วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ตำนานรักสองสวรรค์ 4 เล่มจบ


ตำนานรักสองสวรรค์ 4 เล่มจบ / ผู้แต่ง ซิงหลิง
ผู้แปล : ธารยุทธ์
สำนักพิมพ์ Siam Inter Book

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

          ' ข้าหลงคิดว่าท่านมีจิตใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งพอ สุดท้ายค่อยพบว่า ...
หกหมื่นปีมานี้  แม้แต่โอกาสที่จะบอกต่อข้าว่าท่านเป็นใคร ท่านก็ไม่เคยได้รับ
ที่ข้าผิดต่อท่านไหนเลยเพียงแค่หนึ่งแสนสามหมื่นปี ที่ข้าติดค้างท่านไหนเลยเพียงแค่สามชาติ ?   
           ชั่วชีวิตนี้ ข้าไม่ผิดต่อเทพไทองค์ใด ไม่ผิดต่อสรรพชีวิตทั้งหลายในเก้าทวีปแปดดินแดน ไม่ผิดต่อปฐมเทพฉิงเทียน มีเพียงแต่ท่านเท่านั้นที่ต่อให้ใช้เวลาอีกพันหมื่นปี ก็ชดใช้ไม่หมดสิ้น '

      เพราะเภทภัยแห่งหุนตุ้นเมื่อ 60000 ปีก่อน จึงทำให้บรรพสวรรค์ถูกปิดตาย 
เทพบรรพกาลทั้งสี่ได้แก่ ซ่างกู่ ไป๋เจวี๋ย จื้อหยางและเทียนฉี่รวมถึงเหล่ามหาเทพทั้งหลาย
ล้วนสูญสลายกลายเป็นผุยผงเพื่อปกป้องสามพิภพจากมหันตภัยหุนตุ้น  
และมีเพียงมหาเทพแค่ 3 องค์เท่านั้นที่เหลือรอดมาได้จนถึงปัจจุบัน

      นับแต่นั้นมหาเทพทั้งสามก็ได้รับความเคารพยกย่องเทิดทูนจากทั่วทั้งสามพิภพ  
มีเทียนตี้เป็นผู้ปกครองดินแดนสวรรค์  ส่วนมหาเทพกู่จวินกับมหาเทพอู๋ฮวั่นซึ่งเป็นชายา
กลับเร้นกายใช้ชีวิตอย่างสันโดษอยู่ในวังของตน ไม่ฝักใฝ่หรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวใดๆ ของทั้งสามพิภพ  แต่เมื่อมหาเทพอู๋ฮวั่นตั้งครรภ์ทารกที่อยู่ในเปลือกไข่กลับอ่อนแรงและเปราะบาง 
จนทำให้มหาเทพกู่จวินผู้เป็นบิดาต้องออกจากวังไปเพื่อหาทางรักษาชีวิตน้อยๆ ของบุตรตน  
กระทั่งผ่านไปหลายพันปีเมื่อกลับมาอีกที ....
มหาเทพอู๋ฮวั่นผู้เป็นชายาก็กลับกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นและเป็นเทียนโฮ่วไปเสียแล้ว ...

     หลายหมื่นปีหลังจากนั้นทารกในไข่ผู้มีนามว่า โฮ่วฉือ ก็ได้ถือกำเนิดออกมา 
และได้ดำรงศักดิ์เป็นมหาเทพเทียบเท่ากับมหาเทพทั้งสามองค์  
ตามคำประกาศของมหาเทพกู่จวินและตามทำนายของเทพพยากรณ์หลิงเจวียนซ่างจวินที่ว่า...
'นางนั้นมีชะตาของมหาเทพ คือผู้ที่มาพร้อมกับชะตาอันล้ำเลิศ .... '

     แม้จะมีศักดิ์เป็นถึงมหาเทพแต่เพราะพลังเซียนอ่อนด้อย     
โฮ่วฉือจึงไม่เคยย่างเท้าออกจากวังชิงฉือของตนเลยสักครั้ง นางใช้ชีวิตอยู่กับข้ารับใช้คนสนิท
ส่วนบิดาผู้เป็นมหาเทพก็ออกท่องเที่ยวไปทั่วนานๆ ทีถึงจะกลับมา   
แต่เมื่อสองหมื่นปีผ่านไปที่งานฉลองวันเกิดของตงหัวซ่างจวิน  
เทพเซียนที่มาร่วมงานก็ได้ยลโฉมมหาเทพผู้คล้ายจะมีแต่ชื่อที่งานแห่งนี้เป็นครั้งแรก 
( ตงหัวในเรื่องนี้เป็นชายแก่ไม่ใช่หนุ่มหล่อเหมือนในลิขิตเหนือเขนยอ่ะเศร้าๆ ๆ ๆ )

     การออกมาในครั้งนี้เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางไขปริศนาที่อยู่ในใจของโฮ่วฉือมาเนิ่นนาน ...ว่าเหตุใดเมื่อถือกำเนิดนางจึงถูกมารดาทอดทิ้ง  
อีกทั้งหลังจากที่นางเบิกปัญญาได้ เหตุใดบิดาและไป่เสวียนถึงได้จากไปไม่กลับมา  
และเหตุใดนางผู้เป็นถึงมหาเทพจึงไม่อาจรวมพลังเซียนเหมือนดั่งเทพเซียนคนอื่นๆ ได้ ….

     ระหว่างทางโฮ่วฉือได้เจอกับเซียนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มีนามว่า ชิงมู่  
ซึ่งในรอบสองพันปีมานี้เขาเป็นเซียนเพียงคนเดียวที่สามารถฝ่าด่านซ่างจวินได้  
ทั้งเก่งกาจ+มากความสามารถบวกกับหน้าตาอันหล่อเหลา
ชิงมู่จึงกลายเป็นที่ชื่นชอบและหมายปองของนางฟ้านางสวรรค์ทั้งหลาย  
โดยเฉพาะ องค์หญิงจิ่งเจา ธิดาองค์เล็กของเทียนตี้และเทียนโฮ่ว ...
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ออกเดินทางเพื่อตามหาร่องรอยของไป่เสวียนไปด้วยกัน  
จนเกิดเรื่องราวต่างๆ ตามมามากมาย และกลายเป็นความรักความผูกพันในเวลาต่อมา

     แต่แล้วโฮ่วฉือก็กลับทำผิดกฎสวรรค์  อันเป็นเหตุให้ชิงมู่ต้องติดค้างองค์หญิงจิ่งเจา  
และตัวนางเองก็ต้องรับโทษด้วยการถูกเนรเทศไปอยู่ดินแดนอื่นเป็นเวลาถึง 100 ปี  
ทว่าเมื่อครบกำหนดกลับมา บุรุษหนุ่มในวันวานที่เคยเอ่ยปากสู่ขอนางต่อหน้าเทพเซียนทั้งหลาย 
ผู้ที่เคยสัญญาว่าจะเฝ้ารอนางกลับมาก็กลับหายไป  เขากลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือสามพิภพและได้ตกปากรับคำขอแต่งงานของหญิงนางอื่นไปเสียแล้ว...


หลังจากอ่านจบ .....
         ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลามีอะไรไม่พูดไม่บอก ไม่ถามกันดีๆ 
ทำไมชอบเก็บเอาไว้แล้วไปแอบทำคนเดียว ชอบคิดแทนอีกฝ่าย สุดท้ายก็เสียเวลาไปเปล่าๆ เป็นหมื่นๆ แสนๆ ปี (ดีนะเป็นเทพถ้าเป็นคนธรรมดาคงตายไปนานแล้ว ) 
ปากหนักกันทุกคนเลย ชอบทำอะไรอ้อมโลก 
อมพะนำกันเข้าไป ไม่หันหน้าคุยกันปรึกษากันมันก็เป็นแบบนี้แหละ

        เป็นแนวเทพเซียนที่หน่วงตลอดทั้งเรื่อง ตั้งแต่ต้นจนเกือบจบ  
ปริศนา+ปมเยอะสลับซับซ้อนเดาทางไม่ค่อยถูก ไม่รู้จะออกมาแบบไหน  
โดยเฉพาะพระเอกอ่านมาถึงเล่มสุดท้ายก็ยังไม่แน่ใจว่าลงเรือถูกลำหรือเปล่า จะใช่คนนี้ไหม55
ตัวละครในเรื่องมีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป ใครว่าเป็นเซียนเป็นเทพแล้วจะต้องดี เป็นมารแล้วต้องชั่วเสมอไป ต่อให้เป็นเทพก็มีความทะเยอทะยานและอิจฉาริษยาได้ไม่ต่างกับคนธรรมดา 
      อย่างมหาเทพอู๋ฮวั่นที่ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบันก็มีตำแหน่งฐานะที่สูง 
ถ้าเทียบกับเทพเซียนที่อยู่ในระดับเดียวกันก็เป็นรองเพียงแค่ไม่กี่คน  
เพราะเป็นถึงสัตว์พาหนะของเทพบรรพกาล แล้วไหนจะได้สิทธิ์ดูแลวังของเทพบรรพกาลซ่างกู่อีก 
พอหลังจากเกิดเภทภัยก็ยังได้เป็นเทียนโฮ่ว เป็นมหาเทพที่อยู่เหนือเทพเซียนทั้งหลายอีกด้วย  
แต่นางกลับไม่เคยพอยังทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วคงลืมไปว่ามหาเทพยังไงก็เทียบกับเทพบรรพกาลไม่ได้ดอก เสียใจก็แต่ที่นางไม่ได้โดนคนเดียวแต่ดันลากคนอื่นให้รับเคราะห์ไปด้วยน่ะสิ  
( ไม่เข้าใจจริงๆว่าเทียนตี้สายตาไม่ดีหรือเปล่าถึงไปหลงรักนางได้ )

      หลังจบเล่ม 2 จะเริ่มเข้าสู่ความหน่วงที่แท้จริง ปริศนาของนางเอกก็จะค่อยๆ เฉลยออกมาเรื่อยๆ  พร้อมกับความทรงจำอันเจ็บปวด ที่แม้นผ่านไปกี่หมื่นปีก็ยังคงอยู่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน 
แต่จะมีอยู่แค่คนเดียวที่ความทรงจำนั้นครบถ้วนไม่ขาดหาย  และยอมทำเรื่องผิดบาปมากมาย 
ยอมแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียว  
      ซึ่งหลายๆ อย่างที่พี่แกทำมันก็ช่างทำร้ายจิตใจนางเอกและเราคนอ่านจริงๆ  
ปุบปับก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ยังไม่ได้ทันได้ตั้งตัวหันมาอีกทีก็กลายเป็นคนอื่นซะแล้ว... 
ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง  กระทั่งนางเอกก็ยังถูกปิดบังความทรงจำ  แบบยินดีให้นางโกรธเกลียดเคียดแค้นจนตายยังดีกว่าให้นางรู้ ...แม้แต่ลูกตัวเองก็ยังยอมตัดใจทอดทิ้งไม่เหลียวแล 
      เพราะอะไรกัน?  แท้จริงเมื่อหกหมื่นปีก่อนนอกจากเภทภัยหุนตุ้นแล้วยังเกิดเรื่องใดขึ้นอีก?  
แท้จริงแล้วใครคือผู้ที่เสียสละ ผู้ที่เจ็บปวดหรือผู้ที่ฉวยโอกาสในยามที่วุ่นวาย  
ถ้าอยากรู้ต้องอ่านให้จบแล้วจะทึ่ง แล้วจะรู้ว่าใครกันคือคนที่เสียสละเพื่อนางเอกมากที่สุด....


- นอกจากคู่ของพระ-นาง  ก็ยังมีคู่ของเฟิ่งหรั่น (คนสนิทของนางเอก) กับองค์ชายรองจิ่งเจี้ยน
ที่เราแอบเชียร์อยู่ไม่แพ้คู่หลัก  
องค์ชายรองผู้อบอุ่นอ่อนโยนกับแม่หงส์แดงที่ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง  
เป็นคู่ที่คนมีใจแต่ไปด้วยกันไม่ได้ เพราะบ้านเอ็ง(องค์ชาย)ทำกับเขาไว้เยอะโดยเฉพาะแม่เอ็ง  
แม้เขาจะไม่ได้เป็นคนก่อแต่ก็ต้องติดร่างแหไปด้วย  ความรักนี้จึงต้องตัดใจทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม 
ยิ่งพออ่านไปถึงเล่ม 4 ก็จะยิ่งรู้สึกสิ้นหวังและอาจมีเสียน้ำตา พรากๆ ๆ ๆ ๆ 
...แต่ๆ ๆ ๆ ขอให้ทุกคนใจร่มๆ และจำไว้ว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอนะจ๊าา 55



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น