วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก 6 เล่มจบ

 


ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก 6 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เซี่ยวจยาเหริน

ผู้แปล : สนสราญ

สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ผลงานของคุณนักเขียนเรื่อง ชายาสุดโปรด, ชะตาม่ายเจ็ดคราปรารถนาเพียงรักเดียว 

เรื่องนี้เป็นแนวย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีต นางเอกเป็นองค์หญิง ได้แต่งงานกับพระเอกที่เป็นบุตรคนสุดท้องของเฉินเก๋อเหล่า ขุนนางใหญ่มากความสามารถที่เป็นเสาหลักของสภาขุนนาง และเป็นพระอาจารย์ของฮ่องเต้น้อย ส่วนพระเอกเป็นหนุ่มหล่อรูปงามกำยำ มีพี่ชายอีกสองคนที่เก่งกาจและเคยเป็นถึงจ้วงหยวนกับทั่นฮวา เป็นครอบครัวสายบุ๋นของแทร่ แต่พระเอกกลับผ่าเหล่าผ่ากอ บุ๋นไม่เอาจะไปบู๊แทน มิหนำซ้ำนิสัยก็ยังผิดแผกแตกต่างจากพ่อและพี่ชายฝุดๆ บุรุษในบ้านพี่แกล้วนแต่สุขุม สุภาพ อ่อนโยน สง่างาม ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดคำจา เพราะเหตุนี้นางเอกถึงได้ตัดสินใจเลือกพี่แกมาเป็นราชบุตรเขยยังไงเล่า55 

นึกว่านิสัยและกิริยามารยาทของพระเอกคงไม่แตกต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ ในบ้านนัก(หรอกมั้ง) ที่ไหนได้ อิตาซกมกหื่นกามนี่มันใครเนี่ย!!! สามีที่เราเลือกเหรอ🤣 ทำไมไม่เห็นเหมือนพ่อเหมือนพี่ชายเลย(ฟะ) กินข้าวก็เสียงดัง น้ำก็ไม่ชอบอาบ วันๆ คิดแต่จะจับเมียกด พูดมาแต่ละทีก็วอนโดนตบ นิสัยหยาบกระด้างฝุดๆ แบบนี้หล่อแค่ไหนก็รับไม่ได้555 ... แล้วนางเอกเป็นใคร เป็นถึงองค์หญิงที่ฮ่องเต้รักมากที่สุดเชียวนะ หน้าตางดงามดั่งเทพธิดา ผิวพรรณบอบบางขาวเนียนดุจหิมะ ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี กิริยามารยาทยืนหนึ่งสมกับที่เป็นองค์หญิงของราชวงศ์ ที่ผ่านมาเคยเจอแต่คนพูดจาสุภาพมีการศึกษา มีแต่เคารพให้เกียรติ แต่พอแต่งงานกลับสุ่มได้ตัวซีเคร็ทซะอย่างนั้น55 

นางเอกเลยแบบเหม็นขี้หน้าปั๋วสุดๆ ไม่ชอบให้ปั๋วเข้าใกล้ ปั๋วทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด อารมณ์เหม็นปั๋ว ส่วนพระเอกก็เป็นประเภทยิ่งห้ามยิ่งทำ ยิ่งว่ายิ่งอยากเอาชนะ เมียเป็นถึงองค์หญิงแล้วไง กลัวซะที่ไหนล่ะเรา55 ...เดิมทีคิดว่าคงต้องทนเหม็นปั๋วแบบนี้ไปทั้งชีวิต แต่พระเอกกลับดันมาชิงตายจากไปเสียก่อน จากนั้นก็เป็นพ่อสามี พี่ชายสามี และแม่ของสามี เพียงเวลาไม่นานบ้านพระเอกก็พังครืน นางเอกพยายามหาทางช่วยแล้วแต่สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนอะไรได้ ทำได้เพียงมองดูบ้านพระเอกถูกฟ้องร้อง ถูกริบทรัพย์ และถูกเนรเทศทั้งตระกูล หลังกลับมานางเอกก็ป่วยหนัก จากนั้นพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมาในตอนที่เพิ่งแต่งงานได้ 6 เดือน... รอบนี้นางเอกเลยตั้งใจว่าจะพยายามทำดีกับพระเอกให้มากขึ้น(หน่อย) จะพยายามปกป้องคนในบ้านพระเอก และไม่ปล่อยให้พระเอกต้องตายเร็วเหมือนในชาติก่อนอีก แต่อันดับแรกเลยยังไงก็ต้องขอแก้นิสัยสกปรกซกมกของปั๋วก่อนนะ55 

อะไรคือสามีภรรยาปรองดองให้เกียรติซึ่งกันและกัน? อะไรคือราชบุตรเขยต้องเชื่อฟังให้เกียรติองค์หญิง? ไม่มีจ้า อย่าถามหา พระเอกโคตรกวนโอ๊ย วันๆ คิดแต่จะอุ้มภรรยาคนสวยขึ้นเตียง55 (ก็ใครใช้ให้เมียเราขาวสวยซะขนาดนั้น) แต่ถึงพี่แกจะสกปรกซกมกไปบ้าง ปากเสียไปนิด ชอบยั่วโมโหให้เมียโกรธอยู่บ่อยๆ แต่เอาจริงๆ ข้อดีของพระเอกก็มีเยอะอยู่นะ คือเป็นคนตรงๆ กับนางเอกคือคิดอะไรก็พูดออกมาเลย (โดยเฉพาะเรื่อง18+ แพ้เสียงในหัว55) เหมือนไม่จริงจังแต่จริงๆ กลับพึ่งพาได้มากกว่าใคร

เป็นคนหน้าหนาหน้าไม่อาย ไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าหรือคำตำหนิใดๆ 55 เป็นคนไม่อยู่ในกรอบหัวขบถ อะไรที่คนอื่นไม่กล้าทำแต่พระเอกกล้าจ้า กล้าที่จะแบกนางเอกใส่หลังเดินขึ้นลงเขาตอนน้ำท่วม ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่กล้า ทำไมได้ ไม่มีแรง คิดว่าดูไม่เหมาะสม แต่พระเอกไม่สนขอแค่นางเอกไม่ลำบากก็พอ ตอนไว้ทุกข์ต้องกินแต่มังสวิรัติ พระเอกก็กลัวนางเอกจะผอมจะกินไม่อิ่มเลยชอบแอบเข้าป่าไปล่าสัตว์มาให้ ในชาติก่อนนางเอกปฏิเสธไม่ยอมกิน พอได้ย้อนกลับมาเลยพยายามปรับความเข้าใจกับพระเอกใหม่ เรื่องไหนที่ไม่ชอบ+อยากให้ปรับนางเอกก็พูดเลย ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องขึ้นมานอนบนเตียง! 

พระเอกก็กวนโอ๊ยตามประสาแต่สุดท้ายก็ยอมปรับปรุงแก้ไข(ไม่งั้นเดี๋ยวเมียไม่ให้นอนด้วย) จากเดิมที่ไม่มีใครยอมใคร ก็เปลี่ยนเป็นยอมถอยคนละก้าว และถึงเขาจะยังต่อปากต่อคำเถียงกันอยู่ทุกวัน แต่รอบนี้มันกลับเต็มไปด้วยความเข้าใจ ไม่เหมือนอย่างชาติก่อนที่มีแต่ความมึนตึงและเต็มไปด้วยความเย็นชา ต้องรอจนถึงวันที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายจากถึงได้ตระหนักถึงสิ่งที่เรียกว่า...เสียใจภายหลัง

นอกจากการปรับความเข้าใจและช่วยชีวิตพระเอกแล้ว อีกเรื่องซึ่งสำคัญมากๆ ที่นางเอกตั้งใจจะแก้ไขให้ได้ก็คือช่วยให้บ้านพระเอกพ้นภัย ไม่ถูกคนหาเรื่องฟ้องร้องจนบ้านแตกสาแหรกขาด แล้วก็ต้องหาสาเหตุที่ทำให้น้องชายฮ่องเต้เล่นงานบ้านพระเอกด้วย ...นางเอกจำได้ว่าชาติก่อนภรรยาของอาพระเอก(น้องชายพ่อ)แอบรับสินบน พอได้กลับมาใหม่รอบนี้นางเลยแอบไปบอกพระเอกเรื่องที่น้าสะใภ้พระเอกมีบัญชีลับ แกล้งบอกว่าย่าที่เสียไปของพระเอกมาเข้าฝันบอก รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม... ต่อมาก็ลงมือจัดการกับท่านอ๋องในพื้นที่ ในชาติก่อนพ่อพระเอกเป็นคนรวบรวมหลักฐานฟ้องร้องท่านอ๋องคนนี้ จึงทำให้ภายหลังถูกคนนำเรื่องนี้มาใช้ร้องเรียนหลังจากที่พ่อเสียไปแล้วด้วย ซึ่งท่านอ๋องคนนี้อะไม่ถูกกับบ้านพระเอกมานานแล้ว เป็นต้นเหตุที่ทำให้ทวดพระเอกเสีย เนื่องจากอิท่านอ๋องอิจฉาบ้านพระเอก เพราะแต่ก่อนทวดพระเอกเคยทำงานในจวนอ๋องเป็นองครักษ์รับใช้ตัวเอง แต่พอมารุ่นพ่อพระเอกทุกคนกลับได้ดิบได้ดีเป็นขุนนางคนสำคัญของฮ่องเต้ ส่วนท่านอ๋องกลับเป็นเพียงญาติโคตรห่างที่ไม่มีอำนาจที่แท้จริง 

ตอนที่พระเอกกลับมาไว้ทุกข์แล้วต้องมาทำงานแถวๆ บ้านเก่าเพื่อรอเวลากลับเมืองหลวง ท่านอ๋องก็ให้คนมาหยั่งเชิงหวังตีสนิทพระเอก พอเข้าทางพระเอกไม่ได้ ก็ไปเข้าทางนางเอกแทน ชาตินี้นางเอกตั้งใจอยู่แล้วว่าจะจัดการท่านอ๋องคนนี้ด้วยมือตัวเอง ไม่ให้พ่อพระเอกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง นางเอกรู้ว่าอิท่านอ๋องมักมากชอบฉุดคร่าสตรีชาวบ้าน แล้วไม่มีใครกล้าทำไรเพราะใหญ่สุดในพื้นที่ นางเอกเลยใช้จุดนี้มาเล่นงาน โดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ แอบวางแผนทำโดยไม่บอกพระเอก พอพระเอกมารู้ทีหลังก็โกรธมาก ห่วงเมีย แต่ต้องยอมรับว่าพอเปลี่ยนเป็นนางเอกลงมือเองแล้วมันรวดเร็วกว่าจริงๆ ทั้งย่นระยะเวลา ทั้งทำให้ผู้เสียหายลดน้อยลง แถมยังไม่มีคนกล้าเอาความฟ้องร้องที่หลังด้วย(เพราะเป็นองค์หญิง)

หลักๆ ที่นางเอกต้องแก้ไขก็เป็นเรื่องในบ้านพระเอกที่เกี่ยวกับพ่อพระเอกนี่แหละ พ่อพระเอกเป็นขุนนางน้ำดีซื่อสัตย์สุจริต แต่ก็เป็นคนที่เข้มงวดและจริงจังมากๆ นอกจากจะเข้มงวดกับลูกชาย+หลานชายตัวเองแล้ว แม้แต่ฮ่องเต้น้อย(ที่เป็นลูกศิษย์)คุณพ่อก็ยังไม่เว้น นานวันเข้าฮ่องเต้เลยเริ่มรู้สึกไม่พอใจ แล้วไหนจะเรื่องนโยบายใหม่ที่พ่อพยายามผลักดันอีก นั่นก็ทำให้มีศัตรูไม่น้อยเช่นกัน เพียงรอวันที่พ่อพลาดพลั้งหรือจากไปก่อน คนที่ไม่พอใจเหล่านั้นก็พร้อมจะเล่นงานพ่อหรือคนในครอบครัวพ่อกลับทันที คือถ้ามีฮ่องเต้หนุนหลังคอยปกป้องก็อาจจะรอดไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีก็นรกแหละทีนี้ ซึ่งในชาติก่อนมันเป็นอย่างหลังไง พอมาชาตินี้นางเอกถึงต้องพยายามแก้ปมที่จะทำให้น้องชายตัวเองหรือฮ่องเต้น้อยไม่พอใจในตัวพ่อสามีให้ได้

คือนางเอกอะเคารพและชื่นชมในตัวพ่อสามีมาก ส่วนพ่อพระเอกก็ปฏิบัติกับนางเอกอย่างให้เกียรติและอ่อนโยน (เพราะนางเอกเป็นผู้หญิงและเป็นถึงองค์หญิงด้วยไง) นางเอกจึงไม่เคยถูกพ่อพระเอกตำหนิตักเตือน หรือแสดงท่าทางเข้มงวดกดดันใส่อย่างที่ปฏิบัติกับลูกหลานหรือพี่สะใภ้พระเอกอะ นางเอกไม่รู้ว่าเวลาพ่อพระเอกอยู่ในโหมดอาจารย์ หรือเวลาที่พ่อตำหนิสั่งสอนลูกหลานเป็นยังไง จนวันที่หลานคนโตของพระเอกป่วย(เพราะถูกพ่อพระเอกตำหนิ) นางเอกเลยขอไปแอบดูตอนพ่อสอนหนังสือหลานๆ ถึงได้รู้55 (อึ้งไปเลย) ซึ่งพระเอกก็เคยโดนมาก่อนเหมือนกัน แต่บอกไปแล้วนางเอกไม่เชื่อ ดีที่พี่แกเป็นพวกหัวแข็งจิตแกร่งไงเลยไม่สะทกสะท้าน55 ...จริงๆ พระเอกนี่ถึงจะดูไม่ลงรอยกับพ่อแต่ในใจก็รักและห่วงพ่อมากนะ ตอนที่พ่อรักษาอาการป่วยอยู่บ้านเก่า พระเอกก็แอบกลับมาที่บ้านเกือบทุกวันเพื่อดูพ่อ เป็นประเภทรักแต่ปากแข็ง 

หลังจากวันนั้นนางเอกเลยไปเตือนพ่ออ้อมๆ เกี่ยวกับเรื่องวิธีการสอน ซึ่งจริงๆ แม่พระเอกก็พูดมาตลอดนะแต่พ่อไม่ปรับ จนมาฟังนางเอกพูดถึงได้ยอมปรับ เหอๆ ...นางเอกก็พยายามจะแก้ไขเหตุการณ์ร้ายๆ ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในชาติก่อนให้ได้ทั้งหมด เหลือแค่อย่างเดียวที่สุดท้ายก็ซ้ำรอยเดิม ในชาตินี้นางเอกหาคนมาช่วยแบกรับความเกลียดชังจากการผลักดันนโยบายใหม่ให้พ่อพระเอกได้เพิ่มหนึ่งคน ถึงจะน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าให้พ่อพระเอกยืนอยู่หน้าสุดเป็นหัวหอกอยู่คนเดียว อ่านไปอ่านมาเราว่านางเอกนี่น่าจะเกิดเป็นลูกสาวแท้ๆ ของพ่อพระเอกมากกว่านะ ส่วนพระเอกก็เป็นลูกเขยที่แต่งเข้ามา55

ตอนที่อ่านเราชอบเวลาพ่อพระเอกกับนางเอกพูดคุยปรึกษากัน ชอบเวลาพระเอกคุยกับพี่อยู่กับหลาน แล้วก็ชอบเวลาที่แม่พระเอกจิกกัดพ่อพระเอกด้วย เราว่ามันดูอบอุ่นเป็นธรรมชาติดี แต่เราแอบเนือยๆ เบื่อๆ เวลาพระนางอยู่ด้วยกันหรือคุยกันอะ55 นางเอกให้ความรู้สึกเป็นองค์หญิงตลอดเวลา เข้าถึงยาก ไม่ค่อยเหมือนภรรยา (แต่เราชอบตอนนางเอกอยู่กับพ่อแม่พระเอก หรืออยู่กับครอบครัวตัวเองในวังนะ) แต่เวลาอยู่กับพระเอก+คุยกับพระเอกมันเหมือนมีความข่ม+กดอยู่กรายๆ แต่โอเคแน่นอนว่าพระเอกก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรือคิดมากอะไรหรอก (มันเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเราเฉยๆ เน้อ) แล้วอีกอย่างเวลาพระเอกอยู่กับนางเอกก็เหมือนจะคิดแต่เรื่อง... แล้วสุดท้ายก็จบที่... (เลยมีความแบบ...อีกแล้วเหรอ🤣)  ความจริงก็อันนั้นกันบ่อยอยู่นะแต่ไม่มีบรรยาย ตัดเข้าโคม เลยกลายเป็นว่าชอบตอนพิเศษของคู่พี่ใหญ่พระเอกมากกว่าอะ ชอบความสัมพันธ์ที่ธรรมดาแต่ดูลึกซึ้งเป็นธรรมชาติจับต้องได้

ป.ล. ตอนพิเศษเยอะจุใจ ตอนสุดท้ายยิ่งแบบคาดไม่ถึงว่าจะมาถึงจุดนี้กันแล้วนะ 55

ป.ล. ชอบพี่รองพระเอก ไม่น่าสุขภาพไม่ดีเลย🥹


📍ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก 6 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/1gBzdApGzR







วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ห้วงฝันบันดาลรัก เล่ม 3-4 (4 เล่มจบ)


ห้วงฝันบันดาลรัก เล่ม 3-4 (4 เล่มจบ)

ผู้แต่ง : อีตู้จวินหวา

ผู้แปล : เม่นน้อย

สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ห้วงฝันบันดาลรัก เล่ม 1-2 https://marynlinsbook.blogspot.com/2025/08/1-2-4.html?m=1

เล่ม 3 เป็นการตื่นจากฝันที่โอ้วววว้าวมาก😮😮 ของวิเศษอะไรเนี่ย ทำลายทุกกฏเกณฑ์ ฝืนมรรคาสวรรค์ ห้วงฝัน 100 ปี พาคนที่เคยตายในโลกแห่งความจริงแต่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความฝันกลับมาด้วย ... ฝันครั้งแรกทุกคนยังงงๆ ชิลๆ แต่หลังตื่นจากฝันครั้งที่สองก็เริ่มตื่นตระหนกและรับรู้ถึงความผิดปกติ เริ่มรู้แล้วว่าความฝันนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนางเอกและอาจารย์ของสามีเก่านางเอกแน่นอน ส่วนสามีเก่านางเอกก็เพิ่งมารู้ความจริงเอาตอนนี้นี่เองว่านางเอกตกอยู่ในสภาพเยี่ยงไร ใครเป็นคนทำ? 

อาจารย์ก็บาดเจ็บหนักจากฝันครั้งที่สอง สามีเก่าเห็นอาจารย์ตัวเองต้องทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บเลยมอบร่างของตัวเองให้อาจารย์ เพื่อทดแทนบุญคุณและหวังว่าอาจารย์จะกลับตัวกลับใจ (ทำไมอิพี่จิตใจดีแบบนี้คะ🤣) แหมๆๆ คิดว่าอาจารย์จะกลับตัวกลับใจไหมล่ะจ๊ะ คืออาจารย์ก็หวังจะชิงร่างของลูกศิษย์มานานแล้ว มามอบให้เองแบบนี้ก็ยิ่งเข้าทางไม่ต้องเปลืองแรง (ตอนอาจารย์บอก เซี่ยหงเฉิน...ข้ารัก รักร่างกายนี้ของเจ้า ดีนะที่มีต่อไม่งั้นคิดเป็นอย่างอื่นแล้วนะ55) ...อได้ร่างใหม่อาจารย์ก็กำจัดคนเห็นต่างแล้วบุกไปที่กรมซือเทียนเพื่อสังหารนางเอกทิ้งทันที(ตามคาด) พระเอกพยายามสู้ถ่วงเวลาเพื่อให้คนพานางเอกหนี แต่จนใจที่พลังของพระเอกในเวลานี้ยังเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่นานจึงตกเป็นรองเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก ทว่าขณะตกอยู่ในช่วงแห่งความเป็นความตายจู่ๆ ทุกคนก็ถูกดึงเข้าสู่ห้วงฝันครั้งที่สามโดยไม่ทันตั้งตัว ...ชาลาล่าาา

ห้วงฝันครั้งนี้นางเอกได้ย้อนกลับไปตอนสมัยเด็กเมื่อ 8-9 ขวบเลยจ้า สมัยที่แม่ยังไม่ตายและพระเอกยังไม่เกิด ในฝันรอบก่อนๆ นางเอกจะพึ่งแต่ตัวเองไม่เคยขอให้ใครช่วย ทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นอย่างเดียว แต่มารอบนี้นางเอกเลือกที่จะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นและมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองบ้างแล้ว นางเอกไปขอให้ป้าช่วยจนได้พาแม่กับพี่สาวออกมาอยู่ข้างนอก จากนั้นตัวเองก็ได้เข้าไปเรียนในสำนักปรับปรุงพันธุ์พืชที่อยู่เมืองหลวง ความจริงความรู้ความสามารถของนางเอกในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเรียนที่นั่นเลย แต่เพราะรู้ว่าพระเอกอยู่เมืองหลวง นางเอกเลยอยากไป รอบนี้นางเอกเป็นฝ่ายเกาะติดตามจีบพระเอกตั้งแต่พี่แกยังเด็กเลย คอยวนเวียนอยู่ข้างกายพระเอกตั้งแต่พี่แกเป็นเด็กน้อยวัยละอ่อน แต่ตอนนั้นนางเอกมีชื่อเสียงไม่ดี ไม่เข้าเรียน ชอบโดดเรียน ใช้ชีวิตเอ้อระเหยไปวันๆ เหมือนปลาเค็ม พระเอกเลยไม่ชอบนางเอก ทันทีที่สำนักปรับปรุงพันธุ์พืชเข้ามาอยู่ในการควบคุมดูแลของพระเอก พี่แกก็ยื่นซองขาวไล่นางเอกออกจากสำนักทันทีเลยจ้า55 

แต่ความจริงนางเอกไม่ได้ขี้เกียจนะ เพียงแต่ความรู้ความสามารถของนางมันล้ำเกินทุกคนไปแล้ว นางเลยขี้เกียจจะเข้าเรียน คนเลยตั้งฉายาให้นางว่าปลาเค็ม แต่ลับหลังคือนางกำลังลอบปิดบังตัวตนใช้ชื่อ ตี้ซานเมิ่ง แอบพัฒนาปรับปรุงเมล็ดพันธุ์พืชขายถูกๆ ให้ชาวบ้านมานานแล้ว จนทำให้ถูกหมายหัวจากพวกตระกูลที่ขายเมล็ดพันธุ์พืช(ตระกูลตานางเอกนั่นแหละ) เพราะทำให้เขาขายของได้น้อยลง ไปทำลายระบบการขายที่เขาตั้งกฏไว้ พูดง่ายๆ คือทำให้เขาเสียผลประโยชน์ อีกฝ่ายเลยต้องการกำจัดตี้ซานเมิ่งทิ้ง 

และเพราะเรื่องตี้ซานเมิ่งนี่แหละ เลยทำให้พระเอก(จำใจ) ต้องเข้าหานางเอก ขอให้นางเป็นตัวกลางช่วยติดต่อตี้ซานเมิ่งให้หน่อย เพราะพระเอกปวดหัวกับเรื่องขายเมล็ดพันธุ์ของพวกตระกูลภูตดินใหญ่ๆ มานานแล้ว ขูดรีดขูดเนื้อเอาเปรียบชาวบ้านเหลือเกิน เจรจากี่รอบก็ไม่ได้ผล เพราะตระกูลพวกนี้เกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น พอมีคนเก่งๆ เห็นแก่ส่วนรวมอย่างตี้ซานเมิ่งมาพระเอกก็ต้องอยากเข้าหาผูกมิตรอยู่แล้ว ...ไปๆ มาๆ ก็เริ่มมีคนอยากเจออีกตัวตนของนางเอกมากขึ้น มีแต่ระดับผู้อาวุโสที่นางเอกเคารพ บางคนก็มาคำนับคุกเข่าโขกหัวขอบคุณ บางคนก็มาขอให้นางเอกรับเป็นศิษย์ จนนางเอกเริ่มผวา กลัวว่าหากวันใดความจริงเปิดเผยตัวเองคงได้โดนเหล่าผู้อาวุโสรุมตีขาหักแน่ๆ 55... 

แต่พระเอกวัยเด็กนี่ทั้งซึน ทั้งปากร้ายจริงๆ แถมยังบ้างานสุดๆ ส่วนสามีเก่านางเอกรอบนี้นางเอกไม่ได้ทำไรหรือไปยุ่งด้วยเลยนะ ไม่ได้เข้าหาหรือผูกมิตรเลย แต่พี่แกดันเป็นฝ่ายมาชอบนางเอกก่อนแล้วมาสู่ขอเองเลย พอพระเอกรู้ก็หึงแหละแต่ปากแข็ง พอรู้ว่านางเอกไปพบอีกฝ่ายและได้ฟังคนพูดเตือนสติก็รีบวิ่งไปคุกเข่าขอร้องให้นางเอกปฏิเสธสามีเก่า และขอให้ช่วยรอตัวเองหน่อยอีกสัก 2-3 ปีได้ไหม (ตอนนั้นพระเอก 15 นางเอก 23) ซึ่งจริงๆ นางเอกไม่ได้รู้สึกอะไรกับสามีเก่าแล้ว ปล่อยวางนานแล้ว ไม่ได้โกรธแค้นอะไร มีแต่สามีเก่านี่แหละที่ยังปล่อยวางความรู้สึกไม่ได้ เลยต้องจมอยู่กับความทรงจำเก่าๆ ด้วยความรู้สึกผิดตลอดไป

ฝันรอบนี้นางเอกได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้หลุดพ้นจากบ้านสกุลหวงเร็วกว่าเดิม แม่กับพี่สาวก็มีชีวิตที่ดี นางเอกได้เข้าพิธีแต่งงานกับพระเอก ได้เข้าหอ ได้ทำงานด้วยกัน มีลูกบุญธรรม และใช้ชีวิตอย่างอิสระตามใจปรารถนา ชีวิตดี๊ดีจนไม่อยากตื่นจากความฝันเลย แต่ในเมื่อเรียกว่าความฝันเพราะฉะนั้นยังไงก็ต้องตื่นอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ...

มาถึงห้วงฝันที่สามก็ได้รู้สักทีว่าใครคือคนที่สร้างเข็มใบชาโปร่งแสงนี้ขึ้นมา สร้างมาทำไม? แล้วทำไมถึงต้องให้ทุกคนเข้าสู่ห้วงฝันด้วย? แน่นอนว่าก็หนีไม่พ้นเรื่องความอยากเป็นอมตะagain  และสุดท้ายการลงทัณฑ์ด้วยเข็มเกี่ยววิญญาณก็ไม่มีวิธีแก้อย่างที่คาดหวัง(แอบหวังว่าจะมีอะ) ก่อนออกจากห้วงฝันครั้งสุดท้ายนางเอกเลยขอให้พระเอกดึงเข็มออก นางอยากเป็นอิสระไม่อยากถูกกักขังแบบนี้ พระเอกเลยถูกคนตราหน้าว่าโหดเหี้ยมอำมหิต คนที่เคยสนิทก็พากันตีตัวออกหากเพราะสาเหตุนี้ หลังนางเอกไม่อยู่พระเอกก็สร้างรูปปั้นและศาลเทพธิดาให้นางเอก จากนั้นก็เริ่มถอยห่างจากผู้คนไม่ติดต่อไม่พบใคร ตระเวนสร้างรูปปั้นให้คนมาสักการะบูชานางเอกไปทั่ว บอกเลยถ้านางเอกไม่กลับมาหรือกลับมาช้ากว่านี้พี่แกคงได้กลายเป็นปีศาจงูเต็มตัวแน่นอน ...จบจ้า

ป.ล. ข่อยว่าการกระทำพระเอกที่เฝ้าดูนางเอกนี่มันแอบ Stalker อยู่นะ🤣🤣


📍ห้วงฝันบันดาลรัก เล่ม 3-4 ➡️ https://s.shopee.co.th/2LRReyik6z




วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ


天下ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เมิ่งซีสือ

ผู้แปล : เป๋าเป่า

ปก      : 李吉吉

สำนักพิมพ์ Sense Book

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นายเอกเรื่องนี้ทะลุมิติไปอยู่ในสมัยราชวงศ์หมิง ไปอยู่ในร่างของเด็กชายวัย 13 นามว่า จ้าวซู่ บุตรชายที่เกิดจากสาวใช้ซึ่งมีชีวิตสุดแสนจะลำเค็ญ เพราะแม้จะเป็นบุตรชายคนโต แต่เพราะมารดาไม่มีสถานะใดเป็นเพียงสาวใช้ที่ติดตามของภรรยาเอก จึงทำให้สองแม่ลูกต้องใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบากถูกคนในจวนกลั่นแกล้งและดูถูก เพราะเมียเอกพ่อหรือนายหญิงของจวนเกลียดชังคนทั้งคู่สุดๆ (ได้นอนกับเจ้านายไม่พอ ยังตั้งครรภ์ก่อนภรรยาเอก มิหนำซ้ำยังได้ลูกชายอีก แล้วเมียเอกพ่อจะไม่เจ็บแค้นได้อย่างไร แต่จะไปโทษแม่เจ้าของร่างก็ไม่ได้เพราะนางถูกบังคับอะ ไม่ได้เต็มใจหรืออยากร่วมหลับนอนกับสามีของเจ้านายเสียหน่อย เฮ้ออ) ดังนั้นหลังจากที่พ่อตาย สองแม่ลูกจึงถูกขับไล่ออกจากจวนไปทันที ...พอนายเอกได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ เลยตั้งใจว่าจะทำให้ตัวเองและมารดาของเจ้าของร่างนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้จงได้!

เริ่มจากขึ้นเขาเก็บสมุนไพรขาย พอได้เก็บเงินและได้กินอิ่มท้อง แต่สมัยโบราณอะเนาะ ถ้าอยากยกระดับคุณภาพชีวิตและฐานะของตนเองกับครอบครัวไม่ให้ใครมาดูถูกรังแกก็มีหนทางเดียวคือต้องเป็นขุนนางจ้า นายเอกเลยชอบไปแอบฟังเวลาอาจารย์ในสำนักศึกษาของตระกูลสอนหนังสือ แล้ววันหนึ่งก็ถูกจับได้ เลยถูกเขาพูดจาถากถางดูถูก ซึ่งในขณะที่กำลังใช้เหตุผลโต้เถียงกับคนในตระกูลก็บังเอิญมีคน(ขุนนางที่ถูกให้พักราชการ)มาได้ยินเข้าพอดี อีกฝ่ายถูกใจนายเอกเลยขอรับเป็นศิษย์ 

ชีวิตของนายเอกจึงเริ่มดีขึ้น พอได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ก็ไม่ค่อยมีคนกล้ามาดูถูกแล้ว รายรับในบ้านก็เริ่มมีมากขึ้นจนสามารถเปิดร้านขายขนมให้แม่ได้ จากนั้นนายเอกก็สอบผ่านแต่ละสนามมาเรื่อยๆ จนมาถึงสนามสอบสุดท้ายที่เมืองหลวง พวกผู้ใหญ่ในตระกูลเห็นนายเอกมีแววจะรุ่งโรจน์ก็พยายามเข้าหาอยากผูกมิตร เพราะอยากให้นายเอกกับแม่กลับเข้ามาอยู่ในตระกูล (จริงๆ ชวนมานานแล้วแต่นายเอกปฏิเสธ) จนกระทั่งนายเอกสอบได้อันดับสามและมีตำแหน่งติดตัวกลับมา คนในตระกูลก็พยายามไปเจรจาอีกที เพราะในตระกูลตอนนี้ไม่มีใครได้เป็นขุนนางและไม่มีใครโดดเด่นเท่านายเอกเลย ก็เลยอยากให้นายเอกกลับเข้าตระกูลเผื่อวันหน้าเมื่อนายเอกได้ดีจะได้ดูแล+สนับสนุนคนในตระกูลบ้าง นายเอกรู้ว่าวงศ์ตระกูลคือรากฐานสำคัญ ถ้าจัดการไม่ดีก็อาจถูกคนจับผิดแล้วนำไปใช้ฟ้องร้องได้ เลยไม่ได้พูดจาไม่ดีหรือหักหน้าคนที่มาเจรจาเพราะนายเอกก็อยากให้แม่มีฐานะที่ถูกต้องเช่นกัน 

ผู้อาวุโสในตระกูลเลยไปเจรจากับเมียเอกของพ่อนายเอก บอกข้อดีข้อเสียถ้าหากยกฐานะให้แม่นายเอกเป็นอนุอย่างถูกต้อง แต่อีกฝ่ายคือเกลียดแม่นายเอกกับนายเอกเข้าไส้ ต่อให้ตอนนี้นายเอกจะได้ดีมีตำแหน่งขุนนางและเป็นถึงอาจารย์ของท่านอ๋องน้อยแล้วก็ตาม แต่นางก็ไม่สน นางเชื่อว่าเดี๋ยวรอลูกชายนางสอบติดก็จะได้ดีไม่แพ้ลูกของสาวใช้เหมือนกัน ผู้อาวุโสในตระกูลหมดคำจะพูด เลยไปเสนอให้แม่นายเอกแต่งงานกับป้ายวิญญาณของบุรุษในตระกูลที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ยังไร้ทายาทแทน แบบเปลี่ยนสายเลย ยกนายเอกให้เป็นลูกบุญธรรมคนอื่นในตระกูลไปเลย พอนายเอกไปถามความเห็นแม่ แม่ก็ตกลงทันทีเพราะไม่อยากให้ฐานะตัวเองมาเป็นอุปสรรคขัดขวางอาชีพการงานของลูก

แนวการเมือง การสอบเป็นขุนนางและการไต่เต้าในอาชีพการงานของนายเอก การวางแผน+เล่ห์เหลี่ยมของขุนนางในราชสำนัก ตัวละครในเรื่องบางคนก็มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ อย่างฮ่องเต้ว่านลี่ พ่อกับปู่ของฮ่องเต้ว่านลี่ มหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง ขันทีเฝิงเป่า หรือแม่ทัพชีจี้กวง ประมาณนี้ ถ้าใครเคยอ่านลูบคมองครักษ์สวมรอย, หวนคืนอีกคราสู่ห้วงเวลาแสนงาม, หวังทงองครักษ์เสื้อแพร ก็น่าจะพอคุ้นๆ กับชื่อของตัวละครเหล่านี้บ้าง เป็นช่วงที่ราชวงศ์หมิงกำลังเริ่มตกต่ำ ฮ่องเต้ไม่สนใจงานบริหารบ้านเมือง การทหารหย่อนยานอ่อนแอ ต่อมาก็ถูกข้าศึกรุกรานจนล่มสลาย กลายเป็นราชวงศ์ชิงเข้ามาแทนที่ 

...ตอนที่เราอ่านหวังทง ตัวละครที่ทะลุมิติมาจะเป็นองครักษ์เสื้อแพรไปทางสายบู๊ เลยหนักไปที่การออกศึกสู้รบซะมากกว่า ส่วนมหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง ขันทีเฝิงต้าเป่าที่อ่านเจอในตอนนั้นก็อยู่ในช่วงกำลังรุ่งโรจน์ มีอำนาจในมือเต็มเปี่ยม อายุเริ่มเข้าสู่วัยชรากันหมดแล้ว ส่วนฮ่องเต้ว่านลี่ก็อายุ 13-14 นิสัยจึงยากจะเปลี่ยนแล้ว ถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดภายใต้สายตาและการควบคุมของหลี่ไทเฮากับขันทีเฝิงต้าเป่า และมหาอำมาตย์จางผู้เป็นอาจารย์ เลยเติบโตมาแบบโดดเดี่ยว+กดดัน เหมือนเป็นหุ่นเชิดของคนอื่น ไม่มีอำนาจในมือที่แท้จริง ...ไม่เหมือนกับเรื่องนี้ที่ฮ่องเต้ว่านลี่ได้เจอนายเอกตั้งแต่ 4 ขวบ นอกจากมหาอำมาตย์จางก็มีนายเอกเป็นอาจารย์เพิ่มมาอีกคน (นายเอกอายุมากกว่าฮ่องเต้ 13 ปี) นายเอกมาจากยุคปัจจุบัน ดังนั้นวิธีการสอนเลยค่อนข้างจะสบายๆ เปิดกว้าง ไม่เข้มงวด ไม่เน้นท่องจำ บวกกับความอัธยาศัยดี เป็นกันเอง ไม่เข้มงวดไม่ยึดติด ฮ่องเต้เลยชอบเข้าหาและชอบอยู่กับนายเอกมากว่า นายเอกเลยกลายเป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งเพื่อน และเป็นเสมือนบิดาอีกคนของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ว่านลี่ในเรื่องนี้เลยโตมาแบบร่าเริงซุกซน ไม่อมทุกข์ ไม่หลงใหลในสุรานารี ขยัน เอาการเอางาน ง่ายๆ คือไม่เหมือนกับในประวัติศาสตร์อะ

ตอนที่นายเอกเข้ามาเตรียมสอบในเมืองหลวง ตอนนั้นปู่ของพระเอก(ฮ่องเต้ว่านลี่) ยังอยู่บนบัลลังก์ อันนี้ก็ตามประวัติศาสตร์ ปู่ของพระเอกเป็นฮ่องเต้ที่หลงใหลในการบำเพ็ญพรต ชอบหลอมยาอายุวัฒนะ อยากเป็นอมตะ เป็นฮ่องเต้ที่เก่ง+ฉลาดแต่ไม่สนใจเรื่องบริหารบ้านเมือง มุ่งจะเป็นอมตะ วันๆ เอาแต่เก็บตัวเข้าฌาน ปล่อยให้สภาขุนนางจัดการบริหารบ้านเมืองกันเอาเอง ราชสำนักจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของสองพ่อลูกสกุลเหยียน... 

ส่วนนายเอกเพราะบังเอิญได้ช่วยพระเอกในวัย 4 ขวบที่กำลังหลงทางเอาไว้ เลยทำให้ได้ไปมาหาสู่กับฝั่งของอวี้อ๋อง(พ่อของฮ่องเต้ว่านลี่) จึงถูกประทับตราว่าเป็นคนของอวี้อ๋องไปโดยปริยาย แล้วก็ทำให้เกือบชวดไม่ได้สอบหน้าพระที่นั่ง เพราะถูกฝั่งที่จ้องจะกำจัดอวี้อ๋องยัดข้อหาว่าทุจริตในการสอบให้ เลยถูกองครักษ์เสื้อแพรจับไปขัง ถูกทรมานให้รับสารภาพว่าทุจริต เพราะถ้านายเอกยอมรับ คนข้างตัวของอวี้อ๋องก็จะได้ติดร่างแหถูกสอยไปด้วย แต่พอพระเอกในวัย 4 ขวบรู้ว่านายเอกถูกจับเจ้าคุก ก็ไปขอร้องพ่อให้พาตัวเองเข้าวังไปพบปู่ด้วย จากนั้นพระเอกก็ไปช่วยพูด(อ้อน)ขอร้อง จนทำให้ฮ่องเต้ยอมปล่อยนายเอกออกมา

นายเอกได้เป็นขุนนางควบตำแหน่งอาจารย์ของพระเอก จากนั้นพ่อลูกสกุลเหยียนก็ถูกโค่นล้ม สภาขุนนางตกอยู่ในกำมือของสวีเจียผู้เป็นอาจารย์ของมหาอำมาตย์จาง ต่อมาก็มีเรื่องก่อกบฏเพราะปู่ของพระเอกไม่ยอมแต่งตั้งรัชทายาทสักที ท่านอ๋องอีกคนเลยก่อกบฏแต่ก็ไม่สำเร็จ เป็นไปตามประวัติศาสตร์ คนที่จะได้ครองบัลลังก์ต่อจากปู่ก็คือพ่อของพระเอกนั่นแล พอพ่อพระเอกได้เป็นฮ่องเต้ พระเอกก็ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท พอเป็นรัชทายาทแม่ของพระเอกก็จะให้เปลี่ยนอาจารย์ ตอนแรกพระเอกจะไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ถูกนายเอกกล่อมจนต้องยอม ...การเมืองเริ่มระอุ พอหมดพ่อลูกแซ่เหยียนก็เป็นใต้เท้าสวีกับใต้เท้าเกา นายเอกเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เกา รู้ว่าอาจารย์เราใจร้อน ไม่ค่อยฟังใคร พวกก็น้อย อีกหน่อยคงต้องเกิดปัญหาแน่ นายเอกก็เลยขอย้ายไปเป็นขุนนางต่างถิ่น เพื่อเลี่ยงภัยที่อาจพันมาถึงตัวชั่วคราว (แต่ระหว่างที่ไม่อยู่พระนายก็เขียนจดหมายติดต่อหากันอยู่ตลอดนะ) 

ผ่านไปหลายปีบ้านเมืองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อฮ่องเต้สวรรคต นายเอกเลยต้องกลับเมืองหลวงตามคำสั่งเสียของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ที่บอกว่าหากตัวเองจากไปเมื่อไรก็ให้เรียกนายเอกกลับมา เพราะเดี๋ยวจะไม่มีใครคอยช่วยอาจารย์นายเอกคานอำนาจกับใต้เท้าจาง แต่ยังไม่ทันที่นายเอกจะกลับมาถึงอาจารย์ก็ถูกบีบให้ต้องลาออกจากราชการไปเสียแล้ว ...นายเอกกลับมาเป็นหนึ่งในสภาขุนนางควบตำแหน่งเจ้ากรมโยธา รู้ว่าตัวเองพวกน้อยยังสู้เขาไม่ได้แต่นายเอกก็ไม่ซี เพราะจริงๆ อีกฝั่งก็ไม่ได้แย่หรือเลวร้ายอะไรขนาดนั้น นโยบายหลายๆ เรื่องของเขามันก็ดี เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริง ส่วนที่ไม่ดีมันก็มีบ้าง แต่ถ้าเรื่องไหนดีนายเอกก็พร้อมสนับสนุน ถ้าอันไหนไม่ดีก็แค่ค้าน ไม่ใช่ว่าพออยู่กันคนละฝั่งแล้วก็ค้านมันไปเสียทุกเรื่อง 

แต่นายเอกเรื่องนี้มีความคิดคล้ายกับตัวเอกในเรื่องหวังทงองครักษ์เสื้อแพรตรงจุดที่คิดว่าต้องแก้กฏหมายการค้าทางทะเล ราชสำนักต้องเปิดการค้าขายทางทะเล ต้องสร้างกองทัพเรือ และต้องฟื้นฟูกองทัพให้กลับมาเข้มแข็ง เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าตามประวัติศาสตร์ (คิดว่าน่าจะเป็นจุดที่ชนรุ่นหลังเสียใจมากที่สุด ดังนั้นพอใครย้อนกลับไปในช่วงเวลานี้ก็เลยอยากจะแก้ไข อยากพัฒนาเรื่องพวกนี้มากที่สุด) แต่เรื่องนี้นายเอกจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เปลี่ยน ค่อยๆ ปลูกฝัง ค่อยๆ พัฒนาปรับปรุงแก้ไข แต่ของหวังทงนี่จะโหดกว่า เพราะนอกจากจะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง สร้างเรือรบ พัฒนาอาวุธ เปิดการค้าทางทะเลและบลาๆ พี่แกก็ยังออกไปจัดการพวกชนเผ่านอกด่านที่จะมารุกรานซะแทบเหี้ยน จากนั้นก็ขุดรากถอนโคนสังหารว่าที่ปฐมกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ชิงทิ้งไปเลยจ้า ...

มาพูดถึงความรักบ้าง เรื่องนี้พระเอกเป็นฝ่ายชอบนายเอกก่อน แต่ถึงจะรู้ใจตัวเองแล้วแต่พระเอกก็ยังต้องแต่งงานมีลูกตามหน้าที่ของฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้ว่านลี่ในเรื่องนี้ไม่ได้ลุ่มหลงในสุรานารีหรือมีสนมคนโปรดนะ สตรีในวังหลังก็น้อยนิด เพราะพระเอกไม่ชอบใครนอกจากนายเอก พอได้ลูกชายไว้สืบทอดก็จบ พอและ ไม่มีลูกเพิ่มและ ส่วนนายเอกก็แต่งงานมีลูกตามปกติเหมือนกัน แต่งในตอนที่ยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับพระเอก แต่งก่อนที่พระเอกจะเผยความรู้สึก แต่แต่งก็เหมือนไม่ได้แต่งอะ เพราะตัวละครหญิงหรือภรรยาของพระนายแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย ภรรยานายเอกเป็นบุตรอนุตระกูลเฉิน นิสัยขี้ขลาด หัวอ่อน ไม่ชอบเข้าสังคม แต่งมาแทนบุตรสาวภรรยาเอกที่ตายจากไป(บุตรสาวภรรยาเอกเคยหมั้นกับนายเอกมาก่อน) ก่อนแต่งเลยเจอญาติพี่น้องพูดกดดันมาอย่างหนัก เพราะนายเอกอนาคตไกลมีแต่คนอยากแต่งด้วยไง คนในตระกูลเลยยิ่งอิจฉาแล้วชอบมาพูดแดกดันทำให้นางจิตตก หลังคลอดลูกภรรยานายเอกก็ร่างกายทรุดโทรม ป่วยบ่อย นายเอกเลยให้ภรรยากลับไปอยู่กับแม่(ของนายเอก)ที่บ้านเดิม ตอนแรกที่บ้านจะให้นายเอกแต่งอนุเพิ่ม เพื่อจะได้มีคนช่วยดูแลลูก แต่นายเอกไม่อยากแต่งอนุเข้ามาให้วุ่นวาย เลยเอาลูกมาเลี้ยงที่เมืองหลวงเอง

ลูกนายเอกถึงจะเป็นฝาแฝดแต่ก็มีบุคลิกและความชอบแตกต่างกัน ส่วนลูกชายพระเอกเกิดที่หลัง พอเริ่มรู้ความ พระเอกก็ยกลูกให้นายเอกอบรมสั่งสอนให้เป็นลูกศิษย์ของนายเอกอีกคน คือพระเอกจะคิดเผื่อนายเอกเสมอ ตอนที่นายเอกพรรคพวกยังน้อย พระเอกก็ให้นายเอกไปเป็นคนคุมสอบ เพื่อที่นายเอกจะได้กลายเป็นอาจารย์ของคนที่สอบได้ในรุ่นนั้น จะได้มีพรรคพวกไว้ต่อกรกับใต้เท้าจาง และที่ให้นายเอกเป็นอาจารย์ของบุตรชาย ก็เผื่อวันหน้าหากตัวเองจากไปก่อนนายเอกจะได้มีตำแหน่งอาจารย์ของฮ่องเต้คอยปกป้อง ขุนนางในเมืองหลวงส่วนใหญ่คือรู้แหละว่าฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างนายเอก นายเอกมีฮ่องเต้หนุน เวลาเรียกนายเอกฮ่องเต้จะเรียกว่าอาจารย์จ้าวนะ ไม่เหมือนตอนเรียกขุนนางคนอื่นๆ แบบให้ความสนิทสนมกับนายเอกมากกว่าใคร (แต่เวลาอยู่กันสองคนจะเรียก 'ซู่ซู่' 55) ตอนนายเอกลาออกจากราชการเพื่อถอยออกมาหลบภัยชั่วคราว พระเอกก็ให้องครักษ์เสื้อแพรคอยติดตามคุ้มกันนายเอกกลับบ้านไปด้วย(อยู่ยาว นายเอกกลับมาเมื่อไรก็ค่อยกลับ) ตอนแรกคนก็นึกว่าพอลาออกนายเอกจะหมดอำนาจไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้แล้วรึเปล่า แต่พอเห็นองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้นแหละ...หึหึ

ป.ล. สารภาพว่าตอนแรกเรานึกว่านายเอกเป็นพระเอกนะ คือเราดูจากฉากที่ฮ่องเต้ยอมเป็นฝ่ายรับก่อนอะ แต่อ่านไปอ่านมาอืมไม่น่าจะใช่และ 55


📍ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/2g42IQ18bY






วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

หนทางไปสู่ความสุขมักเต็มไปด้วยอุปสรรค 5 เล่มจบ

 


หนทางไปสู่ความสุขมักเต็มไปด้วยอุปสรรค 5 เล่มจบ

ผู้แต่ง : จือจือ

ผู้แปล : หยกน้ำแข็ง

ปก : Reine_Beammer

สำนักพิมพ์ อรุณ

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

หนังสือออกเยอะมากๆ อ่านไม่ทันแล้ว🤣 นี่ก็กว่าจะได้อ่าน คาดว่าหลายท่านคงอ่านจบกันไปหมดแล้วแหละเนอะ

มาจ้าาาางานของท่านจือจือนักเขียนในดวงใจของเราเอง โดนตกตั้งแต่พราวพร่างบุปผาตระการจนมาถึงทุกวันนี้ ...เรื่องนี้นางเอกเป็นคนยุคปัจจุบันที่ประสบอุบัติเหตุแล้วทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณ มาอยู่ในร่างบุตรสาวภรรยาเอกของตระกูลเสิ่น เสิ่นเจิน ขุนนางใหญ่มากความสามารถ มากด้วยแผนการ ฉลาด สุขุม เจ้าเล่ห์ สมญานาม จิ้งจอกเก้าหาง ของราชสำนัก ...นางเอกเข้ามาอยู่ในร่างนี้ตั้งแต่ตอนที่ร่างนี้อายุ 7 ขวบ ค่อยๆ เรียนรู้ปรับตัวจนหลอมรวมกลมกลืนเข้ากับยุคสมัย บอกก่อนนะว่านางเอกไม่ได้อาศัยความได้เปรียบจากการเป็นคนยุคสมัยใหม่มาทำการค้า+เปิดร้านอาหาร หรือทำการเปลี่ยนแปลงอะไรเน้อ แค่เอาขั้นตอนระบบการทำงานจากตอนเป็นพนักงานบริษัทมาปรับใช้ในการปกครองบ่าวไพร่และทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น จนเราแทบจะลืมไปเลยว่านางเอกเป็นคนยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติมา

ส่วนพระเอกมาจากตระกูลพ่อค้า บ้านรวยมากก ญาติ(โคตร)เยอะ ของนางเอกเป็นครอบครัวเล็กๆ ญาติก็ไม่ค่อยเยอะ ในจวนมีแค่พ่อแม่และนางเอก กับอนุและน้องชายที่เป็นบุตรของอนุ 1 คน ที่เหลือก็บ่าวไพร่ ส่วนของพระเอกทั้งฝั่งพ่อฝั่งแม่นี่ญาติพี่น้องรวมกันแล้วเดาว่าน่าจะทะลุห้าร้อย แถมยังสร้างบ้านอาศัยอยู่ติดๆ กันประหนึ่งตำบลเล็กๆ (ตอนงานแต่งพระนางคือแนะนำกันจนงง🤣 ญาติเยอะสมกับที่เป็นงานท่านจือจือจริงๆ)

พระนางเจอกันครั้งแรกที่อาราม นางเอกกำลังตกอยู่ในอันตราย พระเอกก็บังเอิญช่วยคนเขาไว้พอดี นางเอกไม่กล้าเปิดเผยตัวตน พระเอกเลยเข้าใจว่านางเป็นสาวใช้ ตอนเจอกันครั้งแรกพระเอกเหมือนม้าพยศ ควบคุมยาก เหมือนดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าเต็มไปด้วยพลังและไม่เกรงกลัวสิ่งใด พระเอกกับคนของพระเอกเข้าใจว่านางเอกเป็นสาวใช้ตระกูลเสิ่น เลยขอให้นางเอกช่วยแจ้งเรื่องฝากชื่อพระเอกเข้าเรียนในสำนักศึกษาหลวงกับนายท่านเสิ่น(พ่อนางเอก)ให้หน่อย ถือเป็นการตอบแทนที่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนตระกูลเสิ่นที่อารามครั้งนี้...

นางเอกอยากออกมาข้างนอกเพื่อตรวจสอบเรื่องอาการป่วยของแม่ จึงใช้เรื่องมาจุดธูปขอพรที่อารามเป็นข้ออ้าง พอเกิดเหตุการณ์นี้นางเอกเลยไม่กล้าบอกแม่ตรงๆ ต้องปกปิดบางส่วนเพราะอยากปกป้องชีวิตของบ่าวไพร่ที่มาด้วยกัน จริงๆ แม่นางเอกไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแต่เป็นคนเด็ดขาด ถ้ารู้เรื่องทั้งหมดแม่จะต้องสั่งลงโทษและขายบ่าวไพร่ที่ติดตามนางเอกไปหมดแน่นอน เหมือนตอนที่เจ้าของร่างนี้หกล้มเมื่อตอน 7 ขวบ(จนนางเอกได้มาเข้าร่าง) แต่สุดท้ายแม่ก็รู้ทุกอย่าง เพียงแต่แกล้งไหลตามน้ำไปเฉยๆ (คุณแม่นางเอกเป็นสตรีที่เก่ง+ฉลาด อ่านแล้วก็นึกถึงแม่น้องฟู่ในพราวพร่างเลย) คุณแม่มีอาการป่วยเรื้อรังมานาน นางเอกอยากรู้ว่าเป็นหนักแค่ไหน แต่หมอที่มารักษาถูกพ่อนางเอกห้ามไม่ให้บอกความจริง นางเอกเลยต้องสืบเอง... แม่นางเอกรู้ตัวว่าคงจะอยู่ได้อีกไม่นานเลยรีบสอนเรื่องเกี่ยวกับการดูแลจวนและปกครองคนให้ลูก รวมถึงจัดการเรื่องการแต่งงานด้วย

แม่กลัวนางเอกจะเป็นเหมือนญาติผู้พี่หรือหลานสาวฝั่งพ่อนางเอกที่มาขอพึ่งพิง ที่หลังจากแม่ซึ่งเป็นภรรยาเอกตายได้ไม่นานก็ถูกเมียใหม่พ่อหรือแม่เลี้ยงบีบบังคับให้แต่งงานกับคนที่แม่เลี้ยงเลือก  จนต้องหนีมาเมืองหลวงเพื่อขอให้พ่อนางเอกที่เป็นลุงช่วย ...แม่นางเอกก็พยายามเลือกลูกเขยอยู่นาน แล้วสุดท้ายก็ไปถูกใจคุณชายสามสกุลเหลียง บัณฑิตหนุ่มอนาคตไกล ชาติตระกูลดี ความประพฤติเรียบร้อย ไม่มีสาวใช้หรืออนุก่อนแต่งงาน ตอนแรกกะจะให้หมั้นไว้ก่อน แต่ฝ่ายนู้นเร่งรัดหาเหตุผลบลาๆ สุดท้ายนางเอกเลยต้องแต่งเข้าไปตั้งแต่อายุ 12 แต่ตกลงกันว่ายังไม่ไห้เข้าหอนะเพราะนางเอกอายุยังน้อย 

จริงๆ ไม่น่ารีบแต่งเลย ลูกก็เพิ่ง 12-13 เราว่าอยู่บ้านเดิมก็ดีอยู่แล้ว อยู่บ้านเดิมคนน้อยไม่วุ่นวาย แถมได้เป็นเจ้านายไม่ต้องคอยดูสีหน้าหรือปรนนิบัติใคร แต่พอแต่งมาเป็นสะใภ้มาอยู่บ้านเขาก็ต้องคอยดูสีหน้าสามี แม่สามี ย่าสามี บรรดาพี่ชาย+พี่สะใภ้ของสามี ต้องตื่นเช้าทุกวันเพื่อไปคารวะปรนนิบัติแม่สามี และบลาๆ แถมจะทำอะไรก็ไม่มีอิสระ จุกจิกอึดอัดไปหมด สามีก็พึ่งพาไม่ได้ ดีนะที่ในร่างนี้วิญญาณคือนางเอกที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เลยสามารถควบคุมอารมณ์และมีความอดทนในการรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้มากพอ แต่ยังไงจุนแม่ก็ไม่น่าให้ลูกรีบแต่งเลยอะ...เฮ้อ

บ้านสามีนางเอกเป็นตระกูลแม่ทัพ ส่วนพ่อนางเอกเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตอนพ่อสามีเกิดเรื่องมีคนยื่นฎีการ้องเรียน บ้านสามีเลยมาขอให้พ่อนางเอกช่วย พ่อนางเอกก็ช่วยยับยั้งฎีกาจนแก้ไขสถานการณ์ได้กลับมาเป็นปกติ นี่แหละความเจ๋งของขุนนางฝ่ายบุ๋น อยู่วงใน ทั้งอยู่ในเมืองหลวง รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ มีข่าววงในอะไรออกมาส่วนใหญ่ฝ่ายบุ๋นจะรู้ก่อน หรือไม่งั้นก็สามารถหาทางช่วยยับยั้ง+แก้ไขปัญหาให้เบาลงได้ 

ดังนั้นบ้านสามีนางเอกถึงได้อยากดองกับบ้านนางเอกไง เพราะหากมีปัญหาหรือเกิดปัญหาจะได้มีวงในแจ้งข่าวหรือช่วยแก้ (แถมพ่อนางเอกยังเป็นถึงหัวหน้าสภาขุนนางเส้นสายไม่ธรรมดา ต่อให้วันหนึ่งพ้นจากตำแหน่งไปแล้วแต่ connection ที่เคยสร้างไว้ก็ยังใช้ได้อยู่นะจ๊ะ) ... บอกเลยใครได้เป็นลูกเขยพ่อนางเอกนี่ไม่ต้องกลัวว่าหน้าที่การงานจะไม่รุ่งนะ(ถ้าเอ็งไม่โง่งมจนเกินจะเยียวยา) มีพ่อนางเอกคอยชี้แนะ+คอยช่วยดูสถานการณ์ให้ ที่เหลือก็อยู่ที่ตัวลูกเขยเองว่าจะฟังจะเชื่อไหม หรือจะเอาไปปฏิบัติปรับใช้อย่างไร 

แต่งไปได้สักพักนางเอกก็เริ่มจับพิรุธได้ว่าสามีอาจจะมีสตรีอื่นอยู่ในใจก่อนแล้ว สัญชาติญาณของผู้หญิงอะไม่ธรรมดา เอ๊ะๆ ตั้งแต่วันแต่งงานและ ต่อมาก็เรื่องปลอกพัด จนมาเรื่องของขวัญวันเกิด และเรื่องตกน้ำ จากที่ว่าจะเป็นสามีภรรยาแบบให้เกียรติอยู่ร่วมกันแบบมิตรสหาย แต่พอเจอเหตุการ์ที่ปั๋วกับ...ไปแอบพบ+พูดคุยกันตอนกลางคืน นางเอกก็รู้สึกหมดหวัง+ขยะแขยงในตัวปั๋วในบัดดล ก็แค่ผู้ชายกากๆ ขี้ขลาดคนหนึ่ง ที่ไหลไปตามกระแสลม หูเบา มองสถานการณ์อะไรไม่ออกสักอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องคบคน เรื่องความสัมพันธ์ กากกกจนสงสัยว่าทำไมแม่นางเอกถึงได้เลือกคนแบบนี้มาเป็นคู่ครองให้ลูกหนอ...แต่เดี๋ยวจะมีช่วงที่แม่รู้ว่าลูกกับสามีเริ่มมีปัญหากัน แม่ถึงได้บอกว่าทำไมแม่ถึงเลือกผู้ชายคนนี้ให้แต่งด้วย คือแม่มองนิสัยลูกเขยขาดเลยแหละ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่แม่ก็มีเหตุผลที่เรียกว่าหวังดีของแม่ คิดว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูก(ในความคิดของแม่) ตอนฟังก็โกรธไม่ลง คือแม่เขาคิดมาดีแล้วจากประสบการณ์ของตัวเองเลยไม่อยากให้ลูกต้องเดินซ้ำรอย นางเอกก็เข้าใจความปรารถนาดีของแม่แหละ บวกกับอาการป่วยของแม่ด้วย เลยอดทนไม่เถียงไม่ขัดใจแม้จะไม่มีความสุข เพราะไม่อยากให้แม่กังวลหรือเป็นห่วง🥹

หลังตกน้ำเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีนางเอกกับ...ก็ถูกเปิดเผย นางเอกตกลงให้อีกฝ่ายเข้ามาเป็นอนุ กำหนดวันแต่งเข้ามาเรียบร้อย บ้านปั๋วก็ชมเชยที่นางเอกรู้ความวางตัวดีไม่ทำเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนปั๋วก็ดี๋ด๋าที่ได้สตรีในดวงใจมาอยู่ในเรือนอย่างถูกต้อง (แต่ตัวเองไม่สู้ไม่พูด ไม่กล้าทำไรสักอย่างนะ เหอๆ) ...ต่อมาบ้านนางเอกเกิดเรื่อง แม้บ้านสามีจะไม่ได้ทอดทิ้งหรือตัดสัมพันธ์กับนางเอกแต่ก็ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรสักเท่าไร เข้าใจแหละว่าต้องระวังแถมยังไม่รู้ชัดด้วยว่าพ่อนางเอกผิดเรื่องไหน ส่วนปั๋วก็ไม่สามารถพูดคุยหรือปรึกษาอะไรได้เลย ยิ่งมีตัวเปรียบเทียบอย่างพระเอกก็ยิ่งเห็นได้ชัด 

ปั๋วคือนิสัยบัณฑิตตตสุดๆ แบบให้ความสำคัญกับชื่อเสียง+ภาพลักษณ์เป็นหลัก ไม่รู้จักยืดหยุ่นพลิกแพลง พ่อนางเอกบอกสอน+แนะนำอะไรก็รำคาญ(แบบมันไม่ตรงใจตัวเอง) ต่างจากพระเอกลิบลับ🥹 (พระเอกนี่เข้าหาพ่อตาตลอด รักพ่อตายิ่งกว่าพ่อแท้ๆ ซะด้วยซ้ำ55) ขนาดนางเอกแต่งไปแล้วพระเอกยังพยายามหาทางช่วยที่บ้านนางเอกและพ่อนางเอกแบบสุดๆ จนแม่นางเอกมองออกว่าพระเอกรู้สึกยังไงกับลูกสาว เลยมาเตือนลูกแบบอ้อมๆ นางเอกเลยต้องเว้นระยะห่างจากพระเอก(คือนางมาจากยุคปัจจุบันบวกกับเรื่องที่บ้านเลยอาจทำให้มองข้ามเรื่องพวกนี้ไป แต่พอแม่พูด นางเอกก็ตีตัวออกหากทันที)

ทว่าเรื่องพ่อยังไม่ทันจบดี นางเอกก็ต้องเจอกับเรื่องสะเทือนใจครั้งใหญ่ที่มาโดยไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว พอเสร็จเรื่องที่บ้านก็มาถึงเรื่องที่นางเอกจะหย่าขาดจากสามี ตอนแรกบ้านฝั่งสามีคิดว่านางเอกแค่โกรธแล้วอยากกลับบ้านไปหลบพักเฉยๆ หายโกรธเมื่อไรคงกลับมา ไม่มีใครคิดว่านางเอกจะกล้าหย่า แต่นางเอกมาปรึกษาพ่อเรียบร้อยว่าจะหย่า ตอนแรกพ่อก็ไม่อยากให้หย่า เพราะสตรีที่หย่าร้างจะแต่งงานใหม่ยากทั้งยังต้องเจอกับคำครหามากมายอีก พ่อเป็นห่วง แต่นางเอกยืนยันคำเดิม พ่อเลยต้องโอเค ส่วนฝั่งพ่อของสามีพอรู้ข่าวก็จะให้ส่งน้องดอกบัวขาวกลับบ้านเดิมแล้วกำจัดทิ้งซะ ห้ามให้นางเอกหย่าเด็ดขาด ยังไงก็ต้องดองกับตระกูลนางเอกต่อไป 

พ่อสามีมองไกลกว่าไง แต่มันไม่ทันจ้า เพราะนางเอกกับพ่อวางแผนให้ตัวสามีรับญาติผู้น้องเป็นอนุได้ก่อนที่พ่อสามีจะกลับมา ทำให้พ่อสามีหมดทางแก้ไขสถานการณ์จึงจำเป็นต้องให้นางเอกหย่าตามที่ร้องขอ ...หลังเป็นอิสระนางเอกกับพ่อก็เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ส่วนสามีเก่านางเอกก็กลายเป็นคนว่างงาน ไม่โดนเรียกเข้ารับตำแหน่งไหน ต่อมามีคนช่วยยัดชื่อ แต่พอฮ่องเต้เห็นชื่อนี้ก็ขีดทิ้งแล้วถามว่า 'ราชสำนักไม่มีคนอื่นให้เรียกใช้งานแล้วหรือ' ตั้งแต่นั้นเลยไม่มีใครกล้าช่วยอีก(สมน้ำหน้า) 

มาถึงพระเอกบ้าง พระเอกสอบติดได้เป็นจ้วงหยวนฝ่ายบู๊ตั้งแต่อายุ 17 ทว่าแม้จะได้เป็นขุนนางแต่แรกๆ ก็ยังได้แค่ทำงานรับผิดชอบในตำแหน่งเล็กๆ ที่ไม่ค่อยสำคัญ หลังนางเอกหย่าพระเอกเคยมาหานางเอกเพื่อหยั่งเชิงความรู้สึกที่มีต่อตัวเอง ใช่! นางเอกชอบพระเอกมาก แต่ยิ่งชอบมากก็ยิ่งไม่อยากแต่งด้วย เพราะรู้ว่าตัวเองต้องทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าหากวันหนึ่งพระเอกเกิดอยากรับอนุ นางคงไม่สามารถวางตัวเป็นภรรยาที่ดีใจกว้างทำเหมือนไม่สนใจได้ และอีกอย่างที่เป็นอุปสรรคใหญ่เลยคือ...พ่อนางเอกไม่เห็นด้วย

คือหลังนางเอกหย่าพระเอกก็ไปรบ อยากสร้างผลงานให้พ่อนางเอกเห็น อยากให้เขายกลูกสาวให้ เพราะถึงบ้านพระเอกจะรวยมากแค่ไหนแต่ก็เป็นเพียงตระกูลพ่อค้า ไม่ได้อยู่ในสายตาพ่อนางเอกเลย แต่ปรากฏว่ารบแพ้ ถูกจับเป็นเชลยพร้อมกับ... จะตายแหล่มิตายแหล่ นางเอกเลยไปขอให้พ่อช่วยพาพระเอกกลับมา แต่พอกลับมาได้ก็ยังไม่ถือว่ารอดปลอดภัย 100% ดี เพราะเวลานั้นมีฮ่องเต้พระองค์ใหม่แล้ว ดังนั้นสถานการณ์ของคนที่กลับมาจึงกลายเป็นหนามตำใจของฮ่องเต้องค์ใหม่ จะฆ่าทิ้งก็ไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรดี แต่จะปล่อยเอาไว้ก็รู้สึกไม่ปลอดภัยไม่สบายใจ ดังนั้นพอกลับมาถึงทุกคนเลยถูกพาตัวไปคุมขังอีกรอบเพื่อรอคำสั่งจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่อีกที 

นางเอกเลยมาขอให้พ่อช่วยพระเอกอีกรอบ พ่อก็ตกลง แต่ขอแลกกับการให้นางเอกเลิกติดต่อกับพระเอกตลอดไป  พอช่วยออกมาได้ นางเอกเลยต้องทำตามที่พ่อขอ ส่วนพระเอกก็ไม่มีหน้าไปสู่ขอคนเขาแล้ว (แต่พ่อพระเอกกลับยุให้ไปสู่ขอ เพราะไม่มีพ่อตาคนไหนเจ๋งเท่าพ่อนางเอกอีกแล้ว ขนาดไม่มีตำแหน่งอะไรยังสามารถใช้เส้นสายช่วยคนได้ขนาดนี้ ดังนั้นถ้าพระเอกได้แต่งเป็นบุตรเขยบ้านนี้อนาคตหน้าที่การงานจะต้องติดปีกแน่ๆ) แต่พระเอกไม่ไป เพราะรู้ดีว่าขนาดตอนที่ตนกำลังรุ่งไม่ตกอับพ่อนางเอกยังไม่เคยแล ฉะนั้นนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ตกอับ หรือต่อให้แต่งได้ แต่ถ้าฮ่องเต้องค์ใหม่ยังอยู่ พระเอกก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ลืมตาอ้าปากอีก ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็ต้องถูกหาเรื่องเล่นงาน (แล้วก็เจอจริงๆ)

อ่านจบแล้ว สนุกมากกก ทั้งเรื่องหลังบ้านนอกบ้าน การแย่งชิงอำนาจการต่อสู้ในหน้าที่การงานของเหล่าบุรุษ ครบรส เรื่องหลังบ้านก็มัน เรื่องนอกบ้านก็สนุก ใครผิดหวังจากพ่อนางเอกในพราวพร่างต้องมาเจอพ่อนางเอกเรื่องนี้ สุดยอดคุณพ่อ+สุดยอดพ่อตามาก คุณพ่อรักลูกสาวมาก ความจริงที่พ่อมีอนุเพราะอยากให้มีคนจุดธูปให้หลังตัวเองกับแม่นางเอกจากไปใช่ไหมล่ะ แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าแม่นางเอกไม่ได้ต้องการเลย แต่ดีที่พ่อมีอนุคนเดียว แล้วอนุก็ไม่ได้สร้างปัญหา และพ่อนางเอกก็ไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างฝั่งอนุแม้แต่น้อย 

ผิดกับฝั่งบ้านพระเอก ฝั่งบ้านพระเอกนี่มันมาก55 ซับซ้อน อิรุงตุงนังไปหมด คือพ่อพระเอกอะมีสาวใช้ห้องข้างอยู่คน แล้วพ่อก็รักสาวใช้ห้องข้างคนนี้มาก ก่อนจะแต่งกับแม่พระเอก อิพ่อก็บอกตรงๆ แหละว่ามีคนที่รักอยู่ก่อนแล้วนะ แต่รับปากว่าจะไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาในตระกูลหรือมายุ่งวุ่นวาย จะเลี้ยงไว้ข้างนอก แต่ลับหลังสาวใช้ของพ่อกลับแอบมาเจอแม่พระเอกแล้วใช้ความตายข่มขู่ขอให้แม่พระเอกยกสามีให้ถึงสองครั้ง จนแม่พระเอกเอือม ไปๆ มาๆ แม่เลยยกพระเอกให้เป็นลูกของบ้านสี่(น้องชายคนที่สี่ของพ่อ) แล้วออกเดินทางไปทำการค้า 

พระเอกจึงต้องกลายเป็นลูกบ้านอื่นด้วยเหตุนี้ ต้องเรียกคนอื่นว่าพ่อแม่ ส่วนพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองกลับต้องเรียกว่านายท่านใหญ่และนายหญิงใหญ่แทน ...พอพระเอกถูกจับและหลังพระเอกแต่งงาน ความสัมพันธ์ของพ่อแม่พระเอกถึงได้เริ่มดีขึ้นมาหน่อย แต่พอเริ่มดีอนุพ่อก็มาตามมาป่วนอีก ใช้ความตายกับเรื่องลูกมาข่มขู่เพื่อให้พ่อพระเอกยอมตามกลับไป แล้วดันมาสร้างเรื่องในจวนที่ฮ่องเต้พระราชทานให้พระเอกไง แม่พระเอกเลยไม่ขอทน ออกมาพูดเรื่องที่นางเคยมาแอบพบแล้วใช้ความตายมาข่มขู่เพื่อขอตัวพ่อพระเอก อิพ่อก็อึ้งแทบไม่อยากเชื่อ (ตามสเต็ป ฉลาดเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องในเรือนหลังตัวเอง อิพ่อก็นึกว่าคนรักตัวเองเป็นสตรีอ่อนแอ บอบบาง อ่อนโยนไง แต่จริงๆ ไม่ใช่ ต้องลองไปอ่าน แต่เราว่านางออกจิตๆ แอบน่ากลัวอยู่เหมือนกัน)

พระนางแต่งกันแบบฉุกละหุก ตอนแรกเกือบไม่ได้แต่ง แต่มีวันนึงพระเอกไปบังเอิญได้ยินสามีเก่านางเอกพูดจาว่าร้ายนางเอกเลยเข้าไปซัด คนสนิทพ่อนางเอกบังเอิญไปรู้เลยเอาไปเล่าให้พ่อนางเอกฟัง กลายเป็นจุดเปลี่ยนทำให้พ่อยกลูกสาวให้ พอแต่งเสร็จปุ๊บนางเอกก็ต้องย้ายตามพระเอกไปชายแดนทันที แถมเวลาไปยังต้องแยกกันเดินทางเพราะพระเอกเสี่ยงจะถูกเก็บ พอไปถึงก็ต้องเริ่มต้นสานสัมพันธ์กับผู้คนใหม่ แต่พระเอกเก่งเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพียงไม่นานก็สานไมตรีกับคนได้ทุกระดับ ส่วนนางเอกก็คอยดูแลเรื่องราวภายในบ้าน สานสัมพันธ์กับสตรีในเรือนหลังไป จากนั้นไม่นานนางเอกก็ตั้งครรภ์ ญาติฝั่งพระเอกกับแม่พระเอกก็ตามมาดูแลถึงที่ชายแดน 

แม่พระเอกรู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองเป็นฝ่ายผิดต่อพระเอกจึงอยากชดเชยให้มาตลอด เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเข้าหาลูกยังไง เพราะเมื่อก่อนพระเอกไม่ได้ใจเย็นเข้าหาง่ายแบบนี้ เพิ่งมาเริ่มเปลี่ยนหลังได้เจอนางเอกและผ่านประสบการณ์มากมายนี่แหละ พอมีครอบครัวของตัวเองพระเอกถึงปล่อยวางได้ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเปิดใจทำตัวสนิทอะไรขนาดนั้น แต่ไม่ว่ายังไงนางเอกกับลูกก็ต้องมาก่อนนะ เรื่องอะไรหากทำให้นางเอกไม่ชอบไม่พอใจพระเอกก็ไม่ทำ ต่อให้คนที่มาขอร้องจะอาวุโสกว่าพระเอกก็ไม่สน จนมีคนปล่อยข่าวลือว่าพระเอกกลัวเมีย55 เราชอบตอนที่นางเอกตั้งท้องแล้วถามพระเอกว่าจะเสียใจไหมถ้าได้ลูกสาว แต่พระเอกบอกว่าจะเสียใจยิ่งกว่าถ้าแม่ของลูกไม่ใช่นางเอก ตอนที่รู้ว่านางเอกแต่งงานแล้ว สายตาที่พระเอกมองนางเอกเวลานั้นคือเจ็บปวดมากจริงๆ สตรีคนแรกที่ตัวเองชอบแต่กลับปล่อยให้หลุดมือไปเสียได้

รอจนกระทั่งลูกสองพระนางก็ได้กลับเมืองหลวงอีกครั้ง ท้องฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว จากขุนนางตกอับที่ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่งก็กลายมาเป็นขุนนางผู้ภักดีคนโปรด โปรดขนาดไหน ก็ขนาดที่ลูกชายพระนางอายุเพิ่งกี่ขวบเองแต่ฮ่องเต้ก็มอบตำแหน่งขุนนางติดตัวไว้ให้เรียบร้อยแล้วอะ55

ป.ล. จบดี แต่เศร้าตรงไม่มีตอนพิเศษนี่แหละ🤣 ผลงานของท่านจือจือยังคงทำให้เห็นถึงความสำคัญของหลังบ้านและสายสัมพันธ์ต่างๆ เสมอ ตัวละครหญิงในเรื่องหลายๆ คนแกร่ง+ฉลาด+แก้ปัญหาได้ดีไม่แพ้บุรุษอกสามศอกหรือบางทีอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ  เป็นอีกเรื่องของท่านจือจือที่ชอบมาก ดีใจที่ได้อ่าน ไม่ผิดหวังจริงๆ


📍หนทางไปสู่ความสุขมักเต็มไปด้วยอุปสรรค  ➡️ https://s.shopee.co.th/10vM87KFMF





วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

อุบายรักลิขิตเสน่หา 4 เล่มจบ

 

อุบายรักลิขิตเสน่หา 4 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เหวยเหอจ้งจื่อ

ผู้แปล : เบบี้นาคราช

สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

พระนางเรื่องนี้เป็นคนหน้าตาดีมากๆ ทั้งคู่ ดีเวอร์ แบบนึกไม่ถึงว่าจะมีคนหน้าตาดีขนาดนี้อยู่ในโลก ซึ่งบางทีการที่หน้าตาดีเกินไปมันก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร โดยเฉพาะกับนางเอกเรื่องนี้ ... 

คือปกติสตรีในยุคโบราณที่ยังไม่ได้ออกเรือนเวลาไปข้างนอกบางคนก็จะสวมหมวกม่านปิดบังใบหน้าใช่เปล่า แต่ของนางเอกเรื่องนี้หมวกม่านก็เอาไม่อยู่นะจ๊ะ จะก้าวเท้าออกจากบ้านทีก็มีคนมารุมออรอดูอยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้วอะ เหมือนมีปาปารัสซี่คอยติดตามดักซุ่มเฝ้าดูการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด พอออกจากบ้านปุ๊บก็จะมีคนส่งข่าวบอกคนอื่นๆ ต่อ ทำให้มีคนแห่ตามไปดูนางกัน นางเอกเลยตัดปัญหาด้วยการไม่ออกไปไหนหรือออกจากบ้านให้น้อยที่สุด 

แต่ขนาดไม่ออกไปไหนเรื่องก็ยังเข้ามาหา อยู่ดีไม่ว่าดีก็ถูกทำให้ชื่อเสียงเสียหายแบบงงๆ แถมเรื่องราวในครั้งนี้ยังลอยไปถึงหูองค์ชายรอง จึงทำให้นางเอกถูกอีกฝ่ายหมายตาจนที่บ้านต้องรีบหาคู่ครองให้นางแต่งออกไป ตอนแรกคนที่จะได้แต่งคือเพื่อนพระเอก พระเอกยังมาถามเพื่อนเลยว่าแน่ใจเหรอว่าจะแต่งกับนางเอก? แน่ใจว่าจะสามารถรับมือกับปัญหา(จากองค์ชายรองและเหล่าผึ้งภมรทั้งหลายที่หมายปองนางเอก) ที่อาจจะตามมาในอนาคตได้? ทว่าสุดท้ายก็มึเหตุให้เพื่อนพระเอกไม่ได้แต่ง พ่อนางเอกเลยต้องรีบมองหาคู่ครองคนใหม่ให้ลูก แต่บ้านที่เคยไปดูๆ พูดคุยเอาไว้พอรู้ว่านางเอกถูกองค์ชายรองหมายตา ทุกคนก็รีบปฏิเสธ+บอกปัดกันทันที เพราะกลัวอิทธิพลขององค์ชายรองลูกรักฮ่องเต้ 

ซึ่งจริงๆ องค์ชายรองก็ไม่ได้หลงรักหรือชอบนางเอกหรอก เพียงแต่ชอบของสวยๆ งามๆ พี่แกเลยอยากได้นางเอกมาสะสมไว้เหมือนสิ่งของชิ้นหนึ่ง คิดว่านางเอกจะง่ายเหมือนคนอื่นๆ ที่เคยเจอมา แค่มีอำนาจมีเงินทุกคนก็จะยอมสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าตัวเอง แต่ปรากฏว่านางเอกไม่ใช่แบบนั้น หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอม พอเป็นแบบนี้องค์ชายรองเลยยิ่งคลั่ง อยากได้คนเขามาครอบครองโดยไม่สนใจวิธีการหรือความถูกผิด

แต่ก็ต้องขอบคุณองค์ชายรองนะจ๊ะ เพราะแผน(ชั่ว) ขององค์ชายรองนี่แหละพระนางเขาถึงได้ลงเอยกันง่ายขนาดนี้55 เพราะไม่งั้นอาจจะยาก เพราะเดิมทีสองคนนี้เขาไม่ถูกกันมาก่อน เจอหน้าทีไรเป็นต้องได้จิกกัดเหน็บแนมกันตลอด แบบไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ พระเอกคือหนึ่งในจำนวนคนอันน้อยนิดที่ไม่ได้ชอบหรือหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของนางเอก ส่วนนางเอกก็คือหนึ่งในจำนวนคนอันน้อยนิดที่ไม่ได้ชอบพระเอกเช่นกัน ...

แต่เพราะแผนขององค์ชายรองกับน้องสาว(พี่น้องมหาประลัย) ที่กะจะวางยาพระนางแล้วจับคนเขาขึ้นเตียง แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นการส่งเสริมทำให้คนอื่นเขาได้ครองคู่กันซะอย่างนั้น ...ก่อนจะขึ้นเตียงกันนางเอกมีถามพระเอกก่อนด้วยนะว่ามีคนรักหรือยัง? อนาคตจะรับอนุไหม? ที่บ้านจะว่ารึเปล่า? เสร็จเรื่องแล้วเจ้าจะมาสู่ขอข้าใช่ไหม? ...พระเอกบอก ไม่มี ไม่รับ ไม่ว่า ได้ข้าแต่ง55

หากใครคิดว่าพอพระนางตกลงแต่งงานกันแล้วองค์ชายรองจะปล่อยมือ บอกเลยคุณคิดผิดจ้า55 เขาได้แต่งกันตั้งแต่เล่มแรกก็จริง แต่กว่าจะได้แต่งโถถถถ ไม่ตายก็บุญแล้ว🤣 องค์ชายรองทั้งส่งคนมาลอบฆ่าพระเอก ส่งคนมาเผาเรือน แถมพอถึงวันแต่งจริงก็ยังแอบบุกเข้าห้องหอจะไปทำมิดีมิร้ายเจ้าสาวเขาอีก กระทั่งเขาแต่งไปแล้วก็ยังไม่เลิกรา ยังวางแผนไปลักพาตัวคนเขามาขังไว้อีกนะ แถมอิพ่อฮ่องเต้ก็ไม่ลงโทษอะไรลูกด้วย แค่ตักเตือนด้วยคำพูดแต่ไม่ลงโทษแบบแรงๆ อะไรเลย ลำเอียงโคตรๆ ลูกชายคนโปรด นางเอกถึงได้กลัวเพราะฮ่องเต้ให้ท้ายลูก ขนาดพ่อนางเอกเป็นถึงผู้ตรวจการมีตำแหน่งขั้นสามนะ แต่เจอคู่กรณีแบบนี้ก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนไม่สามารถไปฟ้องร้องเอาผิดกับใครได้ เพราะไม่มีใครกล้ายุ่ง ได้แต่หลบหลีกหาวิธีป้องกันตัวเองไป หากหลบได้ก็ดีหลบไม่ได้ก็ถือว่าซวย

เราว่าดีนะที่แต่งกับพระเอก ถ้าเป็นคนอื่นจะกล้าสู้+ปกป้องนางเอกได้ถึงขั้นนี้ไหม ถึงไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก แต่พอแต่งแล้วพระเอกก็รับผิดชอบ+ปกป้องนางเอกอย่างสุดกำลังล่ะนะ ไม่หวาดกลัวต่ออำนาจขององค์ชายรอง ไม่ยอมจำนน ไม่คิดขายเมียกิน ถ้าเป็นคนอื่นจะทนไหวหรือโดนขนาดนี้ ถึงเขาไหวแต่ครอบครัวเขาจะรับไหวหรือ ทว่าพระเอกนี่ถูกวางแผนร้ายใส่กี่รอบก็ไม่เคยกลัว ไม่คิดว่านางเอกเป็นตัวปัญหาหรือคิดปล่อยมือ แถมพี่แกยังสนับสนุนให้นางเอกได้ทำในสิ่งที่ชอบด้วย นางเอกอยากเรียนรู้อะไร อย่างเช่นวรยุทธ์ ยิงธนู ขี่ม้า พระเอกก็พร้อมสนับสนุน อยากให้นางเอกได้ใช้ชีวิตในแบบที่ชอบ มีอิสระ อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องหวาดกลัวหรือรู้สึกไม่ปลอดภัยอีก

ลืมบอก! พระเอกเป็นจ้วงหยวนนะ สอบได้ที่หนึ่งทุกสนามจนได้รับสมญานามว่า ลู่หกหยวน (ได้ที่ 1 ทั้งหกสนาม) บ้านพระเอกเป็นชาวยุทธ์ พระเอกเลยเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ไม่มีใครรู้ว่าพระเอกมีวรยุทธ ไม่รู้ว่าพื้นเพพระเอกมาจากครอบครัวชาวยุทธ์ บวกกับพระเอกไม่เคยแสดงฝีมือให้ใครเห็นด้วย มีอะไรวิ่งหลบอย่างเดียว55(แต่หลบแบบพลิ้วนะ) เพราะมาจากครอบครัวชาวยุทธ์มั้งพระเอกถึงค่อนข้างเปิดกว้าง ไม่ยึดติดในกรอบจารีตประเพณี ไม่คิดว่าพอผู้หญิงแต่งงานแล้วจะต้องอยู่กับบ้านเลี้ยงลูกเท่านั้น(แน่นอนว่าถ้านางเอกชอบแบบนั้นพระเอกก็ไม่ได้ว่าอะไร) ...อย่างนางเอก พระเอกรู้ว่านางเอกชอบเรียนหนังสือแล้วก็เรียนได้ดี แต่ติดที่เป็นสตรีเลยสอบรับราชการเหมือนบุรุษไม่ได้ ทางเลือกสำหรับผู้หญิงสมัยโบราณมีน้อยมาก ส่วนพ่อนางเอกก็หัวเก่า เป็นคนดีรักลูกก็จริง แต่ก็ยึดติดอยู่ในกรอบของจารีตประเพณี ว่าสตรีต้องไม่ยุ่งเรื่องงานของบุรุษ ต้องเรียนเย็บปัก ดีดพิณ วาดรูปบลาๆ พอแต่งงานก็ต้องเชื่อฟังสามีอยู่บ้านเลี้ยงลูก 

แต่พระเอกคือเรียกให้นางเอกมาช่วยงานเป็นที่ปรึกษาเลยจ้า ปกติขุนนางจะจ้างที่ปรึกษามาช่วยงาน ช่วยเขียน ช่วยคัดลอกฎีกานั่นนู่นนี่ แต่พระเอกคือไม่จ้างให้เมียช่วยจ้า เพราะรู้ว่าเมียชอบงานแบบนี้ แรกๆ นางเอกก็จะถามตลอดว่าข้าทำได้หรือ อ่านได้หรือ ให้ข้าช่วยเขียนจะดีหรือ ห้องหนังสือท่านข้าเข้าได้จริงหรือ เพราะตอนอยู่ที่บ้านพ่อนางเอกจะไม่ให้ยุ่งเรื่องพวกนี้เลย(เพราะเป็นสตรี) แต่พระเอกคือได้ทุกอย่าง อยากทำไรทำโลด

พระนางเรื่องนี้เขาผัวร้องเมียรับ คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันทุกเรื่อง เป็นคนฉลาด+มีเหตุผล เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก พระเอกเจ้าเล่ห์ ไม่ยึดติด เป็นคนมีอุดมการณ์ มีเป้าหมาย ไม่เย็นชาไม่หยิ่ง รู้วิธีเข้าสังคมและรับมือคน ไม่แข็งแต่ก็ไม่อ่อน เวลาอยู่กับนางเอกจะยิ่งกะล่อนเจ้าเล่ห์ แต่ก็เป็นสุภาพบุรุษนะ ไม่เผด็จการ ไม่เคยบังคับหรือฝืนใจนางเอก แรกๆ เวลาจะจูบยังขออนุญาติก่อนเลย พอแต่งแล้วก็ใช่ว่าจะร่วมหอเลย แต่พี่แกรอให้นางเอกยินยอมพร้อมใจก่อน หลังๆ พอมีใจให้กัน+คุยกันเข้าใจแล้วก็แทบจะจูบกันทุกวัน พระเอกชอบจูบ(นางเอก)มาก จูบไม่เลือกที่(หมายถึงที่บ้านนะ55) จูบบ่อยจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา55 มีมาให้ฟินเรื่อยๆ ส่วนนางเอกในด้านความรู้สึกความรักนี่เป็นเหมือนผ้าขาว ความรู้สึกช้า ซื่อจนน่ารัก ไร้เดียงสามาก 

ส่วนเรื่องานของพระเอกก็น่าติดตามไม่แพ้กัน ตอนแรกพระเอกเป็นขุนนางนางขั้นหก(ตำแหน่งอะไรลืม55) หลังพระนางแต่งกันองค์ชายรองก็ไปขอให้พระเอกมาเป็นอาจารย์สอนองค์ชาย เดิมทีพระเอกทำงานไม่เคยถูกใครเขียนฎีกาฟ้องร้องนะแต่พอมาเป็นอาจารย์สอนองค์ชายเท่านั้นแหละ...หึๆๆ (องค์ชายรองกะเล่นพระเอกอยู่แล้วไง) แต่พระเอกก็แบบมาดิ่ เขียนมาก็เขียน(ด่า)กลับไม่โกง เขียนจนมีคนแอบคัดลอกเอาไปเผยแพร่เอาไปรวมเล่มเลยจ้า ด่าแบบผู้ดีด่าแบบสุภาพแต่ทำให้คนอยากตายมันเป็นยังไง เอาเซ่! 

...หลังจากนั้นพระเอกก็ไปทำงานที่ต่างเมือง ไปสืบเรื่องการทุจริตโกงกินที่เมืองหนึ่ง อันตรายมากเพราะเบื้องหลังการโกงกินนี้มีคนใหญ่คนโตหนุนอยู่ ใครคิดสืบใครคิดเปิดโปงตายหมดไม่เหลือ ไปๆ มาๆ เลยไม่มีใครกล้าแตะ เพราะมันพัวพันไปถึงองค์ชายรองและครอบครัวสนมรักของฮ่องเต้ แต่พระเอกกล้า ส่วนนางเอกก็สนับสนุนสามีเต็มที่ พอพระเอกยื่นฎีการ้องเรียนปุ๊บฮ่องเต้ก็ไม่พอใจส่งเข้าคุกหลวงปั๊บทันที ฮ่องเต้ก็ไม่ไหวจะเคลียร์ หลังๆ เวลาคุยกับนางเอกพระเอกเลยไม่เรียกอีกฝ่ายว่าฮ่องเต้และ แต่จะเรียกชื่อแซ่เต็มของฮ่องเต้เลย ดีก็ให้เกียรติไม่ดีก็...หึๆ คือพี่แกไม่ได้มาทำงานเป็นขุนนางเพื่อหวังชื่อเสียงลาภยศหรือหลับหูหลับตารับใช้ทำตามคำสั่งใครจ้าาา แรกๆ อาจทำเพราะอยากมีอำนาจสูงสุดเพื่อจะได้กำหนดชีวิตตนเอง แต่พอมีเมียแล้วพี่ก็อยากเปลี่ยนโลกนี้เพื่อให้เมียอยู่อย่างมีความสุขมากกว่า55 มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการอะไร เป็นคนสบายๆ สไตล์ชาวยุทธภพ😎👌

พอออกจากคุกมาได้ก็ถูกลดขั้นแล้วเนรเทศไปทำงานที่ชายแดน นางเอกก็ตามไปด้วย ไปอยู่ที่เมืองชายแดนแม้จะลำบาก แต่นางเอกกลับมีความสุขและอิสระมากกว่าตอนอยู่เมืองหลวงซะอีก ไม่ต้องห่วงเรื่องรูปโฉม ไม่ต้องกังวลเรื่ององค์ชายรอง จะไปไหนก็ได้ ทั้งได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคย+ไม่กล้าทำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะมีพระเอกสนับสนุนอยู่ด้วยแหละ มีสามีที่เปิดกว้างพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ นางเอกถึงได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้ค้นพบความสุขของตัวเอง และมีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น 

" ...ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอะไรอยู่ โลกนี้ใจกว้างต่อบุรุษอย่างยิ่ง ทว่าใจร้ายกดดันสตรีเกินไป แต่ข้าหวังว่าโลกจะใจดีต่อเจ้าสักนิด" 

หวังว่าเจ้าจะไม่มีความผิดหวังค้างในใจ

หวังว่าเจ้าจะไม่ต้องรู้สึกเสียใจในเรื่องใด

หวังว่าเจ้าจะเป็นตัวของตัวเอง มีชีวิตอิสระบนโลกนี้ เปลี่ยนเป็นมีความเข้มแข็งมากพอ ไม่ต้องสนใจคำติฉินนินทาเหล่านั้น


แต่พอเมืองเริ่มพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ เจ้าเมืองคนเก่าที่ไม่เคยโผล่หัวมา(ตั้งแต่พระนางย้ายมา) ก็มาแสดงตน🙄 กะมาชุบมือเปิบแย่งผลงานพระเอก แต่พระเอกก็หาแคร์ไม่ ดีซะอีกจะได้มีเวลาพักผ่อน แต่ไม่นานก็เกิดสงคราม ซึ่งอิท่านเจ้าเมืองก็ทิ้งเมืองชิ่งหนีไปก่อนคนแรกตามคาด ส่วนพระนางไม่หนี อยู่ช่วยกันปกป้องเมือง หลังจบเหตุการณ์นี้แม่ทัพที่ยกทัพมาช่วยถึงขนาดอยากให้พระเอกเปลี่ยนจากบุ๋นมาเป็นบู๊แทน แบบเห็นแวว55 ...จากนั้นก็ได้กลับเมืองหลวง คราวนี้ชื่อเสียงของพระเอกยิ่งโด่งดังเป็นที่เลื่องลือทั้งจากเรื่องยื่นฏีกาทัดทานถวายฮ่องเต้ แล้วก็มาเรื่องที่ปกป้องเมืองชายแดน ซึ่งไม่ว่าจะตกอับสักกี่ครั้งพระเอกก็ฟื้นตัวกลับมาได้เสมอ แถมยังเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม ส่วนตัวนางเอกก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปตั้งแต่ที่ได้แต่งงานใช้ชีวิตร่วมกับพระเอกเหมือนกัน เปลี่ยนเป็นคนที่เข้มแข็งมีความมั่นใจ ไม่ต้องคอยใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังหลบๆ ซ่อนๆ หรือหวาดกลัวองค์ชายรองอีกต่อไปแล้ว

ส่วนองค์ชายรองกับสนมรักฮ่องเต้ หลังโดนฟ้องร้องเรื่องทุจริตครานั้นก็ถูกลดความสำคัญลง แต่ใจจริงๆ ฮ่องเต้ก็ยังรักเหมือนเดิมแหละ เพียงแต่ต้องกลบเกลื่อนชั่วคราวเพื่อลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่สองแม่ลูกไม่เข้าใจ พอฮ่องเต้หมางเมินก็หวาดกลัวเกรงว่าตัวเองจะหมดอำนาจและถึงขั้นไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ (แบบนี้แหละอยู่ในราชวงศ์ สูงต่ำขึ้นอยู่กับความโปรดปรานของฮ่องเต้ ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง) ...จะว่าไปองค์ชายรองก็เป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่งนะ เกิดมาแบบไม่ค่อยสวย ชาติกำเนิดไม่ดี แม่เป็นลูกขุนนางต้องโทษ ได้เสียกันตอนแม่อยู่ที่วัด พอลูกเกิดมาก็บอกใครไม่ได้ว่าใครคือพ่อ แบบทั้งท้องก่อนแต่ง+ท้องไม่มีพ่ออะ แล้วในสมัยโบราณคิดดูเป็นแบบนี้จะโดนหนักขนาดไหน พ่อก็ต้องแอบเลี้ยงลูกเมียเอาไว้นอกวังไม่มีสถานะใดๆ ให้ เพราะตอนนั้นพ่อยังไม่ได้บัลลังก์ พอได้ก็ต้องรอจนกว่าบัลลังก์มั่นคงถึงมารับตัวสองแม่ลูกกลับไป เลยทำให้ลูกถูกคนกลั่นแกล้งหยามเหยียดต่างๆ นานา กลายเป็นปมในใจที่แก้ไม่หาย แม้ต่อมาจะมีทุกอย่างแล้วก็ตาม แต่สภาพจิตใจก็ยังไม่ค่อยปกติ ปัญหาไม่ได้ถูกแก้แค่ถูกกดเอาไว้ เมื่อฟางเส้นสุดท้ายขาดผึงทุกอย่างที่เพียรพยายามควบคุมกดเอาไว้เลยระเบิดออกมา


📍อุบายรักลิขิตเสน่หา 4 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/1VrSgFMoiU








วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอก


ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอก (เล่มเดียวจบ)

ผู้แต่ง : ลวี่กวง

ผู้แปล : เฉินซี

สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นางเอกเรื่องนี้ถูกฟ้าผ่าแล้วทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณ มาอยู่ในร่างสาวงามที่มีรอยแผลบนใบหน้า แต่ขนาดมีรอยแผลแล้วก็ยังงามเกินไปอยู่ดี นางเอกเลยต้องเอาหมึกวาดปานลงบนใบหน้าอีกชั้นเพื่อปกปิดความสวย จากนั้นก็ออกไปเร่ขายซาลาเปาเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ พยายามทำงานเก็บตังค์เพื่อใช้ชีวิตอยู่ในยุคโบราณให้ดีและไม่ลืมมองหาหนทางที่จะได้กลับบ้านอีกครั้ง นอกจากจะสู้ชีวิต นางเอกก็ยังมีความสามารถในการมองเห็นด้ายแดงที่นิ้วของคนอื่น เลยได้ช่วยชี้ช่องให้แม่สื่อจับคู่และได้ส่วนแบ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าตอบแทน 

ส่วนพระเอกเป็นขุนนางที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่ข้างนอก ได้รับคำสั่งให้มาตามสืบเรื่องบางอย่างและตามหาคน พระเอกมีรูปโฉมหล่อเหลา หน้าตางดงามยิ่งกว่าอิสตรี แต่นิสัยเย็นชา ปากร้าย พูดจาไม่ไว้หน้าใคร นิสัยตรงข้ามกับหน้าตาฝุดๆ ...ซึ่งแท้ที่จริงพี่แกหาใช่มนุษย์ธรรมดาไม่ ความจริงพระเอกคือเซียนจิ้งจอกหรือผู้เฒ่าจันทราซึ่งทำหน้าที่ผูกด้ายแดงให้คนเขาต่างหากเล่า สมัยที่แปลงกายเป็นคนได้ใหม่ๆ พระเอกไปตกหลุมรักเทพธิดาที่แอบลงมายังโลกมนุษย์ ต่างคนต่างตกหลุมรักจึงผูกสมัครรักใคร่เป็นสามีภรรยากัน แต่เมื่อเบื้องบนรู้เข้าหนึ่งจิ้งจอกกับหนึ่งเทพธิดาจึงถูกจับแยกนับแต่บัดนั้น คนหนึ่งถูกลบความทรงจำกลายเป็นผู้เฒ่าจันทราทำหน้าที่ผูกด้ายแดงอย่างมีความสุข ส่วนอีกคนต้องกลายเป็นยายเมิ่งทำหน้าที่เคี่ยวน้ำแกงลืมเลือนอยู่ในปรโลก ไม่มีวันได้พบหน้าคนที่ตัวเองรักอีกตลอดไป สุดท้ายนางเอกทนไม่ไหว ขอร้องเบื้องบนให้ส่งตนลงไปเวียนว่ายตายเกิด นางยินดีเผชิญความความทุกข์ยากเพียงเพื่อขอให้ได้พบหน้าคนที่ตัวเองรักอีกสักครั้ง ...

ทว่าถึงจะลงมาเกิดใหม่แต่เบื้องบนกลับไม่เคยคิดจะปล่อยให้ทั้งสองได้ครองคู่ หากเมื่อใดที่คนทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่นานนางเอกก็จะต้องพบเจอกับจุดจบที่น่าอนาถทันที เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระเอกเลยไม่อยากให้นางเอกเข้าสู่สังสารวัฏไปเผชิญความทุกข์ยากลำบากใดๆ อีกต่อไป คราวนี้พี่แกจึงตั้งใจจะหาคู่ครองที่ดีเลิศให้นางเอกได้แต่งงาน เพื่อตัดต้นตอคำสาปเพื่อที่นางในดวงใจจะได้ไม่ต้องพบเจอกับความผิดหวังและการพลัดพรากอีก...

ทว่าก็ได้แต่คิด เพราะพอต้องลงมือทำจริงๆ พระเอกกลับตัดใจไม่ได้ ทนเห็นนางเอกอยู่อย่างลำบากก็ไม่ได้ เพียงแค่รู้ว่านางเอกถูกจับตัวไปโยนใส่เตียงบุรุษอื่นพระเอกก็เกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ แทบจะเปลี่ยนลานบ้านผู้อื่นให้กลายเป็นลานเลือดแล้ว แต่พอทั้งสองคนเปิดเผยความรู้สึกตกลงว่าจะครองคู่อยู่ด้วยกันได้ไม่ทันไร เรื่องชาติกำเนิดของเจ้าของร่างที่นางเอกมาอยู่ก็ดันถูกเปิดเผยเสียแล้ว ชาติกำเนิดสูงไม่พอ อิน้องนางยังมีสัญญาหมั้นหมายกับคนอื่นอยู่ก่อนแล้วด้วยอีก...หึๆ

เป็นสไตล์มากกว่ารักเบาๆ ที่เราคุ้นเคย นานแล้วนะเนี่ยที่ไม่ได้อ่านมากกว่ารักแบบเล่มเดียวจบ เนื้อเรื่องสบายๆ ย่อยง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ55 ...นอกจากเบื้องหลังซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้เฒ่าจันทราอยู่บนสวรรค์ เบื้องหน้าในฐานะมนุษย์ธรรมดาพระเอกก็ต้องทำหน้าที่ของขุนนางผู้ภักดีตามคำสั่งฮ่องเต้ด้วย ดังนั้นนอกจากต้องหาทางขจัดคำสาปและปกป้องนางเอกจากเคราะห์ทัณฑ์สวรรค์แล้ว พระเอกก็ยังต้องตามหาหลักฐานการทุจริตของคนที่โกงเงินราชสำนัก และหาตัวคนร้ายที่ทำให้เจ้าของร่างที่นางเอกมาอยู่ต้องประสบเคราะห์ภัยด้วยนะจ๊ะ (เพื่อที่หลังจากนั้นคุณพี่จะได้ไปสู่ขอคนเขาอย่างเปิดเผยยังไงล่ะ) คนร้ายเป็นใครเดาไม่ยาก เพราะพอนางเอกกลับมาปุ๊บอีกฝ่ายก็แทบจะเผยพิรุธทันที ...แต่เอาเป็นว่าไม่มีอะไรจัดการยากเท่ากับเรื่องให้พระนางได้ครองคู่อยู่ด้วยกัน(อย่างปลอดภัย ไม่ต้องโดนสายฟ้าฟาด) อีกแล้ว คนร้ายอะไรก็ไม่น่ากลัวเท่ากับเคราะห์ทัณฑ์สวรรค์ที่เบื้องบนส่งลงมา ก็แค่เซียนจิ้งจอกกับเทพธิดาเขารักกันทำไมมันถึงลำบากยากเย็นขนาดนี้หนออ

ป.ล. ด้วยความที่นางเอกเคยไปอยู่ในยุคปัจจุบันมาแล้ว นางเลยไม่ซีเรียสเรื่องที่คนรักกันจะถูกเนื้อต้องตัวหรือใกล้ชิดกัน แต่พระเอกอยู่ในยุคโบราณมาตลอดไม่ชินจ้าา พอนางเอกเข้ามาใกล้ปุ๊บอิพี่ก็จะขยับถอยห่างปั๊บ แค่นางเอกหอมแก้มก็หน้าแดงหูแดงต้องวิ่งหนีไปหลบอย่างกับสาวน้อยที่ถูกลวนลามแล้ว(สลับบท) ต้องให้นางเอกรุกก่อนตลอด55


📍ด้ายแดงของเซียนจิ้งจอก ➡️ https://s.shopee.co.th/4VUq3ji3KJ




วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เชอรี่ของฉันระเบิด(ตูมตาม)ในวันสิ้นโลก 3 เล่มจบ


เชอรี่ของฉันระเบิด(ตูมตาม)ในวันสิ้นโลก 3 เล่มจบ

ผู้แต่ง : Yan Chu

ผู้แปล : Breadknight

ปก      : Joel

สำนักพิมพ์ Meedee

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

พักจากจีนโบราณมาแนวซอมบี้วันสิ้นโลกกันบ้าง เป็นอีกแนวที่ชอบมากอ่านแล้วลุ้นระทึก+ตื่นเต้นดี ที่ชอบที่สุดก็เรื่องพันธะรักวันสิ้นโลก อ่านแล้วลุ้นมากกกก ใจเต้นยังกับหัวใจจะวาย55 ลุ้นแทบทุกหน้าจริงๆ อ่านไปต้องพักไปไม่งั้นเดี๋ยวได้หัวใจวายก่อน55 อ่านไปก็ภาวนาไปขอให้ทีมของพระนายอยู่รอดปลอดภัยครบทุกคนจนจบเล่ม ...หลังๆ ที่อ่านเจอคือซอมบี้จะไม่ใช่แค่ซอมบี้ธรรมดาที่เอาแต่เดินไปเรื่อยๆ และกินๆ แต่จะมีการวิวัฒนาการ มีระดับขั้น เหมือนคนที่เริ่มมีพลังพิเศษ สรุปคือเริ่มมีการอัปสกิลทั้งคนทั้งซอมบี้เลย

เรื่องนี้นายเอกตายในช่วงวันสื้นโลก นายเอกเป็นผู้มีพลังพิเศษ มีพลังพิเศษเป็นช่องมิติกับสายพืช คือสามารถปลูกพืชผักผลไม้ สามารถดัดแปลงพวกพืชผักให้เป็นอาวุธได้ อย่างเช่น กระสุน ดาบ ระเบิดหรือโล่ป้องกันตัว ส่วนในช่องมิติก็สามารถใช้เก็บของ ใช้ปลูกพืชผักทำสวน หรือเลี้ยงสัตว์ก็ได้ แต่ชาติที่แล้วนายเอกเชื่อคนผิด ไว้ใจญาติมากเกินไป ถูกเขาหลอกเอาไปขายก็ยังไม่รู้ตัว แล้วสุดท้ายก็ต้องตายอย่างอนาถ แต่โชคดีที่พอตายแล้วนายเอกก็ได้ย้อนกลับมา กลับมาช่วงก่อนที่จะถึงวันสิ้นโลกหนึ่งเดือน

พอย้อนกลับมานายเอกก็เร่งหาเงินก่อนเลย เอาผักผลไม้จากในช่องมิตินี่แหละออกไปขาย(โชคดีที่พอย้อนกลับมาพลังพิเศษพวกนี้ก็ติดตัวนายเอกมาด้วย) ขายดีด้วยนะ เพราะของสดใหม่+อร่อยหวานไม่ใส่สารเคมี..จากนั้นไม่นานนายเอกก็ได้กับเจอพระเอก(ชาตินี้เจอกันเร็ว) พระเอกเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบที่กำลังปลอมตัวเป็นอันธพาลอยู่ ชาติก่อนสองคนนี้เคยคบกัน แต่ต้องแยกจากกันเพราะนายเอกถูกญาติหรือป้าสะใภ้ตัวเองเป่าหูกล่อมไม่ให้นายเอกติดตามพระเอกย้ายไปอยู่ฐานที่มั่นอื่น 

พอได้เจอพระเอกในชาตินี้ แรกๆ นายเอกก็ยังไม่กล้าเข้าหา เวลาเจอทีไรก็ได้แต่ตาแดงๆ เพราะคิดถึง แต่มีวันหนึ่งพระเอกบังเอิญได้รับบาดเจ็บและถูกตามล่า นายเอกที่เข้าไปช่วยจึงเสนอให้พระเอกมาพักอยู่ที่บ้านตัวเองก่อน พระเอกก็ตอบตกลง(เพราะนายเอกนี่สเปคพระเอกเลย แต่ตอนนั้นนายเอกเพิ่ง 17 ยังเด็กอยู่ พระเอกเลยไม่กล้ารุกไม่กล้าจีบตรงๆ แต่แอบจองคนเขาไว้ในใจเรียบร้อย ไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน) จากนั้นพระเอกก็ให้นายเอกเอาบัตรของตัวเองไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เพราะนายเอกจนมาก ในบ้านแทบไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเฟอนิเจอร์อะไรเลย นายเอกอยากให้พระเอกอยู่อย่างสบายเลยตกลงไปซื้อตามที่พระเอกบอก แต่จริงๆ ที่นายเอกไม่คิดซื้อเพราะอีกไม่นานจะถึงวันสิ้นโลกแล้วไง พอหาเงินได้นายเอกเลยเอาไปลงกับพวกพืชผักผลไม้+ยา+สัตว์ พวกของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นหมด ทว่าหลังจากนั้นไม่นานความลับเรื่องช่องมิติของนายเอกก็ถูกพระเอกรู้เข้า นายเอกเลยตัดสินใจเล่าเรื่องชาติก่อน+เรื่องวันสิ้นโลก และเรื่องพลังพิเศษให้พระเอกฟัง

พอรู้ว่าชาติก่อนตัวเองเคยเป็นแฟนนายเอกแล้วพระเอกก็ดีใจมาก คบกันทันทีไม่ต้องเสียเวลาตามจีบแล้ว55 จากนั้นพระเอกก็บอกให้นายเอกเลิกออกไปตลาดค้าส่งเพื่อซื้อของ (มันเหนื่อย+เสียเวลา สู้สั่งทางออนไลน์ไม่ได้) เดี๋ยวพี่แกจัดการสั่งซื้อทางออนไลน์ให้เอง ...ลืมบอกไปว่ากลับมาเกิดรอบนี้ป้าสะใภ้นายเอกก็ยังเหมือนเดิม ยังวางแผนคิดจะฮุบเงินค่าไถ่ถอนบ้านที่นายเอกอยู่เหมือนเดิม แต่คราวนี้นายเอกมีประสบการณ์มาก่อนแถมยังมีพระเอกด้วยจึงไม่เสียรู้แล้ว แต่ป้าก็ยังไม่ละความพยายาม ยังจะไปแจ้งความหาว่านายเอกขโมยเงินอีกนะ แต่พระเอกไม่สนใจ เพราะใกล้จะวันสิ้นโลกแล้ว ต่อให้ป้าสะใภ้นายเอกไปฟ้องศาลตอนนั้นศาลก็คงไม่มีให้ฟ้องแล้วนะจ๊ะ

พอครบหนึ่งเดือนพระจันทร์กลายเป็นสีแดงวันสิ้นโลกก็มาเยือน ดีที่บ้านพระเอกอยู่ห่างจากชุมชน(ถ้าคนเยอะกลิ่นคนจะดึงดูดซอมบี้ให้มารวมตัว) อีกทั้งพระนายก็เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้วเลยไม่ตื่นตกใจ+แตกตื่นเหมือนคนอื่นๆ พระเอกเรียกเพื่อนสนิทที่เป็นหมอให้มาหาแล้วบอกเรื่องวันสิ้นโลก เลยทำให้เพื่อนรอด ไม่งั้นคงขิตและ เพราะโรงพยาบาลคือที่แรกที่คนตายฟื้นมาเป็นซอมบี้เยอะสุด ทว่าถึงจะเตรียมของไว้พร้อมรับสถานการณ์แล้ว แต่พวกพระนายก็ยังต้องขับรถออกไปตระเวนเก็บพวกของกินของใช้ที่จำเป็นตามซุปเปอร์กับร้านค้าอยู่ดี เพราะตอนนี้ของยังเยอะอยู่ ซอมบี้ก็ยังไม่มาก+ไม่เก่ง ต้องรีบกอบโกย

จะได้เห็นธาตุแท้ของคนก็ตอนนี้แหละ แรกๆ ถ้าเจอคนที่นิสัยดีเข้ากันได้พระนายก็จะพากลับไปเข้าร่วมทีม ที่บอกแรกๆ เพราะทีมพระนายจนจบจะมีแค่ 9 คนกับแมวอีก 1 ตัว รับคนเข้าทีมแค่ช่วงแรก 4 คน อีก 3 คนเป็นเพื่อนสนิทพระเอกเอง หลังจากนั้นไม่รับแล้ว ใครได้อยู่ทีมนี้บอกเลยโชคดี แถมอยู่ทีมนี้ไม่มีอดด้วยเพราะมีคลังอาหารอย่างนายเอกไปด้วยทุกที่ ตอนแรกยังไม่มีคนรู้เรื่องที่คริสตัลนิวเคลียสในหัวซอมบี้สามารถช่วยทำให้คนที่กินเข้าไปกลายเป็นผู้มีพลังพิเศษได้ และยังไม่มีใครรู้ว่าคนที่โดนกัดโดนข่วนก็อาจกลายเป็นผู้มีพลังพิเศษได้เช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนต้องตายแล้วกลายเป็นซอมบี้หมด (พอมารู้กันที่หลังก็ได้แต่เสียใจ) 

จากนั้นพวกพระนายก็ได้บังเอิญช่วยกลุ่มทหารที่บาดเจ็บ ถามไปถามมาถึงได้รู้ว่ากลุ่มของพี่ทหารถูกประชาชนที่มีพลังพิเศษยึดอำนาจและอาวุธ ทั้งๆ ที่พี่ทหารอุตส่าห์ให้ข้าวให้น้ำดูแลสละชีพปกป้องประชาชนทุกคนที่เข้ามาอย่างดี แต่พอนานวันเข้าคนที่ช่วยมากลับเริ่มเห็นแก่ตัว แล้วสุดท้ายก็ลอบกัดทำร้ายคนที่ช่วยเหลือซะอย่างนั้น กลุ่มพระนายเลยตัดสินใจเดินทางไปช่วยกลุ่มทหารที่ยังถูกขังอยู่ออกมา แล้วก็พามาอยู่แถวบ้านพักของพระเอก พอกลับมาถึงก็เจอว่าบ้านของกลุ่มพระนายถูกงัดและถูกคนทุบทำลายข้าวของข้างในเกือบหมด นายเอกเดาออกทันทีว่าใครทำ เพราะก่อนหน้านี้พระนายเคยมีเรื่องกับคนที่จะมายึดบ้าน แต่ตอนนั้นพระเอกแค่สั่งสอนแล้วปล่อยไป จริงๆ นายเอกอยากจะเตือนตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าอย่าปล่อย เพราะนายเอกเคยผ่านความดำมืดในยุควันสิ้นโลกมาก่อนเลยรู้ว่าจิตใจคนมันน่ากลัวขนาดไหน แต่รู้ว่าพวกพระเอกยังไม่เคยเจอ เลยต้องปล่อยให้เจอเองก่อนถึงจะได้เข้าใจ

ต่อมากลุ่มพระนายก็ติดตามกลุ่มทหารไปยังฐานที่มั่นแดนใต้ ฐานที่มั่นนี้ผู้นำดีมีคุณธรรม จัดสรรทุกอย่างเป็นระบบและยุติธรรม นายเอกเองก็รู้สึกดีกับฐานที่มั่นนี้มาตั้งแต่ชาติก่อนแล้วเลยตัดสินใจอยู่ที่นี่ ฐานที่มั่นนี้อาศัยระบบคะแนนแลกกับที่พักและอาหารการกิน หากใครอยากได้คะแนนหรือสวัสดิการดีๆ ก็ต้องทำงานแลก ยิ่งงานยากๆ ก็จะยิ่งได้คะแนนเยอะ อย่างกลุ่มพระนายนี่คือทีมระดับหัวกะทิ มักถูกขอให้ไปช่วยปฏิบัติภารกิจยากๆ อยู่บ่อยครั้ง เพราะกลุ่มนี้แข็งแกร่ง+สามัคคีไว้ใจได้ ทุกคนในทีมมีแต่ผู้มีพลังพิเศษ ไหนจะมีนายเอกที่ได้ย้อนกลับมาแถมยังมีพลังพิเศษสองสายก็ยิ่งช่วยได้เยอะ นายเอกก็จะเอาประสบการณ์และเหตุการณ์ร้ายแรงที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนมาเตือนมาบอก เช่นเรื่องซอมบี้ระดับสี่ เรื่องที่คริสตัลนิวเคลียสจะช่วยเพิ่มพลังให้กับผู้มีพลังพิเศษได้ หรือเรื่องน้ำปั่นผัก 

ต่อมาฐานที่มั่นของพระนายก็ประสบปัญหาขาดแคลนอาหารอย่างหนัก บางคนที่อยู่ในฐานพอรู้ข่าวก็ทยอยจากไปเพื่อขอเข้าร่วมกับฐานอื่น นายเอกเลยมาปรึกษากับพระเอกว่าจะบอกทุกคนเรื่องช่องมิติของตัวเองดีมั้ย (มันอลังการมากนะ มีทั้งหุบเขาแม่น้ำ ปลูกข้าวได้ด้วยตั้งหลายไร่ เหมือนคลังอาหารขนาดใหญ่เลย) พระเอกก็เห็นด้วย นายเอกเลยตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับคนในทีมก่อน(คนในทีมรู้ว่านายเอกมีช่องมิติแต่ไม่รู้ว่าใหญ่ขนาดไหน เพราะมีแค่พระเอกที่เคยเข้าไป) จากนั้นก็ไปบอกหัวหน้าของฐานที่มั่น เพราะนายเอก ฐานที่มั่นแดนใต้เลยแก้ปัญหาเรื่องอาหารได้และไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป หนำซ้ำยังมีเหลือพอที่จะแบ่งไปให้ฐานอื่นได้ด้วย (พอคนที่จากไปรู้ข่าวก็พากันกลับมา แต่ฐานที่มั่นก็ไม่รับเข้าแล้วนาจา ถือว่าทิ้งกันยามลำบาก ไม่จริงใจไม่ร่วมสู้)

ไม่นานฤดูหนาวก็มาเยือน ฤดูหนาวในวันสิ้นโลกโหดมาก ไม่มีฤดูใบไม้ร่วงกับใบไม้ผลิแล้ว เหลือแค่ร้อนกับหนาว พอฤดูร้อนก็ร้อนถึง 50 องศาจนคนเป็นลมแดดตาย พอเข้าฤดูหนาวก็ติดลบถึง 30 ฐานที่มั่นของนายเอกยังไปไหวรับมือได้เพราะมีนายเอกเตือนและมีอาหารเพียงพอ แต่ฐานที่มั่นอื่นคือจะตาย ยิ่งพวกทางเหนือยิ่งจะไม่ไหวโคตรหนาว แต่ละฐานเลยพากันส่งโทรเลขมาขอความช่วยเหลือจากฐานที่มั่นแดนใต้ สุดท้ายหัวหน้าของฐานที่มั่นแดนใต้เลยต้องขอร้องให้ทีมพระเอกช่วยเดินทางไปส่งเสบียงยังฐานอื่นๆ หน่อย 

ทีมของพระนายก็ไปเจอพวกคนของฐานที่มั่นหวั่นเฉิง ฐานนี้คนคุมเป็นนักโทษที่แหกคุกมา ชาติก่อนนายเอกก็อยู่ฐานนี้ แล้วก็ถูกคนของฐานนี้จับไปทดลอง จากนั้นก็ฆ่าทิ้งแล้วควักคริสตัลออกมา ตอนที่มาครั้งแรกทีมพระนายก็ได้ช่วยผู้มีพลังพิเศษสายเยียวยาออกไปด้วย เพราะนายเอกจำได้ว่าคนนี้จะมีจุดจบเหมือนกับตนเลยอยากช่วยพาหนี ฐานที่มั่นนี้ไม่ได้มารตฐานไม่มีระบบระเบียบอะไรเลย รับ+เชิดชูแต่คนมีพลังพิเศษ ตอนมาครั้งแรกพระนายได้เจอคนรู้จักเก่าที่เป็นผู้มีพลังพิเศษเหมือนกันแต่ตอนนี้บาดเจ็บอยู่ในสภาพกึ่งๆ พิการ ก็เลยชวนให้คนเขาออกจากที่นี่ไปอยู่ฐานที่มั่นแดนใต้ด้วยกัน แต่พอมารอบสองฐานที่มั่นหวั่นเฉิงคือแตกแล้ว อพยพโยกย้ายคนที่เหลือไปอยู่ที่เรือนจำ ทีมพระนายเลยตามไปดู แล้วก็ได้ค้นพบความลับอันดำมืดของฐานที่มั่นนี้...หึๆๆ

เสร็จจากนี้ก็ไปส่งเสบียงที่เมืองหลวงต่อ ฐานที่มั่นเมืองหลวงคือศูนย์กลางมีแต่พวกนายทหารระดับสูงๆ อยู่ พ่อของพระเอกก็อยู่ที่นี่ แม่พระเอกเสียตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งงานใหม่ พระเอกเข้ากับครอบครัวใหม่พ่อไม่ได้เลยทะเลาะกับพ่อบ่อย บวกกับเรื่องที่ชอบผู้ชายเลยโดนไล่ออกจากบ้าน พระเอกเลยไปสมัครเรียนตำรวจที่เมืองอื่นไม่กลับบ้านอีกเลย 8-9 ปี ตอนแรกพระเอกว่าจะไม่ไปเจอพ่อแต่นายเอกเกลี้ยกล่อม พระเอกเลยยอมไป ความจริงพ่อพระเอกก็ได้สวัสดิการดีระดับนึงนะเพราะตำแหน่งสูง แต่ตอนหนีพ่อพระเอกได้รับบาดเจ็บ แล้ววันสิ้นโลกไงเครื่องมืออุปกรณ์บางอย่างก็ขาดแคลน บวกกับต้องแบ่งอาหาร(ที่มีอย่างจำกัด) ให้เมียกับลูกใหม่ด้วย เพราะเมียกับลูกใหม่รักสบายไม่เคยลำบาก เลยไม่ยอมออกไปทำงานเพื่อแลกอาหาร รอเกาะพ่อพระเอกอย่างเดียว (ยุควันสิ้นโลกทุกคนต้องทำงานเพื่อแลกกับปัจจัยนะ ไม่ทำก็ไม่มีให้เน้อ) ด้วยเหตุนี้อาการบาดเจ็บที่น่าจะหายได้ไม่ยากหากดูแลดีๆ จึงทรุดลงกว่าเดิม

พออาการพ่อเริ่มดีฐานที่มั่นก็จัดบ้านให้ แต่ลูกกับเมียใหม่กลับไม่ยอมให้พ่อพระเอกมาอยู่ด้วย ไม่ดูแลไม่สนใจเพราะหมดประโยชน์แล้ว พ่อเลยต้องไปขออาศัยอยู่กับสหายเก่า พอพระเอกมาเห็นสภาพพ่อเลยตัดสินใจพากลับไปอยู่ด้วยกันทันที ส่วนเมียใหม่พ่อพอเห็นพวกพระเอกจะพาคนไปก็ทำทีมาขัดขวาง พระเอกเลยแสดงตัวบอกว่าตัวเองเป็นลูก แล้วตั้งแต่นี้จะดูแลพ่อเอง เมียใหม่พ่อก็ได้แต่ใสเจียเสียใจไม่น่าทำแบบนั้นกับพ่อพระเอกเลย ไม่งั้นตัวเองคงได้สบายไปด้วยแล้ว... จบ


#เชอรี่ของฉันระเบิด(ตูมตาม)ในวันสิ้นโลก 3 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/AKSLBttDoS