ลิ่วเหยา เล่ม 1 / ผู้แต่ง : Priest (พีต้า)
ผู้แปล : bou ptrn
สำนักพิมพ์ Rose Publishingผู้แปล : bou ptrn
ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)
พอกล่าวถึงการลงเขา เพียงแค่นึกว่าจะต้องพกสัมภาระเท่าใด
เหยียนเจิงหมิงก็ศีรษะใหญ่เป็นสองเท่า เส้นขี้เกียจทั่วร่างล้วนออกมาปรากฏตัว
ฉุดรั้งฝีเท้าที่วิ่งไปข้างหน้าของเขาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
' ทัศนาจร ' สุดท้ายนายน้อยไตร่ตรองอย่างใจกว้าง
' ใครชอบไปก็ไป ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ไป .. คอขวดก็คอขวด ช่างหัวมันปะไร '
เฉิงเฉียน บุตรคนรองบ้านสกุลเฉิง นิสัยเงียบขรึมพูดน้อย ใจแคบ ชอบวางท่าเลียนแบบปัญญาชน
แม้จะมีบิดามารดาและพี่น้อง แต่สถานะในบ้านกลับเหมือนบริกรหรือไม่ก็ข้ารับใช้ตัวน้อยมากกว่าบุตรชาย ดังนั้นเมื่อรู้ว่าตนเองถูกบิดาขายให้กับผู้อื่นเขาจึงไม่ได้แปลกใจ
และตัดสินใจทันทีว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็จะไม่กลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก
เหยียนเจิงหมิง นายน้อยสกุลเหยียน ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์เอก
บ่อเงินบ่อทองของสำนักฝูเหยา
เพราะการถูกลักพาตัวในวัยเด็ก (ที่พี่แกทะเล่อทะล่าวิ่งหนีออกจากบ้านไปเอง55)
จึงทำให้คุณชายน้อยจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นศิษย์สำนักฝูเหยา
นับแต่นั้นสำนักฝูเหยาที่เคยยากจนข้นแค้นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทองอีกต่อไป 55
แม้จะเป็นถึงศิษย์เอกและศิษย์พี่ใหญ่ แต่เหยียนหมิงเจิงกลับเป็นคนรักสบาย เกลียดความลำบาก
รักสวยรักงามไม่ชอบความสกปรก ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องมีบ่าวรับใช้รุมล้อมอยู่ข้างกายเป็นโขยง
แต่เมื่อถึงคราวลำบาก ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
ศิษย์พี่ที่ดูไม่เอาไหนคนนี้กลับไม่เคยลังเลที่จะยืนอยู่ข้างหน้าและเป็นที่พึ่งพาของทุกคน
หานยวน ศิษย์น้องสี่ อดีตยาจกน้อยที่เก็บตกได้ระหว่างเดินทางกลับสำนัก
นิสัยเกียจคร้าน ช่างคุยขี้ประจบ รักสนุกชอบกินชอบเล่น แต่ถนัดเรื่องการสืบข่าวหาข้อมูล
อยากรู้ข่าวใครเรื่องไหนต้องให้น้องแกไปสืบนะ
หลี่อวิ๋น ศิษย์พี่รอง ความรู้รอบตัวเยอะ ชอบศึกษาทดลองวิชานอกรีต
ดูเหมือนเจ้าเล่ห์มากแผนการแต่หลังจากที่ทำศิษย์น้องสี่หายเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
และกลายเป็นคนที่พึ่งพาได้อีกหนึ่งคน
เวลาศิษย์ใหม่เข้าสำนักสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือไปคารวะปรมาจารย์ก่อนใช่ไหมมม??
แต่สำหรับสำนักฝูเหยาไม่ใช่นะจ๊า ต้องไปคารวะศิษย์พี่ใหญ่ก่อนเด้อ 55
ศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นมากกว่าศิษย์พี่ใหญ่
เพราะนอกจากจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่แล้วก็ยังเป็นศิษย์เอกเปิดขุนเขา เป็นที่พึ่งและเป็นผู้สนับสนุนทางด้านการเงินของสำนักด้วยนะจ๊ะ
แต่ด้วยความเยอะสิ่งของศิษย์พี่ จึงทำให้ศิษย์น้องทั้งหลายพากันชื่นชอบไม่ลง 55
(เยอะขนาดถูกแอบเรียกลับหลังว่า“เจ้าแม่”อะ
55)
เมื่อเป็นเช่นนี้ศิษย์ทั้งสี่หากไม่มีเรียนรวมตอนเช้าก็จะอยู่ใครอยู่มัน ไม่มีการไปมาหาสู่ข้องแวะกัน
โดยเฉพาะนายเอกหรือน้องเฉียนที่ยิ่งไม่อยากจะสุงสิงกับใคร
เพราะนอกจากเด็กรับใช้ ก็ไม่มีใครที่เขาไม่แอบด่าหรือจิกกัดอยู่ในใจเลยสักคนรวมถึงอาจารย์ 55
ทุกๆ วันน้องเฉียนจึงเพียงตั้งใจหมั่นเพียรฝึกฝนวิชา
ทุกๆ วันน้องเฉียนจึงเพียงตั้งใจหมั่นเพียรฝึกฝนวิชา
และแอบทำการบ้านให้ศิษย์พี่ใหญ่ เพื่อแลกกับการเข้าไปอ่านตำราในหอคัมภีร์เท่านั้น..อิอิ
เนื้อเรื่องออกแฟนตาซี เป็นแนวบำเพ็ญเพียรฝึกวิชา มีภูติ ผี ปีศาจ มาร
อยู่ในยุคที่สำนักเซียนกำลังตกต่ำเพราะถูกราชสำนักกวาดล้าง
ผู้บำเพ็ญสำเร็จเป็นเซียนจริงๆ แทบไม่มี และถูกมองว่าเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงมากกว่า
บทบรรยายเยอะแต่อ่านสนุก เนื้อหาแน่น ตอนที่ตลกก็หลุดขำจริงๆ ตอนที่ซึ้งก็น้ำตาคลอเลย
จะมีความความฮาแทรกเข้ามาเป็นพักๆ ถึงจะจริงจังก็ยังฮาได้
เพราะนิสัยของแต่ละคนล้วนแต่มีเอกลักษณ์กันจริงๆ โดยเฉพาะศิษย์พี่ใหญ่55 พ่อนกยูง เจ้าแม่
แถมเป็นคนมั่นใจ ไม่คิดมาก
เพราะคิดอยู่เสมอว่าการเป็นลูกคนรวยของตนนั้นไม่ได้เป็นการทำร้ายหรือขัดขวางใคร เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ต้องรู้สึกผิด..โฮะๆ ๆ
ชอบๆ ๆ ๆ
แถมพี่แกยังเป็นคนไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น
ไม่คิดมากคิดเยอะเหมือนนิสัยด้วยนะ
โดนเขาดูถูกเหยียดหยามทำให้ขายหน้าแต่ก็แค่โกรธ ไม่ได้คิดจะฆ่าจะแกงใคร
ผ่านไปนานวันเข้าก็หายแล้ว
ผิดกับน้องเฉียน(นายเอก)ขานั่นนี่ไม่ได้เลย เก็บสลักจดจำไว้ในใจทุกเม็ด
วันหน้าข้าแข็งแกร่งเมื่อไรพวกแกตายยยยยยย
ช่วงครึ่งหลังเนื้อเรื่องเริ่มจริงจัง ค่อยๆ เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเข้าโหมดซับซ้อน
ความลับเบื้องหลังในอดีตก็ต่างค่อยๆ ทยอยเปิดเผยออกมา
มีเหตุการณ์ที่ทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ดูเหมือนจะแตกแยกขาดความปรองดอง เริ่มผูกพันรู้ใจกันมากขึ้น และยังได้ศิษย์น้องหญิงเล็กที่เป็นครึ่งมารครึ่งคนเพิ่มมาอีกหนึ่ง
ชอบตอนบรรยายวิธีเลี้ยงศิษย์น้องหญิงของแต่ละคนมาก แบบว่าตลกอะ
บ่งบอกนิสัยของแต่ละคนได้เป็นอย่างดีเลย
อย่างศิษย์พี่ใหญ่นี่รวยไม่เลี้ยงเองอยู่แล้ว ยกให้บ่าวรับใช้ไปจัดการดูแลแทน
ศิษย์พี่รองเห็นศิษย์น้องเดินลำบากก็หวังดี เลยเปลี่ยนศิษย์น้องให้กลายเป็นคางคกซะ!
ศิษย์พี่สามไม่เคยสนใจอะไรนอกจากอ่านหนังสือกับทำการบ้าน ต้องกินข้าวเอง เล่นกับตัวเอง
ศิษย์พี่รองเห็นศิษย์น้องเดินลำบากก็หวังดี เลยเปลี่ยนศิษย์น้องให้กลายเป็นคางคกซะ!
ศิษย์พี่สามไม่เคยสนใจอะไรนอกจากอ่านหนังสือกับทำการบ้าน ต้องกินข้าวเอง เล่นกับตัวเอง
หากร้องไห้ก็ต้องหยุดเอง(ไม่มีใครปลอบ) ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
ส่วนศิษย์น้องสี่รักสนุกเหมือนเด็กน้อย
ชอบพาไปคลุกดินคลุกฝุ่นจนสกปรกมอมแมม ชอบแย่งอาหารน้องกิน สุดท้ายจบที่อาจารย์ทนไม่ไหวเอามาเลี้ยงเอง 55
แต่จุดหักเหจุดพลิกผัน ที่ทำให้เหล่าแก๊งฝูเหยาพร้อมใจกันเติบโต
และเปลี่ยนแปลงกันอย่างรวดเร็วจริงๆ ก็คือ การเดินทางไปยังเกาะมังกรเขียว
และเปลี่ยนแปลงกันอย่างรวดเร็วจริงๆ ก็คือ การเดินทางไปยังเกาะมังกรเขียว
ศิษย์พี่ใหญ่ต้องกลายเป็นเจ้าสำนัก ต้องเผชิญกับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากผู้คน
พอไม่มีอาจารย์ก็เหมือนแมลงวันไร้หัว ไร้ที่พึ่งพิง กลายเป็นเป้าถูกรุมรังแก
ทุกคนจึงเสมือนถูกบีบให้ต้องรีบโต
จากเด็กขี้เกียจทำอะไรตามใจ จึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขยัน
อดทน สุขุมมากยิ่งขึ้น ค่อยๆ เก่งค่อยๆ เติบโต
ประคับประคองพึ่งพากันและกันไป
เพื่อรักษาชีวิตและสำนักเอาไว้ จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาแข็งแกร่งและสามารถยืนหยัดกันเองได้โดยไม่มีใครหน้าไหนกล้าดูถูกหรือรังแกอีก
แม้จะเจอกับเรื่องร้ายๆ แต่ก็ยังมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ นั่นก็คือทำให้เหล่าแก๊งฝูเหยาทั้ง 5 เปลี่ยนจากศิษย์ร่วมสำนักธรรมดา กลายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน
ศิษย์พี่ใหญ่ก็เริ่มเป็นศิษย์พี่ใหญ่จริงๆ เริ่มพึ่งพาได้แม้จะยังไม่เก่งมากแต่ก็พร้อมปกป้องดูแลทุกคน
ศิษย์พี่รองก็กลายเป็นผู้ช่วย เป็นที่ปรึกษา เป็นตัวไกล่เกลี่ยของสำนัก
ศิษย์น้องสามจากที่ขยันอยู่แล้วก็ยิ่งขยันๆ ๆ ๆ ยิ่งกว่าเดิม ไม่ชอบพูดแต่แสดงออกด้วยการกระทำ
คอยแอบปกป้องทุกคนอยู่ข้างหลังแบบลับๆ ส่วนศิษย์น้องสี่นี่ตัวฮาน่าจะเป็นสายลับมากกว่าผู้บำเพ็ญเพียรนะ 55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น