วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

ยอมแหกกฏฟ้า มิอาจทรยศนาง 5 เล่มจบ

 


ยอมแหกกฏฟ้า มิอาจทรยศนาง 5 เล่มจบ 
ผู้แต่ง : 
三文鱼 (San wen yu)
ผู้แปล : เหม่ยเหลียนฮวา
วาดปก : 容境 (roy.J)
สำนักพิมพ์ หอมหมื่นลี้

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก จื่อถาน ภูตดอกถานน้อยที่บำเพ็ญเพียรมาได้ 900 ปี เหลืออีกนิดก็จะได้เป็นเซียนแล้ว วันหนึ่งนางเอกเบื่อความวุ่นวายที่บ้านจึงแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นในดินแดนมนุษย์ และได้พบกับพระเอก ตงหลาย หลวงจีนหนุ่มที่รูปงามมากๆ แต่พระเอกกลับคิดว่านางเอกเป็นปีศาจไม่ดีจึงเผลอลงมือทำร้าย แต่พอรู้ว่าเข้าใจผิดก็รีบพากลับไปรักษา พอหายดีนางเอกก็หนีออกมา แต่ดันโชคร้ายไปเจอกับปีศาจร้ายตัวจริง ขณะที่กำลังจะเพลี่ยงพล้ำพระเอกก็มาช่วยไว้ได้ทัน นางเอกเลยหวั่นไหวใจเต้นกับพระเอกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา...

ด้วยความที่เป็นภูตน้อยใสซื่อ ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิงหรือทางโลก ไม่รู้แม้กระทั่งจูบคือสิ่งใด นางเอกจึงไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในเวลานั้น และไม่เข้าใจว่ารักคืออะไร... ส่วนพระเอกก็เป็นเหมือนผู้มีบุญบารมี มีชะตาเหมาะแก่การเป็นหลวงจีน ต้องเวียนว่ายตายเกิดบนโลกมนุษย์ให้ครบ 10 ชาติ เผชิญความทุกข์ยากต่างๆ บำเพ็ญเพียรสะสมบุญบารมี เพื่อจะได้ขึ้นไปเป็นเซียนบนสวรรค์ มาอีหรอบนี้แถมยังเป็นหลวงจีนด้วย แน่นอนว่าพระเอกจึงไม่อาจมีความรัก+ไม่อาจรักใครได้ และไม่ใช่แต่พระเอก นางเอกก็เช่นกัน ภูตกับมนุษย์ไม่อาจรักกันได้มันผิดกฏสวรรค์ มันจะทำลายเส้นทางในการเป็นเซียนของเธอ ...รู้ทั้งรู้แต่สุดท้ายนางเอกก็ยังไม่อาจหักห้ามใจ จนก่อให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ตามมามากมาย และต้องทุกข์ทรมานทั้งกายและใจไม่จบไม่สิ้น...

สองเล่มแรกจะเป็นช่วงที่พระเอกเวียนว่ายตายเกิดอยู่บนโลกมนุษย์เป็นเวลา 10 ชาติ โดยมีนางเอกคอยแอบตามไปเฝ้าดูและแอบช่วย (ในบางครั้ง) แปดชาติแรกนางเอกแอบตามไปเอง แม้จะพร่ำบอกตัวเองให้เลิกให้ปล่อยวาง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ต้องวนเข้าสู่วังวนเดิมทุกครั้ง ตามไปแล้วก็ต้องเสียใจเจ็บปวดเอง เพราะไม่เคยสมหวัง เพราะพระเอกไม่อาจรักตนได้ แต่ก็ยังตามไม่เลิก จนหลังๆ ตัวพระเอกก็เริ่มหวั่นไหวเกิดความรู้สึกขึ้นมาจริงๆ ในชาติที่เป็นแม่ทัพพระเอกก็คิดจริงจัง อยากใช้ชีวิตอยู่กับนางเอก ถึงขนาดจะแต่งงานด้วย แต่พอจะเอาจริงนางเอกก็ลังเล ไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเอง ไม่รู้ว่าชอบพระเอกจริงๆ รึเปล่า ..เป็นเล่มที่อยากจะหยุมหัวนางเอกมาก แบบจะเอาไงฟะ พอเขาไม่รักไม่สนใจก็ใสเจียเสียใจ แต่พอเขารุกจะจริงจังเธอก็ถอยหนี กลัวสวรรค์ลงโทษ กลัวทำลายเส้นทางของเขา แต่พอเห็นเขาจะลงเอยกับสตรีอื่นก็ปวดใจจนแทบอยากฆ่าสตรีผู้นั้น (ตกลงจะเอายังง๊ายยยย)

แล้ววิธีการแก้ปัญหาของนางเอกในเรื่องพระเอกหลักๆ ก็มี อยู่ 2 อย่างคือ หนีกับดื่มสุรา เป็นเรื่องที่นางเอกดื่มสุราหนักมากกก เอะอะก็คว้าสุรามาดื่ม ดีนะที่เป็นภูตถ้าเป็นคนธรรมดาคงได้เป็นตับแข็งตายไปนานแล้ว ..แล้วก็ลำไยความไม่ชอบฟังพระเอกพูด+อธิบายให้จบ ชอบตัดบทแล้วเผ่นหนีไปก่อน แต่นางโชคดีที่มีเพื่อนดีคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอด เพื่อนก็คอยเตือน คอยหายา+หาของที่จะช่วยเพิ่มพลังฟื้นฟูตบะมาให้เสมอ เพราะนางเอกชอบไปมีเรื่องแล้วทำให้ตบะลดลง เลยทำให้ไม่ได้เป็นเซียนกะเขาสักที แถมยังชอบสร้างปัญหาให้เพื่อนตามไปช่วยอีก ...แต่บางทีก็แอบงงๆ กับเพื่อนเหมือนกัน คือทางหนึ่งก็บอกไม่เห็นด้วยกับเรื่องพระเอก คอยห้ามคอยเตือน แต่อีกทางก็ชอบเอาข่าวของพระเอกมาบอก (ตกลงเอาไงเนี่ยเพื่อน จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกันแน่) แต่ในสองชาติสุดท้ายนางเอกไม่ได้ตามแล้วนะ...ชาติที่ 9 บังเอิญไปเจอเอง(โลกโคตรกลม) เลยเริ่มตัดใจ+ช่วยให้พระเอกได้สมหวังอยู่กับสตรีที่รักในชาตินี้ แต่มันดันผิดกฎสวรรค์ นางเอกจึงถูกลงโทษจนคืนร่างเดิมและสูญเสียความทรงจำ ...แต่สุดท้ายก็มีคนมาแทรกแซงช่วยให้นางเอกฟื้นพลังกลับคืนร่างมนุษย์ (ช่วยทำม๊ายยย) และทำให้นางเอกต้องมาอยู่ข้างกายพระเอกในชาติสุดท้ายจนได้...เฮ้อ

เล่มสามเข้าสู่โหมดดราม่าที่แท้จริง พระเอกความทรงจำกลับคืนเปลี่ยนเป็นคนละคนยังกับตัวร้าย 55 ...เพราะแท้ที่จริงแล้วร่างเดิมของพี่เขาคือท่านจอมมารแห่งดินแดนมารจ้าาาา ที่ลงไปเวียนว่ายตายเกิดสะสมบุญบารมีนั้นก็เพื่อจะได้เป็นเซียนขึ้นไปพบกับสตรีในดวงใจที่อยู่บนสวรรค์..แต่แผนกลับถูกทำลายเพราะเจ้าภูตดอกถานน้อย พระเอกโมโหมาก จึงพานางเอกกลับวังมารไปด้วยกัน และย้ายดวงจิตนางให้ไปอยู่ในร่างเปลือกซึ่งมีหน้าตาเหมือนคนที่ตัวเองรัก...กักขังนางเอกเอาไว้ในดินแดนมารไม่ยอมปล่อย ปากก็ยังหลุดเรียกชื่อคนรักออกมา แถมยังไม่ยอมคืนร่างจริงให้นางเอก ตอนแรกนางเอกก็ไม่ยอม แต่พอรู้ว่าตนตั้งครรภ์ก็เริ่มใจเย็นและยอมอ่อนลงให้ ...

จนวันหนึ่งหลังจากที่คลอดลูกได้ไม่นาน นางเอกก็บังเอิญไปรู้ความจริงว่าใครคือคนที่พระเอกรักและร่างนี้หน้าตาเหมือนใคร พอทุกอย่างเฉลยเท่านั้นแหละ!!!...นางก็บ้าคลั่งกรีดทำลายใบหน้าและทำร้ายร่างกายนี้ด้วยความอัปยศอดสู ...โคตรน่าสงสาร เป็นใครจะไม่โกรธไม่แค้น แถมลูกที่คลอดออกมาก็ยังมีหน้าตาเหมือนสตรีคนนั้นแต่ไม่เหมือนนางเอกอีกอะ  แต่นางเอกไม่ได้โกรธเกลียดลูกนะ เพียงแต่อารมณ์ตอนนั้นคือไม่อยากเจอ ยังทำใจรับความจริงไม่ได้ (หลังจากเล่มสามเราจะอยากหยุมหัวพระเอกกับเทพธิดาแทน) สุดท้ายมีช่วงที่พระเอกพลังลด.. นางเอกเลยได้โอกาสชิงร่างจริงคืนและหนีออกจากแดนมาร  จากนั้นนางก็ไปหาเพื่อนที่แดนนรกและขอดื่มนางแกงยายเมิ่งเพื่อให้ลืมทุกอย่างทั้งหมด...

เป็นนางเอกที่วิบากกรรมเยอะจริงๆ คือพอรู้เหตุผลที่มาที่ไปแล้วอยากจะบอกว่าขอโทษที่ตอนแรกลำไยอยากหยุมหัวเธอ เพราะชีวิตนางเอกถูกคนควบคุมแทรกแซงมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงเพราะโชคชะตาและสวรรค์กำหนดให้เธอกับพระเอกต้องคู่กัน ใครบางคนจึงพยายามช่วยผลักดันให้เธอได้ลงเอยกับพระเอก ต่อให้ตอนนั้นพระเอกจะยังไม่ได้รัก แต่สักวันก็จะเข้าใจตาสว่างรู้ว่าคนที่ตน(ควรต้อง)รักอย่างแท้จริงคือใคร?...เลยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาได้ครองคู่กัน โดยไม่สนใจความรู้สึกของนางเอกเลยว่าต้องการรึเปล่า เขาต้องเจอกับอะไรบ้าง? ต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน? แค่เพราะสวรรค์กำหนดมาก็ต้องคู่ต้องรักกันแล้วอย่างนั้นเหรอ?  เป็นเรื่องที่ข่อยเกลียดสวรรค์ เกลียดโชคชะตาและเกลียดเทพธิดาที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมาก ในเล่ม 4 ตอนที่พระรองด่ากลับคือสะใจ เพราะมันจริงทุกประโยค....

ความจริงพอนางเอกลืมพระเอกไปแล้วเราว่ามันดีมากเลยนะ นางก็แฮปปี้มูฟออนไปต่อจนมีรักครั้งใหม่ ได้แต่งงานกับพระรอง พอจำพระเอกได้นางก็ไม่ได้เสียใจร้องไห้ฟูมฟายหรืออยากกลับไปหาเลยสักนิด ไม่มีความรู้สึกโลเลหรือเหลือเยื่อใยใดๆ อีก ปล่อยวางได้แล้ว (ห่วงแต่เรื่องลูก) ความจริงนางเป็นคนที่เด็ดขาด+ใจเด็ดมากนะ ต่างจากสองเล่มแรกเลย ....พระเอกก็เหมือนจะเริ่มรู้สึกอะไรๆ บ้างแล้วแหละ พอเห็นนางเอกอยู่กับพระรองก็จะโมโห มีแววตาแปลกๆ แอบมาตามดูเขาบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ไม่แน่ใจว่าชอบนางเอกหรืออีกคนกันแน่  และส่วนตัวที่ไม่ชอบคือ เวลาที่พระเอกเอาเรื่องลูกมาเป็นข้ออ้างและต่อว่านางเอกเรื่องที่ทิ้งลูกไปเมื่อตอนนู้นอะ (โดยเฉพาะในตอนท้ายเล่ม 4 ที่หยิบเรื่องนั้นมาพูดและเรื่องข้อเสนอที่หากนางเอกอยากกลับมาอยู่กับลูกอะ)

คือนางก็แต่งงานมีคนรักใหม่ไปแล้ว ลูกก็เลยต้องไปๆ มาๆ เหมือนครอบครัวในยุคปัจจุบันที่ถึงพ่อแม่จะเลิกกันแต่ลูกก็ยังไปมาหาสู่กับทั้งสองฝั่งได้ แล้วลูกนางเอกคือแบบเด็กดีมากก น้องอยากให้พ่อแม่กลับมาอยู่ด้วยกันนะ แต่พอรู้เรื่องที่พ่อเคยทำกับแม่ไว้ น้องก็บอกเลยว่าไม่อยากให้แม่กลับมา เพราะถ้าแม่อยู่กับพ่อ แม่ก็จะต้องเสียใจและเป็นทุกข์ น้องไม่อยากให้แม่เสียใจ เพราะงั้นให้แม่อยู่กับพระรองเถอะ...คือแบบนี้ก็ดีนะ เพราะน้องก็เข้ากับพระรองได้ นางเอกก็มีความสุข คงจะดีถ้าจบแบบนี้ไปเลย คงจะดีถ้าไม่มีเรื่องสงครามที่ยืดเยื้อมากว่าหมื่นปีของทั้งสามดินแดนเข้ามาเกี่ยว รวมถึงไอ้โชคชะตาเฮงซวยที่หนียังไงก็หนีไม่พ้นนั่น....

นักเขียนใจร้ายกับนางเอกมาก ไหนจะต้องพลัดพรากไม่สมหวัง ต้องทุกข์ทรมาน ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ มากมาย เดี๋ยวตายเดี๋ยวเจ็บหนักตั้งกี่ครั้ง ถ้าไม่บอกก็เข้าใจว่าทั้งหมดที่เจอนี้มันอาจเป็นบททดสอบหรือการฝ่าเคราะห์เพื่อให้นางได้ขึ้นไปเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่บนสวรรค์อะไรรึป่าววะ? วิบากกรรมจะเยอะไปไหน ชีวิตนางตั้งแต่เจอพระเอกเนี่ยเหมือนมีแต่ทุกข์นะ สุขไม่ค่อยมี ตกลงใครกันแน่ที่เป็นตัวหายนะ55 รักแรกก็ผิดหวังเขาไม่รัก รักครั้งที่สองก็ต้องแยกจาก อ่านเล่มสี่แล้วน้ำตาไหลพรากT^T ทำไมๆๆ ทั้งๆ ที่นางกำลังมีความสุขแล้วแท้ๆ แต่ทำไมยังต้องมีเรื่องสงครามนี้เกิดขึ้นมาอีก จอมปีศาจตัวต้นเรื่องก็นะ ทำคนตายไปตั้งมากมายมหาศาล ทำคนเขาเดือนร้อนไปทั่วดินแดน แต่คนต้นเรื่องสุดท้ายกลับไม่ตายแถมยังได้ลูกชายคืนอีก...อารายเนี่ยยย คือเอ็งควรจะเป็นคนที่ได้รับผลกรรมมากกว่าใครเพื่อน และสมควรจะถูกสวรรค์ส่งสายฟ้าลงมาฟาดตายมากที่สุดเลยนะ..แต่พอเป็นนางเอกนิดๆ หน่อยๆ ก็ผ่าและ ยุติธรรมมากกก

นางเอกก็เหมือนเดอะแบก เป็นตัวเสริม ตรงไหนขาด ใครอยากให้ช่วยอะไรตรงไหนก็ต้องไป ภารกิจเยอะ ยุ่งวุ่นวายสุดๆ เลยไม่ค่อยได้อยู่ที่ไหนนานๆ ดีที่เป็นภูตจะไปไหนก็เลยเร็ว หมื่นลี้ก็แค่หน้าปากซอย ..ส่วนพาร์ตความรักของพระ-นาง กว่านางเอกจะยอมเปิดใจก็เกือบหน้าสุดท้ายเลย  คือเราว่านางน่าจะชอบพระเอกตอนพาร์ตที่เป็นตงหลายบนโลกมนุษย์มากกว่านะ ตอนกลับไปเกิดใหม่รอบหลังพอมาเจอกันอีกครั้ง คราวนี้พระเอกมีกลิ่นอายของความเป็นตงหลายบนโลกมนุษย์กลับมาด้วยไง มีความอ่อนโยน อบอุ่นนิดๆ แน่ชัดในความรู้สึก ไม่เหมือนตอนเป็นจอมมารที่เหมือนผีเข้าผีออกอยู่ตลอด บวกกับได้พระเอกช่วยปกป้องเอาไว้อีกครั้งเหมือนคราแรกที่พบกัน บวกกับหมดหวังเรื่องพระรองแล้ว จำต้องตัดใจปล่อยไปตามลิขิตสวรรค์ สุดท้ายนางเอกก็เลยยอมกลับมาหาพระเอกอีกครั้ง(มั้ง) ...(อันนี้เราคิดเดาเองเน้อ) 

สุดท้ายก็เป็นไปตามหินเนื้อคู่ ไม่อาจฝ่าฝืนโชคชะตาได้ ...คำว่าลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตนใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะพยายามแค่ไหนก็ถูกตีกลับ สุดท้ายจึงได้แต่ต้องยอมรับในชะตากรรม สรุปพยายามยังไงก็สู้ปลายปากกานักเขียนม่ายล่ายยดอก55  ก็นักเขียนเขาเขียนมาแบบนี้เราก็ต้องยอมรับอะนะ55 แบบถ้าเป็นพระ-นางก็จะอึดถึกตายยากกว่าชาวบ้าน หวิดจะตายแต่ก็ไม่ตาย ตายแล้วเดี๋ยวก็มีคนช่วยให้ฟื้นกลับคืนมาใหม่ ส่วนคนไม่สำคัญโดนที่เดียวคือจบ55  

อ่านจบแล้วส่วนตัวเราชอบพระรองมากกว่านะ ชอบตอนนางเอกอยู่กับพระรอง มันดูเหมือนคู่รักกันจริงๆ มากกว่าตอนอยู่กับพระเอกอะ นางเอกได้ออดอ้อนออเซาะ ได้ทำตัวอ่อนแอ เวลาเจ็บก็ร้องไห้ออกมาแล้วมุดอกพระรองให้เขาโอ๋ปลอบ ไม่ต้องคอยทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลา เหนื่อยอยากได้กำลังใจก็กางแขนออก พระรองก็เดินเข้ามากอดตอบแล้ว ในตอนหลังๆ สถานที่ที่นางเอกกลับไปอยู่ ก็มีแต่ที่ที่นางเคยอยู่กับพระรองนะ ...อยากให้จบแบบในตอนพิเศษจัง เฮ้อออ

 

📍ยอมแหกกฏฟ้า มิอาจทรยศนาง 5 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/1VrKgidltm

 


วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565

จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า 3 เล่มจบ

 


จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า 3 เล่มจบ
ผู้แต่ง : เทียนหรูอวี้
ผู้แปล : 
หม่านอู้เฉิงซิน
สำนักพิมพ์ แจ่มใส 

' หากวันใดวันหนึ่งที่ข้าตายจริงๆ ก็เอาข้าฝังไว้ที่เขาวั่งจี้แล้วกัน
ฝังทางเหนือหันหน้าไปทางตะวันตก '

' ให้ข้าได้เฝ้ารักษาโยวโจวตลอดกาล และมองไปที่ฉางอันทางตะวันตก ...
จะได้ให้นางรู้ว่ามีภูเขาลูกหนึ่งอยู่ที่นี่... รอคอยนางอยู่ตลอดไป '

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

พระเอก ซานจง จอมเสเพลคุณชายใหญ่ผู้มาจากตระกูลสูงศักดิ์สายทหารของลั่วหยาง
เปี่ยมความสามารถไม่มีบุรุษใดกล้าเทียบเคียง นิสัยโอหัง หยิ่งผยอง ชอบทำอะไรตามใจตน กรอบจารีตประเพณีก็เป็นแค่คำพูดสวยหรูเท่านั้น ....พระเอกได้เป็นแม่ทัพเข้าสู่สนามรบตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งยังคนโปรดของอดีตฮ่องเต้จึงมักถูกเรียกใช้งานอยู่บ่อยๆ พอถึงวัยอันควรก็ได้แต่งงานกับมุกน้ำงามที่ชายหนุ่มมากมายเฝ้าหมายปอง สมบัติล้ำค่าของตระกูลจ่างซุน จ่างซุนเสินหรง บุตรสาวสุดที่รักของจ้าวกั๋วกง ตระกูลสูงศักดิ์เก่าแก่แห่งฉางอัน

แต่ใครจะไปคิดว่าการแต่งงานที่ดีงามเช่นนี้จะจบลงภายใน 6 เดือน
นางเอกถูกหย่าและกลับมาบ้านพร้อมกับหนังสือแยกทางหนึ่งฉบับ ส่วนพระเอกก็ยกทรัพย์สินทุกอย่างของตัวเองให้นางเอกไปทั้งหมด ขอออกจากตระกูลตัวเปล่า ละทิ้งทุกอย่างและจากไปไม่หวนกลับ...ทว่า
3 ปีต่อมาทั้งสองคนก็ถูกชะตานำพาให้กลับมาพบกันใหม่ที่เมืองชายแดนอันห่างไกล และได้เริ่มสานต่อวาสนาเดิมกันอีกครั้ง...

สามปีผ่านไปฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ แต่ตอนที่เกิดการแย่งชิงบัลลังก์บ้านนางเอกไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งที่สนับสนุนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ จึงทำให้ต้องรีบสร้างผลงานเพราะเกรงว่าจะถูกกำจัด บังเอิญว่าตระกูลนางเอกมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับภูมิลักษณ์การหาสายแร่ เพราะมีม้วนหนังสือที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษคอยช่วย แต่คนที่ตีความได้มีเพียงนางเอกคนเดียว นางเอกจึงกลายเป็นผู้สืบทอดม้วนหนังสือ เป็นดั่งบรรพชนน้อยหรือสมบัติล้ำค่าของตระกูลที่ทุกคนรักใคร่และพร้อมใจกันปกป้องดูแล ...แต่สมบัติล้ำค่าของพวกเขากลับถูกใครบางคนทิ้งขว้างไม่ใยดี จึงไม่แปลกที่พระเอกจะถูกที่บ้านนางเอกโกรธเกลียดมากขนาดนั้น
ก็เขาเลี้ยงของเขามาอย่างดี พยายามมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แต่พระเอกดันมาหย่าและขอแยกทางกับลูกเขาแบบนี้ เป็นใครจะไม่โกรธล่ะ แถมเป็นตระกูลใหญ่ด้วย ต้องเสียหน้าเสียชื่อเสียงขนาดไหน โดยเฉพาะชื่อเสียงของลูกสาวเขา ... ซึ่งพ่อแม่นางเอกนี่แหละจะกลายเป็นด่านใหญ่ที่สุดที่พระเอกจะต้องฝ่าไปให้ได้ในภายหลัง

นางเอกต้องออกเดินทางไปหาสายแร่กับพี่ชายจนมาถึงเมืองชายแดนโยวโจว และได้พบกับพระเอกซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารอยู่ที่นั่นพอดี จะเลี่ยงก็ไม่ได้เพราะที่นี่พระเอกใหญ่สุด จะทำอะไรส่วนใหญ่ก็ต้องผ่านพระเอก ให้พระเอกช่วย หนียังไงก็หนีไม่พ้น ...
แม้จะได้กลับมาพบอดีตภรรยาคนงามผู้สูงศักดิ์อีกครั้ง แต่พระเอกก็ยังมีท่าทางยียวนหยิ่งผยอง ไม่มีวี่แววของคนรู้สึกผิดหรือมีท่าทีเกรงใจใดๆ จนทำให้อดีตภรรยาคนงามต้องโมโหอยู่ร่ำไป แค้นใหม่แค้นเก่าผสมปนเป จากตอนแรกที่ว่าจะหลบเลี่ยงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีก แต่พอเจอท่าทีโอหังแบบนี้ของอิพี่เข้าไป นางเอกก็เปลี่ยนใจและตั้งมั่นว่าจะต้องทำให้อิอดีตสามีสำนึกเสียใจจนยอมก้มหัวให้ตัวเองให้จงได้.....
สงครามเย็นลับๆ ของคุณหนูเอาแต่ใจ
Xคุณชายเสเพล...จึงบังเกิด

ทว่าพอได้มาเจอกันในบทบาทหน้าที่ใหม่ ได้ใกล้ชิดช่วยเหลือกัน ได้เห็นอีกฝ่ายในมุมมองที่แปลกใหม่ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมจากที่เคยนึกคิด อดีตภรรยาไม่ได้เป็นเพียงคุณหนูคนงามในห้องหอทั่วๆ ไปที่เอาแต่ดื่มชา เย็บปัก แต่งกลอน หรือดีดพิณ แต่ยังมีความรู้ในเรื่องภูมิลักษณ์ที่ใครก็คาดไม่ถึง แถมยังเรียกได้ว่าอึดถึก เพราะจะขึ้นเขาลงห้วย เสี่ยงอันตราย หรือเดินทางไกลเพียงใดนางก็ไม่เคยหวั่นหรือบ่นสักคำ จากที่ชอบพูดจาผลักไสไล่ส่งให้เขากลับไปไวๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอยากให้เขาอยู่ต่อไม่จากไปไหนแทน ถึงขั้นเอ่ยปากขอให้กลับมาแต่งงานกันใหม่และเป็นภรรยาของตัวเองอีกครั้ง...

ผลงานของผู้เขียน 'แม่ทัพใหญ่ผู้นี้คือสามีข้า' ในเรื่องนี้จะเป็นเหตุการณ์ช่วงหลังจากที่หลานชายของนางเอกในเรื่องแม่ทัพใหญ่ได้ขึ้นครองราชย์ และจะมีตัวละครบางตัวจากในเรื่องแม่ทัพใหญ่โผล่มามีบทบาทในเรื่องนี้ด้วย เรื่องแม่ทัพใหญ่นางเอกเป็นแม่ค้าหาเงินเก่ง ส่วนเรื่องนี้นางเอกถนัดเรื่องภูมิลักษณ์หาแร่ ก็แปลกใหม่ดี เดินทางบ่อยจนแทบจะจบเรื่องได้ ทั้งขึ้นเขาลงห้วย ตรวจตราสภาพแวดล้อม เดี๋ยวก็ต้องไปสำรวจภูมิลักษณ์ เดี๋ยวก็เดินทางจากเมืองนั้นไปเมืองนี้ จากเมืองนี้ไปเมืองนู้น แล้วไหนจะเรื่องศึกสงครามที่นอกด่านอีก ชีพจรลงเท้ากันสุดๆ เกินครึ่งถ้าไม่อยู่บนรถม้าก็ต้องเป็นบนหลังม้านี่แหละ ...

เล่มแรกจะเป็นการหาสายแร่การทำเหมือง มีปัญหาเกี่ยวกับเหมืองที่ต้องแก้ไขและทำให้พระ-นางได้ใกล้ชิดกัน เล่มสองทั้งสองต่างมีใจให้กัน พระเอกรุกกลับมาตามจีบอดีตภรรยาใหม่ แต่นางเอกก็ไม่พูดให้ชัดเจนสักที อึกๆ อักๆ แล้วเดี๋ยวก็มีงานเข้า แล้วเดี๋ยวก็มีคนเรียก เดี๋ยวนางเอกก็ต้องเดินทางกลับ เดี๋ยวพระเอกก็ตามไปส่งอีก กว่าจะคุยกันรู้เรื่องเห็นแล้วเหนื่อยแทน..นางเอกก็ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ด้วยมั้ง(รึเปล่า) ก็เลยจะเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงออก ปากแข็งปากไม่ตรงกับใจ เลยไม่ค่อยชอบช่วงที่พระนางเคลียร์ใจกันเท่าไร ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเอื่อยเฉื่อย นางเอกก็มัวแต่ยึกๆ ยักๆ ต้องไปๆ กลับๆ กันกี่รอบไม่รู้กว่าจะพูดกันจนรู้เรื่องได้  ...

แต่นอกจากเรื่องพวกนี้ก็มีเรื่องศึกสงครามนี่แหละที่จะขาดไม่ได้ เป็นจุดที่เราชอบที่สุด
ส่วนตัวคือชอบมากกว่าเรื่องรักๆ ของพระ-นางอีกนะ
55 โดยเฉพาะฉากรบในเล่มสามกับตอนที่ทัพหลูหลงได้กลับคืนและตะโกนว่า "ทัพหลูหลงกลับสู่สังกัด" เป็นอะไรที่ตราตรึงสุดๆ ชอบตอนที่พระเอกแอบออกไปเพื่อช่วยพาคนกลับมา และตอนที่เห็นธงคนก็พยายามวิ่งฝ่าดงศัตรูเข้ามาแล้วตะโกนรายงานตัวกัน....ดีนะที่ฮ่องเต้เปลี่ยนคนแล้ว ไม่อย่างนั้นพระเอกและพวกพ้องคงไม่มีทางเป็นอิสระและได้ล้างมลทินแน่นอน ...

ส่วนอีกเรื่องที่เราสนใจและรู้สึกสงสัยก็คือ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พระเอกต้องแยกทางกับนางเอก และสาเหตุที่ต้องอยู่ในโยวโจวตลอดไปไม่อาจออกมาได้มันเป็นเพราะเหตุใด
เราว่านักเขียนค่อยๆ เฉลยปมตรงจุดนี้ได้ดีเลยนะ ...พอเฉลยแล้วก็เข้าใจเลยว่าทำไมพระเอกถึงต้องทำแบบนั้น สิ่งที่พระเอกต้องแบกรับมันหนักหนาจนพูดไม่ออกเลยจริงๆ ตัวพระเอกก็ไม่สามารถเอ่ยปากบอกใครได้ด้วย ต้องจำยอมถูกคนประณาม ถูกต่อว่าถูกเข้าใจผิดอยู่แบบนั้น แต่ใครจะว่ายังไงตัวพี่ก็ยังโอหังไม่ทุกข์ร้อน ยังคงมีท่าทางเสเพลทำเหมือนไม่มีอะไรเช่นเดิม ทั้งที่จริงๆ มันหนักมากกก ....

ป.ล. ชอบคู่รอง เคมีเข้ากันดีมากก
ป.ล.การแปล = บางประโยคอ่านแล้วงงๆ ต้องอ่านซ้ำๆ ถึงจะเข้าใจอะ 


📍จอมอหังการผู้นี้คือสามีข้า 3 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/5q0JxjMBlc





วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2565

โฉมตรูคู่หทัย

 


โฉมตรูคู่หทัย (เล่มเดียวจบ)
ผู้แต่ง : จี้ชิว (寄秋)
ผู้แปล : เหมยชมจันทร์ & เชาว์เหลียน
วาดปก : NoRWAN
สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก เฟิงจื่ออี ถูกขายมาเป็นสาวใช้ในจวนสกุลฉีตั้งแต่ยังเด็ก (แต่ไม่ได้ขายขาดนะ ขายแค่ 10 ปี) ตระกูลฉีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น แต่เจ้านายทั้งหลายที่อยู่ในจวนกลับไม่มีใครเอาการเอางานหรือสนใจที่จะดูแลควบคุมจวนตัวเองเลย นอกจากบุตรชายคนโตหรือพระเอก ฉีเทียนเฮ่า คุณชายใหญ่ที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นท่านเจ้าเมืองตั้งแต่อายุ 15 
แต่พอเป็นเจ้าเมืองพระเอกก็ไม่ค่อยมีเวลา งานทุกอย่างจึงตกไปอยู่ที่พ่อบ้านของจวนแทน ...แต่หลังจากที่ได้นางเอกช่วยชีวิตเอาไว้ในตอนที่ถูกพิษ ได้เห็นความเฉลียวฉลาดดูมีแววของนาง พระเอกก็เลยจับคนเขามาสอนสิ่งต่างๆ เพื่อปั้นให้เป็นผู้ดูแลจวนคนต่อไป ...

อ่านเพลินๆ ขำๆ พล็อตไม่มีอะไรมาก ไม่ต้องถามถึงความสมเหตุสมผล เพราะมันอิหยังตั้งแต่ตัวนางเอกที่เป็นสาวใช้แต่กลับใช้ชีวิตประหนึ่งเจ้านายแล้ว เอาตรงๆ คือใหญ่กว่าเจ้านายอีกนะ คุณหนูคุณชาย ไม่ว่าใครในจวนก็พากันกลัวและเคารพยำเกรงนางกันหมด
การพูดจา ข้าวของเครื่องใช้ ท่าทางไม่เหมือนสาวเลยใช้สักนิด ...
ส่วนพระเอกก็ไม่ค่อยได้อยู่จวน ภารกิจเยอะ เลยต้องยกหน้าที่การดูแลจวน+ดูแลกิจการร้านค้าต่างๆ ของตระกูลให้นางเอกทำแทนหมด เพราะคนในบ้านชิลกันเหลือเกิน ไม่มีใครที่พอจะพึ่งพาหรือฝากความหวังได้เลยสักกะคน ...

นอกจากเรื่องงานเจ้าเมือง พระเอกก็ยังต้องแอบไปตามสืบเรื่องสมบัติของแคว้นที่เล่าขานมานาน ต้องไปหาแผนที่กับกุญแจที่จะนำไปพบกับสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ ต้องรีบหาให้เจอก่อนที่ฝั่งตัวร้ายจะหาพบ ...พระเอกจึงไปๆ มาๆ ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เวลาไปไหนก็ไม่ได้บอกใคร ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า บทจะไปก็ไปเลย นางเอกก็เลยแอบน้อยใจที่หลังๆ เวลาพระเอกจะไหนมาไหน หรือจะกลับมาเมื่อไรก็ไม่ยอมบอกกล่าวกันบ้างเลย กลับมาก็ไม่เห็นมาเล่าอะไรให้ฟังเหมือนแต่ก่อน .. น้อยใจ คิดว่าพระเอกมัวแต่ไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติกับสตรีในดวงใจ(น้องสาวเพื่อน) ...คิดว่าพระเอกคงมองตัวเองเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง ...กระซิกๆ

พระเอกมาเริ่มรู้สึกตัวว่าชอบนางเอกจริงๆ ก็ตอนที่นางพลัดตกน้ำ แต่ยังไม่ได้สานอะไรต่อมากก็มีเหตุให้ต้องจากบ้านไป แถมจากไปคราวนี้ก็ยังไปนานถึง 2 ปี นางเอกเลยยิ่งงอนหนัก กลับมาก็หลบหน้ามีท่าทางปั้นปึ่ง ... แต่พระเอกก็ไม่สามารถบอกความจริงได้เพราะกลัวนางเอกจะเดือดร้อนตามไปด้วย ....แต่ความอิหยังยังไม่หมด เพราะตอนที่น้องสาวพระเอกซึ่งเป็นพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้กำลังตั้งครรภ์ ฮ่องเต้ก็มีรับสั่งอนุญาตให้น้องพระเอกกลับมาอยู่ที่บ้านได้ด้วยจ้า (ได้หราาาา...โอเคๆ อ่านเอาเพลินๆ อย่าคิดมาก 55) ...
พระเอกรู้ว่าจะมีคนวางแผนชั่วและอาจทำให้เกิดเหตุร้ายกับน้องสาวเพื่อใส่ร้ายคนในตระกูล เลยบอกนางเอกให้ระมัดระวังเยอะๆ ..แต่สุดท้ายเรื่องมันก็เกิดจนได้ นางเอกก็ถูกใส่ร้ายโดนจับเข้าคุกและมีเหตุให้ต้องเข้าใจพระเอกผิดไป ...

หลังจากนั้นก็มีคนช่วยนางเอกออกจากคุก นางเอกหนีไปที่เมืองอื่นโดยมีน้องสาวพระเอกแอบหนีตามไปด้วย (อะไรฟะ)...พอตังค์หมดก็ไปทำงานเป็นสาวใช้อยู่ในจวนเจ้าเมืองเมืองหนึ่ง ต้องปกปิดชื่อแซ่ และได้เจอกับท่านเจ้าเมืองลึกลับที่ต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา (โอ๊ยยย เดาไม่ออกเลยจ้า) ...

ปมดูเยอะแต่จริงๆ ไม่มีอะไร พล็อตเบา ดราม่ามีก็เหมือนไม่มี มีแต่ความอิหยังเต็มไปหมด หลักๆ ก็เป็นเรื่องการหาสมบัติ มีการก่อกบฎเข้ามาเอี่ยวนิดหน่อย และเรื่องอดีตของนางเอก ..จบสวย แฮปปี้ตามคาด ล้าลาลา...


📍โฉมตรูคู่หทัย ➡️ https://s.shopee.co.th/8fKVLNe1Zr




วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2565

Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว

 


Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว 4 เล่มจบ
ผู้แต่ง : หงจิ่ว
ผู้แปล : เฉี่ยวหลิงชิงซิ่ว
สำนักพิมพ์ แจ่มใส (With Love)

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอก หนิงเหมิง หญิงสาวที่จับผลัดจับผลูต้องมาทำงานเป็นเลขาให้กับเจ้านายผู้มีอารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าสภาพอากาศและเป็นโรคจูนิเบียวอย่าง ลู่จี้หมิง ลูกเศรษฐีหรือเจ้าของบริษัทจี้หมิงแคปปิตอล บอสใหญ่ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กลับต้องเปลี่ยนเลขาทุกๆ 3 เดือน เพราะไม่มีใครทนพี่แกไหว ลูกน้องพากันหลีกหนีไม่อยากอยู่ใกล้ พอพระเอกเริ่มแผลงฤทธิ์เมื่อไรก็พร้อมใจกันเรียกหานางเอกให้เข้ามาช่วยกอบกู้ทุกครั้ง เพราะเธอเป็นคนเดียวที่รู้วิธีรับมือและเอาพระเอกอยู่ได้ ...

แต่ความฝันจริงๆ ของนางเอกคือการได้เป็นผู้อำนวยการการลงทุน เป็นผอ.หนิง ไม่ใช่เลขาฯ เมื่อเห็นว่าสมควรแกเวลาแล้ว( 3 ปี) ก็เลยจะขอย้ายไปอยู่ด้านการลงทุนแทน
แต่กลับถูกพระเอกซึ่งเป็นเจ้านายปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้า ทั้งยังปรามาสตัวเธอต่างๆ นานา ...
แต่นางเอกก็ไม่ถอย สุดท้ายพระเอกเลยต้องจำใจยอมให้นางเอกไปทำตรงนั้นได้
3 เดือน
แต่ถ้าภายใน
3 เดือนยังไม่มีผลงานก็ต้องกลับมาเป็นเลขาอยู่ข้างกายพี่เหมือนเดิมนะจ๊ะ...

พอไปทำที่แผนกนั้นก็ดันถูกอิหัวหน้าโปรเจกต์หาเรื่องกลั่นแกล้ง เพราะแอบแค้นที่ตอนถูกพระเอกต่อว่าคราวนั้นนางเอกไม่ช่วยพูด บวกกับคิดว่าที่นางเอกย้ายมานี้คือมีปัญหากับพระเอกและกำลังจะถูกบีบให้ออก ก็เลยได้ทีจ้องหาเรื่องขัดนางเอกมันซะทุกอย่าง พระเอกก็ไม่สนเพราะอยากให้คนเขากลับมาเป็นเลขาตัวเองอยู่แล้ว จนมาถึงฟางเส้นสุดท้ายที่นางเอกถูกขโมยผลงาน แล้วพระเอกไม่หือไม่อือแถมยังมาต่อว่า+ดูถูกซ้ำอีก นางเอกก็เลยยื่นใบลาออก ขอลาออกจากบริษัทซะเลย 55...(สะใจ)

โชคดีที่พอได้งานใหม่ก็เจอเจ้านายดี แต่พระเอกก็ยังทำตัวประหนึ่งวิญญาณตามติด
คอยโทรมากวนประสาท อ้างนั่นนู่นนี่สรุปก็คืออยากให้เขากลับมาเป็นเลขาตัวเองเหมือนเดิม ขาดเขาไม่ได้แต่ยังไม่รู้ตัว ไม่เคยมีคำพูดดีๆ ออกมาจากปาก ปากเสีย ปากไม่ตรงกับใจ
มีแต่คำต่อว่า คำดูถูกประชดประชัน แต่ไม่ว่ายังไงนางเอกก็นิ่งไม่ยอมกลับ
แถมยังบล็อกเบอร์พี่แกด้วย พอถูกบล็อกอิพี่ก็ดิ้นไม่พอใจอย่างแรง ต้องหาวิธีทำให้นางเอกปลดบล็อกเบอร์ตัวเองให้ได้ แต่พอนางเอกปลด อิพี่ก็เป็นฝ่ายบล็อกเขากลับคืน ...นิสัยเด็กไหมล่ะ 55
เจ้านายใหม่ดูออกว่าพระเอกชอบเลขาเก่าตัวเอง เวลามีโปรเจกต์อะไรที่อยากดึงพระเอกเข้าร่วมเลยชอบส่งนางเอกไปเจรจาออกหน้า เพราะรู้ว่าพระเอกต้องตกลง...

พระเอกก็ยังคงสไตล์เด็กน้อยลู่เหมือนเดิม ทำดีๆ พูดเพราะๆ ไม่เป็น ต้องขวางโลกกวนประสาทจิกกัดเขาได้ก่อนถึงจะมีความสุข แต่พอนางเอกนิ่งไม่คล้อยตามก็ยิ่งอาละวาดไม่พอใจ กระหน่ำซ้ำมันเข้าไป ก็เป็นแบบนี้แล้วไผสิอยากกลับมา ...นางเอกก็ยิ่งฮึดสู้ยิ่งกว่าเก่า ยิ่งมุ่งมั่นพัฒนาตัวเอง ล้มบ้างผิดพลาดบ้าง แต่ก็เก็บไว้เป็นบทเรียนนำเอากลับมาปรับปรุงแก้ไขใหม่ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องทำให้พระเอกเรียกตัวเองว่า 'ผอ.หนิง' ให้ได้..

สองเล่มแรกพระเอกปากแจ๋ววอนหาเรื่องตลอด นับถือนางเอกจริงๆ ที่ทนมาได้ตั้ง 3 ปี เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย (แต่ส่วนใหญ่จะร้ายมากกว่าดี) อยากให้เขากลับมาก็ไม่พูดดีๆ ไม่อยากให้เขาทำสายลงทุนก็ไม่ยอมบอกเหตุผลดีๆ ว่าทำไม กลับเลือกใช้ไม้แข็ง ใช้คำพูดทิ่มแทงหัวใจ กลับกลายเป็นการผลักไสให้เขาไกลห่างมากกว่าเดิม ...พอรู้ว่านางเอกอาศัยอยู่ในคอนโดห้องเช่าตรงข้ามกับห้องเพื่อนซี้ อิพี่ก็ไปบีบให้เพื่อนขายห้องให้ตัวเองทันทีแล้วย้ายมาอยู่แทน บริษัทนางเอกต้องย้ายหาสถานที่ทำงานใหม่ อิพี่ก็ไปดีลให้เขามาอยู่ตึกเดียวกับตัวเองจนได้ นางเอกต้องไปดูงานที่ต่างเมือง อิพี่ก็หาข้ออ้างตามไปกับเขาด้วย ทำทุกวิถีทางจริงๆ แต่ก็ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกนะว่าชอบเขาแล้ว ...จนมีวันหนึ่งพระเอกเมาแล้วหลุดพูดเรื่องผู้หญิงที่ตัวเองชอบออกมา นางเอกถึงได้รู้ว่าที่แท้ตัวเองก็เป็นแค่เงาของพี่สาวนางฟ้าที่พระเอกชอบเท่านั้น ..นับแต่นั้นนางเอกเลยตัดใจและถอยออกมาจากชีวิตพระเอกแบบจริงๆ จังๆ ...

พระเอกก็รู้สึกนะว่านางเอกมีบางอย่างเปลี่ยนไปแต่ไม่รู้ว่าตรงไหน เพราะจำเรื่องที่ตัวเองพูดไม่ได้ (เวลาเมาพระเอกจะพูดง่าย ใครขออะไรก็รับปาก ถ้าอยากได้อะไรจากพระเอกต้องอาศัยตอนเมา) จากนั้นพี่นางฟ้าที่พระเอกชอบมานานก็กลับมาพอดี ส่วนนางเอกก็ตกลงคบกับรุ่นพี่สมัยมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเคยแอบปลื้มมานานเช่นกัน แต่ก่อนจะคบกันนางเอกก็บอกนะว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์แบบนี้ๆ  รุ่นพี่ยังโอเคอยากคบอยู่ไหม พอมีแฟนแล้วนางเอกก็ไม่เคยวอกแวก ชัดเจน ถ้าตนคุยโทรศัพท์หรือเจอพระเอกแล้วรุ่นพี่ไม่โอเค นางเอกก็ยินดีไม่ทำ ต่อไปจะคุยเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น ให้เกียรติรุ่นพี่ แต่รุ่นพี่อะมีปมที่เคยถูกคนรักเก่าทิ้งไปเลือกคนที่รวยกว่า มันกลายเป็นเงามืดที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างหนัก ทำให้ขี้หึงหวาดระแวงกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย จากหนุ่มน้อยที่เคยสดใสมีอุดมการณ์ก็เปลี่ยนกลายเป็นคนเก็บกดและมีหลายบุคลิก...จริงๆ ถ้าตอนนั้นรุ่นพี่เลือกนางเอกก็คงจะดีเนาะ T^T ...(แต่ถ้าเป็นแบบนั้นพระเอกก็ต้องเปลี่ยนคนสินะ 55)

ซึ่งพอพระเอกเห็นเขาคบกันก็ปวดใจ เล่มสามนี่เปลี่ยนจากปีศาจลู่กลายเป็นหมาน้อยลู่แล้ว แต่พระเอกก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดีว่าอะไรคือรักที่แท้จริง แบบไหนคือความรักระหว่างชายหญิง เพื่อนพูดเตือนสติก็แล้ว ด่าก็แล้ว แต่ก็ไม่เคยฟัง ทว่าพอเห็นเขาแสดงความรักไปไหนมาไหนด้วยกันก็เจ็บเจียนตาย หมดแรง ...

สองเล่มแรกเหมือนเป็นช่วงการเติบโตของนางเอก จากเลขาสาวที่ขาดความมั่นใจ ต้องทำตัวหงอเพราะต้องคอยก้มหน้าเอาใจคนอื่นอยู่ตลอด ไม่กล้าแม้แต่ที่จะถอดแว่นตาหรือเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเพราะรู้สึกว่าตัวเองยังดีไม่พอ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากผู้ตามไปเป็นผู้นำ กล้ายืนหยัดในความคิดของตนเองแต่ก็ไม่ตึงจนเกินไป ทว่าที่แน่ๆ คือไม่ว่าจะเจอกับสิ่งล่อตาล่อใจมากขนาดไหน นางเอกก็ยังยึดมั่นในอุดมการณ์เดิมไม่สั่นคลอน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจชักจูงหรือทำให้เธอเปลี่ยนสีตามไปด้วยได้ ...

ส่วนพระเอกก็ต้องยอมรับแหละนะว่าถึงพี่แกจะนิสัยแย่ ปากจะเสีย อารมณ์จะร้าย แต่ถ้าด้านธุรกิจเรื่องงานพระเอกคือเก่งจริง รู้จริง ปัญหาช่วงแรกๆ ที่นางเอกยังมองไม่ออก พระเอกกวาดตาที่เดียวคือเห็นทะลุ และนางเอกก็ได้เรียนรู้อะไรดีๆ หลายอย่างไปจากพระเอกเยอะเหมือนกัน...ความจริงที่พระเอกไม่อยากให้นางเอกมาทำสายนี้ก็เพราะไม่อยากให้แปดเปื้อน เพราะงานด้านนี้มันไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์ กลัวนางเอกจะถูกทำร้ายแล้วรับไม่ไหว คิดว่านิสัยนางเอกไม่เหมาะจะมาสายนี้ ...แต่นางเอกก็ค่อยๆ เรียนรู้ปรับตัวและอยู่กับมันได้ แถมนับวันยังยิ่งส่องประกายยิ่งทำยิ่งรุ่ง จนในที่สุดพระเอกก็ต้องยอมรับในความสามารถและฝีมือของเธออย่างไร้ข้อกังขา  ...

เล่ม 3-4 จะเป็นอะไรที่พีคขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงเหมือนนั่งรถไฟเหาะ เปลี่ยนจากสนามการเมืองแย่งชิงในรั้วในวัง มาเป็นสนามการลงทุนการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ก็สนุกและลุ้นไม่แพ้กันเลย ชิงไหวชิงพริบ วางแผนแก้เกมกันมันมาก พระเอกก็เจอกับปัญหารุมเร้าจนทำให้มองพลาดเดินเกมผิด เจอคนวางแผนสับขาหลอกทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว ธุรกิจพัง บ้านก็ไม่มีอยู่ ถูกคนตามทวงหนี้ ชีวิตพังทลายจนเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่ดีที่นางเอกมาช่วยไว้ทัน คอยอยู่ข้างๆ ปลุกสติให้พี่แกฮึดลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ช่วงหลังเหมือนสลับบทกัน นางเอกกลายเป็นไม้ใหญ่ให้พระเอกพึ่งพิง เป็นคนคอยช่วยหาทางออกพาแก้ปัญหา
และช่วยพาเดินไปทีละก้าวจนพระเอกกลับมาลุกได้ใหม่และสามารถตั้งตัวได้อีกครั้ง...

เป็นแนวการทำงาน การต่อสู้ทางธุรกิจที่เดินไปพร้อมกับเรื่องรักได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ นอกจากจะสนุกแล้ว ก็ยังให้ข้อคิดในการทำงานและการใช้ชีวิต ไม่ผิดหวังเลยที่ได้อ่าน
พระ-นางเหมือนน้ำกับไฟ แต่มีอุดมการณ์ความคิดในการทำงานคล้ายกันคือ....ไม่ทำเรื่องที่ผิดกฏหมาย ท่ามกลางความดำมืดความสกปรกที่ต้องเจอแต่ทั้งคู่ก็ยังคงตัวตนดั้งเดิมของตัวเองเอาไว้ได้ และนางเอกก็สามารถเปลี่ยนจากดักแด้กลายเป็นผีเสื้อที่สวยงามได้ในที่สุด
....

ส่วนเรื่องรักก็มีหลายคู่หลายรูปแบบ มีทั้งแบบที่มูฟออนไปต่อได้ แบบที่สร้างปมปัญหาในใจ และแบบที่ลุกไม่ไหวไปต่อไม่ได้อีกเลย เป็นเรื่องที่หยิบยกปัญหาสุขภาพจิตและเรื่องโรคซึมเศร้ามาพูดได้ค่อนข้างดีทีเดียว โรคซึมเศร้าสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่สิ่งไกลตัวอีกต่อไป นับวันมีแต่จะยิ่งใกล้ ...แอบเสียใจกับเรื่องเพื่อนของนางเอกที่สุด ภายใต้ความสดใสและรอยยิ้ม บางทีเราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าข้างในเขากำลังร้องไห้อยู่หรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขาซุกซ่อนอะไรหรือกำลังเจ็บปวดมากขนาดไหน ... ตอนอ่านจดหมายของเพื่อนนางเอก
เราน้ำตาไหลเลยอะ เศร้า เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงมากๆ (เสียใจมากอะ ช็อกเลย)
T^T

ยังไงก็ต้องขอบคุณพระเอก ขอบคุณเจ้านายใหม่และบางคนที่เข้ามาช่วยชี้แนะเปิดมุมมองสิ่งต่างๆ ให้กับนางเอก ขอบคุณฉีฉีเพื่อนรักที่คอยรับฟังและเป็นกำลังใจให้นางเอกเสมอ และที่สำคัญคือต้องขอบคุณตัวนางเอกเองที่กล้ายืนกรานที่จะเดินตามความฝัน กล้าเปลี่ยนตัวเอง และกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ...จบแฮปปี้ พระเอกพอมีแฟนแล้วคือคลั่งรักมากก รักเดียวใจเดียวสุดๆ นอกจากคลั่งเมียแล้วก็ยังคลั่งลูก เห่อลูกมาก หลังแต่งงานก็พกบัตรใบเดียวที่เหลือให้นางเอกเก็บหมด เข้าชมรมกลัวเมียเป็นที่เรียบร้อย....


📍Master of My Own ขอโทษที ฉันไม่ใช่เลขาคุณแล้ว 4 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/1LXucHnzus



วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2565

ฝ่าบาทได้โปรดสำรวมหน่อย 2 เล่มจบ


ฝ่าบาทได้โปรดสำรวมหน่อย 2 เล่มจบ
ผู้แต่ง : จิ่วเสี่ยวชี (酒小七)
ผู้แปล : หิมะน้อย
สำนักพิมพ์ หอมหมื่นลี้

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

เถียนชี นางเอกของเรื่องปลอมตัวเป็นขันทีเข้ามาอยู่ในวังตั้งแต่อายุ 11 เพื่อหวังจะล้างแค้นให้กับครอบครัว แต่ศัตรูดันชิงตายไปก่อน นางเอกซึ่งไม่มีที่ไปไม่รู้จะทำไงต่อดี เงินก็ไม่มี เลยตัดสินใจทำงานอยู่ในวังต่อเพื่อหาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วค่อยหาช่องทางออกจากวังอีกที แต่โชคร้ายเพราะไม่ว่าจะไปรับใช้เจ้านายคนไหน อีกฝ่ายก็มักมีอันเป็นไปในเวลาไม่นานเสมอ และแล้ววันหนึ่งในขณะที่นางเอกกำลังร้องไห้ให้กับพระสนมซึ่งเป็นเจ้านายคนที่ ที่เพิ่งเสียชีวิตลง ด้วยความเศร้าโศกเสียใจจึงทำให้นางเผลอไปล่วงเกินพระเอกหรือฮ่องเต้โดยไม่ตั้งใจเข้า และนับแต่นั้นชีวิตของนางเอกก็ขึ้นๆ ลงๆ ประหนึ่งนั่งรถไฟเหาะ และยิ่งห่างไกลจากแผนการเดิมเข้าไปทุกทีๆ...

หลังจากนั้นนางเอกก็ได้ย้ายไปทำงานในตำหนักของฮ่องเต้ ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจนเป็นที่อิจฉา แต่เพราะเรื่องการตายของเจ้านายเก่าจึงเป็นเหตุให้นางเกือบถูกคนฆ่าตาย บวกกับการที่ได้เป็นคนโปรดหรือคนสนิทของฮ่องเต้นี้ก็ทำให้มีคนเริ่มคิดอยากจะกำจัด แถมยังถูกคนใส่ร้ายจนต้องกลายเป็นแพะรับบาปและตกอยู่ในแผนการผู้อื่นอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกด้วย เพราะแม้จะเป็นที่โปรดปรานมากขนาดไหนแต่ก็ยังเป็นแค่บ่าวรับใช้อยู่ดี หากไม่มีพระเอกคอยช่วยหรือหนุนหลังอยู่ นางเอกก็คงได้ตายไปหลายรอบแล้วจริงๆ

พระเอก จี้เหิง ฮ่องเต่หนุ่มวัยยี่สิบกว่าที่มีความหลังไม่ดีกับพวกขันที เหตุเพราะฮ่องเต้องค์เก่าให้ความสำคัญกับขันทีมากเกินไป ทำให้ขันทีมีอำนาจมากกระทั่งเกือบจะทำให้พระเอกหลุดจากตำแหน่งรัชทายาท ขุนนางน้ำดีฝ่ายตนก็ถูกสังหารและกำจัดไปมากมาย พอพระเอกขึ้นครองราชย์ได้จึงล้มล้างอำนาจของขันทีทันทีจนสิ้นซากไม่มีเหลือ...
ทว่าทั้งๆ ที่เกลียดมากขนาดนั้น...แต่สุดท้ายพระเอกกลับมาหวั่นไหวใจเต้นให้กับขันทีหน้าสวยขี้ประจบ วันๆ ก่อแต่เรื่องอย่างนางเอกเข้าซะได้...โฮะๆๆ เรากำลังจะกลายเป็นพวกตัดแขนเสื้อเสียแล้วหรือนี่...ไม่ได้เด็ดขาดดด

ดังนั้นช่วงแรกๆ พระเอกจึงพยายามปฏิเสธหัวใจตัวเอง มีอาการผีเข้าผีออกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย นางเอกก็ซวยไป ไม่รู้เหมือนกันว่าพระเอกเป็นอะไร เพราะความรู้สึกช้าไม่ค่อยรู้เรื่องระหว่างชาย-หญิง (ไม่คิดว่าขนาดปลอมเป็นขันทีแล้วยังจะมีคนมาชอบได้อีก 55) นึกว่าฮ่องเต้เป็นโรคประสาท จึงพยายามตั้งใจทำงานและปลงๆ กับชีวิต ไม่รู้ว่าความจริงแล้วพระเอกกำลังแอบชอบตัวเองจนแทบจะบ้าแต่ไม่กล้ายอมรับ จึงต้องหาทางขับไล่ไสส่งนางเอกออกไป เพราะจะให้ฆ่าทิ้งก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่ไล่เขาไปไกลๆ ห้ามมาให้เห็นหน้าอีก ...

ปากก็ไล่ขู่จะฆ่า แต่ในใจนี่ตรงกันข้าม คิดถึงอยากพบหน้าใจแทบขาด ส่วนนางเอกนับวันก็ยิ่งกลัวเลยยิ่งหลบหน้าเพราะพระเอกไบโพลาร์เหลือเกิน จนวันหนึ่งนางเอกก็ตัดสินใจแกล้งป่วยเป็นโรคร้ายแรงเพื่อจะได้ออกจากวัง แต่พอรู้ว่านางเอกป่วย พระเอกก็ทำใจม่ายล่ายต้องรีบวิ่งมาดู แล้วก็กลายเป็นว่าได้ปลดล็อกความรู้สึกของตัวเอง แบบเอาวะ! ตัดแขนเสื้อก็ตัดแขนเสื้อ ไม่หนีแล้ว ให้นางเอกกลับมาอยู่ข้างกายเหมือนเดิมแล้วก็เริ่มรุกละทีนี้ ...

เล่มสองพระเอกรุกหนักมาก นี่ขนาดค่อยเป็นค่อยไปนะ แล้วแต่ละวิธีที่ใช้ก็ทั้งขำทั้งเขินเลย หน้าไม่อายลามกจริงๆ 55 นางเอกก็ใสซื่อนึกว่านี่เป็นงาน ขันทีคนอื่นๆ เขาก็ทำกัน (น้องถึงขนาดไปถามขันทีใหญ่คนสนิทพระเอกเลยนะ คนนี้รู้ว่าพระเอกชอบนางเอกเลยช่วยปกปิดและช่วยพูดเพื่อเจ้านายเต็มที่ 55) พระรองก็งานดี เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนางเอกมากเท่าพระเอก (ก็พระเอกเป็นฮ่องเต้ใครจะกล้าขัด) เลยต้องกินแห้วปายย
พระเอกก็ขี้หึงสุดๆๆ หึงตั้งแต่น้องชายยันลูกตัวเองยันเต่าที่เลี้ยงไว้
55
ลูกพระเอกนี่ไม่พูดถึงไม่ได้ น่ารักใสซื่อ กวนๆ มึนๆ ดี เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูและก้างขวางคอพ่อโดยแท้ เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ แค่อ่านยังชอบเลย ส่วนเต่ายักษ์ก็ตัวขโมยซีนไม่แพ้กัน เสียดายที่เล่ม 2 ไม่ค่อยมีบทเพราะจำศีลอยู่ ...

เล่มสุดท้ายนางเอกไฟท์จัดการกับศัตรูคู่อริอย่างจริงจัง พร้อมๆ กับสืบหาความจริงเรื่องครอบครัวตัวเอง โดยมีพระเอกคอยช่วยเป็นแบ็คให้อยู่ข้างหลัง แบบใครก็แตะนางเอกไม่ได้...อย่าคิดว่าพระเอกโง่นะ เป็นฮ่องเต้ที่ฉลาดรู้ทัน มองออกแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าใครหรือเรื่องอะไรก็หลอกและปิดบังพระเอกไม่ได้นาน นางเอกก็ไม่เคยหลอกสำเร็จเช่นกัน รู้ทันตลอด 55 ...มีแต่เรื่องสภาพเพศนี่แหละที่ปิดได้นาน พระรองยังรู้ก่อนอีก 55 แต่พอพระเอกรู้ก็ดีใจมากจนแทบคลั่ง กระโดดขึ้นไปบนหลังคาชาวบ้านตะโกนไปทั่ว จนเขานึกว่าพี่แกเป็นปีศาจตัดแขนเสื้อ บ้าบอมาก (พระเอกเนี่ย)

ทว่ายิ่งเข้าใกล้ความจริงเรื่องครอบครัวนางเอกมากเท่าไร พระเอกก็ยิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด บวกกับมีคนอยากให้นางเอกเข้าใจผิด...จากที่คิดว่าจะได้ครองคู่อยู่ด้วยกันหลังจากที่รู้ว่านางเอกเป็นสตรี หลังจากที่ฝ่าด่านไทเฮาสำเร็จ แต่สุดท้ายกลับเกิดปมปัญหาใหม่ขึ้นมา แถมใหญ่มากซะด้วย แม้พระเอกจะไม่ใช่คนสั่งแต่สาเหตุหลักก็มาจากตัวเอง นางเอกไม่อาจก้าวผ่านจุดนี้ไปได้เลยคิดจะจากไป...แต่พระเอกก็เล่นใหญ่รัชดาลัย พยายามทำทุกอย่างเพื่อรั้งคนไว้ จนสุดท้ายไทเฮาทนรับสภาพลูกชายไม่ไหวต้องออกโรงเอง....

ผลงานของผู้เขียนฮองเฮาผู้ไร้คุณธรรม, ช่วงเวลาอันแสนหวานเหล่านั้น, สะดุดรักยายถังข้าว และโปรดยิ้มตอบข้าด้วยไมตรี (เฉพาะที่แปลเป็นไทยแล้ว) ...ฉาก nc เรื่องนี้อ่านแล้วแอบนึกถึงฮองเฮาผู้ไร้คุณธรรมเลย 55 พระเอกเป็นฮ่องเต้ที่มีสนมนางในตามปกติ แต่พอรักนางเอกแล้วก็ไม่ยุ่งกับสตรีคนไหนอีกเลย หื่นมากก (กับนางเอกคนเดียวเท่านั้น) ส่วนนางเอกก็ฉลาด เจ้าเล่ห์ น่ารัก ปากหวาน ลื่นยิ่งกว่าปลาไหล เอาตัวรอดเก่ง ดวงแข็งหวิดจะตายหลายทีแต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง
พล็อตไม่หนักแต่ก็ไม่เบา มีช่วงที่แอบหน่วงเศร้า แต่ก็มักมีอะไรขำๆ ตลกๆ มาแทรกอยู่ตลอดเลยเศร้าได้ไม่นาน เน้นฮา อ่านสบายเพลินๆ
ผูกปมดี เพียงแต่ตรงจุดจบของตัวร้ายกับตอนท้ายที่ไทเฮาเจรจากล่อมนางเอก เราว่ามันแอบง่ายไปหน่อย (แต่ก็เข้าใจแหละ เพราะเป็นนิยายตลกไม่เน้นเครียดขนาดนั้นนี่เนาะ)

- ชอบฉากงานแต่งงานของพระ-นาง แต่ลูกพระเอกคิดว่าตัวเองคือคนที่ได้แต่งกับนางเอก แม่นมก็ไม่กล้าบอกความจริง 55 (แบบน้องเด็กอะ ไม่เข้าใจว่าแต่งงานคืออะไร นึกว่าคือการได้อยู่เล่นด้วยกันตลอดไป) พอรู้ความจริงว่านางเอกแต่งกับพ่อไม่ใช่ตัวเอง น้องก็ช็อกซึมไปเลย จนนางเอกต้องมากล่อมบอกว่าการเป็นแม่ดีกว่าภรรยาตรงไหน 55

- เรื่องน้องชายนางเอกอะเหมือนจะมีเล่มต่อไหม ทิ้งท้ายแบบเหมือนจะมีเล่มต่อเลย ><

- แปลดีลื่นไหล แต่ยังมีคำผิด+คำเกินมาอยู่บ้างประปราย


📍ฝ่าบาทได้โปรดสำรวมหน่อย 2 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/AKSjO34n7x