีสติไม่ลุ่มหลง เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่พระเอกเรื่องนี้จะแหวกออกมาหน่อยตรงเรื่องนิสัย55+ ไม่ได้มาแนวสุขุม
อ่อนโยน พูดเพราะใจเย็นเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา
แต่อันนี้มาแบบปากร้าย
ชอบจิกกัด ปากไม่ตรงกับใจ กว่าจะตกลงคบเป็นแฟนกันได้ก็เลยลากไปถึงกลางเล่ม 2 เล่มสุดท้ายพอดี 55 (ปากแข็งดีนัก
นางเอกยังตรงกว่าอีก55)
มีปมเรื่องครอบครัวพระเอกที่เราว่าน่าสนใจดี
เหมือนตบหน้าพระเอกนิยายที่ชอบหลงเมียหรือนางเอกเอามากๆ แบบไม่แคร์โลก ไม่สนแม้แต่ลูกตัวเอง
สนแต่นางเอกหรือเมียเท่านั้น
ซึ่งพ่อพระเอกในเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นแหละ
พ่อกับแม่รักกันมากๆ
เห็นคนอื่นกระทั่งลูกตัวเองเป็นส่วนเกิน
แบบรวยไม่ต้องทำไรเองก็จ้างให้คนอื่นเลี้ยงลูก
ไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองกันสองคน
ปรากฏว่าพระเอกเลยโดนพี่เลี้ยงทารุณตอนห้าขวบจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วพอเป็นโรคหวาดผวาอยากให้พ่อกับแม่นอนเป็นเพื่อน
พ่อแม่ก็ไม่ให้นอนด้วย ตอนเข้าโรงพยาบาลเพราะผ่าตัด ก็ไม่เคยโผล่มาดูมาเยี่ยมเลย..
แม่พระเอกก็เหมือนดอกไม้หายากที่อยู่ในเรือนกระจก
ไม่เคยต้องแดดหรือฝน
ฐานะดีมากจะใช้ชีวิตแบบไหนก็ได้ ไม่เคยสนใจอะไร (เหมือนที่ตาพระเอกว่า)
พอโตก็ได้สามีที่รักและตามใจตัวเองมากๆ มีคนคอยปกป้องตลอด
เคยแต่เป็นฝ่ายได้ความรักแต่ไม่เคยเป็นฝ่ายให้
เลยไม่รู้จะให้ความรักกับคนอื่นยังไง
ชีวิตอยู่แต่บนหอคอยหาช้าง พอออกมาจากหอคอยก็ไปไม่เป็นแล้ว
ตอนเด็กๆ พระเอกอยากให้พ่อแม่สนใจ
พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการทำตัวเกเร
ไม่ตั้งใจเรียน แต่งตัวประหลาดๆ แต่ก็ไม่ได้ผล
พออายุ18 เลยเลิกคาดหวัง ไม่สนใจแล้ว
พอเห็นชีวิตรักของพ่อกับแม่เป็นแบบนี้ก็เลยทำให้ไม่อยากจะมีความรัก
พอชอบนางเอกก็เลยลังเลอยู่นาน เพราะกลัวจะมอบครอบครัวที่มีความสุขให้ไม่ได้
พอพระเอกคบกับนางเอก พ่อกับแม่ก็ดันมาคัดค้าน
ขู่ว่าจะตัดออกจากกองมรดกถ้าไม่เลิก พระเอกก็ไม่สน ตัดก็ตัดสิ พอตาของพระเอกรู้ว่าลูกสาวกับลูกเขยทำแบบนั้นก็โกรธ
เลยยกโรงแรมที่มีชื่อเสียงมาร้อยปีของตัวเองให้พระเอก หักหน้าพ่อกับแม่เลย
(ตาเป็นแฟนคลับรายการนางเอก ชอบนางเอกมาก สนับสนุนให้คบกัน)
ชอบตอนตาว่าแม่พระเอกแบบ..เออจริง ตอนนั้นไม่สนไม่ดูแล
มาตอนนี้จะเรียกร้องหรือไปบังคับให้เขาทำตามใจตัวเองได้ยังไง ตัวเองดีพอหรือเปล่า
ถ้าไม่ใช่ก็เอาที่พอเหมาะพอควรเถอะ พอเจอตาว่าตรงๆ ฝ่ายแม่เหมือนจะคิดได้
เริ่มเสียใจแต่ก็ไม่ทันแล้ว
เพราะลูกไม่ได้สนใจหรือคาดหวังแล้ว
มองตัวเองเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น