วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2564

ปักรักลายบุปผา 2 เล่มจบ

 

ปักรักลายบุปผา 2 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เย่ว์เซี่ยเตี๋ยอิ่ง (Yue Xia Die Ying)
ผู้แปลเล่ม 1 : กระต่ายน้อยของอิงอิง
ผู้แปลเล่ม 2 : อี้หนิง
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ฮวาจิ่น นางเอกของเรื่องเป็นช่างปักผ้าสู่ซิ่ว ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่รูปแบบการปักที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน เป็นงานฝีมือดั้งเดิมหรือศิลปะการเย็บปักที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่โบราณนานนับพันๆ ปี 
ทว่าท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไปรวมถึงความเจริญที่หลั่งไหลเข้ามา จึงทำให้คนที่ทำอาชีพนี้หรือผู้สืบทอดมีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ
 
นางเอกทำงานเป็นช่างปักผ้าสู่ซิ่วในสตูดิโอเล็กๆ แห่งหนึ่งของอาจารย์ ถึงจะอายุยังน้อยแต่ก็เป็นช่างปักที่มีพรสวรรค์ เป็นสาวแกร่งสู้ชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในเมืองใหญ่ตามลำพัง บ้านเกิดของนางเอกเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่สมัยนั้นความเจริญยังเข้าไม่ค่อยถึง
เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ลำเอียงรักและบูชาลูกชายมากกว่าลูกสาว เห็นลูกสาวเป็นคนรับใช้หรือส่วนเกิน แต่โชคดีที่ยังได้ไปเรียนหนังสือและยังมียายที่เอ็นดูเอาใจใส่เธออยู่หนึ่งคน ...แต่ไม่นานยายก็จากไป ส่วนพ่อแม่และน้องชายของนางเอกก็ประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต นางเอกจึงถูกลุง(พี่ของพ่อ)รับไปดูแล แต่ลุงก็เป็นคนไม่ดี คิดจะให้นางเอกแต่งงานกับคนแก่เพื่อหวังเอาเงินมาเป็นค่าสินสอดให้ลูกชายตัวเอง จึงจับนางเอกขังไว้ในบ้าน
ไม่ให้ไปสอบเกาเข่าเข้าเรียนต่อ ทั้งๆ ที่นางเอกหัวดีมากสอบได้ที่ 1 ของโรงเรียน
แต่ลุงก็ไม่ให้เรียน 
นางเอกจึงไม่ยอม เลยหนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบอยู่คนเดียวในเมืองใหญ่ ไม่มีใครให้พึ่งพาไม่มีญาติมิตร ต้องทำงานสารพัดทั้งเป็นเด็กเสิร์ฟ
เป็นคนส่งอาหาร แม้แต่งานติดฟิล์มที่ใต้สะพานก็ทำมาแล้ว ..
ซึ่งด้วยความจนบางครั้งจึงทำให้ถูกคนแกล้ง ถูกเอารัดเอาเปรียบ กระทั่งถูกคนขับรถชนแล้วหนีจนทำให้มีอาการบาดเจ็บที่เข่าเรื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน

พระเอก เผยเยี่ยน หนุ่มหล่อ โคตรรวยยยอภิมหาเศรษฐี พ่อแม่ตายหมดแถมยังได้รับมรดกจากปู่ผู้ล่วงลับอีกมหาศาล ชนิดที่ว่าเกิดอีกสิบชาติก็ยังกินใช้ไม่หมด ..
พระเอกเป็นคนอารมณ์ร้อนขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ก็มีหลักการมีคุณธรรม
ไม่ใช่คุณชายเสเพลเอาแต่กินเที่ยวทำตัวเป็นอันธพาล ดีแต่ผลาญสมบัติบรรพบุรุษไปวันๆ
แต่พระเอกเรานี่จับอะไรก็รุ่ง ลงทุนอะไรก็ประสบความสำเร็จ ดังนั้นถึงจะนิสัยผีเข้าผีออกยังไง แต่ก็มีคนมากมายอยากเข้าหาตามมาประจบเอาใจ 
หวังเกาะขาทองคำคู่นี้อยู่ดี 

เพราะลูกพี่ลูกน้องของพระเอกต้องการหาคนมาปักผ้าเช็ดหน้าให้ยาย
จึงทำให้พระเอกได้มาเจอและรู้จักกับนางเอกอย่างเป็นทางการ หลังจากที่คลาดเคลื่อนกันไปมาอยู่หลายที
เพราะจริงๆ สองคนนี้เคยเจอกันมาก่อนแล้วเพียงแต่พระเอกจำไม่ได้
พูดง่ายๆ คือไม่ได้ใส่ใจ ผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป ส่วนนางเอกจดจำได้ขึ้นใจเพราะอะไร...
ต้องลองไปอ่านเองจ้า
55 (ชอบตอนพิเศษนะ อ่านแล้วกระจ่างเลย)

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้เจอกันอีกเรื่อยๆ นางเอกก็ชอบหยอก ชอบเย้าพระเอกให้โมโหเล่น ส่วนพระเอกก็ปากแข็งชอบทำเป็นเข้มเหมือนไม่สนใจ ทั้งที่ความจริงคือเริ่มสนใจแล้วแต่ไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าการชอบใครสักคนมันเป็นยังไง แต่ขนาดยังไม่รู้พี่ก็ออกตัวแรงมากเลย
เห็นใครว่า
+ดูถูกนางเอกพี่ก็เข้าไปซัด มีคนบอกว่าเห็นนางเอกอยู่กับผู้ชายในร้านอาหาร(คุยเรื่องงาน)พี่ก็บึ่งมาดูทันที มีคนส่งข่าวว่าเห็นนางเอกอยู่ในรถตำรวจพี่ก็รีบมาสถานีตำรวจอย่างไว ได้ข่าวว่านางเอกต้องต้มกินบะหมี่กินก็ส่งอาหารเสริมพร้อมของกินมาให้ 3 ลังใหญ่ทันที ...เอาเซ่ๆๆๆ นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะเนี่ย ...แต่พอตกลงคบกันแล้วเราถึงได้รู้ว่าความจริงพระเอกยังหวานยังดีได้มากกว่านี้อีกนะ แถมยังชอบอวดแฟน กลายเป็นพ่อบ้านใจกล้าเข้าชมรมคนกลัวเมียอย่างเต็มตัวไปเรียบร้อย 55 ...

อ่านจบแล้วเพลินดี เรียบๆ เรื่อยๆ ย่อยง่าย ไม่หน่วงไม่ต้องลุ้นเยอะ
แอบมีดราม่าอยู่หน่อยตรงช่วงอดีตของนางเอก ในหนังสือมีเล่าเป็นบางช่วงไม่มาก
นางเอกก็มีนึกถึงบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่กับปัจจุบันมากกว่า จะเน้นที่ความรักของพระ-นางกับอาชีพช่างปักผ้าของนางเอก นอกจากจะได้ฟินเรื่องรักแล้วก็ยังได้ความรู้เรื่องการปักผ้ามาด้วย ยอมรับเลยว่าเพราะเรื่องนี้แหละเราถึงได้รู้เรื่องศิลปะการเย็บปักผ้าโบราณของจีน นักเขียนขายเก่งจริงๆ 
55
จริงๆ ในยุคสมัยนี้อาชีพของนางเอกนั้นคนไม่ค่อยเห็นค่าแล้ว เพราะมีเครื่องจักรมาแทนที่
แถมผ้านี้ยังขายยากคนซื้อก็น้อยจึงไม่ค่อยมีใครอยากทำต่อ ร้านของนางเอกเองก็เกือบไม่รอดเพราะยอดขายไม่ได้เยอะ ทว่าหลังจากที่นางเอกได้ช่วยปักผ้านวมให้ลุงคนหนึ่งแล้วมีคนเอาไปลงบล็อก และมีดาราคนหนึ่งเอาชุดที่นางเอกทำไปใส่ออกงาน มันก็ถึงได้เริ่มมีกระแสมีคนสนใจเริ่มพูดถึง สถานการณ์ในร้านเริ่มดีขึ้น กระทั่งมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ไปออกทีวี และมีดีไซเนอร์ชื่อดังมาเชิญให้ไปร่วมออกแบบผ้าในงานแฟชั่นระดับประเทศ
พอคนได้เห็นชุดที่ซิ่วซือ(ช่างฝีมือผู้ปักลายผ้า)ทั้งหลายช่วยกันออกแบบถูกใส่เดินบนแคทวอร์ค ก็พากันตกตะลึง 
อึ้ง!ทึ่ง! จุดประกายทำให้คนหันกลับมามองมาสนับสนุนรวมถึงให้ความสำคัญกับงานฝีมือดั้งเดิมของประเทศกันเยอะขึ้น

ส่วนความรักของพระ-นางก็ราบรื่นไร้อุปสรรค นางเอกสวยแกร่ง+สู้คน ด่ามาก็ด่ากลับ
อย่าคิดว่าจนแล้วจะมาด่าหรือรังแกกันได้ง่ายๆ ส่วนพระเอกก็สายเปย์ กับคนไม่สนิทคือเย็นชาไม่สนใจ พูดจาไม่มีไว้หน้า แต่กับคนที่รักหรือนางเอกนี่ตรงกันข้าม ดูแลอย่างดี
แบบดีมากกกกกอะ ของๆ ฉันก็คือของๆ เธอ
นางเอกจะทำอะไรก็พร้อมสนับสนุนคอยช่วยเหลือทุกอย่าง รักเดียวใจเดียว ใครกล้ามารังแกแฟนข้าพี่แกเอาคืนเจ็บหนักทุกราย
แต่อิฝ่ายที่มารังแกก็ไม่เคยจะสำนึก ชอบรังแกดูถูกคนที่อ่อนแอกว่า พอโดนเอาคืนบ้างแทนที่จะไปขอโทษนางเอกซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง กลับดันไปขอขมาพระเอกที่เป็นแบ็คแทน คือไม่ได้เห็นนางเอกอยู่ในสายตาเล๊ย มองคนที่ฐานะอย่างเดียวจริงๆ
ถ้ามีฐานะเท่าเทียมกันก็มองเป็นคนแต่ถ้าต่ำกว่าก็ไม่รู้ว่ามองเป็นตัวอะไร
สุดท้ายพระเอกเลยจัดชุดใหญ่ให้สมใจทั้งบัญชีใหม่บัญชีเก่า ทั้งอดีตทั้งปัจจุบันโดนหมด
เอาให้ล่มทั้งตระกูลไปเลย..หึหึ

ป.ล. แอบมีคำผิดอยู่ 1 จุดในเล่ม 2 ...จากตระกูลสวีเปลี่ยนเป็นตระกูลฉวีอะจ้ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น