วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1-3

 

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1-3 (7 เล่มจบ)
ผู้แต่ง : 
กวนซินเจ๋อล่วน
ผู้แปล : ถังเจวียน
สำนักพิมพ์ แจ่มใส 

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

เรื่องราวดำเนินอยู่ในช่วงกลียุค บ้านเมืองวุ่นวายไม่เป็นปึกแผ่นมีโจรผู้ร้ายชุกชุม แค่มีหรือรวมกลุ่มกำลังพลกันได้ก็สามารถตั้งตัวเป็นใหญ่หรือเป็นฮ่องเต้ได้แล้ว ประชาชนอดอยากไม่มีจะกิน ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง จับกลุ่มกันคอยเฝ้าระวังเพื่อปกป้องคนในครอบครัวและบ้านเกิดจากโจรผู้ร้ายที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด มีตระกูลมากมายที่ถูกฆ่าล้างและต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เป็นยุคสมัยที่ยังไม่มีระบบการจัดสอบเข้ารับราชการ แต่จะเลือกคนมาเป็นขุนนางจากความประพฤติ ความสามารถ และความดีความชอบ ไม่ว่าจะพ่อค้าหรือชาวนาก็มีโอกาสเข้ามาเป็นขุนนางรับราชการได้หมด

นางเอก อวี๋ไฉ่หลิง หญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่มีความฝันอยากเป็นมาเฟียหญิง อดีตอันธพาลน้อยกลับใจที่ตายแล้ววิญญาณทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ เฉิงเซ่าซาง บุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพเฉิง เฉิงสื่อ บุรุษที่คลั่งรักภรรยาและอยากตามใจลูกสาวมากก เดิมบ้านพ่อนางเอกเองก็เป็นชาวนาอยู่ในชนบท ส่วนแม่เป็นบุตรสาวของคหบดีที่มั่งคั่งและมีชื่อที่สุดในตำบล ไม่ได้เป็นตระกูลผู้ดีมีชื่อเก่าแก่แต่อย่างใด แต่เพราะบ้านเมืองในตอนนั้นกำลังไม่สงบสุข พ่อแม่นางเอกเลยต้องรวมกลุ่มคนเพื่อลุกขึ้นมาปกป้องบ้านเกิดและเลือกติดตามผู้มีความสามารถมีคุณธรรม ซึ่งสุดท้ายเจ้านายที่เลือกก็ฝ่าฟันจนสามารถรวบรวมแผ่นดินและตั้งตนเป็นฮ่องเต้ได้ บ้านนางเอกจึงได้ผงาดข้ามขั้นมีหน้ามีตาขึ้นมา ส่วนพ่อก็ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นฉวี่หลิงโหว...

เล่มแรกจะปูเรื่องความสัมพันธ์ในบ้านนางเอกก่อน คือร่างที่นางเอกมาอยู่เนี่ย เดิมเป็นคุณหนูที่มีนิสัยและชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะคนที่ดูแลหรืออาสะใภ้รองจงใจอยากเลี้ยงให้เสียคน ...เนื่องจากอาสะใภ้เกลียดแม่นางเอกมาก ในตอนที่แม่นางเอกจะติดตามพ่อไปรบ อาสะใภ้ไม่อยากให้แม่นางเอกไป เลยหาคนมาทำนายจนทำให้แม่นางเอกต้องทิ้งลูกสาวหรือเจ้าของร่างนี้เอาไว้ที่บ้านในเมืองหลวงคนเดียว ...แล้วพอจะส่งคนมารับลูก อิอาสะใภ้ก็ไม่ยอมให้ไปอีก หาเรื่องมาขัดขวางทำให้เขาต้องแยกจากลูกไปเป็นสิบปี แล้ววันหนึ่งอาสะใภ้ก็เผลอลงโทษเจ้าของร่างนี้จนป่วยตาย นางเอกจึงได้มาอยู่ในร่างนี้แทน

นางเอกไม่มีความทรงจำเดิมของร่างนี้ติดตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของร่างนี้มีพ่อแม่ไหม ไม่กล้าถาม กลัวถูกจับได้...แต่เราว่าก็โชคดีนะที่เจ้าของร่างเดิมไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ไม่งั้นนางเอกต้องถูกจับได้แน่ๆ ว่าไม่ใช่ลูกเขา เพราะพ่อแม่นางเอกฉลาดมาก โดยเฉพาะแม่เซ้นส์แรงสุด 

หลังจากนั้นไม่นานพ่อแม่นางเอกรวมถึงพี่ใหญ่ พี่รอง พี่สามที่เป็นฝาแฝดกัน และน้องชายคนเล็กก็เดินทางกลับมาก่อนกำหนด ...พอมาถึง พ่อแม่นางเอกก็คิดบัญชีกับอาสะใภ้รองก่อนเลย คือพ่อนางเอกเนี่ยมีน้องชายสองคน พ่อเป็นลูกชายคนโต มีความจำเป็นต้องออกจากบ้านไปเพื่ออนาคตของคนในครอบครัว ส่วนน้องชายคนรองรักเรียนมาก แต่ไม่อาจขึ้นเขาไปกราบอาจารย์ได้ เพราะในช่วงกลียุคต้องมีบุรุษคนหนึ่งอยู่ดูแลบ้าน เลยให้น้องชายคนเล็กไปเรียนแทน แต่พออยู่บ้านน้องคนรองกลับถูกภรรยาดูถูกต่อว่าสารพัด จนแทบจะสูญสิ้นปณิธาน แม่แท้ๆ ก็เมินไม่สนใจไม่เห็นหัว เพราะลูกสะใภ้คนรองมีประโยชน์เลยทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำ เหมือนให้ท้ายอยู่กรายๆ ปล่อยให้ลูกสะใภ้ทำตามอำเภอใจ พูดจาข่มเหงสามี เลี้ยงลูกพี่ชายแบบผิดๆ ส่งลูกสาวแท้ๆ ของตนกลับไปให้บ้านเดิมเลี้ยงดู ฮุบของที่แม่นางเอกส่งกลับมา เป่าหูอะไรแม่สามีก็เชื่อ...พอจัดการเรื่องอาสะใภ้รองเสร็จ พ่อนางเอกเลยส่งน้องคนรองไปเรียนตามความฝันเดิม เพราะสำหรับพ่อแม่นางเอก น้องคนรองนี่แหละคือคนที่เสียสละมากที่สุด ...

แต่ถึงอาสะใภ้รองจะนิสัยไม่ดี แต่กลับมีลูกสาวที่แสนซื่อขี้กลัวและจิตใจดีคนหนึ่ง พอขับอาสะใภ้รองออกไป แม่นางเอกก็สงสารหลานสาวแสนดี กลัวนางจะถูกรังแกหรือได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจ เลยพยายามตั้งใจดูแลหลานสาวคนนี้อย่างดีประหนึ่งลูกสาวแท้ๆ ส่วนลูกแท้ๆ ก็กลายเป็นหลานสาวแทน(สินะ) จนวันหนึ่งก็เกิดเหตุทะเลาะกันเพราะเรื่องโต๊ะ จุนแม่ไม่ถามไถ่ให้กระจ่างก็เรียกนางเอกที่เป็นลูกแท้ๆ มาต่อว่าทันที เพราะมีอคติบางอย่างอยู่ก่อน จึงปักใจเชื่อไปตามนั้นแล้วว่านางเอกเป็นคนผิดชัวร์ แม้แต่พวกพี่ชายยังรับไม่ได้ ต้องพากันมาช่วยพูดแทนน้อง ยอมขัดใจแม่เพื่อช่วยน้องกันสุดฤทธิ์ ...หลังจบเรื่องนี้แม้นางเอกจะทำตัวปกติ แต่แม่ก็สัมผัสได้ว่าลูกสาวไม่ต้องการแม่อีกต่อไป มีอะไรก็คิดเองทำเองไม่เคยปรึกษาแม่ จะไปทางพ่อกับพี่ชายมากกว่า คือเอ็นดูนางเอกนะในใจจะเรียกพ่อว่า 'ท่านพ่อเฉิง' ทุกคำ แต่กลับเรียกแม่ว่า 'หัวหน้าเซียว' เนี่ยไม่บอกก็รู้ว่าสนิทใจกับใครมากกว่า...

แต่พี่สาวลูกอาเป็นคนดีนะ ดีมากๆ ไม่มีดราม่าอะไร คือพี่ก็ละอายใจรู้สึกผิดต่อสิ่งที่แม่ตัวเองทำ ก่อนหน้านี้ก็ถูกส่งไปอยู่ที่อื่นมาด้วยเลยไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเจ้าของร่างเก่าที่นางเอกมาอยู่...หลังจบเรื่องโต๊ะไปๆ มาๆ นางเอกกับพี่สาวก็เริ่มสนิทกัน แล้วหลังจากนั้นก็มีเรื่องงานเลี้ยงที่ตระกูลอิ่น คุณหนูตระกูลอิ่นหลอกด่าว่านางเอกไม่มีพ่อแม่ ไม่รู้หนังสือ บลาๆ นางเอกโกรธ เลยงัดวิธีสมัยเป็นอันธพาลหญิงตัวน้อยออกมาใช้จัดการอีกฝ่ายซะ เจ็บทั้งคู่ แต่อีกฝ่ายเจ็บหนักกว่าแต่ไม่มีใครรู้ เพราะนางเอกเล็งแต่จุดสำคัญบริเวณที่ไม่มีคนเห็น(แสบมาก) แถมคุณหนูอิ่นยังโดนที่บ้านต่อว่าซ้ำด้วยเพราะคำด่านี้ไปจี้ใจอดีตแม่ตัวเองพอดี เลยเจอที่บ้านอบรมชุดใหญ่ ดีที่หลังจากนางก็สำนึกคิดได้กลับตัวกลับใจมาขอโทษนางเอก เลิกนิสัยเดิมๆ กลายมาเป็นเพื่อนกัน และคอยช่วยพูดปกป้องนางเอกเวลามีคนมาว่าหรือมาหาเรื่อง

ต่อมาก็มีงานเลี้ยงที่จวนสกุลวั่น ซึ่งเป็นตระกูลที่สนิทกับบ้านนางเอกมากๆ (พ่อนางเอกกับแม่ทัพวั่นเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน) ตอนที่พ่อแม่นางเอกไม่อยู่ จริงๆ แม่นางเอกก็แอบทิ้งสายเอาไว้เพื่อให้คอยดูลูกและจับตาดูอาสะใภ้รอง เวลาที่อาสะใภ้คิดจะทำอะไรล้ำเส้นก็จะมีคนไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าวั่นที่อยู่บ้านข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่าก็จะออกมาพูดดักไว้ก่อนและทำให้อาสะใภ้รองไม่กล้าลงมือ ...พอไปงานเลี้ยงสกุลวั่น นางเอกก็เจอคนมาหาเรื่องอีก(แล้ว) แล้วก็มีเหตุการณ์ที่สะพานพังเหมือนในซีรีส์อะ55 ตอนแรกนางเอกนึกว่าตัวเองทำได้แนบเนียนมาก ไม่มีใครรู้หรอก แต่จริงๆ คนรู้เยอะเลย พระเอกก็รู้ คุณชายโหลวก็แอบเห็น ฮูหยินผู้เฒ่าวั่นก็เดาออก เลยให้คนส่งจดหมายไปบอกพ่อแม่นางเอก ...นางเอกเลยถูกทำโทษ แต่นางเอกก็แมนๆ ดี ทำก็ยืดอกยอมรับ แต่ถ้าไม่ได้ทำต่อให้ตายก็ไม่ยอมก้มหัวเด็ดขาด ...จริงๆ คนที่บอกให้ลงโทษคือพ่อนะ แต่พ่อให้แม่ออกหน้ารับบทผู้ร้าย ส่วนตัวเองขอรับบทคนดีคอยปลอบ55 มีการเรียกอาสามกับอาสะใภ้สามมาตกลงให้คอยส่งสัญญาณกันด้วย ... พ่อหนอพ่อ กลัวลูกสาวไม่รัก แต่ก็อยากดัดนิสัยลูกอะ กลัวลูกจะได้ใจคิดว่าตัวเองทำแล้วไม่มีใครรู้ แล้วเดี๋ยววันหน้าจะก่อเรื่องใหญ่จนเดือดร้อน ...แต่พอเห็นลูกถูกโบยจนสลบพ่อก็วิ่งไปร้องไห้ที่ข้างเตียง นางเอกจากที่ตอนแรกไม่ร้องไม่ขอความเมตตาใดๆ แต่พอตื่นมาเห็นพ่อร้องไห้เท่านั้นแหละ น้องก็ปล่อยโฮเลยจ้า....

พอเล่มสอง นางเอกได้ออกจากเมืองหลวงติดตามครอบครัวอาสามกลับไปทำงานด้วย เหมือนที่บ้านเห็นว่านางเอกไม่เคยออกไปไหนเลย ต่างจากพวกพี่ชายที่ได้เห็นโลกมาเยอะ พ่อกับแม่เลยให้นางเอกเดินทางไปกับอาสามเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ แต่ระหว่างทางดันเจอกับกลุ่มกบฏ จากที่กำลังเดินทางชิวๆ กินลมชมวิวก็กลายเป็นยกขบวนหนีตายวิ่งสู้ฟัดละทีนี้ เกือบไม่รอด ดีที่นางเอกมีไหวพริบคิดหาสถานที่ที่จะช่วยตั้งรับต่อสู้ได้ สามารถถ่วงเวลารอจนกลุ่มพระเอกมาช่วยไว้ทัน แต่ถึงจะรอดมาได้มันก็เป็นความทรงจำที่เลวร้ายมากอยู่ดี เรื่องที่ผ่านมาก่อนหน้ากลายเป็นเล็กน้อยไปเลย ทำให้นางเอกโตขึ้น ถูกสถานการณ์บีบให้ต้องแสดงความสามารถออกมา เนื่องจากอาสะใภ้บาดเจ็บ นางเอกเลยต้องดูแลจัดการทุกอย่างแทน ส่วนอาสามนางเอกนี่แบบโชคดีโคตรรร ลูกรักของพระเจ้าใช่ไหมเนี่ย 55

ในเล่มสองนางเอกหมั้นแล้วนะ คุณชายโหลวขี่ม้าตามมาถึงที่ทำงานอาสามเลยจ้า คือชอบมากก ถึงจะรู้จุดจบของทั้งคู่อยู่แล้วก็ตามเถอะ ไม่ค่อยเจอผู้ชายที่ชอบก็บอกว่าชอบตรงๆ หรือแสดงออกชัดเจนพลังเยอะแบบนี้เลยอะ ส่วนใหญ่จะแบบเก๊กๆ นิ่งๆ เย็นชา พูดอะไรซับซ้อน ต้องอ้อมไปอ้อมมาก่อนถึงจะเข้าใจ ...อิตาคุณชายหยวนนี่ใช่เลย ทั้งๆ ที่ได้เจอนางเอกก่อนเป็นคนแรกแท้ๆ เล่มหนึ่งก็มีโอกาสบ่อยกว่าใคร คือถ้าไม่เห็นจากซีรีส์มาก่อนจบเล่มหนึ่งเราก็คิดว่าชายหยวนเป็นพระเอกนะ55 แต่ปากชายหยวนก็อะนะ คมยิ่งกว่ากรรไกร ถ้าไม่ได้จบด้วยการทะเลาะก็จะไม่มีความสุขชิมิ ซับซ้อนอ้อมโลกสำบัดสำนวนเหลือเกินเป็นไงล่ะ พอเขาเลิกกับคนแรกตัวเองก็เสียบไม่ทันอีก เจอพระเอกตัดหน้าจ้อย55

แต่พระเอกนี่แบบอยากกรี๊ดดด ช้าไปหน่อยแต่หนักแน่น เย็นชาหน้าตายกับคนอื่น แต่กับนางเอกเราว่าพี่เขาเหมือนโถน้ำผึ้งแตกอะ คือเหมือนความอบอุ่น ความใจดี ความอ่อนโยนของพี่เขามีไว้เพื่อนางเอกคนเดียวเท่านั้น ตอนที่รู้ว่านางเอกหมั้นแล้วพี่ก็ได้แต่อวยพร พอรู้ว่าในอนาคตนางเอกอยากใช้ชีวิตแบบไหนกับคู่หมั้น พี่ก็ยินดีจะหาสถานที่หรือเมืองดีๆ ให้อยู่ ฮ่องเต้เห็นว่าพระเอกปฏิบัติกับนางเอกแตกต่างจากสตรีอื่น ก็ไปเรียกพ่อนางเอกมาถามว่ามีลูกสาวกี่คน พ่อนางเอกบอกมีคนเดียว ฮ่องเต้ก็ไม่พอใจทำไมถึงมีแค่คนเดียวเล่า55 ตอนที่เขาต้องถอนหมั้น ฮ่องเต้นี่แทบอยากตะโกนบอกให้รีบๆ ถอนไปเลย ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวต้องได้คนทีดีกว่านี่แน่ รีบๆ ถอนสิ ...

แต่ฉากที่นางเอกต้องชี้แจงเหตุผลการถอนหมั้นนี่เราน้ำตาไหลเลยนะ จากตอนแรกที่จะไม่ยอมถอน แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจทั้งน้ำตา เจ็บปวดกันไปหมด จบดีแต่โคตรเจ็บปวด เจ็บปวดกับคนที่ยังอยู่และคนที่จากไป ...

สปอยล์...คือการที่คุณหนูเหอถอนหมั้นไปแต่งกับตระกูลเซียวน่ะ ลึกๆ ก็เป็นแผนของพ่อตัวเองหรือแม่ทัพเหอนะ เพราะฮ่องเต้รู้ว่าตระกูลเซียวยังไม่ยอมสยบง่ายๆ อาจก่ออกบฏอีก แม่ทัพเหอรู้ความคิดฮ่องเต้เลยกะใช้การแต่งงานนี้เพื่อจับตาดูตระกูลเซียว เลยยอมให้ลูกสาวถอนหมั้นกับคุณชายโหลวง่ายๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าตระกูลสูงศักดิ์ไหนจะมาขอหมั้นก็ปฏิเสธหมด...แต่แล้วแม่ทัพเหอก็พลาดพลั้งจนต้องสละชีวิตทุกคนในตระกูลแทบทั้งหมด เศร้ามาก T^T

พอถอนหมั้นกันตอนเช้า ตอนบ่ายนางเอกก็ถูกเรียกเข้าวัง แล้วต่อจากนั้นพระเอกก็มัดมือชกขอแต่งงานต่อเลยจ้า ไม่รอแล้วเดี๋ยวพลาดอีก ..ปรับอารมณ์ไม่ทันเลยเร็วไปมั้ยคุณพี่ ฮ่องเต้ก็รีบชงทันที พอพระเอกเอ่ยปุ๊บก็จัดให้ปั๊บ โอ๊ยยยลูกรัก ไม่กลัวใครจะหาว่าลำเอียงเข้าข้างพระเอกเลย เพราะลำเอียงแบบเปิดเผยอยู่แล้ว ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 55 ...เคยเห็นฮ่องเต้เรื่องไหนลำเอียงรักลูกบุญธรรมขนาดนี้มั้ยยย 55 ...อยากให้พระเอกแต่งงานแต่ก็ไม่กล้ายุ่งเพราะกลัวลูกรักจะหนีไปสนามรบอีก ตอนพระนางหมั้นกันแล้ว ฮ่องเต้ก็ไม่พอใจเรื่องที่นางเอกไม่ยอมให้พระเอกค้างที่บ้าน เรียกมาต่อว่าทันที ทำไมถึงให้ค้างที่จวนไม่ได้! ดูสิรักขนาดไหน ...

ส่วนบรรดาสาวๆ ก็อกหักกันเป็นแถว พระเอกเสน่ห์แรงสุดยอดมีคนมาชอบเยอะมาก ทั้งสตรีที่ยังไม่ออกเรือนและออกเรือนไปแล้ว ขนาดไม่เคยให้ความหวังใคร วาจาก็คมกริบแทงทีเดียวจอด แต่เสน่ห์ก็ยังแรงไม่มีตก ทว่านางเอกกลับไม่ได้ชอบพี่ คือน้องเห็นพระเอกเป็นเหมือนที่พึ่งเหมือนพี่ชายที่คอยให้ความช่วยเหลือกันมากกว่า แต่ไม่คิดอาจเอื้อมเป็นอย่างอื่น เพราะพระเอกอ่านยาก มองไม่ออก ควบคุมไม่ได้ คือพอหมั้นกันเสร็จกลับมาถึงบ้าน ทุกคนในบ้านต้องมานั่งปรึกษากันว่าจะขอถอนหมั้นยังไงดี จะปฏิเสธฮ่องเต้ยังไง แต่สุดท้ายไม่ว่าจะพูดยังไงพระเอกก็หาเหตุผลมาประนีประนอมโต้กลับได้หมดเลย

พอหมั้นกันแล้วพระเอกก็ใส่ใจดูแลนางเอกดีมากๆ เข้าใจว่าน่าจะอยากทำมานานแล้วแต่ตอนนั้นไม่มีโอกาสเพราะคนเขามีเจ้าของแล้ว ตอนนี้มีโอกาสแล้วเลยใช้สิทธิ์คู่หมั้นได้อย่างเต็มที่และเปิดเผย ขนาดยังไม่ได้แต่งนะเพิ่งหมั้น แต่ก็เรียกนางเอกว่าภรรยาต่อหน้าคนอื่นแล้วจ้า คลั่งรักสุดๆ ตอนยังไม่ได้เข้าวังก็แวะไปหานางเอกที่บ้านแทบทุกวัน นางเอกขาดอะไรพระเอกก็จะคอยสังเกตแล้วจัดหามาให้ ไม่ใช่เฉพาะแต่นางเอกเท่านั้น แต่รวมไปถึงคนในครอบครัวด้วย ใครว่าพระเอกเย็นชา เราว่าขอแค่เป็นคนที่พระเอกรัก พระเอกก็พร้อมจะปกป้องดูแลและมอบสิ่งดีๆ ทุกอย่างให้หมด รอยยิ้มของพระเอกก็มีให้แค่นางเอกคนเดียวเท่านั้น ถ้าเห็นนางเอกทำอะไรไม่เข้าท่า พระเอกก็ไม่คล้อยตามง่ายๆ แต่จะมีวิธีพูดให้อีกฝ่ายต้องยอมถอยเอง คอยบอกสอนชี้แนะอย่างใจเย็น เห็นเย็นชาเยือกเย็นโหดๆ แบบนี้ แต่พระเอกก็กลัวนางเอกจะไม่รัก กลัวว่านางเอกจะทิ้งตัวเองไปเหมือนกันนะ ... เพราะลึกๆ ในใจนางเอกยังมีความรู้สึกอยากถอนหมั้นอยู่ตลอด น้องเลยไม่ค่อยใส่ใจหรือให้ความสำคัญกับพระเอกเหมือนอย่างที่พระเอกมีให้ตัวเอง....ตอนท้ายๆ เล่มสามนางเอกเลยต้องไปไล่ถามหลายๆ คนถึงวิธีอยู่ร่วมและปฏิบัติกับคนรัก ในจังหวะที่กำลังครุ่นคิดว่าต่อไปตนเองคงต้องเป็นฝ่ายก้มหน้าเอาใจให้พระเอกก่อนล่ะมั้ง แต่จู่ๆ พระเอกก็มาหาและบอกว่า ไม่ว่าสถานการณ์ใดตนเองก็ไม่ต้องการให้นางเอกลดตัวทำเสียงอ่อน หรือทำให้ตัวเองต้องน้อยเนื้อต่ำใจ....(เหมือนรู้อะว่านางเอกกำลังคิดอะไร อ่านใจเก่ง ก็คนมันรัก) นางเอกถึงได้ตระหนักว่าความจริงแล้วในความสัมพันธ์นี้ฝ่ายที่ยอมถอยและค้อมต่ำกว่ามาตลอดก็คือพระเอกต่างหาก ...

มีอีกตัวละครที่ออกมาตอนครึ่งเล่มสามแต่ปังมากกคือเยวี่ยเฟยเองจ้า ออกมาครั้งแรกก็สยบทุกคนเรียบร้อย ฉากตอนงานกินเลี้ยงภายในครอบครัวแล้วมีญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของฮ่องเต้ถือวิสาสะมาแจมเพราะอยากเห็นหน้านางเอกอะ เจอเยวี่ยเฟยไล่จัดการเฉือนไปทีละคนตั้งแต่องค์หญิง องค์ชาย ราชบุตรเขย นั่งหน้าซีดกันหมดไม่มีใครกล้าขัด เจ๋งมากก แต่อ่านจบเล่มสามแล้วไม่ค่อยค้างเท่าไรนะ ตัดจบได้แบบกำลังดี เนื้อเรื่องสนุกมาก ไม่มีตอนไหนที่น่าเบื่อเลย เรื่องความรักความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวแต่ละบ้านก็เขียนดี เรื่องสงครามก็เข้มข้น แปลดีอ่านลื่น จบเล่มสามพี่ใหญ่กับพี่รองมีคู่เป็นของตัวเองและ ส่วนนางเอกกับแม่ก็มีปะทะกันแรงๆ แค่เล่มแรกเรื่องโต๊ะ หลังจากนั้นแม่ก็ไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว มีเหล่าลูกชาย สามี อาสะใภ้สามจับตาดูไม่ให้แม่ลำเอียงอยู่ แต่แม่ก็ยังต้องรับบทโหดอยู่บ้างเพราะพ่อขอ55 ขอให้แม่รับบทร้ายส่วนตัวเองรับบทคนดี (พ่อนี่แหละร้ายสุด55) แต่ความสัมพันธ์ของแม่กับนางเอกก็ค่อยๆ ดีขึ้นแหละ เหมือนเข้าใจกันเองไปโดยปริยาย ตอนต้องไปเรียนกับฮองเฮาในวังนางเอกก็ไม่ค่อยอยากไป ไม่อยากเข้าวังเพราะกฏระเบียบเยอะ แต่พอรู้ว่าไปแบบเช้าเย็นกลับได้เหมือนไปทำงาน แถมสิบวันหยุดได้ครั้งนึงก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ยังดีกว่าให้พักอยู่ในวังเลย ส่วนกับย่านางเอกคือไม่เอาไม่เข้าหาเลย ไม่ให้อภัยแต่ไม่พูด เพราะรู้สึกว่าย่าก็มีส่วนในเรื่องที่อาสะใภ้รองทำ ...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น