วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก 6 เล่มจบ

 


ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก 6 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เซี่ยวจยาเหริน

ผู้แปล : สนสราญ

สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ผลงานของคุณนักเขียนเรื่อง ชายาสุดโปรด, ชะตาม่ายเจ็ดคราปรารถนาเพียงรักเดียว 

เรื่องนี้เป็นแนวย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีต นางเอกเป็นองค์หญิง ได้แต่งงานกับพระเอกที่เป็นบุตรคนสุดท้องของเฉินเก๋อเหล่า ขุนนางใหญ่มากความสามารถที่เป็นเสาหลักของสภาขุนนาง และเป็นพระอาจารย์ของฮ่องเต้น้อย ส่วนพระเอกเป็นหนุ่มหล่อรูปงามกำยำ มีพี่ชายอีกสองคนที่เก่งกาจและเคยเป็นถึงจ้วงหยวนกับทั่นฮวา เป็นครอบครัวสายบุ๋นของแทร่ แต่พระเอกกลับผ่าเหล่าผ่ากอ บุ๋นไม่เอาจะไปบู๊แทน มิหนำซ้ำนิสัยก็ยังผิดแผกแตกต่างจากพ่อและพี่ชายฝุดๆ บุรุษในบ้านพี่แกล้วนแต่สุขุม สุภาพ อ่อนโยน สง่างาม ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดคำจา เพราะเหตุนี้นางเอกถึงได้ตัดสินใจเลือกพี่แกมาเป็นราชบุตรเขยยังไงเล่า55 

นึกว่านิสัยและกิริยามารยาทของพระเอกคงไม่แตกต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ ในบ้านนัก(หรอกมั้ง) ที่ไหนได้ อิตาซกมกหื่นกามนี่มันใครเนี่ย!!! สามีที่เราเลือกเหรอ🤣 ทำไมไม่เห็นเหมือนพ่อเหมือนพี่ชายเลย(ฟะ) กินข้าวก็เสียงดัง น้ำก็ไม่ชอบอาบ วันๆ คิดแต่จะจับเมียกด พูดมาแต่ละทีก็วอนโดนตบ นิสัยหยาบกระด้างฝุดๆ แบบนี้หล่อแค่ไหนก็รับไม่ได้555 ... แล้วนางเอกเป็นใคร เป็นถึงองค์หญิงที่ฮ่องเต้รักมากที่สุดเชียวนะ หน้าตางดงามดั่งเทพธิดา ผิวพรรณบอบบางขาวเนียนดุจหิมะ ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี กิริยามารยาทยืนหนึ่งสมกับที่เป็นองค์หญิงของราชวงศ์ ที่ผ่านมาเคยเจอแต่คนพูดจาสุภาพมีการศึกษา มีแต่เคารพให้เกียรติ แต่พอแต่งงานกลับสุ่มได้ตัวซีเคร็ทซะอย่างนั้น55 

นางเอกเลยแบบเหม็นขี้หน้าปั๋วสุดๆ ไม่ชอบให้ปั๋วเข้าใกล้ ปั๋วทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด อารมณ์เหม็นปั๋ว ส่วนพระเอกก็เป็นประเภทยิ่งห้ามยิ่งทำ ยิ่งว่ายิ่งอยากเอาชนะ เมียเป็นถึงองค์หญิงแล้วไง กลัวซะที่ไหนล่ะเรา55 ...เดิมทีคิดว่าคงต้องทนเหม็นปั๋วแบบนี้ไปทั้งชีวิต แต่พระเอกกลับดันมาชิงตายจากไปเสียก่อน จากนั้นก็เป็นพ่อสามี พี่ชายสามี และแม่ของสามี เพียงเวลาไม่นานบ้านพระเอกก็พังครืน นางเอกพยายามหาทางช่วยแล้วแต่สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนอะไรได้ ทำได้เพียงมองดูบ้านพระเอกถูกฟ้องร้อง ถูกริบทรัพย์ และถูกเนรเทศทั้งตระกูล หลังกลับมานางเอกก็ป่วยหนัก จากนั้นพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมาในตอนที่เพิ่งแต่งงานได้ 6 เดือน... รอบนี้นางเอกเลยตั้งใจว่าจะพยายามทำดีกับพระเอกให้มากขึ้น(หน่อย) จะพยายามปกป้องคนในบ้านพระเอก และไม่ปล่อยให้พระเอกต้องตายเร็วเหมือนในชาติก่อนอีก แต่อันดับแรกเลยยังไงก็ต้องขอแก้นิสัยสกปรกซกมกของปั๋วก่อนนะ55 

อะไรคือสามีภรรยาปรองดองให้เกียรติซึ่งกันและกัน? อะไรคือราชบุตรเขยต้องเชื่อฟังให้เกียรติองค์หญิง? ไม่มีจ้า อย่าถามหา พระเอกโคตรกวนโอ๊ย วันๆ คิดแต่จะอุ้มภรรยาคนสวยขึ้นเตียง55 (ก็ใครใช้ให้เมียเราขาวสวยซะขนาดนั้น) แต่ถึงพี่แกจะสกปรกซกมกไปบ้าง ปากเสียไปนิด ชอบยั่วโมโหให้เมียโกรธอยู่บ่อยๆ แต่เอาจริงๆ ข้อดีของพระเอกก็มีเยอะอยู่นะ คือเป็นคนตรงๆ กับนางเอกคือคิดอะไรก็พูดออกมาเลย (โดยเฉพาะเรื่อง18+ แพ้เสียงในหัว55) เหมือนไม่จริงจังแต่จริงๆ กลับพึ่งพาได้มากกว่าใคร

เป็นคนหน้าหนาหน้าไม่อาย ไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าหรือคำตำหนิใดๆ 55 เป็นคนไม่อยู่ในกรอบหัวขบถ อะไรที่คนอื่นไม่กล้าทำแต่พระเอกกล้าจ้า กล้าที่จะแบกนางเอกใส่หลังเดินขึ้นลงเขาตอนน้ำท่วม ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่กล้า ทำไมได้ ไม่มีแรง คิดว่าดูไม่เหมาะสม แต่พระเอกไม่สนขอแค่นางเอกไม่ลำบากก็พอ ตอนไว้ทุกข์ต้องกินแต่มังสวิรัติ พระเอกก็กลัวนางเอกจะผอมจะกินไม่อิ่มเลยชอบแอบเข้าป่าไปล่าสัตว์มาให้ ในชาติก่อนนางเอกปฏิเสธไม่ยอมกิน พอได้ย้อนกลับมาเลยพยายามปรับความเข้าใจกับพระเอกใหม่ เรื่องไหนที่ไม่ชอบ+อยากให้ปรับนางเอกก็พูดเลย ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องขึ้นมานอนบนเตียง! 

พระเอกก็กวนโอ๊ยตามประสาแต่สุดท้ายก็ยอมปรับปรุงแก้ไข(ไม่งั้นเดี๋ยวเมียไม่ให้นอนด้วย) จากเดิมที่ไม่มีใครยอมใคร ก็เปลี่ยนเป็นยอมถอยคนละก้าว และถึงเขาจะยังต่อปากต่อคำเถียงกันอยู่ทุกวัน แต่รอบนี้มันกลับเต็มไปด้วยความเข้าใจ ไม่เหมือนอย่างชาติก่อนที่มีแต่ความมึนตึงและเต็มไปด้วยความเย็นชา ต้องรอจนถึงวันที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายจากถึงได้ตระหนักถึงสิ่งที่เรียกว่า...เสียใจภายหลัง

นอกจากการปรับความเข้าใจและช่วยชีวิตพระเอกแล้ว อีกเรื่องซึ่งสำคัญมากๆ ที่นางเอกตั้งใจจะแก้ไขให้ได้ก็คือช่วยให้บ้านพระเอกพ้นภัย ไม่ถูกคนหาเรื่องฟ้องร้องจนบ้านแตกสาแหรกขาด แล้วก็ต้องหาสาเหตุที่ทำให้น้องชายฮ่องเต้เล่นงานบ้านพระเอกด้วย ...นางเอกจำได้ว่าชาติก่อนภรรยาของอาพระเอก(น้องชายพ่อ)แอบรับสินบน พอได้กลับมาใหม่รอบนี้นางเลยแอบไปบอกพระเอกเรื่องที่น้าสะใภ้พระเอกมีบัญชีลับ แกล้งบอกว่าย่าที่เสียไปของพระเอกมาเข้าฝันบอก รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม... ต่อมาก็ลงมือจัดการกับท่านอ๋องในพื้นที่ ในชาติก่อนพ่อพระเอกเป็นคนรวบรวมหลักฐานฟ้องร้องท่านอ๋องคนนี้ จึงทำให้ภายหลังถูกคนนำเรื่องนี้มาใช้ร้องเรียนหลังจากที่พ่อเสียไปแล้วด้วย ซึ่งท่านอ๋องคนนี้อะไม่ถูกกับบ้านพระเอกมานานแล้ว เป็นต้นเหตุที่ทำให้ทวดพระเอกเสีย เนื่องจากอิท่านอ๋องอิจฉาบ้านพระเอก เพราะแต่ก่อนทวดพระเอกเคยทำงานในจวนอ๋องเป็นองครักษ์รับใช้ตัวเอง แต่พอมารุ่นพ่อพระเอกทุกคนกลับได้ดิบได้ดีเป็นขุนนางคนสำคัญของฮ่องเต้ ส่วนท่านอ๋องกลับเป็นเพียงญาติโคตรห่างที่ไม่มีอำนาจที่แท้จริง 

ตอนที่พระเอกกลับมาไว้ทุกข์แล้วต้องมาทำงานแถวๆ บ้านเก่าเพื่อรอเวลากลับเมืองหลวง ท่านอ๋องก็ให้คนมาหยั่งเชิงหวังตีสนิทพระเอก พอเข้าทางพระเอกไม่ได้ ก็ไปเข้าทางนางเอกแทน ชาตินี้นางเอกตั้งใจอยู่แล้วว่าจะจัดการท่านอ๋องคนนี้ด้วยมือตัวเอง ไม่ให้พ่อพระเอกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง นางเอกรู้ว่าอิท่านอ๋องมักมากชอบฉุดคร่าสตรีชาวบ้าน แล้วไม่มีใครกล้าทำไรเพราะใหญ่สุดในพื้นที่ นางเอกเลยใช้จุดนี้มาเล่นงาน โดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ แอบวางแผนทำโดยไม่บอกพระเอก พอพระเอกมารู้ทีหลังก็โกรธมาก ห่วงเมีย แต่ต้องยอมรับว่าพอเปลี่ยนเป็นนางเอกลงมือเองแล้วมันรวดเร็วกว่าจริงๆ ทั้งย่นระยะเวลา ทั้งทำให้ผู้เสียหายลดน้อยลง แถมยังไม่มีคนกล้าเอาความฟ้องร้องที่หลังด้วย(เพราะเป็นองค์หญิง)

หลักๆ ที่นางเอกต้องแก้ไขก็เป็นเรื่องในบ้านพระเอกที่เกี่ยวกับพ่อพระเอกนี่แหละ พ่อพระเอกเป็นขุนนางน้ำดีซื่อสัตย์สุจริต แต่ก็เป็นคนที่เข้มงวดและจริงจังมากๆ นอกจากจะเข้มงวดกับลูกชาย+หลานชายตัวเองแล้ว แม้แต่ฮ่องเต้น้อย(ที่เป็นลูกศิษย์)คุณพ่อก็ยังไม่เว้น นานวันเข้าฮ่องเต้เลยเริ่มรู้สึกไม่พอใจ แล้วไหนจะเรื่องนโยบายใหม่ที่พ่อพยายามผลักดันอีก นั่นก็ทำให้มีศัตรูไม่น้อยเช่นกัน เพียงรอวันที่พ่อพลาดพลั้งหรือจากไปก่อน คนที่ไม่พอใจเหล่านั้นก็พร้อมจะเล่นงานพ่อหรือคนในครอบครัวพ่อกลับทันที คือถ้ามีฮ่องเต้หนุนหลังคอยปกป้องก็อาจจะรอดไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีก็นรกแหละทีนี้ ซึ่งในชาติก่อนมันเป็นอย่างหลังไง พอมาชาตินี้นางเอกถึงต้องพยายามแก้ปมที่จะทำให้น้องชายตัวเองหรือฮ่องเต้น้อยไม่พอใจในตัวพ่อสามีให้ได้

คือนางเอกอะเคารพและชื่นชมในตัวพ่อสามีมาก ส่วนพ่อพระเอกก็ปฏิบัติกับนางเอกอย่างให้เกียรติและอ่อนโยน (เพราะนางเอกเป็นผู้หญิงและเป็นถึงองค์หญิงด้วยไง) นางเอกจึงไม่เคยถูกพ่อพระเอกตำหนิตักเตือน หรือแสดงท่าทางเข้มงวดกดดันใส่อย่างที่ปฏิบัติกับลูกหลานหรือพี่สะใภ้พระเอกอะ นางเอกไม่รู้ว่าเวลาพ่อพระเอกอยู่ในโหมดอาจารย์ หรือเวลาที่พ่อตำหนิสั่งสอนลูกหลานเป็นยังไง จนวันที่หลานคนโตของพระเอกป่วย(เพราะถูกพ่อพระเอกตำหนิ) นางเอกเลยขอไปแอบดูตอนพ่อสอนหนังสือหลานๆ ถึงได้รู้55 (อึ้งไปเลย) ซึ่งพระเอกก็เคยโดนมาก่อนเหมือนกัน แต่บอกไปแล้วนางเอกไม่เชื่อ ดีที่พี่แกเป็นพวกหัวแข็งจิตแกร่งไงเลยไม่สะทกสะท้าน55 ...จริงๆ พระเอกนี่ถึงจะดูไม่ลงรอยกับพ่อแต่ในใจก็รักและห่วงพ่อมากนะ ตอนที่พ่อรักษาอาการป่วยอยู่บ้านเก่า พระเอกก็แอบกลับมาที่บ้านเกือบทุกวันเพื่อดูพ่อ เป็นประเภทรักแต่ปากแข็ง 

หลังจากวันนั้นนางเอกเลยไปเตือนพ่ออ้อมๆ เกี่ยวกับเรื่องวิธีการสอน ซึ่งจริงๆ แม่พระเอกก็พูดมาตลอดนะแต่พ่อไม่ปรับ จนมาฟังนางเอกพูดถึงได้ยอมปรับ เหอๆ ...นางเอกก็พยายามจะแก้ไขเหตุการณ์ร้ายๆ ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในชาติก่อนให้ได้ทั้งหมด เหลือแค่อย่างเดียวที่สุดท้ายก็ซ้ำรอยเดิม ในชาตินี้นางเอกหาคนมาช่วยแบกรับความเกลียดชังจากการผลักดันนโยบายใหม่ให้พ่อพระเอกได้เพิ่มหนึ่งคน ถึงจะน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าให้พ่อพระเอกยืนอยู่หน้าสุดเป็นหัวหอกอยู่คนเดียว อ่านไปอ่านมาเราว่านางเอกนี่น่าจะเกิดเป็นลูกสาวแท้ๆ ของพ่อพระเอกมากกว่านะ ส่วนพระเอกก็เป็นลูกเขยที่แต่งเข้ามา55

ตอนที่อ่านเราชอบเวลาพ่อพระเอกกับนางเอกพูดคุยปรึกษากัน ชอบเวลาพระเอกคุยกับพี่อยู่กับหลาน แล้วก็ชอบเวลาที่แม่พระเอกจิกกัดพ่อพระเอกด้วย เราว่ามันดูอบอุ่นเป็นธรรมชาติดี แต่เราแอบเนือยๆ เบื่อๆ เวลาพระนางอยู่ด้วยกันหรือคุยกันอะ55 นางเอกให้ความรู้สึกเป็นองค์หญิงตลอดเวลา เข้าถึงยาก ไม่เหมือนภรรยา (แต่เราชอบตอนนางเอกอยู่กับพ่อแม่พระเอก หรืออยู่กับครอบครัวตัวเองในวังนะ) แต่เวลาอยู่กับพระเอก+คุยกับพระเอกมันเหมือนมีความอยู่เหนือกว่า มีความข่ม+กดอยู่กรายๆ แต่โอเคแน่นอนว่าพระเอกก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรือคิดมากอะไรหรอก (มันเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเราเฉยๆ เน้อ) แล้วอีกอย่างเวลาพระเอกอยู่กับนางเอกก็เหมือนจะคิดแต่เรื่อง... แล้วสุดท้ายก็จบที่... (เลยมีความแบบ...อีกแล้วเหรอ🤣)  ความจริงก็อันนั้นกันบ่อยอยู่นะแต่ไม่มีบรรยาย ตัดเข้าโคม เลยกลายเป็นว่าชอบตอนพิเศษของคู่พี่ใหญ่พระเอกมากกว่าอะ ชอบความสัมพันธ์ที่ธรรมดาแต่ดูลึกซึ้งเป็นธรรมชาติจับต้องได้

ป.ล. ตอนพิเศษเยอะจุใจ ตอนสุดท้ายยิ่งแบบคาดไม่ถึงว่าจะมาถึงจุดนี้กันแล้วนะ 55

ป.ล. ชอบพี่รองพระเอก ไม่น่าสุขภาพไม่ดีเลย🥹


📍ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก 6 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/1gBzdApGzR







วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ห้วงฝันบันดาลรัก เล่ม 3-4 (4 เล่มจบ)


ห้วงฝันบันดาลรัก เล่ม 3-4 (4 เล่มจบ)

ผู้แต่ง : อีตู้จวินหวา

ผู้แปล : เม่นน้อย

สำนักพิมพ์ แจ่มใส

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

ห้วงฝันบันดาลรัก เล่ม 1-2 https://marynlinsbook.blogspot.com/2025/08/1-2-4.html?m=1

เล่ม 3 เป็นการตื่นจากฝันที่โอ้วววว้าวมาก😮😮 ของวิเศษอะไรเนี่ย ทำลายทุกกฏเกณฑ์ ฝืนมรรคาสวรรค์ ห้วงฝัน 100 ปี พาคนที่เคยตายในโลกแห่งความจริงแต่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความฝันกลับมาด้วย ... ฝันครั้งแรกทุกคนยังงงๆ ชิลๆ แต่หลังตื่นจากฝันครั้งที่สองก็เริ่มตื่นตระหนกและรับรู้ถึงความผิดปกติ เริ่มรู้แล้วว่าความฝันนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนางเอกและอาจารย์ของสามีเก่านางเอกแน่นอน ส่วนสามีเก่านางเอกก็เพิ่งมารู้ความจริงเอาตอนนี้นี่เองว่านางเอกตกอยู่ในสภาพเยี่ยงไร ใครเป็นคนทำ? 

อาจารย์ก็บาดเจ็บหนักจากฝันครั้งที่สอง สามีเก่าเห็นอาจารย์ตัวเองต้องทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บเลยมอบร่างของตัวเองให้อาจารย์ เพื่อทดแทนบุญคุณและหวังว่าอาจารย์จะกลับตัวกลับใจ (ทำไมอิพี่จิตใจดีแบบนี้คะ🤣) แหมๆๆ คิดว่าอาจารย์จะกลับตัวกลับใจไหมล่ะจ๊ะ คืออาจารย์ก็หวังจะชิงร่างของลูกศิษย์มานานแล้ว มามอบให้เองแบบนี้ก็ยิ่งเข้าทางไม่ต้องเปลืองแรง (ตอนอาจารย์บอก เซี่ยหงเฉิน...ข้ารัก รักร่างกายนี้ของเจ้า ดีนะที่มีต่อไม่งั้นคิดเป็นอย่างอื่นแล้วนะ55) ...อได้ร่างใหม่อาจารย์ก็กำจัดคนเห็นต่างแล้วบุกไปที่กรมซือเทียนเพื่อสังหารนางเอกทิ้งทันที(ตามคาด) พระเอกพยายามสู้ถ่วงเวลาเพื่อให้คนพานางเอกหนี แต่จนใจที่พลังของพระเอกในเวลานี้ยังเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่นานจึงตกเป็นรองเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก ทว่าขณะตกอยู่ในช่วงแห่งความเป็นความตายจู่ๆ ทุกคนก็ถูกดึงเข้าสู่ห้วงฝันครั้งที่สามโดยไม่ทันตั้งตัว ...ชาลาล่าาา

ห้วงฝันครั้งนี้นางเอกได้ย้อนกลับไปตอนสมัยเด็กเมื่อ 8-9 ขวบเลยจ้า สมัยที่แม่ยังไม่ตายและพระเอกยังไม่เกิด ในฝันรอบก่อนๆ นางเอกจะพึ่งแต่ตัวเองไม่เคยขอให้ใครช่วย ทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นอย่างเดียว แต่มารอบนี้นางเอกเลือกที่จะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นและมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองบ้างแล้ว นางเอกไปขอให้ป้าช่วยจนได้พาแม่กับพี่สาวออกมาอยู่ข้างนอก จากนั้นตัวเองก็ได้เข้าไปเรียนในสำนักปรับปรุงพันธุ์พืชที่อยู่เมืองหลวง ความจริงความรู้ความสามารถของนางเอกในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเรียนที่นั่นเลย แต่เพราะรู้ว่าพระเอกอยู่เมืองหลวง นางเอกเลยอยากไป รอบนี้นางเอกเป็นฝ่ายเกาะติดตามจีบพระเอกตั้งแต่พี่แกยังเด็กเลย คอยวนเวียนอยู่ข้างกายพระเอกตั้งแต่พี่แกเป็นเด็กน้อยวัยละอ่อน แต่ตอนนั้นนางเอกมีชื่อเสียงไม่ดี ไม่เข้าเรียน ชอบโดดเรียน ใช้ชีวิตเอ้อระเหยไปวันๆ เหมือนปลาเค็ม พระเอกเลยไม่ชอบนางเอก ทันทีที่สำนักปรับปรุงพันธุ์พืชเข้ามาอยู่ในการควบคุมดูแลของพระเอก พี่แกก็ยื่นซองขาวไล่นางเอกออกจากสำนักทันทีเลยจ้า55 

แต่ความจริงนางเอกไม่ได้ขี้เกียจนะ เพียงแต่ความรู้ความสามารถของนางมันล้ำเกินทุกคนไปแล้ว นางเลยขี้เกียจจะเข้าเรียน คนเลยตั้งฉายาให้นางว่าปลาเค็ม แต่ลับหลังคือนางกำลังลอบปิดบังตัวตนใช้ชื่อ ตี้ซานเมิ่ง แอบพัฒนาปรับปรุงเมล็ดพันธุ์พืชขายถูกๆ ให้ชาวบ้านมานานแล้ว จนทำให้ถูกหมายหัวจากพวกตระกูลที่ขายเมล็ดพันธุ์พืช(ตระกูลตานางเอกนั่นแหละ) เพราะทำให้เขาขายของได้น้อยลง ไปทำลายระบบการขายที่เขาตั้งกฏไว้ พูดง่ายๆ คือทำให้เขาเสียผลประโยชน์ อีกฝ่ายเลยต้องการกำจัดตี้ซานเมิ่งทิ้ง 

และเพราะเรื่องตี้ซานเมิ่งนี่แหละ เลยทำให้พระเอก(จำใจ) ต้องเข้าหานางเอก ขอให้นางเป็นตัวกลางช่วยติดต่อตี้ซานเมิ่งให้หน่อย เพราะพระเอกปวดหัวกับเรื่องขายเมล็ดพันธุ์ของพวกตระกูลภูตดินใหญ่ๆ มานานแล้ว ขูดรีดขูดเนื้อเอาเปรียบชาวบ้านเหลือเกิน เจรจากี่รอบก็ไม่ได้ผล เพราะตระกูลพวกนี้เกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น พอมีคนเก่งๆ เห็นแก่ส่วนรวมอย่างตี้ซานเมิ่งมาพระเอกก็ต้องอยากเข้าหาผูกมิตรอยู่แล้ว ...ไปๆ มาๆ ก็เริ่มมีคนอยากเจออีกตัวตนของนางเอกมากขึ้น มีแต่ระดับผู้อาวุโสที่นางเอกเคารพ บางคนก็มาคำนับคุกเข่าโขกหัวขอบคุณ บางคนก็มาขอให้นางเอกรับเป็นศิษย์ จนนางเอกเริ่มผวา กลัวว่าหากวันใดความจริงเปิดเผยตัวเองคงได้โดนเหล่าผู้อาวุโสรุมตีขาหักแน่ๆ 55... 

แต่พระเอกวัยเด็กนี่ทั้งซึน ทั้งปากร้ายจริงๆ แถมยังบ้างานสุดๆ ส่วนสามีเก่านางเอกรอบนี้นางเอกไม่ได้ทำไรหรือไปยุ่งด้วยเลยนะ ไม่ได้เข้าหาหรือผูกมิตรเลย แต่พี่แกดันเป็นฝ่ายมาชอบนางเอกก่อนแล้วมาสู่ขอเองเลย พอพระเอกรู้ก็หึงแหละแต่ปากแข็ง พอรู้ว่านางเอกไปพบอีกฝ่ายและได้ฟังคนพูดเตือนสติก็รีบวิ่งไปคุกเข่าขอร้องให้นางเอกปฏิเสธสามีเก่า และขอให้ช่วยรอตัวเองหน่อยอีกสัก 2-3 ปีได้ไหม (ตอนนั้นพระเอก 15 นางเอก 23) ซึ่งจริงๆ นางเอกไม่ได้รู้สึกอะไรกับสามีเก่าแล้ว ปล่อยวางนานแล้ว ไม่ได้โกรธแค้นอะไร มีแต่สามีเก่านี่แหละที่ยังปล่อยวางความรู้สึกไม่ได้ เลยต้องจมอยู่กับความทรงจำเก่าๆ ด้วยความรู้สึกผิดตลอดไป

ฝันรอบนี้นางเอกได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ได้หลุดพ้นจากบ้านสกุลหวงเร็วกว่าเดิม แม่กับพี่สาวก็มีชีวิตที่ดี นางเอกได้เข้าพิธีแต่งงานกับพระเอก ได้เข้าหอ ได้ทำงานด้วยกัน มีลูกบุญธรรม และใช้ชีวิตอย่างอิสระตามใจปรารถนา ชีวิตดี๊ดีจนไม่อยากตื่นจากความฝันเลย แต่ในเมื่อเรียกว่าความฝันเพราะฉะนั้นยังไงก็ต้องตื่นอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ...

มาถึงห้วงฝันที่สามก็ได้รู้สักทีว่าใครคือคนที่สร้างเข็มใบชาโปร่งแสงนี้ขึ้นมา สร้างมาทำไม? แล้วทำไมถึงต้องให้ทุกคนเข้าสู่ห้วงฝันด้วย? แน่นอนว่าก็หนีไม่พ้นเรื่องความอยากเป็นอมตะagain  และสุดท้ายการลงทัณฑ์ด้วยเข็มเกี่ยววิญญาณก็ไม่มีวิธีแก้อย่างที่คาดหวัง(แอบหวังว่าจะมีอะ) ก่อนออกจากห้วงฝันครั้งสุดท้ายนางเอกเลยขอให้พระเอกดึงเข็มออก นางอยากเป็นอิสระไม่อยากถูกกักขังแบบนี้ พระเอกเลยถูกคนตราหน้าว่าโหดเหี้ยมอำมหิต คนที่เคยสนิทก็พากันตีตัวออกหากเพราะสาเหตุนี้ หลังนางเอกไม่อยู่พระเอกก็สร้างรูปปั้นและศาลเทพธิดาให้นางเอก จากนั้นก็เริ่มถอยห่างจากผู้คนไม่ติดต่อไม่พบใคร ตระเวนสร้างรูปปั้นให้คนมาสักการะบูชานางเอกไปทั่ว บอกเลยถ้านางเอกไม่กลับมาหรือกลับมาช้ากว่านี้พี่แกคงได้กลายเป็นปีศาจงูเต็มตัวแน่นอน ...จบจ้า

ป.ล. ข่อยว่าการกระทำพระเอกที่เฝ้าดูนางเอกนี่มันแอบ Stalker อยู่นะ🤣🤣


📍ห้วงฝันบันดาลรัก เล่ม 3-4 ➡️ https://s.shopee.co.th/2LRReyik6z




วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ


天下ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ

ผู้แต่ง : เมิ่งซีสือ

ผู้แปล : เป๋าเป่า

ปก      : 李吉吉

สำนักพิมพ์ Sense Book

ความรู้สึกหลังอ่านจบ (อาจมีสปอยล์)

นายเอกเรื่องนี้ทะลุมิติไปอยู่ในสมัยราชวงศ์หมิง ไปอยู่ในร่างของเด็กชายวัย 13 นามว่า จ้าวซู่ บุตรชายที่เกิดจากสาวใช้ซึ่งมีชีวิตสุดแสนจะลำเค็ญ เพราะแม้จะเป็นบุตรชายคนโต แต่เพราะมารดาไม่มีสถานะใดเป็นเพียงสาวใช้ที่ติดตามของภรรยาเอก จึงทำให้สองแม่ลูกต้องใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบากถูกคนในจวนกลั่นแกล้งและดูถูก เพราะเมียเอกพ่อหรือนายหญิงของจวนเกลียดชังคนทั้งคู่สุดๆ (ได้นอนกับเจ้านายไม่พอ ยังตั้งครรภ์ก่อนภรรยาเอก มิหนำซ้ำยังได้ลูกชายอีก แล้วเมียเอกพ่อจะไม่เจ็บแค้นได้อย่างไร แต่จะไปโทษแม่เจ้าของร่างก็ไม่ได้เพราะนางถูกบังคับอะ ไม่ได้เต็มใจหรืออยากร่วมหลับนอนกับสามีของเจ้านายเสียหน่อย เฮ้ออ) ดังนั้นหลังจากที่พ่อตาย สองแม่ลูกจึงถูกขับไล่ออกจากจวนไปทันที ...พอนายเอกได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ เลยตั้งใจว่าจะทำให้ตัวเองและมารดาของเจ้าของร่างนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้จงได้!

เริ่มจากขึ้นเขาเก็บสมุนไพรขาย พอได้เก็บเงินและได้กินอิ่มท้อง แต่สมัยโบราณอะเนาะ ถ้าอยากยกระดับคุณภาพชีวิตและฐานะของตนเองกับครอบครัวไม่ให้ใครมาดูถูกรังแกก็มีหนทางเดียวคือต้องเป็นขุนนางจ้า นายเอกเลยชอบไปแอบฟังเวลาอาจารย์ในสำนักศึกษาของตระกูลสอนหนังสือ แล้ววันหนึ่งก็ถูกจับได้ เลยถูกเขาพูดจาถากถางดูถูก ซึ่งในขณะที่กำลังใช้เหตุผลโต้เถียงกับคนในตระกูลก็บังเอิญมีคน(ขุนนางที่ถูกให้พักราชการ)มาได้ยินเข้าพอดี อีกฝ่ายถูกใจนายเอกเลยขอรับเป็นศิษย์ 

ชีวิตของนายเอกจึงเริ่มดีขึ้น พอได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ก็ไม่ค่อยมีคนกล้ามาดูถูกแล้ว รายรับในบ้านก็เริ่มมีมากขึ้นจนสามารถเปิดร้านขายขนมให้แม่ได้ จากนั้นนายเอกก็สอบผ่านแต่ละสนามมาเรื่อยๆ จนมาถึงสนามสอบสุดท้ายที่เมืองหลวง พวกผู้ใหญ่ในตระกูลเห็นนายเอกมีแววจะรุ่งโรจน์ก็พยายามเข้าหาอยากผูกมิตร เพราะอยากให้นายเอกกับแม่กลับเข้ามาอยู่ในตระกูล (จริงๆ ชวนมานานแล้วแต่นายเอกปฏิเสธ) จนกระทั่งนายเอกสอบได้อันดับสามและมีตำแหน่งติดตัวกลับมา คนในตระกูลก็พยายามไปเจรจาอีกที เพราะในตระกูลตอนนี้ไม่มีใครได้เป็นขุนนางและไม่มีใครโดดเด่นเท่านายเอกเลย ก็เลยอยากให้นายเอกกลับเข้าตระกูลเผื่อวันหน้าเมื่อนายเอกได้ดีจะได้ดูแล+สนับสนุนคนในตระกูลบ้าง นายเอกรู้ว่าวงศ์ตระกูลคือรากฐานสำคัญ ถ้าจัดการไม่ดีก็อาจถูกคนจับผิดแล้วนำไปใช้ฟ้องร้องได้ เลยไม่ได้พูดจาไม่ดีหรือหักหน้าคนที่มาเจรจาเพราะนายเอกก็อยากให้แม่มีฐานะที่ถูกต้องเช่นกัน 

ผู้อาวุโสในตระกูลเลยไปเจรจากับเมียเอกของพ่อนายเอก บอกข้อดีข้อเสียถ้าหากยกฐานะให้แม่นายเอกเป็นอนุอย่างถูกต้อง แต่อีกฝ่ายคือเกลียดแม่นายเอกกับนายเอกเข้าไส้ ต่อให้ตอนนี้นายเอกจะได้ดีมีตำแหน่งขุนนางและเป็นถึงอาจารย์ของท่านอ๋องน้อยแล้วก็ตาม แต่นางก็ไม่สน นางเชื่อว่าเดี๋ยวรอลูกชายนางสอบติดก็จะได้ดีไม่แพ้ลูกของสาวใช้เหมือนกัน ผู้อาวุโสในตระกูลหมดคำจะพูด เลยไปเสนอให้แม่นายเอกแต่งงานกับป้ายวิญญาณของบุรุษในตระกูลที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ยังไร้ทายาทแทน แบบเปลี่ยนสายเลย ยกนายเอกให้เป็นลูกบุญธรรมคนอื่นในตระกูลไปเลย พอนายเอกไปถามความเห็นแม่ แม่ก็ตกลงทันทีเพราะไม่อยากให้ฐานะตัวเองมาเป็นอุปสรรคขัดขวางอาชีพการงานของลูก

แนวการเมือง การสอบเป็นขุนนางและการไต่เต้าในอาชีพการงานของนายเอก การวางแผน+เล่ห์เหลี่ยมของขุนนางในราชสำนัก ตัวละครในเรื่องบางคนก็มีตัวตนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ อย่างฮ่องเต้ว่านลี่ พ่อกับปู่ของฮ่องเต้ว่านลี่ มหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง ขันทีเฝิงเป่า หรือแม่ทัพชีจี้กวง ประมาณนี้ ถ้าใครเคยอ่านลูบคมองครักษ์สวมรอย, หวนคืนอีกคราสู่ห้วงเวลาแสนงาม, หวังทงองครักษ์เสื้อแพร ก็น่าจะพอคุ้นๆ กับชื่อของตัวละครเหล่านี้บ้าง เป็นช่วงที่ราชวงศ์หมิงกำลังเริ่มตกต่ำ ฮ่องเต้ไม่สนใจงานบริหารบ้านเมือง การทหารหย่อนยานอ่อนแอ ต่อมาก็ถูกข้าศึกรุกรานจนล่มสลาย กลายเป็นราชวงศ์ชิงเข้ามาแทนที่ 

...ตอนที่เราอ่านหวังทง ตัวละครที่ทะลุมิติมาจะเป็นองครักษ์เสื้อแพรไปทางสายบู๊ เลยหนักไปที่การออกศึกสู้รบซะมากกว่า ส่วนมหาอำมาตย์จางจวีเจิ้ง ขันทีเฝิงต้าเป่าที่อ่านเจอในตอนนั้นก็อยู่ในช่วงกำลังรุ่งโรจน์ มีอำนาจในมือเต็มเปี่ยม อายุเริ่มเข้าสู่วัยชรากันหมดแล้ว ส่วนฮ่องเต้ว่านลี่ก็อายุ 13-14 นิสัยจึงยากจะเปลี่ยนแล้ว ถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดภายใต้สายตาและการควบคุมของหลี่ไทเฮากับขันทีเฝิงต้าเป่า และมหาอำมาตย์จางผู้เป็นอาจารย์ เลยเติบโตมาแบบโดดเดี่ยว+กดดัน เหมือนเป็นหุ่นเชิดของคนอื่น ไม่มีอำนาจในมือที่แท้จริง ...ไม่เหมือนกับเรื่องนี้ที่ฮ่องเต้ว่านลี่ได้เจอนายเอกตั้งแต่ 4 ขวบ นอกจากมหาอำมาตย์จางก็มีนายเอกเป็นอาจารย์เพิ่มมาอีกคน (นายเอกอายุมากกว่าฮ่องเต้ 13 ปี) นายเอกมาจากยุคปัจจุบัน ดังนั้นวิธีการสอนเลยค่อนข้างจะสบายๆ เปิดกว้าง ไม่เข้มงวด ไม่เน้นท่องจำ บวกกับความอัธยาศัยดี เป็นกันเอง ไม่เข้มงวดไม่ยึดติด ฮ่องเต้เลยชอบเข้าหาและชอบอยู่กับนายเอกมากว่า นายเอกเลยกลายเป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งเพื่อน และเป็นเสมือนบิดาอีกคนของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ว่านลี่ในเรื่องนี้เลยโตมาแบบร่าเริงซุกซน ไม่อมทุกข์ ไม่หลงใหลในสุรานารี ขยัน เอาการเอางาน ง่ายๆ คือไม่เหมือนกับในประวัติศาสตร์อะ

ตอนที่นายเอกเข้ามาเตรียมสอบในเมืองหลวง ตอนนั้นปู่ของพระเอก(ฮ่องเต้ว่านลี่) ยังอยู่บนบัลลังก์ อันนี้ก็ตามประวัติศาสตร์ ปู่ของพระเอกเป็นฮ่องเต้ที่หลงใหลในการบำเพ็ญพรต ชอบหลอมยาอายุวัฒนะ อยากเป็นอมตะ เป็นฮ่องเต้ที่เก่ง+ฉลาดแต่ไม่สนใจเรื่องบริหารบ้านเมือง มุ่งจะเป็นอมตะ วันๆ เอาแต่เก็บตัวเข้าฌาน ปล่อยให้สภาขุนนางจัดการบริหารบ้านเมืองกันเอาเอง ราชสำนักจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของสองพ่อลูกสกุลเหยียน... 

ส่วนนายเอกเพราะบังเอิญได้ช่วยพระเอกในวัย 4 ขวบที่กำลังหลงทางเอาไว้ เลยทำให้ได้ไปมาหาสู่กับฝั่งของอวี้อ๋อง(พ่อของฮ่องเต้ว่านลี่) จึงถูกประทับตราว่าเป็นคนของอวี้อ๋องไปโดยปริยาย แล้วก็ทำให้เกือบชวดไม่ได้สอบหน้าพระที่นั่ง เพราะถูกฝั่งที่จ้องจะกำจัดอวี้อ๋องยัดข้อหาว่าทุจริตในการสอบให้ เลยถูกองครักษ์เสื้อแพรจับไปขัง ถูกทรมานให้รับสารภาพว่าทุจริต เพราะถ้านายเอกยอมรับ คนข้างตัวของอวี้อ๋องก็จะได้ติดร่างแหถูกสอยไปด้วย แต่พอพระเอกในวัย 4 ขวบรู้ว่านายเอกถูกจับเจ้าคุก ก็ไปขอร้องพ่อให้พาตัวเองเข้าวังไปพบปู่ด้วย จากนั้นพระเอกก็ไปช่วยพูด(อ้อน)ขอร้อง จนทำให้ฮ่องเต้ยอมปล่อยนายเอกออกมา

นายเอกได้เป็นขุนนางควบตำแหน่งอาจารย์ของพระเอก จากนั้นพ่อลูกสกุลเหยียนก็ถูกโค่นล้ม สภาขุนนางตกอยู่ในกำมือของสวีเจียผู้เป็นอาจารย์ของมหาอำมาตย์จาง ต่อมาก็มีเรื่องก่อกบฏเพราะปู่ของพระเอกไม่ยอมแต่งตั้งรัชทายาทสักที ท่านอ๋องอีกคนเลยก่อกบฏแต่ก็ไม่สำเร็จ เป็นไปตามประวัติศาสตร์ คนที่จะได้ครองบัลลังก์ต่อจากปู่ก็คือพ่อของพระเอกนั่นแล พอพ่อพระเอกได้เป็นฮ่องเต้ พระเอกก็ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท พอเป็นรัชทายาทแม่ของพระเอกก็จะให้เปลี่ยนอาจารย์ ตอนแรกพระเอกจะไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ถูกนายเอกกล่อมจนต้องยอม ...การเมืองเริ่มระอุ พอหมดพ่อลูกแซ่เหยียนก็เป็นใต้เท้าสวีกับใต้เท้าเกา นายเอกเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เกา รู้ว่าอาจารย์เราใจร้อน ไม่ค่อยฟังใคร พวกก็น้อย อีกหน่อยคงต้องเกิดปัญหาแน่ นายเอกก็เลยขอย้ายไปเป็นขุนนางต่างถิ่น เพื่อเลี่ยงภัยที่อาจพันมาถึงตัวชั่วคราว (แต่ระหว่างที่ไม่อยู่พระนายก็เขียนจดหมายติดต่อหากันอยู่ตลอดนะ) 

ผ่านไปหลายปีบ้านเมืองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อฮ่องเต้สวรรคต นายเอกเลยต้องกลับเมืองหลวงตามคำสั่งเสียของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ที่บอกว่าหากตัวเองจากไปเมื่อไรก็ให้เรียกนายเอกกลับมา เพราะเดี๋ยวจะไม่มีใครคอยช่วยอาจารย์นายเอกคานอำนาจกับใต้เท้าจาง แต่ยังไม่ทันที่นายเอกจะกลับมาถึงอาจารย์ก็ถูกบีบให้ต้องลาออกจากราชการไปเสียแล้ว ...นายเอกกลับมาเป็นหนึ่งในสภาขุนนางควบตำแหน่งเจ้ากรมโยธา รู้ว่าตัวเองพวกน้อยยังสู้เขาไม่ได้แต่นายเอกก็ไม่ซี เพราะจริงๆ อีกฝั่งก็ไม่ได้แย่หรือเลวร้ายอะไรขนาดนั้น นโยบายหลายๆ เรื่องของเขามันก็ดี เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริง ส่วนที่ไม่ดีมันก็มีบ้าง แต่ถ้าเรื่องไหนดีนายเอกก็พร้อมสนับสนุน ถ้าอันไหนไม่ดีก็แค่ค้าน ไม่ใช่ว่าพออยู่กันคนละฝั่งแล้วก็ค้านมันไปเสียทุกเรื่อง 

แต่นายเอกเรื่องนี้มีความคิดคล้ายกับตัวเอกในเรื่องหวังทงองครักษ์เสื้อแพรตรงจุดที่คิดว่าต้องแก้กฏหมายการค้าทางทะเล ราชสำนักต้องเปิดการค้าขายทางทะเล ต้องสร้างกองทัพเรือ และต้องฟื้นฟูกองทัพให้กลับมาเข้มแข็ง เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าตามประวัติศาสตร์ (คิดว่าน่าจะเป็นจุดที่ชนรุ่นหลังเสียใจมากที่สุด ดังนั้นพอใครย้อนกลับไปในช่วงเวลานี้ก็เลยอยากจะแก้ไข อยากพัฒนาเรื่องพวกนี้มากที่สุด) แต่เรื่องนี้นายเอกจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เปลี่ยน ค่อยๆ ปลูกฝัง ค่อยๆ พัฒนาปรับปรุงแก้ไข แต่ของหวังทงนี่จะโหดกว่า เพราะนอกจากจะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง สร้างเรือรบ พัฒนาอาวุธ เปิดการค้าทางทะเลและบลาๆ พี่แกก็ยังออกไปจัดการพวกชนเผ่านอกด่านที่จะมารุกรานซะแทบเหี้ยน จากนั้นก็ขุดรากถอนโคนสังหารว่าที่ปฐมกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ชิงทิ้งไปเลยจ้า ...

มาพูดถึงความรักบ้าง เรื่องนี้พระเอกเป็นฝ่ายชอบนายเอกก่อน แต่ถึงจะรู้ใจตัวเองแล้วแต่พระเอกก็ยังต้องแต่งงานมีลูกตามหน้าที่ของฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้ว่านลี่ในเรื่องนี้ไม่ได้ลุ่มหลงในสุรานารีหรือมีสนมคนโปรดนะ สตรีในวังหลังก็น้อยนิด เพราะพระเอกไม่ชอบใครนอกจากนายเอก พอได้ลูกชายไว้สืบทอดก็จบ พอและ ไม่มีลูกเพิ่มและ ส่วนนายเอกก็แต่งงานมีลูกตามปกติเหมือนกัน แต่งในตอนที่ยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับพระเอก แต่งก่อนที่พระเอกจะเผยความรู้สึก แต่แต่งก็เหมือนไม่ได้แต่งอะ เพราะตัวละครหญิงหรือภรรยาของพระนายแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย ภรรยานายเอกเป็นบุตรอนุตระกูลเฉิน นิสัยขี้ขลาด หัวอ่อน ไม่ชอบเข้าสังคม แต่งมาแทนบุตรสาวภรรยาเอกที่ตายจากไป(บุตรสาวภรรยาเอกเคยหมั้นกับนายเอกมาก่อน) ก่อนแต่งเลยเจอญาติพี่น้องพูดกดดันมาอย่างหนัก เพราะนายเอกอนาคตไกลมีแต่คนอยากแต่งด้วยไง คนในตระกูลเลยยิ่งอิจฉาแล้วชอบมาพูดแดกดันทำให้นางจิตตก หลังคลอดลูกภรรยานายเอกก็ร่างกายทรุดโทรม ป่วยบ่อย นายเอกเลยให้ภรรยากลับไปอยู่กับแม่(ของนายเอก)ที่บ้านเดิม ตอนแรกที่บ้านจะให้นายเอกแต่งอนุเพิ่ม เพื่อจะได้มีคนช่วยดูแลลูก แต่นายเอกไม่อยากแต่งอนุเข้ามาให้วุ่นวาย เลยเอาลูกมาเลี้ยงที่เมืองหลวงเอง

ลูกนายเอกถึงจะเป็นฝาแฝดแต่ก็มีบุคลิกและความชอบแตกต่างกัน ส่วนลูกชายพระเอกเกิดที่หลัง พอเริ่มรู้ความ พระเอกก็ยกลูกให้นายเอกอบรมสั่งสอนให้เป็นลูกศิษย์ของนายเอกอีกคน คือพระเอกจะคิดเผื่อนายเอกเสมอ ตอนที่นายเอกพรรคพวกยังน้อย พระเอกก็ให้นายเอกไปเป็นคนคุมสอบ เพื่อที่นายเอกจะได้กลายเป็นอาจารย์ของคนที่สอบได้ในรุ่นนั้น จะได้มีพรรคพวกไว้ต่อกรกับใต้เท้าจาง และที่ให้นายเอกเป็นอาจารย์ของบุตรชาย ก็เผื่อวันหน้าหากตัวเองจากไปก่อนนายเอกจะได้มีตำแหน่งอาจารย์ของฮ่องเต้คอยปกป้อง ขุนนางในเมืองหลวงส่วนใหญ่คือรู้แหละว่าฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างนายเอก นายเอกมีฮ่องเต้หนุน เวลาเรียกนายเอกฮ่องเต้จะเรียกว่าอาจารย์จ้าวนะ ไม่เหมือนตอนเรียกขุนนางคนอื่นๆ แบบให้ความสนิทสนมกับนายเอกมากกว่าใคร (แต่เวลาอยู่กันสองคนจะเรียก 'ซู่ซู่' 55) ตอนนายเอกลาออกจากราชการเพื่อถอยออกมาหลบภัยชั่วคราว พระเอกก็ให้องครักษ์เสื้อแพรคอยติดตามคุ้มกันนายเอกกลับบ้านไปด้วย(อยู่ยาว นายเอกกลับมาเมื่อไรก็ค่อยกลับ) ตอนแรกคนก็นึกว่าพอลาออกนายเอกจะหมดอำนาจไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้แล้วรึเปล่า แต่พอเห็นองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้นแหละ...หึหึ

ป.ล. สารภาพว่าตอนแรกเรานึกว่านายเอกเป็นพระเอกนะ คือเราดูจากฉากที่ฮ่องเต้ยอมเป็นฝ่ายรับก่อนอะ แต่อ่านไปอ่านมาอืมไม่น่าจะใช่และ 55


📍ขุนนางพลิกแผ่นดิน 5 เล่มจบ ➡️ https://s.shopee.co.th/2g42IQ18bY