วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

มหัศจรรย์รักนายนกกระจอกเทศ 4 เล่มจบ




มหัศจรรย์รักนายนกกระจอกเทศ  4 เล่มจบ  / ผู้แต่ง หานเยียน

ผู้แปล เส้าเหวิน
สำนักพิมพ์ Siam Inter Book

ฉันหวังว่าคนคนนั้นจะเป็นเธอ แต่ก็ไม่คิดว่าต้องเป็นเธอ
เพราะชีวิตคนเรามีตัวแปรมากเกินไป  แค่ผีเสื้อในป่าร้อนชื้นที่อเมริกาใต้
เพียงสะบัดปีกไม่กี่ครั้ง ก็ทำให้เกิดทอร์นาโดในเท็กซัสยาวนานถึงสองสัปดาห์
ดังนั้นฉันอยากบอกเธอว่า ...ฉันไม่ดึงดันต้องรั้งเธอไว้ข้างกายให้ได้แน่นอน


ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

กู้หมิงซี หนุ่มน้อยผิวขาวรูปหล่อ หัวดี ฉลาดเฉลียว แต่เพราะอุบัติเหตุเมื่อตอนอายุ 6 ขวบ จึงทำให้ต้องถูกตัดแขนทั้งสองข้างทิ้งไป เขาร้องไห้ฟูมฟายต้องการแขนคืน แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจยอมรับความจริง และนับแต่นั้นทุกสิ่งที่เคยทำด้วยสองมือก็ต้องเปลี่ยนไปใช้สองเท้าแทน  ท่ามกลางความสงสารและสายตาเวทนาจากคนรอบข้าง แต่กลับมีเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่เคยสนใจและมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นเลย

ผังเชี่ยน สาวน้อยตัวอวบอ้วน ในชีวิตไม่เคยสนใจสิ่งใดนอกจากกินกับเล่น ไม่ได้ฉลาดเท่ากับเด็กหนุ่มบ้านข้างๆ แต่เพราะความพิการของอีกฝ่าย (ที่เธอก็มีส่วน) จึงทำให้เธอต้องกลายเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ และเรียนอยู่ห้องเดียวกันกับเขาตั้งแต่ประถมจนถึงม.ปลาย  ที่ไหนมีกู้หมิงซีที่นั่นก็มักจะมีผังเชี่ยนปรากฏตัวอยู่ข้างกายคล้ายเป็นเงาของกันและกัน
ไม่มีใครรู้ใจเขาเท่าเธอ และไม่มีใครเข้าใจเธอเท่ากับเขาอีกแล้ว 
ทั้งคู่อยู่บ้านข้างๆ กัน อยู่โรงเรียนเดียวกัน ไป-กลับพร้อมกัน และนั่งเรียนอยู่ข้างกันเสมอมา 
จะสุขหรือเศร้า ดีใจหรือว่าเสียใจ ทุกช่วงเวลาในชีวิตของพวกเขาต่างก็มีกันและกันเสมอ  
ไม่ว่าใครก็รู้ว่านายนกกระจอกเทศชอบนางสาวปู....
แต่นายนกกระจอกเทศกลับเป็นคนเดียวที่รู้ว่านางสาวปูชอบใคร ...

นี่คือเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเยาว์ แต่เพราะฝ่ายหนึ่งต้องสูญเสียแขนไปทั้งสองข้าง ใครต่อใครจึงมองข้ามข้อดีในตัวเขาไปซะเกือบหมดและเห็นแต่เพียงข้อด้อย แต่เขาก็ไม่ใส่ใจเพราะโลกใบนี้ยังมีคนๆ หนึ่งที่ไม่เคยสนใจเลยสักนิดว่าเขาจะมีแขนหรือไม่มี  พระเอกเรื่องนี้ดีงามเป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ ในเมื่อใช้มือไม่ได้ก็ฝึกเปลี่ยนมาใช้เท้าทำทุกอย่างแทนมือ แต่แน่นอนว่ามันก็มีบางเรื่องที่ใช้เท้าทำแทนไม่ได้ ก็ต้องขอให้คนอื่นช่วยบ้าง แต่หากไม่ใช่เรื่องส่วนตัวจริงๆ ก็เป็นนางเอกนี่แหละที่ทำให้  สำหรับนางเอกนี่เป็นความเคยชิน เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องขอร้องหรือเอ่ยปากบอกนางก็ทำให้เอง  อย่างเวลากินอะไร นางก็จะป้อนให้พระเอกกินด้วย เวลาพระเอกเหงื่อไหลก็เช็ดให้ จัดเสื้อผ้า+ใส่รองเท้าให้ ตัดเล็บเท้า+นวดเท้าอีกมากมาย เป็นเหมือนแขนของเขาไปโดยปริยาย เป็นไปโดยธรรมชาติมาจากจิตใต้สำนึกเหมือนเรื่องปกติธรรมดา ส่วนพระเอกก็ยอมรับสิ่งเหล่านี้จากนางเอกเพียงคนเดียวเท่านั้น  ไม่ใช่ว่าไม่มีคนอื่นอยากทำให้ แน่นอนว่ามีเพราะพระเอกก็เสน่ห์แรงมีสาวๆ มาชอบไม่น้อยเลย หล่อที่สุดในโรงเรียนแถมยังฉลาดนิสัยดีขนาดนี้ใครจะไม่สน  แต่พระเอกกลับไม่แลไม่ยอมให้ใครทำเรื่องพวกนี้ให้นอกจากนางสาวปูของพี่แกคนเดียวเท่านั้น อิอิ

ตอนแรกด้วยความที่ยังเด็ก นางเอกก็จะมีนิสัยเอาแต่ใจและปากไม่ค่อยดีไปบ้าง เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะพลาดทำให้พระเอกเสียใจ แต่ทุกครั้งพระเอกก็มักจะให้อภัยและตอบกลับด้วยรอยยิ้มเสมอ (จริงๆ ไม่ใช่เฉพาะกับนางเอกนะ แต่เป็นแบบนี้กับทุกคนเลย) เอาจริงๆ เราว่าพระเอกก็พอใจที่นางเอกเป็นแบบนี้แหละ เอาแต่ใจดื้อรั้นบ้าง ชอบเอะอะโวยวาย แต่ไม่ปฏิบัติกับพี่แกด้วยมารยาท หรือคอยระแวดระวังไปซะทุกอย่างเพียงเพราะเขาเป็นคนพิการ จึงทำให้พระเอกสบายใจและชอบที่ได้อยู่ใกล้ๆ นางเอก แต่เมื่อเริ่มโตและได้เห็นโลกมากขึ้น พระเอกถึงได้เข้าใจว่าโลกภายนอกที่แท้จริงสำหรับเขานั้นมันไม่ง่ายเลย และบางเรื่องก็ไม่ใช่ขอแค่พยายามแล้วทุกอย่างจะดี แต่พระเอกก็ไม่โกรธ ไม่โทษใคร .. 
เขาไม่โกรธที่พ่อไม่สามารถก้าวข้ามความพิการของตนเองได้และเลือกที่จะไปมีครอบครัวใหม่  
เขาไม่โกรธที่แม่นางเอกอยากให้ลูกสาวได้แต่งงานกับคนดีๆ ที่มีพร้อมและมีร่างกายครบ 32 เหมือนคนปกติทั่วไป เขาไม่โกรธที่แม้ตัวเองจะฉลาดทำคะแนนสอบได้สูงแต่ก็ยังถูกมหาวิทยาลัยและโรงเรียนหลายแห่งปฏิเสธ  เขาไม่โกรธที่เด็กสาวที่เขาชอบไม่ได้ชอบเขา และยินดีจากไปด้วยความเต็มใจเสมอ ..เขาไม่เคยโกรธใคร แต่เขาแค่เหนื่อยแล้วจริงๆ

นางเอกก็เหมือนเด็กสาวทั่วๆ ไปที่มี puppy love เฝ้าฝันถึงเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่ดันหลงลืมของดีที่อยู่ข้างๆ ตัวไปเพราะความเคยชิน กว่าจะรู้ตัวพอหันมาอีกทีอีกฝ่ายก็หายไปในทะเลผู้คนซะแล้ว แม้ได้ทำตามความฝันแต่กลับต้องทำของสำคัญหล่นหาย ลึกๆ ในใจของนางเอกจึงไม่มีความสุขเลย ต่อหน้าผู้คนแม้นยังคงแย้มยิ้มหัวเราะแต่ในใจกลับคอยสอดส่องมองหาของชิ้นนั้นอยู่ตลอดเวลา แม้จะผ่านมานานหลายปีก็ไม่เคยยอมแพ้ จนได้มาเจอหนังสือเล่มหนึ่งที่ทำให้เธอได้กลับมาพบหัวใจตัวเองอีกครั้ง นี่จึงไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวแต่คือการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของเขาและเธอ ...

เราชอบเรื่องนี้มากกกกเป็นอีกเรื่องที่ชอบมากๆ ของปีนี้เลย ไม่ได้อ่านอะไรที่ทำให้น้ำตาซึมตลอดทั้งเรื่องแบบนี้มานานแล้ว มีครบทุกรสจริงๆ เรื่องนี้ กู้หมิงซีกับผังเชี่ยนเกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ สุดท้ายกาลเวลาก็ทำลายสายสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ ห่างกันไปนานหลายปีมาเจอหน้ากันครั้งแรกก็ต่อกันติดแล้ว จริงๆ เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้นางเอกด้วยที่เป็นคนสบายๆ ไม่คิดอะไรมาก ไม่เคยสนใจเรื่องความพิการของพระเอก พระเอกไม่มีแขนเธอก็จะเป็นแขนให้เขาเอง ตั้งแต่เล็กปฏิบัติกับพระเอกแบบไหนโตมาก็ยังเป็นแบบนั้น เป็นเด็กสาวตัวอ้วนที่ชอบร้องไห้เอะอะโวยวายเหมือนเดิม เป็นคนที่พระเอกเชื่อใจและเข้าใจเขามากที่สุด ...พระเอกตอนที่ไม่มีนางเอกอยู่ก็เหมือนกับปลาขาดน้ำ ชีวิตอับเฉาซึมเซาไปหมด แต่พอนางเอกกลับมาก็เหมือนโลกทั้งใบได้เจอแสงอาทิตย์อีกครั้ง ยิ้มแย้มมีความสุข ไม่ใช่แค่ดวงตาที่ยิ้ม แต่หัวใจทั้งดวงก็ยิ้มตามไปด้วย ไม่ว่าใครก็สัมผัสได้
ดีที่เรื่องนี้ไม่ใช่มีดราม่าเจออุปสรรคมาทั้งเรื่องแล้วก็ค่อยมาแฮ้ปปี้เอา 2-3 หน้าสุดท้าย หรือสองบรรทัดท้ายๆ แล้วจบเลย  แต่นี่คือยังได้อ่านเรื่องราวหลังจากกลับมาเจอกันแล้วต่ออีก 1 เล่มกว่าๆ เลย จุใจมาก อิ่มเอมใจสุดๆ  บ้านนางเอกก็น่ารักมาก ผิดกลับฝั่งบ้านพระเอกลิบลับ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะพระเอกไม่ใช่เด็กอีกแล้ว ตอนนี้เขามีบ้านมีครอบครัวที่อบอุ่นของตัวเองให้กลับไปหาแล้ว ...

ปล.เข้าใจแม่นางเอกที่อยากให้ลูกสาวได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดใจยอมรับพระเอก ถึงจะปากร้ายแต่คุณแม่ก็จริงใจนะ ชอบตอนตอกกลับพ่อพระเอกสาแก่ใจเราจริงๆ ...หึหึ

ปล. ส่วนพ่อนางเอกก็ดีมากๆ เพราะลูกสาวของตัวเองก็มีส่วนทำให้พระเอกกลายเป็นแบบนี้ ดังนั้นเมื่อไรที่พระเอกต้องเปลี่ยนโรงเรียนใหม่ เขาก็จะเป็นคนไปวัดขนาดโต๊ะและสั่งทำโต๊ะเรียนมาให้พระเอกทุกครั้ง เมื่อพระเอกอยากขี่จักรยานไปโรงเรียน เขาก็ยินดีเอาจักรยานไปปรับแต่งให้พระเอกขี่ได้ เขาเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของพระเอก ในขณะที่พ่อแท้ๆ ของพระเอกจนแล้วจนรอดก็ยังไม่อาจก้าวข้ามปมในใจเรื่องที่ลูกพิการไปได้เลย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น